ลดน้ำหนักง่ายๆแบบคนขี้เกียจ ตอนที่3 เลือกวิธี

การลดน้ำหนักมีหลายวิธี  แต่วิธีหนึ่งที่จะไม่ทำเด็ดขาดเลยคือการลดด้วยการกินยา  ด้วยคำขู่มากมายว่ากินยาแล้วลดได้แต่มันจะโยโย่  มันจะผอมแป๊ปเดียวแล้วน้ำหนักก็จะขึ้น แม้ผมจะไม่เคยทดลองกินยา  แต่ก็กลัว  กลัวว่าจะมีผลข้างเคียงอื่นๆที่เราคงไม่ปลื้ม  และอีกอย่าง ก็ไม่รู้จะกินยาอะไร  หายาจากที่ไหน ในชีวิตไม่เคยเข้าคลีนิคเกี่ยวกับการลดน้ำหนักและคลีนิคเกี่ยวกับความงามใดๆเลย

benjakittiP1100770

วิธีออกกำลัง วิธีนี้เป็นวิธีที่เป็นความหวังของคนส่วนใหญ่  อยากผอมให้ออกกำลังกาย  อยากตัวใหญ่ให้ออกกำลังกาย  การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษทำให้ตัวเล็กก็ได้  ทำให้ตัวใหญ่ก็ได้  ผมเคยพยายามเหมือนกัน  เมื่อสักสิบปีก่อน ผมอยากจะแข็งแรง อยากมีอายุยืน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับน้ำหนักตัว  ก็เลยทดลองวิ่ง ผลการวิ่งก็คือ ผมวิ่งไปร้อยเมตรผมก็หอบเหนื่อยจนรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน  วิ่งบนเครื่องออกกำลังกายก็วิ่งได้ไม่ถึงนาที หัวใจก็เต้นราวกับว่าจะหลุดออกมาจากร่าง  เพราะคนไม่เคยออกกำลังกายเลย  แม้ผมจะถือกล้องรับจ้างถ่ายภาพได้เป็นวันๆ  แต่ก็ไม่ได้เหนื่อยแบบการวิ่ง  ผมทนวิ่งน้อยๆอยู่หลายครั้ง  ก็ลองไปวิ่งในสวนสาธารณะเล็กๆ  วิ่งไปรอบเดียวก็รู้สึกเหนื่อยมาก อยากจะนั่งพัก  ร้องเท้าที่อุตส่าห์ไปหาซื้อมาก็ทำงานได้ไม่กี่นาที  พอวิ่งขึ้นรอบสองผมก็เดินแล้ว  จบทริปสวนสาธารณะผมวิ่งไป 2 รอบ คนอื่นๆวิ่งไปสิบรอบ  ในใจก็คิดว่า  เดี๋ยวอีกหลายๆครั้งร่างกายก็จะชิน  แล้วผมก็จบการวิ่งด้วยการไปหาอะไรกินต่อตอนค่ำๆ  รู้สึกตัวอีกทีก็กินไป 4 มื้อ  ยิ่งวิ่งก็ยิ่งกินดึก ประกอบกับผมไม่ว่างอย่างสม่ำเสมอ  ก็คือไม่ได้มีความพยายามจัดเวลาให้กับการวิ่งนั่นเอง  ก่อนจะวิ่งผมต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดวิ่ง  รองเท้าถุงเท้าต้องพร้อม  ไปวิ่งให้จบ แล้วก็อาบน้ำ แล้วค่อยกลับเข้าสู่โหมดปกติของวัน  วันที่วิ่งนี้ผมใช้เสื้อผ้า 2 ชุด  มันก็ดูผิดปกติสำหรับชีวิตแบบผม  กลายเป็นความรู้สึกว่าต้องเตรียมตัวเยอะเหลือเกิน ซึ่งมันก็เป็นข้ออ้างทั้งสิ้น  ถ้าผมเจ็บป่วยแล้ววิ่งคือคำตอบผมคงจะยอมทำไม่อ้างอะไร  แต่ผมไม่ได้ไร้ทางเลือก เชื่อว่าการลดน้ำหนักไม่ได้มีคำตอบเดียว  การวิ่งจึงยังไม่ใช่

ผมใช้วิธีกินน้อยลงดีกว่า  คิดได้เท่านี้ก็เริ่มทำเลย  โดยมีเหตุผลว่า การลดน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมจะต้องเผาผลาญพลังงานไปให้ได้ 7000 กิโลแคลอรี่  แต่ถ้าไม่วิ่ง ผมก็ต้องกินอาหารน้อย หรือกินอาหารให้พลังงานติดลบ  ข้อมูลของนักโภชนาการบอกว่า อัตราเฉลี่ยของผู้ชายน้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัมใน 24 ชั่วโมงจะใช้พลังงาน 2500 กิโลแคลอรี่ ตั้งแต่นอน ตื่นมาทำกิจกรรมต่างๆรวมถึงการทำงาน และต่อเนื่องจนถึงเวลากลับเข้านอน  แปลว่าต่อให้เรานั่งเฉยๆหายใจทิ้ง นั่งๆนอนๆก็จะใช้พลังานใกล้เคียงกับตัวเลขนี้ คือ 2500กิโลแคลอรี่    การกินอิ่มพอดีก็มักจะคิดเป็นพลังงานที่กินเข้าไปประมาณ 2500 กิโลแคลอรี่เช่นกัน  ถ้าเราจัดระดับการกินให้พอดีกับระดับการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย  ตัวเราก็จะน้ำหนักคงที่อยู่ได้ไปเป็นปี  ซึ่งทุกคนก็น่าจะเคยมีช่วงเวลาที่น้ำหนักคงที่  คือน้ำหนักไม่ขึ้นไม่ลงแบบนั้นอยู่เป็นปี   เทคนิคน้ำหนักคงที่ก็คือกินแค่พออิ่ม อิ่มแล้วหยุดกิน

2017-03-06_06-00-11

แต่ถ้าจะลดน้ำหนัก ก็ต้องกินให้พลังงานที่เข้าปากมันน้อยลงกว่าปกตินั่นเอง  ถ้ากินน้อยลงไปวันละ 1000 กิโลแคลอรี่   เท่ากับว่า 7 วัน ร่างกายเราจะเผาพลังงานเกินการกิน  ทำให้แคลอรี่ติดลบไป 7000กิโลแคลอรี่  คิดเป็นการลดน้ำหนักได้ 1 กิโลกรัม  ดูเหมือนไม่เยอะ  แต่ถ้าทำครบเดือนก็จะลดไป 4 กิโลกรัม  ถ้าทำไปให้ครบ 4 เดือน เราก็จะลดน้ำหนักลงได้ประมาณ 16 กิโลกรัม  ซึ่งไม่น้อยเลย  ถามอีกแบบหนึ่งก็ได้ว่า  ถ้าเลือกน้ำหนักได้ เราอยากน้ำหนักเท่าไหร่  คำตอบของผมคือ 75 กิโลกรัม เพราะผมสูง 175cm ตามสูตรง่ายๆของน้ำหนักที่เหมาะสม คือ ความสูง – 100cm = น้ำหนักตัวของผู้ชาย นั่นคือผมต้องลด 16 กิโลกรัมนั่นเอง

วิธีกินน้อยลงนี่คือสิ่งที่ผมเชื่อว่าผมทำได้  เพราะมันไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย  หายใจทิ้งก็เผาผลาญพลังไปเรื่อยๆอยู่แล้ว เราแค่กินน้อยลง  แต่จะกินน้อยยังไงให้มันติดลบสัก 1000 กิโลแคลอรี่ คำตอบก็คือ กินครึ่งจานครับ  เราเคยกินอะไรเต็มจาน ก็เปลี่ยนเป็นกินครึ่งจาน  เคยตักข้าว 2 ทัพพี ก็ตักแค่ 1 ทัพพี  เคยซื้อข้าวกล่องกินก็กินครึ่งกล่องแล้วส่วนที่เหลืออีกครึ่งให้กินมื้อต่อไป  หากซื้อกินมื้อเช้า ก็แบ่งกินเช้าครึ่งนึงกลางวันครึ่งนึง  หากซื้อกินมื้อกลางวันก็แบ่งกินกลางวันครึ่งนึงเย็นครึ่งนึง  สิ่งที่กินทุกอย่างให้ลดลงครึ่งเสมอ

IMG_0440

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดและต้องงดทันที 100% ก็คือ ของหวาน น้ำหวาน  พวกกาแฟเย็นนี่ตัวดีเลย คนเรามักจะอ้วนจากน้ำอัดลม และอ้วนจากกาแฟเย็น  ถ้าเราลดได้ก็จะทำให้แผนการกินน้อยของเราได้ผลทันที  ผมเปลี่ยนจากกาแฟเย็นมาเป็นกาแฟดำ  หากชงเองก็ใส่แต่กาแฟ ไม่ใส่ครีม ไม่ใส่น้ำตาล  หากไปสั่งกินที่ร้านก็สั่งกาแฟดำ  ซึ่งแก้วแรกที่เริ่มกินกาแฟดำก็ต้องบอกว่า เปรี้ยวมาก ฝาดมาก  แต่ก็ทนกินไปให้ชิน  ส่วนขนมหวาน ขนมถุงกรอบๆ  ของกินมันๆที่แสนอร่อยทั้งหลาย ผมงดเลย ไม่แตะไม่กินเลย

DSCF3862

เพียงเท่านี้เราก็จะใช้ชีวิตแบบ เผาผลาญพลังงานได้อย่างสม่ำเสนอ และจะน้ำหนักตัวลดลงได้ตามเป้าคือ 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์