โรงเรียนเพลินพัฒนามีกิจกรรมหนึ่งที่ให้นักเรียนแต่งตัวเป็นคนในครอบครัว โดยให้เด็กเลือกว่าจะเป็นใครแล้วก็แต่งตัวเลียนแบบไปเลย ขอบฟ้า ลูกของผม เลือกจะเป็นตัวเอง คือไม่เป็นพ่อแม่หรือตายาย ไม่เป็นใครเลย จะเป็นตัวเอง แต่ตัวของตัวเองแบบขอบฟ้าจะมีกล้องถ่ายรูปที่เล่นอยู่เป็นประจำด้วย ก็เลยให้ถือกล้องไปโรงเรียน
การไปโรงเรียนแบบมีกล้องถ่ายภาพ สำหรับเด็ก 5 ขวบก็ดูจะเป็นอันตรายต่อกล้องนิดหน่อย แต่ขอบฟ้าคุ้นเคยกับกล้องถ่ายภาพมาตลอดชีวิตตั้งแต่มีลมหายใจ ตั้งแต่มือมีแรงก็หยิบจับของเล่นสารพัด และหนึ่งในหลายสิ่งก็มีกล้องถ่ายรูปของพ่ออยู่ด้วยที่หยิบมาเล่น หยิบมาถ่ายเป็นประจำ
ผมหัดให้ขอบฟ้าได้ถ่ายภาพแบบจริงจังมาสักปีกว่า คำว่าจริงจังสำหรับเด็กอนุบาลหมายถึงถ่ายภาพแล้วต้องได้ภาพ ได้ภาพคนเต็มตัว หรือ ได้ภาพคนครึ่งตัวก็ต้องได้ตามที่คิดไว้ รวมไปถึงการชื่นชอบอะไรแล้วถ่ายสิ่งของสิ่งนั้นด้วย ผลการฝึกมาหลายครั้ง ในระยะเวลาปีกว่าก็ทำให้ขอบฟ้ามีทักษะการถือกล้องถ่ายรูปที่พอใช้ได้ สามารถไหว้วานให้ถ่ายภาพคู่ของพ่อแม่ได้แล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจเรื่องหนึ่งของพ่อและแม่
ในกิจกรรมของโรงเรียนที่ให้ขอบฟ้าติดกล้องถ่ายรูปไปโรงเรียน เป็นกล้องคอมแพ็ค kodak รุ่น c140 ที่ผมซื้อไว้เมื่อปี คศ2008 ซึ่งจนป่านนี้ยังไม่พังเลย ผมชอบกล้องตัวนี้ในความเรียบง่ายและทนทาน ใส่ถ่าน AA 2 ก้อนก็ทำงานได้แล้ว เมื่อกลับมาถึงบ้าน เปิดกล้องดูก็พบว่ามีภาพใหม่ๆมากมายที่ขอบฟ้าไปถ่ายมา การดูภาพถ่ายจากเด็กคนหนึ่งที่เราไม่รู้ว่าเขาไปเจออะไรมาบ้างเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมาก เพราะเราได้เห็นโลกที่เราไม่เคยเห็น ได้เห็นมุมมองและการตอบสนองของคนในภาพ อย่างน้อย ภาพก็เล่าเรื่องว่าขอบฟ้าไปเล่นกับใครมาบ้าง และคนรอบตัวของฟ้ามีอัธยาศัยที่ดีน่ารักเพียงไร
เมื่อได้ดูจนจบวันของขอบฟ้า สิ่งที่สังเกตุและเพิ่งจะได้รับรู้ก็คือ มุมมองของเด็กที่มองผู้ใหญ่เป็นมุมเงยเสมอ แม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เราก็ลืมไป แอบคิดไปว่าการพูดคุยกับเด็ก หากเราย่อตัวไปคุยกับเขาในระยะที่เขาไม่ต้องเงย เราอาจได้ความไว้วางใจ ความเป็นเพื่อน และความสบายใจมากยิ่งขึ้น














