ออกแบบแฟ้มและโบรชัวร์สำนักงานบัญชี

มีพี่ท่านหนึ่งอาชีพทำบัญชีมาปรึกษากับผมว่าเขาอยากได้โบรชัวร์และแฟ้มบริษัทเพื่อใช้แจกและใช้แนะนำตัวในงานประชุมทางธุรกิจต่างๆ และใช้แจกให้กับว่าที่ลูกค้าเพื่อให้ทำความรู้จักกับบริษัทของเขาในเบื้องต้น ผมก็รับงานและตกลงเริ่มออกแบบให้

ข้อมูลที่วางไว้ในสื่อสิ่งพิมพ์จะเป็นสิ่งที่เจ้าของบริษัทจะต้องถ่ายทอดให้ผู้ออกแบบได้ทราบเรื่องราว ต้องการจะสื่อสารเรื่องอะไรบ้าง การพูดคุยเก็บข้อมูลประมาณ 2 ชม. ผมได้รู้จักบริษัทของพี่ท่านนี้ ได้ความรู้เกี่ยวกับบัญชี การวางแผนธุรกิจที่จะนำไปสู่เป้าหมายของบริษัท เป็นช่วงเวลาที่ผมได้ทำงาน และได้ความรู้ไปพร้อมกัน

ภาพที่จะใช้ในโบรชัวร์ผมนัดถ่ายภาพในตอนที่พี่เขาทำงาน ตอนใส่สูท ตอนไปร่วมงานประชุมทางธุรกิจ เลือกถ่ายภาพมาทั้งแบบเป็นทางการ ใส่สูทเต็มรูปแบบ และถ่ายภาพแบบดูเป็นกันเองในแบบไม่ใช้สูท มีเพียงเสื้อเชิ้ตและท่านั่ง ผมเลือกมุมนั่งยิ้มให้กับกล้องเป็นภาพหลักที่ใช้ทำสื่อในครั้งนี้

โบรชัวร์สำนักงานบัญชีเนชั่น - 3

จัดวางรูปแบบโบรชัวร์ แล้วก็ออกแบบปกแฟ้ม ผมเริ่มต้นการออกแบบด้วยภาพถ่าย และคิดสโลแกนให้ว่าน่าจะใช้ประโยคที่สั้นและบอกเป้าหมายของการทำงานได้ นั่นคือ สำนักงานบัญชีที่สร้างความเจริญเติบโตให้บริษัท และก็จัดวางอาร์ตเวิร์คออกมา

เมื่อปรับแต่งจนรู้สึกลงตัวแล้วก็ทำตัวอย่างจริง ผมพิมพ์ดิจิทัลปรู๊ฟขนาดเท่าจริง ใช้กระดาษเหมือนจริงมาทำตัวอย่าง แล้วถ่ายภาพวิดีโอให้ดู พี่เจ้าของบริษัทตรวจงานทางวิดีโอเพราะกำลังเดินทางอยู่ต่างประเทศ เมื่อดูจบก็ตกลงเริ่มผลิต

และเมื่อทุกอย่างพร้อมก็จัดการพิมพ์ด้วยแท่นพิมพ์อ๊อพเซ็ท ซึ่งแท่นพิมพ์แบบนี้จะเหมาะกับงานจำนวนมาก ใบปลิวหลักพันใบจะมีราคาต่อหน่วยถูกกว่าการพิมพ์ดิจิทัล

สิ่งที่ต้องทำเมื่อจะพิมพ์โบรชัวร์

โบรชัวร์ หรือ สื่อแผ่นพับ เป็นตัวกลางในการให้ข้อมูลแก่ลูกค้าหรือผู้ใช้งาน อาจจะเป็นตัวบอกข้อมูลสเป็คต่างๆของสินค้า ใช้บอกคุณสมบัติหรือความสามารถ ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนโบรชัวร์ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีไว้คู่กับสินค้า อดีตมันคือสื่อส่งเสริมการขายที่จะส่งให้ว่าที่ลูกค้า ปัจจุบันแม้เราจะอยู่ในยุคอินเทอเน็ตที่เอกสารต่างๆสามารถทำเป็นไฟล์ดิจิทัลและให้เปิดดูได้ในโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ แต่ลองนึกภาพดูว่า ถ้าคุณขายบ้าน คอนโด หรือรถยนต์ หรือสินค้าราคาสูง คุณจะไม่มีโบรชัวร์เป็นกระดาษส่งให้ลูกค้าถือหรือเปิดดูเลยหรือ 

หากต้องการพิมพ์โบรชัวร์เป็นกระดาษเพื่อใช้งานสิ่งที่จำเป็นต้องทำคือการสั่งผลิตกับโรงพิมพ์ และในการทำงานร่วมกับโรงพิมพ์ก็มีรายละเอียดต่างๆที่ควรทำ ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของสินค้า หรือ เป็นเอเจนซี่โฆษณาที่รับจ้างเจ้าของสินค้าทำสื่อ ขั้นตอนการสื่อสารกับโรงพิมพ์มีดังนี้

IMG_0088

1 คุยกับโรงพิมพ์

คุณจะทำใบปลิวหรือโบรชัวร์กระดาษ คุณต้องคุยกับโรงพิมพ์ที่จะผลิตสิ่งนั้น โรงพิมพ์ที่ทำงานกระดาษก็จะมีระบบการพิมพ์ที่ทันสมัยอย่างดิจิทัลปริ๊นท์ที่สามารถใช้ทำปรู๊ฟหรือใช้ผลิตสื่อจำนวนน้อยได้ หรือหากจะพิมพ์โบรชัวร์ยอดเยอะ เพื่อแจกคนจำนวนมาก ก็ต้องใช้ระบบการพิมพ์อ๊อพเซ็ทเพื่อให้ต้นทุนต่อใบต่ำลง หรือแม้แต่คุณอยากจะทำป้ายไวนิลไปแขวนโชว์ คุณก็ต้องใช้โรงพิมพ์ที่มีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ๊ต ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่สำหรับทำงานไวนิลโดยเฉพาะ ดังนั้น สื่อของคุณจะออกมาในรูปแบบใด ให้คุยเบื้องต้นกับโรงพิมพ์ที่ทำสื่อตัวนั้นได้เสียก่อน เพื่อสอบถามถึงวิธีการเตรียมข้อมูลที่จะส่งให้โรงพิมพ์ จะได้ทำไฟล์อาร์ตเวิร์คได้ถูกต้องและทำงานร่วมกันได้

2 ตรวจสอบอาร์ตเวิร์คให้ละเอียด

ไฟล์งานที่จะใช้สั่งพิมพ์จะต้องถูกจัดวางในโปรแกรมจัดหน้า ซึ่งในยุคปัจจุบันเราก็มีโปรแกรมจัดหน้าหลายตัวให้เลือกใช้ได้ตามความถนัด เราอาจจะใช้ adobe illustrator ออกแบบโปสเตอร์ก็ได้ จะใช้โปรแกรม canva ช่วยออกแบบและจัดวางก็ได้ สิ่งสำคัญคือเมื่อจัดหน้าแล้วต้องตรวจสอบให้ละเอียดว่าภาพครบถ้วน ตัวหนังสือไม่ตกหล่น สะกดคำไม่ผิด ภาพและข้อความต้องถูกต้องตามการออกแบบ ต้องผ่านการตรวจละเอียดก่อนจะจัดส่งโรงพิมพ์

3 ตรวจสอบขนาดภาพที่ใช้ในอาร์ตเวิร์ค

เมื่อมีการใช้ภาพวางในอาร์ตเวิร์ค เราจะต้องใช้ภาพที่มีคุณภาพสูงและมีความละเอียดเพียงพอ เมื่อก่อนภาพถ่ายจะอยู่บนฟิล์ม การสแกนภาพจากฟิล์มจะต้องเลือกความละเอียดให้สูงเพียงพอต่อการทำงานสิ่งพิมพ์ ยุคสมัยของฟิล์มจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการตรวจสอบขนาดภาพ ต่อมาเมื่อกล้องดิจิทัลได้รับความนิยม และกล้องดิจิทัลสามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงได้เกิน 10ล้านพิกเซลกันแล้วก็ทำให้ประเด็นขนาดภาพในสิ่งพิมพ์ดูไม่สำคัญมาก เพราะขนาดภาพจากกล้องดิจิทัลทะลุความต้องการขั้นต่ำไปไกลแล้ว แต่ก็ต้องระวังเรื่องการคร็อปภาพมาใช้ เพราะถ้าเราถ่ายภาพมาใหญ่เพียงพอ แต่เราเลือกคร็อปบางส่วนมาใช้ มันคือการลดขนาดภาพ ลดจำนวนพิกเซลลง มันทำให้ขนาดอาจจะเล็กเกินไปเมื่อนำมาพิมพ์ในงานพิมพ์บนกระดาษ หรือบางภาพที่ส่งต่อกันในโปรแกรมไลน์ หรือ โหลดจากโซเชียลเน็ตเวิร์คก็อาจจะได้ภาพขนาดเล็ก เราต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ 

ตัวเลขคร่าวๆคือ ถ้าเราต้องการพิมพ์ภาพขนาดเต็มกระดาษ A4 ที่ดูคมชัดสวยงามระดับภาพถ่าย เราก็ควรจะใช้ภาพที่มีความละเอียด 300dpi หรือ 300จุดต่อนิ้ว   จำนวนพิกเซลที่ต้องการตามขนาดกระดาษ A4 (21×29.7cm.) คือขนาด 2480×3508 พิกเซล หรือเทียบกับกล้องดิจิทัล 8.7ล้านพิกเซลนั่นเอง 

4 ตรวจสอบเรื่องระบบสีของภาพ

ภาพในจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ และภาพจากกล้องดิจิทัลจะเป็นภาพในโหมดสี RGB ซึ่งใช้งานได้ดีในจอภาพ แต่การพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ออกมาเป็นกระดาษจะใช้หมึกพิมพ์ระบบสี CMYK ดังนั้นไฟล์ภาพ RGB จะต้องถูกแปลงให้เป็นไฟล์ชนิด CMYK เสียก่อน การจัดหน้าอาร์ตเวิร์ค การตั้งค่าซอร์ฟแวร์จัดหน้า เมื่อเราตั้งใจจะส่งพิมพ์ในโรงพิมพ์ เราต้องตั้งค่าซอร์ฟแวร์จัดหน้าให้เป็นค่า CMYK  งานถึงจะมีคุณภาพ ซอร์ฟแวร์สมัยใหม่จะมีโหมดการแปลงค่าสีให้เป็น CMYK ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะบันทึกเป็นไฟล์สำหรับโรงพิมพ์ แต่เราก็ควรตรวจสอบไฟล์ภาพและงานอาร์ตเวิร์คให้ดีว่าเราจบงานเป็นระบบสี CMYK จริงๆ

Screen Shot 2565-10-10 at 11.16.07

5 ต้องมีตัดตก

คำว่าตัดตกคือการตัดขอบทิ้ง ถ้าเราต้องการงานนามบัตรขนาด 55×90 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้กับนามบัตร ไฟล์อาร์ตเวิร์คที่เราทำส่งโรงพิมพ์ก็ควรจะทำมาให้ใหญ่กว่าขนาดที่ต้องการด้านละ 3 มิลลิเมตร นั่นก็คือขนาดไฟล์นามบัตรที่ส่งโรงพิมพ์ควรจะใหญ่ 61×96 มิลลิเมตร คือการบวกเข้าไปด้านละ 3 มิลลิเมตรทุกด้าน ไฟล์ที่มีตัดตกจะผ่านการพิมพ์และตัดขอบออกด้านละ 3 มิลลิเมตร ทำให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ

6 บันทึกเป็นไฟล์ pdf 

ถ้าเราออกแบบและตรวจสอบทุกอย่างถูกต้อง ผ่านมาแล้ว 5 ข้อด้านบน เราก็จะพร้อมที่จะส่งไฟล์ให้โรงพิมพ์แล้ว การบันทึกไฟล์ชนิด pdf จะเป็นไฟล์ที่โรงพิมพ์นำไปใช้พิมพ์งานได้ หากจะพิมพ์ด้วยระบบอ๊อฟเซ็ทดั้งเดิมโรงพิมพ์จะใช้ไฟล์ pdf ไปทำเพลทหรือแม่พิมพ์ หากจะพิมพ์ด้วยระบบดิจิทัลปริ๊นท์ไฟล์สำหรับสั่งพิมพ์จะต้องใช้ pdf ตัวนี้เช่นกัน แต่ถ้าเราไม่ได้ตรวจบางอย่างที่ต้องตรวจ หรือละเลยบางข้อไป ไฟล์ pdf ก็จะเป็นไฟล์ที่บรรจุข้อผิดพลาดไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น ตรวจสอบให้แน่ใจทุกข้อแล้วค่อย export หรือ save as ไฟล์ชนิด pdf เพื่อส่งโรงพิมพ์

นี่คือขั้นตอนคร่าวๆที่เราจำเป็นจะต้องตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้องก่อนที่จะส่งไฟล์ให้โรงพิมพ์ ผลลัพธ์งานพิมพ์จะออกมาอย่างที่เราต้องการ ตัวหนังสือไม่ตกหล่น ภาพถ่ายคมชัด สิ่งพิมพ์มีคุณภาพสูงสุด แต่หากรู้สึกว่าลำบาก งานเหล่านี้ก็ยกให้เอเจนซี่ หรือ นักออกแบบที่มีประสบการณ์ทำงานส่งโรงพิมพ์แทนก็ได้



การทำตัวอย่างกล่องก่อนผลิตจริง

การออกแบบแพ็คเกจจิ้งหรือออกแบบกล่องเพื่อจัดจำหน่ายเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องพิถีพิถัน เราอาจจะต้องจ้างนักออกแบบกราฟิคที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบกล่องโดยเฉพาะ เพราะงานกล่องจะเป็นงานที่ต้องมีการตัดไดคัทเป็นรูปทรงด้วย มันมีความซับซ้อนกว่าการออกแบบใบปลิวทั่วไป

912281

การออกแบบกล่องที่สมบูรณ์ควรจะจบถึงการออกแบบเส้นไดคัท หรือเส้นตัดที่จะใช้สำหรับประกอบเป็นกล่องออกมา เส้นไดคัทนี้จะต้องมีรายละเอียดของส่วนพับ ส่วนติดกาว ภาพหรือข้อความที่ปรากฏบนกล่องที่จะแสดงผลแต่ละด้านต้องจัดวางแต่ละหน้าให้สอดคล้องกัน ด้านบนและด้านล่างกล่องอาจจะต้องกลับภาพหันหัวคนละทาง และต้องเลือกว่าจะทำฝากล่องเปิดด้านไหน ปิดด้านไหนของข้อความด้วย

20220609181802_IMG_0921

เมื่อได้อาร์ตเวิร์คกล่องที่สมบูรณ์แล้วก็ต้องพิมพ์ตัวอย่างพร้อมตัดออกมาเป็นทรงเหมือนจริง ต้องเลือกความหนากระดาษให้เหมาะสม และที่สำคัญต้องทดลองทำกล่องขนาดเท่าจริงออกมา เจ้าของงานควรจะเห็นกล่องขนาดเท่าจริง และถ้าเป็นไปได้ตัวอย่างกล่องก็ควรทำจากกระดาษจริงด้วย เพื่อที่จะนำไปใช้ทดลองใส่สินค้าจริงเพื่อให้มั่นใจว่าใส่สินค้าไปแล้วกล่องจะรับน้ำหนักสินค้าได้ หากเลือกกระดาษบางเกินไปแล้วสินค้าเป็นของหนักก็จะทำให้กล่องเสียรูปทรง ไม่สามารถคงรูปกล่องไว้ได้ กระดาษหนาเกินไปก็จะมีข้อเสียในเรื่องของต้นทุนการผลิต และการได้ตัวอย่างขนาดเท่าจริงก็ยังใช้ไปเป็นแบบถ่ายภาพเพื่อทำงานโฆษณาต่อได้ด้วย


เจ้าของสินค้าอยากออกแบบกล่อง
หรือ นักออกแบบอยากทำตัวอย่างกล่อง
ติดต่อได้ที่ โทร 0819373130 หรือ
https://line.me/ti/p/vGR_HrU7Cd

ออกแบบโลโก้และแบนเนอร์

วันนี้พี่คนหนึ่งที่ทำอาชีพนักบัญชี ได้ขอให้ช่วยออกแบบโลโก้บริษัทเพื่อใช้ในงานบรรยาย และออกแบบแบนเนอร์เพื่อใช้เป็นข้อมูลโปรโมชั่นเพื่อแสดงบนจอภาพ ก็เลยจัดการออกแบบและทำแบนเนอร์ออกมา

Artboard 1

การออกแบบโลโก้ ออกแบบให้มีความหมายถึงการเก็บออม สำนักงานบัญชีที่ให้บริการลูกค้าแล้วจะทำให้ลูกค้ามีเงินเยอะขึ้น ก็เลยเลือกให้มีตัวเหรียญอยู่ในโลโก้ด้วย ส่วนสีก็เลือกค่าสีที่ดูสดใส และตั้งใจว่าจะใช้โลโก้นี้บนฉากสีขาว หรือบนกระดาษขาว เลยไม่อยากให้มีสีดำอยู่ในโลโก้ เพื่อไม่ใช้รู้สึกว่ามีคอนทราสต์แรงเกินไป

เมื่อได้โลโก้แล้วก็เอามาทำแบนเนอร์เพื่อใช้เป็นสื่อเพื่อเผยแพร่ ตั้งใจทำให้เป็นทรงจตุรัสเพื่อให้แสงผลในหน้าจอโทรศัพท์มือถือได้อย่างไม่ต้องระวังเรื่องแนวตั้งแนวนอน และยังใช้เผื่อโพสท์ในโซเชียลเน็ตเวิร์คด้วย บางระบบชอบให้ใช้ภาพจตุรัส ก็เลยออกมาเป็นทรงนี้

nation accounting promotion-out copy-p2

โปรโมชั่นที่ปล่อยไปในจอภาพ เมื่อถึงเวลาส่งมอบ ก็จะต้องมีวอยเชอร์หรือกระดาษให้ลูกค้าถือเอาไว้ แล้วก็นำกลับมาใช้บริการ จึงออกแบบต่อจากแบนเนอร์ให้เป็นทรงยาวขึ้นเพื่อให้จับถือและใส่ซองจดหมายได้ เลยออกมาเป็นกระดาษแนวตั้ง เนื้อกระดาษเป็นกระดาษนำเข้าเนื้อหนาพิเศษ หาซื้อไม่ได้ตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป แต่โรงพิมพ์มีสต๊อคกระดาษตัวนี้เก็บไว้ทำการ์ดเชิญสำหรับเน้นความหรูหราอย่างการ์ดแต่งงาน และการ์ดโปรโมชั่นพิเศษ และเมื่อพิมพ์ออกมาแล้วก็เป็นไปตามที่คาด คือกระดาษสวย เนื้อหาข้อความตรงกับวัตถุประสงค์ของเจ้าของบริษัท ก็ถือว่าจบงาน

IMG_20220909_151800

ให้ลูกลองเล่น Brain Box

IMG_20200413_133119

เจ้าของเล่นชิ้นนี้อยู่ในบ้านผมมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ลูกยังเล็กก็ได้รับบริจาคมาจากป้า เป็นของเล่นที่ยังไม่ได้แกะเลย ท่าทางจะเป็นของที่เล่นไม่ทันและลูกของป้าก็โตพ้นวัยไปเยอะแล้ว ของชิ้นนี้เลยตกเป็นมรดกมาให้ลูกผมเอง ขอบฟ้าเป็นเด็กโชคดีมากที่มีญาติเป็นนักช็อปปิ้ง

IMG_20200413_133125

Brain Box คือชื่อของเล่นชิ้นนี้ มันเป็นชุดของเล่นที่เป็นวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย มีสวิตซ์ มีตัวนำ มีหลอดไฟ มอเตอร์ ลำโพง วงจรสำเร็จรูปทำหน้าที่ได้หลายอย่าง มีเซ็นเซอร์แสง มีตัวต้านทาน มีคาปาซิเตอร์ มีสวิตซ์แปลกๆ คู่มือที่มากับกล่องบอกว่าสามารถต่อได้ 500 วงจร ในคู่มือจะมีวิธีเล่น มีวงจรไล่ไปทีละวงจร แต่ละวงจรมีรายละเอียดปลีกย่อย มีคำอธิบาย และมีสอนให้เปลี่ยนบางอย่างในแต่ละวงจรเพื่อดูผลการเปลี่ยนแปลง

IMG_20200415_101155

ผมลองเล่นกับลูกไป 2 ชั่วโมง ก็พบว่า มันดึงความสนใจของเด็กได้ต่อเนื่องมาก มันให้ความรู้ความเข้าใจกับเด็กเจ็ดขวบได้จริง แต่ที่สะดุดใจเป็นการส่วนตัวก็คือ ของเล่นชุดนี้มันเหมือนเป็นแล็บทดลองวิชาไฟฟ้าสมัยที่ผมเรียนปริญญาตรีเลย หลักการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆเป็นอย่างไรเราจะได้ทดลองสร้างวงจรจริงเพื่อดูผลการทำงานแต่ละอุปกรณ์ มันสร้างความเข้าใจให้กับเด็กวิศวะไฟฟ้าได้ง่ายดายมาก

ยกตัวอย่างสวิตซ์ก็ได้ ปกติสวิตซ์จะทำงานปล่อยไฟฟ้า หรือ ตัดวงจรไฟฟ้า เมื่อเรากดสวิตซ์ให้ทำงาน ไฟจะไหลไปยังโหลดหรืออุปกรณ์ได้เหมือนต่อสายไฟตรง เมื่อสวิตซ์ตัดการทำงาน ก็จะเหมือนตัดสายไฟ หลักการมีแค่นี้ เด็กเรียนวิชาไฟฟ้าก็เรียนแบบนี้ วิศวกรก็เรียนแบบนี้ แต่สวิตซ์ 3 ชนิด คือ 1 สวิตซ์กดติดปล่อยดับ กับ 2 สวิตซ์แม่เหล็กหรือ dry reed (ศัพท์นี้ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย)ชนิดโดนแม่เหล็กแล้วต่อวงจร เอาแม่เหล็กออกก็จะดับ กับ 3 สวิตซ์แบบซีเล็คเตอร์เลื่อนไปเปิด แล้วต้องเลื่อนกลับเพื่อปิด แค่ 3 อย่างนี้ก็ทำให้ทึ่งแล้ว เพราะในทางวิศวกรรม สวิตซ์ทั้ง 3 ชนิด เมื่อทำงาน มันก็จะส่งไฟฟ้าผ่านไปยังอุปกรณ์ได้เหมือนกัน ในการออกแบบวงจรมันเหมือนกัน ในการวิเคราะห์วงจรบนกระดาษมันเหมือนกัน แต่ในทางปฏิบัติมันให้ผลไม่เหมือนกัน สิ่งนี้ถ้าไม่อยู่หน้างานจริงไม่มีทางได้รู้ เด็กวิศวกรที่อยู่กับแบบเรียนแต่ไม่ลงมือทำชิ้นงานจริงจะไม่มีทางรู้เลยว่าสวิตซ์ทั้ง 3 แบบมันให้ผลลัพธ์ไม่เท่ากัน

ถ้าเราวิเคราะห์ให้ลึกสักหน่อย เราจะพบว่า สวิตซ์ทั้ง 3 ชนิดนี้น่าจะมีความต้านทานที่หน้าสัมผัสไม่เท่ากัน มันทำให้ไฟฟ้าไหลผ่านไปไม่เท่ากัน มีผลทำให้ อุปกรณ์ที่ต่อใช้งานทำงานไม่เท่ากัน ถ้าเราต่อวงจรด้วยหลอดไฟแสงสว่าง เราจะเห็นหลอดไฟสว่างทั้งหมด แต่ตาเราจะแยกแยะความสว่างที่ต่างกันเล็กน้อยไม่ได้ ดูด้วยตาเราจะบอกว่าหลอดไฟสว่างเท่ากันนั่นเอง แต่หากเราเปลี่ยนจากหลอดไฟเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่หมุนใบพัดให้ลอยตัวขึ้น เราจะเห็นว่ามอเตอร์หมุนเร็วมากเหมือนกัน เพราะสายตาเราแยกไม่ออก แต่ใบพัดที่หมุนแรงจนเกิดแรงยกทำให้ลอยตัวขึ้นไป มันมีความแตกต่างกันว่าสวิตซ์แต่ละชนิดส่งใบพัดให้ลอยสูงไม่เท่ากัน การทดลองบอกเราว่า สวิตซ์เลื่อนเปิดและต้องเลื่อนกลับเพื่อปิดส่งใบพัดได้สูงที่สุด สวิตซ์กดติดปล่อยดับส่งใบพัดให้ลอยขึ้นไม่แน่นอน และสวิตซ์แม่เหล็ก ทำงานด้วยการแหย่แม่เหล็กเข้าไปใกล้ๆสวิตซ์เพื่อให้ต่อวงจรและเมื่อชักแม่เหล็กออกสวิตซ์จะตัดไฟ เจ้าระบบแม่เหล็กนี้ส่งใบพัดให้ลอยออกไปได้ต่ำที่สุด นี่คือผลความแตกต่างที่เกิดจากความต้านทานในหน้าสัมผัสสวิตซ์มีค่าไม่เท่ากัน แค่เด็กทดลองเล่นเราไม่ต้องลงลึกก็ได้ ของเล่นแนวนี้เหมาะที่จะให้เด็กเล่นเป็นพื้นฐาน เพื่อทำความรู้จักกับวงจรไฟฟ้า

โลกเราไม่ได้ต้องการแค่คนปลูกข้าวกับโปรแกรมเมอร์ เรายังต้องการวิศวกรเพื่อออกแบบระบบที่ทำงานได้ตรงวัตถุประสงค์ เรายังต้องการคนเข้าใจฮาร์ดแวร์ เรายังต้องการคนออกแบบที่รู้ถึงข้อจำกัดต่างๆของอุปกรณ์ สิ่งเหล่านี้สอนกันยาก การมีเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาความรู้นี้ทำให้เราประหยัดเวลาได้มาก เพราะในรุ่นผม กว่าจะได้เรียนรู้ กว่าจะได้เข้าใจเหตุผลทางไฟฟ้าเหล่านี้ก็ต้องรอจนอายุยี่สิบกว่า ขณะที่เด็กเจ็ดขวบได้เรียนรู้และได้เริ่มสัมผัสกับมันแล้ว การจะต่อยอดไปให้เข้าใจมากขึ้นก็ทำได้รวดเร็ว โลกเราก้าวหน้าไปมาก เครื่องมือการเรียนรู้ก็พัฒนาไปมาก ผู้ใหญ่อย่างรุ่นผมก็คงต้องติดตามความเปลี่ยนแปลงไปตลอด เพื่อให้เราสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกได้อย่างรู้เท่าทัน

พิมพ์เร็วด่วนได้ และโปรแกรมจัดหน้าชื่อ Pages

ในวันที่ 1 กันยายนที่จะถึงนี้ จะมีงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการหน่วยปฏิบัติการออกแบบและวิจัยการออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ เป็นหน่วยย่อยหน่วยหนึ่งในศูนย์นวัตกรรมอาหาร ซึ่งเป็นโปรเจ็คใหญ่ของคณะวิทยาศาสตร์และเภสัชศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผมกับเพื่อนอีกคนช่วยกันจัดงานแถลงข่าวของโครงการผลิตบรรจุภัณฑ์นี้

เอกสารค่อนข้างด่วน แก้ไขรายวัน ทุกอย่างต้องปรับเปลี่ยน ส่งตรวจ แก้ไขกลับไปกลับมาหลายรอบ บัตรเชิญถูกพิมพ์ไปแล้ว 3 เวอร์ชั่น แต่ละเวอร์ชั่นมีอายุ 1 วัน เวอร์ชั่นล่าสุดคาดว่าจะไม่ต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว เพราะมันใกล้ถึงวันแถลงข่าวเหลือเกิน

ด้วยความเร่งรีบ และต้องการบัตรเชิญจำนวนน้อย การพิมพ์ที่เหมาะสมกับงานนี้ก็หนีไม่พ้นระบบดิจิทัล ซึ่งมันเป็นลักษณะที่ตรงกับคอนเซ็พท์ Print on Demand หรือ พิมพ์ด่วน เอาจำนวนแค่เท่าที่พอใช้ ระบบดิจิทัลนี้มีจุดเด่นก็คือ ทำจำนวนน้อยได้ คุณภาพใกล้เคียงงานพิมพ์อ็อพเซ็ทสี่สี สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้บ่อยเท่าที่ต้องการ(ถ้าไม่กลัวคนทำอาร์ตเวิร์คด่าลับหลัง) ผมพิมพ์การ์ดเชิญทุกวัน วันละยี่สิบชุดบ้าง ห้าสิบชุดบ้าง วันนี้รอบที่สามผมพิมพ์ไป 100 ชุด การ์ดเชิญงานนี้ถ้าถูกนำมาแสดงโชว์ในงานจะมีรูปแบบที่หลากหลายมาก (ไม่ได้ตั้งใจ)

ยังคงมีเอกสารอื่นๆอีกสองตัวที่จำเป็นต้องจัดเตรียมแบบเร่งรีบไม่แพ้กัน นั่นก็คือแผ่นพับอีกสองรูปแบบ แต่ละรูปแบบก็ปรับเปลี่ยนแก้ไขมาหลายรอบ

เอกสารด้านบนนี้เป็นเอกสารตัวแรก จำนวน 8 หน้า ทีแรกจะทำ 200 ชุด ผมคิดไว้ในใจแล้วว่าจะทำเป็นระบบดิจิทัลเช่นกัน แต่คุยไปคุยมา เจ้าของงานบอกว่าจะเก็บไว้ใช้งานอื่นด้วย เลยต้องเพ่ิมจำนวนพิมพ์เข้าไปเป็น 500 ชุด ด้วยปริมาณพิมพ์เท่านี้จะเริ่มไม่เหมาะกับระบบดิจิทัลเสียแล้ว เพราะต้นทุนดิจิทัลต่อเล่มจะแพงเกินไป สุดท้ายงานนี้ก็เลยต้องไปพิมพ์ด้วยเพลท แต่ก็ต้องแลกกับเวลาทำงานที่นานขึ้น เอกสารตัวนี้ถ้าไม่สรุปในวันพรุ่งนี้ (อีก 24 ชั่วโมงหลังจากโพสท์นี้) ก็จะไม่ทันใช้งานในวันที่ 1 เดือนหน้า

เอกสารอีกตัวหนึ่งที่เพิ่งได้ข้อมูลมาเมื่อเช้า และป่านนี้(ดึกมาก) ก็ยังส่งข้อมูลมาไม่ครบ ผมเลยทำอาร์ตเวิร์คเท่าที่ทำได้ออกมาให้ตรวจเสียก่อน ก็ได้รูปแบบงานพิมพ์ออกมาตามภาพต่อไปนี้

ภาพนี้คือหน้าปก ผมให้ลูกน้องออกแบบชื่อและจัดวางตัวหนังสือของชื่อให้ ภาพประกอบผมถ่ายเองเมื่อตอนเดือนกุมภาพันธ์ต้นปีนี้ ซึ่งตอนถ่ายภาพก็ไม่คิดว่าจะได้หยิบใช้จริงๆ แต่ก็่ถ่ายเก็บไว้เป็นสต๊อกภาพ ถ่ายด้วยกล้องดิจิทัลราคาถูกมากๆตัวหนึ่งของโกดัก ถ้าผมจำไม่ผิดมันจะเป็นรุ่น c140 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ราคาขายสองพันกลางๆ ผมชอบกล้องตัวนี้เพราะมันราคาถูก มันโฟกัสภาพได้ชัด มันใช้ถ่ายไฟฉายขนาด AA ซึ่งหาซื้อได้ง่าย และมันใช้หน่วยความจำ SD ซึ่งราคาถูกมาก

หน้าอื่นๆของเอกสารก็ค่อยๆทะยอยทำออกมา ดูรูปแบบเหล่านี้แล้วบอกได้เลยว่าผมไม่สามารถทำเองได้เลยในโปรแกรมจัดหน้ายอดนิยมอย่าง indesign ซึ่งเป็นเครื่องมือของคนทำนิตยสารส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ถึงหากพยายามจะทำก็อาจจะพอได้ แต่คงใช้เวลาหลายชั่วโมงอย่างมาก ความง่ายและเร็วเหล่านี้เป็นผลมาจากโปรแกรมจัดพิมพ์เอกสารชื่อ Pages ซึ่งเป็นโปรแกรมจัดหน้าประเภทหนึ่งที่ apple เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา โปรแกรมนี้ทำงานบนความเรียบง่าย และหลักการง่ายๆ อะไรที่ควรจะง่ายมันก็ออกแบบให้ง่ายอย่างแท้จริง มันทำให้ผมสร้างเอกสารสวยๆได้ในเวลาที่สั้นอย่างไม่น่าเชื่อ

การเอาตัวรอดจากโปรเจ็คนี้ผมยังคิดไม่ออกว่าผมจะทำได้อย่างไรถ้าไม่ได้โปรแกรมจัดหน้าตัวนี้ และถ้าผมไม่มีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลของตัวเอง ผมอาจจะทำไม่ทันก็ได้ การมีเครื่องดิจิทัลให้ใช้งานทำให้ผมสามารถทำสิ่งที่ไม่เคยทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับงานด่วนแล้วพิมพ์ออกมาในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หรือการพิมพ์บางส่วนไปใช้งานเบื้องต้นก่อนด้วยดิจิทัลแล้วค่อยไปผลิตแบบจำนวนเยอะด้วยเครื่องพิมพ์อ็อพเซ็ท การมีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลในครอบครองช่วยให้ธุรกิจงานพิมพ์สามารถขยายตัวไปอยู่ในส่วนที่โรงพิมพ์ที่ใช้เครื่องจักรยุคเก่าไม่สามารถทำได้ มันเป็นข้อดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นในโรงพิมพ์สมัยเก่า ผมคิดว่าการปรับตัวมาใช้เครื่องพิมพ์ดิจิทัลเป็นการขยับตัวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมสำหรับตัวผมเอง และเชื่อว่าบริการพิมพ์เร็วด่วนได้แบบนี้คือคำตอบของการทำธุรกิจสิ่งพิมพ์ในยุคต่อจากนี้ไป

งานพิมพ์ทำเร็วๆ แต่ก็ทำนานกว่าที่คิด

มีลูกค้าคลีนิคต้องการทำจดหมายข่าว รูปแบบที่จะพิมพ์ก็คืองานพิมพ์ขนาด A3 พับเป็น A4 สิ่งที่โรงพิมพ์ต้องทำก็คือเอาเนื้อหามาเปลี่ยนให้เป็นอาร์ตเวิร์ค ผมยังไม่มีช่างกราฟิคเป็นของตัวเอง ก็เลยต้องทำอาร์ตเวิร์คเอง และการทำอาร์ตเวิร์คก็มีทางเลือกหลายแบบ จะทำด้วยโปรแกรมอะไรก็ได้ตามใจ เลยนึกถึงโปรแกรมตัวหนึ่งของ apple ซึ่งเป็นโปรแกรมจัดหน้าเอกสารที่ชื่อว่า Pages

โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่ใช้งานค่อนข้างง่าย ถ้ามีรูป และข้อความอยู่แล้ว โปรแกรมนี้สามารถทำงานให้เสร็จได้ในเวลาไม่กี่นาที ผมก็เลยเลือกใช้โปรแกรมตัวนี้ทำงานให้ลูกค้า ซึ่งผลก็คือ ผมทำงานได้เร็วมากจริงๆ หลังจากที่ลูกค้าส่งข้อมูลดิบ และภาพต่างๆมาให้ ผมก็แค่ลากมาวางในรูปแบบสำเร็จรูปที่มีอยู่แล้ว แล้วก็ปรับขนาดภาพ ปรับขนาดตัวหนังสือ แล้วก็เสร็จ.

เลยได้หน้าตาแบบนี้

แล้วก็ส่งให้ลูกค้าตรวจ แล้วลูกค้าก็แก้กลับมา มีเปลี่ยนภาพ มีเปลี่ยนข้อความบ้าง แล้วก็แก้กลับไป กว่าจะจบสิ้นขั้นตอน ก็ส่งตรวจและสั่งแก้ 8 ครั้ง เป็นการทำงานที่เริ่มต้นได้เร็วมาก แต่ก็จบงานนานกว่าที่คิด

ฟ้อนต์ประหยัดหมึก ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่เคยคิดว่าจะมี

ไปอ่านข่าวตามเว็บต่างๆจนเจอเรื่องดีๆเรื่องหนึ่ง  ฟ้อนต์สำหรับการใช้งานที่ออกแบบให้ประหยัดหมึก  พอเห็นแล้วร้องอ๋อทันที  ทำไมความคิดดีๆแบบนี้เราถึงคิดไม่ออก  คนทั้งโลกก็คิดไม่ออก ทั้งๆที่เทคนิคแบบนี้ก็เป็นเรื่องใกล้ตัว  สมัยเด็กๆตอนที่หัดสร้างหุ่นยนต์ไปวิ่งแข่ง  มีกติการะบุว่าน้ำหนักของหุ่นต้องไม่เกินที่กำหนดไว้  ตอนสร้างหุ่นก็ทำไปชั่งไป  ตอนสุดท้ายพอหุ่นเสร็จก็น้ำหนักเกินกันทุกทีม  การเจาะรูที่โครงสร้างให้พรุนเป็นสิ่งที่ถูกนำมาใช้  แล้วผลการลดน้ำหนักด้วยการเจาะรูก็ช่วยให้โครงสร้างเบาขึ้นจนผ่านข้อกำหนดเบื้องต้น  สิบกว่าปีผ่านมา  พอมาเห็นตัวหนังสือเจาะรูเลยถูกจริต  ชอบมากๆกับความคิดสร้างสรรค์ครั้งนี้ของมนุษย์เรา  ตามไปดูต่อและโหลดมาใช้ได้ตามใจเลยครับ

http://www.ecofont.eu/look_at_ecofont_en.html