คุยกับแท็กซี่

นั่งแท็กซี่ไปทำธุระกลางเมือง  เรียกรถด้วย grab  ผมเดินทางจากฝั่งธนฯ ถนนจอมทอง ไปสามย่าน ไปสัมมนา  ค่ารถในระบบแจ้งไว้ 169 บาท  คนขับเลือกใช้เส้นทาง ถ.จอมทอง เจริญนคร สะพานสาธร สาธรเหนือ สีลม สุรวงศ์ สามย่าน

 

ระหว่างทางเลยถามคนขับว่าขับอยู่แถวไหนประจำ  คนขับบอกว่าขับสีลมประจำ  ก็เลยถามต่อว่า  คอนโดย่านไหนที่เดินทางง่ายที่สุด เข้าออกง่าย ขึ้นทางด่วนง่าย  มีช่องทางหลบหรือทางลัดสะดวก  คนขับเลยแนะนำ ซอยสาทร12  ซอยนี้มีคอนโดประมาณ 3 แท่ง 1ใน3 ชื่อว่า the address ในตรอกนี้ทะลุไปสีลม  เป็นซอยที่มีถนนกว้างที่สุดในถนนสาทร  รถแท็กซี่และคนขับ grab มักจะมาจอดกินข้าวในซอยนี้  หลายคนใช้เป็นที่พักรถระหว่างรอลูกค้าเรียกรถ

 

การเดินทางด้วยแท็กซี่เป็นสิ่งที่ผมทำไม่บ่อย  แต่เมื่อมีโอกาสก็จะคุยหรือถามคนขับเพื่อขอความรู้เขาเป็นบางเรื่อง  อย่างรอบนี้ก็คุยเรื่องคอนโด  ครั้งที่แล้วได้คุยกับคนขับที่มีอาชีพเก่าเป็นคนขับรถส่งของ  ก็ได้ความรู้เรื่องการยักยอกน้ำมันของนายจ้าง   ความรู้แปลกๆจากตัวจริงเสียงจริงมีคุณค่าให้ประดับสมอง

เที่ยวสิงคโปร์ ตอนที่ 2 ไปสวนสัตว์

เราตื่นเช้าวันใหม่ หลังจากกินมื้อเช้าที่โรงแรมแล้วก็เดินทางมาที่สวนสัตว์ ซึ่งอยู่ไกลจากที่พักเหลือเกิน  การเดินทางที่เคยตั้งใจว่าจะนั่งรถเมล์ก็เปลี่ยนเป็นแท็กซี่แทน เพราะการพาลูกไปขึ้นรถเมล์ดูจะเป็นการลำบากเกินไป  เนื่องจากจำนวนคนที่รอที่ป้ายรถเมล์ และสภาพบนรถเมล์ไม่น่าเข้าไปเบียดสักเท่าไหร่ ยิ่งมีรถเข็นเด็กด้วยแล้วยิ่งดูลำบาก เราก็เลยเดินทางด้วยแท็กซี่ และก็โดนค่าแท็กซี่ไปพันกว่าบาท

IMG_2199.JPG

สวนสัตว์ที่สิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับว่าดูแลสัตว์ได้ดีระดับต้นๆของโลก  การจัดการภายในสวนสัตว์มีระเบียบเรียบร้อย ดูปลอดภัยและน่าเที่ยว  การจัดเส้นทางต่างๆก็มีส่วนที่เดินสบาย แม้ว่าอากาศจะร้อนไปหน่อย แต่ความร่มรื่น ต้นไม้เยอะก็ช่วยให้เราทนไหว  เสือขาวอยู่ในพื้นที่ของมัน จุดยืนดูของคนจะถูกจัดสรรเอาไว้ค่อนข้างปลอดภัย มีคูน้ำขนาดกว้างกันเอาไว้ระหว่างพื้นที่เสือกับพื้นที่คน  ให้ความมั่นใจว่าเสือคงไม่กระโดดข้ามมาหรือว่ายน้ำข้ามมา

IMG_2209.JPG

สัตว์บางตัวเราก็เพิ่งเคยเห็นจากที่นี่  แม้ว่าเมืองไทยจะมีเขาดิน มีซาฟารีเวิลด์  มีสวนสัตว์เขาเขียว แต่สัตว์ของสวนสัตว์สิงคโปร์ก็มีความแตกต่างไปจากในเมืองไทยพอสมควร  วูฟเวอรีนที่เป็นตัวละครในหนัง x-men มันเป็นสัตว์หน้าตาแบบนี้เองผมก็เพิ่งจะเคยเห็น  ถ่ายรูปมาได้เพียงป้ายบอก เพราะตัวจริงในสวนสัตว์ดูขี้อายไม่ค่อยอยากโชว์ตัว

IMG_2216.JPG

เราเดินเที่ยว แวะดูตามจุดแสดงสารพัดชนิดสัตว์  แวะกินข้าว บ้างก็นั่งรถบัสอำนวยความสะดวกอย่างสนุกสนาน  การกินข้าวในสวนสัตว์ก็ไม่ได้ยากเย็นมาก  ถ้าเรามากินก่อนเวลาเที่ยง เราก็พอจะมีพื้นที่นั่งสบายๆ  แต่ถึงจังหวะเที่ยงที่ทุกคนกินข้าว เราก็ไม่ได้เบียดเสียดหรือต้องต่อสู้กับผู้คนล้นหลาม  เพราะการท่องเที่ยวในสิงคโปร์ไม่ได้มีอาการแย่งกันเที่ยว แย่งกันกิน แย่งกันใช้  อาจจะเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดา และอาจจะเพราะสวนสัตว์สิงคโปร์ไม่ได้โด่งดังเป็นเป็นจุดต้องแวะให้ได้

IMG_2227.JPG

ขอบฟ้าลูกชายแสนซน มาเที่ยวสวนสัตว์แต่ก็ตาไวเห็นเครื่องเล่นที่ดูเหมือนสวนสนุก ก็ขอเล่น และก็ติดอกติดใจซะเหลือเกิน  เป็นการเดินเที่ยวสวนสัตว์ที่คุ้มค่าที่สุดของขอบฟ้า  เพราะไปสวนสัตว์อื่นๆที่ผ่านมาก็ไม่เคยเจอเครื่องเล่นแนวนี้เลย

IMG_2238.JPG

พอได้เวลาบ่ายแก่ๆ ขอบฟ้าเริ่มเหนื่อยและหลับไปในที่สุด การเดินทางกลับที่พักก็เลยต้องใช้แท็กซี่เช่นเคย  แท็กซี่ที่นี่เป็นรถใหม่ๆสวยๆ มีรถหลากหลายให้เราเลือก บางคันก็อัตราปกติ บางคันก็มีอัตราค่าบริการที่สูงขึ้นด้วยเงื่อนไขบางอย่าง  รถหน้าตาแพงก็จะมีค่าโดยสารที่สูงกว่ารถหน้าตาถูก  ผมก็ไม่รู้ว่าเขามีวิธีคิดยังไง  เรายืนรอคิวอยู่เห็นรถหน้าตาถูกผ่านไปหลายคัน จนถึงคิวของเรา เราโดนรถแพงเข้าจนได้

IMG_2245.JPG

เราก็ได้นั่งอัลพาธก็คราวนี้เอง  สิ่งที่เหมือนกันในแท็กซี่สิงคโปร์ก็คือ คนขับไม่มียูนิฟอร์ม  แต่งตัวเหมือนเรานั่นเอง  และมีอุปกรณ์สื่อสารเต็มไปหมด  มีโทรศัพท์กันคนละสามเครื่องเป็นอย่างน้อย  คือ 1 เครื่องติดตัวเอาไว้คุย อีกสองเครื่องติดไว้ที่กระจกรถเอาไว้เปิด app เรียกแท็กซี่  มีโทรศัพท์มือถือโบราณด้วยที่ผมไม่รู้ว่าเอาไว้ทำอะไร มีเครื่องอ่านบัตรเครดิต  มีกล้องหน้า กล้องหลัง ทุกอุปกรณ์ใช้ที่ชาร์จเสียบไว้  ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าช่องเสียบไฟในรถเขาจะมีกี่ช่อง

IMG_2248.JPG

ตอนเย็นเราก็กลับมาที่พักของเราด้วยความเหนื่อยอ่อน แวะมาเดินตลาดฝั่งตรงข้ามที่พัก หาของกิน และร้านข้าวที่ชื่อ นคร หรือ nakhon ดูป้ายดูชื่อก็รู้ว่าเป็นร้านอาหารไทย มีคนต่อคิวรอกินจำนวนมาก  เราเป็นคนไทยก็ขอผ่านไม่แวะดีกว่า  เพราะเราอยากมาสัมผัสสิงคโปร์ อยากกินอาหารสิงคโปร์ทุกมื้อมากกว่า  แต่ภาพที่เห็นก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า อาหารไทยเป็นสิ่งที่ถูกปากคนทั่วโลกจริงๆ

ขอปิดตอนด้วยภาพแรกของวันนะครับ

IMG_2201.JPG

ย้อนดูตอนที่ 1 เที่ยวสิงคโปร์ เขามีทุกอย่างที่อยากมี

แท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร

เรื่องแท็กซี่ไม่รับผู้โดยสารเป็นเรื่องน่าเบื่อของคนกรุงเทพ ทางการเขารณรงค์ไม่อยากให้ใช้รถยนต์ส่วนตัวเพื่อลดปัญหาการจราจร แต่ดันเจอกับแท็กซี่นิสัยเสีย โบกมาจอดบอกปลายทางแล้วไม่ยอมไปมันน่าโมโห พอเจอกับตัวเองก็เลยเข้าใจ

วันดีคืนดีผมก็อยากนั่งแท็กซี่เพราะขี้เกียจขับรถ ออกจากบ้านไปรอที่ปากซอย ข้ามถนนไปเรียกแท็กซี่อีกฝั่งหนึ่งเพื่อจะได้ไม่ต้องให้แท็กซี่กลับรถ เรียกปุ๊ป จอดปั๊ม โชคดีที่รอไม่นาน ไปบางขุนนนท์ครับ แท็กซี่บอกไม่ไป ผมก็เลยต้องเรียกคันใหม่ แต่ก่อนที่แท็กซี่จะวิ่งออกไปก็จำเลขทะเบียนไว้ เพราะจำได้ว่าเคยอ่านในเน็ต ถ้าเจอแท็กซี่ไม่รับผู้โดยสารให้ร้องเรียนที่เบอร์ 1584

วันที่ 19 เดือน ธันวาคม 2554 เวลา 19.10 น. ผมเรียกแท็กซี่่แล้วไม่ไป วันเดียวกันหลังจากเสร็จธุระก็เลยไปร้องเรียน 1584 แล้วก็ขอข้อมูลติดตามผล เจ้าหน้าที่ให้เบอร์ 022718888 ต่อ 3416 เอาไว้ติดตามเรื่อง คนรับเรื่องชื่อ หัสรัส

วันที่ 29 ธันวาคม 2554 10.40 น. ผมโทรไปเบอร์ 022718888 ต่อ 3416 มีเจ้าหน้าที่รับสาย ผมบอกว่า ติดตามเรื่องร้องเรียนแท็กซี่ เจ้าหน้าที่ถามเลขทะเบียน ผมก็ตอบไป เจ้าหน้าที่ถามว่าร้องเรียนเมื่อไหร่ ผมก็แปลกใจกับคำถามนี้ เพราะทางศูนย์ร้องเรียนควรจะมีบันทึกเอาไว้ เลยถามกลับไปว่า ปกติมันมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่ตอบมาดังนี้ พอมีการร้องเรียน ทางศูนย์จะออกจดหมายเรียกไปที่เจ้าของรถ แล้วรอ 15 วันให้มารายงานตัว ถ้ามารายงานตัวก็จะโดนปรับ 500 ถ้ามารายงานตัวแล้วปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับมายังผู้ร้องเรียนเพื่อสอบถาม ถ้าแท็กซี่ยังไม่รับผิดจะส่งเรื่องเข้า สน. ถ้าไม่มารายงานตัวจะเป็นอย่างไรผมก็ลืมถามไป และผมก็ไม่ได้ถามต่อว่าถ้าเรื่องไปถึง สน. แล้วจะต้องทำอย่างไรต่อ คิดว่าครบ 15 วันแล้วค่อยโทรถามอีกครั้ง