เที่ยววัดกับช่างภาพมันก็จะได้ภาพแบบนี้
Tag Archives: วัด
แวะไปส่งของที่วัด
วันนี้ผมมีนัดไปส่งงานพิมพ์ให้กับลูกค้าท่านหนึ่งที่กำลังจะจัดงานในวัดเบญจมบพิตร วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีความสวยงามระดับหัวแถวของกรุงเทพ อุโบสถหินอ่อนเป็นจุดเด่นที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องแวะมาถ่ายรูป และวัดนี้มีกิจกรรมทางศาสนาบ่อยครั้ง ลูกค้าผมก็จัดงานในวัดนี้เป็นประจำ
ผมเลือกแวะมาส่งด้วยตัวเองไม่ใช้ลูกน้องเพราะว่าอยากมาเดินถ่ายภาพ จำได้ว่าวัดเบญฯเป็นวัดที่ถ่ายภาพสวย เป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งของช่างภาพสมัครเล่นที่ควรจะแวะมาเก็บภาพที่นี่ มีภาพวัดเบญฯที่สวยงามมากในอินเทอเน็ต เราจะเห็นมุมสวยที่ช่างภาพมืออาชีพถ่ายเอาไว้ เราสามารถเดินตามรอยและหัดถ่ายตามได้ ไปยืนในจุดที่ช่างภาพเก่งๆเคยมายืนถ่ายเราจะรู้ว่าช่างภาพมือโปรเขาเลือกมุมอย่างไร
สิ่งที่ชอบอีกเรื่องหนึ่งของวันนี้คือผมเพิ่งรู้ว่าหน้าวัดเบญฯ มีทางข้ามถนนที่เป็นทางลอดใต้สะพาน ในอดีตผมไม่เคยรู้เลยว่ามีทางแบบนี้ ไม่รู้ว่าสร้างตั้งแต่ปีไหน แต่ได้ทดลองใช้แล้วมันเจ๋งมาก มันสวย มันดูดี มันดูเหมือนต่างประเทศมากๆ
ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมาเดินถ่ายรูปเล่นที่นี่แล้วในยุคที่ใช้กล้องฟิล์ม ตอนนั้นใช้กล้อง Canon Eos50 พร้อมเลนส์ Canon 35f2 ใช้ฟิล์มสไลด์ Fuji Velvia
ออกแบบโปสการ์ดพระพุทธรูป
พระพุทธรูปคือตัวแทนของพระพุทธเจ้า ถูกสร้างขึ้นจากความเลื่อมใส อยากมีรูปเคารพตัวแทนของพระพุทธเจ้า รูปแบบการสร้างพระพุทธรูปจะแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค ผสมผสานวัฒนธรรมไปตามความเจริญทางศิลปะของท้องถิ่น จะถือว่าเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ของศิลปะไว้บนพระพุทธรูปในแต่ละยุคสมัยก็ได้
เรามักจะได้เห็นพระพุทธรูปในวัด ในโบสถ์ เพราะเมื่อมีการสร้างวัดเพิ่มขึ้น ก็จะมีความต้องการให้มีพระพุทธเจ้าอยู่ในวัดด้วย พระพุทธรูปจึงถูกสร้างให้ตั้งอยู่ในวัดเป็นวัตถุประสงค์แรก ในประเทศไทยมีวัดอยู่เป็นจำนวนมาก เกิดจากความเลื่อมใสของประชาชนที่อยากสร้างวัด รวมถึงมีค่านิยมในการสร้างวัดของคนมีกำลังทรัพย์ และสถาบันกษัตริย์ก็นิยมสร้างวัดในช่วงเวลาที่ขึ้นครองราชย์เพื่อเป็นวัดประจำรัชกาล พระพุทธรูปจึงมีอยู่มากตามกัน และแต่ละวัด แต่ละรูปเคารพก็จะมีความแตกต่างกันไปตามช่างฝีมือที่ลงมือสร้าง บางรูปแบบของพระพุทธรูปก็จะถูกสร้างขึ้นอย่างเรียบง่าย ใช้วัสดุจากธรรมชาติ บางรูปแบบก็ใช้โลหะ
พระพุทธรูปที่มีความสวยงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มีอยู่จำนวนมาก และมีการบันทึกอย่างเป็นทางการโดยกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งหนึ่งในพระพุทธรูปที่สวยงามที่สุดองค์หนึ่งคือพระพุทธชินราช ประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก จากการที่ได้เคยแวะไปเดินเที่ยว ได้เห็นและได้ไหว้พระถึงในวัดแห่งนี้ ก็พบว่า มีความสวยงามจริง ก็เลยทำเป็นภาพโปสการ์ด เพื่อเอาไว้เป็นที่ระลึก การจัดพิมพ์ภาพพระที่สวยงามออกมาดูก็ถือเป็นการเสพศิลปะภาพถ่ายและการพิมพ์แบบหนึ่ง
ภาพต้นฉบับเป็นถ่ายด้วยฟิล์มถ่ายภาพ ขนาดฟิล์ม 6×6 เซนติเมตร สแกนด้วยความละเอียดสูง ช่วงเวลาที่ถ่ายภาพนี้ผ่านมานานแล้ว ผลของการจัดแสงให้กับองค์พระในช่วงปีนั้น รวมกับการใช้ฟิล์มเพื่อบันทึก รวมกับการสแกนฟิล์มที่จะต้องปรับตั้งและแก้สีอย่างละเอียด ทำให้ลักษณะสีทองของพระมีความผ่อง นวล เหลืองอร่าม เวลาผ่านไปภาพพระที่สถานที่จริงได้รับการปรับปรุงและจัดแสงแตกต่างไปตามช่วงเวลาของคนดูแล ภาพปัจจุบันก็จะไม่เหมือนภาพที่บันทึกไว้ในอดีต ผมโชคดีที่ได้ภาพโทนสีแบบนี้เก็บไว้
เดินเล่นวัดโพธิ์บทเรียนของช่างภาพ
ประเทศไทยมีสถานที่สวยงามหลายอย่าง ทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ทะเล และวัดวาอาราม หนึ่งในวัดที่สวยและเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวและช่างภาพก็คือวัดโพธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับวัดพระแก้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติที่แวะมาประเทศไทย มาชมวัดพระแก้วก็มักจะได้พ่วงการเดินเที่ยวในวัดโพธิ์ด้วย
ในกลุ่มนักถ่ายภาพ เวลาจะหัดถ่ายภาพในกรุงเทพ ในยุคสมัยของฟิล์มเราจะมีสถานที่แนะนำบอกต่อกันมาว่าให้ไป เยาวราช วัดพระแก้ว สวนลุม สยาม วัดโพธิ์ ภาพแนวศิลปะวัฒนธรรมที่ช่างภาพต้องเคยผ่านก็คือภาพในวัด และวัดโพธิ์ก็จะมีไฮไลท์เป็นมุมมหาชนคือภาพพระนอนขนาดยักษ์ที่เราถ่ายภาพได้แค่ส่วนหัวหรือส่วนเท้า การฝึกฝนการจัดองค์ประกอบโดยใช้วัดโพธิ์จะฝึกได้หลายท่าหลายเทคนิค กล้องและเลนส์ที่ใช้ถ้าจะให้ดีควรมีเลนส์มุมกว้างติดไปด้วยเป็นอย่างน้อย ใครใช้เลนส์ซูมก็จะมีโอกาสใช้เลนส์ได้ครบช่วงเพื่อความหลากหลายของภาพ
วัดโพธิ์ตั้งอยู่ที่ถนนสนามไชย ใกล้กับท่าเตียน ติดกับวัดพระแก้ว เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวศิลปะวัฒนธรรม ผู้มาเยือนมักจะเดินดู เดินถ่ายรูป ถ้าจะมาเที่ยวแถวนี้หาที่จอดรถยากหน่อย จอดสนามหลวงก็พอได้ เดินไกลสัก 15 นาที ถ้าจอดริมถนนต้องดูให้ดีว่ามีเวลาห้ามจอดไหม วัดโพธิ์เป็นชื่อเรียกสั้นๆมาจากคำว่าวัดโพธาราม มีมานานแล้ว และถูกบูรณะครั้งแรกโดยรัชกาลที่1 ชื่อเต็มอย่างเป็นทางการก็คือ วัดเชตุพนวิมลมังคลาราม รัชกาลที่3 บูรณะต่อจน เริ่มจดบันทึกลงบนแผ่นหินเกิดเป็นจารึกวัดโพธิ์ วัดแห่งนี้จึงกลายเป็นแหล่งรวมความรู้แห่งแรกอย่างเป็นทางการ เปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย
ตุ๊กตาหินที่เห็นยืนตระหง่านโชว์ตัวอย่างสวยงามเป็นตุ๊กตาแกะสลักที่ใช้ช่างคนจีนทำขึ้น บางคนเข้าใจผิดเรียกว่าตัวอับเฉา ซึ่งตัวอับเฉาที่บอกต่อกันมาเป็นของที่ใช้แทรกเพื่อป้องกันสินค้าที่บรรทุกใส่เรือกลับมาจากประเทศจีน ตอนส่งออกเราส่งของไปขายสินค้าเต็มลำเรือ ขากลับเรือก็บรรทุกของเบากลับมา และเพื่อป้องกันความเสียหายก็เลยต้องหาของป้องกันใส่มาด้วยเพื่อบรรทุกกลับมา ซึ่งตัวอับเฉาจะเป็นตุ๊กตาหินตัวเล็กๆที่สามารถวางแทรกไประหว่างสินค้าต่างๆได้ และเมื่อมาถึงเมืองไทย ตุ๊กตาหินตัวเล็กทั้งหลายก็ถูกนำไปจัดสวน ตกแต่งบ้าน และถูกนำไปวางประดับวัดต่างๆในยุคสมัยรัชกาลที่ 3 ดังนั้นตุ๊กตาตัวใหญ่ๆที่ยืนเท่ห์อยู่ในวัดจะไม่ใช่ตัวอับเฉา ไม่ได้มีหน้าที่ถ่วงน้ำหนักเรือ
การหัดถ่ายภาพในยุคก่อนกล้องดิจิทัล สถานที่สวยงามในกรุงเทพก็คือวัดโพธิ์และวัดพระแก้ว ซึ่งวัดโพธิ์จะมีรายละเอียดที่เยอะกว่า มีกิจกรรมของพระสงฆ์เป็นปกติ ดังนั้นวัดโพธิ์จะเป็นจุดนัดพบของช่างภาพมือใหม่ เราจะพบช่างภาพแบกขาตั้งกล้องไปเดินวัดโพธิ์เยอะมากชนชินตา แต่ยุคดิจิทัลและยุคมือถือที่ถ่ายภาพสวย เราไม่ได้เห็นขาตั้งกล้องอีกแล้ว และนักท่องเที่ยวก็เยอะขึ้นมาก เยอะจนไม่สามารถจะหาที่วางขาตั้งกล้องในจุดสำคัญได้เลย
พระนอนองค์ใหญ่ เราถ่ายภาพได้แค่มุมที่เห็นหน้า กับ เห็นเท้า เป็นมุมมหาชนที่นักถ่ายภาพทุกยุคสมัยก็ถ่ายกันแต่มุมนี้ เพราะสถานที่มีแค่นี้ อาจจะต่างกันในเรื่องของสีสัน การจัดแสง และความใหม่เก่าของอาคารและองค์พระเท่านั้น มุมที่ใช้วัดความเข้าใจเรื่องการใช้เลนส์ก็คือ มุมที่ถ่ายจากปลายเท้าย้อนกลับไปยังเศียรพระ ใครถ่ายภาพเท้าชัดและเศียรพระชัดได้ในภาพเดียวกันแสดงว่ามีความเข้าใจเรื่องระยะชัดลึก และมีการเลือกใช้เลนส์อย่างถูกต้อง และมันก็ต้องใช้ชาตั้งกล้องด้วย วันนี้ผมมาด้วยกล้องพกพาตัวเล็ก ไม่ได้เอาขาตั้งกล้องติดตัวมา ก็ถ่ายไปแบบด่วนๆเร็วๆ เท้าชัดและหัวเบลอ เป็นเรื่องปกติของกล้อง และเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ของเทคนิคการถ่ายภาพที่ไม่ใช้ขาตั้งกล้อง เพราะเราไม่สามารถใช้รูรับแสงแคบเพื่อเพิ่มระยะชัดลึกได้นั่นเอง
องค์พระขนาดใหญ่เป็นจุดสนใจของทุกคน ทำให้นักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดแทบจะพลาดงานจิตรกรรมฝาผนัง ผมเหลือบดูแล้วก็รู้สึกที่งที่มีภาพวาดดูสวยงาม แต่จำนวนคนที่เยอะมากที่เดินอยู่ทำให้เราไม่สามารถหยุดยืนดูนานๆได้ ทุกคนมาไหว้พระองค์ใหญ่ ทุกคนมาเพื่อสัมผัสวัดโพธิ์ มาเพื่อถ่ายภาพมุมมหาชน และลืมที่จะใช้เวลากับฝาผนังไปเลย
ภาพพระพุทธรูปเรียงแถวถอดยาวไปตามทางเดินเป็นมุมมหาชนอีกมุมหนึ่ง ภาพนี้ถ่ายไม่ยาก แต่การจะถ่ายให้สวยต้องเลือกเวลา ผมไปวัดในตอนบ่ายก็ได้ภาพประมาณนี้ แต่ภาพที่ผมเคยชอบในมุมนี้จากการดูภาพของนักถ่ายภาพท่านอื่นผมชอบภาพที่มีแสงแดดส่องเฉียงเข้าไปในภาพ นั่นก็หมายความว่าถ้าเราอยากได้แสงแดดด้วย เราต้องมารอบเช้า เพราะแสงแดดจะส่องเข้าไปที่หน้าพระนั่นเอง วันหลังจะมาใหม่ในเวลาที่เช้ามีแสงแดด
จบทริปเดินเล่นวัดโพธิ์ด้วยการตรวจสอบชื่อเจ้าของรถและการเป็นเจ้าของทะเบียนกับกรมตำรวจด้วยการล๊อคล้อ ค่าตรวจสอบ 500 บาท เพราะการคืนรถหรือปลดล๊อค จะต้องตรวจสอบการเป็นเจ้าของรถเสียก่อน ดังนั้นทะเบียนรถคันนี้เป็นของเราคนเดียว ไม่ได้มีชื่ออื่นมาสวมแทน
การออกแบบเกิดขึ้นที่หน้างาน
วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน 2561 บ้านผมไปทำบุญที่วัดสนามใน อยู่ใกล้สถานีรถไฟบางบำหรุ ย่านตลิ่งชัน เป็นวัดที่มีพื้นที่ร่มรื่น มีที่จอดรถประมาณ 10-15 คัน ชาวบ้านมาร่วมทำบุญอยู่เป็นประจำ ต่างคนต่างเอาอาหารมาคนละอย่างสองอย่าง แล้วก็มาวางรวมกัน เมื่อพระสวดเสร็จ ฉันเสร็จ ชาวบ้านก็เริ่มกินมื้อกลางวัน
การกินข้าวในวัดเป็นการตักแบบบุฟเฟ่ต์ ใครอยากกินอะไรก็ตัก รักษามารยาทกันแค่เพียงอย่ากินเหลือ จาน ชาม ช้อน ใช้ส่วนกลางของวัด เมื่อกินเสร็จแล้วต่างคนก็ต่างไปล้าง เมื่อล้างเสร็จก็วางรวมกันบนชั้นวาง เป็นชั้นวางจาน ชาม ช้อน ทำจากสแตนเลส สิ่งที่น่าสนใจจากชั้นวางนี้ก็คือ ส่วนการวางช้อนให้แห้งเร็ว ชั้นวางจัดเรียงช่องว่างจำนวนมากเพื่อให้เสียบช้อนลงไป
การออกแบบที่ตากช้อนแบบนี้ผมชอบเพราะดูสร้างสรรค์มาก มันอาจเป็นสิ่งที่ทำกันอยู่ในร้านอาหารต่างๆก็ได้ ซึ่งผมก็ไม่เคยรู้ว่าการตากช้อนที่เพิ่งล้างเสร็จนั้นใช้วิธีตากยังไง เพราะปกติที่บ้าน เราก็จะวางไว้ในถาดหรือจาน เพื่อรอให้แห้ง แต่ชั้นวางพิเศษนี้ ใช้เสียบลงไป มันดูเป็นการใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าที่สุด



































