เครื่องมือที่ใช้ทำการตลาดแบบบอกต่อ

15 hits

การตลาดแบบบอกต่อเป็นแนวคิดในการทำธุรกิจที่อาศัยการบอกปากต่อปาก แต่จะทำอย่างเป็นระบบคือตั้งใจทำให้เกิดการบอกต่อ โดยการบอกต่อทางธุรกิจจะเกิดขึ้นจากตัวของเรามีความน่าเชื่อถือมากเพียงพอ ซึ่งส่วนมากก็จะเกิดจากการที่เราทำงานมีคุณภาพและเรามีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี โดยสองปัจจัยนี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ

ในกลุ่มเน็ตเวิร์คที่เราพบปะกันจะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยน จับกลุ่มช่วยกันทำธุรกิจ เป็นส่วนหนึ่งของการบอกต่ออย่างมีคุณภาพ คาดหวังผลลัพธ์ได้ เราจะต้องมีเครื่องมือต่างๆต่อไปนื้เพื่อใช้ในการพูดคุย ทั้งการพูดคุยกันเองในกลุ่มเพื่อสร้างตลาดใหม่ และ การพูดคุยกับว่าที่ลูกค้าเพื่อสร้างความมั่นใจและทำให้เราปิดการขายได้

nec-4jun2024-Slide1

เครื่องมือมีดังต่อไปนี้

1 Testimonial
2 ภาพถ่ายสินค้าหรือภาพที่ทำงาน
3 โลโก้ลูกค้าที่เราเคยมี
4 รายชื่อพาร์ทเนอร์หรือคนในทีม
5 คำถามคำตอบเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของเรา
6 รางวัลที่เคยได้รับ
7 บทความที่เกี่ยวกับธุรกิจของเราสินค้าที่กำลังจะออกใหม่
8 โบรชัวร์บริษัท
9 งานที่ทำให้ลูกค้าคิดถึงเรา
10 สินค้าที่เราอยากใช้แนะนำตัว
11 ใบเสนอราคางานเก่าหรือโปรเจ๊คเก่า
12 บทความวิเคราะห์ที่คุณทำเอง


มาลงรายละเอียดกัน

20240120103522_IMG_1136

1 Testimonial คือ จดหมายที่ลูกค้าเขียนให้กับเรา อาจเป็นจดหมายขอบคุณ อาจเป็นข้อความติชม การเล่าเรื่องเกี่ยวกับคุณภาพการทำงานของเราที่น่าเชื่อถือที่สุดคือการเล่าโดยลูกค้า ถ้าลูกค้าชอบงานของเราลองขอให้ลูกค้าช่วยเขียนเป็นข้อความหรือจดหมายทางการแล้วนำมาแสดงไว้ในเว็บไซต์หรือบอร์ดในบริษัท นำมาแสดงให้ทีมขายหรือว่าที่ลูกค้าได้อ่านมันช่วยสร้างความไว้วางใจได้สูงมาก

000046

2 ภาพถ่ายสินค้าหรือภาพที่ทำงาน บริษัทของเราทำอะไร ขายอะไร สร้างอะไร บริการอะไร การมีภาพประกอบด้วยเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เกิดความสมบูรณ์ในการเล่าเรื่อง และเป็นการยืนยันตัวตนด้วยว่าเราคือคนทำงานจริง เรามีการผลิตจริง ภาพเหล่านี้ควรอยู่ในสื่อของบริษัท ทั้งเว็บไซต์ และโบรชัวร์

Slide05

3 โลโก้ลูกค้าที่เราเคยมี เป็นการบอกว่าเราได้รับการยอมรับจากใครบ้าง หากเป็นบริษัทที่ใหญ่โตเป็นที่รู้จักเราก็จะยิ่งน่าเชื่อถือ หาโลโก้ของลูกค้ามาใส่ไว้ในสไลด์แนะนำตัว หรือใส่ไว้ในเว็บไซต์ หรือ เอกสาร จดหมายข่าวต่างๆที่ลูกค้าคนอื่นมองเห็นได้ง่าย

DSC02413

4 รายชื่อพาร์ทเนอร์หรือคนในทีม ในกลุ่มเน็ทเวิร์คที่เรามี เราสามารถจับกลุ่มร่วมกันหลายอาชีพเพื่อช่วยกันทำตลาด มีการสร้างทีมงานช่วยกันขาย คนในทีมของเรามีใครบ้าง อาชีพอะไรบ้าง เราต้องจำได้อย่างแม่นยำ สามารถเล่าข้อมูลคนในทีมได้อย่างไม่ติดขัด เวลาที่ลูกค้าของเราต้องการสินค้าบางอย่าง หรือ บริการบางชนิด ที่มีอยู่ในทีม เราสามารถให้ความมั่นใจ เล่าเรื่องเขาเบื้องต้นให้กับลูกค้าได้ทันที

IMG_4105

5 คำถามคำตอบเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของเรา สินค้าและบริการทุกชนิดจะมีข้อมูลถามตอบเสมอ ลูกค้ามักจะถามคำถามอะไรเราจะมีหน้าที่ตอบ ให้เรารวมรวบคำถามและคำตอบมาไว้ด้วยกัน และใช้เป็นข้อมูลบอกเล่าสำหรับว่าที่ลูกค้ารวมถึงใช้สอนคนในทีมขายของเรา เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง สร้างความเชื่อมั่นว่าเราแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้

DSC02895
IMG_1047

6 รางวัลที่เคยได้รับ หรือบทสัมภาษณ์ลงหนังสือ เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่ามีคนมองเห็นคุณภาพงานของเราและยอมรับตัวเราอย่างแท้จริง

IMG_3653

7 บทความที่เกี่ยวกับธุรกิจของเราสินค้าที่กำลังจะออกใหม่ การมีแผนออกสินค้าใหม่เป็นการแสดงออกว่าเรายังอยู่ในธุรกิจ ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยังมีแผนการขยายธุรกิจ ส่วนบทความก็จะเป็นการแสดงตัวตนในอีกวิธีหนึ่ง เป็นงานสร้างคอนเท้นท์ที่ให้ผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะคอนเท้นหรือบทความจะทำงานเป็นประชาสัมพันธ์และเซลส์ให้เราได้แบบไม่หลับไม่นอน

Slide09

8 โบรชัวร์บริษัท เราขายอะไร เราบริการอะไร โบรชัวร์จะเป็นสิ่งที่ช่วยสื่อสารเล่าเรื่องของเราให้กับลูกค้าฟังโดยตรง ภาพของเราในหัวลูกค้าจะชัดเจนขึ้น และเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ามีข้อมูลติดต่อเมื่อถึงเวลาที่ต้องการใช้งาน

IMG_0793

9 งานที่ทำให้ลูกค้าคิดถึงเรา อาจเป็นสินค้าระดับเรือธง บริการสุดพรีเมี่ยมที่เราภาคภูมิใจมากจนอยากเล่าให้คนอื่นฟัง งานที่ทำให้เราพัฒนาไปอีกระดับ หรืออาจจะเป็นงานที่เป็นที่รู้จัก ได้รับการยอมรับในวงกว้าง

Slide13

10 สินค้าที่เราอยากใช้แนะนำตัว สินค้าที่เราโฟกัสว่าจะใช้เป็นพระเอกในการทำตลาด บริษัทเราอาจมีสินค้าหรือบริการหลายอย่าง ให้เลือก 1 อย่างมาเป็นตัวแทนในการใช้แนะนำตัว คิดเตรียมไว้ก่อน ตอนที่จะพูดแนะนำตัวจะได้พูดได้คล่อง ไม่ติดขัด

11 ใบเสนอราคางานเก่าหรือโปรเจ๊คเก่า หรือใบสั่งซื้อ เป็นการบอกถึงงานที่เราทำ และลูกค้ายอมรับจนเกิดการซื้อขาย เป็นหลักฐานว่าสินค้าของเราได้รับการยอมรับจริงๆ

Slide2

12 บทความวิเคราะห์ที่คุณทำเอง การเขียนบทความหรือคอนเท้นท์ลงในเว็บไซต์ ทั้งการบอกเล่า วิเคราะห์ หรือ การอัพเดทผลิตภัณฑ์ สิ่งต่างๆ ที่ถูกนำเสนอเป็นบทความในเว็บไซต์เป็นการแสดงออกถึงการมีตัวตน มีความสม่ำเสมอ และเป็นการเปิดเผยว่าคุณเป็นคนอย่างไร มีทัศนคติอย่างไร ที่ทำสำคัญ บทความยังเป็นสิ่งที่บอกว่าคุณยังอยู่ในธุรกิจ เป็นความน่าเชื่อถือที่สร้างได้ด้วยตัวเอง ทุกบทความจะทำงานให้เราเหมือนเป็นพนักงานหลายตำแหน่ง เช่น เป็นประชาสัมพันธ์ช่วยเล่าเรื่อง เป็นเซลส์ให้ข้อมูลลูกค้า และฝ่ายดูแลลูกค้าหลังการขายทำงานแก้ปัญหาเบื้องต้นให้กับผู้ซื้อ บทความจะทำงานแทนตัวเราแบบไม่หลับไม่นอน อยากมีทีมขายและทีมประชาสัมพันธ์ใหญ่แค่ไหน ให้เขียนบทความให้เยอะเท่านั้น

การตลาดแบบบอกต่อเป็นเครื่องมีทรงพลังสำหรับการขยายธุรกิจ มันสามารถสร้างยอดขายได้ไม่จำกัด ลงทุนต่ำในแง่ตัวเงิน แต่ต้องใช้เวลา ความอดทน และความจริงใจทดแทนเข้าไปเพื่อสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้น และเมื่อความไว้วางใจสูงเพียงพอก็จะเกิดการตัดสินใจซื้อได้นั่นเอง


หนังสือการตลาดแบบบอกต่อ

IMG_3651

หลังจากที่ได้รู้จักการขยายธุรกิจด้วยเครื่องมือการตลาดชนิดหนึ่งที่ใช้คำว่า การตลาดแบบบอกต่อ หรือ Referral Marketing  ผมก็เปลี่ยนแปลงความคิดตัวเองไปทีละน้อย  จากเดิมที่เคยออกจากบ้านไปหางาน ไปสู่การแย่งชิง หาลูกค้า ขายของ พยายามทุกอย่างเพื่อที่จะได้งาน  และพบว่า เราได้งานบ้าง ไม่ได้งานบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่กับความรู้สึกตลอดเวลาคือ เราโดดเดี่ยว เหมือนต่อสู้อยู่กับทุกคน

เราเคยออกจากบ้านไปงานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่าด้วยการพกนามบัตรไปเต็มกล่อง คิดว่าจะไปหาลูกค้าจากกลุ่มเพื่อนเก่า  แต่พอไปถึงงานเรากลับรู้สึกอยากพูดคุย ถามไถ่ เราอยากรู้เรื่องราวชีวิตของเพื่อน เราอยากเล่าเรื่องของเราให้เพื่อนฟังบ้าง เราไม่ได้อยากมาขายของ  และตัดสินใจเก็บนามบัตรไว้ ไม่หยิบแจกถ้าไม่มีใครขอ อยู่ในงานเลี้ยงรุ่นด้วยความรู้สึกอยากอยู่กับเพื่อนเก่า อยากนั่งคุยให้นานๆ  ผ่านไปสักสองชั่วโมงก็ค้นพบว่า เราไม่ได้ต้องการเป็นเซลส์ตลอดเวลา เราอยากมีเวลาสนุกสนานกับคนอื่นๆ  เวลาที่ไม่ใช่การของาน  ไม่ใช่การแย่งงาน ไม่ใช่การขอร้องให้เขาซื้อเรา

ความรู้ทางการตลาดแบบบอกต่อ เปลี่ยนให้เรารู้จักกับคำว่าให้  เปลี่ยนประโยคคำถามจากซื้อของเราไหม เป็น ธุรกิจคุณเป็นอย่างไร  เรารู้จักคนอาชีพนี้ เขาจะมีประโยชน์กับคุณไหม  คุณอยากให้เราช่วยอะไรบ้าง  ทุกคำถามไม่ได้ออกมาแบบนกแก้วนกขุนทอง แต่มันค่อยๆหลุดออกจากปากเราในการพูดคุยอย่างมีมารยาทและเชื่อว่าถูกกาลเทศะ  มันดูเหมือนเราเป็นคนผู้กว้างขวาง แต่จริงๆเราก็ยังเป็นคนธรรมดาที่บังเอิญรู้จักคนอีกหลายอาชีพ  และบางอาชีพในแวดวงของเราก็มีประโยชน์กับเพื่อนเก่า  บางคนที่กำลังมีปัญหาบางอย่าง เราก็อาจจะได้แนะนำให้คนที่เรารู้จักอีกกลุ่มหนึ่งมาช่วยเพื่อนเราได้

ยังมีเรื่องราวอีกหลายอย่างที่ได้เรียนรู้ไปกับการทำงานโดยใช้การตลาดแบบบอกต่อ  ได้เรียนรู้การตั้งเป้าหมาย การแบ่งงาน  การทำงานร่วมกันเป็นทีม และที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ไม่เคยได้จากการทำงานตัวคนเดียวก็คือการได้หัดไว้วางใจในตัวเพื่อนร่วมทีม  เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจยาก แต่พอได้สัมผัส ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่เราจะต้องไว้ใจกัน มันเกิดผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม และทำให้เราเรียนรู้ที่จะไว้ใจลูกน้อง  และสุดท้ายมันส่งผลดีต่อบริษัท ส่งผลดีต่อธุรกิจของเราเอง

หนังสือเล่มนี้ค่อยๆเขียนจากประสบการณ์การเป็นคนทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องน่ารู้ประจำสัปดาห์ให้กับเพื่อนร่วมงาน ทุกเรื่องที่ผมเคยเล่าก็จะถูกเรียบเรียงเป็นตัวหนังสือไว้ก่อน  ทำความเข้าใจแล้วค่อยๆเล่าให้เพื่อนฟัง  ตัวหนังสือเหล่านี้เลยถูกรวบรวมอีกครั้งให้เป็นเล่ม  เพื่อใช้ส่งต่อประสบการณ์ของการใช้การตลาดแบบบอกต่อในการทำธุรกิจ 

นอกจากความรู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนในการแก้ปัญหาแล้ว  เรายังได้เรียนรู้ขั้นตอนพิเศษที่หาเรียนได้ยาก นั่นคือการคิดแบบ Growth mindset หรือการมุ่งแสวงหาการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ  หาปัจจัยที่พาธุรกิจของเราให้ก้าวผ่านวิกฤต  การวิเคราะห์หาแนวทางเพื่อเติบโตเป็นสิ่งที่ถูกฝึกฝนให้คิดและทำตลอดเวลา  ผลลัพธ์คือการพัฒนาตัวเอง  ผลลัพธ์ต่อเนื่องคือสร้างการเจริญเติบโตให้กับธุรกิจของเราเองและช่วยให้ธุรกิจของเพื่อนเติบโตไปด้วย 

อีกหนึ่งผลลัพธ์ที่ได้รับจากแหล่งความรู้ในเล่มนี้ก็คือ รู้แล้วอยากออกไปทำงาน  รู้แล้วอยากออกไปแก้ไขสิ่งที่เคยทำไว้ไม่ดีนัก  เป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปจากความรู้ประเภทชี้ช่องรวย อ่านวันนี้พรุ่งนี้สำเร็จ  หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แนวนั้น  เมื่ออ่านจบแล้วเราทุกคนยังคงต้องทำงานหนัก เพื่อพัฒนาคุณภาพงาน พัฒนาธุรกิจของเราเองต่อไป

สำหรับนักอ่าน  ท่านสามารถเลือกอ่านเนื้อหาในเล่มได้ตามสะดวก ไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ จะข้ามไปยังบทที่สนใจเลยก็ได้  เพราะทุกบทเป็นบทที่จบในตัว เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เข้าใจการตลาดแบบบอกต่อและใช้เป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจของท่านได้

หากสนใจต้องการอ่านเป็นเล่ม ฝากชื่อ อีเมล ที่อยู่จัดส่งและเบอร์โทร ไว้ในแบบฟอร์มนี้ครับ

Go back

Your message has been sent

Warning
Warning
Warning
Warning.

การตลาดแบบบอกต่อต้องมี Visibility

การที่ใครคนหนึ่งตัดสินใจเลือกใช้บริการสักอย่างจะเกิดจากการที่เขาไม่ลืมเรา เช่น เดี๋ยวจะไปกินอาหารมื้อเย็น  ถ้าให้ลองบอกชื่อร้านอาหารที่อยากไปกันมาคนละ2 ร้าน เราก็คงนึกชื่อที่เราคุ้นเคย บางคนบอกชื่อของร้านอาหารญี่ปุ่น  บางคนบอกชื่อของร้านสุกี้  ทั้งๆที่ตลอดชีวิตของเรา  เราแวะกินร้านอาหารมากันคนละหลายสิบร้าน บางคนกินมาแล้วเกือบทุกร้านในห้าง  แต่ตอนที่เรานึกเร็วๆ ก็จะนึกออกได้แค่ไม่กี่ร้าน นั่นเป็นเพราะว่าเราลืมร้านอื่น  ไม่ใช่ร้านอื่นไม่อร่อย  แต่เราแค่ลืม

pexels-andrea-piacquadio-3764496

ในทำนองเดียวกัน  การบอกต่อหรือการแนะนำงานที่นักธุรกิจบางคนจะเรียกว่าการให้ Referral ก็เป็นการกระทำที่อยู่บนความไม่ลืม หรือ ความจำได้  การรับรู้ว่ามีใครสักคนทำงานนี้ได้  ทำให้เกิดการตัดสินใจบอกต่อ  การทำให้ผู้คนไม่ลืมบริษัทของเรา  ก็คือการทำให้เกิด visibility  มันคือการทำให้ผู้คนรับรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้  ให้บริการอยู่ตรงนี้  การมีตัวตนในใจลูกค้า หรือในใจผู้บอกต่อจะทำให้การบอกต่อเกิดขึ้น  และนำไปสู่การได้ธุรกิจหรือได้ยอดขาย

ตัวตนของเราในกลุ่ม networking หรือในกลุ่มเพื่อน  เพื่อนไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ลืมเหมือนกันถ้าไม่ได้เจอกับเราเป็นเวลานาน  ตั้งแต่เรียนจบจนมีครอบครัวถ้าไม่เคยเจอกันเลยรับรองว่าลืม และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครทำอาชีพอะไร   สมมุตถ้าเราจะซื้อประกันชีวิต  เรานึกออกไหมว่ามีใครในกลุ่มเพื่อนที่เคยเรียนที่เดียวกันจะมีอาชีพขายประกันบ้าง  แน่นอนว่าคงมีหลายคนจากหลายร้อยคนที่เรารู้จัก  แต่เราก็จะนึกถึงเพียงบางคน  นั่นก็เป็นเพราะบังเอิญเรานึกออกแค่เขา  หรือแม้แต่จะซ่อมแซมต่อเติมบ้าน  เราก็ไม่รู้จะเรียกใคร ทั้งที่เพื่อนในชีวิตที่เคยเรียนที่เดียวกับเราอาจจะมีบางคนทำงานสร้างและต่อเติมบ้านอยู่แล้ว  แต่เราก็ลืมเขา บางทีก็เป็นเพราะเราไม่รู้ข่าวของเพื่อนครบทุกคน  เลยไม่รู้ว่าใครทำอาชีพอะไร

การเพิ่ม visibility คือการทำบางสิ่งเพื่อทำให้เพื่อนไม่ลืมเรา  ทำเพื่อให้คู่ค้าหรือพันธมิตรธุรกิจไม่ลืมเรา  ทำเพื่อให้ลูกค้าไม่ลืมเรา  เพื่อนในกลุ่ม networking ไม่ลืมเรา นี่จึงเป็นเหตุผลที่กลุ่มธุรกิจบางกลุ่มถึงนัดพบกันทุกสัปดาห์และในการประชุมก็จะมาพูดว่าเราคือใคร ทำอาชีพอะไร ชอบลูกค้าแบบไหน และมองหาอะไร อย่างสม่ำเสมอ ทำซ้ำๆตลอดปี  มันเป็นการเพิ่มการรับรู้ที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะพูดซ้ำตลอดปี  

หากเราเห็นว่าการมีตัวตน หรือการถูกจำได้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการขยายธุรกิจ สิ่งต่อไปนี้คือสิ่งที่จะช่วยเพิ่ม visibility ให้กับเรา ต่อเพื่อนทุกกลุ่ม  ทุกสังคม  ที่เราอยู่ด้วย  เราลองอ่านไปทีละข้อแล้วเลือกทำบางข้อที่เราสะดวกจะทำ  ยิ่งทำมากยิ่งดี  ทำบางข้อก็ดีกว่าไม่ทำ ลองไปดูกัน

pexels-christina-morillo-1181406

1 เข้าร่วมกิจกรรมการประชุมหรือ ร่วมงาน networking ต่างๆที่เราสามารถเข้าได้  ทั้งการประชุมในอาชีพแบบเดียวกัน  หรือ งานแสดงสินค้า  งานโชว์ หรือการประชุมศิษย์เก่า และไม่ลืมที่จะติดนามบัตรของเราไปด้วย  เพราะเราไปร่วมงานในโหมดการแสดงตัวตน  ไปปรากฏตัวให้ผู้คนรับรู้ถึงตัวเรา

2 เข้าร่วมกับสภาอุตสาหกรรม สมาคมวิชาชีพเดียวกับคุณ  ไปร่วมประชุม สัมมนา หรือลงเวิร์คช็อป เพื่อไปหาเพื่อนใหม่ ทำความรู้จักกับคนในแวดวงเดียวกัน เพื่อขยายคอนเน็คชั่น  คนกลุ่มนี้จะเข้าใจอาชีพของเราได้ง่าย  บางทีเราอาจจะได้ซัพพลายเออร์  หรือ ได้เพื่อนร่วมอาชีพที่ช่วยเป็นแบ็คอัพให้ธุรกิจเราได้  อย่าเพิ่งคิดว่าเขาอาชีพเดียวกับเราแล้วจะแย่งลูกค้ากัน  ส่วนมากที่พบจะเป็นผู้ช่วยแก้ปัญหาให้เราเสียมากกว่า คือ มีข้อดีมากกว่าข้อเสียในการรู้จักคนอาชีพเดียวกันหรืออาชีพใกล้เคียงกัน

pexels-eva-bronzini-6956316

3 สร้างตัวตนในฝั่งออนไลน์หรือบนอินเทอเน็ต  เริ่มด้วยการมีเว็บไซต์จะเป็นแบบส่วนตัวหรือของบริษัทก็ได้  มีโซเชียลเน็ตเวิร์คประจำตัว  การมีโพรไฟล์ในอินเทอเน็ตจะทำให้มีคนเห็นเราเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยเท่า  และเราควรต้องอัพเดทข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ โพสท์เนื้อหาที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ หรือเล่าเรื่องของตัวเราอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญของเรา  พยายามเขียน story หรือเรื่องเล่า ยาวบ้าง สั้นบ้าง แล้วส่งเข้าโซเชียลเน็ตเวิร์คทุกตัวที่เราใช้งาน

4 สร้างแบรนด์ประจำตัวเราให้ชัดเจน  สื่อสารเรื่องราวที่มีคุณค่า นำเสนอความสามารถในทางบวกของเราออกสู่โลก  แสดงให้เห็นว่าเรามีความเชี่ยวชาญเรื่องอะไร  เล่าเรื่องวิธีการแก้ปัญหาให้ลูกค้าโดยอาศัยความชำนาญของเรา  วางตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญและทำตัวให้น่าเชื่อถือ ทุกอาชีพมีเรื่องเล่ามีความน่ารู้ที่คนอาชีพอื่นไม่รู้แน่นอน  หรือแม้แต่การโพสท์โชว์ว่าเราไปทำงานอะไรในแต่ละวันก็เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างการรับรู้ได้ดีมาก  บางคนแค่โพสท์ว่าไปส่งของให้โครงการก่อสร้าง ส่งของทุกวันก็โพสท์ทุกวัน คนที่เห็นก็จะจำได้ว่า คนโพสท์อาชีพอะไร ถึงวันที่จะใช้ของเดี๋ยวเขาก็จะถามกลับมาเอง

5 มองหาโอกาสที่จะช่วยเหลือผู้อื่น  แบ่งปันข้อมูลหรือทรัพยากรของเราที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ให้คำแนะนำหรือข้อมูลในเชิงลึก  อธิบายความรู้ทางเทคนิคถ้ามีโอกาส  การให้ความช่วยเหลือผู้อื่นในรูปแบบต่างๆจะเพิ่มการรับรู้ให้คนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ  และไม่ลืมที่จะบันทึกเป็นเรื่องเล่าว่าเราช่วยเหลือคนอื่นอย่างไร   ทั้งหมดจะช่วยทำให้การมีตัวตนภายในเแวดวงหรือกลุ่มเพื่อนหรือกลุ่มนักธุรกิจของคุณเด่นชัดมากยิ่งขึ้น

6 หาโอกาสขึ้นพูดในบนเวที พูดในงานสัมมนา หรือแม้แต่การพูดในห้องประชุม  การพูดจะทำให้คนรู้จักคุณดีขึ้น  การแบ่งปันความรู้บนเวทีจะทำให้ผู้คนรับรู้ในความเชี่ยวชาญ  สร้างความน่าเชื่อถือได้สูงมาก ยิ่งอธิบายความรู้เชิงลึกในอาชีพของคุณได้ยิ่งทำให้ผู้คนให้ความเชื่อถือมากยิ่งขึ้น อย่ากลัวที่จะแสดงออก  แม้ว่าครั้งแรกๆจะทำได้ไม่ดี ไม่มั่นใจ  แต่ให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า การได้รับเกียรติให้พูดบนเวทีในเรื่องราวอาชีพของเรา  นั่นเป็นเพราะเรามีความสามารถมากพอ เชี่ยวชาญในอาชีพของเรามากพอ  จนสามารถแบ่งปันให้คนอื่นได้  และยิ่งทำซ้ำ พูดซ้ำ จะยิ่งพูดได้ดีขึ้น จนในที่สุดจะไม่มีคำว่า ตื่นเวทีอีกเลย

pexels-andrea-piacquadio-3831888

7 ลองทำงานร่วมกับผู้อื่น  สร้างทีมทำโปรเจ็คใหม่ร่วมกัน  รวมศักยภาพของเรากับของเพื่อนเพื่อสร้างงานใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ถ่ายเทลูกค้าซึ่งกันและกัน  วิธีนี้จะได้รับการมองเห็นเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วเพราะเราจะได้ไปปรากฏตัวในแวดวงของเพื่อน  ขณะที่เพื่อนก็จะได้มาแสดงตัวในแวดวงของเรา ในภาษาทางธุรกิจบางองค์กรจะเรียกว่าการสร้างเพาเวอร์ทีมหรือ Powerteam

8 ติดตามเพื่อนใหม่เพื่อความต่อเนื่อง  หลังจากกิจกรรมเครือข่ายหรือการประชุม เราจะได้พบคนใหม่ รู้จักเพื่อนใหม่ ให้ติดตามผลกับทุกคนที่คุณเคยพบ  อาจจะทำโดยการส่งข้อความหรืออีเมลไปทักทาย  ถ้าคุณเป็นเจ้าภาพและเพื่อนใหม่มาเป็นแขกก็ให้ส่งคำขอบคุณในวันถัดมาหลังจากได้พบ  จะดีมากถ้าเราเพิ่มคนใหม่เป็นเพื่อนในโซเชียลเน็ตเวิร์คด้วย  จะทำให้เขารับรู้ถึงตัวตนของเรามากยิ่งขึ้น และถ้าเป็นไปได้ให้วางแผนนัดพบกันในครั้งถัดไปทันทีภายในเวลาไม่เกิน 2เดือน ถ้าเพื่อนใหม่เป็นคนที่น่าจะมีโอกาสส่งต่อธุรกิจซึ่งกันและกัน

9 เข้าร่วมการพบปะหรือร่วมประชุมด้วยความรู้สึกที่คึกคัก กระตือรือร้น  มีสมาธิในการ ฟัง ถาม ตอบ  มีส่วนร่วมในการประชุมอย่างเต็มที่  อยู่กับปัจจุบัน ใช้เวลาในห้องประชุมอย่างคุ้มค่า  ไม่ฟังอย่างขอไปที  เพราะทุกสิ่งที่กล่าวมาจะช่วยเพิ่มการมองเห็นและความน่าเชื่อถือของคุณ

10 ใช้ประโยชน์จากการรีวิวของลูกค้า เราอาจจะขอให้ลูกค้าเขียนบทความสั้นๆเพื่อชื่นชมการบริการของเราหากลูกค้ารู้สึกพอใจ  และนำรีวิวเหล่านี้ไปแสดงบนเว็บไซต์หรือโพสท์ในโซเชียลเน็ทเวิร์คของเรา  การชื่นชมคุณภาพการทำงาน  เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากในการสื่อสารแบบปากต่อปาก  และจะทำให้การรับรู้ของเราต่อคนอื่นเป็นไปในทิศทางที่เพิ่มขึ้นและเป็นบวก  และสุดท้ายจะพาโอกาสที่ดีเข้ามาหาเราได้แน่นอน

โปรดจำไว้ว่าการสร้างการรับรู้ในภาคธุรกิจต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างเข้มข้น  และต้องมีความสม่ำเสมอเป็นพื้นฐานสำคัญ   ให้พยายามมีสมาธิกับการพัฒนาการรับรู้หรือ Visibility อย่างจริงจังเพื่อขยายธุรกิจของเรา

Nec204 – พลังของ testimonial

เมื่อตอนที่ BNI เริ่มต้น  ในช่วงเวลาแรกที่มีเพียง 1 แช็ปเตอร์  ดร.ไอแวน ดำเนินการประชุมด้วยตัวเอง  องค์ประกอบของการประชุมก็จะมีขั้นตอนไม่ต่างจากการประชุมในปัจจุบัน  มีการแนะนำแขก  มีการแนะนำธุรกิจตัวเอง  มีการพรีเซ้น 5 นาทีของสมาชิก  และสุดท้ายคือมีการมอบ Referral ให้แก่กัน

dpp - Bod 23may2023 -IMG_4127

ในขั้นตอนการมอบ Referral จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของวาระการประชุมที่ทุกคนจะมีส่วนพูด  สมาชิกจะบอกว่าเรามี Referral ให้ใคร  เมื่อถึงคิวพูด คนพูดจะยืนขึ้น  แล้วบอกว่า ผมมี หรือ ฉันมี Referral ให้ คุณเอ  มี Referral คุณ บี   และถ้าบังเอิญว่าไม่มี Referral ให้เพื่อน  สมาชิกคนนั้นก็จะพูดว่า ผมไม่มี Referral หรือ พูดว่า “ผ่านครับ”  ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ทุกคนเข้าใจและทำกันแบบนี้เมื่อยังไม่มี Referral ให้เพื่อน

มีอยู่ครั้งหนึ่ง  สมาชิกเป็นคุณหมอด้านการจัดกระดูก  เขาได้บอกกับ ดร. ก่อนเริ่มประชุมว่า เขามาเป็นสมาชิกสักพักแล้ว  และเขาไม่มี Referral เลย  เขาควรทำอย่างไรดี  เพราะการประชุมก็กินเวลาของเขา  และไม่มีผลลัพธ์อะไรเลย  ไม่มีใครชวนเขาคุยหรือถามเรื่องเกี่ยวกับอาชีพเขาเลย แล้วเพื่อนสมาชิกจะให้ Referral กับเขาได้ยังไงถ้าไม่ได้คุยเรื่องอาชีพจัดกระดูก

dpp - Bod 23may2023 -IMG_4142

ดร. ตอบว่า  ถูกต้อง ใช่เลย คุณควรจะทำให้เพื่อนได้ทดลองใช้บริการคุณ  แล้วเขาจะได้รู้ว่าอาชีพของคุณทำอะไร  มีประโยชน์อย่างไร  ซึ่งจะทำให้เพื่อนเข้าใจและสามารถให้ Referral ได้  ทำไมคุณไม่ลองแจกโปรแกรมตรวจ หรือ โปรแกรมฟรีบางอย่างให้สมาชิกล่ะ  การได้ทดลองจะทำให้เขาเข้าใจ และได้ไปเยี่ยมชมที่ทำงานคุณด้วย  
ในสัปดาห์ต่อมา คุณหมอจัดกระดูกก็ได้ทดลองทำตามคำแนะนำ  เขาแจกโปรแกรมทดลองให้กับสมาชิกบางคน  และเขาก็ได้เล่าให้ ดร.ไอแวนฟังแล้วว่า เขาได้ทำแล้ว  และจะรอดูว่าจะเป็นอย่างไร

หลังจากนั้นในอีกสัปดาห์ถัดมา  การประชุมก็ดำเนินมาถึงตอนที่จะให้ Referral เหมือนเคย  และคิวพูดก็วนมาถึงสมาชิกท่านหนึ่งซึ่งสัปดาห์นี้เขาไม่มี Referral ให้เพื่อน  ปกติ เขาก็จะยืนขึ้นแล้วบอกว่าผ่าน  แต่คราวนี้เขายืนและพูดว่า  ดร. ผมไม่มี Referral แต่ผมไม่อยากผ่าน  ….  ดร. ก็งง แล้วถามว่า ถ้างั้นคุณอยากจะทำอะไร  เขาบอกว่า ผมขอพูดอะไรสักหน่อยได้ไหม  ดร.ตอบว่าได้  เชิญเลยสมาชิกท่านนี้ก็เล่าให้ฟังว่า  เขาได้แวะไปใช้บริการของคุณหมอนักจัดกระดูกแล้ว  ได้ตรวจเอ๊กซเรย์กระดูก ได้รับการจัดกระดูกโดยคุณหมอมาแล้ว  ปกติเขาจะมีอาการปวดหลังมานานประมาณ 7 ปี  เวลายืนนานๆก็จะปวดมาก  แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เขาไม่ปวด  และพอจะยืนนานๆได้แล้ว  เขารู้สึกโชคดีมากที่ได้ทดลองจัดกระดูกกับคุณหมอ  และขอบคุณคุณหมอมากๆที่ได้แจกโปรแกรมทดลองใช้บริการให้กับเขา

dpp - Bod 23may2023 -IMG_4166

หลังจากพูดจบ  ดร. ก็เห็นว่า เพื่อนสมาชิกในห้องหลายคนก็เขียน Referral ให้คุณหมอ  ดร.ค้นพบว่า การประชุมครั้งนี้มีสิ่งที่แตกต่างไปจากปกติ  นั่นคือการพูดถึงบริการของเพื่อนๆเมื่อได้ทดลองใช้ไปแล้ว  การพูดว่า ผ่าน หรือ สัปดาห์นี้ไม่มี Referral เป็นสิ่งที่เสียโอกาส  ถ้าไม่มี Referral จริงๆก็ควรจะได้พูดแง่มุมอื่นของธุรกิจเพื่อนที่เราได้สัมผัสมา  นั่นจะทำให้คนฟังที่เหลือรู้สึกมั่นใจ หรือกล้าที่จะให้ Referral มากขึ้น  และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก การพูดถึงธุรกิจเพื่อนที่เราได้ใช้บริการ  หรือ การพูด Testimonial ก็เป็นสิ่งที่ถูกบรรจุไว้ในวาระการประชุม  เพราะประสบการณ์การใช้งานของเพื่อนคนหนึ่งจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนคนอื่นๆในที่ประชุม และคนในห้องประชุมจะจำได้  ทำให้มีโอกาสให้ Referral ได้มากขึ้นด้วย

dpp - Bod 23may2023 -IMG_4227


สรุปโดยย่ออีกครั้งถ้าคุณไม่มี Referral

นั่นก็เพราะเพื่อนไม่คุยกับคุณเกี่ยวกับอาชีพของคุณ

นั่นเป็นเพราะเพื่อนไม่เคยใช้บริการคุณ

เพื่อนไม่รู้ว่าคุณทำอะไรได้และน่าใช้หรือเปล่า

นั่นเป็นเพราะคุณไม่เคยให้เขาทดลองใช้คุณ ทั้งแบบฟรี หรือแบบราคาถูกพิเศษเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการมี testimonial

ลองหาวิธีทำให้เพื่อนรู้จักคุณนะครับ

nec – referral source คืออะไร หาได้จากไหน

IMG_0229

คุณอาจจะคิดว่า ผู้ที่น่าจะให้ referral แก่เราบ่อยๆได้ก็คือลูกค้าเก่าของเรา เราคิดอย่างนั้น และมันเป็นเช่นนั้นหรือไม่  เชื่อว่าหลายคนก็คิดแบบนี้  และเราก็มักจะพูดติดปากว่า ลูกค้าเราใช้บริการเราแล้วพอใจ แล้วก็บอกต่อ แล้วก็แนะนำลูกค้าคนต่อไปมาให้  มันอาจจะเคยเกิดขึ้นบ้าง แต่ลองคิดดูให้ดีว่า มันสามารถเกิดขึ้นบ่อยๆหรือเปล่า  แล้วถ้าเราเชื่ออย่างนั้น เราก็อาจจะถลำตัวไปกับการใช้เวลากับลูกค้าของเรา จนวันนึงเราพบว่า เราคิดผิด

IMG_0536

ลูกค้าเก่าช่วยบอกต่อทำให้เกิดงานก็จริง แต่ในระยะยาวย่อมไม่ใช่ และจะทำให้เราเกิดผลเสียในภายหลังถ้าเรามัวแต่ใช้เวลากับลูกค้าเก่าของเราอย่างผิดวัตถุประสงค์  ผู้ที่จะให้ธุรกิจกับเราในระบบ referral marketing คือคนที่เราแนะนำงานให้เขานั่นเอง  คนที่เราส่งงานให้  คนที่เขาได้รับการเทรนนิ่งมาแนวเดียวกับเราและมีกลุ่มลูกค้าคล้ายๆเรา เรามาลงรายละเอียดกัน

คนที่ได้รับการฝึกฝนให้มองหางานให้เพื่อน หรือ เพื่อนใน powerteam ของเราที่มีความเข้าใจและสามารถใช้เวลาในการสร้าง network ที่มีคุณภาพต่างหากที่จะเป็นแหล่ง referral ให้กับเรามากกว่าลูกค้าเก่าทั้งหลายที่ผ่านเราไป  เพราะว่า เพื่อน powerteam ของเราผ่านการเรียนรู้ ผ่านการฝึกฝนมาเหมือนกับเรา อ่านตำราเดียวกับเรา และเห็นคุณค่าของการใช้เวลากับ powerteam เหมือนๆกับเรา  เพื่อนเราจะพูดหางานให้เราแทนตัวเราได้ เพราะเพื่อนเราฟังเราพูดทุกสัปดาห์  และผ่านการศึกษาซึ่งกันและกัน หรือ ทำ 1-2-1ด้วยกันแล้ว  และเราทำแบบนี้กับลูกค้าของเราไม่ได้นั่นเอง

IMG_0151

หากเราไปหาลูกค้าของเราเองและไปบอกไปสอนลูกค้าเราว่าเราอยากได้อะไร ขอให้ลูกค้าช่วยหา referral ให้หน่อย ลองคิดดูว่ามันจะออกมาน่าเกลียดแค่ไหน  ลูกค้าของคุณหวงแหนเวลาอันมีค่า เขาอาจจะคิดว่า ทำไมคุณไม่เอาเวลาพูดคุยเหล่านี้ไปทำงานของลูกค้าให้เรียบร้อย เอาเวลาไปทำในสิ่งที่ลูกค้าจ้างคุณทำ ทำไมต้องมาคุยนานๆ  ทำไมไม่กลับไปทำงานที่มีอยู่ให้เรียบร้อยดูดี  ถ้าลูกค้าเราใจดีช่างคุยก็อาจจะได้คุยกันนาน แต่ถ้าลูกค้าแสนดีของเราเกิดยุ่งและไม่ชอบสิ่งที่เรากำลังทำ ไม่ชอบการไปสั่งสอนว่าให้หางานให้คุณ  ลูกค้าก็อาจจะค่อยๆหายไปจากคุณก็ได้  คุ้มไหมกับการเปลี่ยนลูกค้าให้เป็นแหล่งสร้าง referral

IMG_9742

สิ่งที่เราควรจะโฟกัสให้ชัดก็คือ หา referral source จากกลุ่มเน็ตเวิร์คกิ้งให้เจอ  เขาเป็นคนที่มีลูกค้าคนเดียวกับเรา เขาเข้าใจการทำงานเป็นทีม เขาเข้าใจการทำตลาดแบบบอกต่ออย่างแท้จริง เขาให้ความสำคัญกับกลุ่มเน็ตเวิร์คกิ้งอย่างเพียงพอ เขามีเวลามาพูดคุยกับเราว่าเขาต้องการลูกค้าแบบไหน เราต้องการลูกค้าแบบไหน เขาพร้อมจะทำธุรกิจไปพร้อมๆกับเรา และเขามีเวลาให้เรา

ต่อให้เรามีลูกค้าคนเดียวกัน แต่ถ้าคุยไม่รู้เรื่อง ไม่มีเวลาให้เรา ก็ให้ท่องไว้ว่า  หาคนใหม่เข้าทีมเรา.

In this blog, business networking expert Dr. Ivan Misner® explains why, contrary to popular belief, customers may not be your best source for referrals.