ดูช้าง ดูกระทิง ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี

การท่องเท่ียวแนวธรรมชาติอย่างการเที่ยวป่าและอุทยานแห่งชาติเป็นการท่องเที่ยวที่ได้เรียนรู้ธรรมชาติ เราได้เห็นป่าสวยงาม ได้ส่งเสริมรายได้ท้องถิ่น และในอุทยานหลายแห่งเราจะมีกิจกรรมขับรถส่องสัตว์ ที่เคยได้ยินก็จะมีที่เขาใหญ่ มีเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มีเขาแผงม้า ส่วนที่อื่นก็บอกตามตรงว่าไม่เคยรู้ว่ามี หรือไม่ค่อยมีข้อมูลมาให้รับรู้ อาจจะเป็นเพราะผมเองไม่ได้เป็นนักท่องเที่ยวอุทยานแบบจริงจัง แต่ในครั้งนี้รู้สึกตื่นเต้นกับกุยบุรี ลำพังแค่ชื่ออำเภอยังไม่เคยนึกขึ้นในหัวเลยว่าจะมีแหล่งท่องเที่ยวอะไรบ้าง เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแค่ทางผ่านไปภาคใต้ แม้แต่จะจอดรถเติมน้ำมันก็ยังไม่ได้เติมแถวนี้เลย

IMG_0249

อุทยานแห่งชาติกุยบุรีตั้งอยู่ที่อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันท์ ห่างจากหัวหินประมาณ 1 ชม. สิ่งที่น่าสนใจคือที่นี่มีกิจกรรมขับรถดูช่างป่าและกระทิง ซึ่งเป็นเรื่องประหลาดใจมากที่เรามีจุดดูสัตว์ใกล้ๆทะเลแบบนี้ ข้อมูลนี้ทำให้หัวหินมีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีกสำหรับผม เพราะเท่ากับว่ามาทะเลแต่ได้ดูสัตว์ด้วย มันเจ๋งกว่าเที่ยวป่าตรงๆ เพราะป่าไม่มีทะเล

IMG_0194

การไปดูสัตว์ในอุทยานแห่งชาติกุยบุรีเราจะต้องจอดรถที่อุทยานแล้วนั่งรถกระบะของเจ้าหน้าที่เข้าไปในป่า เส้นทางขับรถและหยุดดูตามจุดต่างๆจะใช้เวลารวมกันประมาณ 2 ชั่วโมง ใครเข้าไปบ่ายโมง ก็จะออกมาประมาณบ่ายสาม รอบสุดท้ายคือจะต้องออกจากป่าประมาณไม่เกินหกโมงเย็นเพื่อความปลอดภัยของทุกคน เพราะป่าอันตรายมากตอนกลางคืน

IMG_0210

รถกระบะหนึ่งคันจะมีผู้โดยสารไม่เกิน 6 คน รวมกับเจ้าหน้าที่อีก 1 เป็น 7 คน เจ้าหน้าที่จะทำหน้าที่เป็นไกด์คอยให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับป่า คันที่ผมนั่งเป็นน้องผู้หญิงคนหนึ่งยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ น้องมาทำงานเป็นไกด์อาสา เป็นคนในพื้นที่ เติบโตและเรียนอยู่ในอำเภอกุยบุรี จากการพูดคุยหลายเรื่องเกี่ยวกับป่าก็ได้ข้อมูลว่า เทือกเขาแห่งนี้เคยเป็นพื้นที่ปลูกสัปปะรดขนาดใหญ่ประมาณ​6แสนไร่ แต่มีเหตุการณ์ช้างป่าไล่กินผลผลิตแล้วนายทุนวางยาช้าง ทำให้ช้างตายหลายเชือก ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงเวณคืนแล้วฟื้นฟูให้ป่าแห่งนี้มีสภาพเป็นป่าอีกครั้ง หมายความว่าป่าแห่งนี้เป็นป่าปลูก ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้วที่ป่าค่อยๆฟื้นตัว มีช้างป่าเพิ่มขึ้นน่าจะประมาณ 300ตัว มีกระทิงอีกเกิน300 ตัว เป็นตัวเลขที่น่าทึ่งมากสำหรับผม

IMG_0212

ด้วยความสงสัยก็เลยถามถึงวิธีการนับว่านับยังไง น้องไกด์บอกว่า นับจากการตรวจดีเอ็นเอของขี้ช้าง โอเคเท่านี้ผมก็พอใจกับคำตอบแล้ว เพราะว่ามีความพยายามนับจริง น่าดีใจที่เรามีคนรักป่า รักธรรมชาติมาช่วยดูแลพื้นที่อุทยาน รถนำเที่ยวเข้าไปในป่ามีบริการตลอดวัน มีกล้องส่องทางไกลให้บริการด้วย กล้องของอุทยานคุณภาพดีมาก มีความใสและให้ภาพที่สว่างกว่ากล้องที่มือสมัครเล่นอย่างผมติดไปจากบ้าน

IMG_0253

ที่จุดชมวิวจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นอยู่ด้วย บางคนมาพร้อมอุปกรณ์เต็มที่ กล้องส่องทางไกลตัวใหญ่ ขาตั้งกล้อง เลนส์เทเลโฟโต้พร้อม ใครอยากถ่ายภาพสัตว์ป่าก็ต้องมีของพวกนี้ เพราะการซูมดูสัตว์ระยะไกลๆ จะซูมกันสุดๆ ภาพที่ได้จะมีอาการสั่นแทบจะถ่ายภาพหวังผลไม่ได้เลย หากจะถ่ายภาพก็ควรใช้ขาตั้งกล้องที่แข็งแรงช่วยด้วย

IMG_0308

การดูสัตว์ด้วยตาเปล่า ไม่ต้องถ่ายรูปกลับไปก็ไม่ได้เลวร้าย การมาเห็นด้วยตา เห็นช้างป่า เห็นฝูงกระทิงจำนวนมากถือว่าเป็นกำไรแล้วสำหรับการท่องเที่ยว ผมเคยไปทริปดูกระทิงที่อื่น มีกระทิงให้ดูแค่ตัวเดียว ไปยืนรอดูตั้งหลายชั่วโมง แต่ที่กุยบุรีในช่วงเวลาที่ผมแวะไป ผมเห็นฝูงกระทิงฝูงใหญ่ น่าจะนับแล้วเกิน 30 ตัว นับว่าโชคดีมาก

IMG_0202

IMG_0388

IMG_0272

IMG_0419

จุดดูสัตว์เราเห็นกระทิงจากระยะไกล แต่ระหว่างทางที่จะกลับ เราพบกระทิงฝูงเล็กอยู่ใกล้ๆแค่ไม่กี่สิบเมตร กระทิงยืนมองรถยนต์ด้วยความสงสัย เราก็รอดูว่ากระทิงจะทำอะไรบ้าง เรามีเวลาดูด้วยตาเปล่า มีเวลาหยิบกล้องถ่ายภาพนิ่ง แล้วก็ถ่ายเป็นคลิปวิดีโอ น้องกระทิงไม่ได้หนีไปไหน คงจะชินกับเสียงรถยนต์อยู่แล้ว ถือว่าเป็นทริปที่ยอดเยี่ยมเกินความคาดหมายอีกทริปหนึ่งเลย

แนะนำสำหรับคนที่อยากถ่ายภาพจริงจังในทริปดูช้างและกระทิง ให้เลือกใช้เลนส์เทเลโฟโต้ระดับ 400 มม. ขึ้นไป และพกขาตั้งขนาดใหญ่มีความแข็งแรงเข้าไปด้วย ผมใช้เลนส์ 70-200 มม. บอกตรงๆว่ามันน้อยไป มันซูมภาพไม่ได้เท่าที่ต้องการ

เที่ยวกาญจนบุรี เกินคาดทุกเรื่อง ตอนที่2

IMG_0371

ตอนที่สอง เช้าวันใหม่เรายังคงเก็บภาพบางส่วนจากที่พักอีกนิด แสงเช้าเป็นแสงที่มีลักษณะสีสวย แสงไม่แรงเกินไป ถ่ายภาพแสงเช้าค่อนข้างได้สีสันสดใส หลายอย่างในชีวิตประจำวันจะดูดีขึ้นเมื่อถ่ายภาพตอนเช้าแดดไม่แรง และที่ไปของวันนี้คือ ถ้ำกระแซ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟเลียบแนวภูเขา ซึ่งเป็นจุดที่สร้างยากมาก ทำให้คนงานที่ส่วนใหญ่เป็นเชลยศึกในสงครามโลกครั้งที่2ต้องล้มหายตายจากไปจำนวนมาก และถ้ำกระแซก็ยังมีจุดชมวิวมองเห็นทางรถไฟสวยงาม มองเห็นแนวแม่น้ำไหลอยู่ข้างล่างดูสงบเย็น ส่วนในถ้ำก็มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่องค์หนึ่ง

GOPR1983

IMG_5245

IMG_0380
IMG_0388

GOPR1969

ออกจากเส้นทางรถไฟสายมรณะ เราก็เดินทางไปยังจุดที่มีรางรถไฟอีกจุดหนึ่งที่อยู่ในภูเขา เป็นการตัดช่องเขาเพื่อสร้างราง เจตนาคือการสร้างเพื่อหลบสายตาศัตรู เป็นเส้นทางที่ทหารญี่ปุ่นสร้าง ทหารฝรั่งที่บินทิ้งระเบิดก็หาไม่เจอ เพราะปกคลุมด้วยป่าหนาแน่น แรงงานที่ถูกเกณฑ์มาสร้างก็คือคนไทยและฝรั่งที่ถูกจับเป็นเชลย ทางรถไฟในช่องเขานี้สร้างและใช้งานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเชลยศึกชาวออสเตรเลียที่หลบหนีไปได้ก็มีความพยายามกลับมาสร้างอนุสาวรีย์เมื่อสงครามจบ มีการค้นหาตำแหน่งการก่อสร้างอยู่นาน และเมื่อพบแล้วก็มีการขอจัดตั้งอนุสาวรีย์ให้กับพื้นที่แห่งนี้ และทางจังหวัดกาญจนบุรีก็เรียกสถานที่แห่งนี้ว่า เขาช่องขาด เพราะลักษณะของพื้นที่มีการตัดเจาะภูเขาเป็นช่องเพื่อทำให้รถไฟวิ่งผ่านได้นั่นเอง

IMG_0451
IMG_0469
IMG_0464
IMG_0427

ออกจากเขาช่องขาดเราก็ไปเล่นกิจกรรมกลางแจ้งที่ Treetop เป็นการเล่นไต่เชือกไปตามเส้นทางในป่า มีจุดต้องปล่อยไหลยาวๆข้ามบ่อน้ำใหญ่สนุกมาก พ่อแม่ลูกเล่นพร้อมกันได้ ได้อยู่ในป่าอากาศสดชื่น การไต่เชือกเป็นการฝึกใช้สมาธิที่ดีเลย

มื้อเย็นเรากลับมากินแถวสะพานข้ามแม่น้ำแคว มีร้านอาหารจำนวนมากที่อยู่ในบริเวณนี้ เราเลือกกินร้านที่อยู่ริมน้ำ มีโต๊ะให้นั่งบนแพ มีอาการโคลงเครงนิดหน่อยแต่ก็พอทนได้ ราคาอาหารแถวนี้ก็ราคาระดับกรุงเทพ วิวแม่น้ำก็มีกิจกรรมทางน้ำให้ดู มีคนนั่งเรือเล่น พายเรือเล่น เป็นแม่น้ำที่ไหลไม่แรงดูน่าจะทำกิจกรรมต่างๆได้ไม่อันตราย

GOPR2023
IMG_0483

กลับที่พักอย่างหมดแรง วันนี้ได้เล่นสนุกมากโดยเฉพาะกิจกรรมไต่เชือกในป่า จบกาญจนบุรีวันที่2

ย้อนกลับไปอ่านตอนที่ 1