การแสดงอนุบาล1 พ่อแม่เล่นละครให้ลูกดู โรงเรียนเพลินพัฒนา

IMG_3194

วันแม่แห่งชาติวนมาถึงอีกปี  ลูกชายผมอยู่ในชั้นอนุบาล1  ปีนี้ทางโรงเรียนเพลินพัฒนามีให้พ่อแม่ไปเล่นละครกันอีกเช่นเคย  การรวมตัวกันของพ่อแม่ในปีนี้ หมุนเวียนกันมาเล่น นักแสดงส่วนใหญ่เป็นหน้าใหม่ เพื่อให้ทุกคนได้หมุนเวียนกันมีส่วนร่วม  ส่วนของช่างภาพก็คือผมเองที่ปีที่แล้วก็่ถ่าย ปีนี้ก็ถ่าย  อาจจะเป็นเพราะพ่อบ้านอื่นติดภารกิจ  ทำให้หน้าที่ถ่ายภาพที่ต้องใช้คนสองคนเหลือมาให้ผมทำ  ซึ่งก็เป็นหน้าที่ไม่ยากสำหรับผมนัก

IMG_3174

การเตรียมตัวจะคล้ายๆปีที่แล้ว  มีการคัดเลือกบท ให้อาสาสมัคแต่ละบ้านมาเลือกว่าจะเล่นเป็นอะไร  ช่างภาพก็มาสังเกตุการณ์ มาดูสถานที่ เพื่อวางแผนการเก็บภาพ  วันซ้อมจริงก็พบกันครบหน้า  วันจริงก็แยกย้ายกันทำหน้าที่  ปีนี้ละครมีความฮาปะปนลงไปด้วย  ทำให้รู้สึกสนุกยิ่งขึ้น

2016-08-11_10-15-52

ปีนี้มีเรื่องเกินคาด  ตัวละครมีบทโดนจับ  เด็กหลายคนร้องไห้ตอนที่ตัวละครโดนจับ ถือว่าละครทำหน้าที่ได้เต็มร้อย เรียกน้ำตาจากเด็กไร้เดียงสาได้หลายคน  โดยเฉพาะ ลูกของผู้แสดงที่ร้องไห้หนักมาก ร้องราวกับว่ามันเป็นเรื่องจริง  ความน่ารักของเด็กทำให้ผู้ใหญ่อย่างผมและนักแสดงท่านอื่นปลาบปลื้ม เป็นการลงทุนเพื่อลูกของเราที่ได้ผลคุ้มค่า นั่นคือ ทำให้เราพวกผู้ใหญ่ได้เรียนรู้ว่า แท้จริงแล้ว เด็กๆของพวกเราน่ารักขนาดไหน  คุ้มค่าต่อการดูแลประคบประหงมกันอย่างดี  ขอขอบคุณพ่อแม่ผู้ปกครองและโรงเรียนของลูกเราที่สร้างโอกาสมากมายให้พ่อแม่ลูกได้เรียนรู้ร่วมกัน

 

หมายเหตุ  เหตุเกิดที่โรงเรียน เพลินพัฒนา  ชั้นอนุบาล1

ภาพนิ่งทั้งหมดดูที่นี่

วิดีโอดูที่นี่

 

การแสดงวันแม่เมื่อปีที่แล้วดูได้จากที่นี่

เพลินพัฒนา เตรียมอนุบาล งานเล่านิทานให้ลูกฟัง

 

บันทึกไว้เกี่ยวกับการถ่ายภาพ

การถ่ายภาพงานกิจกรรมหรืออีเว้นลักษณะนี้ ผมใช้กล้อง eos m ติดเลนส์ 18-55is ด้วยเหตุผลว่า มันามมรถพกพาได้ง่าย เพราะก่อนที่จะเร่ิ่มแสดง ผมต้องจูงลูกเข้าสู่โรงเรียนด้วย การเดินเท้าหน้าโรงเรียนมือต้องจูงลูกตลอดเวลา เหตุผลเพราะริมถนนอันตรายเกินไปสำหรับเด็กสี่ขวบ  พอต้องจูงลูก อุปกรณ์ฺอื่นๆที่อยากได้อยากใช้ก็ไม่สามารถนำติดตัวมาได้ทั้งหมด กล้องตัวใหญ่ เลนส์ตัวใหญ่ ขาตั้งกล้อง ทุกอย่างนอนนิ่งอยู่ในรถ  เหลือเพียงกล้องตัวเล็กอย่าง eos m เท่านั้นที่พอจะพกออกมาได้ไม่เป็นภาระ

 

อีเว้นที่เกิดขึ้นเป็นการแสดงละคร มีการเคลื่อนไหวที่เยอะ กล้องโฟกัสไม่ค่อยทัน อาศัยตัวละครมีบทพูดแล้วจะหยุดเคลื่อนที่ทำให้ eos m พอจะรับมือไหว  สภาพแสงใต้หลังคาก็แสงไม่เยอะมาก ภาพโดยส่วนใหญ๋จะมี  iso ประมาณ 1000-3200   เพราะเลนส์ 18-55mm นั้นไม่ค่อยจะเก่งเรื่องแสงน้อย  แถมแบตเตอรี่ก็ยังหมดเร็ว  คือแบตหมดไปตั้งแต่การแสดงยังไม่จบ  โชคดีที่พกแบตไว้สองก้อน  เพราะการทำงานกับ eos m ด้วยแบตก้อนเดียวเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป

 

ในส่วนของวิดีโอ บันทึกด้วยกล้องวิดีโอของ zoom รุ่น q4 ซึ่งเป็นกล้องถ่ายวิดีโอที่ใช้งานง่ายมาก  เพียงแค่เปิดให้กล้องทำงาน แล้วมีปุ่มให้เราสั่งการณ์แค่ 1 ปุ่มเท่านั้น คือปุ่ม เริ่มบันทึก  และปุ่มหยุดบันทึก ซึ่งใช้ปุ่มเดียวกัน

 

 

ความรักพิการ ในละคร “ข้างหลังภาพ”

เมื่อวานได้ไปดูละครเวทีเรื่อง “ข้างหลังภาพ”  ซึ่งเป็นนิยายรักรุ่นสงครามโลก  ไปดูที่โรงละคร รัชดาลัย  ถ้าสะกดผิดก็ขออภัยด้วย  เพราะคนตั้งชื่อสถานที่คิดชื่อยากๆเอง  คนที่อยากเขียนถึงก็ไม่ค่อยแม่นเรื่องภาษา เตรียมตัวอย่างมากสำหรับการดูละครเรื่องนี้  เพราะเป็นวันศุกร์ที่ต้องไปติดต่องานหลายที่  ธุระสุดท้ายของวันอยู่ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิิติ์ในงานท่องเที่ยว  ทำงาน เดินเล่น จนห้าโมงเย็นก็ออกจากศูนย์ประชุมฯ  ใช้เวลาเดินทางไปถนนรัชดาประมาณสองชั่วโมงสิบห้านาที  ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร  ไม่น่าเชื่อเลยว่ารถจะติดได้ขนาดนี้

 

ละครเวทีครั้งนี้ได้รับบัตรมาจากธนาคารสองใบ  เลยได้ชวนแฟนไปดูด้วยกัน  เนื้อเรื่องก็เคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง  นิยายเรื่องนี้ถูกนำมาทำเป็นหนังหลายครั้ง  สูจิบัตรที่แจกในงานก็มีประวัติคร่าวๆให้อ่าน  มีเรื่องราวของงานเบื้องหลังให้ดู  สิ่งที่น่าสนใจของการดูละครครั้งนี้คือ มันเป็นการดูละครเวทีครั้งแรกของผม  ซึ่งตื่นเต้นเล็กน้อย  เคยคิดว่าละครเวทีคงไม่แตกต่างไปจากการดูโชว์ในโทรทัศน์  พวกรายการเล่นตลก  หรือเดี่ยวไมโครโฟนของโน๊ตอุดม  แต่ก็ผิดคาด  เทคนิคการเปลี่ยนฉาก  การสร้างสรรฉากต่างๆเต็มไปด้วยความพิสดาร  สร้างน้ำตกจริงๆบนเวที  ลวดสลิงและล้อเลื่อนถูกใช้งานเต็มไปหมด  ทุกอย่างถูกออกแบบและจัดวางอย่างปราณีต  ตำแหน่งและมุมมองเป็นไปตามองค์ประกอบภาพที่ควรจะเป็น  การเปลี่ยนฉาก การเลื่อนแต่ละครั้งมีระเบียบแบบแผน  การผสมผสานวิธีการใช้แสง ใช้ภาพนิ่ง ใช้ภาพเคลื่อนไหว ใช้ควัน ใช้ฉากหมุนไปหมุนมาดูน่าทึ่ง เห็นการทำงานแล้วก็ยอมรับว่าถ้าค่าบัตรราคาสองพัน หรือสามพันก็ถือว่าสมราคา  ไม่คิดว่าละครเวทีมันจะเป็นแบบนี้  ไม่รู้ว่าละครเวทีที่อื่นๆจะทำได้แบบนี้เป็นมาตรฐานหรือไม่  ถ้ามันเป็นอย่างนี้ทั้งหมดก็แสดงว่าผมเป็นไดโนเสาตัวจริง

 

ตัวนิยายเป็นเรื่องราวของความรักที่เกิดขึ้นผิดที่ ผิดเวลา  รักกันในวันที่ไม่สามารถรักกันได้  น่าสงสารตัวละคร  ในชีวิตจริงคงมีความรักแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย  แต่เรื่องจริงมันมีทางออกไปในรูปแบบของการมีกิ๊ก  มีชู้  ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่น่าเลียนแบบเลย  ผมดูเรื่องนี้แล้วไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเหมือนคนข้างๆที่ร้องไห้ยังกับว่าเกิดขึ้นกับตัวเอง  หรือจะเป็นเพราะว่าผมมัวแต่พยายามฟังเพลง จนลืมดูละคร  ก็มันเป็นละครเพลงนี่นา  เลยเพ่งไปกับเนื้อเพลงเยอะไปหน่อย

วลีจากนิยายเท่ห์ดีเหมือนกัน  “ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก”