ทำไมเฟสบุ๊คเก่งเรื่องหาลูกค้า

ทำไมเฟสบุ๊คเก่งเรื่องหาลูกค้า

20180424094626_IMG_0397

น่าจะมีหลายคนสงสัยว่าทำไมเฟสบุ๊คถึงฉลาดเกี่ยวกับคน  เฟสบุ๊ครู้ว่าเราชอบอะไรและไม่ชอบอะไร มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับพฤติกรรมมนุษย์มาก่อน  บางคนอาจจะเผลอคิดไปเลยว่าเฟสบุ๊คน่าจะดักฟังเราอยู่ตลอดเวลา  เพราะบางทีการนั่งคุยเรื่องสิ่งของอย่างเช่น เสื้อผ้า  รองเท้า  ไปเที่ยว  ไปดูรถคันใหม่มา  พอวางสายจากการสนทนา หรือกลับถึงบ้าน  หลังจากนั้นไม่นานเมื่อเราหยิบมือถือขึ้นมาดู หรือเข้าไปเล่นเฟสบุ๊คก็พบว่ามีโฆษณาสินค้าที่เราเพิ่งพูดถึง หรือเพิ่งไปดูมา  และเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยมากกับชีวิตในทุกวันนี้

ในฐานะที่เป็นผู้ทำการสอนการยิงโฆษณาในเฟสบุ๊คมาหลายปี  จะขอบอกว่าวันนี้เฟสบุ๊คเก่งเรื่องคนมากจริงๆ  เฟสบุ๊ครู้จักเราหรือรู้จักเจ้าของเครื่องโทรศัพท์มือถือในหลายแง่มุม  และรู้ลึกรู้จริงจนอาจจะทำนายพฤติกรรมได้เลย  แล้วหลายคนก็อยากรู้ว่าทำไมเฟสบุ๊คถึงมีความสามารถเช่นนั้น  ถ้าจะให้เล่าก็ต้องเล่าไปที่จุดเริ่มต้นว่าจริงๆแล้วเฟสบุ๊คเก่งเรื่องชาวบ้าน  เฟสบุ๊คเคยเปิดเผยข้อมูลว่า คนเข้าไปเล่นเฟสบุ๊คมี 2 วัตถุประสงค์คือ

1 เข้าไปดูเรื่องชาวบ้าน คนอื่นทำอะไร ไปไหน โพสท์อะไร 

2 ไปดูว่าชาวบ้านมาดูอะไรของเรา  เราโพสท์แล้วมีคนอ่านไหม มีคนมากดไลค์  หรือพิมพ์คอมเม้นท์หรือเปล่า

ข้อหนึ่งคงไม่ต้องสงสัย  เพราะเป็นสิ่งที่เราใช้เวลาค่อนข้างมากกับเฟสบุ๊ค  เราจะไปดูความเป็นไปของสังคม ชีวิตเพื่อนเรา ดูชีวิตคนที่เรารู้จัก  เพื่อนเราไปไหน เที่ยวไหน  กินอะไร ซื้ออะไร  เราดูสิ่งเหล่านี้ทุกวันผ่านเฟสบุ๊ค

ส่วนข้อสองเวลาเราจะดูว่าชาวบ้านมาดูอะไรของเรา ก็จะดูจากชาวบ้านมากดไลค์เรื่องของเรา  พอเราไปเที่ยวมีรูปสวยๆกลับมาก็โพสท์ลงเฟสบุ๊ค เพื่อนได้เห็น เพื่อนก็กดไลค์   บางทีเราก็ขอให้เพื่อนมากดไลค์รูปของเราด้วยซ้ำไป  เพื่อนบางคนก็เป็นขาประจำชอบดูภาพที่เราโพสท์  พ่อแม่บางคนก็โพสท์รูปเด็ก  ความเปิ่นความทะเล้นของลูก  แล้วมีคนมาคอมเม้นท์เราก็รู้สึกดี

เหตุที่เฟสบุ๊คเก่งเรื่องคน เพราะเฟสบุ๊คเก็บข้อมูลของเราในออนไลน์ในระดับที่ลึกมากถึงลึกที่สุด  โดยมีข้อมูลของเราอยู่ 4 ช่องทางที่เฟสบุ๊คจะรู้จักตัวเรา  และรู้ลึกขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป รู้มากขึ้นตามพฤติกรรมที่เราทำผ่านเฟสบุ๊คทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว เราลองมานับหรือทบทวนกันว่าเฟสเก็บข้อมูลเรา 4 ช่องทางนี้ ที่ไหน อย่างไรกันดีกว่า

http://www.freepik.com

ช่องทางที่1  เฟสบุ๊คเก็บข้อมูลของเราจากโพรไฟล์ที่เราสมัคร  การกรอกข้อมูลครั้งแรก  ชื่อ อีเมล  และข้อมูลข้างเคียงอื่นๆเราก็มักจะมีบอกหรือกรอกแทบจะครบทุกช่องเลย  อย่างเช่น ข้อมูล อายุ โรงเรียน ทำงานอะไร ชอบเที่ยวแบบไหนดูหนังอะไร อ่านหนังสืออะไร  เราใส่ข้อมูลความชอบส่วนตัวให้กับเฟสบุ๊คไปแล้วตั้งแต่ตอนสมัครเข้าใช้งานครั้งแรก  และบางคนก็กรอกประวัติการศึกษา  รวมถึงประวัติการทำงานก็มีการกรอกเข้าไปด้วย

พอเรามีประวัติที่ละเอียดขึ้น ผู้ประกอบการต่างๆก็ใช้ประโยชน์จากประวัติการศึกษาของผู้ใช้เฟสบุ๊คได้ อย่างเช่นเรื่องประวัติการศึกษา  ถ้าเราจะค้นหาคนที่สนใจจะซื้อสินค้าของเราโดยอยากได้คนที่มีกำลังซื้อ  เราก็ค้นหาจากประวัติการศึกษาได้เพราะประวัติการศึกษาจะเกี่ยวข้องกับกำลังซื้อหรือรายได้  ถ้าเราจะหาลูกค้าที่จบมหาวิทยาลัยชั้นนำ  กลุ่มนี้ก็จะมีกำลังซื้อมากกว่าคนที่จบการศึกษาระดับมัธยม  หรือแม้แต่ประวัติการศึกษาจากเมืองนอกก็จะได้กลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูงมาก  สิ่งนี้ภาคธุรกิจใช้ประโยชน์จากเฟสบุ๊คได้โดยตรง

ในส่วนข้อมูลประวัติการทำงาน  ก็ช่วยหาลูกค้ากระเป๋าหนักได้  บางคนใส่ข้อมูลการทำงานระดับสูง  คนเรามักจะใส่ประวัติการทำงานที่สวยหรูละเอียดยิบ  คนส่วนมากอยากใส่โพรไฟล์หน้าที่การงานที่ดี หรูหรา  ชอบที่จะเล่าเรื่องการเรียนจบแล้วเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก  ไปต่อปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยท๊อปเท็นของอเมริกา  บางคนยังพยายามเล่าต่อด้วยว่ารับงานเป็น MD ให้บริษัทเอกชนอยู่เป็นปีตั้งแต่ยังเรียนไม่จบปริญญาเอก แถมยังมีบริษัทมาซื้อตัวไปเป็น ceo  เรียกว่าใส่ข้อมูลระเอียดยิบราวกับพระเอกหนังจากวอลสตรีท  นี่คือธรรมชาติของคนเล่นเฟสบุ๊คส่วนใหญ่  จึงทำให้เจ้าของสินค้า หรือนักการตลาด online สามารถใช้ประโยชน์จากโพรไฟล์ขั้นเทพเหล่านี้เพื่อคัดกรองหาลูกค้าที่เหมาะกับสินค้าของเราได้

http://www.freepik.com

ช่องทางที่2 เก็บข้อมูลจากฟีดที่เราอ่าน  การเลื่อนหน้าจออ่านข้อมูลในเฟสบุ๊คไปเรื่อยๆ  เฟสบุ๊คก็เก็บข้อมูลการใช้งานของเราตลอดเวลา  เฟสบุ๊คไม่ได้เก็บข้อมูลแค่สิ่งที่เราอ่าน แต่เริ่มเก็บตั้งแต่วิธีที่เราไถฟีดเลื่อนหน้าจอเลย เฟสบุ๊คเก็บข้อมูลอัตราความเร็วของนิ้วโป้งที่เลื่อนหน้าจอ  ความเร็วเฉลี่ยในการเลื่อน 1 หน้าจอของคนทั่วโลกอยู่ที่ประมาณหน้าละ 1 วินาที  และเมื่อเราเลื่อนไปเรื่อยๆจนถึงสิ่งที่เราสนใจ เราจะเลื่อนช้าลง  เฟสบุ๊คก็จะมีตัว ai มาจับพฤติกรรมของเราได้ และเก็บข้อมูลว่า เราเห็นข้อมูลอะไรแล้วทำให้เราไถหน้าจอช้าลง หรือ ข้อมูลอะไรทำให้เราหยุดไถหรือหยุดเพื่ออ่าน เฟสบุ๊คก็จะบันทึกไว้ว่าเราหยุดที่เนื้อหาแบบไหน   และหากเราหยุดนานแล้วเอานิ้วไปแตะเนื้อหาเพื่ออ่านละเอียดขึ้น  เฟสบุ๊คก็จะตรวจจับได้ว่าเราสนใจเรื่องนั้น  ระบบจะไปดูเนื้อหาในโพสท์นั้น  caption หรือ details ภายในเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ภาพอะไร วิดีโอเกี่ยวกับอะไร  เฟสบุ๊คจะบันทึกสิ่งนั้นเอาไว้ว่าเป็นเรื่องที่เราสนใจ  และถ้าเราอยู่กับโพสท์นั้นอย่างจริงจังมากขึ้นถึงกับไปกดไลค์  เฟสบุ๊คก็จะบันทึกไว้ว่าเรื่องนี้เราชอบมาก   และพอเราทำมากขึ้นไปอีกขั้นเราแสดงความชอบโดยการใส่คอมเม้นท์ เฟสบุ๊คก็จะเก็บข้อมูลว่าเราชอบมากเป็นพิเศษ  

บางโพสท์หากคนใช้งานยังไม่ว่างอ่าน บางคนใช้วิธีกดแชร์ แล้วใส่ tag เอาไว้ว่า “แปะ”   หรือ “เดี๋ยวมาอ่าน”  นั่นก็จะยิ่งทำให้เฟสบุ๊ครู้ว่าเราชอบเรื่องนั้นในระดับซีเรียสสุดๆ  พฤติกรรมแบบนี้อยู่ในสายตาของเฟสบุ๊คทั้งหมด  การกดเข้าไปดูภาพ  ดูคลิปวิดีโอ ก็ทำให้เฟสบุ๊คเก็บข้อมูลได้ลึกขึ้น และทำให้เฟสบุ๊คเริ่มทำการคาดเดาว่าเราน่าจะชอบเรื่องแนวนี้   เฟสบุ๊คก็จะไปหาเนื้อหา ทั้งภาพและคลิปที่คล้ายกันมาให้เราดู  และยิ่งเราตอบสนองต่อสิ่งที่เฟสบุ๊คหยิบยื่นให้  เฟสบุ๊คก็จะยิ่งมีข้อมูลที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น

http://www.freepik.com

ช่องทางที่3 เก็บจากลิงค์ภายนอกที่เราไปกด   ถ้าในโพสท์ของเฟสบุ๊คมีเนื้อหาเว็บที่เป็นลิงค์สู่ภายนอก  เมื่อเรากด เราจะออกกระโดดออกจากเฟสบุ๊ค   เฟสบุ๊คจะคอยจดจำว่า เนื้อหาเกี่ยวกับอะไรที่ทำให้เราออกจากเฟสบุ๊ค สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เราสนใจมากเช่นกัน  ความสนใจแบบนี้ก็จะถูกบันทึกไว้  ตลอดเวลาที่เราใช้งานเฟสบุ๊ค  ระบบ ai ของเฟสบุ๊คจะเรียนรู้ตลอดเวลาว่าเราทำอะไร กดอะไร อ่านอะไร ไปอ่านเรื่องของใครบ่อยๆ  แม้แต่การออกจากเฟสแล้วไปเล่นใน app อื่น หรือไปเล่นในเว็บอื่น  เฟสบุ๊คก็จะยังรู้ได้ว่าเราไปไหน  เพราะเฟสบุ๊คมีเครื่องมือที่ชื่อว่า pixel ที่เป็นชุดคำสั่งสำหรับการฝังไว้ในเว็บ โค้ดชุดนี้จะถูกสร้างจากการโฆษณาของเรา  เจ้าของเพจจะสามารถใส่ pixel ไว้ในเว็บได้  และชุดคำสั่งนี้จะส่งข้อมูลการใช้งานของผู้คนกลับมายังเฟสบุ๊ค  มันละเอียดถึงระดับที่ว่า ลูกค้าอยู่หน้าไหน ลูกค้าอยู่ในเว็บนานแค่ไหน  กำลังดูอะไรอยู่  ทุกอย่างจะถูกรายงานทันที  เจ้าของสินค้าจะรู้ว่ามีคนกำลังใช้เวลากับเว็บ  เราสามารถใช้เงื่อนไขพฤติกรรมนี้เพื่อส่งโฆษณาไปให้เขาได้เลย  พอเขาเปิดเฟสอีกครั้ง โฆษณานี้จะขึ้นในเครื่องเขาในหน้าแรกๆทันที

แล้วกรณีที่บริษัทเราไม่มีเว็บเป็นของตัวเอง เราก็ยังสามารถไปเปิดร้านในมาเก็ตเพลสอย่าง lazada หรือ shopeeได้  เมื่อเราเอาสินค้าไปวางขาย  ตัวระบบของมาเก็ตเพลสก็จะมีเครื่องมือที่จะรายงานว่า มีคนดูโปรดักส์ของเราอยู่กี่คน  เครื่องมือของเฟสบุ๊คนี้ถ้าติดตั้งในเว็บเรียกว่า facebook pixel ถ้าติดตั้งใน application จะเรียกว่า facebook SDK

เคยสังเกตุไหมว่าเมื่อเราดูเว็บagoda เพื่อดูห้องพักโรงแรม  พอเราออกจาก agoda แล้วไปเล่นเฟสบุ๊ค เราจะเห็นโฆษณาจาก agoda เข้ามาในเฟสบุ๊คของเราอีกรอบ  แทบจะทันที  มันเป็นการทำงานของระบบ pixel เวลาเราดูข้อมูลห้องพักโรงแรม แล้วเรายังไม่จอง เมื่อเราไปเล่นในเว็บอื่น หรือ กลับไปเล่นในเฟสบุ๊ค  เราจะไปเจอโฆษณาห้องพักนั้นในเฟสบุ๊ค  โฆษณาจะตามติดไปกับเราอีกพักใหญ่ๆจนกว่าเราจะซื้อ  และเมื่อมีการซื้อไปแล้ว ระบบก็จะรับรู้และเตรียมโฆษณาสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้องให้กับเรา  อย่างเช่น เมื่อเราดูโฆษณาเคสโทรศัพท์มือถือ พอดูแล้วเลือกแต่ยังไม่ซื้อ  เราจะเห็นโฆษณาเคสโทรศัพท์เข้ามาในเฟสบุ๊คอย่างสม่ำเสมอ  และเมื่อมีการซื้อไปแล้วระบบก็จะเปลี่ยนโฆษณาโดยอัตโนมัติ  เฟสบุ๊คอาจจะเอาสายชาร์จและเพาเวอร์แบงค์มาให้เราดูแทน  นั่นคือความฉลาดของระบบ ai  ซึ่งเว็บไซต์และ app หลายๆตัวก็มีความสามารถแบบนี้เป็นส่วนใหญ่  เราเรียกกระบวนการเปลี่ยนสินค้าที่โฆษณานี้ว่า cross selling หรือขายสินค้าที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งจะมีอีกคำที่มาคู่กันคือ upselling หรือ ขายสินค้าในปริมาณที่มากขึ้นหรือความพยายามที่จะทำให้นักช็อปจ่ายเงินมากขึ้น

digital-airport-29nov2005f66

ช่องทางที่4 เก็บจาก location หรือ gps บนโทรศัพท์  ปกติที่เราพกโทรศัพท์ติดตัวไปตลอดเวลา  โทรศัพท์ก็จะบันทึกสถานที่ที่เราเดินทางไป เฟสบุ๊คจะรู้ตำแหน่งของเรา  ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของลูกค้าได้  เจ้าของร้านอาหารสามารถโฆษณาให้คนที่พักอาศัยหรือทำงานใกล้ร้านค้าได้เห็นโฆษณาเมนูอาหารได้  ร้านอาหารไม่ต้องใช้วิธีดั้งเดิมในการเดินแจกใบปลิว  ถ้าเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเราก็สามารถให้เฟสบุ๊คหาคนสนใจก๋วยเตี๋ยวในพื้นที่ ระยะทางไม่เกิน 3 กม. แล้วส่งโฆษณาเข้าไปที่มือถือของเขาได้เลย  ตัวเลข 3 กม.เป็นตัวเลขสวรรค์ ตัวเลขนี้มาจากผู้ให้บริการส่งอาหารแล้วพบว่าลูกค้าส่วนมากจะซื้ออาหารไม่เกิน 3.2 กม. ด้วยเหตุผลว่าค่าส่งจะถูก หรือ ยอมรับค่าส่งได้  ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้านอาหาร ก็ควรโฆษณาแล้วหาลูกค้าในระยะ 3 กม. ก่อน หากตอบสนองลูกค้าทัน สามารถรับลูกค้าเพิ่มได้ก็ค่อยเพิ่มระยะทางให้ไกลขึ้นได้

ถ้าคุณเป็น โรงแรม หรือทำธุรกิจท่องเที่ยว  คุณก็สามารถใช้เฟสบุ๊คหาลูกค้าให้ได้เลย  อย่างเช่น ตอนที่เราเดินลงจากเครื่องบินในสนามบินเชียงใหม่  โฆษณารถเช่ารถรับจ้างก็จะเด้งเข้ามาในโทรศัพท์ทันที  เรื่องนี้เกิดขึ้นตลอดเวลาที่สนามบิน  ผู้ให้บริการที่ใช้เฟสบุ๊คหาลูกค้าเช่ารถย่อมไม่พลาดวิธีนี้

เราพอจะเข้าใจได้แล้วว่าเฟสเก็บข้อมูลจาก 4 แหล่งอย่างประสิทธิภาพ  มีความถูกต้องสูงมาก  และเมื่อนำข้อมูลพฤติกรรมทั้งหมดมาประมวลผลทำให้เฟสบุ๊คมีความสามารถในการพยากรณ์ว่าใครน่าจะเป็นลูกค้าเราโดยมีความแม่นยำมากถึง 85%   ความแม่นยำนี้ทำให้มีหลายคนถึงกับพูดว่า เฟสบุ๊ครู้จักตัวเรายิ่งกว่าตัวเราเองเสียอีก  ซึ่งทำให้ข้อสังเกตเรื่องการดักฟังกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นต้องทำเลย  เพราะเฟสบุ๊ครู้จักเราลึกมากจากแหล่งที่มาข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา

สำหรับธุรกิจ เฟสบุ๊คสามารถหาคนที่น่าจะสนใจสินค้าของเรามาให้ได้อย่างต่อเนื่อง  เรียกได้ว่าเฟสบุ๊คหา opportunity ให้กับเรา ในขณะเดียวกันสินค้าของเราก็ต้องมีความพร้อมที่จะปิดการขายด้วย  ฝ่ายขายของธุรกิจต้องมีความสามารถโน้มน้าวให้ลูกค้าซื้อด้วยถึงจะเกิดผลลัพธ์   แปลว่านอกจากความรู้เรื่องการยิงโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายแล้ว งานหลังบ้านอย่างทีมเซลส์ที่จะปิดการขาย ทีมเก็บเงิน ทีมส่งสินค้าก็ต้องพร้อมเช่นกัน  

ข้อมูลโดย
James 062 394 9265
https://www.facebook.com/GoldfingerDigital

IMG_0845

จอดรถสนามบินค้างคืนเสียค่าจอดเท่าไร

การไปทำธุระหรือไปเที่ยวต่างจังหวัดโดยการเดินทางด้วยเครื่องบินแล้วไม่อยากจ่ายค่าแท็กซี่ไปกลับสนามบินก็ต้องใช้วิธีขับรถส่วนตัวไปสนามบิน แล้วก็จอดทิ้งไว้เลย เที่ยวเสร็จกลับมา ลงเครื่องก็ขับรถตัวเองกลับบ้าน เป็นความสะดวกสำหรับคนเดินทาง โดยสมัยก่อนการจอดรถในสนามบินจะหาที่จอดยากสักหน่อย เพราะว่าคนเดินทางเยอะมาก แต่พอเราอยุ่ในยุคโควิดระบาด เที่ยวบินน้อยลง คนเดินทางน้อยลง ที่จอดรถในสนามบินก็จะมีช่องว่างให้เราเข้าไปจอดได้ค่อนข้างมาก

หากเราใช้แท็กซี่จากบ้านย่านฝั่งธนไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เราจะเสียค่าแท็กซี่ประมาณ 5-600 บาท ไม่รวมค่าทางด่วน ซึ่งราคาแท็กซี่มิเตอร์ และ บริการเรียกรถแบบ grab ก็ราคาแทบไม่ต่างกัน และเมื่อเที่ยวเสร็จขากลับ ก็ต้องเรียกรถจากสนามบินมายังบ้านอีกเที่ยว ค่าใช้จ่ายก็จะมีอีกประมาณ 600 บาท และยังไม่รวมอาการหงุดหงิด รอคิวนาน และ มักจะลูกเล่นของแท็กซี่มิเตอร์ที่อ้างว่าไม่อยากไปด้วย

IMG_20211020_055910

ค่าจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิจะคิดค่าจอดค้างคืนหรือ 24 ชั่วโมงราคา 250 บาท หากเราจอดรถประมาณ 4 วัน ค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 1000 บาท ไม่รวมค่าทางด่วนและค่าน้ำมัน ซึ่งมันก็ดูสูสีใกล้เคียงกันกับค่าแท็กซี่ไปกลับ แต่ความหงุดหงิดไม่มี และที่สำคัญ ในยุคโควิดเราก็ไม่อยากนั่งรถคนอื่นเลย ยิ่งมีเด็กเล็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ยิ่งไม่อยากเสี่ยงนั่งรถคนอื่นเลย ดังนั้น การขับรถส่วนตัวไปจอดทิ้งไว้ที่สนามบินเลยก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าแท็กซี่

IMG_20211107_160027

ผมขับรถไปจอดไว้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 20ตค2564 เวลาเข้าจอดประมาณ 05.55 นาที หรือเกือบหกโมงเช้า เพื่อขึ้นเครื่องไปเชียงใหม่ แล้วก็เที่ยวอยู่ถึงวันที่ 23 ตค กลับมาถึงสุวรรณภูมิอีกครั้งวันที่ 23ตค2564 เวลาเที่ยวบินลงคือ 20.00 น. กว่าจะเดินและรอรับกระเป๋า รวมถึงเดินออกมาถึงจุดจอดรถก็ใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชม. ผมได้ขับรถออกจากสุวรรณภูมิประมาณ เกือบ21.00 น. ตอนเอารถออกนั้นค่อนข้างลำบาก เพราะมีรถมาจอดขวางจนต้องออกแรงเข็น แล้วก็เข็นยาก เพราะรถจอดต่อกันแน่นแทบไม่มีช่องให้เข็นเลย โชคดีที่รถขวางเหล่านั้นไม่ได้เบรกหรือเข้าเกียร์ไว้ทำให้พอเข็นได้

ที่ทางออก เจ้าหน้าที่ของจุดจอดรถรับบัตรจอดรถไปสแกน แล้วก็แจ้งว่า รวมเวลาจอดรถ 3 วัน 14 ชั่วโมง คิดเป็นค่าจอด 4 วัน เท่ากับ 1000 บาท ก็ทำการจ่ายเงินไปแล้วก็ได้ใบเสร็จมา 4 ใบ ตามภาพ ขับรถกลับบ้านใช้เวลาอีก 1 ชม. ค่าทางด่วนอีกประมาณ 3 ครั้งเหมือนตอนมา จบทริป

กล้องดี เลนส์ดี ราคาประหยัดมาก

กล้องและเลนส์สักคู่หนึ่งที่ทำงานร่วมกันแล้วได้ภาพถูกใจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อย  ถ้าบังเอิญได้พบและใช้งานจะรู้ด้วยตัวเองเลยว่ามันเกิดมาคู่กันจริงๆ  กล้อง canon eos m รุ่น1 กับเลนส์ efm 22f2 เป็นคู่หูที่เกิดมาเพื่อกัน และมันทำหน้าที่ได้ไร้ที่ติ. ในแง่คุณภาพของภาพและความสะดวกในการพกพา

หลายคนจะติเรื่องความสามารถในการโฟกัสของ eos m รุ่น 1 กันถ้วนหน้า ผมก็เคยรีวิวไว้เช่นกันว่ามันถ่ายอะไรที่มีขาไม่ค่อยทัน  แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะเมินหน้าหนี แล้วทิ้งมันไปอย่างไม่ใยดี  ราคามือสองหรือมือสิบของกล้องรุ่นนี้อยู่ที่ประมาณ 3พัน เลนส์อยู่ที่ 3-4พัน เป็นการใช้เงินประมาณ 7 พันบาทที่ให้คุณภาพระดับสูงมาก  ผมยังคงไม่พบคู่หูหรือกล้องคอมแพ็คค่าตัวมือสองที่ราคาต่ำกว่านี้และให้คุณภาพได้ดีกว่านี้.

2018-03-17 11.23.55 3

สถานีรถไฟในญี่ปุ่นในช่วงเวลาเย็น แสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า eos m + 22f2 + vsco

ภาพทริปญี่ปุ่นในปี 2015 ของผมทั้งทริปเป็นภาพที่ใช้กล้อง eos m และเลนส์ 22f2 เท่านั้น เพราะทั้งทริปผมไม่ได้พกเลนสและกล้องตัวอื่นไปเลย มีเพียงแค่คู่หูคู่นี้กับแบตสองก้อน  ปรับเลนส์ไว้ที่ f2 แล้ว iso auto แล้วก็ใช้ค่านี้ถ่ายไปตลอดทริปเลย ไม่ว่าจะกลางวัน กลางคืน แดดออก แดดร่ม กลางแจ้ง ในห้าง ในสถานีรถไฟทั้งบนดินและใต้ดิน จบที่อุปกรณ์และค่า setting ค่าเดียวกันทั้งหมด

2018-03-17 11.23.55 2

ไอศครีมข้างทาง เป็นภาพแนวท่องเที่ยวที่จบในตัว การเดินทางคือกินเที่ยวนอน eos m + 22f2 + vsco

2018-03-17 11.24.01 2

ให้คนอื่นช่วยถ่ายให้ก็ไม่ยาก ยังคงวัดแสงและโฟกัสได้ง่ายสำหรับคนทั่วไป eos m + 22f2 + vsco

การที่กล้องมีระบบ touch focus เอามือแตะที่หน้าจอเพื่อให้กล้องโฟกัสได้เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับการท่องเที่ยว  แถมยังเลือกได้ด้วยว่าจะแตะเพื่อโฟกัสเพียงอย่างเดียว หรือ แตะแล้วโฟกัสแล้วถ่ายภาพเลย ซึ่งเป็นวิธีที่มีประโยชน์มากในการขอให้คนอื่นช่วยถ่ายภาพให้. ช่างภาพก็จะได้มีตัวตนอยู่ในภาพบ้าง

2018-03-17 11.23.52 2

ตื่นนอน ขอดูการ์ตูนก่อน eos m + 22f2 + vsco

ในห้องพัก ตอนเช้าตรู่  แสงเข้าทางหน้าต่างส่องมาที่เตียงนอน  เด็กคนนึงกำลังนั่งดูการ์ตูน ไม่รู้ตัวว่าพ่อกำลังแอบถ่ายภาพ หยิบกล้องมาเปิด จัดองค์ประกอบ แตะที่หน้าแล้วกล้องก็ทำการโฟกัส วัดค่าแสงพอดี แล้วก็ลั่นชัตเตอร์ จบในการขยับนิ้วแค่ครั้งเดียว เลนส์มีความไวแสงระดับ f2 ทำให้ภาพหน้าชัด หลังเบลอ โชว์ความเบลอสวยๆให้เห็น เลนส์แพงทำได้ เลนส์ถูกก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน

2018-03-17 11.24.00 2

เติมพลังก่อนเดินทาง canon eos m + 22f2 + vsco

แม่ลูกกำลังกินอาหารเช้าก่อนเดินทางไปเที่ยวต่อ เป็นอาหารเช้าที่เจ้าของโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ลูกค้า. อากาศภายนอกประมาณ 10 องศา อากาศภายในเย็นสบาย ใส่เสื้ออุ่นๆคนละ 2 ชั้น  มาเที่ยวแล้วนอนโรงแรม บันทึกภาพการกินในแต่ละมื้อก็เป็นภาพชุดที่ห้ามพลาด ห้ามลืมถ่าย

2018-03-17 11.23.49 1

หนาวไหมครับแม่  eos m + 22f2 + vsco

อากาศภายนอกหนาวเย็นระดับเลขตัวเดียว การกอดกันก็อุ่นสบาย ที่จุดกลางทางแวะดูสะพานไม้สีแดงของนิกโก้ เป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวมักจะต้องแวะถ่ายภาพ ลำพังเพียงสะพานอย่างเดียวยังไม่มีอะไรโดดเด่น จังหวะบังเอิญพอดีที่แม่ลูกกำลังคุยกัน ขอบฟ้าเอามือไปจับหน้าแม่เพื่อถามว่าหนาวไหม  กล้องอยู่ในมือก็ยกขึ้นมาเล็งอัตโนมัติ บทจะต้องโฟกัสให้เร็วสุดชีวิตมันก็ทำได้นะในบางจังหวะ  แม้ว่าคนค่อนโลกจะบ่นเรื่องโฟกัสช้า  แต่ถ้ากล้องอยู่ในมือช่างภาพที่พร้อมถ่าย ก็ไม่มีข้ออ้างใดๆ จังหวะที่ดีที่สุด กล้องทุกตัวทำได้อยู่แล้ว

2018-03-17 11.23.55 1

อากาศเย็น แดดออก ใบไม้ร่วงยังสวย  eos m + 22f2 + vsco

ภาพนี้ถ่ายที่ด้านหลังสถานนีรถบัส เป้นจุดแวะขอข้อมูลเดินทางและจุดขึ้นรถลงรถที่ทะเลสาบนิกโก้. ท้องฟ้ามีแดด อากาศเย็นสบาย กล้องถ่ายรูปถ้าจะถ่ายแบบเดาแสง ผมจะถ่ายด้วย f11 เพราะแดดชัด เงาชัดและไม่แสบตามาก  ภาพที่ถ่ายมาแล้วย้อนไปดูว่ากล้องเลือกค่าแสงไว้ให้เท่าไหร่ ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่คิดครับ กฏ sunny 16 เป็นกฏง่ายๆที่เอาไว้ช่วยเดาค่าแสงได้ดี

2018-03-17 11.23.53 1

แม่กับลูกริมทะเลสาบชูเซนจิ  eos m + 22f2 + vsco

ภาพริมทะเลสาบ แสงสวย วิวสวย เลนส์ที่ใช้เป็นเลนส์สว่าง f2 ถ้าเปิดกว้างสุด iso ต่ำสุด กล้องยังเลือกความไวชัตเตอร์ให้สูงลิบ เพราะสภาพแสงจริงนั้นสว่างมาก ภาพนี้โชคดีที่กล้องใช้สปีด 1/4000 ให้. เพราะถ้าแดดแรงกว่านี้ หรือ เลนส์สว่างกว่านี้เช่น f1.4 ความไวชัตเตอร์จะขึ้นไประดับ 1/8000 วินาที. ซึ่ง eos m รุ่นนี้ให้ไม่ได้ การใช้บอดี้กล้องระดับกลางที่ความไวขึ้นได้แค่ 1/4000 วินาที เราต้องเลือกเลนส์ f2 ไว้ก่อน มันเป็นข้อจำกัดที่เหมาะสมซึ่งกันและกันระหว่างเลนส์และกล้อง  เพราะกล้องและเลนส์ทุกตัวถูกออกแบบมาให้ถ่ายภาพได้ดีในเวลากลางวัน  ส่วนเทคนิคการถ่ายที่ไม่ปกติ หรือสภาพแสงที่น้อยนิด หรือถ่ายภาพกลางคืน อะไรที่ไม่ปกติ มักจะต้องการอุปกรณ์ที่แพงกว่านี้

2018-03-17 11.23.52 1

ทะเลสาบชูเซนจิ  eos m + 22f2 + vsco

ถ่ายภาพทะเลสาบแบบมีเนื้อหาสาระ ก็นึกถึงว่าต้องมีวิวระยะใกล้ มีวิวไกลๆ ก็เลยจะเป็นภาพที่เห็นพื้น เห็นน้ำ ภูเขา ท้องฟ้า เลยจัดองค์ประกอบแนวตั้งซะหน่อย  การถ่ายภาพวิวควรจะชัดเต็มที่เพราะไม่มีจุดสนใจอะไรให้เด่นที่สุด มันควรจะเด่นทั้งภาพ. การใช้รูรับแสงแคบก็เป็นไอเดียแรกที่จะต้องมี. รูรับแสงที่เลือกใช้ประมาณ f11 ซึ่งก็ตรงกับข้อมูลของกฏ sunny16 ที่แดดแรงใช้ค่า f11 ที่ iso 100 ความไวชัตเตอร์สัมพันธ์กับ iso. ข้อมูลการถ่ายภาพนี้ออกมาที่ f11 1/100วินาที และ iso100 เป๊ะตามโพยเลย.

2018-03-17 11.24.00 1

หลับปุ๋ยเย็นๆ  eos m + 22f2 + vsco

ทริปพ่อแม่ลูก กว่าจะหอบกันขึ้นมาบนทะเลสาบแห่งนี้  ใช้พลังงานเยอะ และในช่วงบ่ายของวันก็เป็นช่วงเวลาที่จะต้องนอนของเด็กสามขวบ  ผลก็คือหลับคารถเข็นเลย  แต่พ่อแม่ก็ต้องถ่ายรูปขอบฟ้ากลับไปให้ได้  เพราะอุตส่าห์พามาแล้ว ยังไงต้องมีรูปอยู่กับน้ำตก  เราถ่ายภาพนี้ที่จุดชมวิว

2018-03-17 11.23.57 1

น้ำตกและใบไม้สีสวย  eos m + 22f2 + vsco

นั่งรถออกจากทะเลสาบออกไปสักสามสิบนาทีจะไปพบกับน้ำตกที่เป็นน้ำตกเล็กๆ  มีคนดูสักสองร้อยคน ที่ยืนก็หายาก มุมจะใช้ขาตั้งกล้องก็ยาก เพราะมีแต่คนเดินไปเดินมา ได้ยืนนิ่งๆถ่ายรูปก็บุญแล้ว  การถ่ายน้ำตกแบบพิมพ์นิยมคือต้องถ่ายให้ได้น้ำเป็นสาย สปีดชัตเตอร์ช้าไว้ก่อน  ซึ่งในทางปฏิบัติของสถานที่นี้ เวลานี้ ไม่สามารถทำได้  สิ่งที่พอทำได้ก็คือ ถ่ายภาพด้วยสปีดต่ำกว่าปกติ แต่ไม่ต่ำมาก แล้วไปลุ้นเอาว่าภาพจะชัด น้ำตกจะเป็นสาย ผมถ่ายภาพนี้ไปหลายสิบรูป เลือกสปีดที่ต่ำมาก  เลยไปลุ้นเอาว่าคงมีสักภาพที่ดูเหมือนไม่สั่น  ได้เป็ฯภาพนี้ออกมา

2018-03-17 11.23.54 1

ตู้ไปรษณีย์ eos m + 22f2 + vsco

เมื่อก่อนเวลาไปเที่ยวไหนก็จะต้องพยายามถ่ายภาพจุดที่เป็นแลนมาร์ค หรือสถานที่เด่นๆที่เป็นตัวแทนของพื้นที่ แต่บางทีก็ถ่ายตู้ไปรษณีย์ซะเลยก็ได้จะได้รู้ว่าไปไหนมา ถ้าเป็นเมืองไทยเราก็อ่านออก พอเป็นญี่ปุ่นก็ไม่รู้ว่าตัวหนังสือที่เห็นบนตู้มันอ่านว่าอะไร ถ่ายแค่นี้แล้วคนดูภาพทีหลังจะรู้ไหมว่ามันคือที่ไหน ถ้าให้เดา มันน่าจะหมายถึงตู้ไปรษณีย์ หรือสำหรับส่งจดหมาย แต่ไม่น่าจะบอกสถานที่

2018-03-17 11.23.51 2

ป้ายรถเมล์ท่ามกลางแสงแดดและแมกไม้ eos m + 22f2 + vsco

การรอป้ายรถเมล์ที่สนุกสนานจะต้องเป็นป้ายรถเมล์ที่อากาศเย็นระดับสิบองศาเท่านั้น ถ้าร้อนแบบเมืองไทยอย่าหวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้มที่หน้าป้ายรถเมล์ รถเมล์ญี่ปุ่นตรงเวลามาก ตรงอย่างไม่น่าเชื่อ. แสงตกกระทับเป็นหย่อมๆดูสวยงามเป็นธรรมชาติ เวลถ่ายภาพแนวนี้มีโอกาสที่กล้องจะวัดแสงผิดได้ง่ายมาก  ภาพนี้ผมไม่ได้ชดเชยแสง ประเมินแล้วว่าภาพด้านหลังเป็นแนวต้นไม้สีเข้ม กล้องน่าจะเลือกค่าการถ่ายที่โอเว่อร์นิดๆเมื่อวัดแสง  ซึ่งก็บังเอิญว่ามันเป็นอย่างที่คิด

2018-03-17 11.24.01 1

รถไฟฉึกฉัก หลับได้เหมือนกัน eos m + 22f2 + vsco

รถไฟในญี่ปุ่น นอกจากรถไฟฟ้า รถไฟชินคังเซ็นแล้ว รถที่วิ่งระหว่างเมืองในความเร็วปกติก็มีใช้งานอยู่. ภาพในตู้รถไฟก็คล้ายๆกับบ้านเรา เป็นที่นั่งสองเบาะหันหน้าเข้าหากัน เด็กจะนอนก็นอนพาดยาวไปเลย โชคดีที่คนไม่มาก  การถ่ายภาพเด็กหลับเป็นสิ่งที่ง่ายดายที่สุด เสียอย่างเดียวคือต้องระวังไม่ให้กล้องสั่น เพราะเรากำลังเล็งภาพบนรถไฟที่วิ่งอยู่  แต่รถไฟญี่ปุ่นสะเทือนน้อยกว่าที่เคยคิดไว้มาก  ภาพถ่ายได้ออกมาชัดเกือบทุกรูป

2018-03-17 11.23.48 1

ยามเย็นแม่กับลูก eos m + 22f2 + vsco

ภาพแนวสตรีทแม่กับลูก บนถนนที่พลุกพล่านที่สุดของโตเกียว สถานีรถไฟที่นี่ใหญ่มากและวุ่นวายซับซ้อนมาก เวลาเย็นก่อนแสงจะหมด เลนส์ f2 ช่วยให้เก็บภาพนี้ได้ด้วยสปีดชัตเตอร์ที่ไม่ต่ำเกินไป แม่กับลูกอยู่ในจังหวะยิ้มที่พอดีสุดๆ  ผมรอจังหวะให้ลูกยกของเล่นเพื่อไม่ให้ของเล่นบังหน้า แล้วก็ถ่าย รอยยิ้มยังอยู่ ของเล่นไม่บังหน้า ย่อตัวถ่ายเสร็จแล้วรีบเดินต่อ เพราะคนเยอะมาก

2018-03-17 11.23.58 1

เล่นซ่อนหา eos m + 22f2 + vsco

เวลาไปห้างก็จะมีจังหวะลูกซน วิ่งเล่น และหยุดดูโน่นนี่นั่น รวมถึงไปยืนในที่แคบๆ ไปแอบผู้คน ห้างสำหรับแม่และเด็กในญี่ปุ่นคงไม่ถือสา  เลนส์ f2 กับภาพในร่ม ในอาคาร เป็นหน้าที่โดยจรงของรูรับแสงกว้างๆเลย สปีดชัตเตอร์เท่าไหร่ผมก็ลืมไปแล้ว รู้แค่ โฟกัสให้ตรงหน้า แล้วถ่ายเลย  องค์ประกอบภาพแนวนี้ มีให้เราถ่ายแค่2 วินาที นานกว่านี้เด็กจะวิ่งแล้ว

2018-03-17 11.23.58 2

ถูกใจ eos m + 22f2 + vsco

เมื่อถูกใจของเล่นชิ้นไหน แววตาและสีหน้าของเด็กก็เต็มไปด้วยประกายแวววาว วินาทียิ้มแฉ่งพร้อมกับสายตาที่มองมันเป็นจังหวะที่ต้องอยู่ในภาพ ของเล่นต้องอยู่ในมือมันถึงจะเจ๋ง  กล้องอย่าง eos m แม้จะโฟกัสช้า แต่ผมโฟกัสรอไว้แล้ว รอจังหวะแค่ ได้ดาบขยับไม่บังหน้า ส่วนรอยยิ้ม ลูกผมยิ้มยาวเฟื้อยนานหลายวินาทีเลย

2018-03-17 11.23.56 1

พาเรดเรือประดับไฟ eos m + 22f2 + vsco

เรือประดับไฟสวยงามเป็นส่วนหนึ่งในพาเรดตอนดึกของสวนสนุกแห่งนี้. เม็ดไฟ led ที่ประดับเต็มลำเรือเห็นเป็นภาพสวยงามให้ความสว่างมากสำหรับการถ่ายภาพ. ภาพแสงไฟหากเราถ่ายที่ค่าแสงพอดี ไม่ได้ชดเชยแสง เราจะได้แสงสว่างสวยในภาพ ส่วนฉากหลังจะมืด ซึ่งหากเป็นตอนมืดอยู่แล้ว ฉากจะมืดไปกว่าเดิมก็ไม่เสียหาย วัดแสงพอดีแล้วถ่ายเลยง่ายและเร็ว

2018-03-17 11.23.50 1

รอเครื่องบิน eos m + 22f2 + vsco

จบทริปญี่ปุ่นที่สนามบินฮาเนดะ เป็นสนามบินที่มีการตกแต่งสวยงาม ใหญ่  ทุกอย่างเร็ว ทันสมัย มีจุดชมวิวดูเครื่องบิน มีพิพิธภัณฑ์เครื่องบินให้ดู  สภาพแสงในสนามบินก็สว่างเพียงพอ กล้องอะไรก็ถ่ายสวย eos m กับเลนส์ f2 ทำงานจนนาทีสุดท้าย ภาพในทริปไม่มีวัดแสงพลาดเลย

IMG_0337

นี่คือกล้องกับเลนส์ที่เล่ามาครับ eos m กับเลนส์ efm22f2.

เที่ยวสิงคโปร์ เขามีทุกอย่างที่อยากมี

สิงคโปร์เป็นเกาะเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆเส้นศูนย์สูตร ขนาดใหญ่ประมาณภูเก็ตของเรา  สิ่งที่ได้ยินมาตลอดชีวิตของคนไม่เคยไปสิงคโปร์ก็คือ ที่นี่ข้าวมันไก่ดังมาก  สิงคโปร์ทันสมัย สิงคโปร์เป็นเมืองท่า เป็นศูนย์กลางการค้าของเอเชีัยตะวันออกเฉียงใต้  การลงทุนในระดับบริษัทข้ามชาติจะมีสาขาใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์  แม้แต่ ระบบ cloud ของอเมซอนก็อยู่บนเกาะเล็กๆแทนที่จะอยู่ในแผ่นดินกว้างใหญ่อย่างไทยหรือมาเลเซีย

IMG_1938.JPG

ทริปไปสิงคโปร์พ่อแม่ลูกเป็นทริปนอกประเทศทริปที่สองของการเดินทางแบบมีเด็กเล็ก หลังจากที่เราได้ไปฝึกฝนการพาลูกเที่ยวที่ญี่ปุ่นมาแล้ว การไปสิงคโปร์ก็กลายเป็นเรื่องที่เชื่อว่าไม่ยากลำบากอีกต่อไป  จองตั๋วกันล่วงหน้าประมาณสามเดือน แล้วพอใกล้ๆวันเดินทางเหลือเวลาอีก 1 วัน ปรากฏว่าผมเช็คอินยืนยันตั๋วเครื่องบินไม่ได้  เหตุผลเพราะพาสปอร์ตกำลังจะหมดอายุในอีกสองเดือน  ผู้รู้ทุกท่านให้ข้อมูลว่าการเดินทางไปต่างประเทศจะต้องมีอายุพาสปอร์ตเหลือเกิน 6 เดิอน  เดือดร้อนต้องรีบไปทำพาสปอร์ตและต้องทำเร่งด่วนภายใน 1 วัน ซึ่งจะต้องไปทำที่กงสุลซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะเท่านั้น  ราคาความด่วนต้องจ่าย 3000 บาท จากเดิม 1000 บาทเท่านั้น  นับว่าเป็นความวุ่นวายที่ไม่คาดฝันจริงๆ

IMG_1945.JPG

ตีสี่เราเดินทางไปดอนเมือง ใช้เวลาต่อแถวเช็คอินสายการบินประมาณสองชั่วโมง และรอขึ้นเครื่องในอีก 1 ชม.ต่อไป  เราถึงสิงคโปรประมาณ 9.30 น.เวลาท้องถิ่นสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเวลาที่เร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง  รถจากโรงแรมมารอรับพวกเรา  ซึ่งคิดว่าจะมีนักเดินทางหลายคนแต่ปรากฏว่ามีแค่เราสามคนเท่านั้นที่นั่งรถบัสคันโตเข้าโรงแรม grand mercue roxy

IMG_1941.JPG

ลูกหลับเร็วมากระหว่างเดินทางไปโรงแรม เราก็เลยรีบเช็คอินที่โรงแรมแล้วพาลูกนอนเตียงให้สบายๆ  กลางวันเดินออกมาฝั่งตรงข้ามโรงแรมเพื่อซื้ออาหารกิน  อาหารในตลาดที่หน้าตาคล้ายๆตลาดสามย่านในความทรงจำ  ราคาอาหารจานเดียวมีตั้งแต่ 2 เหรียญจนถึง 10 เหรียญสิงคโปร์  เทียบเป็นเงินไทยก็คูณ 26 เข้าไป  โดยมื้อแรกของผมในสิงคโปร์ก็คือข้าวมันไก่ราคา 4.8 เหรียญสิงคโปร์ รสชาดก็คล้ายๆของไทย ถือว่าอาหารไม่แพงเท่าไหร่ แต่ที่แพงบาดใจเลยก็คือน้ำดื่ม  น้ำเปล่าขวด 600ซีซี ที่บ้านเราขาย 10 บาท ที่สิงคโปร์ขาย 3 เหรียญ  กินแทบไม่ลงเลย

IMG_1952.JPG

IMG_1956.JPG

IMG_1959.JPG

บ่ายแก่ๆใกล้ๆเย็นเราสามคนเริ่มเที่ยวสวนดอกไม้ ชื่อ garden by the bay ซึ่งมีความอลังการและน่าตื่นตาตื่นใจมาก ต้นไม้หายาก ดอกไม้หายากดูได้จากที่นี่  อาคารกระจกทรงโค้งๆสวยงามติดแอร์ ปลูกต้นไม้แปลกๆไว้เต็มไปหมด  นอกจากความแปลกแล้วยังได้ดูการจัดสวนที่น่ามองยิ่งกว่าสวยใดๆที่เคยเห็นในประเทศไทย  การจัดสวนแนวตั้งที่เมืองไทยเริ่มฮิตอาจมีที่มาจากสวนของสิงคโปร์แห่งนี้

IMG_1971.JPG

ต้นไม้ยักษ์ที่สร้างขึ้นเป็นเสาสูงๆและมีส่วนบานอยู่ข้างบนเป็นสิ่งที่เรียกความสนใจให้ถ่ายรูป  สวนแห่งนี้เป็นจุดแวะอันดับต้นๆของสิงคโปร์  การถ่ายรูปดอกไม้ต้นไม้ในสวนแห่งนี้ถ่ายได้เรื่อยๆหลายร้อยรูป  ความสดชื่นของต้นไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดีและอยู่ในบรรยากาศที่ควบคุมไว้ด้วยเทคโนโลยีการออกแบบอาคารกระจกรวมไปถึงระบบปรับอากาศที่เย็นแสนสบายมันช่างเป็นโชคดีของต้นไม้หายากเหล่านี้จริงๆ  ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวที่ต้องแวะสวนแห่งนี้  แต่นักเรียนนักศีกษาต่างก็ต้องแวะมาหาข้อมูลจากสวนแห่งนี้เช่นกัน  การลงทุนพัฒนาระบบการปลูกต้นไม้แบบไม่กลัวจนมันช่างให้ผลที่คุ้มค่าเหลือเกิน

IMG_1982.JPG

IMG_1999.JPG

IMG_2001.JPG

IMG_2006.JPG

ดอกไม้รูปทรงแปลกตา สีสันประหลาดแบบที่ไม่คิดว่าจะมีจริง ทุกสิ่งทุกอย่างดูเป็นของที่ไม่เคยพบเจอในประเทศไทย ความหลากหลายของต้นไม้ดอกไม้ในโลกนี้มีมหาศาล สวนดอกไม้แห่งนี้อาจเป็นห้องสมุดดอกไม้ของโลก มนุษย์ที่สนใจดอกไม้มาเดินที่นี่ที่เดียวอาจจะได้เห็นของดอกไม้ใบไม้เกือบทั่วโลก นอกจากดอกไม้แล้ว ยังมีส่วนที่ทำเป็นน้ำตก แม้ว่าจะไม่ได้เป็นรูปทรงธรรมชาติแบบที่คนไทยอย่างเราๆเคยเห็น แต่มันก็เป็นน้ำตกที่กลมกลืนกับอาคารแก้ว และความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์แห่งนี้มันเกิดขึ้นจริง มันสมจริงจนตะไคร่น้ำยังขึ้นมาเป็นพยาน

IMG_2043.JPG

IMG_2058.JPG

IMG_2066.JPG

IMG_2070.JPG

IMG_2123.JPG

IMG_2130.JPG

IMG_2159.JPG

IMG_2170.JPG

เราใช้เวลาในสวนดอกไม้แห่งนี้ประมาณสามชั่วโมงแบบเร่งเดิน เพราะหากเราปล่อยอารมณ์ไปตามความสวยงามของดอกไม้ต้นไม้เหล่านี้ เวลาทั้งวันก็อาจไม่พอ ความคิดสร้างสรรของสวนดอกไม้แบบนี้คงยากจะเกิดขึ้นในเมืองไทย เพราะคนไทยไม่ได้มีนิสัยรักสิ่งแวดล้อมและต้นไม้อย่างแท้จริง สิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็กๆที่ไม่ได้มีทรัพยากรอะไรมากมาย เทียบกับเมืองไทยแล้ว ไทยมีธรรมชาติที่เพียบพร้อม แต่คนไทยกลับเลือกทำลายเบียดเบียนจนทุกวันนี้เราได้ยินแต่ข่าวน้ำแล้ง คนแย่งน้ำ เกษตรกรล่มจม เพาะปลูกไม่ได้ผล ขณะที่สิงคโปร์เล็กกระจิ๋วหลิว แต่มีต้นไม้ใหญ่ในทุกถนนปกคลุมทางเดินฟุตบาทให้เดินได้อย่างร่มรื่น มีสวนดอกไม้ที่เป็นงานทดลองชั้นยอด และอีกไม่นาน เราคงจะเห็นฟาร์มแนวตั้ง ที่ติดตามสวนแนวตั้งมาติดๆ ทรัพยากรจำกัดไม่ได้ทำให้ประเทศนี้ตกต่ำ แต่ทรัพยากรคนที่ดีเลิศต่างหากที่เสกทุกอย่างที่ต้องการได้ ถือเป็นโชคดีของสิงคโปร์อย่างมากที่ไม่มีคนหัวใจไทยในระบบราชการของเขา

IMG_2183.JPG

IMG_2175.JPG

ขณะที่เมืองไทยขอร้องกันทั้งประเทศว่าอย่าเล่นสงกรานต์แบบสิ้นเปลือง เพราะชาวนาชาวสวนกำลังจะขาดน้ำตายแล้ว แต่สิงคโปร์ที่ล้อมรอบด้วยทะเล ไม่มีแหล่งน้ำจืดใหญ่เท่าเมืองไทย ยังสามารถปล่อยน้ำให้เด็กเล่นอย่างสนุกสนาน ขอบฟ้าเป็นเด็กตลก อยากเล่นน้ำแต่ไม่อยากเปียก พ่อแม่เลยต้องใช้เสื้อกันฝนใส่ให้ ขอบฟ้าก็เลยได้เล่นน้ำแบบไม่เปียกในความคิดและความเชื่อแบบเด็กๆ แต่สภาพจริงเปียกถึงข้างในอยู่ดีแหละลูกเอ๋ย

IMG_2192.JPG

เราจบวันนี้ด้วยอาหารเย็นแบบร้านอาหารจานเดียว ผมสั่งของที่หน้าตาเหมือนต้มยำกุ้งที่ชื่อรักสะ laksa แต่พอกินแล้วก็อยากจะตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ขนมจีนน้ำยา รสชาดต้มยำเป็นสิ่งที่คนต่างชาติทำยังไงก็ไม่เหมือนคนไทยทำ เปรี้ยว เค็ม เผ็ดแบบไทยนี่เป็นสิ่งที่สิงคโปร์ยังทำไม่ได้ แต่อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้อยากทำก็ได้ แค่หน้าตามันเหมือนกันและคนไทยอย่างผมก็คิดว่ามันจะเป็นต้มยำกุ้งแน่ๆ

IMG_2195.JPG

จบวันที่หนึ่งแบบเหน็ดเหนื่อย วันที่สองจะเป็นวันสวนสัตว์ โปรดติดตาม

เที่ยวสิงคโปร์ ตอนที่ 2 ไปสวนสัตว์

 

งานยุ่งอีกครั้ง บ่น และบันทึก

ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมาจนถึงเดือนนี้ ประมาณเก้าเดือน ที่โรงพิมพ์ไม่ได้ทำโอทีเลย จะมีบ้างแค่บางวันที่งานเร่งมากๆ และเดือนกรกฎาคมกับสิงหาคมที่ผ่านมาก็เป็นช่วงเวลาที่งานค่อนข้างน้อย บางวันเครื่องพิมพ์หยุดรองานครึ่งวัน ส่วนหนึ่งเพราะงานมันน้อยลงจริงๆ อีกส่วนก็คือผมมีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลที่สามารถทำงานได้เร็วมาก งานพิมพ์หลายตัวถ่ายโอนจากเครื่องระบบเก่าไปสู่ดิจิทัลแล้ว มันทำให้งานที่ป้อนเข้าเครื่องพิมพ์ระบบเก่ายิ่งน้อยลงไปอีก

แม้ว่างานระบบเก่าจะน้อย แต่ยอดขายและรายได้ก็ไม่ได้ลดลงไปตามเหตุการณ์ เห็นได้จากว่าเสมียนงานเยอะขึ้น เพราะต้องเปิดบิลส่งของมากขึ้น โรงพิมพ์ผมมีงานที่ต้องส่งมากขึ้นกว่าต้นปี มอเตอร์ไซด์ที่จ้างไว้สองคันก็วิ่งส่งกันไม่ทัน บางครั้งต้องจ้างรถรับจ้างเพิ่ม บางครั้งผมต้องออกไปเอง เครื่องพิมพ์ว่างแต่งานเอกสารเยอะขึ้น เป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายให้คนรุ่นเก่าให้เข้าใจ แม่ผมเห็นเครื่องพิมพ์ว่างแล้วรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็แก้ได้ด้วยการให้ดูตัวเลขรายได้ ส่วนพ่อผมที่ตอนนี้ปลดเกษีียรไปแล้วเพราะกำลังป่วยอยู่ แต่ก็ยังใช้ชีวิตปกติ เห็นเครื่องพิมพ์ว่างแล้วก็หงุดหงิด อันนี้ไม่รู้จะแก้ยังไง เพราะพ่อไม่เคยดูบัญชี

เดือนนี้เดือนตุลาคม ผมกำลังจะเร่ิมทำโอทีอย่างจริงๆจังตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เพราะอยู่ๆลูกค้าหลายรายก็สั่งงานเข้ามาพร้อมกัน ทั้งงานจำนวนน้อย และงานจำนวนมาก มันมาพร้อมกันจนเริ่มปวดหัว นอกจากลูกค้าเก่าแล้ว ยังมีลูกค้าใหม่เกิดขึ้นอีกหลายราย ทุกรายมาจากการแนะนำบอกต่อของลูกค้าเก่า บางรายก็เกิดใหม่จากการที่เขาสั่งงานเข้าบริษัท และ ลองสั่งงานส่วนตัว บางรายย้ายที่ทำงาน ไปที่ใหม่ก็เลยเรียกให้ไปรับงาน บางรายเคยเป็นลูกน้องในบริษัท พอเปิดบริษัทเองก็สั่งพิมพ์งานเอง

หลายวันมานี้มีงานเข้าต่อเนื่องหลายงาน บางงานผมยังไม่ว่างทำให้เลยด้วยเหตุผลว่ากำลังตามงานเก่าบางงานอยู่ งานเก่าที่มีปัญหาของสายการบิน ผมเดินทางไปกลับดอนเมืองเกินสิบครั้งแล้ว วันนี้ผมก็แวะเข้าไปอีกครั้ง แต่เป็นการเข้าไปเซ็นรับมอบงาน ผมถือเอกสารรับมอบงานออกจากดอนเมืองแบบสบายใจสุดๆ เพราะปัญหาที่เรื้อรังมันกำลังจะหมดลงแล้ว งานนี้ไม่ขาดทุนทางตัวเลข แต่ผมขาดทุนเรื่องการเดินทางและเสียเวลา เสียสุขภาพจิตมากมายมหาศาลตลอดกาลใครอย่าแตะ แต่ก็ดีใจที่เข็นให้งานนี้ผ่านไปได้

สัปดาห์ที่แล้ว เซลส์ของฟูจิซีร๊อกซ์โทรมาถามไถ่ ถามถึงเครื่องพิมพ์ดิจิทัลที่มีปัญหาจุกจิก ผมตอบไปว่าตอนนี้เครื่องทำงานปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร เซลส์เลยขอว่า ข้อมูลการใช้เครื่องที่ผมเคยโพสท์ไว้ในอินเตอเน็ตขอให้เอาลงได้ไหม ผมถามว่าทำไม คุณเซลส์ตอบว่ามันทำให้เขาขายของลำบากขึ้น ลูกค้า หรือว่าที่ลูกค้าได้มาอ่านบทความของผมทำให้เซลส์ขายของไม่ได้ ผมเลยถามกลับว่า สิ่งที่ผมเขียนไว้เป็นเรื่องโกหกหรือเปล่า เซลส์ตอบว่าไม่ แต่ขอให้ช่วยเอาลงได้ไหม ผมคิดนิดนึงแล้วก็รับปากไปว่าจะเอาลงให้ แต่ตอนนี้ผมก็ยังไมได้เอาลง เพราะว่าผมงานยุ่งมาก ติดไว้ก่อน อีกสักพักจะค่อยเอาลงนะครับ คุณเซลส์

เมื่อวานนี้เอง ผมกำลังพิมพ์ซองจดหมายด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิทัล ยอดสั่งพิมพ์ 1000 ใบ ลูกค้าเอาซองเปล่ามาเอง ผมแค่สั่งพิมพ์ พิมพ์ไปเกือบพันใบ ก็เห็นว่ามีบางใบที่เอียง มันเอียงจนน่าเกลียด ผมคิดว่ามันคงเป็นแค่บางใบ พอให้ลูกน้องเอามาคัด ปรากฎว่านับยอดพิมพ์เสียได้ 200 ใบ นั่นคือมีของเสีย 20% ผมหยุดพิมพ์ทันที แล้วก็โทรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเรียกช่างมาซ่อม ผมโทรไปตอนห้าโมงเย็นแจ้งเรื่องเสร็จ อีกสิบนาทีช่างก็โทรเข้ามาหาผมถามอาการ แล้วก็แจ้งว่าจะเบิกอะไหล่บางตัวที่เอาไว้พิมพ์ซองจดหมายมาให้ และจะเข้ามาพรุ่งนี้เช้า ผมตกลง

มาตอนเช้าเก้าโมงกว่า ช่างเข้ามาและตรวจสอบอยู่ชั่วโมงกว่า ผมได้วิธีแก้ปัญหาแล้ว สามารถพิมพ์ซองต่อจนครบยอดสั่งพิมพ์ ผมพอใจผลการแก้ไข ผมดีใจที่บริการของฟูจิซีร๊อกซ์กลับมารวดเร็วเหมือนคำสัญญา ไม่ว่าเป็นเพราะผมไปบ่นจนเขาขายของลำบากหรืออะไรก็ตาม ถ้าทำได้ดีตามที่รับปากไว้ก็ถือว่าต้องได้รับคำชมเชย แต่ว่า…. ดูไปเรื่อยๆดีกว่า วันนี้งานมันจบ ลุล่วง แต่เมื่อวานเหตุการมันก็ไปตรงกับคำที่ว่า Print on demand but wait for service tomorow. ลูกค้าก็บอกว่า tomorow ก็ tomorow ยังไงก็ต้องรอ โชคดีที่เขาไม่ย้ายไปพิมพ์ที่อื่น

ใครบางคนเล่นตลกกับเรา

เมื่อวานหลังจากที่พยายามช่วยเหลือลูกค้าสายการบิน เร่งทำป้ายไปใช้งานที่ไบเทคเทอมินัล วันนี้การชุมนุมสลายตัวแล้ว สายการบินกำลังจะกลับไปใช้งานที่สนามบิน ป้ายเร่งด่วนที่สั่งไว้ ก็ไม่ต้องส่งด่วนแล้ว จากที่ต้องไปส่งที่ไบเทคตอนบ่ายๆลูกค้าก็แจ้งว่าไม่รีบแล้ว ทำไปรึยัง ถ้ายังไม่ทำขอดูปรู๊ฟก่อนได้ไหม ผมก็เลยบอกไปว่าพิมพ์เสร็จแล้วกำลังประกอบอยู่ ทางคุณลูกค้าเลยให้ส่งที่อ๊อฟฟิศก็ได้ นี่ถ้ายังไม่ได้เริ่มพิมพ์สงสัยอาจจะขอยกเลิกก็เป็นไปได้
การปิดสนามบินเดือดร้อนหนักมาก ผมได้งานเพิ่มขึ้นจากปัญหาครั้งนี้ และกำลังจะถูกยกเลิกงานบางงานเพราะปัญหามันคลี่คลาย ทุกคนควรจะดีใจที่สถานการณ์ดีขึ้น กลับสู่ความสงบ ผมก็ดีใจนะเนี่ยที่ไม่ต้องทำงานบนความเดือดร้อนของประเทศชาติ