โรงพิมพ์จอมทอง
Tag Archives: นกแอร์
review SALA Phuket พาเที่ยวศาลาภูเก็ตรีสอร์ท ภาค1
หลังจากผมกับแฟนแต่งงานได้ประมาณสองเดือน เราก็แวะมาเที่ยวภูเก็ตโดยแฟนได้ทำการซื้อวอยเชอร์ในงานท่องเที่ยว แล้วก็เลือกมาภูเก็ต พักที่ ศาลารีสอร์ต ชื่อเต็มผมไม่สนใจ ผมจะเรียกแค่นี้ เราเดินทางด้วยเครื่องบิน สายการบินนกแอร์ ขึ้นเครื่องบินที่ดอนเมือง
ครั้งหนึ่งผมเคยได้รับการติดด่อเพื่อติดสติ๊กเกอร์บนตู้ใส่สัมภาระบนเครื่องบิน โดยที่ทางเจ้าของเครื่องบินแจ้งว่าผนังตู้มันค่อนข้างลื่น ผมไม่เคยได้สังเกตเลยว่ามันลื่นแบบไหน พอได้มาขึ้นเครื่องอืกครั้งก็พบว่ามันลื่นจริงๆ โชคดีแล้วที่่ผมไม่ได้รับงานนี้ เพราะว่าไม่เคยเห็นพื้นผิว ไม่เคยได้ดูหน้างานก่อนเริ่มทำ
มาถึงสนามบินภูเก็ตก็แวะไปรับรถที่จองไว้ล่วงหน้า รถจอดรอที่สนามบินเลย เป็นรถฮอนด้าซิตี้รุ่นใหม่ล่าสุดของปี 2554 เป็นรุ่นท๊อปของซิตี้ คุณภาพรถดีมาก เลขไมล์ในรถวิ่งมาแค่สองพันกว่ากิโลเมตร ค่าเช่ารถจำไม่ได้ แต่ก็ไม่แพงมาก คุณภาพรถเก๋งของฮอนด้าซิตี้คันนี้ไม่เลว มันมีความนุ่มนวลและกำลังดีใช้ได้ ถ้าผมต้องเลือกรถเก๋งซีดาน ราคาไม่แพง อ็อพชั่นครบ ผมว่าฮอนด้าซิตี้น่าสนใจมากๆ

อีกไม่กี่นาทีผมก็มาถึงรีสอร์ต ที่จุดต้อนรับมีเครื่องดื่ม welcome drink ให้ด้วย ลักษณะการออกแบบที่นี่เน้นสี่เหลื่ยม สีเคร่งขรึม โซฟาสีแดงช่วยให้พื้นที่ดูดีขึ้นมาก ถ่ายรูปได้สวยเกินตาเห็น ใครนั่งก็หล่อ สาวนั่งก็สวย
ข้างๆจุดต้อนรับเป็นห้องทำงานเล็กๆพร้อมชุดรับแขก ไม่แน่ใจว่าทำไว้ให้ใครใช้ แต่มันก็ดูดี เป็นการออกแบบที่น่ามอง ลักษณะสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่เกินไป ถ้าบ้านมีพื้นที่กว้างพอผมก็อยากได้แบบนี้ไว้สักมุมเหมือนกัน ผมรู้สึกว่าการได้นั่งใช้เวลาในโต๊ะทำงานด้วยบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว เป็นเจ้าของบ้าน มันเป็นความรื่นรมย์แบบหนึ่ง
กำแพงปูนออกแนวดิบๆ ทางเดินมีหญ้าแซมเรื่อยๆ ป้ายบอกข้อมูลเป็นกระดาน เน้นว่าที่นี่ดีไซน์เป็นสี่เหลี่ยม เปิดประตูรั้วเข้าไปในแต่ละห้องจะมีสระน้ำและมีห้องนอนแยกเป็นห้องอีกชั้นหนึ่ง สระน้ำกว้างพอให้เล่นจนเหนื่อย ประตูหัองมาแนวสี่เหลี่ยมเล่นลายแนวตั้ง
ด้านข้างสระน้ำเป็นกระจกพร้อมอ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้า ดูหรูหรา มีอุปกรณ์เสพสปาเตรียมไว้ให้พร้อม อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันก็ทำได้แถวนี้เช่นกัน แต่ว่าต้องทนยุงทนแมลงได้นะ เพราะที่นี่โอเพ่นแอร์ ฝักบัวอยู่ด้านข้าง แหงนหน้ามองฝักบัวจะได้แถมท้องฟ้า
ในห้องนอนเป็นเตียงขนาดคิงไซ้ร์ + 1 หรือมันยาวกว่าคิงไซ้ร์ปกติ (แฟนบอก) สามารถตีลังกาจากซ้ายไปขวาได้โดยที่ยังไม่ตกออกจากเตียง หัวเตียงมีไฟส่องสว่างสำหรับอ่านหนังสือของใครของมันแยกกันเด็ดขาด ใครนอนทีหลังอยากอ่านหนังสือก็ตามใจ ไม่รบกวน หลังเตียงออกไปเป็นเค้าเตอร์บาร์ มีอุปกรณ์เครื่องดื่มรอไว้ให้ใช้ เอามาเป็นซับเจ็คในภาพถ่ายก็สวยดี เวลามาเที่ยวรีสอร์ตแนวนี้ไม่ค่อยได้หยิบใช้หรอก เพราะของในมินิบาร์มันราคาไม่ถูกเลย


ข้างเตียงด้านหนึ่งเป็นโซฟา ข้างเตียงอีกด้านหนึ่งเป็นโต๊ะทำงาน ใช้วางคอมพิวเตอร์ก็ได้ ที่นี่มีอินเทอเน็ตให้เล่น หน้าห้องเป็นสระว่ายน้ำ ออกจากเตียงก็กระโดดลงน้ำได้เลย ทุกอย่างอยู่ในรั้วส่วนตัวปิดมิดชิด อยากแก้ผ้าเล่นน้ำก็ไม่ต้องกลัวใครเห็น



ออกไปดูนอกห้องกันบ้าง รีสอร์ตแห่งนี้อยู่ติดทะเล พื้นที่ด้านนอกเป็นสระน้ำใหญ่ เป็นห้องอาหาร เป็นจุดชมวิว มีเตียงรอให้มานั่งเล่น มีเค้าเตอร์เครื่องดื่ม สนามที่นี่กว้างมาก สามารถเล่นฟุตบอลหรือกีฬากลางแจ้งได้เกือบทุกชนิด กว้างจนหมดความพยายามจะเดินไปเอาเท้าจุ่มทะเล



ริมทะเลมีต้นไม้ใหญ่สามารถใช้เป็นองค์ประกอบในการถ่ายรูปได้ มีชิงช้าแขวนไว้บริการหญิงสาวช่างฝัน ทำไมต้องมานั่งชิงข้าริมทะเลด้วย ตอนนั่งเหม่อออกไปอยากรู้เหมือนกันว่าคิดอะไร

และก็เป็นธรรมเนียมที่จะต้องมีภาพนั่งชิงช้าคู่กัน กล้องฟูจิ x100 ไม่มีขาตั้งกล้อง อาศัยวางบนกิ่งไม้ โฟกัสไว้ล่วงหน้า ตั้งเวลาถ่ายให้เรียบร้อย กดแล้ววิ่งเข้ามาอยู่ในภาพทำหน้าไม่เหนื่อยแม้ว่าจะหายใจแรงกว่าปกติก็ตาม ทำอยู่สามเที่ยวก็ได้ภาพน่าพอใจ ไปรีสอร์ตแพงก็แบบนี้แหละ จะหนีบเพื่อนที่เป็นช่างภาพไปด้วยก็รู้สึกเปลืองเงิน กดแล้ววิ่งแบบนี้ต้องหัดให้ชำนาญเพราะมีอีกหลายทริป


สระน้ำด้านนอกนี่ใหญ่สะใจมาก แต่ก็ไม่ได้ลงเล่นเพราะไม่อยากแต่งชุดว่ายน้ำโชว์พุงเดินผ่านสาธารณะชนออกมา ถ้าไม่มั่นใจว่าหุ่นดีขอผ่านดีกว่า เพราะถ้าลงเล่นในสระใหญ่เมื่อไหร่จะมีคนมองแน่นอน เพราะแทบไม่มีใครเล่นเลย

ห้องอาหารเป็นแบบกินไปชมวิวไป โต๊ะริมที่ดูใกล้ชิดทะเลมากกว่าโต๊ะอื่นเล็กน้อยอยู่ในทำเลที่โดนแดดตอนบ่าย โต๊ะอื่นๆที่วางกลางห้องโถงจะนั่งสบายกว่า น่าเสียดายโต๊ะริมเป็นอย่างมาก แถมนอกจากแดดแล้วยังมีผ้าใบบังลมทำให้รู้สึกอืดอัดเสียอีก ถ้าลมไม่พัดมันก็ไม่ใช่ทะเล ถ้าลมพัดมันก็กินอาหารลำบาก มันก็เลยต้องมีผ้าใบพลาสติกมาบังลมไว้ กลายเป็นว่าใครนั่งโต๊ะริมต้องทนดูผ้าใบขุ่นๆไปด้วย แต่ถ้าลมสงบเราก็จะได้ธรรมชาติที่สวยงามกลับคืนมา


ตอนเย็นๆก็แวะออกไปหาของกินในตัวเมือง ตามโพยที่พยายามค้นคว้ามาก็มีคำแนะนำให้ไปลองกินที่ร้านอาหาร “ระย้า” อยู่ในตัวเมืองภูเก็ต ขับวนอยู่ในเมืองสองสามรอบก็หาเจอ เป็นร้านอาหารไม่เล็กไม่ใหญ่ อยู่ในตึกเก่าโบราณ แม้แต่ปลั๊กไฟก็ยังโบราณ ตึกน่ะโบราณก็สวยดีดูมีคุณค่า แต่ปลั๊กไฟเก่าผมไม่ค่อยศรัทธาเท่าไหร่เพราะว่ามันอันตราย



อาหารในร้านก็เป็นเมนูท้องถิ่น อาหารทะเล ปลา แกง น้ำพริก รสชาดก็ออกแนวรสจัด ปนเผ็ด บรรยากาศในร้านก็ดูโล่ง คนน้อยแทบไม่มีใครแวะมาเลย ตอนที่ผมไปก็มีแค่โต๊ะผมโต๊ะเดียว สักพักหนึ่งก็มีเพิ่มอีกหนึ่งโต๊ะ กินอิ่มเสร็จแล้วก็ยังไม่มีใครเข้ามาเพิ่ม อาจจะเพราะว่าวันนี้ไม่ใช่วันหยุดก็ได้ ทำให้สามารถเลือกนั่งโต๊ะไหนก็ได้ตามใจ ผมเลือกนั่งมุมที่มีหน้าต่างเพราะจะได้ถ่ายรูปสวยกว่ากำแพงล้วนๆ



ร้านนี้ท่าทางจะเป็นร้านที่มีชื่อเสียงพอสมควรเพราะมีบอร์ดเซ็นชื่อโชว์อยู่ด้วย บรรยากาศรอบๆร้านก็ออกแนวต้นไม้เยอะ ท่าทางยุงเยอะ กินอิ่มแล้วผมก็รีบออกเพราะไม่อยากโดนยุงหาม
ออกจากร้านอาหารก็หาของหวานกิน แฟนผมทำการบ้านมาอย่างดี ชี้เป้าไปที่ถนนใกล้ๆ ขับรถไปไม่กี่นาที แวะกินเค้กสักก้อนก่อน แต่โชคร้ายที่วันนี้เค้กมีน้อยเพราะเป็นวันคนน้อย ทางร้านก็เลยมีเค้กเอาไว้รับรองแขกไม่มาก เมนูพื้นฐานก็มีแค่เท่าที่เห็น

บรรกาศของร้านก็ตกแต่งเรียบง่ายออกสไตล์ดิบๆ เพดานและกำแพงก็เป็นปูนเปลือยเป็นส่วนใหญ่ ยกของมาวางให้ดูเป็นระเบียบ ติดแอร์ให้เย็น เอาเค้กวาง เอากาแฟวางก็เปิดเป็นร้านไว้รับลูกค้าได้แล้ว ผนังด้านข้างก็ระบายสีแบบแนวเปื้อนๆมั่วๆ แต่ก็สวยดี


ผมนั่งกินเค้กและเครื่องดื่มเล็กน้อย ฝรั่งข้างๆสองคนนี้ผมเดาว่าไม่ได้มาด้วยกัน เพราะลักษณะการสื่อสารระหว่างสองคนนี้ดูแล้วเหมือนต่างคนต่างมา และเดาต่อว่าผู้หญิงกำลังจีบผู้ชายอยู่ แต่ช่างพวกเขาเถอะ ผมกินเค้กเสร็จก็กลับแล้ว
กลับที่พักนอนหลับสบาย ตื่นสายๆ แล้วก็ออกมากินอาหารเช้าที่สุดอลังการยิ่งกว่าที่พักอื่นๆที่เคยไปมา เพราะอาหารเช้าที่นี่นอกจากจะมีบุฟเฟ่ต์ของว่างให้ตักตามใจแล้ว ยังสามารถสั่งสเต๊กในเมนูได้คนละจานอีกด้วย




พอกินอิ่มแล้วก็เดินเล่นสำรวจรอบๆ บรรกาศตอนเช้ายังคงรู้สึกเย็นสบายไม่อบอ้าวแบบเมื่อวานตอนบ่าย แสงแดดกับอาคารสี่เหลี่ยมมันก็ดูเพลินตา เค้าเตอร์เครื่องดื่มมีขวดสารพัดสีสันสดใส เหมาะกับการเก็บภาพไว้ดูสวยๆ



จริงๆแล้วยังมีที่นั่งบริเวณนี้อีกมากมายที่ออกแบบไว้ให้นั่งปล่อยเวลาหายใจทิ้งได้เป็นวันวัน แต่ว่าอากาศกลางปีของเมืองไทยมันไม่ค่อยจะเย็นสักเท่าไหร่นั่งไม่นานก็เหงื่อออกกันให้เหนียวตัว ถ้ามากันหลายคนน่าจะได้เปิดวงเล่นไพ่กันครบขาบนโซฟากลมๆใหญ่ๆที่เห็น



เดินแวะไปชายหาดนิดหน่อยไปถ่ายภาพเก็บวิวริมทะเลบ้าง มาทะเลก็ควรจะได้รูปชายหาดและเรื่องราวขอบทะเลกลับไปบ้าง เหลียวซ้ายและขวาไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเลย อาจจะเป็นเพราะค่าใช้จ่ายที่นี่มันแพงก็ได้คนมาพักถึงน้อยและไม่พลุกพล่าน ซึ่งแตกต่างกับหาดสาธารณะทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด มองไปมองมาเจอแต่ซากเรือที่จงใจยกมาวางไว้เฉยๆกับ รถเข็นที่ไม่น่าจะจงใจวางแต่บังเอิญมันจอดอยู่ตรงนี้พอดี เลยได้ภาพกลับไป


โปรดติดตามตอนต่อไป
งานพิมพ์เร่งด่วน แก้ปัญหาให้ลูกค้าใบปลิวไม่พอ
วันที่ 1-4 กันยายน 2554 มีการจัดงานท่องเที่ยวที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ลูกค้าประจำของผมไปออกงานนี้เช่นกัน งานนี้ใช้ใบปลิวสองแบบ พิมพ์ 4 สี 2 หน้า 1 งาน และ 4 สี 1 หน้าอีก 1 งาน รับอาร์ตเวิร์คก่อนงานประมาณ 5 วัน นัดส่งของที่สถานที่จัดงานก่อนวันเริ่มงานจริง 1 วัน หรือไปส่งวันที่ 31 สิงหาคม 2554 ตอนเย็นๆเพื่อรอใช้งานในวันถัดไป
วันที่ 31 สิงหาคม 2554 ผมไปส่งของเรียบร้อย ตอนประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ คนน้อยดี ก่อนหน้านี้ในครั้งก่อนๆ ผมไปส่งของช่วงเย็น ต้องไปแย่งกันจอดรถ คนเยอะ ขนของลำบาก แต่ถ้าไปดึกหน่อยคนเริ่มน้อย จอดรถง่าย ค่อยๆทำ ไม่ต้องรีบ สบายดี คราวต่อไปมาส่งดึกๆดีกว่า
วันที่ 2 กันยายน 2554 ตอนหัวค่ำ ลูกค้าโทรมาบอกผมว่า ใบปลิวกำลังจะหมด ที่ทำไว้ประมาณการว่าจะแจก 4 วัน แต่ผ่านไปแค่สองวันจะหมดแล้ว อาจจะเป็นเพราะคนเดินเยอะมาก เลยแจกใบปลิวมาก ลูกค้าถามว่าจะพิมพ์เพิ่มทำได้ทันพรุ่งนี้ไหม ผมบอกไม่ทัน ถ้าจะให้พิมพ์ใบปลิว 4 สี 1 หน้า มันจะต้องเร่ิมพิมพ์พรุ่งนี้ พิมพ์เสร็จต้องรอแห้งเพื่อตัดในวันถัดไป เร็วสุดที่ทำได้คือเอาไปส่งวันที่ 4 ตอนกลางวัน ซึ่งก็ช้าเกินไป ลูกค้าเลยตัดสินใจขอให้เอาไปช่วยถ่ายเอกสารแทนและฝากผมทำให้ด้วย จำนวน 8000 ใบ
ผมรับปากช่วยงาน แต่ไม่อยากทำเป็นงานถ่ายเอกสาร เพราะงานมันจะดูกระจอก เลยวางแผนพิมพ์ 1 สี บนกระดาษอาร์ตด้าน เพื่อให้สวยและเสร็จเร็ว และต้องทำให้มันไม่ต้องตัดกระดาษหลังพิมพ์เพื่อจะได้ห่อไปส่งที่งานได้ทันที เลยเปลี่ยนวิธีการพิมพ์ใหม่เล็กน้อย จากเดิมกระดาษ 1ใบใหญ่ ลงได้ 4 ใบเล็ก พิมพ์เสร็จต้องเอามาตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ งาน 8000 ใบเล็ก ก็พิมพ์แค่ 2000 ใบใหญ่ แล้วเอามาตัดแบ่ง ผมเปลี่ยนให้พิมพ์กระดาษใบเล็กเท่างานจริงไปเลย ทำเพลทใหม่สำหรับพิมพ์ใบเล็ก แล้วก็พิมพ์ไปเรื่อยๆ พิมพ์เสร็จก็ห่อได้เลยไม่ต้องไปเสียเวลารอให้แห้งสนิทแล้วค่อยตัด คำนวณเวลาที่ใช้พิมพ์ได้ดังนี้ ทำเพลทตอนเช้าเพื่อพิมพ์สีดำ 1 ชม. ระหว่างนั้นตัดกระดาษรอ พอได้เพลทมาก็เริ่มพิมพ์ จับเวลาพิมพ์ได้นาทีละ 121 ใบ ก็เท่ากับว่าต้องใช้เวลาพิมพ์ประมาณ 70 นาที แต่จริงๆก็ใช้เวลานานกว่านั้นในการตั้งเครื่อง รวมๆแล้วใช้เวลาบนเครื่องพิมพ์ไป 2 ชม. รวมเวลาห่อและเดินทางอีก 1 ชม. ก็ครึ่งวันพอดี สรุปว่าแก้ปัญหาได้ ของไปถึงลูกค้าวันที่ 3 ตอนเที่ยง พอแจกไปจนจบงาน
การถ่ายเอกสารจากสิ่งพิมพ์ที่เป็นสี จะไม่สามารถทำให้สวยงามเท่ากับการพิมพ์สีดำ 1 สีได้ แม้โดยสามัญสำนึกมันจะทำได้เหมือนกัน แต่รายละเอียดไม่เหมือนกัน เพราะภาพสีถ้าเปลี่ยนเป็นภาพขาวดำอาจจะอ่านข้อมูลบางส่วนไม่ออก และการไล่ระดับสีเจ้าไปอ่อนจะทำได้ไม่ดี
งานต้นฉบับพิมพ์ 4 สี สแกนจากกระดาษจริง
ถ้าเอามาถ่ายเอกสารตรงๆจะเป็นแบบนี้ จะเห็นว่าตัวเลขราคา 5300 บาทจะจางกว่า และลายท้องฟ้าพื้นหลังบางส่วนจะหายไป
ต้องแก้ปัญหาโดยการเปลี่ยนค่าสีตัวเลขให้เข้ม แล้วทำเพลท 1 สี เพื่อพิมพ์ใหม่เลย คุณภาพงานจะดีกว่าการถ่ายเอกสารตรงๆ



































