อุปกรณ์เก่าเก็บไม่ค่อยได้ใช้

ตั้งแต่หัดถ่ายรูปมา ตอนนี้ก็ครบสิบปีแล้ว มีของที่ทะยอยซื้อหลายชิ้น บางอย่างก็พังไปแล้ว บางอย่างมีขายออกไปบ้าง ตอนนี้ก็เลยเอามาถ่ายภาพเก็บเป็นข้อมูลไว้ เพราะตั้งใจจะทะยอยขายออกไปเหมือนกัน


ตะแกรงล้างฟิล์ม และแท้งค์ล้างฟิล์ม เป็นของคู่บุญกับงานขาวดำ ใครจะถ่ายภาพขาวดำต้องทำเอง ต้องล้างเอง อุปกรณ์พวกนี้เป็นของจำเป็นไม่แพ้กล้องและเลนส์


เลนส์ sigma 24-70 f2.8 เป็นเลนส์ซูมระยะ 24-70 รุ่นแรกของโลก ออกมาก่อนยี่ห้อหลักเสียอีก เป็นเลนส์ที่ได้มือสองมา เคยซ่อมไปครั้งหนึ่ง ถึงทุกวันนี้มันทำเงินได้เกินค่าตัวไปหลายสิบเท่าแล้ว มันเป็นกำลังหลักของการรับงานของผมในสมััยที่ยังใช้ฟิล์มถ่ายภาพอยู่ พอเป็นยุคดิจิทัลก็ไม่ค่อยได้ใช้อีกเลย


เลนส์ซูม 35-70 f3.3-4.5 nikon เป็นเลนส์ซูมตัวเล็กคุณภาพสูง เลนส์ตัวนี้ซื้อมาพร้อมกล้อง สมัยน้องชายเริ่มเรียนถ่ายภาพ ผมพาน้องไปซื้อที่มาบุญครองเอง ตอนซื้อ กล้องหมื่นสอง เลนส์ตัวนี้หกพัน ยุคนั้นไม่มีกล้องดิจิทัล ผ่านมาถึงวันนี้ กล้องฟิล์มแทบจะเลิกใช้ไปแล้ว ทุกวันนี้ก็จับคู่กับกล้องฟิล์มตัวเดิม นานๆเอาออกมาใช้สักที สเป็คเลนส์ตัวนี้จะมีคล้ายๆกันหลายตัว บางตัวเป็นบอดี้พลาสติกน้ำหนักเบา ตัวที่ผมมีอยู่เป็นเหล็กค่อนข้างหนัก เรียกว่าเป็นของดีก็พอได้แหละ เวลาติดอยู่บนตัวกล้องแล้วก็ดูดีเหมือนกัน


แฟลช vivitar เป็นแฟลชยี่ห้ออิสระ ออกแบบมาให้ใช้กับกล้องได้ทุกยี่ห้อ เป็นแฟลชระบบแมน่วล และมีอ้อโต้สองระดับ เวลาจะใช้ต้องคำนวณระยะทาง ความไว รูรับแสงควบคู่กัน กว่าจะได้ค่าแสงที่พอดีต้องคิดเยอะมาก แต่สมัยใหม่มีแฟลชระบบไฮเทคที่ช่วยให้การใช้แฟลชง่ายกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่ได้ระดับแสงที่ต้องการจริงๆเท่ากับระบบแมน่วล การใช้งานแฟลชเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ และต้องใช้เวลามากกว่าการหัดใช้กล้องเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นแฟลชกระจอกระดับไหนก็ตาม ทักษะการใช้แฟลชเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน หนังสือเกี่ยวกับการใช้งานแฟลชหายากมาก หนังสือที่ดีที่สุดที่ผมเคยอ่านตอนนี้ไม่สามารถหาซื้อได้แล้ว จากวันที่เริ่มเรียนรู้แฟลชจนผ่านมาสิบปี ไม่มีหนังสือเกี่ยวกับแฟลชที่ดีให้เห็นอีกเลย ไม่รู้ว่าเพราะไม่มีคนคิดจะเขียน หรือ เป็นเพราะไม่มีใครอยากอ่านเลยไม่มีใครอยากจะเขียน


เลนส์ nikon 135 f2.8 เป็นเลนส์แมน่วลเทเลโฟโต้ราคาประหยัด คุณภาพดีมาก ได้มือสองมาจากร้านแถวเจริญกรุง ใช้กับฟิล์มได้สนุกมาก อารมณ์ถ่ายภาพด้วยฟิล์มเป็นอารมณ์ที่หาทดแทนไม่ได้จากระบบดิจิทัล การได้เลนส์และฟิล์มดีๆจะทำให้ภาพออกมาดีเลิศเลอน่าหลงไหล เลนส์ตัวนี้ให้ภาพสวยที่สุดเท่าที่กล้องแมน่วลจะมีให้ได้ ของที่ดีกว่านี้ก็มี แต่ว่าราคามันก็จะสูงขึ้นมาหลายเท่า ถ้าจำกัดงบ เลนสตัวนี้จะกลายเป็นเดอะเบสท์ และด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่โต สามารถใช้กระเป๋ากล้องสำหรับ SLR แบบที่เล็กที่สุดได้ไม่มีปัญหา

ถ่ายภาพสินค้าตัวอย่างเอาไปทำอาร์ตเวิร์ค

ผมกำลังทำงานโปรโมทหน่วยงานแห่งหนึ่งอยู่ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโรงพิมพ์เป็นหลัก จำเป็นต้องถ่ายรูปตัวอย่างงานที่เป็นบรรจุภัณฑ์หลายรูปแบบ ทางผู้สนับสนุนข้อมูลได้ให้ตัวอย่างบรรจุภัณฑ์มาให้ผมเอาไว้ใช้ประกอบการทำเอกสาร ก็เลยจำเป็นต้องถ่ายรูปเก็บไว้

เท่าที่ดูของมาเป็นกล่องใหญ่สองใบ แต่ละใบมีกล่องเล็กกล่องน้อยอยู่เต็มไปหมด ผมเห็นกล่องที่ขนมาแล้วก็ไม่อยากนับว่ามีอยู่เท่าไหร่ และก็เลื่อนวันที่จะถ่ายภาพทั้งหมดไปเรื่อยๆเพราะว่าติดธุระอย่างอื่นอยู่หลายอย่าง

ผมประเมินคร่าวๆแล้วว่างานนี้ต้องถ่ายภาพเยอะ และก็เป็นการถ่ายภาพแบบไม่มีค่าตัวเสียด้วย ก็เลยเลือกที่จะถ่ายแบบง่ายที่สุดและใช้เวลาให้น้อยที่สุด และใช้เวลาในวันหยุดสักช่วงหนึ่งถ่ายเก็บทั้งหมด ก็เลยเป็นวันนี้ วันเลือกตั้ง สก. สข. ผมไปหย่อนบัตรเลือกตั้งเสร็จแล้วก็มาเตรียมของที่จะถ่ายภาพ

ผมเซ็ทอัพกล่องและไฟสำหรับถ่ายภาพในแบบที่คุ้นเคย ผมแฟลชดวงเดียวสำหรับการถ่ายภาพครั้งนี้ โดยจัดให้ไฟส่องจากด้านข้างกล่อง ให้ฝาบนและฝาข้างของกล่องได้รับแสงจากแฟลชไปพร้อมๆกัน ซึ่งจะให้ผลของภาพค่อนข้างสวยในสายตาของผม คือแสงที่ตกกระทบวัตถุจะมีน้ำหนักบนและข้างไม่เท่ากัน ส่งผลให้ภาพดูมีมิติตื้นลึก

ผมใช้แฟลชนิคอน sb-25 ต่อกับตัวรับสัญญาณแฟลชแบบคลื่นวิทยุ หรือ ทริกเกอร์ เปิดกำลังไฟเพียง 1/8 ของกำลังไฟทั้งหมดเพื่อให้แฟลชสามารถยิงแสงได้ต่อเนื่องหลายครั้ง ถ้ายิงเต็มกำลังทั้งหมด พอยิงไปแล้วจะต้องรอชาร์จไฟจนเต็ม ซึ่งมันใช้เวลาหลายวินาที มันจะทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง เพราะว่าช่างภาพมักจะกดถ่ายภาพค่อนข้างถี่ บางครั้งการรอให้ชาร์จไฟอีกเพียงห้าวินาทีก็ทำให้เสียอารมณ์การทำงานได้

กล้อง eos5d เลนส์ tamron 28-75 ค่ารูรับแสง f8 iso400 เมื่อได้แสงที่ถูกใจก็เริ่มถ่ายจริง ผมทำงานคนเดียว หยิบเอง วางเอง ถ่ายเอง เก็บของเอง ด้วยความที่ไม่อยากจะใช้เวลามากเกินไป ผมเลยเร่งการทำงานแบบค่อนข้างเร็ว ของมีอยู่กี่ชิ้นไม่ได้นับ แต่ภาพที่กดถ่ายออกมาได้มีอยู่ 298 ภาพ ซึ่งผมใช้เวลาทั้งหมดตั้งแต่ภาพแรกจนถึงภาพสุดท้้ายไปทั้งหมด 85 นาที แล้วใช้เวลาเก็บของอีกประมาณสามสิบนาที

ถ่ายภาพสตรอเบอรี่

ลูกค้าให้ทำงานติดสติ๊กเกอร์บนถังไอติม โดยจะเอาภาพสตรอเบอรี่เป็นหลัก และลูกค้าก็ได้หาภาพสตรอเบอรี่จากอินเทอเน็ตมาให้แล้ว แต่ละภาพก็เล็กเกินไป ไม่สามารถจะเอามาขยายเพื่อติดตั้งได้เลย ผมเลยเสนอว่าให้ถ่ายภาพใหม่ดีกว่า ให้เขาซื้อสตรอเบอรี่มาแล้วเดี๋ยวผมถ่ายให้ใหม่ ไม่คิดค่าถ่ายภาพ

คุยกันตอนเช้า ตอนบ่ายสตรอเบอรี่ก็มาถึงผมแล้ว แต่กว่าจะได้ถ่ายภาพจริงๆก็หลุดไปถึงช่วงเย็นเพราะตลอดวันงานยุ่งมาก ไม่สามารถเจียดเวลามาถ่ายภาพได้เลย ตอนเย็นๆค่ำๆหลังจากหมดธุระที่จะต้องพูดคุยกับลูกค้าแต่ละรายแล้ว ก็เริ่มถ่ายภาพ

การถ่ายภาพให้ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แต่ผมก็เลือกที่จะทำด้วยเหตุผลสองข้อ ข้อแรกคือลูกค้าคนนี้คือลูกค้าประจำ ปีหนึ่งๆเขาจ่ายเงินค่าสิ่งพิมพ์ให้ผมเป็นแสนบาท ผมบริการเขาแค่นี้เรื่องเล็กน้อยมาก อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ผมมีโอกาสได้ถ่ายภาพสต๊อกเก็บไว้ ภาพสตรอเบอรี่ไม่ถูกใช้งานแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแน่นอน จะเอาไปทำโปสการ์ดยังได้เลย

ก็เลยเป็นที่มาของภาพชุดนี้ ผมใช้เวลาถ่ายไม่นาน ตั้งกล่องไฟ ตั้งแฟลชด้วยความคุ้นเคย ตั้งแต่เริ่มหยิบอุปกรณ์จนถึงนาทีที่กดชัตเตอร์ผมใช้เวลาไม่เกินห้านาที แล้วก็ใช้เวลานั่งมองนั่งคิดอีกครึ่งชั่วโมง

มีการเปลี่ยนองค์ประกอบและเปลี่ยนค่าแสงบ้างเพื่อให้สีสันมันแตกต่างกันออกไป บางภาพผมตั้งใจเอาไปทำโปสการ์ด บางภาพตั้งใจเอาไว้ใช้โอกาสอื่นๆ แต่ภาพที่จะใช้กับงานปัจจุบันนี้ ยังเลือกไม่ได้เลย

ถ่ายภาพทุ่งนาและต้นข้าว

ผมได้รับงานถ่ายภาพจากคนรู้จักแนะนำต่อ ลูกค้าคนใหม่นี้อยู่ต่างจังหวัด งานคือต้องไปถ่ายภาพต้นข้าวและทุ่งนาที่จังหวัดชัยนาท น่าจะใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อเก็บภาพให้ครบตามเนื้อหาที่ต้องการ นัดวันเสาร์ วันศุกร์เย็นผมเพิ่งจะได้รับการอธิบายการเดินทาง นับว่ากระทันหันอย่างมาก

ผมตื่นเช้าตามปกติ ไปเคลียร์งานที่โรงพิมพ์ก่อนเล็กน้อย แล้วก็ออกเดินทาง โดยอุปกรณ์ถ่ายภาพทั้งหมดยังคงอยู่ในรถยนต์ ซึ่งไม่ได้ขนลงหลังจากที่กลับมาจากการถ่ายภาพอาหาร มีเพียงแบตเตอรี่ของกล้องและแผ่นเมมโมรี่เท่านั้นที่หยิบออกมาเพื่อชาร์จและก๊อปปี้ไฟล์งานเก่าเก็บไว้

ผมออกเดินทางจากบ้านตอน 09.00 น. ขึ้นทางด่วนไปดินแดงแล้วต่อโทลเวย์ แล้วก็ขับตรงไปยังชัยนาท ผมไปถึงประมาณ 11.15 น. นั่งพัก กินข้าง คุยเรื่องเนื้อหาที่ต้องถ่ายภาพ แล้วก็เร่ิมงานถ่ายกันประมาณบ่ายโมง

ครั้งนี้เป็นการถ่ายภาพทุ่งนาและต้นข้าวในระยะใกล้ชิดมาก เมื่อก่อนได้แต่ขับรถผ่านแล้วอย่างมากก็แวะข้างทาง หยิบกล้องมาส่องแล้วกดชัตเตอร์เก็บภาพแค่ไม่กี่นาที แต่รอบนี้ ผมได้ใช้เวลากับทุ่งนาและต้นข้าวอย่างเต็มที่ ได้ความรู้รอบตัวเรื่องข้าวค่อนข้างเยอะ เพราะลูกค้าอธิบายเรื่องราวหลายๆอย่างให้ฟังอย่างหมดเปลือก คงต้องการให้ผมเข้าใจพฤติกรรมของข้าว ผมก็เห็นด้วย

ก่อนจะมาถ่ายภาพชุดนี้ผมหาข้อมูลภาพทุ่งนาและต้นข้าวอยู่หลายชั่วโมง เพื่อจะดูว่าเขาถ่ายภาพลักษณะไหนกันบ้าง ดูจบแล้วก็พอจะรู้แนวและรู้ว่าจะถ่ายภาพเพื่อนำไปใช้งานทำสิ่งพิมพ์อย่างไรถึงจะใช้งานง่าย การทำการบ้านมาก่อน และการได้มีเวลาอยู่ในสถานที่จริงค่อนข้างนานทำให้ผมสามารถถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น มีภาพที่ดีจำนวนมากในมาตรฐานของผม แม้ว่าผมจะไม่ค่อยแน่ใจว่าลูกค้าจะชอบภาพลักษณะนี้หรือไม่ แต่ผมก็พอใจของผมเอง

ภาพริมทุ่งแบบนี้จะเห็นแนวคันดินและต้นข้าว เป็นเพราะผมยืนอยู่ด้านข้าง ไม่ได้ลุยเข้าไปเลยได้ภาพมาลักษณะนี้ เป็นภาพที่จัดองค์ประกอบแบบสมดุลย์ ไม่ได้มีความหมายอื่นๆที่แอบแฝงไว้ ผมมองภาพส่วนใหญ่ในวันนี้เป็นแบบเรขาคณิต คือมองสัดส่วน รูปทรง แต่เพียงเท่านั้น ไม่ได้ซ่อนความหมายอะไรไว้ในภาพ

หลายภาพเป็นภาพเพื่อความมั่นใจ หมายความว่าเป็นภาพที่ไม่แย่ เป็นภาพที่สามารถเอาไปใช้งานทำเอกสาร ทำสื่อต่างๆได้ไม่ยาก ผมเรียกภาพลักษณะนี้ว่า “เซฟช็อต” คือได้ภาพที่ดีในระดับนึง อาจจะไม่ได้สร้างสรรให้หวือหวาหรือโชว์ภูมิใดๆ

ภาพคนถือขวดผลิตภัณฑ์ เป็นภาพแนวบังคับว่าเนื้อหาต้องมีคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ด้วย ภาพนี้เป็นภาพที่ผมพยายามถ่ายให้ดูแปลกกว่าภาพเซฟช็อต เลยเลือกที่จะถ่ายคนด้วยเลนส์มุมกว้างพร้อมกับการเลือกใช้แฟลชเสริมยิ่งเข้าไปด้านหน้าด้วย ลักษณะภาพที่ออกแบบไว้ในหัวจะต้องมีท้องฟ้าสีฟ้าสวยๆอยู่ด้านหลัง แต่วันนี้มีเมฆเยอะ เลยได้มาแค่นี้

ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายออกมาจากเพิงที่พักของชาวนาเจ้าของที่ดิน ผมเห็นว่าที่นั่งตรงนี้มันร่ม และรู้สึกสบายตาที่จะมองออกมา เห็นด้านบนเป็นส่วนมืด ด้านล่างก็เป็นส่วนมืด เลยเลือกที่จะวัดแสงให้ต้นข้าวด้านนอกได้รับแสงพอดี แล้วปล่อยให้ด้านไม่โดนแสงมืดไปเลย

นี่คือเบื้องหลังอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้่ถ่ายภาพ ผมใช้แฟลชสองตัวช่วยกันยิงแสงออกมาสู้กับแสงแดด แต่ก็ยังให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีพอ จริงๆอยากได้แฟลชแรงกว่านี้ แต่ผมมีอยู่แค่สองตัวเลยไม่ค่อยตรงใจสักเท่าไหร่ ภาพที่ใช้แฟลชก็คือภาพคนด้านบนที่พูดถึงไปแล้ว

ภาพแปลงต้นกล้า เป็นต้นกล้าที่ถูกจ้างปลูกเอาไว้ ชาวนายุคปัจจุบันหลายคนเริ่มจ้างคนอื่นปลูกต้นกล้า เมื่อต้นกล้าโตเต็มก็ค่อยมาเอาไปลงดินจริงๆ ธุรกิจปลูกต้นกล้าก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่มีรายได้ค่อนข้างดี เพราะชาวนาหันมาใช้บริการจ้างปลูกต้นกล้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ภาพนี้คือต้นกล้าอายุ 1 วัน จริงๆคงไม่สามารถเรียกว่าต้นกล้าได้ เพราะมันยังเป็นแค่เมล็ดข้าวที่กำลังงอกหมาดๆ อายุแค่หนึ่งวัน

พอผ่านไปหลายวันต้นกล้าก็สูงขึ้น ยืนต้นวางเบียดกันเต็มกระบะ

ต้นกล้าอายุประมาณสองอาทิตย์ก็พร้อมจะถูกนำไปลงดินจริงๆ บางคนใช้ปักดำ บางคนใช้โยนกล้า ซึ่งเริ่มมีคนรู้จักวิธีโยนมากขึ้นเรื่อยๆ ภาษาท้องถิ่นเรียกวิธีการโยนว่า “นาโยน”

สาวคนนี้คือผู้รับจ้างปลูกต้นกล้า

ภาพชุดนี้มีคุณภาพค่อนข้างดี หลายภาพมีองค์ประกอบที่เหมาะสำหรับนำไปทำเอกสารและสื่อสิ่งพิมพ์ มีภาพของแถมหลายรูปที่ผมเห็นแล้วเลือกถ่ายเก็บไว้ด้วย

อย่างเช่นภาพนี้เป็นต้น ไม่รู้ว่าบริษัทที่ขายขนมถุงที่อยู่ในมือของเด็กคนนี้จะดีใจบ้างไหมถ้าได้เห็นภาพนี้

ผมเสร็จงานที่ชัยนาทประมาณห้าโมงเย็น กินข้าวเสร็จก็ขับรถกลับ ใช้เวลาเดินทางกลับประมาณสามชั่วโมง

ถ่ายอาหารอีกครั้งด้วยอุปกรณ์อนาถา

มีงานถ่ายภาพอาหารเข้ามาอีกแล้ว เป็นอาหารประเภทข้าวในร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง คราวที่แล้วถ่ายภาพแฮมเบอร์เกอร์ คราวนี้เป็นจานข้างซึ่งขนาดใหญ่กว่าเดิม ทำให้ผมต้องเปลี่ยนอุปกรณ์การถ่ายภาพเล็กน้อย

ลักษณะของอุปกรณ์ช่วยถ่ายในงานประเภทนี้คือเต๊นท์สำหรับถ่ายสินค้า ตอนที่ถ่ายของเล็กๆผมก็เอากล่องกระดาษขนาดไม่ใหญ่มาเจาะเพื่อติดกระดาษขาวบาง แล้วก็เอาสินค้าไปวางในกล่องเพื่อถ่าย แต่คราวนี้สินค้าใหญ่ขึ้น ผมเลยต้องเปลี่ยนเต๊นท์ให้ใหญ่ขึ้นเช่นกัน

กล่องใบใหม่นี้เป็นกล่องใส่ปริ๊นเตอร์ ผมรื้อหากล่องเก่าๆในโรงพิมพ์เพื่อเอามาดัดแปลง ใช้เวลาเลือกกล่องอยู่เกือบชั่วโมง แล้วก็จัดการตัดด้านข้างสองด้าน ด้านบนอีกหนึ่งด้าน สั่งคนงานทำให้ แล้วกล่องก็พร้อมใช้งานตอนสิบโมงเช้า ซึ่งคิวงานผมนัดไว้ตอน 11.00 น. ที่ถนนรามคำแหงใกล้ถนนวงแหวนตะวันออก

ทีแรกจัดไฟด้วยแฟลชตัวเดียว คือติดแฟลชไว้บนขาตั้งแล้วส่องข้างบนของกล่อง วางวัตถุในกล่องตามภาพ ได้ตัวอย่างงานตามที่เห็น

แล้วก็จัดการวางสินค้าจริงเข้าไปถ่าย เมนูอาหารจานเดียว แบบเดียว แต่วางหลายๆแบบ แล้วก็มีบางภาพที่ลองเพิ่มแสงแฟลชด้านข้างเข้าไปด้วย ผลลัพธ์ที่น่าพอใจออกมาในภาพช่วยสุดท้าย คือเป็นภาพที่ใช้แฟลชสองตัว โดยแฟลชตัวที่สองอยู่ทางด้านขวามือ

ได้แสงที่ต้องการแล้วก็ลองขยับอาหารดูหลายๆแบบ ได้ภาพคล้ายๆกัน ซึ่งลูกค้าดูแล้วก็พอใจ จบงานได้ภายในสองชั่วโมง

งานนี้ใช้เวลาเดินทางไปกลับนานกว่าเวลาที่ใช้ถ่ายภาพ

เก็บอดีตมาเล่า วิทยุ โมเดิร์นด๊อก พระพุทธชินราช

ครอบครัวผมขายบ้านออกไปหลังหนึ่งเพราะว่าดูแลไม่ทั่วถึง บ้านหลังที่ผมโตขึ้นมาสมัยเรียนหนังสือ พอขายไปก็ต้องย้ายของออกมา พอย้ายของก็ได้เจอเรื่องในอดีตหลายเรื่อง เลยเก็บของบางอย่างมาถ่ายรูปเก็บไว้

วิทยุขวดโค้ก
มันเป็นวิทยุที่รับคลื่นแทบไม่ได้เลย ในสมัยนั้นปีไหนผมจำไม่ได้ มันเป็นของแถมมาจากร้านไอศรีมสเวนเซ่น ในตอนนั้นมันรับคลื่นได้บ้างไม่ได้บ้าง คลื่นหลักๆพอรับได้ แต่พอเปลี่ยนคลื่นอาจจะหมุนกลับมาที่เดิมไม่เจอ สรุปว่าวิทยุเครื่องนี้เป็นของพรีเมี่ยมที่ดูน่าสนใจแต่ใช้งานไม่ได้เรื่อง ยิ่งถ้าเอามาเปิดในปีนี้ (พ.ศ.2553) ผมคิดว่ามันคงจะรับคลื่นลำบากยิ่งกว่าเดิม เพราะวิทยุชุมชนมันอัดแน่นเต็มไปหมด ผมจะฟังคลื่นวิทยุหลักๆสักคลื่นบางทียังฟังไม่ได้ เพราะโดนคลื่นวิทยุชุมชนเบียดแย่งไปหมดเลย

เทปโมเดิร์นด๊อกชุดแรก
เทปม้วนนี้เป็นอัลบั้มแรกแต่ปั๊มออกมาขายรอบที่สอง เพราะเทปม้วนนี้มีเพลงแถมคือเพลง “ก่อน” ในแบบอคูสติกด้วย มันเป็นเพราะเพลงนี้มันดังและฮิตมากนั่นเอง เทปม้วนแรกจริงๆของผมหายไปไหนผมก็จำไม่ได้แล้ว เลยซื้ออีกม้วนตอนที่มันมีเพลงแถมด้วย นอกจากเทปแล้วผมก็มีแผ่นซีดีเหมือนกัน เป็นแผ่นที่ผมพกไปขอลายเซ็นต์ของศิลปินตอนเขามาเล่นที่มหาวิทยาลัย ว่าไปแล้ว โมเดิร์นด๊อกก็กลายเป็นตำนานไปเลยหลังจากที่ทำอัลบั้มออกมาเพียงแค่ชุดเดียว เพลงอาจจะไม่เพราะทั้งหมด แต่มันสร้างสรรค์มากทุกเพลง เป็นความพยายามที่น่าชื่นชม และไม่รู้ว่าจะหาวงดนตรีวงไหนที่มีความสร้างสรรค์และนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่วงการเพลงไทยได้อีกครั้งเหมือนแบบที่โมเดิร์นด๊อกเคยทำได้

ภาพพระพุทธชินราช
ผมเป็นเจ้าของภาพนี้แต่ผมไม่ได้ถ่ายภาพนี้ ที่บอกอย่างนี้เพราะว่าผมวางแผนที่จะถ่ายภาพนี้ตั้งแต่ต้นโดยการฝากกล้องมีเดียมฟอร์แม็ต Yashica 635 ซึ่งเป็นกล้องโบราณแบบทวินเลนส์ไปกับเพื่อนที่กำลังเดินทางไปเที่ยวภาคเหนือ เพื่อนผมชื่อ “เขียน” มันไปเที่ยวและมันก็เป็นคนชอบถ่ายรูปด้วย มันพกกล้องของมันไปด้วย ผมก็เลยฝากกล้องโบราณติดไปด้วยตัวนึง และบอกกับมันว่า ภาพพระพุทธชินราชผมขอให้มันช่วยถ่ายให้หน่อย กล้องโบราณตัวนี้ไม่มีตัววัดแสง หมายความว่าต้องใช้กล้องสมัยใหม่ช่วยวัดแสงเสียก่อน แล้วก็มาปรับกล้องโบราณด้วยค่า f และ speed ที่วัดได้ ถ่ายให้องค์ประกอบสมดุลย์ ก็เลยได้ภาพนี้มา หลายปีผ่านไปฟิล์มก็หลงติดไปอยู่กับเพื่อนผมจนแทบจะหาไม่เจอแล้ว แต่สุดท้ายก็ตามกลับมาจนได้ ภาพนี้ผมเอาฟิล์มไปสแกนที่ร้านอัดรูปเพื่อเก็บไว้ดูในคอมพิวเตอร์ พระพุทธชินราชถูกบูรณะครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาด ทำสี และเปลี่ยนผนัง จัดแสงไฟใหม่ ภาพนี้เลยเป็นภาพที่ไม่อาจจะถ่ายได้อีก

การพอใจในผลงานของตนเองเท่ากับเป็นการเลือกที่จะอยู่อย่างคนโง่

เมื่อวานซืนผมได้รับอีเมลจากเพื่อนกลุ่มช่างภาพที่เคยเรียนด้วยกัน  ช่างภาพอาวุโสท่านหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกันได้เสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจวาย  ซึ่งคงเป็นวิธีตายของคนมีบุญ  เพราะคงไม่ได้เจ็บปวดอะไร  น่าจะเหนื่อยแล้วหลับไปเอง  พอผมได้ข่าวก็แวะไปร่วมงานศพเมื่อวานนี้  เป็นงานศพที่มีภาพผลงานของเขาวางโชว์อยู่  ขาตั้งแสดงภาพมีจำนวนพอๆกับขาตั้งพวงหรีด  เป็นงานศพอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ค่อยได้เห็น

ช่างภาพท่านนั้นชื่อ นายชาตรี อังอัจฉริยะ  อายุ 63 ปี  งานหลักเขาเป็นช่างซ่อมรองเท้า มีแผงประกอบการอยู่แถวถนนท่าดินแดง  งานอดิเรกคือการถ่ายภาพ  โดยเฉพาะภาพขาวดำ  และมีกิจกรรมออกทริปเดินทางท่องเที่ยวถ่ายภาพอยู่บ่อยมาก  ผมเรียกเขาว่า “ป๋า” เป็นเพราะป๋าอายุเยอะกว่าเพื่อนนักเรียนทุกคนอย่างมาก  เรามีอาจารย์คนเดียวกัน และอาจารย์ก็เรียกเขาว่า”ป๋า”เหมือนผม  ตอนนั้นป๋าหัดทำงานขาวดำ โดยมีอาจารย์เป็นคนให้คำแนะนำ  งานขาวดำเป็นมากกว่าการหัดถ่ายรูป  เพราะผมหัดถ่ายรูปจนผมมีภาพที่ดีที่ผมพอใจ  แต่ผมอัดภาพขาวดำได้แย่กว่าป๋า  เพราะผมไม่ได้หัดทำงานขาวดำอย่างจริงจัง  ไม่ได้พยายามทำงานขาวดำเหมือนอย่างช่างภาพงานขาวดำจริงๆเขาทำกัน  ผลงานขาวดำของป๋าเมื่อสิบปีที่แล้ว กับวันนี้ที่แสดงหน้าศพ เป็นผลงานที่แทบจะไม่ใช่คนเดียวกัน

การอัดภาพขาวดำเป็นงานศิลปะ  ถ้าทำไปอย่างไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่พิถีพิถัน มันจะดูว่าเป็นงานธรรมดา  ไม่มีแรงดึงดูดอะไรเลย  ผมเห็นภาพที่โชว์ในงานนี้แล้วรู้สึกได้คิด  การเรียนรู้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต  ผลของการเรียนรู้จะส่งผลในอีกหลายปีต่อมา

ภาพผลงานเหล่านี้เป็นงานขาวดำเกรดสูง  เป็นงานชั้นดี  เป็นงานที่ผมยังไม่สามารถทำได้เทียบเท่า  ด้วยเป็นเพราะประสบการณ์และชั่วโมงบินต่ำกว่าเยอะ  การเรียนรู้สะสมทีละเล็กละน้อยเป็นสิ่งจำเป็นของช่างภาพ  และอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นของงานศิลปะทุกแขนง  ออกจากงานศพนี้แล้วมีเรื่องให้คิดเยอะเลย  “การพอใจในผลงานของตนเองเท่ากับเป็นการเลือกที่จะอยู่อย่างคนโง่”  ผมคิดแบบนี้

ภาพถ่ายพระพุทธรูป

ภาพถ่ายพระพุทธรูป พระพุทธรูปองค์นี้ตั้งอยู่ในระดับพื้น ความสูงจะน้อยกว่าส่วนสูงของผมนิดเดียว เห็นตั้งอยู่ริมผนังในวัดแห่งหนึ่ง ผมเห็นตำแหน่งที่ตั้ง เห็นว่ามีแสงเข้าทางซ้าย ก็รู้แล้วว่าภาพที่ได้จะต้องเป็นแบบนี้ คือด้านหนึ่งสว่างอีกด้านจะค่อนข้างมืด จรดกล้องถ่ายอย่างตั้งใจ เพราะรู้ว่าภาพลักษณะนี้ เอียงซ้ายหรือขวาเพียงนิดเดียวภาพจะไม่สวยเลย
กล้อง eos350 เลนส์ 18-55is โปรแกรม P วัดแสงพอดีแล้วใช้ค่าตามนั้นเลย ภาพแบบนี้ผมเห็นว่าไม่ต้องชดเชยแสง เพราะผิวทองเหลืองแบบนี้ ถ่ายพอดีก็สวย ถ่ายให้สว่างโอเว่อร์ 1 สต๊อปก็สวย แบบไหนก็ได้ และที่สำคัญ ลักษณะแสงที่ตกฝั่งซ้าย จะไปเฉลี่ยกับฝั่งขวา ทำให้ค่าแสงเป็นค่ากลางจริงๆ (คิดเยอะไปไหม?)

กล่องใส่ magic mouse กลายเป็นกล่องใส่นามบัตร

magic mouse เป็นเม้าส์ของ apple ที่ออกแบบมาเป็นแบบไม่มีปุ่ม และมีมัลติทัชให้ใช้งาน ถือว่าเป็นเม้าส์ที่มีวิวัฒนาการสูงที่สุดในโลกตัวหนึ่ง หน้าตาดี สวยงามตั้งแต่กล่องใส่กันเลย และผมก็ซื้อมาใช้งานแล้วหลายเดือน

วันนี้เหลือบไปดูบนชั้นวางของ เห็นกล่องใส่ magic mouse ที่ดูดี ราคาแพง วางอยู่เฉยๆ เลยคิดออกว่าเอามาใช้งานดีกว่า เลยเอามาใส่นามบัตรซะเลย เพราะกล่องใส่นามบัตรทั่วไปมักจะเป็นกล่องใสๆอยู่แล้ว ก็เอามาใช้แทนกันไปเสีย เวลาหยิบนามบัตรแจก คนที่พบเห็นจะได้รู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้น

พอเอามาวางในกล่องแล้วลองจับมันวางเพื่อค้ำยันให้ฝากล่องมันเปิดทิ้งไว้ ดูแล้วรูสึกว่ามันสวยดี เลยจัดการถ่ายรูปเก็บไว้เสียหน่อย แต่จะถ่ายให้สวยก็ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยบ้าง ก็คือเอาเข้าไปถ่ายด้วยชุดไฟสำหรับถ่ายสินค้าเสียเลย ใช้ความรู้เกี่ยวกับการจัดแสงแฟลชเล็กน้อย แล้วก็ได้ภาพแบบนี้

เบื้องหลังก็คือ กล่องไฟอนาถาราคาประหยัด กับแฟลชถ่ายรูป นามบัตรที่ใส่ในกล่องก็ทำขึ้นมาใหม่เดี๋ยวนั้นเลย พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิทัล แล้วก็ตัดขอบมนรอบด้าน มันก็กลายเป็นนามบัตรหรูหรา พร้อมกล่อง magic mouse ที่หรูหรายิ่งกว่า

ห้องมืดถูกใช้เป็นสตูดิโอขนาดย่อม เพราะว่าสภาพห้องมันมีโต๊ะวาง ทำให้่ถ่ายของสะดวก มีแอร์เปิดเย็นสบายทำให้ทำงานในห้องนี้ได้นาน คราวต่อไปจะดัดแปลงกล่องไฟอนาถาให้ใหญ่ขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น อนาถาจะได้กลายเป็นผู้ดีมีราคา

ปล. ข้อมูลการถ่าย กล้อง Eos5d เลนส์ Tamron 28-75/2.8 แฟลช canon550 พร้อมตัวส่งสัญญาณ trigger ขณะถ่ายภาพปรับรูรับแสง f5.6 speed 1/125 iso100

ถ่ายภาพแม่

ภาพแม่นั่งเล่นอยู่หลังบ้าน ระหว่างรอไปกินอาหารมื้อเย็น ก่อนหน้านี้หนึ่งนาทีผมเตรียมเก็บของเพื่อจะออกไปกินข้าวกัน เหลือบไปเห็นว่าแม่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่แสงสวย อิริยาบทกำลังดูสบายๆ แม่ชอบนั่งในส่วนถ้าอากาศไม่ร้อน พื้นที่สวนหลังบ้านเป็นส่วนที่ใช้ร่วมกันกับบ้านอื่น หลังบ้านเราก็จะตรงกับหลังบ้านคนอื่นๆเหมือนกัน เพื่อนบ้านสามารถเดินไปเดินมา แวะมาเยี่ยมเพื่อนบ้านได้ทางหลังบ้านเลย เห็นแสงแบบนี้ หยิบกล้องขึ้นมาทันที เลนส์ Tamron 28-75 ปรับซูมไปที่ระยะ 75mm โหมดวัดแสงเลือกเป็น Av รูรับแสง 2.8 ลักษณะภาพแบบนี้วัดแสงพอดีไม่ต้องชดเชยเลย ตั้งความไวไว้ที่ iso200 กล้อง eos5d โฟกัสแล้วถ่าย ภาพเดียวก็ถูกใจแล้ว ถ้าพยายามมากกว่านี้ความน่าสนใจอาจจะไม่เท่านี้ก็ได้

พาแม่ไปกินนม

วันเสาร์วันหนึ่ง  หลังจากกินมื้อเย็นกันอย่างพร้อมหน้าแล้ว ก็เลยเถิดไปเดินเล่น หาของหวานกินกัน  พี่สาวเสนอเสาชิงช้า  ไปกินนมมนต์ แล้วก็ดูบรรยากาศแถวๆศาลาว่าการฯ

ร้านนี้มันทำบุญด้วยอะไรก็ไม่รู้  คนเยอะได้แทบจะตลอดเวลา  ถ้าไฟไหม้ขึ้นมาจะเหยียบกันตายไหมเนี่ย เหน็บด้วยความอิจฉาล้วนๆ

นานๆแม่จะออกมาไกลบ้านซะที  พี่สาวกับน้องก็บ้ากล้องอยู่พอตัว  แม่ก็ชอบถ่ายรูปมานานแล้วแต่ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน  สิบปีมานี้มีลูกเป็นช่างภาพทำให้มีความทรงจำกับเขาบ้าง  เพราะก่อนหน้านี้  รูปถ่ายครั้งล่าสุดระหว่างลูกกับแม่ คือรูปผมตอนเรียน ม.3  ปีนี้ ลูกเพื่อนจะสอบ ม.1 อยู่แล้ว  ไม่น่าเชื่อจริงๆ

เดินกินเรื่อยเปื่อย  ดูวิว  ห่างจากร้านนมมนต์แค่ยี่สิบเมตร ราวกับว่าเมืองนี้เป็นชนบท  คนน้อยอย่างน่าประหลาด  หรือเป็นเพราะรอดูบอลโลกกันอยู่ที่บ้าน

เสาชิงช้าครั้งที่ยี่สิบ  ตั้งแต่ถ่ายภาพมา  มีเสาชิงช้าบ่อยมาก  มีตั้งแต่กลางวัน เย็น กลางคืน โคตรดึก  เสารุ่นเก่า เสารุ่นใหม่  มีครบเลย

เดี๋ยวนี้เขามีให้เช่าจักรยานขับด้วย  แต่ไม่รู้ว่าเปิดเช่่าตอนกี่โมง  เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้คนเราขี่จักรยานไม่ต้องใช้เบาะนั่งแล้ว  ยืนขี่กันหรืออย่างไร

พอกินลมอิ่มแล้วก็กลับ  เดินทางด้วยรถ  Honda Freed ไม่รู้ว่าเห่อรึเปล่า  สองเดือนขับไปหกพันกิโลเมตร

ภาพชุดนี้ใช้กล้อง Eos350 เลนส์ 18-55is เลือกสะพายกล้องตัวนี้แทน Eos5d เพราะว่าต้องการใช้แฟลชติดกล้อง  ต้องการความเบา  ต้องการอารมณ์สะพายกล้องแบบไม่ต้องกังวล  ไม่เป็นภาระมากเกินไป  อยากได้ภาพที่ดูสบายๆมากกว่าจะตั้งใจถ่ายภาพจนลืมความจรรโลงใจ

ถ่ายรูปงานประชุมประจำปีของไบเทค

ผมได้รับว่าจ้างให้ไปถ่ายภาพงานประชุมประจำครึ่งปีของไบเทค ไบเทคชื่อสถานที่จัดงานสัมมนา งานแสดงสินค้า งานประชุมต่างๆตั้งแต่ระดับเล็กไปจนถึงระดับนานาชาติ ทุกปีไบเทคจะจัดประชุมลักษณะนี้สองครั้ง ในรอบนี้ ผมได้รับมอบหมายให้ถ่ายภาพตลอดงาน ส่วนหนึ่งเพื่อเก็บภาพไว้เป็นข้อมูล ในงานมีการแจกรางวัลแก่พนักงานดีเด่น พนักงานที่ทำงานมาต่อเนื่องยาวนาน ภาพตอนรับรางวัลเป็นช็อตที่ต้องการถ่ายเก็บไว้ ส่วนบรรยากาศการประชุมตลอดวันก็ให้ถ่ายเก็บไว้เรื่อยๆ ซึ่งจะเอาภาพเกือบตลอดวันมาคัดเลือกเอาบางส่วนไปขึ้นแสดงในตอนจบการประชุมตอนเย็น

ต่อไปนี้เป็นภาพที่ผมเห็นว่าเป็นภาพที่ดีในแง่ขององค์ประกอบภาพ ถ้าให้ผมเลือกทำหนังสือภาพของการประชุมครั้งนี้ ภาพเหล่านี้คือภาพที่ผมเห็นว่าเหมาะสม เหมาะที่จะเป็นตัวแทนของเหตุการณ์ทั้งหมด