เที่ยวเขาค้อสามวันสองคืน

ทริปปิดเทอมของบ้านเรารอบนี้เลือกกันว่าจะไปภูเขากันบ้าง เพราะปกติจะวนเวียนอยู่แถวทะเลเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยจิ้มไปที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ลูกยังไม่เคยไป คุณภรรยาก็จัดแจงเลือกที่พัก โดยเน้นไปที่การพักในจุดที่วิวสวยและได้ดูทะเลหมอก ทริปของเรารอบนี้เดินทางกันสามคนพ่อแม่ลูก กับรถคันเดิม ฮอนด้าฟรีดที่ใช้มายาวนาน

เราเลือกออกเดินทางหกโมงเช้าวันพุธ ซึ่งเป็นวันกลางสัปดาห์เพื่อที่จะไม่ต้องพบกับคนเยอะ เนื่องจากปลายสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดยาว ผู้คนคงเดินทางออกต่างจังหวัดกันเป็นจำนวนมาก การออกไปเที่ยวก่อนแล้วกลับตอนที่คนอื่นกำลังไปเที่ยวก็ทำให้ไม่ต้องพบกับคนเยอะที่แย่งกันเที่ยว สังเกตุได้ว่า ปั๊มน้ำมันแต่ละจุด ร้านกาแฟแต่ละแห่งที่เราได้แวะจะไม่ค่อยแน่นมาก มีที่ให้จอดเพียงพอ จะกินจะแวะก็ง่ายไปหมด

IMG_20231018_162159

เลือกใช้เส้นทางกรุงเทพ ปทุมธานี สระบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ โดยขับรถไปจอดพักเที่ยวที่แรกที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกหมาดๆไม่ถึงเดือน ที่นี่ดูไปก็คล้ายอยุธยา แต่มีรถนำเที่ยวบริการ ภายในเป็นสิ่งก่อสร้างทรงโบราณที่ผุพัง ดูเหมือนวัด ดูเหมือนวัง สถานที่นี้มีพื้นที่ไม่มาก อากาศเย็นสบาย เดินเล่น 1 ชม ก็ครบแล้ว ค่าเข้าชมโบราณสถาน ผู้ใหญ่คนละ 20 เด็กไม่คิดเงิน ค่าจอดรถ 50 บาทต่อคัน

20231011113710_IMG_7744
20231011115231_IMG_7778
20231011115726_IMG_7789

หากเราค้นหาเส้นทางใน google maps ระบบจะปักหมุดให้เราไปที่ศาลเจ้า ไม่ใช่ส่วนที่เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ คนปักหมุดคนแรกคงทำผิดพลาดและไม่มีใครแก้ไขด้วย

เมื่อออกจากอุทยานเราก็มุ่งหน้าเดินทางต่อเพื่อไปเขาค้อ ใช้ถนนหมายเลข 21 เป็นหลัก โดยพวกเราตัดสินใจแวะซื้อกาแฟที่ร้าน ร้านกาแฟ chanan เป็นร้านที่ตกแต่งได้สวย ภายนอกก็มีมุมถ่ายรูป ภายในก็มีจุดนั่งชมวิวสวนต้นไม้ ลักษณะกาแฟที่ร้านนี้มีทั้งกาแฟชงเป็นแก้วปกติ และมีกาแฟดริ๊ป แหล่งที่มาของกาแฟก็มีหลายพื้นที่ หลายประเทศ ดูที่ซองก็สวยดีแต่ไม่ได้ชิม เพราะรู้สึกไม่อยากนั่งนานเกินไป อยากจะรีบเดินทางมากกว่า

20231011133006_IMG_7840

20231011134308_IMG_7872
20231011133420_IMG_7858

20231011134607_IMG_7877

ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าเขาค้อ ปักหมุดไปที่รีสอร์ตที่จองไว้ชื่อ wide space farm โดยแวะเติมน้ำมันที่ถนนใกล้ๆที่พัก ลักษณะถนนตอนที่ใกล้ที่พักจะเป็นทางขึ้นเขา ระหว่างที่ขับก็รู้สึกว่าเครื่องยนต์จะใช้กำลังเยอะกว่าทางราบ บางจุดบางมุมก็เป็นทางชันที่ทำความเร็วไม่ได้ มีจังหวะให้ใช้เกียร์ต่ำช่วยวิ่งอยู่หลายครั้ง ห้ากิโลเมตรสุดท้ายเป็นทางวิ่งบนเขา ทางเล็ก แคบ เลี้ยวไปเลี้ยวมา รถทำความเร็วไม่ได้เลย และแทบจะต้องใช้เกียร์ต่ำตลอดเวลา มีช่วงใกล้ถึงที่พักรถเราวิ่งเกียร์ต่ำมานานหลายนาที หน้าปัดรถยนต์ก็มีไฟความร้อนโชว์ขึ้นมา รถกำลังบอกเราว่าเครื่องยนต์มีอาการฮีท หรือความร้อนขึ้น ไฟโชว์โผล่มาเตือนเราอยู่ประมาณ 1 นาที พอสังเกตุเห็นก็รีบชะลอ หาที่จอด รอรถระบายความร้อนนิดหน่อย ไฟเตือนดับก็วิ่งต่อ ทำเอากังวลกันไปทั้งคันรถ ระหว่างทางเข้าที่พักมีจุดชมวิวกังหันลมด้วยก็ถือโอกาสพักรถดูสถานการณ์นิดหน่อย ไฟความร้อนดับแล้ว เราจอดรถถ่ายรูปเล่นซะเลย

IMG_20231011_211807
20231011163306_IMG_7933

วิวกังหันก็ควรจะถ่ายแล้วเห็นกังหันลมบ้าง เห็นวิวที่ตีนเขาบ้าง เป็นจุดที่ลมพัดเย็นสบาย ถ่ายรูปสนุก ท้องฟ้ามีเมฆเป็นหย่อมๆที่ถูกลมพัด เมฆลอยให้เห็น เงาเมฆเคลื่อนตัวไปตามแรงลม ดูเพลินสายตาดีมาก

ที่พักวันนี้อยู่ติดกับกังหันลม ลักษณะเป็นเต๊นท์ขนาดใหญ่ แน่นหนา มีแอร์ในเต๊นท์ด้วย แต่อากาศวันนี้เย็นสบาย และลมแรง นั่งนานๆก็หนาวใช้ได้เลย ตอนเย็นๆจะอาบน้ำก็เย็นมาก เครื่องทำน้ำอุ่นของที่นี่เป็นระบบแก๊ส เพราะว่าไฟฟ้าบนเขามีจำกัด และไม่เพียงพอจะใช้กับเครื่องทำน้ำร้อนแบบไฟฟ้า เพิ่งรู้ว่ามีเครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้แก๊สด้วย

20231011171446_IMG_7957
20231011171426_IMG_7956
20231011171415_IMG_7955

ที่นี่ยิ่งเย็นยิ่งอากาศหนาว ประกอบกับมีลมพัดตลอดเวลา ทำให้หนาวจนต้องใส่เสื้อกันหนาว และมื้อเย็นเราก็สั่งหมูกระทะมากินกัน เป็นการกินหมูกระทะบนดอยที่ต้องใส่เสื้อกันหนาวด้วย มันเป็นความเย็นที่น่าประทับใจมากๆ หลังจากอิ่มกันแล้วก็นั่งดูวิว สัมผัสความเย็นไปเรื่อยๆ ดูวิวจนแสงหมด และทุกคนไม่กล้าอาบน้ำในอ่างที่รีสอร์ตเตรียมไว้ให้ เพราะมันเย็นเกินไป เราทุกคนอาบน้ำผ่านฝักบัวเครื่องทำน้ำอุ่นแล้วรีบเข้าเต๊นท์ อากาศมันเย็นมาก เย็นจนไม่ต้องเปิดแอร์ เย็นจนไม่ต้องเปิดหน้าต่างของเต๊นท์เลยด้วย เปิดผ้าใบเต๊นท์แค่พอให้อากาศถ่ายเทได้ก็เย็นมากแล้ว ดูอุณหภูมิจากโทรศัพท์ก็เห็นตัวเลขประมาณ 25 องศา แต่ลมพัดตลอดเวลา มันเลยหนาว

20231011184708_IMG_8022
IMG_20231011_212147
20231011193657_IMG_8063

วันที่สอง เราตื่นมาตอนเช้ามืด ดูวิวท้องฟ้าค่อยๆสว่าง พระอาทิตย์ขึ้นอยู่หลังแนวภูเขา มีเมฆบังเล็กน้อย หยิบกล้อง Gopro9 มาตั้งถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นแบบ Timelapse ขณะเดียวกัน กล้อง Dslr อีกตัวอย่าง Eos 6d ก็ทำหน้าที่เก็บภาพนิ่งตอนเช้ามืดนี้ ท้องฟ้าค่อยๆมีสีสัน ภาพคน ภาพแม่ลูก ภาพครอบครัวเราสามคนก็ค่อยๆถ่ายกัน แสงเช้าก่อนจะสว่างเต็มที่จะมีนาทีแสงสวยมากเพียงแค่สั้นๆ ต้องรีบถ่ายให้ทัน โดยรวมเราได้ภาพสวยถูกใจ คลิปวิดีโอจาก Gopro9 ก็ดูน่าตื่นเต้นมาก สิ่งเดียวที่ขาดไปในเช้านี้คือหมอก วันนี้เราไม่เห็นหมอก ไม่มีทะเลหมอก

20231012072806_IMG_8074
20231012072614_IMG_8072

20231012073143_IMG_8080

รีสอร์ตที่นี่ให้กาแฟจริงจังมาก มีทั้งแบบซอง 3 in 1 และแบบดริ๊ป ตัวกาแฟดริ๊ปจะเป็นกาแฟบดจากดอยปางขอน กาต้มน้ำปากแหลมก็มีให้ใช้ มีเทอโมมิเตอร์สำหรับวัดน้ำในกาด้วย มีเตาให้ลูกค้าต้มน้ำกันสนุกเลย

20231012091720_IMG_8119
IMG_20231012_191342

หลังจากกินข้าวเช้าและนั่งมองวิว เรานั่งเล่นเน็ตท่ามกลางสายลมบนดอยอยู่พักใหญ่จากนั้นก็เก็บกระเป๋าเดินทางต่อ แวะถ่ายรูปคนกับรถกับจุดชมวิวกันอีกครั้ง ทุ่งกังหันอยู่บนดอย แม้ทางจะไม่โหดร้ายเหมือนภูทับเบิกแต่ก็อาจจะทำให้รถที่แบกน้ำหนักเยอะวิ่งขึ้นมาแล้วความร้อนขึ้น คนขับรถต้องสังเกตุหน้าจอของรถให้ดี ป้องกันรถพังกลางทาง

20231012121258_IMG_8172

จากนั้นก็ไปเที่ยวที่ฟาร์มดอกไม้ ไฮเดรนเยีย คาเฟ่ เขาค้อ – Hydrangea Cafe ที่นี่คือทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ ดอกไม้สีสวยได้รับการดูแลอย่างดี คนที่นี่เขาเอาภูเขาทั้งลูกไปปลูกดอกไม้เพื่อให้นักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูป เงินค่าเข้าสถานที่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดค่าเครื่องดื่มได้

IMG_20231012_182016
20231012123929_IMG_8239
20231012121429_IMG_8181
20231012124337_IMG_8254
20231012125135_IMG_8287

เราไปแวะกินมื้อเที่ยงกันที่ร้าน pinolatte ซึ่งเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่ตกแต่งได้สวยราวกับเป็นร้านย่านทองหล่อ วิวภูเขาสวย ที่นั่งชมวิวมีคนเต็มแทบตลอดเวลา อาหารสไตล์ฝรั่ง มีอาหารไทยอยู่บ้าง มีกระเพราเนื้อให้สั่งด้วย ส่วนราคาอาหารก็ระดับกรุงเทพกลางเมืองเลย

dpp-IMG_8288
20231012141541_IMG_8298
20231012135806_IMG_8296
20231012135735_IMG_8292

อิ่มแล้วก็แวะมาไหว้พระที่พระธาตุผาซ่อนแก้วซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน เรามองเห็นวัดตั้งแต่นั่งชมวิวที่ร้านอาหารแล้ว วัดแห่งนี้นักท่องเที่ยวเยอะมาก คาดว่าถ้าเป็นวันหยุดยาว หรือแค่เสาร์อาทิตย์ก็คงคนเยอะมากระดับน่าเบื่อเลย เพราะแค่วันธรรมดาที่เราแวะมาก็ดูมีคนเยอะ จุดเด่นของวัดนี้คือมีพระพุทธรูปรูปร่างประหลาด มีการประดับตัวตึกด้วยกระจกกระเบื้องเยอะจนดูเหมือนเป็นของแปลก

20231012145137_IMG_8330
20231012145721_IMG_8345
20231012150102_IMG_8354
20231012150249_IMG_8360

สิ่งที่ผมไม่ชอบเลยกับวัดแห่งนี้คือเขาบังคับให้เดินเท้าเปล่าในพื้นที่วัด ซึ่งตอนบ่ายสองแดดแรงๆ เราจะไม่สามารถยืนบนกระเบื้องตรงๆได้เลย มันร้อนมาก

ออกจากวัดเราก็เข้าที่พักอีกจุดคือโรงแรม the sense ที่นี่เป็นโรงแรมระดับห้าดาว ห้องพักสวย วิวสวย และที่นี่คือจุดที่เราคาดหวังไว้ว่าจะดูทะเลหมอกและถ่ายรูปมุมสวยๆที่เราเลือกมาแล้วจากกรุงเทพ คุณภรรยาเลือกจองห้องที่คาดว่าจะให้ภาพสวย

IMG_8592
dpp-IMG_8378
dpp-IMG_8424
2023-10-14_08-56-45
dpp-IMG_8429
dpp-IMG_8444

มื้อเย็นเรากินอาหารในที่พัก ห้องอาหารดูดี วิวสวยเช่นกัน คุณภาพอาหารระดับโรงแรม ราคาก็โรงแรม แต่มันก็สมราคา นอกจากวิวแล้วผมชอบอินเทอเน็ตที่โรงแรมนี้มาก ระบบ wifi ของโรงแรมทำได้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ดีมากและก็ข้อมูลวิ่งเร็วมากเช่นกัน หลังจากมื้อเย็นพอแสงหมดแล้วเราก็ใช้เวลาในห้องพัก เล่นเกมส์ เล่นเน็ต และลุ้นกันว่าพรุ่งนี้จะมีทะเลหมอกไหม

20231013061737_IMG_8479

เช้ามืดตื่นขึ้นมาตีห้า เราได้เห็นทะเลหมอกกันเต็มตา นั่งมองนั่งดูกันจนสว่างเลย ถ่ายรูปกันหลายมุม เก็บภาพกันให้คุ้มกับที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาที่นี่ วิวทะเลหมอกอยู่กับเรานานเป็นชั่วโมง มีเวลาให้ค่อยๆชื่นชม เปลี่ยนเลนส์ถ่ายรูปเล่นกัน เลนส์วาย เลนส์เทเล่สลับกันทำหน้าที่

dpp2-IMG_7274
dpp-IMG_8507
dpp-IMG_8554

ที่โรงแรมแห่งนี้ก็มีระเบียงสำหรับนั่งชมทะเลหมอก มีเสื่อเตรียมไว้สำหรับใช้ปูนอนหน้าระเบียง เขาออกแบบมาแล้วว่าอยากให้แขกมีประสบการณ์แบบนี้ และบ้านเราก็เลือกมาแล้วว่าห้องพักห้องนี้ ริมระเบียงของห้องนี้ที่เราจะใช้เก็บภาพกัน แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวเลยว่าห้องพักหมายเลข9 คือวิวริมระเบียงที่สวยสำหรับการถ่ายรูป ผมไปยืนถ่ายรูปจากทางเดินห่างห้องพักไปสัก 20 เมตรเลย

dpp-IMG_8587

อาหารเช้าแบบสั่งได้ไม่อั้น เลือกจากเมนู คุณภาพอาหารดีมาก แต่ผมก็ยังชอบกินข้าวกะเพราไข่ดาวอยู่ดี มันไม่ใช่เมนูสิ้นคิด แต่มันเป็นเมนูระดับวัฒนธรรมแห่งชาติของคนไทย

dpp-IMG_8624

ก่อนกลับก็ถ่ายรูปที่ริมระเบียงกันอีกสักหน่อย โรงแรมนี้ราคาไม่ถูก และคนเข้าพักก็เต็มตลอดวันหยุด ขับรถเข้าถึงได้ไม่ยาก เส้นทางถนนดีตลอดทาง ไม่ต้องขึ้นเขาชันๆด้วย

ขากลับเราแวะซื้อของฝากไร่บีเอ็น มีกาแฟร้าน taproot ที่ออกแบบร้านสวยมาก ดูแล้วอยากนั่งนานๆเลย

dpp-IMG_8627
dpp-IMG_8670
dpp-IMG_8632
dpp-IMG_8645

แนะนำให้ลองชิมกาแฟลิ้นจี่ เป็นการรวมกันที่อร่อยมาก ผมว่ามันน่าสนใจไม่แพ้กาแฟน้ำส้มที่ฮิตกัน และเมนูนี้ก็เป็นเมนูเด่นของที่นี่ ซึ่งก็คงเป็นเพราะไร่บีเอ็นปลูกลิ้นจี่ด้วยนั่นเอง

dpp-IMG_8673

ออกจากที่นี่เราก็ขับรถมั่งหน้ากลับกรุงเทพ เส้นทางขากลับก็รถไม่ติด เพราะรีบชิงเที่ยวก่อน กลับก่อน หลบนักท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวได้เยอะมากเลย

ทริปนี้ระยะทางรวมทั้งหมด 1118 กิโลเมตร  เราเติมน้ำมัน e20 ไปทั้งหมด  91 ลิตร  คิดเป็นอัตราสิ้นเปลือง  12.28 กิโลเมตรต่อลิตร คำนวณด้วยค่าน้ำมันประมาณ ลิตรละ 36 บาท ก็จะเป็นเงิน 3276 บาท

IMG_20231016_172257_311