รีวิวเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบพกพา Crosley Revolution CR6002A-BK

sale2013-IMG_0026

เครื่องเล่นแผ่นเสียงเป็นสิ่งที่อยู่กับวงการเครื่องเสียงมายาวนานที่สุดในบรรดาอุปกรณ์ต่างๆในแวดวงของนักเล่นเครื่องเสียง รูปทรงก็จะเป็นลักษณะของแป้นหมุนที่มีแขนประหลาดหรือโทนอาร์มติดหัวเข็มที่จิกลงไปบนแผ่นเสียงที่กำลังหมุนอยู่ เครื่องเล่นแผ่นเสียงได้รับความนิยมก่อนสื่ออื่นใดในโลกเพราะมันเกิดก่อน และเมื่อเวลาผ่านไป สื่อที่เกิดใหม่อย่างเทป ซีดี ดีวีดี เอสเอซีดี และไฟล์ mp3 ก็ได้ทำให้โลกของการเล่นแผ่นเสียงซบเซาลง แต่ว่า ยังคงมีกลุ่มนักเล่นกลุ่มเล็กๆที่ยังหลงไหลและใช้งานแผ่นเสียงอยู่

sale2013-IMG_0010

เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่หลงเหลืออยู่ในยุคดิจิทัลอย่างปัจจุบันนี้จะมีไม่มาก ไม่แพงไปเลยก็ถูกไปเลย ของแพงก็คือของที่ตั้งใจทำมาให้มีคุณภาพสูง มีหน้าตาดี สามารถเล่นเพลงจากแผ่นเสียงได้คุณภาพสูงมาก คนที่เล่นในกลุ่มนี้จะมีฐานะทางการเงินที่ดี เพราะของมันแพงมาก กับแบบที่ถูกไปเลยก็คือออกแแบบมาเหมือนเป็นของเล่น เป็นของใช้งานแบบแฟชั่นบ้าง แบบใช้งานจริงในชุดเครื่องเสียงราคาถูกบ้าง ซึ่งกลุ่มหลังนี้จะเป็นกลุ่มนักเล่นเครื่องเสียงระดับกลางๆเป็นส่วนใหญ่ รวมไปถึงนักเล่นมือใหม่ที่อยากลองของโบราณอยู่บ้างให้พอรู้รส แต่ไม่อยากจะจ่ายเงินหนักๆ

sale2013-IMG_0019

เครื่องเล่นแผ่นเสียงในภาพนี้เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ออกแบบมาให้เป็นของราคาประหยัด ชื่อรุ่น Crosley Revolution CR6002A-BK ราคาขายค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับอุปกรณ์เครื่องเสียงต่างๆ มันมีค่าตัวแค่ 99ดอลล่าร์ในตลาดต่างประเทศซึ่งราคาระดับนี้เป็นราคาต่ำสุดของเครื่องเล่นที่มีคุณภาพดีและมียี่ห้อที่น่าเชื่อถือ

sale2013-IMG_0002

crosley เป็นยี่ห้อที่เน้นผลิตแต่เครื่องเล่นแผ่นเสียงหน้าตาโบราณเป็นหลัก หากไปดูในเว็บไซต์ของเขาเองจะเห็นว่ามีแต่เครื่องหน้าตาแนววินเทจ เหมาะกับการใช้เป็นของแต่งบ้านเสียงจริงๆ แต่ก็จะมีเครื่องเล่นตัวนี้ที่นำมาทดสอบที่จะอยู่ในข่ายเครื่องเล่นหน้าตาทันสมัยดูโมเดิร์น แต่ก็ดูเป็นของราคาถูกไปพร้อมกัน

sale2013-IMG_0006

เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นนี้เป็นเครื่องที่ออกแบบมาให้ใช้พกพา เคลื่อนย้ายได้สะดวก ขนาดเล็กอย่างน่าประหลาดใจ คงเหลือแต่ชิ้นส่วนที่จำเป็นในการเล่นเท่านั้นที่เหลือตัดออกหมดเลย แม้แต่ขนาดก็ยังเล็กกว่าแผ่นเสียงเสียด้วย

sale2013-IMG_0013

ฟังค์ชั่นทั่วไปที่ควรจะมีในเครื่องเล่นแผ่นเสียงก็มีครบครัน ทั้งการเปิดปิด การเล่นด้วยความเร็วระดับ 33 และ 45 รอบต่อนาทีซึ่งเราสามารถเลือกได้ มีช่องต่อขาออกให้สองชนิด อย่างแรกคือช่อง lineout ที่ให้สัญญาณระดับไลน์ ซึ่งเหมาะสำหรับการเชื่อมต่อกับเครื่องขยายเสียงหรือลำโพงที่มีวงจรขยายในตัวอย่างลำโพงคอมพิวเตอร์ กับอีกช่องหนึ่งคือช่อง headphone ที่เอาไว้เสียบด้วยหูฟังเพื่อฟังส่วนตัวเลย

sale2013-IMG_0008

ฟังค์ชั่นที่เด็ดและมีมากกว่าเครื่องเล่นแผ่นเสียงไฮเอนด์ตัวอื่นมีหลายฟังค์ชั่นมาก ไล่ไปทีละตัว เริ่มจากการมีลำโพงในตัว เครื่องเล่นแผ่นเสียงตัวนี้มีลำโพงในตัวสามารถเปิดแผ่นแล้วฟังเสียงได้เลยทันที หากต้องการคุณภาพเสียงแค่ฟังรู้เรื่อง ฟังได้ยิน มันให้ได้เลย คุณภาพเสียงลำโพงในตัวจะคล้ายๆกับวิทยุราคาถูกที่มีลำโพงเล็กๆบางๆติดตัวมาด้วย เสียงกลางเสียงสูงจะได้ยินครบ แต่เบสไม่ค่อยมี เอาไว้ฟังข่าวฟังก็พอไหว

sale2013-IMG_0011

อีกฟังค์ชั่นหนึ่งที่น่าสนใจและเป็นพระเอกที่หาไม่ได้จากเครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องอื่นๆอีกแล้วนั่นก็คือฟังค์ชั่นการส่งสัญญาณเสียงผ่านคลื่นวิทยุ fm ได้ในตัว เครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องนี้มี fm transmitter ในตัว สามารถเลือกความถี่ที่จะส่งคลื่นได้สองความถี่ เราสามารถเปิดแผ่นเสียงแล้วปล่อยสัญญาณ fm ออกไป แล้วใช้เครื่องรับวิทยุในบ้านมาจูนคลื่นให้ตรงกันเพื่อรับสัญญาณเสียงได้ทันที นอกจากวิทยุตั้งโต๊ะแล้ว พวกเครื่องเล่นเพลงพกพาที่รับวิทยุได้ มือถือที่รับวิทยุได้ก็จะสามารถรับคลื่นจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย ระยะการส่งคลื่นที่หวังผลได้ว่าคุณภาพดีอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 2 เมตร ถ้าระะทางมากขึ้นคลื่นจะเริ่มไม่ชัด เท่าที่ลองฟัง คลื่นวิทยุจะค่อนข้างแรง มันสามารถเบียดคลื่นวิทยุชุมชนที่อยู่ติดกันได้เป็นอย่างดี

อีกฟังค์ชั่นหนึ่งที่เด็ดไม่แพ้นกันและไม่มีในเครื่องเล่นแผ่นเสียงไฮเอนด์อื่นๆนั่นก็คือการเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ด้วยพอร์ต usb ซึ่งฟังค์ชั่นนี้จะเอาไว้ใช้บันทึกแผ่นเสียงลงเป็นไฟล์นั่นเอง นัั่นหมายความว่าเครื่องเล่นแผ่นเสียงตัวนี้สามารถต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ และมันก็มีซอ์ฟแวร์แถมมากับเครื่องเป็นโปรแกรม Audacity ที่เอาไว้บันทึกเสียง ความละเอียดในการบันทึกเป็นไฟล์จะอยู่ที่ระดับ 16bit 44.1k

sale2013-IMG_0023

คุณภาพเสียงของเครื่องเล่นแผ่นเสียงจะขึ้นอยู่กับคุณภาพแผ่นเป็นหลัก ถ้าได้แผ่นสภาพดี ฝุ่นน้อยมาฟังก็จะได้คุณภาพที่สูงพอสมควร บางแผ่นที่ทดสอบฟัง ผมใช้แผ่นซื้อใหม่ ก็ให้คุณภาพเสียงที่ดี บางแผ่นเป็นแผ่นมือสองที่เคยซื้อสะสมไว้เกือบสิบปี ก็มีเสียงฝุ่นปนๆออกมา มีครอกแครกให้รำคาญใจอยู่ แล้วน้ำเสียงจริงๆของมันถ้าแผ่นสภาพดีมันจะดีกว่า mp3 ไหม ข้อนี้ผมยังตอบไม่ได้ เพราะว่าระบบการเล่นแผ่นเสียงแบบสำเร็จรูปแบบที่ผมลองนี้ยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นมารตรฐานการเล่น เราเล่นเพื่อจะรับรู้ว่าอรรถรสการเล่นแผ่นเสียงนั้นเป็นอย่างไรมากกว่า ไฟล์เพลง mp3 และไฟล์ระดับไฮเรสต่างๆในระบบที่ผมมีอยู่ให้คุณภาพที่ดีกว่าเครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องนี้ทั้งสิ้น สิ่งที่แผ่นเสียงให้ได้มากกว่าระบบไฟล์ดิจิทัลในบางมุมก็คือ บางแผ่นที่เป็นแผ่นเก่า ยุคเก่า เป็นยุคที่ยังไม่มีระบบซีดี ระบบการบันทึกเสียงยังเป็นอนาลอกอยู่ เมื่อเราฟังเพลงเหล่านั้นผ่านแผ่นเสียง มันคือรสชาดแท้ๆของอัลบั้มนั้นๆ และบางครั้ง บางอัลบั้มก็ไม่มีผลิตออกมาในรูปแบบของแผ่นซีดี การฟังจากแผ่นเสียงจึงเป็นทางเลือกเดียว

ข้อดีของการมีระบบ usb ก็คือ เราสามารถใช้เครื่องเล่นแผ่นเสียงต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อบันทึกแผ่นเสียงไปเป็นไฟล์ดิจิทัลได้อย่างง่ายดายกว่าแต่ก่อน ผลจากการลอง rip เป็นเสียงไปเป็นไฟล์ดิจิทัล ส่วนใหญ่ให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าที่คาดไว้

sale2013-IMG_0037

ลองต่อกับลำโพงเพื่อจัดเป็นชุดฟังเพลงบ้าง ผมต่อเครื่องเล่นแผ่นเสียงเข้ากับลำโพงคอมพิวเตอร์ยี่ห้อ elephant ที่มีราคาขาไม่กี่ร้อยบาท เป็นลำโพงขนาดเล็กที่ให้เสียงเบสลึกได้ลึกจริงๆ และสามารถถ่ายทอดเสียงเบสออกมาได้อย่างน่าฟัง เมื่อต่อเป็นชุดฟังเพลงแล้วก็จัดแจงหาแผ่นเพลงที่ชอบมาลองเปิดทันที มีทั้งแผ่นใหม่และแผ่นเก่าสลับกันฟังเต็มไปหมด

sale2013-IMG_0047

พอลองต่อฟังก็รู้สึกประทับใจดี จัดเป็นชุดอนาถาไฮเอนด์ หน้าตาของทั้งชุดเมื่อวางบนหิ้งก็ออกมาแบบนี้ มันก็ให้ความเพลิดเพลินได้ดี ข้อดีของการฟังเพลงจากแผ่นเสียงก็คือเราได้ดูปก ได้ดูรายละเอียดที่พิมพ์ไว้ในแผ่นหรือในซอง ก็คือได้อ่านข้อมูลคร่าวๆของอัลบั้มนั่นเอง มันเหมือนสมัยก่อนตอนที่ฟังเพลงจากม้วนเทป เราซื้อเทปมาก็จะดูปก ดูรายชื่อคนทำงานเบื้องหลัง ได้รู้ว่าศิลปินมันจะต้องขอบคุณพ่อแม่พี่น้องโคตรเง่าศักราชเต็มไปหมด กับแผ่นเสียงก็คล้ายๆกัน เราได้เสพข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากดนตรี

sale2013-IMG_0054

ส่วนข้อเสียก็มีอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการยกหัวเข็มวางก็ต้องระวัง เมื่อเล่นหมดแผ่นก็ต้องยกเก็บเอง เปิดทิ้งไว้ให้มันเล่นซ้ำเฉพาะเพลงหรือเล่นซ้ำทั้งแผ่นก็ไม่ได้ แถมคุณภาพเสียงก็ยังไม่ดีมากเพราะมีเงินจ่ายแค่ของราคาเด็กเล่น ไอ้ของแพงๆระดับไฮเอนด์ราคาเท่ารถยนต์ก็เอื้อมไม่ถึง รวมไปถึงข้อเสียที่สำคัญที่สุดก็คือ ราคาแผ่นเสียงแพงกว่าแผ่นซีดีอย่างน้อยสามเท่า เพลงฝรั่งของนอร่าโจนส์ชุดแรก ซีดีสามร้อยกว่าบาท แต่พอเป็นแผ่นเสียงแผ่นละหนึ่งพัน แพงกว่า เล่นยากกว่า แต่ก็น่าแปลกที่ยังมีคนพยายามจะเล่น

review yamaha PDX-11 ลำโพงยามาฮ่าน่าใช้

ลำโพงเสียงดีสักตัวหนึ่งเป็นสิ่งที่หายากมากถ้าพิจารณาเรื่องราคาและฟังค์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก  ถ้าบอกว่าจะหาลำโพงเสียงดีงบประมาณเท่าไหร่ก็ได้ แบบนี้เดินไปช๊อปที่ห้างหรูแบบคู่ละแสนคู่ละล้านไปเลยก็ได้  แต่คนธรรมดาอย่างเราๆไม่มีปัญญาระดับนั้นหรอกครับ  แค่เจียดเงินมาซื้อเครื่องเสียงหนึ่งชุดด้วยเงินสักสามหมื่นหรือห้าหมื่นก็โดนค้อนแล้ว

ภาพลำโพงคู่หนึ่งในจินตนาการของคนทั่วไปจะเป็นลักษณะตู้สี่เหลี่ยม  เวลาซื้อมาใช้ต้องซื้อเป็นคู่หรือสองตัว  เวลาใช้งานต้องต่อกับเครื่องเสียงสักตัวหนึ่ง  คืออาจจะต่อกับเครื่องเล่นซีดีหรือดีวีดี แล้วมีแอมป์ในตัว ต่อสายลำโพงออกมายังลำโพง  รูปแบบที่ว่ามาเป็นภาพมาตรฐานที่เรามักจะได้เจอกับบ้านเรือนทั่วไป

ส่วนลำโพงที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ก็จะเป็นก้อนเล็กๆสักคู่ หรือ เป็นชุด 2.1  คือมีลำโพงหลักสองตัวและมีซับวูฟเฟอร์อีก 1 ตัว  ลำโพงคู่หลักวางบนโต๊ะส่วนซับวูฟเฟอร์วางไว้ที่พื้น  ลำโพงแนวนี้มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปถึงระดับหลักหมื่น  ถ้าพ้นจากลำโพงคอมฯไปแล้วก็จะเป็นลำโพงสำหรับโฮมเธียเตอร์ ราคาก็จะอยู่ในระดับหลักพันไปถึงหลายๆหมื่น

แต่คราวนี้ผมได้ไปเจอลำโพงตัวหนึ่งที่มีหน้าตาประหลาด ดูแล้วคงไม่ค่อยมีใครอยากได้สักเท่าไหร่  มันไม่ใช่ลำโพงแบบที่ว่ามาตั้งแต่ต้นทั้งหมด  แต่มันเป็นลำโพงที่ส่งเสียงเพลงได้ดีที่มาพร้อมฟังค์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายและมีจุดเด่นหลายอย่างที่ทำให้น่าสนใจ  ผมเดินไปเจอในห้าง ทดลองฟังสักสองเพลงก็ตัดสินใจซื้อมาใช้ทันที  เป็นการเลือกซื้อลำโพงที่ใช้อารมณ์เป็นหลัก  เหตุผลเรื่องราคาเป็นเรื่องรอง  ซึ่งราคาค่าตัวมันก็ไม่ได้สูงเกินไปเสียด้วย

IMG_0479

ลำโพงตัวนี้เป็นของ yamaha ออกแบบมาเป็นลำโพงที่เลียนแบบหน้าตามาจากเครื่องเสียงระบบ PA หรือเครื่องเสียงสำหรับงานคอนเสิร์ตหรืองานกลางแจ้ง หรืองานวัดนั่นเอง  ดูผิวเผินมันเหมือนลำโพงสำหรับนักดนตรีเอาไว้ใช้บนเวที  แต่ว่าตัวจริงมันไม่ได้ใหญ่มาก คงเอาไปใช้ในเวทีคอนเสิร์ตจริงๆไม่ได้  และพลังเสียงก็ไม่ได้ดังระเบิดแบบเครื่องเสียงกลางแจ้ง  เป็นเพียงลำโพงที่เอาหน้าตาแบบกลางแจ้งมาใช้ แต่ฟังคฺ์ชั่นและคุณภาพมันตั้งใจให้ใช้ในบ้านมากกว่า

ลำโพงรุ่นนี้คือรุ่น  Yamaha PDX-11 ออกแบบมาเป็นลำโพงตู้เดี่ยว มีหูหิ้วเพื่อให้หิ้วย้ายไปย้ายมาได้สะดวก ไม่ต้องใช้สองมือเพื่ออุ้มประคองเหมือนเครื่องเสียงบ้านทั่วไป   ตัวลำโพงตั้งใจออกแบบมาให้ใช้กับ iPod เป็นหลักเพราะมีช่องเสียบ iPod Dock อยู่ด้านบน  สามารถใช้เป็นแท่นชาร์จไฟให้กับ iPod และ iPhone ได้ในตัว  ตอนใช้งานก็แค่เสียบไฟให้กับลำโพงแล้วเอา iPod มาวางบน Dock จากนั้นก็เลือกเปิดเพลงจากใน iPod ได้เลย  เสียงจะถูกขยายออกมาทางลำโพง  คุณภาพเสียงใช้ได้เลย

IMG_0482

ลักษณะทั่วไปของลำโพงตัวนี้คือ รับสัญญาณเสียงจาก iPod ผ่าน Dock ด้านบน สามารถรับสัญญาณเสียงจากเครื่องเล่น MP3 อื่นๆได้อีกด้วยทางสายสัญญาณที่เสียบเข้าช่อง Aux อยู่ด้านหลังตัวลำโพง  ตัวลำโพงมีปุ่มเปิดปิด และมีปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงมาด้วย แต่ไม่มีปุ่มปรับเสียงทุ้มแหลมใดๆเลย  ลูกเล่นอื่นๆที่มีมาให้อีกก็คือมันสามารถควบคุมการเล่นเพลงได้ด้วยรีโมทคอนโทรล  ถ้าเราใช้งานร่วมกับ iPod Touch หรือ iPhone เราสามารถใช้รีโมทสั่งการได้หลายคำสั่งมาก ไม่ว่าจะเป็นการข้ามเพลง ย้อนเพลง หรือการเลื่อนเมนูในหน้าจอเพื่อเปลี่ยน  playlist ได้เลย  และมันใส่ถ่านได้ด้วย ทำให้สามารถใช้งานแบบไม่ง้อปลั๊กไฟได้

IMG_0488

เสน่ห์ของลำโพงตัวนี้คือมันออกแบบมาเป็นตู้เดี่ยว เชิดหน้าเลีียนแบบเครื่องเสียงบนเวทีคอนเสิร์ต  มีหูหิ้วเป็นโลหะแข็งแรงมาก  สามารถหิ้วลำโพงไปไหนมาไหนได้อย่างคล่องตัว  สะดวกสุดๆ  การใช้งานที่เรียบง่ายแค่เพียงเอา iPod ไปวางบน Dock บนตัวมันเท่านั้น  เสียงเพลงก็ถูกขยายออกมาให้ฟังทันที  ฟังในบ้านเพลินๆ อยากจะย้ายห้องก็หิ้วไปวางอีกห้องได้เลย  อยากฟังในสนามก็หิ้วไปวางได้เลย  เพราะ PDX-11 ใส่ถ่านขนาด AA ได้ 6 ก้อน  จะใช้ถ่านธรรมดา หรืออัลคาไลน์ หรือ ถ่านชาร์จแบบ Sanyo Eneloop ก็ได้ไม่มีปัญหา  ถ่าน 1 ชุดสามารถใช้งานต่อเนื่องได้เกิน 8 ชั่วโมง  ถ้านานๆจะหิ้วไปฟังเพลงแบบไม่เสียบปลั๊กสักที เผลอๆถ่าน 1 ชุดอาจจะใช้งานได้เป็นเดือน

IMG_0484

ด้านบนตัวลำโพงจะมีปุ่มเพียง 3 ปุ่ม คือปุ่ม  power เอาไว้เปิดเครื่องและปิดเครื่อง  อีกสองปุ่มคือปุ่มปรับระดับเสียง การมีปุ่มให้กดเพียงเล็กน้อยทำให้การใช้งานเป็นเรื่องง่าย  ไม่ต้องเล็ง ไม่ต้องหา  เมื่อคุณคุ้นเคยกับการใช้งานมันแล้ว  คุณสามารถกดสั่งการบนปุ่มได้อย่างรวดเร็ว  แทบไม่ต้องละสายตามามองเลย  การใช้งานกับ iPod หรือ iPhone ตัวลำโพงจะชาร์จไฟให้กับ iPod ด้วยเมื่อลำโพงถูกเสียบปลั๊ก  แต่ถ้าใช้พลังงานจากถ่าน ระบบชาร์จไฟเข้า  iPod จะไม่ทำงาน  ดังนั้น ใครจะใช้ลำโพงตัวนี้เป็นแท่นชาร์จต้องเสียบปลั๊กไฟเสมอ

IMG_0485

ด้านหลังลำโพงเป็นช่องเสียบสายสัญญาณ Aux เอาไว้ใช้กับเครื่องเล่นเพลงอื่นๆที่ไม่มีพอร์ตแบบ iPod สายสัญญาณที่แถมมากับลำโพงเป็นแบบ 3.5 มม. เส้นเล็กๆบางๆ  ข้างๆช่องเสียบสัญญาณ Aux จะเป็นช่องเสียบไฟแบบ 12VDC  ตัวลำโพงจะแถมอแด๊ปเตอร์แปลงไฟจาก 110-220 Volt เป็น DC 12V มาให้ด้วย  กำลังไฟที่ลำโพงระบุไว้ต้องการไฟเลี้ยง 12V 1.5a

IMG_0494
IMG_0495

คุณภาพการประกอบเครื่องอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก  ตัวลำโพงออกแบบมาแข็งแรง  ดูจะเน้นให้หิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสบายใจ จะหยิบจะวางก็สบายใจได้ว่าไม่ทำให้ลำโพงหลุดมือหรือแตกหักเสียหายได้ง่ายๆ  ตระแกรงด้านหน้าลำโพงเป็นโลหะพ่นสีสวยงาม โลโก้ Yamaha ดูเด่นเป็นสง่า  ภายใต้ตะแกรงเป็นดอกลำโพงสองดอก  ดอกแรกเป็นวูฟเฟอร์คาดว่ามีขนาดประมาณ 4 นิ้ว พร้อมด้วยทวิตเตอร์อีก 1 ดอกขนาดไม่เกิน 1 นิ้ว

IMG_0496
IMG_0497

ลำโพงมีหน้าที่สร้างคลื่นเสียงโดยการขยับกรวยลำโพงเพื่อผลักอากาศ  การผลิตคลื่นเสียงเป็นเรื่องทางฟิสิกส์  การผลักอากาศให้เกิดเป็นความถี่ต่างๆต้องใช้พื้นที่หน้าตัดของลำโพงค่อนข้างมาก  การทำลำโพงที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถลดลดขนาดให้เล็กลงได้ถ้ายังคงต้องการคณภาพที่ดีอยู่  ดังนั้นลำโพงที่ออกแบบมาให้มีคุณภาพเสียงที่ดีมักจะมีขนาดใหญ่โต  ลำโพงเล็กๆที่แถมมากับคอมพิวเตอร์ทั่วไปจะไม่สามารถสร้างคลื่นเสียงความถี่ต่ำได้ในระดับที่เพียงพอต่อการฟังเพลงแบบไพเราะ   ดูจากรูปร่างของ PDX-11 ตัวนี้แล้วจะพบว่านอกจากหน้ากว้างตามขนาดดอกลำโพงแล้ว ยังมีความลึกของตัวตู้อีกที่ช่วยสร้างคลื่นความถี่ต่ำให้มีคุณภาพ  มั่นใจได้เลยว่า เจ้าลำโพงติดหูหิ้วขนาดอ้วนป้อมตัวนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นลำโพงเสียงดีตั้งแต่เกิด

การใช้งานกับ iPod ทั่วไปทำงานได้ดีไม่มีปัญหา  ถ้าใช้กับ iPod touch หรือ iPhone หรือ iPod nano จะสามารรถควบคุมการเล่นได้จากรีโมทคอนโทรล  แต่ถ้าเราใช้กับ iPod รุ่นเก่าๆ ตั้งแต่ iPod Video ย้อนลงไปถึงตัวที่เก่ากว่านั้น เราจะไม่สามารถใช้รีโมทเพื่อสั่งเล่นหรือข้ามเพลงได้  จะสั่งผ่านรีโมทได้แค่ระดับเสียง และเปิดปิดตัวลำโพงเท่านั้น

IMG_2053

การใช้งานลำโพงตัวนี้กับ iPod nano ดูจะเป็นสิ่งที่ลงตัวที่สุด  เพราะขนาดที่เล็กของ iPos nano ทำให้มันติดอยู่กับ Dock ได้อย่างแน่นหนา  สามารถหิ้วลำโพงพร้อม iPod nano ที่เสียบคาไว้ไปไหนต่อไหนได้โดยไม่หลุดจาก Dock มันดูเหมือนจะกลมกลืนเป็นระบบเดียวกันไปเลย

IMG_2059

ใครที่ชอบฟังรายการวิทยุ online ทั้งจากโปรแกรม Tune in หรือฟังจากเว็บ หรือ รายการเสียงอะไรก็ตามที่วิ่งมาทางอินเทอเน็ต  การใช้ลำโพงตัวนี้ร่วมกับ iPod Touch จะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด  เพราะคุณสามารถเปิดฟังได้ทั้งวันโดยที่ไม่ต้องพะวงเรื่องการชาร์จไฟให้กับ iPod Touch ของคุณเลย  แถมยังได้ฟังค์ชั่นอื่นๆมาอีกหลายอย่าง  ทั้งการสั่งการผ่านรีโมทคอนโทรล และการหิ้วไปไหนต่อไหนได้  สามารถใช้งานนอกสถานที่ได้ด้วยพลังงานจากถ่าย AA เพียง 6 ก้อน  และที่ถูกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ  เราสามารถใช้งานลำโพงตัวนี้ด้วยมือเพียงข้างเดียว  คือหยิบ  iPod ไปเสียบ แล้วก็กดเลือกฟังสิ่งที่ต้องการ  ใช้มือเดียวจริงๆ  ถ้าเป็นระบบอื่นๆที่เป็นลำโพงแยกชิ้น ไม่มี Dock ติดมาให้ เราต้องเสียบสายสัญญาณ Aux เราต้องเสียบสายขาร์จที่ ipod การถอดเสียบสายเหล่านี้ต้องใช้สองมือเท่านั้น  แล้วใช้งานสองมือแล้วมันยากเย็นตรงไหน  มันก็ไม่ยากหรอก  แต่ถ้าเราถือของอยู่ หรืออุ้มลูกอยู่  เหลือมือว่างแค่มือเดียว เรายังเปิดเพลงจาก  iPod ได้  นั่นเป็นสิ่งที่ผมค้นพบตอนที่อุ้มลูกครับ.

IMG_2052

ในส่วนของคุณภาพเสียง  จะบอกว่าลำโพงตัวนี้ให้เสียงเป็นกลางก็พอได้  มันมีน้ำเสียงเหมือนลำโพงบ้านทั่วไป  ไม่ได้มีวงจรชดเชยหรือปรับแต่งเสียงพิเศษมาช่วยใดๆเลย  ถ้าเราเคยฟังลำโพงอย่าง Bose companion2 ตัวนั้นจะเป็นลำโพงที่มีตัวประมวลผลมาช่วยเหลือ เสียงเบสลึกจากลำโพง Bose จะผ่านวงจรช่วยเหลือให้เกิดเสียงดังได้ราวกับเป็นลำโพงใหญ่  อาศัยระบบ DSP มาสร้างเสียงเบสให้กับระบบ  แต่กับ Yamaha pdx-11 จะเป็นคนละทางกัน  สัญญาณมายังไงมันขยายไปอย่างนั้น ไร้เทคโนโลยีใดๆ  ผลก็คือ ถ้าเราเปิดฟังในระดับที่เบา เราจะไม่ค่อยได้ยินเสียงเบสต่ำสักเท่าไรนัก  เพราะว่าหูคนเราจะไม่ค่อยไวกับเสียงเบส  เราต้องเปิดระดับการฟังให้ดังได้ระดับที่เหมาะสม  น้ำหนักเสียงเบสจะมีปรากฏให้พอดีกับกลางและแหลม  ซึ่งเป็นลักษระเดียวกับลำโพงบ้านทั่วไป   หมายความว่าการฟังลำโพง  Yamaha ตัวนี้ ขอให้เปิดได้ดังถึงระดับหนึ่งเราจะได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดจากมัน  และที่ระดับการฟังที่เหมาะสมตรงนี้มันทำให้ลำโพงนี้มีเสน่ห์น่าใช้อยู่พอตัว  มันสามารถทดแทนชุดเครื่องเสียงตามห้างทั่วไปได้โดยไม่ต้องสงสัย  เสียงกลางที่สุด เบสที่ลึกมากจะแสดงออกมาได้จนรู้สึกว่า ค่าตัวสี่พันกว่าบาท ไม่แพงเลย

แต่อย่าเอามันไปเทียบกับ Bose Soundlink ที่ออกแบบมาให้เป็นลำโพงเดี่ยวเน้นการพกพาเช่นเดียวกัน  เพราะ soundlink มันให้เทคโนโลยีที่สูงกว่า ดอกลำโพงมีสมรรถนะที่ดีกว่า คุณภาพเสียงดีกว่า  แบตเตอรี่ที่ฝั่งมาในลำโพงก็ให้พลังงานได้มากกว่า  และ มันราคาแพงกว่ากันสามเท่า  ดังนั้นอย่าเทียบกัน

ทดสอบ ลำโพง Bose companion2

ในความทรงจำตอนวัยรุ่นตอนต้น มีรุ่นพี่กล่าวถึงลำโพง Bose ว่าเป็นลำโพงเสียงดี ตอนนั้นผมยังเป็นนักเรียนใส่ขาสั้น เดินเล่นบ้านหม้อ อยากได้ลำโพงตัวใหญ่ขนาดโอบไม่รอบ ไม่มีความรู้ทางดนตรี และอิเล็คทรอนิกส์ ได้แต่จำว่า Bose แพง Bose ดี ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโลกนี้มีเครื่องเสียงอีกมากมาย นอกจาก Sony Kenwood และ ธานินทร์

พอชีวิตเริ่มเกี่ยวกับข้องกับคอมพิวเตอร์ ก็ต้องซื้อลำโพงมาติดคอมฯ ลำโพงที่เลือกซื้อมักจะเน้นตัวใหญ่ เน้นว่าขนาดใหญ่น่าจะเสียงดี ซึ่งมันก็ไม่ผิด ผมเคยเลือกลำโพงให้คนอื่นโดยการไปยืนฟังอยู่นานจนเมื่อยขา แล้วก็อุ้มกลับบ้านด้วยค่าตัวพันกว่าบาท แม้ว่าจะหาเงินได้มากกว่านั้น แต่ก็ไม่รู้สึกว่าอยากจะจ่าย เพราะเสียงที่ได้จากลำโพงคอมฯเหล่านั้นไม่ค่อยดีแบบที่ต้องการ มันอาจจะเป็นเพราะว่าเรามีเงินน้อยเลยต้องเลือกอย่างระวัง และด้วยความจำกัดทางงบประมาณเราเลยได้แต่ทดลองฟังของราคาถูก ของแบรนด์เนม ยี่ห้อฝรั่งแทบไม่อยู่ในหัว เพราะว่า ของจีนมันบังตา ราคามันถูกกว่ากันหลายเท่าตัว

Bose ที่เป็นลำโพงบ้านก็เคยได้ฟังมาบ้าง ฟังจากบ้านเพื่อน ฟังจากร้าน เสียงของ Bose เหล่านั้นไม่ได้เป็นแบบบริสุทธิ์นิยม คือเสียงมันไม่สด เสียงมันไม่ใส ยิ่งลำโพงทรงลูกเต๋าที่มีซับวูฟเฟอร์แยกยิ่งรู้สึกว่าเสียงมันไม่กลมกลืน ตลอดเวลาหลายปีเลยไม่เคยได้สนใจเลย จนกระทั่งร้านขายคอมพิวเตอร์ของ apple ที่มีชื่อว่า istudio เกิดแพร่หลาย คอมพิวเตอร์แม็คอนทอชได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างน่าตกใจ ไปไหนก็เห็นร้านขายแม็คทุกห้าง และอุปกรณ์เสริมต่างๆก็มีวางขายอยู่ในร้านอย่างเป็นระเบียบและสวยงามและมีปริมาณเยอะมาก หนึ่งในของเยอะๆเหล่านั้นก็มีลำโพง bose ด้วยเช่นกัน

คงเป็นผลมาจาก ipod ที่ได้รับความนิยม ร้านขายสินค้าของ apple เลยต้องขายลำโพงด้วย และลำโพง Bose ก็เป็นสินค้าที่มีราคาสูงที่สุดในร้านถ้าไม่นับสินค้า apple เอง ก็เลยมีโอกาสได้ลองฟังบ่อยๆในร้าน istudio เล่ามาซะยาวเลย เข้าเรื่องได้แล้ว


(รูปจากคนอื่น)

ลำโพง bose ที่ผลิตมาสำหรับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์มีไม่มากรุ่น ระยะห้าปีหลังมานี้ Bose ค่อยๆสะสมความนิยม มีคนซื้อใช้มากขึ้น อาจจะเป็นเพราะคนที่เคยอยากได้ในอดีดหลายคนเริ่มแก่ขึ้น เร่ิมมีงานมีการทำ เร่ิมมีเงินซื้อ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น


(รูปจากคนอื่น)

Bose companion2 เป็นลำโพงสำหรับคอมพิวเตอร์ มีหน้าตาออกแบบมาเป็นตู้ขนาดฝ่าเท้า (ใหญ่กว่าฝ่ามือ แต่ไม่ใหญ่มาก) หน้าลำโพงเป็นสโล๊ปเอียงขึ้น ถ้าวางบนโต๊ะคอมพิวเตอร์มันก็จะแหงนหน้าขึ้นสู่คนฟัง ถ้าใช้วางข้างโน้ตบุ๊คก็คงมีความลาดเอียงเท่ากับจอภาพ ด้านหน้าเป็นตะแกรงมีปุ่มหมุนปรับระดับเสียงเพียงปุ่มเดียว ปรับเสียงทุ้มแหลมไม่ได้ ใต้ปุ่มหมุนมีรูเสียบหูฟัง 1 ช่อง ด้านหลังเป็นช่องเสียบสัญญาณเสียงเข้า มีช่องรับ 2 คู่ หมายความว่ารับเสียงจากอุปกรณ์ได้สองตัว ไม่มีตัวเลือกว่าจะฟังอะไร ช่องไหนมีสัญญาณเสียงวิ่งเข้าไปก็ส่งเสียงได้หมด แปลว่า ถ้าต่อกับคอมพิวเตอร์สองตัวพร้อมกัน เปิดเสียงพร้อมกัน มันก็จะรวมเสียงแล้วส่งเสียงผสมกันออกมา เป็นหลักการเดียวกับมิกเซอร์ นอกจากนั้นก็มีช่องเสียบไฟตรง 12 โวลท์ และมีช่องต่อสายลำโพงข้างซ้ายอีกตัวหนึ่ง มีรูระบายเบสอยู่ 1 รู ซึ่งเป็นลักษณะของลำโพงตู้เปิด


(รูปจากคนอื่น)

รูปตัวอย่างนี้เป็นรูปจากที่อื่น  ตัวที่ผมได้มาช่องเสียบไฟเลี้ยงเขียนไว้ว่า 12V 1.8A   ส่วนตัวในภาพระบุไว้เพียง 1.2A

การที่ไม่มีปุ่มปรับเสียงทุ้มแหลมมันหมายความว่า Bose มั่นใจในตัวเองอย่างมากว่าเสียงจากลำโพงของเขาเป็นเสียงที่ดีแล้ว ขอแค่แหล่งโปรแกรมที่เอามาเล่นด้วยอย่าห่วยเกินไป มันถือว่าเป็นความสุดโต่งของการออกแบบเพาเวอร์แอมป์และลำโพงระดับหนึ่ง การออกแบบให้เป็นเช่นนี้ถือว่าเป็นดาบสองคม ถ้าแหล่งโปรแกรมที่เอามาใช้เล่นมันมีคุณภาพเสียงที่ดี เสียงก็จะออกมาดี แต่ถ้าแหล่งโปรแกรมมันเสียงแย่ มันก็ออกมาแย่ยิ่งขึ้น

ลองฟัง Bose โดยใช้เครื่องเล่น DVD ต่อผ่านตัวแปลงสัญญาณเสียง D/A converter อีกตัวแล้วค่อยส่งไปให้ Bose ขยายเสียง เสียงที่ได้มีความใส สด มันเป็นบุคลิกของตัวแปลงสัญญาณ แล้วเกี่ยวอะไรกับ Bose ก็ต้องตอบว่าไม่เกี่ยว พล่ามไปให้เปลืองบรรทัดเล่นๆ แต่สิ่งที่ Bose companion2 ทำให้ก็คือ มันส่งเสียงตลอดย่านความถี่ออกมาได้ค่อนข้างสมบูรณ์ เสียงเบสเป็นงานยากของลำโพงขนาดเล็ก Bose Companion 2 ใช้ดอกลำโพงขนาดเพียง 2.5 นิ้ว ดอกเดียวส่งเสียงตลอดย่าน ถึงจะดอกเล็กแต่ให้เสียงเบสได้ลึกเกินตัว เกินตัวไปมากจริงๆ หลับตาฟังแทบจะไม่เชื่อว่ามันออกมาจากลำโพงตัวแค่นี้ เสียงกลางมีความเด่นพอใช้ได้ เสียงสูงยังไม่ใสเท่ากับลำโพงบ้านทั่วไป แต่ก็ไม่ได้น้อยจนทึบ เรายังรู้สึกว่าเสียงฟาดสแนร์ เสียงฉาบ และ แฉ ยังมีความกังวานและมีประกายเสียง แม้ว่าจะไม่สด ไม่กระแทก ไม่รู้สึกมีความแข็งของโลหะแบบลำโพงบ้านราคาหลายหมื่น แต่มันก็มีให้ฟัง

Bose ใส่วงจรพิเศษเข้าไปในระบบลำโพงคู่นี้อย่างน้อยสองอย่าง จริงๆผมเชื่อว่าอาจจะมากกว่านี้ แต่ค้นหาข้อมูลเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เจอเพียงระบบ TrueSpace ที่ทำหน้าที่สร้างเสียงสังเคราะห์ระบบเสียงรอบทิศจากลำโพงเพียงสองตัว กับวงจรปรับโทนเสียงอัตโนมัติ การมีระบบ TrueSpace ผลก็คือทำให้เสียงมีบรรยากาศโอบล้อม คนฟังจะรู้สึกถึงความฉ่ำหวานและมีประกาย มันมีการเล่นเฟสเสียงที่ซับซ้อน การนั่งฟังห่างลำโพงเพียงแค่ไม่ถึงเมตรมันให้คุณภาพที่ดีที่สุด เพราะมันถูกออกแบบมาให้ทำงานบนโต๊ะ แต่หากถอยห่างออกมาเรื่อยๆ ในบางระยะเราจะได้ยินเสียงกลับเฟสของเสียงกลาง เสียงคนร้องจากที่เคยอยู่ตรงกลางระหว่างลำโพงจะมีอาการวูบไปอยู่ด้านขวาบ้างเป็นบางระยะที่เราทดสอบ แต่การนั่งฟังบนโต๊ะทำงานปกติจะไม่พบอาการนี้ แสดงว่า Bose ออกแบบลำโพงคู่นี้เอาไว้ให้นั่งฟังใกล้ๆ แต่ผมกลับขอบฟังจากระยะไกลๆมากกว่า คือใกล้ๆมันก็ได้คุณภาพแบบที่เขาออกแบบ ไกลๆมันก็ได้อีกแบบหนึ่ง เพราะผมไม่ได้สนใจเรื่องความถูกต้องของเสียงว่าจะต้องมีโฟกัสเที่ยงตรง นักร้องยืนอยู่ตรงกลางระหว่างลำโพง การฟังแบบแบล็คกราวน์มิวสิคหรือแบบเปิดทิ้งไว้ฟังไปด้วยทำงานอื่นไปด้วย เราไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องใช้สมาธิในการฟังจับผิด น้ำเสียงที่หวานกลมกล่อมชวนฟังขนาดนี้หาไม่ได้จากเครื่องเสียงบ้านราคาต่ำกว่าสองหมื่น

ระบบปรับโทนเสียงอัตโนมัติเป็นการปรับแต่งเสียงของแหล่งโปรแกรมต่างๆที่เอามาเปิดฟัง อาจจะเป็นเพลง Mp3 คุณภาพต่ำ การฟังเพลงต่างๆผ่านลำโพง Bose มันมีการปรับเสียงให้อัตโนมัติ เพลงแย่ เพลงดี พอเอามาเปิดมันก็เสียงดีเหมือนกันหมด บางเพลงที่ผมโหลดจากอินเทอเน็ตมาฟัง ฟังจาก Bose ไปเรื่อยๆก็ไม่ได้คิดอะไร พอลองเอาหูฟังมาเสียบฟังเพลงเดิม กลับรู้สึกว่ามันแห้งและทึบเหลือเกิน ผมเดาว่าไม่ใช่เพราะ Bose ทำช่องเสียบหูฟังไม่ดี แต่ระบบชดเชยเสียงหรือการปรับโทนเสียงอาจจะไม่ได้ทำงานในการเสียบหูฟัง เพราะ Bose น่าจะออกแบบวงจรพิเศษต่างๆมาให้ทำงานบนตัวลำโพงจริงๆ

การมีหน่วยประมวลผล ตรงนี้คือประเด็นสำคัญ ลำโพงที่จะสามารถทำงานแบบนี้ได้ก็ต้องมีหน่วยประมวลผลในตัวเอง นั่นคือจะมีต้องมีวงจรอิเล็คทรอนิกส์มารับหน้าที่ประมวลผลนอกเหนือไปจากวงจรขยายเสียงปกติ หมายความว่าคุณภาพแบบนี้ เทคนิคแบบนี้จะอยู่ในลำโพงแบบ active เท่านั้น คือมีภาคขยายและมีวงจรประมวลผลในตัว มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ลำโพง Bose บางรุ่นที่ออกแบบเป็น sub+sat ไม่มีกำลังขยายเป็นลำโพงที่ยังเสียงไม่ดี เพราะให้ลูกค้าไปหาเพาเวอร์แอมป์ใช้เอง มันปราศจากเทคนิคและวงจรพิเศษมาช่วยเหลือ ลำโพงอย่าง acoustic mass เลยมีน้ำเสียงที่ยังขาดๆเกินๆไม่กลมกล่อมเหมือนลำโพงสำหรับคอมพิวเตอร์อย่าง companion2 ตัวนี้

การมีหน่วยประมวลพิเศษเพื่อช่วยให้ลำโพงทำงานได้อย่างมหัศจรรย์ไม่ได้มีแต่ข้อดีฝั่งเดียว มันมีข้อเสียตามมาด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ มันเสียเวลาไปกับการประมวลผลเล็กน้อย ทำให้เสียงมีอาการดีเลย์อย่างรู้สึกได้ ไม่ใช่ว่าเสียงยืด แต่เป็นอาการมาช้าไปนิดหน่อย ถ้าเราต่อลำโพง Bose คู่กับลำโพงอื่นๆที่ส่งเสียงตรงๆไม่มีวงจรประมวลผลมาทำให้เสียเวลา เราจะได้ยินเสียงโน้ตเดียวกันสองครั้ง คือเสียงที่ได้ยินทันทีจากลำโพงตัวอื่นและตามมาด้วยเสียงจาก Bose เพราะมัวแต่ไปเสียเวลาประมวลผล มันเหมือนเป็นอาการเสียงก้องในห้องกระจก คือมีเสียงหลักกับเสียงที่สองวิ่งคู่กันตลอดเวลา ถ้าเราใช้ฟังเพลงอย่างเดียว ก็จะไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหา แต่ไม่แน่ใจว่าถ้าเอาไปใช้เล่นเกมส์จะมีปัญหาหรือไม่ ข้อเสียอีกประการก็คือมันเปิดดังไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าต้องฟังเบาๆ มันเปิดดังให้พอดีในห้องได้ ให้อารมณ์การฟังเพลงได้ดี แต่มันยังเอาไปเปิดในงานปาร์ตี้ไม่ได้ มันเปิดดังเผื่อคนเป็นสิบคน หรือเปิดในที่โล่งแล้วยังไม่ดี เพราะความที่มันพยายามส่งเสียงเบสให้ได้เกินตัว ทำให้มันต้องใช้พลังงานเยอะ เหมือนกับว่าลำโพงทำงานหนักมาก ขณะที่ไฟเลี้ยงวงจรยังมีจำกัดเนื่องจากใช้ไฟเพียง 12 V 1.8 amp เท่ากับความดังประมาณไม่เกิน 21.6 วัตต์ หากคิดประสิทธิภาพระดับ 100% แต่ในความเป็นจริง วงจรขยายเสียงหากสามารถทำประสิทธิภาพได้สูงสัก 70% ก็ถือว่าดีมากแล้ว ผมเดาว่า Bose ตัวนี้น่าจะมีประสิทธิภาพประมาณ 70% มากกว่าจะเป็นแค่ 25% แบบเครื่องเสียงไฮเอ็นด์ทั่วไป การเปิดดังมากๆทำให้วงจรมีอาการคลิป คล้ายกับว่าลำโพงกำลังจะแตก มันเหมือนกับคุณเอารถซิตี้คามาวิ่งในเมืองได้อย่างสนุกสนาน แต่พอต้องออกต่างจังหวัด ต้องทำความเร็วสูงๆ มันสู้รถใหญ่ หรือรถกระบะไมไ่ด้ เพราะมันออกแบบการใช้งานมาคนละประเภทกัน

ประมาณสามวันวันละหลายชั่วโมงที่อยู่กับลำโพงคู่นี้ผมเริ่มรู้สึกว่า Bose น่าจะเป็นลำโพงที่เหมาะแก่การใช้งานระยะยาว การลงทุนที่สูงกว่าลำโพงคอมพิวเตอร์ทั่วไปมันเป็นเรื่องที่รู้สึกคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้กลับคืนมา จ่ายแพงกว่าอีกหน่อย แต่ได้ของที่ใช้ได้ถูกใจและไม่ต้องขวนขวายหาตัวอื่นๆมาแทนมันเป็นสิ่งที่น่าลองทำ เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเงินซ้ำซ้อน ผมเคยเสียเงินซื้อลำโพงมาหลายคู่ เพราะมัวแต่เลือกของถูก ยอมประณีประนอมกับบุคลิกเสียงบางอย่างเพราะว่าต้องดูตามงบประมาณ ผลก็คือมีลำโพงที่ไม่ค่อยได้ใช้อยู่ในบ้านเต็มไปหมด ถ้าซื้อ Bose ตั้งแต่ต้นอาจจะประหยัดกว่านี้

ลำโพง Bose ไม่ได้ให้เสียงที่ถูกต้องแม่นยำ เพราะมันมีการปรับแต่งใส่สีสันต่างๆเข้าไปจนฟังแล้วเคลิ้ม อย่าถามหาความจริงกับ Bose เพราะ ฺBose มันฉอเลาะ ตอแหล กว่าปกติ การเลือกใช้ Bose มันเหมือนเป็นรูปแบบชีวิต เป็นสไตล์หนึ่งๆ ถ้า Bose เป็นกาแฟ ก็จะเป็นกาแฟสตาร์บั๊คส์ คือกลมกล่อม เต็มไปด้วยอารมณ์และบรรยากาศ เข้าไปนั่งแล้วสั่งกินได้ไม่ผิดหวัง นั่งในร้านแล้วรู้สึกปลดปล่อย ไม่เครียด กาแฟทำหน้าที่เป็นเครื่องดื่ม แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือความรู้สึกว่าการมีเวลาส่วนตัว มีโลกส่วนตัว มีความสบายส่วนตัว มีร้านอื่นที่ขายกาแฟเช่นกัน มีกาแฟราคาถูกกว่านี้ มีราคาแพงกว่านี้ แต่สตาร์บั๊คมีมากกว่านั้น บางคนจ่ายสิบกว่าบาทก็แลกกาแฟข้างถนนได้ แต่มันคนละอารมณ์ คนเรากินกาแฟไม่ใช่เพราะต้องการเพียงแค่คาเฟอีน อารมณ์กาแฟต่างหากที่ต้องการ

ถ้า Bose เป็นภาพถ่าย Bose คือภาพที่ได้จากฟิล์มสไลด์ fuji Velvia ซึ่งเป็นฟิล์มสไลด์ที่ให้สีสันสดจัดจ้านที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา ภาพจากฟิล์มสไลด์ตัวนี้มีความอิ่มตัวของสีที่สูงมาก มีรายละเอียดสูงมาก และภาพในหนังสือ National Geographic ในยุคก่อนดิจิทัลจะครองเมืองจะเป็นภาพจากฟิล์มตัวนี้เป็นส่วนใหญ่

ถ้า Bose เป็นรถยนต์ มันอาจจะเป็น Honda CRV ที่เป็นรถอเนกประสงค์ ขับไปร่วมงานอะไรก็ได้ ไปงานหรูก็ได้ ไปงานบวชงานวัดก็ได้ สมรรถนะพอใช้ ไม่แรงไม่ลุยเท่าโฟวีลแท้ๆ ไม่คล่องตัวอย่างซิตี้คาร์ แต่ขับได้ทุกวัน ใช้ได้ทุกวัน ในเมือง หรือนอกเมือง ชีวิตบนตึกหรือท่องเที่ยวก็ได้หมด

ถ้า Bose เป็นอาหาร ผมคิดว่ามันเป็นข้าวผัด บางคนชอบกินข้าวขาว บางคนชอบกินข้าวกล้อง Bose เป็นข้าวที่ปรุงเสร็จแล้ว สามารถกินเปล่าๆ หรือ กินพร้อมกับก็ได้ มันมีรสชาด มีความหวานมัน

ลำโพงสำหรับการพกพา เสียงดีและไฮเทค Altec lansing imt525

ท่าทางผมจะเป็นคนบ้าลำโพงเอามากๆ เวลาเจอลำโพงที่เสียงดีก็มักจะดีใจและถ้ามีเงินในกระเป๋าก็แทบจะซื้อเก็บไว้เสมอ ตั้งแต่มีคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเอง(เกือบยี่สิบปี) ผมก็ทะยอยมีลำโพงในครอบครองมากขึ้นเรื่อยๆ ค่าเฉลี่ยอาจจะไม่ถึงปีละคู่ แต่มันก็เยอะพอที่จะทำให้สมาชิกในบ้านเริ่มมองอย่างเอือมระอา

ครั้งหนึ่งสมัยเขียนบล็อกใหม่ๆผมเคยแนะนำลำโพงพกพาเสียงดีมากไว้ตัวหนึ่ง มันมีรูปทรงเป็นกระบอก มาวันนี้ ผมกำลังจะรีวิวลำโพงสำหรับพกพาตัวใหม่ ที่ผมถูกใจมากกว่า ทั้งในแง่คุณภาพเสียงซึ่งเป็นประเด็นหลัก และในแง่ความสะดวกในการพกพาซึ่งเป็นประเด็นลำดับสอง ลำโพงที่กำลังจะพูดถึงนี้ทำให้ลำโพงคู่เก่า(กระบอก)กลายเป็นลำโพงเสียงไม่ดีไปเลย เป็นอาการได้ใหม่ลืมเก่าอย่างสิ้นเชิง

ลำโพงคู่ที่ว่านี้ก็คือ Altec lansing imt525 ซึ่งเป็นลำโพงแบบแบนบาง นอกจากจะเอาไว้ต่อกับคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่น mp3 ทั่วไปแล้ว ยังมีการรับสัญญาณเสียงอ่านระบบ Bluetooth อีกด้วย ซึ่งมันทำหน้าที่เป็น Handfree ไปได้ในตัว สามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้เลย หน้ากล่องยังมีรูปโทรศัพท์มือถือโชว์อยู่อีกต่างหาก ทำนองว่าเน้นการใช้งานร่วมกับโทรศัพท์มือถือนั่นเอง

เปิดภายในออกมาก็จะมีอุปกรณ์ต่างๆมาอยู่จำนวนหนึ่ง ประกอบไปด้วยตัวลำโพง หม้อแปลงไฟ 9 โวลท์ สายสัญญาณ mini3.5 to mini3.5 ถุงผ้า และคู่มือ ซึ่งผมค่อนข้างตื่่นเต้นกับถุงผ้าเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่ซื้อลำโพงมาหลายชนิด ไม่เคยได้แถมถุงผ้ากับเขาเลย

ตัวลำโพงเป็นทรงแบนบาง ปุ่มควบคุมอยู่ด้านบน มีช่องวงกลมเหมือนรูขนาดเล็กเป็นไมโครโฟนเพื่อรับสัญญาณเสียงพูดซึ่งจะใช้ตอนคุยโทรศัพท์ ช่องเสียบหม้อแปลงไฟอยู่ด้านหลัง ระบุไว้ว่าต้องใช้แรงดัน 9V 1600ma ช่องเสียบสายสัญญาณเสียง line-in อยู่ด้านหลัง สามารถใส่ถ่าน AA ได้ 6 ก้อน หมายความว่ามันถูกออกแบบมาให้พกพาจริงๆ ดอกลำโพงคู่ matched pair ขนาด 2 นิ้ว ขนาดน่ะผมเชื่อ แต่ matched pair อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจ

ที่ด้านหลังมีจุดที่กดเพื่อให้ขาตั้งเด้งออกมา เมื่อกางขาตั้งแล้วมันจะวางบนโต๊ะได้สวยงาม มุมเอียงหน้าขึ้นเล็กน้อย จะวางบนหัวเตียงก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่ผมคิดว่าผมอาจจะเอาไปวางไว้ในรถยนต์ของผมเอง เพราะเครื่องเสียงที่แถมมากับรถคุณภาพค่อนข้างต่ำ ซึ่งถ้าเอาไปใช้ในรถจริงๆก็จะได้ประโยชน์จากการโทรศัพท์ด้วย เพราะจะใช้งานเป็นแบบ Handfree ได้เลย ซึ่งมีประโยชน์ต่อการขับรถไปคุยโทรศัพท์ไปด้วยอย่างยิ่ง

แต่ผมก็คงไม่เอาไปไว้ในรถจริงๆหรอก เพราะว่ามันพกง่าย และผมก็มักจะพับเก็บและขนลำโพงตัวนี้ไปพร้อมกับกระเป๋าโน้ตบุ๊ค เพราะความหนาของมันเท่ากับโน้ตบุ๊คขนาดมาตราฐานทั่วไป การพกพาใส่กระเป๋าไปพร้อมโน้ตบุ๊คจึงเป็นสิ่งที่ทำได้ทันที ไม่ต้องหากระเป๋าโน้ตบุ๊คใบใหม่ และพอมันอยู่ในกระเป๋าโน้ตบุ๊คแล้ว ผมก็ขี้เกียจหยิบมาวางไว้หน้ารถนั่นเอง

พกพาง่ายแล้วคุณภาพเสียงเป็นอย่างไร เสียงของมันมีจุดเด่นที่เสียงกลาง มีความคมชัดของเสียงร้องค่อนข้างมาก เสียงคนกับเสียงกีต้าร์เป็นเสียงถนัดของลำโพงตัวนี้เลย ความใสก็มีอยู่ค่อนข้างดี ลำโพงราคาถูกทั่วไปมักจะส่งเสียงได้ เปิดดังได้ แต่เสียงจะไม่ค่อยใส ความใสที่ว่านี้เป็นความใสที่ทำให้น้ำเสียงมีประกาย มีน้ำมีนวล ด้วยความบางของลำโพงทำให้การส่งเสียงเบสจะต้องอาศัยเทคโนโลยีมาช่วยอยู่บ้าง นั่นคือลำโพงนี้มีระบบ SRS Tru-bass ซึ่งเป็นวงจรเพิ่มเสียงเบสให้มากขึ้น มันเป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำมาช่วยลำโพงเล็กให้ส่งเสียงทุ้มได้มากขึ้น มันเป็นการประมวลผล DSP แนวทางหนึ่งที่ช่วยให้คนฟังได้ยินเสียงเบสที่เกินตัว ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากลำโพงตัวเล็ก แต่เสียงเบสที่ผ่าน DSP ของลำโพงตัวนี้ก็ทำได้ในระดับหนึ่ง เพราะข้อจำกัดทางกายภาพที่อยากจะให้ลำโพงมันเล็กและบาง ทำให้เสียงเบสที่พยายามใช้ DSP ช่วยแล้วก็ยังน้อยไปอยู่ดีเมื่อเทียบกับลำโพงที่มีซับวูฟเฟอร์ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เท่าที่ได้ยินก็ถือว่า Altec lansing ทำได้ตามที่โม้ไว้ว่า speaker phone ก็ทำแบบเสียงดีได้

การที่ลำโพงนี้สามารถใช้เป็น Handfree ได้ด้วย หมายความว่ามันจะต้องออกแบบมาให้สามารถคุยกันได้รู้เรื่อง ไมโครโฟนรับเสียงที่อยู่ติดกับลำโพงส่งเสียงจะต้องมีการออกแบบไม่ให้มีเสียงหอน หรือ ฟี้ดแบ็ค ซึ่ง imt525 ก็ทำได้ดีน่าชื่นชม เหตุที่ทำได้ก็เพราะเทคโนโลยีอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่า echo-canceling ผมสามารถรับสายระหว่างฟังเพลงได้ และคุยธุระจนจบโดยที่ไม่ได้รู้สีกเหมือนใช้ handfree ในมือถือเลย สามารถคุยกันรู้เรื่อง พูดแทรกกันก็ค่อนข้างได้ยินชัด ไม่ใช่เสียงหายเหมือนสื่อสารทางเดียว

ปุ่มกดจำนวนมากที่ด้านบนลำโพงทำหน้าที่เป็นปุ่มควบคุมการเล่นเพลง เพราะลำโพงตัวนี้เป็น Speaker Bluetooth ที่สนับสนุนโปรโตคอล A2DP หรือการส่งเสียงผ่าน Bluetooth และยังสามารถควบคุมการเล่นได้ด้วย จะหยุด จะเปลี่ยนเพลงทำได้ที่ฝั่งลำโพงเลย โดยในการทดสอบกับโทรศัพท์ผมใช้โทรศัพท์ Samsung รุ่น Monte เมื่อทำการ paired กันเรียบร้อยแล้ว ผมเปิดโปรแกรมเล่นเพลงในมือถือแล้วเลือกรายการเพลงที่ต้องการ กด play บนมือถือปุ๊ป เพลงก็ไปดังที่ลำโพงทันที และพอไปกดเปลี่ยนเพลงที่ลำโพงโดยการกด next มันก็เปลี่ยนเพลงจริงๆ หน้าจอมือถือก็แสดงรายชื่อเพลงใหม่ที่กำลังเล่นทันทีเช่นกัน แบบนี้ก็ถือว่าสะดวกดี ผมรู้สึกว่ามันเหมาะกับการนำโทรศัพท์ที่มี Bluetooth A2DP มาใช้เป็นเครื่องเล่น MP3 แทน iPod ไปเสียเลย ยิ่งถ้าเป็นมือถือรุ่นใหม่ๆที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเข้าไปได้ยิ่งทำให้ลำโพงตัวนี้น่าใช้งานมากยิ่งขึ้น

พอลองกับมือถือเสร็จแล้วก็เอามาลองกับโน้ตบุ๊คบ้าง โน้ตบุ๊คที่มี ฺBluetooth ก็สามารถใช้งานกับลำโพงนี้ได้ ผมลองทั้งเครื่อง macintosh รุ่น macbook pro และลองกับเครื่องที่เป็น windows อย่าง acer aspire1 ก็ทำงานได้ดี สามารถเปิดเพลงจากคอมพิวเตอร์ให้ไปออกที่ imt525 ได้อย่างไม่ยากเย็น คุณภาพเสียงก็ไม่แตกต่างไปจากการเล่นกับโทรศัพท์มือถือ

เอา imt525 ไปลองกับ iPodtouch Gen2 ซึ่งผมก็เพิ่งรู้ว่า iPod Touch รุ่นนี้มี Bluetooth เช่นกัน แต่ใช้งานได้แค่ส่งสัญญาณเสียงเท่านั้น ไม่สามารถใช้สื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลอื่นๆได้ เมื่อเชื่อมต่อกับ ipod touch แล้ว เสียงต่างๆของ iPod Touch ก็จะมาออกที่ลำโพง ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง หรือฟังเพลง ทุกเสียงจะวิ่งเข้าลำโพงทั้งหมด นับว่าสะดวกมาก มีข้อจำกัดอย่างเดียวที่ iPod Touch Gen2 ยังทำไม่ได้ก็คือ มันยังไม่รองรับระบบ A2DP ทำให้กดเปลี่ยนเพลงที่ลำโพงแล้วเสียงเพลงยังไม่เปลี่ยน

ผมใช้งานลำโพงตัวนี้มาประมาณ 1 เดือน ถือว่าคุณภาพถูกใจ การพกพาก็เป็นเรื่องง่าย ราคาก็ไม่แพงเกินไป ที่บอกว่าไม่แพงก็เพราะผมซื้อมาในราคา 2490 บาท ที่ร้าน iStudio สาขาเซ็นทรัลพระรามสาม หลังจากที่ซื้อกลับมาแล้วก็มาหาข้อมูลเพิ่มก็พบว่ามันเคยมีราคาอยู่ที่ระดับ 7-8 พันบาทกันเลย ก็ทำให้หลงดีใจว่าได้ของถูกอยู่หลายวัน แล้ววันดีคืนดีผมก็เห็นลำโพงตัวนี้อยู่ในร้านขายของร้านหนึ่ง เขาติดราคาไว้ที่พันกว่าบาท ผมเห็นแล้วก็รู้สึกมืนๆเล็กน้อย เสียดายที่ไม่เห็นราคานี้ก่อนจะได้ไม่ต้องเสียเงินเยอะเกินจำเป็น แต่คิดอีกที ถ้ามันถูกๆแค่พันกว่าบาท ผมอาจจะไม่ได้สนใจที่จะหามาฟังก็เป็นไปได้

บทความ-ทดสอบเครื่องเสียง TEAC R-1

บทความ-ทดสอบเครื่องเสียง TEAC R-1

teac r1 review

IMG_9000

“ทดลองใช้ วิทยุเสียงดี TEAC R1”

นานมาแล้วผมเคยพยายามมองหาลำโพงชุดหนึ่งเพื่อนำมาใช้งานร่วมกับเครื่องเล่น iPod ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ต้องการเสียบหูฟังตลอดเวลา เนื่องจาก iPod เป็นเครื่องเล่นเพลงชนิด Mp3 ที่มีคุณภาพดีมาก หลายคนที่เคยปฏิเสธการฟังเพลงจากไฟล์ Mp3 กลับหันมาเลือกใช้ iPod เป็นเครื่องเล่นเพลงประจำตัว อย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งที่กลืนน้ำลายตัวเอง เคยสบประมาทและดูถูก Mp3 ไปต่างๆนานา แต่สุดท้ายก็หันมาลงทุนกับอุปกรณ์กลุ่มไฮเทคโนโลยีอย่างลุ่มหลงไม่รู้ตัว

เมื่อได้ ipod มาใช้ก็เลยอยากให้มันส่งเสียงได้ พยายามมองหาลำโพงมาหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นลำโพงเล็กๆย่อมๆซึ่งผมซื้อมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ตัว แต่ละตัวถูกคาดหวังว่าจะเป็นลำโพงสุดรัก พกพาไปฟังได้ทุกที่ ทุกเวลา บางตัวรูปร่างเป็นทรงกลม บางตัวเป็นทรงกระบอก บางตัวเป็นลูกบาศก์ บางตัวใส่กระเป๋าโน้ตบุ๊คได้ บางตัวไม่อยากจะหิ้วขึ้นรถเลยก็มี นอกจากลำโพงขนาดย่อมเหล่านี้ ผมยังหาลำโพงคู่ใหญ่ๆมาใช้กับอินทิเกรตแอมป์ที่ใช้ในบ้านอีกด้วย ลงทุนซื้อ Docking สำหรับวาง iPod ติดแท่นเอาไว้ แล้วต่อสายสัญญาณเสียงมาเข้าแอมป์ เวลาฟังเพลงผ่านอินทิเกรตแอมป์ที่ใช้งานประจำจะได้คุณภาพเสียงที่ดี ซึ่งความดีมันต้องยกให้ทั้งสองส่วน คือเครื่องเล่นเพลงให้คุณภาพที่ดี และระบบขยายเสียงก็ให้คุณภาพที่ดี แต่มันก็ขนาดใหญ่เกินกว่าจะพกพา หรือใช้งานไม่สะดวกสักเท่าไร การจะมองหาลำโพงเล็กๆพกพาได้หิ้วไปมาใช้งานแทนอินทิเกรตและชุดลำโพงในบ้านจึงเป็นเครื่องเพ้อฝันจริงๆ เพราะลำโพงเล็กแต่เสียงดีหายากมาก

วันหนึ่งผมไปเดินเล่นแถวบ้านหม้อ แวะไปร้านขายอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์รายใหญ่ ในร้านนั้นมีเครื่องเสียงหลายประเภทวางขายอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเสียง PA มีตั้งแต่ลำโพงยักษ์แอมป์ใหญ่ๆ ไล่ไปจนถึงไมโครโฟนขนาดต่างๆ มีอยู่มุมหนึ่งขายเครื่องเสียงบ้าน ผมเหลือบไปเห็นกล่องสี่เหลี่ยมหน้าตาดีอยู่ตัวหนึ่ง มันคือเครื่องรับวิทยุยี่ห้อ TEAC รุ่น R1 ซึ่งลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมไม่เล็กไม่ใหญ่ ขนาดสามารถจับด้วยมือเดียวและยกขึ้นมาได้ มันเป็นเครื่องรับวิทยุที่สามารถต่อสัญญาณเสียงเข้าทางช่อง Aux ได้ ผมเลยคิดว่ามันน่าจะเอามาลองใช้งานคู่กับ iPod เสียหน่อย แม้ว่าจะมีวิทยุมาด้วยในตัวแต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้ส่วนที่เป็นเครื่องรับวิทยุ

ยืนฟังรายการวิทยุจาก TEAC R1อยู่ในร้านสักพักหนึ่งผมก็รู้สึกว่าเครื่องนี้เสียงดี มันให้เสียงเบสได้ค่อนข้างลึก และดััง เสียงกลางชัดมาก เสียงแหลมก็มีประกาย คือฟังโดยรวมแล้วผมคิดว่ามันเสียงดี น่าใช้ แต่ ณ วันนั้นผมยังไม่ได้ซื้อ เพราะว่ายังไม่มั่นใจในหลายๆประเด็น อย่างเช่น เปิดดังได้ไหม เสียงแตกไหม ถ้าเอามาต่อช่อง Aux มันจะเสียงดีรึเปล่า ดูท่าทางมันมีลำโพงแค่ตัวเดียวแล้วมันรับคลื่นวิทยุเป็นสเตอริโอรึเปล่า วงจรขยายเสียงข้างในเป็นแบบสเตอริโอหรือโมโน ถ้าเอามาเสียบใช้เป็นแอมป์หูฟังมันจะเป็นโมโนหรือสเตอริโอ ความสงสัยเหล่านี้ไม่รู้จะหาคำตอบได้จากที่ไหน

ผมลองเข้า internet ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ไม่พบ ไม่มีใครพูดถึงการใช้งานโดยละเอียดเลย มีแต่บอกว่ามันรับวิทยุได้ ต่อ Aux ได้ ส่งเสียงได้ มีแบตเตอรี่ในตัว ราคาขายเท่าไร ซึ่่งเป็นข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์ต่อผมเลย ในช่วงนั้นเลยยังไม่ได้ซื้อ เพราะว่าหลายครั้งก่อนหน้านี้ผมซื้อลำโพงเล็กๆมาหลายตัว แต่ละตัวจะมีข้อดีที่ผมรับรู้ แต่ก็มีข้อจำกัดหลายอย่างทำให้ไม่ค่อยประทับใจ TEAC R1 ก็ดูจะคล้ายกับตัวอื่นๆที่เคยลอง เลยยังไม่ซื้อ
เวลาผ่านไปนานจนผมลืมไปแล้ว วันหนึ่งผมสังเกตุที่บ้านพบว่าแม่ผมชอบฟังรายการวิทยุ และวิทยุที่แม่ใช้ก็เป็นวิทยุแบบแถม หรือแจกฟรีตามงานปีใหม่ มันส่งเสียงได้ รับคลื่นได้ แต่จะปรับเปลี่ยนคลื่นแต่ละทียากเย็นเหลือเกิน บิดไปนิดเดียวกระโดดข้ามไปหลายคลื่น ไม่สามารถรับคลื่นได้ชัดๆเลยแม้แต่สถานีเดียว แม่ผมก็เลยฟังคลื่นวิทยุอยู่คลื่นเดียวเพราะไม่กล้าบิดเปลี่ยนไปช่องอื่นเนื่องจากกลัวว่าจะบิดกลับมาไม่เจอคลื่นเดิม ผมเลยให้ของขวัญแม่ด้วยการไปซื้อ TEAC R1 ตัวนี้มาให้ใช้แทน เลยถือโอกาสทดสอบการใช้งานในรูปแบบต่างๆเพื่อให้หายสงสัย และเพื่อให้เป็นข้อมูลการทดสอบสำหรับนักเล่นท่านอื่นๆที่กำลังสนใจเครื่องเล่นลักษณะนี้

IMG_9009

TEAC R1 เป็นเครื่องรับวิทยุที่มีลำโพงในตัว สามารถรับคลื่น FM และ AM ได้ ใช้พลังงานจากหม้อแปลง 12 โวลท์ และมีแบตเตอรี่ในตัวสามารถชาร์จไฟขณะใช้งานได้ ถ้าใช้พลังงานจากแบตเตอรี่จะใช้งานได้ประมาณ 7 ชั่วโมง สามารถต่อสัญญาณขาเข้าจากแหล่งโปรแกรมอื่นๆได้ทางช่อง Aux มีวงจรขยายในตัว สามารถเปิดใช้งานได้ค่อนข้างดังในห้องทำงานทั่วไป หรือในห้องนอนก็กำลังเหมาะสม

IMG_9004

ด้านบนตัวเครื่องมีปุ่มอยู่ 4 ปุ่มดังนี้ ซ้ายสุดเป็นปุ่มเปิดปิดและทำหน้าที่เลือกรับคลื่น FM AM และ เลือกฟังช่องสัญญาณขาเข้า Aux ปุ่มที่สองจากซ้ายเป็นปุ่มปรับเสียง Bass ถ้าบิดไว้ที่ตำแหน่งตรงกลางจะมีคลิกหยุดเป็นตำแหน่ง Flat ส่วนปุ่มที่สามเป็นปุ่มปรับเสียงสูงหรือ Treble มีตำแหน่งกลางเป็น Flat เช่นกัน ปุ่มสุดท้ายหรือทางขวาเป็นปุ่มกลมขนาดใหญ่ที่สุดทำหน้าที่ปรับความดังของเสียง ใต้ปุ่มซ้ายจะมีหลอดไฟแสดงสถานะการทำงาน ตอนเปิดจะติดสว่างเป็นหลอดไฟสีน้ำเงิน ตอนปิดถ้าเสียบหม้อแปลงไฟไว้แล้วเครื่องกำลังทำการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่อยู่หลอดไฟดวงนี้จะกระพริบตลอดเวลา และจะดับไปเองเมื่อแบตเตอรี่เต็ม

IMG_9006

ด้านหลังมีช่องสำหรับเสียบสายต่างๆ และมีช่องระบายอากาศสำหรับลำโพงภายในด้วย นั่นก็หมายความว่าเครื่องเล่นเครื่องนี้เป็นลำโพงชนิดตู้เปิด เดาว่าภายในใช้ดอกลำโพงดอกเดียวทำงานเป็นแบบ Full range คือส่งเสียงทุกย่านความถี่ด้วยดอกลำโพงเพียงดอกเดียว อาศัยช่องระบายอากาศเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในย่านเสียงเบส ตรงกลางเครื่องด้านหลังเป็นช่องเสียบสายอากาศ ซึ่งมีแถมมาให้ในกล่องด้วย

IMG_9027

ถัดลงมาเป็นช่องต่อสัญญาณขาเข้า Aux in ซึ่งแถมสาย mini 3.5mm สองหัวมาให้ด้วยเช่นกัน ช่องถัดลงมาเป็นช่องเสียบหูฟัง สามารถใช้งานกับหูฟังทั่วไปได้ หมายความว่าเราสามารถใช้เครื่องเล่นเครื่องนี้เป็นแอมป์ขยายสัญญาณเสียงให้กับหูฟังที่เราต้องการได้ ช่องด้านล่างสุดเป็นช่องเสียบหม้อแปลงไฟ หม้อแปลงที่แถมมาให้เป็นแบบแปลงไฟ 220v แปลงเป็น 12V คิดว่าถ้านำ TEAC R1 ไปเสียบกับไฟในรถยนต์ก็คงสะดวกดีเพราะแรงดันไฟตรงกัน ด้านขวาเหนือช่องระบายอากาศเป็นเสาอากาศแบบชัก การชักเสาอากาศยืดขึ้นมาจะช่วยให้รับคลื่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มีผลมากในการใช้งานที่อยู่ในตึกอาคารต่างๆ ซึ่งคลื่นวิทยุจะรับค่อนข้างยาก เสาชักในตัวทำงานได้ดีเยี่ยม แทบไม่พลาดการรับคลื่นเลย จะมีเพียงบางสถานีเท่านั้นที่เสียงค่อนข้างเบา หรือมีการทับซ้อนกันบ้างเนื่องจากคลื่นวิทยุชุมชนในกรุงเทพค่อนข้างจะถี่ พาลเบียดคลื่นหลักไปบ้างก็มี

IMG_9012

ด้านหลังซ้ายเป็นช่องใส่แบตเตอรี่ ต้องใช้ไขควงเพื่อเปิดฝาครอบออก ภายในเป็นแบตเตอรี่แรงดัน 7.2 โวลท์ ขนาดความจุ 1200 มิลลิแอมป์

มาทดลองฟังกันเลยดีกว่า ผมเสียบหม้อแปลงแล้วเปิดเครื่องให้รับคลื่น FM หมุนหาคลื่นไปเรื่อยๆ ลูกบิดหน้าเครื่องทำหน้าที่หมุนหาคลื่น ลูกบิดนี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เป็นระบบกลไกที่มีการทดรอบเพื่อให้หมุนได้กว้างขึ้น กล่าวคือวงแหวนหน้าเครื่องวงเล็กที่ทำหน้าที่ให้มือจับจะต้องหมุนด้วยรอบที่มากกว่าเพื่อให้วงแหวนอีกวงซึ่งมีตัวเลข 88-108MHz ขยับไปทีละนิด ซึ่งจากการวัดคร่าวๆ ผมต้องหมุนลูกบิดไปประมาณ 2 รอบเต็มๆ ถึงจะทำให้ตัวเลขคลื่น FM ขยับจาก 88 ไปเป็น 108 Mhz หรือวงใหญ่หมุนไปครึ่งรอบเท่านั้น การออกแบบเช่นนี้ทำให้การหมุนหาคลื่นทำได้ง่ายขึ้น แต่ละสถานีที่อยู่ติดกันจะมีระยะหมุนค่อนข้างมาก ทำให้ปรับคลื่นได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น

IMG_9001

เสียงรายการวิทยุที่ได้รับค่อนข้างชัดเจนมาก ยิ่งเป็นคลื่นวิทยุชุมชนที่สถานีส่งอยู่ใกล้บ้านผมยิ่งชัดเจน ชัดขนาดที่ว่าผมต้องหยุดฟังเลย แม้จะเป็นแค่เสียงพูดก็ตาม ฟังเพลงสตริงตามคลื่นยอดฮิตต่างๆก็ให้เสียงที่ชัด มีเสียงเบสที่แน่นและคม เสียงกลางชัด เสียงแหลมก็มีไม่ตกหล่นแถมยังเป็นประกาย เสียงเบสค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ ดูเหมือนลักษณะลำโพงตู้เปิดจะถูกจูนเสียงให้มีเสียงเบสเยอะเป็นพิเศษ การเปิดฟังเพียงเบาๆจะให้เสียงที่มีน้ำหนักพอดี แต่ถ้าเปิดให้ดังขึ้นมากสักหน่อยจะรู้สึกว่าเสียงเบสเยอะเกินไป การฟังตลอดการทดสอบนี้จะปรับเสียงไว้ที่ flat ซึ่งก็ให้น้ำเสียงที่ดีน่าฟังเพียงพอแล้ว สรุปคร่าวๆในส่วนของวิทยุได้เลยว่า เครื่องเสียงตัวนี้รับวิทยุได้ชัด ให้เสียงเพลงได้น่าฟังมาก เสียงกลางชัดมาก

IMG_9015

ผมลองเสียบหูฟังเข้ากับช่องด้านหลัง เพื่อทดลองฟังในแบบสเตอริโอ เนื่องจากมันมีลำโพงแค่ดอกเดียว ผมเคยคิดว่ามันอาจจะเป็นเครื่องเล่นแบบโมโน แต่พอลองฟังผ่านหูฟังแล้วก็พบว่า R1 เป็นสเตอริโอ มันรับคลื่นและขยายเสียงเป็นสเตอริโอ อันนี้ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจ หายสงสัย และคิดเลยต่อไปว่ามันสามารถใช้งานเป็นเครื่องรับวิทยุสำหรับห้องฟังเพลงได้เลย โดยการต่อสัญญาณจากช่องเสียบหูฟังเข้ากับอินทิเกรตแอมป์หรือชุดเครื่องเสียงชุดหลักของห้องฟัง ซึ่งมันมีราคาค่าตัวต่ำมากเมื่อเทียบกับเครื่องเสียงแยกชิ้นอื่นๆ

IMG_9022

มาลองฟังแบบต่อกับ iPod ดีกว่า ผมต่อ iPod Shuffle สลับกับ iPod Video เข้าทางช่อง Aux โดยสายที่แถมมากับเครื่อง เพลงที่อยู่ใน iPod เป็นเพลงที่ก๊อปปี้มาจากคนอื่นบ้าง ริบแผ่นแท้ต่างๆเอาไว้บ้าง เสียงเข้าไปฟังแล้วก็รู้สึกดี เสียงที่ได้ยินค่อนข้างชัดเจน เสียงเบสเยอะเพียงพอ น่าฟังมาก ความคมชัดและความกระฉับกระเฉงเป็นจุดเด่นที่มีให้รับรู้ตั้งแต่เริ่มต้น ไดนามิคเร้นจ์ที่จะแจ้ง เสียงเครื่องเคาะก็มีความแข็ง คม มาพร้อมกับเสียงเบสที่ติดตามได้ ผมลองกับเพลงที่หลากหลายเพื่อจะได้รู้แนวว่า TEAC R1 มีคุณภาพระดับใด เพลงป๊อปทั่วไปทำได้ยอดเยี่ยม ไม่มีจุดให้ติ สิ่งหนึ่งที่ผมยอมรับและไม่คิดว่ามันเป็นจุดด้อยก็คือ ถ้าเปิดเสียงดังมันจะเสียงแตก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องเสียงระดับเล็กๆ ยิ่งใช้ไฟเลี้ยงระดับต่ำและใช้ลำโพงขนาดเล็ก ยิ่งไม่ควรคาดหวังว่ามันจะเสียงแน่นแม้จะเปิดลั่นบ้าน ระดับเสียงที่ฟังทดสอบก็อยู่ในระดับนั่งฟังในห้อง ไม่ได้ไปเปิดแข่งกับใคร ฟังกับเพลงร๊อคก็ได้เสียงกลองที่ชัดมาก ผมเลือกวง dreamtheater มาใช้ทดสอบ เพราะผมชอบวงนี้เป็นการส่วนตัว ชอบเพราะแนวเพลงแปลกดี และฝีมือนักดนตรีอยู่ในระดับไม่ใช่คน แม้จะดูเหมือนพูดเกินจริง แต่ผมก็คิดว่าหาคนเล่นได้แบบนี้ยาก กลองที่เล่นได้ระห่ำสุดๆจากอัลบั้ม awake ซึ่งออกมาเกินสิบปีแล้ว เสียงกระเดื่อง เสียงทอม เสียงสแนร์ เสียงแฉ ฉาบ ทุกเสียงได้ยินครบถ้วนและติดตามได้ทุกเม็ด ความฉับไวเป็นจุดเด่นของ R1 อย่างไม่ต้องสงสัย เลยไปถึงเสียงกีต้าร์ที่เล่นได้ดุดันสะใจ เสียงเบสที่ฟังออกแทบทุกเม็ด ผมคิดว่านักดนตรีสามารถใช้ R1 เพื่อแกะเพลงได้แน่นอน จบจากร๊อคผมลองกับเพลงแจ๊สนุ่มๆของน้องนอร่าโจนส์ซึ่งมีจุดเด่นที่เพลงนุ่มนวล เสียงร้องชัด เบสอัดได้ดีมาก ผมได้ยินเสียงเบสไล่ไปทีละโน๊ต นุ่มและคม คือนุ่มแบบไม่เบลอ หัวโน้ต หางโน้ต เกิดขึ้นแล้วจบลงแบบมีระยะของตัวเองที่พอดิบพอดี แต่เพลงของนอร่าโจนส์จะสร้างปัญหาให้กับ R1 ได้ง่ายๆถ้าเปิดดัง เพราะว่าลำโพงของ R1 ถูกออกแบบให้ไวต่อเสียงเบส เพื่อชดเชยกับรายการวิทยุที่อาจจะส่งเสียงเบสมาได้ไม่ค่อยเยอะนัก พอฟังเพลงแจ๊สที่มีเบสเด่นๆ จะรู้สึกว่ามีอาการกระพือเล็กน้อย จำเป็นต้องลดระดับเสียงลงไปให้น้อยกว่าปกติที่ฟังเพลงป๊อปและร๊อคทั่วไป แต่เชื่อเถอะว่า เบส และ กลางของ R1 มันเพราะจริงๆ

IMG_9002

นอกจากนี้ผมลองฟังแจ๊สที่เน้นเสียงร้องกับกีต้าร์อะคูสติก ผมว่ามันลงตัวกับ R1 มากที่สุดเลย อัลบั้มของ Snow rose ซึ่งเธอเป็นใครผมก็ไม่รู้ แต่เพลงที่เธอเอามาร้องใหม่ ทำใหม่ โดยร้องคู่กับกีต้าร์แค่ตัวเดียวมันหวานซึ้งและน่าฟังมาก เสียงร้องที่เป็นจุดเด่นก็ทำได้ดีไม่สงสัย เสียงกีต้าร์อะคูสติกให้ความรู้สึกว่านักดนตรีเล่นเก่งดี และมั่นใจในการเล่นเสียด้วย เสียงตีคอร์ทและเล่นเป็นโน๊ตสลับกันออกมาแบบว่า เหมือนจริงมาก แม้ว่ามันจะใช้ลำโพงดอกเดียว ก็ยังรู้สึกว่าเพราะดี

แบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องประมาณ 7 ชั่วโมง ซึ่งระยะเวลานี้ผมไม่ได้เป็นคนทดสอบเอง แต่มันเกิดจาก ผมดึงปลั๊กไฟออกจาก R1 ตอนเก้าโมงเช้า แล้วก็ปล่อยให้แม่ฟังเพลงใช้งานไปตลอดวัน จนตอนเย็นกลับมาบ้าน แม่บอกว่า วิทยุเป็นอะไร ทำไมอยู่ๆก็ดับไป ผมถามว่าดับไปตอนไหน แม่บอกประมาณสี่โมงเย็น ผมก็เลยได้คำตอบว่า แบตเตอรี่มันใช้งานได้ประมาณ 7 ชั่วโมง

IMG_9039

ผมคิดว่า TEAC R1 เป็นตัวแทนของลำโพงไฮไฟหรือลำโพงเสียงดีได้อย่างไม่ขัดเขิน เสียงที่ดีจากเครื่องเสียงคุณภาพดีเป็นยังไง ผมคิดว่ามันเป็นเสียงแบบนี้แหละครับ ปกติแม่ผมจะเป็นแม่บ้านที่ใช้เงินค่อนข้างประหยัด ไม่ค่อยกล้าซื้อของอะไรแพงๆ และวิทยุที่แม่เคยใช้มาตลอดชีวิตก็เป็นของถูกๆ คุณภาพแย่ ถึงแย่มาก วิทยุเครื่องนี้ถือว่าเป็นเครื่องที่แพงที่สุดที่แม่เคยใช้มา แต่มันน่าภูมิใจอย่างหนึ่งตรงที่ มีวันหนึ่งแม่คุยกับผมแล้วเล่าให้ฟังว่า วิทยุตัวนี้มันเสียงดีนะ ฟังเพลงอะไรก็เพราะ เพิ่งรู้ว่าแต่ละเพลงมันมีเสียงกลอง เสียงกุ๊งกิ๊ง เดี๋ยวก็มีเสียงโน้นเสียงนี้โผล่มาในเพลง ฟังได้เพลินไปเลย เมื่อก่อนเวลาเปิดฟัง จะรู้แต่ว่าสถานีเขาพูด เขาเปิดเพลง แต่ไม่เคยรู้ว่าในเพลงมันมีเสียงอะไรบ้าง เพราะมันแบนๆฟังไม่ค่อยออก ผมฟังแล้วก็อมยิ้มเลย นานๆทีแม่ของคนเล่นเครื่องเสียงจะเห็นดีเห็นงามด้วยว่าเครื่องเสียงที่เสียงดีมันเป็นยังไง แม้ว่าค่าตัวของวิทยุเครื่องนี้จะไม่มาก บางทีสายสัญญาณยี่ห้อดังยังแพงกว่าหลายเท่า แต่ค่าตัวที่ย่อมเยาก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นดนตรีมันลดน้อยลง ตรงนี้มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าต้องการอะไร ต้องการเสพเครื่องหรือเสพดนตรี ของขวัญวันแม่ปีนี้ผมจ่ายน้อยลงกว่าปีที่แล้วเยอะ แต่ว่ามันสร้างความสุขใจได้ทั้งคนให้และคนรับ และที่สำคัญแม่ได้ใช้งานทุกวัน

ipod and iphone dock

ลำโพงสำหรับ ipod ที่เท่ห์ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา  ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าด้วยนะเนี่ย

polk audio r150

ได้ข่าวว่ามีลำโพงราคาถูก เลยตามไปดู ไปลองฟัง ราคาขายในเมืองนอก 100 ดอลล่า บางเว็บก็ 130 ดอลล่า ในไทยขาย 3450 บาท

polk audio เป็นยี่ห้อเครื่องเสียงที่ผลิตลำโพงขายมานานหลายสิบปี เป็นเครื่องเสียงที่ได้รับความน่าเชื่อถือว่าคุณภาพดี ของยี่ห้อนี้ไม่มีคำว่าหลอกกินเงิน ถ้าเราเชื่อว่าโซนี่ทำโทรทัศน์ดี โนเกียทำโทรศัพท์ดี polk ก็ทำลำโพงดีเช่นกัน

ลำโพงคู่นี้เป็นลำโพงที่ออกแบบมาให้เป็นลำโพงสำหรับโฮมเธียเตอร์ ซึ่งในอดีตนับสิบปี สินค้าที่เป็นเกรดโฮมเธียเตอร์จะคุณภาพต่ำกว่าเกรดเครื่องเสียงสำหรับการฟังเพลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ถึงเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าเป็น polk ที่อยู่ในวงการเครื่องเสียงมานาน ถ้าทำลำโพงออกมาแล้วฟังเพลงไม่เพราะ คงจะต้องโดนด่ากระฉ่อนวงการ ลำโพงของ polk รุ่นนี้เลยมีคุณภาพน่าสนใจ ในขณะที่ราคาขายค่อนข้างต่ำ

สิบปีที่แล้วลำโพงฟังเพลงแบบดีๆ แบบฟังแล้วอยากอุ้มกลับบ้านไม่เคยเจอราคาต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาท แต่ polk r150 ตัวนี้ทำได้ และทำได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ เสียงจากลำโพงคู่นี้ถ้าให้ตั้งราคาขายเอง ผมคงจะเลือกติดราคาสัก 12000 เพราะน้ำเสียงมันมีคุณภาพระดับนั้น

เครื่องเสียงที่ให้คุณภาพดีสำหรับแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน แต่สำหรับผมเอง เครื่องเสียงที่ดีคือเครื่องที่เราอยากให้มันส่งเสียง นั่นคือเราไม่รำคาญ ฟังได้นาน อยากฟัง อยากเปิด ไม่เหมือนของคุณภาพต่ำหลายๆตัวที่ได้ยินตามห้าง ยิ่งเปิดยิ่งฟังยิ่งเห็นค่าของความเงียบ บางทีโลกอาจจะเปลี่ยนไปเยอะ ของคุณภาพดีมีกระจายอยู่ทั่วไป เพียงแต่ผมอาจจะไม่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดเหมือนเมื่อก่อน

ลำโพงตัวนี้มีความไว 89dB ซึ่งเป็นความไวระดับปานกลาง เครื่องขยายเสียงทั่วไปสามารถเปิดมันได้อย่างไม่ยากเย็น ผมเอาไปเปิดฟังกับแอมป์หลอดกำลังขับ 3 วัตต์ ก็ให้เสียงฟังได้เต็มห้องทำงาน และได้คุณภาพที่พอใจ ใครมีเครื่องเสียงแบบมินิคอมโปอยากจะอัพเกรดลำโพงก็ลองตัวนี้ได้ เพราะไม่เคยเจอมินิคอมโปตัวไหนจะให้ลำโพงเสียงดีๆแบบนี้ ทางร้านเคยตั้งราคาขายไว้ระดับเจ็ดพันกว่าบาทแต่เอามาลดราคากันเหลือแค่ครึ่งเดียว ก็เลยต้องรีบซื้อไว้ซะหน่อย

แนะนำลำโพงพกพาเสียงดีมาก กระบอกพร้อม dock

สามวันก่อนผมเดินเล่นดูของอยู่ที่ฟอร์จูน  ดูคอมพิวเตอร์  ดูโน๊ตบุ๊ค  ของถูกน่าซื้อเต็มไปหมดเลย ระหว่างที่ลังเลอยู่  ก็เดินผ่านตู้ขายของตู้หนึ่ง เป็นเอ็มพีสามและลำโพงเล็กๆหลายยี่ห้อ  ลองเดินเข้าไปดูตามความเคยชิน  หน้าตาลำโพงสำหรับพกพาก็จะเล็กๆ  เท่าที่เคยเห็นและลองฟังมา  มีของแพงอยู่รุ่นหนึ่งของ Yamaha รูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดประมาณแก้วน้ำย่อมๆ  คุณภาพเสียงก็อยู่ในระดับธรรมดา  แต่ราคาไฮโซเหลือเกิน  ไม่สามารถจะทำใจได้  ลำโพงจะแพงกว่าเครื่องเล่นเสียอีก  เลยไม่ได้ซื้อสักที  คราวนี้ที่หน้าตู้ขายของมีลำโพงที่ไม่สามารถระบุยี่ห้อได้อยู่หลายยี่ห้อ  ถามคนขายอย่างตรงไปตรงมาว่า ตัวไหนเสียงดีที่สุด  คนขายก็ชี้ไปตัวยาวๆทรงกระบอก  หน้าตาคล้ายไฟฉายขนาดกลางๆ  ดูรูปร่างแล้ว พอจะยัดลงกระเป๋าโน๊ตบุ๊คได้  ส่วนตัวอื่นๆที่ไม่ได้ถูกชี้ก็ถามให้แน่ใจว่าทำไมถึงไม่ดี  บางตัวคนขายก็บอกว่า เปิดดังๆเสียงแตกง่าย  บางตัวเสียงเบา  ตัวที่เขาแนะนำสามมารถเปิดได้ดังที่สุดโดยที่เสียงยังไม่แตก  ฟังเหตุผลแล้วก็โอเคยอมรับได้  เลยลองฟังเทียบ  พบว่าเสียงไม่แตกจริงๆ  ขณะที่ตัวอื่นๆที่ไม่ได้ถูกแนะนำจะเสียงค่อนข้างเบา  ถ้าเร่งให้ดังก็เสียงแตกไม่น่าฟัง

ลำโพงตัวที่สนใจมีอยู่สองรุ่น  รุ่นแรกมีช่องสำหรับวาง ipod ได้ด้วย  สามารถใช้ร่วมกับ ipod โดยไม่ต้องต่อสาย  แบบนี้เท่ห์มาก  ฟังค์ชั่นไฮโซแต่ราคาเท่านวดในสปาครั้งเดียว  ส่วนอีกรุ่นที่คล้ายๆกันจะถูกเหมือนนวดแผนโบราณ  ราคาถูกลงเพราะตัดขั้วสำหรับวาง ipod ออกไป  ต้องใช้ต่อผ่านสายสัญญาณเท่านั้น  ทั้งคู่ใช้ถ่านไฟฉายได้  สามารถใช้ไฟเลี้ยงจากพอร์ตยูเอสบีของคอมพิวเตอร์ได้  สามารถอะแด๊ปเตอร์แปลงไฟได้ตั้งแต่ 5-9 โวลท์  ตอนทดลองฟังก็เอา ipod มาวางทดสอบ  เสียงร้องของนอร่าโจนส์ทำให้เราต้องฟังอย่างตั้งใจ  เสียงชัดและไม่แตก  เสียงกลางเด่นมาก  เสียงย่านความถี่ต่ำที่มักจะไม่ค่อยได้ยินจากลำโพงคอมพิวเตอร์ก็ชัดเจน  เสียงดับเบิ้ลเบสในเพลงแจ๊สได้ยินชัดเจน  ฟังออกว่าเสียงดีดสายเบสเป็นอย่างไร  วิจารณ์กันไปยังกับนักฟังหูทอง  สรุปแค่ว่าลำโพงคู่นี้ให้เสียงได้ดี  เข้าข่ายลำโพงไฮไฟ  ตัวเล็ก ประสิทธิภาพสูง  สามารถใช้ฟังได้ทั้งวันไม่แสบหูแน่นอน  ก็เลยสอยกลับบ้าน…..

มาถึงบ้านก็ลองหลายอย่าง  ฟังใกล้ๆ  ฟังไกลๆ  วางบนโต๊ะ  วางพื้น  วางบนหิ้ง  คุณภาพเสียงก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี  ฟังที่ร้านดีแค่ไหนกลับบ้านก็ให้เสียงได้ดีกว่า  เพราะที่บ้านเสียงรบกวนน้อย  ฟังอะไรก็ไม่ยาก  สรุปแล้วคุ้มราคาค่าตัวมากๆ  ป้าย 695 บาท  น้องคนขายลดให้ไม่ต้องต่อเหลือแค่ 650 บาท  ราคาแค่นี้แต่เสียงดีกว่าลำโพงสเตอริโอตามห้างชุดละเกือบหมื่น  ไม่ซื้อได้ไง

ลำโพงที่ตามหามานานแสนนาน

เครื่องเสียงเป็นสิ่งที่ผมชอบไม่น้อยไปกว่ากิจกรรมอื่นๆ แต่ด้วยความที่งบประมาณจำกัด พ่อไม่ได้ขายมือถือ และไม่ใช่คนที่สามารถสั่งรถถังออกมาวิ่งเล่นได้เลยต้องบริหารเงินในการซื้ออย่างคุ้มค่าที่สุด กว่าจะได้มาแต่ละชิ้นผมเลือกแล้วเลือกอีก แม้ว่าบางชิ้นจะใจง่ายซื้อมาบ้าง แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ได้รักหรือหวงเต็มที่

โชคดีถัดมาก็คือ ไม่มีเครื่องเสียงใดๆที่ดีที่สุดในโลก ของแพงไม่จำเป็นต้องดีเสมอไปและของถูกก็ไม่จำเป็นต้องห่วยตลอดกาล หลายสิ่งหลายอย่างในเครื่องเสียงเป็นเรื่องของ “จริต” ถูกจริต หรือ ไม่ถูกจริต เหมือนรสชาดอาหาร บางคนชอบหวาน บางคนชอบรสจัด บางคนชอบจืดๆหน่อยเพราะรสจืดทำให้กินได้นานไม่เลี่ยน

IMG_20170203_134602

ลำโพงคู่หนึ่งได้มา อยู่ในความครอบครองของผมเมื่อหลายปีก่อน เป็นลำโพงขนาดยักษ์โอบไม่รอบ จะย้ายแต่ละครั้งต้องวอร์มอัพร่างกายก่อนไม่งั้นกระดูกจะทับเส้นประสาทเอาง่ายๆ  ลำโพงคู่นี้เสียงดีถูกใจผมตลอดเวลาที่สนใจและติดตามวงการเครื่องเสียงมา  เมื่อก่อนตอนมีเวลาว่างจะตามไปขอฟังที่โชว์รูมหลายแห่ง ไปงานแสดงเครื่องเสียงทุกปี เห็นเซลล์ขายเครื่องเสียงบางคนย้ายบริษัทมาสามแห่ง ปีก่อนอยู่ที่หนึ่ง ปีถัดมาย้ายไปอยู่อีกบริษัท ล่าสุดย้ายไปอยู่อีกที่แล้ว เปลี่ยนบริษัทที่ทำงานไปพร้อมกับสีผมที่มีสีขาวประปรายมากขึ้น ไม่รู้ว่าผมอายุเยอะขึ้นเลยทำให้ความสามารถในการรับรู้แย่ลงหรือไม่ เพราะตั้งแต่เริ่มมีเงินจะซื้อเครื่องเสียงที่มีราคาสักหน่อย ผมก็ไม่เคยได้พบเครื่องเสียงคุณภาพถูกใจในราคาสบายกระเป๋าอีกเลย แต่กับลำโพงที่พูดถึงมันให้เสียงที่ไม่กล้าตีราคา ผมรู้ว่ามันไม่ถึงแสนบาทหรอก แต่ก็รู้สึกว่ามันคงไม่ใช่แค่ไม่กี่หมื่น ผมหน้าด้านขอลำโพงคู่นี้มาจากรุ่นพี่ที่รู้จักกัน เขาเป็นคนทำงานในห้องบันทึกเสียง ผมตามไปสอดรู้สอดเห็นในห้องอัด ไปลองใช้ของ ไปลองฟังเล่นๆเพลินๆ ลำโพงคู่นี้มันสะดุดหูอย่างมาก สุดท้ายพอห้องอัดเลิกกิจการ ผมเลยลองขอมาใช้ ท่านพี่ก็ให้มา มันก็เลยมานอนร้องเพลงอยู่ในห้องนอนผมหลายปี

รูปถ่าย0119

ตลอดเวลาที่ใช้งานมัน ก็ร้องเพลงได้ดีไม่มีอู้ เพลงอะไรมันก็ร้องออกมาเพราะไปหมด ผมภูมิใจที่ได้ครอบครองแต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ของผม เมื่อไรที่เขาเรียกคืน ผมก็ต้องคืนนักร้องคู่นี้กลับไป หลายปีที่ผ่านมาระหว่างที่ใช้งาน ผมก็ตามหาลำโพงที่จะมาแทนตัวโปรดอยู่เหมือนกัน เพราะผมไม่สามารถจะซื้อยักษ์คู่นี้ได้ นั่นจึงเป็นที่มาของการค้นหา ลำโพง… ที่ผมเอื้อมถึงและชอบจริงๆ

มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ผมไปหลง ไหลกับลำโพงเล็กมหัศจรรย์ยี่ห้อดัง ถึงกับจะฝากเพื่อนซื้อจากเมืองนอก แต่ก็โชคดีที่ยังไม่ได้มีการหิ้วเข้ามา เพราะดันบังเอิญไปเจอประกาศขายของ เป็นลำโพงยี่ห้อเดียวกับยักษ์ในห้องนอนผม  เป็นลำโพงรุ่นที่เล็กลงมา  ผมค้นหาข้อมูลจากอินเทอเน็ตจนค่อนข้างมั่นใจว่าเสียงมันน่าจะใกล้เคียงกันมาก  หากจะแตกต่างก็คงต่างกันแค่เจ้ายักษ์มีเสียงที่ดังกว่า แต่การใช้งานลำโพงเพื่อฟังเพลง เราไม่ได้เปิดดังแบ่งข้างบ้าน เรื่องความดังเลยไม่ใช่ประเด็นที่จะเอามาคิด

ผมนัดไปหาที่บ้านคน ประกาศขาย ตามไปขอฟังให้แน่ใจว่ามันยังมีสภาพปกติส่งเสียงได้เหมือนที่คาดไว้ ผมลงทุนยกเครื่องขยายเสียงระบบหลอดสูญญากาศที่จะใช้งานกับมันติดตัวไปด้วย  ยกไปลองต่อเพื่อฟังให้ได้ยินกับหูว่าเสียงมันเป็นอย่างไร ห้านาทีจบลงกับเพลงที่ผมเลือก ผมยิ้มออกทันทีว่า นี่แหละ ตัวตายตัวแทน ก็เลยได้อุ้มลำโพงคู่ใหม่เข้าบ้าน พอเอามาฟังเทียบกับตัวใหญ่ก็รู้สึกได้ว่า ผมตัดสินใจไม่ผิด

ความ สุขจากการฟังเพลงมีมากแค่ไหนทุกคนก็คงมีคำตอบอยู่ในใจ ผมก็มีความสุขไม่ต่างกัน แต่ผมได้ความสนุกมากกว่าเล็กน้อยตรงที่ผมได้ค้นหา ได้ตามไปลอง และได้มา …… มันรู้สึกดีครับ