งานวันชื่นใจ อนุบาล3 ของขอบฟ้า

 

งานวันชื่นใจจะเป็นงานแสดงผลงานของนักเรียนในชั้น  ขอบฟ้าเรียนที่เพลินพัฒนามาตั้งแต่รุ่นเตรียมอนุบาล และมีงานชื่นใจในช่วงปลายเทอมก่อนปิดปีการศึกษาทุกปี   ในปีนี้เป็นปีที่เรียนอยู่อนุบาล3  เนื้อหาในงานของปีนี้แตกต่างไปจากปีที่แล้วมาก

IMG_5272

เข้าใจว่าเด็กอนุบาล3จะมีทักษะการจดจำและการแสดงที่มากกว่าปีที่แล้วอย่างก้าวกระโดด นั่นทำให้งานชื่นใจปีนี้เป็นการแสดงละครในรูปแบบหนึ่งที่มีระยะเวลาการแสดงที่ยาวนานเกิน 1 ชั่วโมงไปพอสมควร  แตกต่างจากปีที่แล้วที่เป็นการแสดงที่ไม่ต่อเนื่อง และเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกัน

IMG_5275

 

เด็กมีการแบ่งบทบาทการแสดงหลายอย่าง เด็กทุกคนจะแสดงเป็นตัวละครสักตัวหนึ่งในแต่ละเรื่องย่อย  บางคนรับหน้าที่พูดบรรยายด้วย บทพูดหลายๆประโยคได้รับการถ่ายทอดออกมาแสดงให้เห็นว่าเด็กมีความจำดีแทบทุกคน

IMG_5289

 

การแสดงเรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลา  เด็กทุกคนรู้หน้าที่และคอยเตือนเพื่อนเมื่อมีเหตุที่ไม่เป็นไปตามแผน  พ่อแม่อย่างผมแอบคิดว่านี่เขาต้องซ้อมร่วมกันมากี่วันถึงบริหารจัดการได้ระดับนี้  ลำพังเด็ก 1 คนอยู่กับพ่อแม่ก็ซนและวุ่นวายจนหมดแรง  แต่ครูสามารถกำกับเด็กได้ทั้งห้อง  ทุกคนตั้งใจแสดงและทุกคนทำได้ดี  ชื่อว่าครูก็คงเหนื่อยมากในการฝึกซ้อมกิจกรรมครั้งนี้

IMG_5291

 

IMG_5309

 

IMG_5314

 

IMG_5332

ผมรู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกที่นี่ให้ลูก  เป็นพัฒนาการที่น่าพอใจ  พ่อแม่ก็เห็นแนวทางของโรงเรียนมาตลอด  และได้เห็นสิ่งที่ค่อยๆใส่ให้ลูก ค่อยๆเรียนรู้  การเป็นเด็กที่รู้จักตั้งคำถาม  และมีความพยายามที่จะหาวิธีการ มีความพยายามหาคำตอบ เป็นทักษะที่พ่อแม่อยากให้ลูกมีติดตัว   จบชั้นอนุบาล จบการเรียนรู้เพื่อการเล่น  ต่อไปชีวิตประถม1ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงชีวิตแห่งความจริง  เป็นการเรียนรู้เพื่อใช้ชีวิตจริง  พ่อแม่เชื่อว่าลูกพร้อมรับกับชีวิตที่ต้องรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น

อนุบาล3 ทำก๋วยเตี๋ยวกินกัน

2019-01-14_10-53-03

ห้องเรียนของลูกผมมีการเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะ วัฒนธรรม ของภาคกลาง  และในบางส่วนของการเรียนก็มีเรื่องอาหารของภาคกลาง ก็เลยมีกิจกรรมทำอาหารภาคกลาง  ครูและนักเรียนในห้องตกลงว่าจะทำก๋วยเตี๋ยวเรือ  ก็เลยแบ่งหน้าที่ให้แต่ละคนนำของไป  รายชื่อองค์ประกอบของก๋วยเตี๋ยวถูกแจกจ่ายไปยังเด็กแต่ละคน และให้ผู้ปกครองช่วยเตรียมสิ่งของให้

ก๋วยเตี๋ยว

สมัยผมเด็กๆไม่มีกิจกรรมแบบนี้  น่าอิจฉานักเรียนยุคนี้จริงๆเลย  ได้คิด ได้ออกแบบ ได้แก้ปัญหา ส่วนกิจกรรมที่ทำเสร็จไป ผมก็ไปถามลูกว่าได้ทำอะไรบ้าง  ขอบฟ้าบอกว่าทุกคนได้ทำเหมือนกันเลย ได้ทำตั้งแต่ต้นจนจบ  ขั้นตอนก็คือ ใส่เครื่องก่อน  แล้วก็ลวกเส้น    มีเพื่อนบางคนใส่พริกไทด้วยนะ  ฟังจากที่ลูกเล่าแล้วก็ดีใจ  เพราะการเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการลงมือทำจริงๆ

ก๋วยเตี๋ยว

ทำหนังสือนิทานข้าวหลาม

ที่โรงเรียนเพลินพัฒนา ห้องของขอบฟ้าจะมีกิจกรรม เผาข้าวหลาม อยู่ในกิจกรรมหลักที่ชื่อว่า “คุณค่า คุณข้าว” พ่อแม่ในห้องอนุบาล 3/4 ซึ่งเป็นห้องที่ใช้ชื่อว่า มังกรยิ้มแฉ่ง จะต้องสอนเด็กเผาข้าวหลาม ก็คือต้องสอนลูกของเราเผาข้าวหลามให้เป็น สิ่งที่จะใชัจัดงานก็มีอุปกรณ์ต่างๆมากมาย บรรดาพ่อแม่ในห้องก็ต้องนัดกันแบ่งงาน แบ่งของที่จะขนไปจัดงาน สิ่งหนึ่งที่ถูกคิดขึ้นคือ นิทานข้าวหลาม เป็นหนังสือเล่มเล็กที่จะอธิบายวิธีการทำข้าวหลาม ซึ่งจะต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจ ทีมงานเลยคิดทำเป็นหนังสือนิทาน และหนังสือนิทานก็ออกมาเป็นหน้าตาแบบนี้

เตรียมงานกันหน้ามืด คนวาด คนจัดพิมพ์ มีเวลาทำกันไม่มาก แต่ก็ออกมาได้ใช้ทันเวลา อีกหน่อยถ้าจะทำหนังสือนิทานขายกันก็ไม่ยากแล้ว

พ่อแม่แต่ละบ้านต้องไปหาวิธีทำ หาข้อมูล หาวัตถุดิบ และลงมือ เราได้รู้ว่าไม้ไผ่ทำข้าวหลามจะต้องเป็นพันธุ์ที่มีเยื่อไผ่เยอะๆจะทำให้ข้าวเหนียวติดกับเยื่อดูสวยงาม เราได้รู้ว่าการทำให้ข้าวหลามสุกจะมีหลายวิธี และเราก็เลือกวิธีเผาในถังน้ำมันผ่าครึ่ง เราได้รู้ส่วนผสมของข้าวหลาม 1 กระบอกจะมีข้าวเหนียว กระทิ เกลือ น้ำตาล ส่วนถั่วแดงหรือถั่วดำเราเลือกไม่ใส่เพราะหลีกเลี่ยงเด็กที่อาจจะแพ้ถั่ว

ไม้ไผ่สีเขียวเราได้จากป่าไผ่ที่ราชบุรี เป็นไผ่สีสวยและมีเยื่อหนาเหมาะกับการทำข้าวหลาม การจัดสถานที่ใช้เวลาก่อนหน้างาน 1 วัน หลังจากจบงานเราใช้เวลาเก็บของประมาณ 4 ชั่วโมง เศษลวด เศษไม้ต่างๆที่อาจจะทำอันตรายกับเด็กเราก็พยายามเก็บให้เกลี้ยง เพราะหากมันหลงเหลืออยู่ในสนามหญ้า คนที่จะบาดเจ็บคือลูกของพวกเราเอง

IMG_4738

คอนเส็ปแคมปิ้งก็ต้องมีเต๊นท์ด้วย เต้นผ้าทันสมัยก็หอบมาใช้วางประดับสถานที่ จัดบรรยากาศให้ดูเหมือนเราไปพักแรมกลางป่า

IMG_4739

จุดไฟเผาข้าวหลามเราใช้ถังน้ำมันดัดแปลง

IMG_0007

บรรดาแม่ทั้งหลายก็ซ้อมกิจกรรมกันตอนเช้า สนุกกันทุกคน เหมือนทุกคนมาเล่นกับลูก ลูกเพื่อนก็เหมือนลูกเรา

IMG_0018

ไม้แผ่นสีเขียวจากป่าแถวราชบุรี ไม่ได้ถามรายละเอียดว่าป่าไหน ฝากใครไปตัดมา แต่ก็เป็นไผ่ตัดเป็นชิ้นมาพร้อมใช้ ความยาวเหมาะสมกับการทำข้าวหลาม เยื่อไผ่มีปริมาณมาก

IMG_0015

คุณแม่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ก่อไฟด้วยถ่านเป็นเรื่องที่ทำกันไม่เก่ง ลองผิดลองถูกหน้ามืดเลย

IMG_0066

เล่นกับถ่านก็มือดำหน่อย

IMG_0074

ทีมงานที่คอยทำข้าวหลามรุ่นแรก งานวันนี้คือจะต้องมีข้าวหลามแจกเด็กร้อยกว่าคน

IMG_0245

เด็กในห้องของเราจะมาทำกิจกรรมละเอียด ทำตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนเด็กห้องอื่นก็จะแวะมาดูพรีเซ้นคร่าวๆแต่ไม่ได้ลงมือปฏิบัติ

IMG_0255

การเตรียมวัตถุดิบจะให้เด็กได้ตักทุกอย่างเอง ทั้งข้าว น้ำตาล เกลือ และตวงกระทิเองด้วย

IMG_0281

บางคนก็เติมกระทิน้อยเกินไป ตอนเผาออกมาข้าวก็จะแห้งและมีส่วนที่ไหม้เยอะ ถ้าเติมกระทิมากไปข้าวก็จะสุกช้า

IMG_0307

IMG_0322

เมื่อเติมส่วนผสมเสร็จแล้วก็ต้องปิดปากกระบอกด้วยการเอาทางมะพร้าวและใบตองมายัดเพื่อปิดให้สนิท

IMG_0253

แล้วก็เริ่มเผากันจริงๆ ข้าวหลามจะใช้เวลาอยู่ในกองไฟประมาณ 45-60 นาที ก็จะสุกและฟูพร้อมกิน

IMG_0094

ชุดกันความร้อนที่ดูแล้วก็น่ารัก ดูตลก แต่ใช้กันความร้อนได้ดีมาก

IMG_4746

ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันบ้าง

IMG_4796

กระบอกข้าวหลามขอเด็กแต่ละคนจะมีชื่อเขียนกำกับไว้

IMG_4839

ข้าวหลามที่สุกพอดีกิน เมื่อผ่าไม้ไผ่ออกก็จะพบว่าเนื้อขาวหลามกลมมนและถูกห้อหุ้มด้วยเยื่อไผ่อย่างสวยงาม

IMG_4853

ทำเสร็จแล้วก็ต้องกินหรือชิม เด็กๆตักกินราวกับว่าไม่ได้กินเมื้อเย็นเมื่อวาน คนเตรียมของก็ปลาบปลื้ม

IMG_4863

IMG_4866

เมื่อกินกันบางส่วนแล้วก็มาถึงเวลาอ่านหนังสือ ตัวแทนของห้องขึ้นมาอ่านหน้าชั้น

IMG_0168

เพลินพัฒนา โรงเรียนทางเลือก ตอนที่ 1

IMG_1245.JPG

เพลินพัฒนา เป็นโรงเรียนแนวทางเลือกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงในระดับหัวแถว ทั้งเรื่องแนวทางการสอน หลักสูตร และ ค่าเทอม ลูกผมเกิดเดือนกรกฎาคม 2555 ไปสมัครเรียนโรงเรียนนี้ตั้งแต่กลางปีพศ 2557 คือสองขวบนิดๆก็ไปสมัครแล้ว แล้วก็ได้โอกาสเรียนชั้น pre-nurse ซึ่งเป็นชั้นเรียนที่มีนักเรียนไม่มาก

ตอนไปสมัครก็เตรียมความพร้อมไปพอสมควร แม่ของขอบฟ้าหัดให้ขอบฟ้าหยิบของ หัดบอกสี หัดกระโดดมาแล้วหลายเดือน จริงๆก็ไม่ได้พยายามสอนเพื่อให้เข้าโรงเรียนแต่อย่างใด แต่เป็นการสอนไปตามพัฒนาการเด็กซึ่งมีตำราแนะนำไว้  ตำราจะบอกแต่ละช่วงวัยเด็กควรทำอะไรได้บ้าง และโรงเรียนเพลินพัฒนาก็ใช้วิธีวัดผลจากพัฒนาการของเด็ก  เด็กคนไหนผ่านเกณฑ์ถึงจะได้เข้าเรียน เรียกได้ว่า อ่านตำราเล่มเดียวกันนั่นเอง

ขอบฟ้าสอบผ่านการทดสอบในระดับสองขวบ มีพัฒนาการเลยวัยเดียวกันไปเกือบปี เป็นความภูมิใจของพ่อและแม่ที่เห่อลูก เอากลับมาโม้กันที่บ้าน โม้ให้ญาตฟัง จนแม่ขอบฟ้าต้องเตือนผมว่า “เด็กคนไหนก็พัฒนาการระดับนี้แหละ ต่างกันไม่มาก” ทำเอาผมเงิบไปเล็กน้อย พอได้สติก็เห่อต่อ

ตอนที่จะสมัครเรียน ทางโรงเรียนเพลินพัฒนามีการเปิดโรงเรียนเพื่อให้ผู้ปกครองได้รับทราบข้อมูล ผู้อำนวยการโรงเรียนมาพูดบรรยายด้วยตัวเอง สิ่งที่ผมจับประเด็นสำคัญได้สองอย่างสำหรับผมคือ

ประเด็นที่ 1 โรงเรียนมีหลักสูตรพิสดารที่ผมไม่เคยรู้ว่ามี และคิดว่าโรงเรียนอื่นอาจไม่มี หรือถ้ามีก็คงเป็นโรงเรียนแนวประหลาดแบบเดียวกับเพลินพัฒนา แต่ที่แน่ๆ สมัยเด็กๆของชีวิตผมไม่เคยเจอหลักสูตรเหล่านี้ ซึ่งมันประกอบไปด้วย หลักสูตรว่ายน้ำนาน survival swimming เจตนาเขาตั้งใจให้ว่ายน้ำลอยตัวในน้ำได้นานๆ เพราะโรงเรียนมีสมมุติฐานว่า เด็กว่ายน้ำ 25 เมตร หรือ 50 เมตร ยังไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เด็กรอดชีวิตถ้าหากเกิดเรือล่มจริงๆ แต่คนที่ลอยตัวได้นานต่างหากที่จะรอดชีวิต เหตุผลแบบนี้ผมฟังแล้วก็ไม่เถียงอะไร เห็นด้วยทุกอย่าง แต่สงสัยว่าจะสอนให้ว่ายนานแค่ไหน นานระดับหลายๆชั่วโมง หรือทั้งวันเลยหรือเปล่า รอดูกัน

หลักสูตรพิสดารอื่นๆก็มีอีกเช่น วิชาแล่นเรือข้ามเกาะ โรงเรียนให้เหตุผลว่าการแล่นเรือข้ามเกาะจะเป็นเครื่องมือทดสอบที่ดี เด็กได้รู้สึกกลัวจริงเมื่ออยู่กลางทะเล ขับเรือคนเดียว ลากเรือลงทะเลคนเดียว ผมว่ามันก็เท่ห์ดี แต่ในหัวก็จินตนาการถึง เรือที่เราต้องซื้อ รถที่ต้องลากเรือไปทะเล ผมต้องใช้ชีวิตเป็นคนรวยลากเรือไปทะเลในวันหยุดเหรอเนี่ย จะเอารถและเรือจากไหนกัน รอเวลานั้นมาถึงก่อนค่อยมาเล่าต่อเรื่องนี้

หลักสูตรพิสดารอีกอันก็คือ วิชาการเงิน ผู้อำนวยการบอกว่าจะมีวิชาที่ให้เด็กได้เล่นกับเงิน จะให้เด็กมีเงินตั้งต้นจำนวนหนึ่ง แล้วให้เด็กได้ขายของ ให้เด็กได้ซื้อของ ให้เด็กได้มีความอยากได้ อยากซื้อ แล้วก็บริหารเงินกัน ผมฟังแล้วก็อยากให้ลูกได้ประสบการณ์เรื่องการเงินอยู่เหมือนกัน เพราะชีวิตผมไม่ค่อยมีวินัยทางการเงินเท่าไหร่ ความเชื่อส่วนตัวของผมมีแค่ กิเลสดับได้ด้วยการซื้อ ก็เลยอยากให้ลูกได้ประสบการณ์และบทสรุปเกี่ยวกับการเงินที่ดีตั้งแต่เด็กๆ

ประเด็นที่ 2 ที่ผมจับใจความได้ก็คือ ค่าใช้จ่ายโรงเรียนแพงมาก ขอให้ผู้ปกครองวางแผนทางการเงินให้ดี ใครไม่ไหวให้ถอนตัวตั้งแต่วันนี้ อย่าแย่งที่ครอบครัวคนอื่นที่มีความพร้อม เตือนกันแบบนี้เลยนะเนี่ย และที่สำคัญ ค่าใช้จ่ายจะขึ้นทุกปี ปีละ 5 เปอร์เซ็น โรงเรียนชี้แจงว่าที่มาของการขึ้นราคาก็เพราะ เราต้องอยู่กับเงินเฟ้อ เงินเดือนครูต้องขึ้น ค่าใช้จ่ายต้องขึ้น โอเคเลย จำแม่นละ ผมคิดเร็วๆในใจ สูตรดอกเบี้ยทบต้น 5 %สมัยเรียนมหาลัยมันกดเครื่องคิดเลขยังไง กลับบ้านรีบกด เงินตั้งต้นแสนสอง อยู่สิบสองปี ต้องจ่ายปีสุดท้ายเท่าไหร่ พอเห็นตัวเลขแล้ว ปิดคอมฯ ออกไปหาลูกค้า ออกไปหางานเพิ่มเลย  เพราะแค่หยอดกระปุกไปจ่ายไม่ทันแน่นอน