จัดแสงถ่ายแหวนแต่งงาน

เมื่อสมัยหัดถ่ายรูปใหม่ๆ เวลาเจอภาพสวยๆก็จะทึ่งในความเก่งกาจของช่างภาพ  ยิ่งหากเป็นการจัดแสงด้วยแฟลชแล้วยิ่งทำให้รู้สึกว่าทำยังไงถึงจะฝึกฝนให้ได้ระดับนั้น  แต่พอหัดถ่ายมากขึ้นมีความรู้พื้ันฐานเกี่ยวกับการถ่ายภาพลักษณะต่างๆแล้ว ก็ทำให้เราพอจะแกะรอยของแสงต่างๆได้  ก็เลยถือโอกาสถ่ายแหวนแต่งงานด้วยเทคนิคที่คาดว่าจะทำให้ได้ภาพแบบที่ต้องการ

DSCF1394 นี่คือภาพที่ต้องการ เบื้องหลังก็คือ ต้องจัดแสงให้ตัวแหวนเกิดเขาแข็งๆ ไม่ใช่แสงแฟลชนุ่มๆแบบที่ใช้ถ่ายภาพคน แฟลชที่ใช้กับภาพนี้ก็เลยเลือกที่จะใช้แฟลชยิงเข้าหาแหวนและหนังสือโดยตรง เพื่อให้แสงแข็งๆทำมุมเอียงๆให้เกิดเงาแข็งเป็นเส้นดำชัดเจน DSCF1384

ปรับตั้งค่ากล้องให้มีค่ารูรับแสงกลางๆ และค่าความไวชัตเตอรสูงๆเข้าไว้เท่าที่จะทำงานทันกับแฟลชของเรา ค่าแสงแฟลชจะทำให้พื้นที่ของหนังสือและแหวนได้รับแสงพอดี ภาพจากบรรยากาศจะมืดดำและมีส่งผลต่อภาพของเราเลย

DSCF1395

เมื่อถ่ายในมุมห่างๆเพื่อให้เห็นว่าทุกอย่างทำงานอย่างไร แสงพอดีที่สมุดเป็นอย่างไร และสภาพบรรยากาศที่มืดดำไปเพราะความไวชัตเตอร์สูงๆเป็นอย่างไร เมื่อได้สภาพแสงที่ต้องการแล้ว ก็จัดองค์ประกอบใหม่โดยไม่เปลี่ยนแปลงค่าแสงแฟลช และไม่เปลี่ยนแปลงค่ารูรับแสงและไม่เปลี่ยนความไวชัตเตอร์

eos m กับงานถ่ายแพ็คช็อต หรือถ่ายภาพสินค้า

eos m กับงานถ่ายแพ็คช็อต หรือถ่ายภาพสินค้า

เมื่อก่อนตอนใช้ DSLR จะถ่ายสินค้า ก็จะตั้งโหมด m เลือกค่า f ตามใจ เลือกสปีดตามความเร็วซิงค์แฟลชของกล้องตัวนั้นๆ เลือก iso ต่ำๆไว้ก่อน 200 บ้าง 400 บ้าง ต่อหัวจุกทริกเกอร์เพื่อส่งสัญญาณไร้สายไปยังตัวรับที่ต่อกับแฟลชนอก เวลาถ่ายก็โฟกัสด้วยช่องมองภาพ กดถ่าย แฟลชติด ได้ภาพ

sale2013-IMG_0230

พอใช้ eos m ตั้งโหมด m เหมือนเดิม ตั้ง iso ประมาณ 400 ต่อทริกเกอร์ตัวเดิม ผลก็คือ ภาพในจอมืด จัดองค์ประกอบไม่ได้เลย ต้องกดโฟกัสลงไปครึ่งนึงเพื่อให้กล้องเริ่มโฟกัส ภาพถึงจะมา เราไม่สามารถจัดองค์ประกอบได้ตลอดเวลา เพราะภาพมืด มันรับแสงตามค่าโหมด m แต่ถ่ายได้ กดถ่ายก็ได้ภาพ ได้แสงพอดี เพราะแสงแฟลชจากทริกเกอร์ทำงานได้ปกติ

กล้อง eos m จะส่งภาพที่ค่าแสงจริงที่ถ่ายได้โดยไม่รู้ว่าเราจะถ่ายด้วยแฟลช ที่ต่อกับทริกเกอร์ ภาพในจอเลยมืด ถ้าเราปรับโหมดไปที่ A Tv หรือ P ภาพจะสว่างพอดี

IMG_0430

กรณีนี้ถ้าเปลี่ยนจากทริกเกอร์เป็นแฟลชของcanonเอง กล้องจะรู้ว่าเราใช้แฟลช ก็จะแสดงภาพให้มองเห็นอัตโนมัติ แม้เราจะตั้งเป็นโหมด M ก็ตาม แต่แสงแฟลชจากหัวโดยตรงก็ไม่ดีพอจะถ่ายสินค้า
สรุปได้ว่า eos m ถ่ายสินค้าลำบากมากถ้าใช้แฟลชทริกเกอร์ แต่จะทำงานได้ถ้าใช้แฟลช canon

ทางออกที่เปลืองที่สุดสำหรับกรณีนี้ก็คือ ใช้แฟลช canon ทุกตัว แฟลชติดกล้องก็เป็น canon หรือเป็นตัวส่งสัญญาณแฟลชของ canon แฟลชนอกกี่ตัวก็ใช้เป็น canon เพื่อรับคำสั่งไร้สายทั้งหมด
เปลืองมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ผลลัพธ์จะสะดวกมากๆ และทำงานได้เร็วสุดๆ

ผมลอง ex90 ติดกล้อง ส่งสัญญาณไปยังแฟลช 580ex และ 550ex เพื่อถ่ายสินค้า สะดวก เร็ว แต่เปลืองมาก ถ้าไม่เป็นเพราะมีของเยอะ เคยรับงานมาหลายปี มีอุปกรณ์เป็นคันรถอยู่แล้วคงไม่คิดจะลองให้จบแบบนี้ เพราะแค่จะลงทุนซื้อแฟลชค่ายมาสามตัวก็ดูเปลืองมากๆ เทียบกับทริกเกอร์ของจีนชุดไม่กี่ร้อยบาท แฟลชบ้านๆเก่าๆแต่ไฟแรงตัวละสองพัน ประหยัดกว่ากันเยอะ

IMG_0428

ใครรู้เรื่องแฟลชและจะลงทุนซื้อกล้องมาถ่ายสินค้า ใช้ DSLR ไปเถอะ แต่ถ้าไม่คิดจะใช้แฟลช ใช้แสงหลอดไฟ ใช้แสงธรรมชาติก็คงไม่มีปัญหา eos m ยังคงน่าใช้ แต่สำหรับผมคิดว่าถ่ายสินค้าอีกที คงกลับไปใช้ DSLR เหมือนเดิม

ถ่ายภาพสินค้าด้วยกล่องไฟอนาถา

ผมเคยโพสท์เกี่ยวกับการจัดแสงถ่ายภาพด้วยอุปกรณ์เกี่ยวกับแฟลชที่ทำขึ้นมาเองโดยเน้นว่าเป็นวัสดุเหลือใช้   ซึ่งกล่องเฉพาะกิจก็ถูกนำมาตัดเจาะและติดกระดาษไขให้พร้อมสำหรับการถ่ายภาพสินค้า  วิธีการทำกล่องจะไม่พูดถึง  แต่จะพูดถึงประโยชน์ใช้สอยของกล่องไฟตัวนี้ที่มันทำประโยชน์ให้กับผมอีกครั้ง  แม้ว่าจะไม่ค่อยดูแลกล่องนี้สักเท่าไหร่ กระดาษติดกล่องบางส่วนก็ขาด ทะลุ  คิดว่าคงต้องจัดการซ่อมซะที
การถ่ายภาพในกล่องไฟวันนี้เกิดจากผมประกาศขายอุปกรณ์ถ่ายรูปบางอย่าง ก็เลยเอาของที่อยากขายมาวางถ่ายภาพไปเรื่อยๆ  แล้วก็นึกได้ว่านอกจากอุปกรณ์การถ่ายภาพแล้ว อุปกรณ์เกี่ยวกับเครื่องเสียงก็เป็นของที่อยากขายอยู่เหมือนกัน  ภาพนี้ก็เลยเป็นภาพของไมโครโฟนตัวหนึ่งที่ซื้อมาเพื่อใช้ร้องเพลงคาราโอเกะ  และเคยตั้งใจจะใช้บันทึกเสียงทั่วไปด้วย
พอถ่ายภาพนี้เสร็จ ตอนกำลังจะเก็บกล้องก็เห็นว่าน่าจะถ่ายภาพมุมกว้างของกล่องไฟและการจัดวางแฟลชเก็บไว้  จะได้เห็นว่าภาพกว้างก่อนจะถ่ายว่าอุปกรณ์แต่ละชิ้นทำงานอย่างไร  เมื่อซูมภาพเป็นมุมกว้าง  เราก็เห็นสภาพกล่องและสินค้า และอุปกรณ์แฟลชต่างๆครบทุกดวง  แต่จริงๆกล่องไฟหน้าตาแบบนี้ใช้แฟลชดวงเดียวก็เอาอยู่ดังภาพ

ถ่ายภาพขวด

ถ่ายภาพขวดน้ำผึ้งของเพื่อนคนหนึ่งเพื่อเอาไปทำโบรชัวร์และเอกสารต่างๆ ถ่ายภาพโดยวางของไว้ในกล่องสีขาว ใช้ไฟแฟลช 1 ดวงยิงจากด้านบน เป็นงานถ่ายภาพสินค้าที่เรียบง่ายและเร็วและได้ภาพที่ดูดีเพียงพอสำหรับงานแคตตาล็อกสินค้า

น้ำผึ้งยี่ห้อ มีวาสนา มีหลายรส หลายกลิ่น

เบื้องหลังการถ่ายภาพจะเป็นการจัดไฟแบบนี้

ถ่ายภาพเม็ดยา

การถ่ายภาพเม็ดยาเป็นงานถ่ายภาพมาโครประเภทหนึ่ง เพราะวัตถุหรือเม็ดยามีขนาดเล็ก จำเป็นต้องใช้เลนส์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้โฟกัสใกล้ๆได้ หรือใช้เลนส์มาโครโดยเฉพาะนั่นเอง เลนส์ที่ใช้ถ่ายภาพครั้งนี้คือเลนส์ canon EF 100 macro ซึ่งเป็นเลนส์คุณภาพสูงตัวหนึ่ง

การถ่ายภาพสินค้าแค่เพียงชิ้นเดียวหรือสองชิ้นเราอาจจะไม่ต้องวางแผนอะไรมากมาย เพราะจัดแสงแล้วก็ถ่ายเพียงแค่ไม่กี่ภาพ แต่การถ่ายสินค้าจำนวนมาก อย่างเม็ดยาสิบกว่าเม็ดจำเป็นต้องมีการวางแผนการถ่ายภาพก่อน มิฉะนั้นลักษณะภาพจะออกมาแตกต่างกันไม่เหมือนงานที่ถ่ายพร้อมกัน ซึ่งสิ่งที่เห็นความแตกต่างได้มากที่สุดคือเรื่องของค่าแสง หรือความสว่างของภาพ

การถ่ายภาพมาโครจะมีเรื่องความสว่างของภาพที่เปลี่ยนแปลงไปตามระยะโฟกัสของเลนส์ การถ่ายภาพของใหญ่ๆที่ปรับแสงพอดีไว้แล้ว พอเปลี่ยนวัตถุที่เล็กลงเราจะต้องปรับระยะโฟกัสใหม่ การเปลี่ยนโฟกัสจะทำให้รูรับแสงของเลนส์เปลี่ยน ถ้าเราไม่ปรับค่าอะไรเลย ภาพที่เคยถ่ายสินค้าช้ินใหญ่แล้วแสงพอดีเมื่อถ่ายภาพสินค้าช้ินเล็กกว่าจะได้สภาพแสงที่มืดลง ยิ่งชิ้นเล็กลงไปมากเท่าไรภาพก็ยิ่งมืดลงเท่านั้น เช่น ถ้าเราถ่ายภาพสินค้าชิ้นใหญ่ที่ค่าแสง F11 ซึ่งให้แสงพอดี พอเราถ่ายของเล็กมากๆ เราอาจจะต้องปรับค่า f เป็น f5.6 เพื่อให้ภาพสว่างเท่าเดิม อาการนี้เรียกว่าเป็นอาการเสียแสง

สิ่งที่ควรเตรียมตัวก็คือ การเรียงลำดับการถ่ายภาพสินค้าแค่ละชิ้นตามขนาด เราจะเลือกจากเล็กไปใหญ่ หรือ ใหญ่ไปเล็กก็ได้ ในการถ่ายภาพชุดนี้ผมเลือกจากเล็กไปใหญ่ แต่โชคดีของงานนี้มีประเด็นหนึ่งที่ทำให้ค่าแสงไม่เปลี่ยนมาก เพราะไม่ได้พยายามถ่ายภาพให้เต็มเฟรมทุกภาพ แต่เป็นการถ่ายภาพให้เห็นความเล็กและใหญ่ของยาแต่ละเม็ด เรื่องแสงเปลี่ยนหรือเสียแสงในสถานการณ์ของผมจะไม่เด่นชัดมาก แต่การเรียงลำดับก็ยังช่วยในเรื่องการทำงานได้เป็นอย่างดี

เตรียมยาโดยการเรียงลำดับจากเล็กไปใหญ่

ผมเริ่มจากยาเม็ดเล็กสุดก่อน วัดแสงต่างๆให้ได้ระดับที่ต้องการแล้วก็เริ่มถ่ายภาพ ยาเม็ดเล็กจะมีขนาดกินพื้นที่ไม่เยอะมาก

ค่อยๆเปลี่ยนยาไปเรื่อยๆ ขนาดจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ภาพอาจจะดูไม่เรียบร้อยเพราะมีสิ่งสกปรกอยู่กับฉาก เนื่องจากเป็นงานทดลองก่อนถ่ายจริงเลยยังไม่ได้เก็บความเรียบร้อย

ภาพสุดท้ายจะเป็นเม็ดใหญ่ที่สุด

พอถ่ายภาพเสร็จเหลือบไปเห็นว่ายาเม็ดที่เรียงลำดับไว้มันก็ดูสวยดี พอเก็บของที่จัดไฟเอาไว้เรียบร้อยแล้วก็กางขาตั้งกล้องมาถ่ายภาพที่เรียงเม็ดยาเอาไว้อีกภาพ คิดว่าน่าจะเอาไปใช้งานได้ในโอกาสต่อไป

ถ่ายรูปพระเครื่องตอนที่ 2

หลังจากที่ถ่ายรูปเหรียญพระแบบโลหะมันวาวไปแล้วในตอนทีึ่ 1 ผมก็พบว่าภาพเหรียญโลหะมันคมชัดดี แต่สีสันไม่ไม่เหมือนการมองด้วยตาเปล่า โลหะจะมีความมัน และความมันก็สะท้อนกับสิ่งแวดล้อมอื่นๆจนเห็นเป็นสีดำ ผมเข้าใจว่ามนสะท้อนกับเพดานด้านบน ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่โดนแสงแฟลช ทำให้มันได้ภาพสะท้อนมืดๆอยู่บนผิวโลหะ เลยมองเห็นเหมือนเป็นสีเข้มๆดำๆ

อย่างภาพตัวอย่าง ตรงกลางเหรียญควรจะเป็นโทนสีเหลือง กลับกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ เป็นปัญหาเงาสะท้อนชนิดหนึ่ง ใครที่ไม่เคยเห็นขั้นตอนการถ่ายภาพวัตถุมันวาวจะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ต้องให้คนที่เคยถ่ายภาพมาอธิบายถึงจะรู้ที่มาที่ไป ตอนผมหัดถ่ายภาพกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านก็อธิบายหลักการถ่ายภาพวัตถุมันวาวเอาไว้ นั่นคือจะต้องถ่ายในมุ้ง หรือในเต๊นท์

ผมวิเคราะห์ว่า การมีเต๊นท์หรือมุ่งมาคลุมวัตถุมันวาวเอาไว้ จะทำให้ภาพของผนังเต๊นท์ไปปรากฏอยู่บนผิววัตถุ การมีพื้นที่สีขาวเยอะๆไปสะท้อนให้เกิดภาพบนผิดของวัตถุมันวาวจะทำให้สีที่ปรากฏขึ้นเป็นการผสมระหว่างผิววัตถุกับผนังเต๊นท์ ดังนั้นถ้าเราทำให้วัตถุอยู่ในพื้นที่ห้อมล้อมด้วยสีขาวทั้งหมด ภาพสะท้อนก็จะเป็นสีขาว ก็คือเป็นการทำให้สีของวัตถุสว่างขึ้นนั่นเอง อย่า อย่าเพิ่ง งง

ผมไม่มีเต๊นท์ ก็เลยอาศัยว่าถ่ายในขวดน้ำผ่าครึ่ง เหมือนตอนที่แล้ว แต่เพิ่มเติมการปิดด้านบนด้วยกระดาษขาวมาคลุมไว้ ผมติดกระดาษขาวเข้าไปกับเลนส์ แล้วก้มลงไปถ่ายภาพในขวด กระดาษแผ่นจะทำหน้าที่เหมือนฝากระป๋อง คลุมกระป๋องเอาไว้ทั้งหมด ทำให้วัตถุเหมือนอยู่ในเต๊นท์

ซึ่งก็จะให้ผลลัพธ์เป็นแบบภาพนี้

แบ็คกราวน์ไม่เหมือนเดิมเพราะวางกระดาษแข็งลงไปบนพื้นด้วย

doctor portrait

มีงานด่วนให้ไปถ่ายภาพคุณหมอ เป็นคลีนิคเกี่ยวกับแอนไทเอจจิ้ง หรือ คลีนิคชะลอความแก่ ใครไม่อยากแก่ต้องแวะมาใช้บริการคลีนิคประเภทนี้

ได้รับการติดต่อตอนสามทุ่ม วันรุ่งขึ้นก็ไปถ่ายเลย ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ส่วนใหญ่เป็นการรอคุณหมอซะมากกว่า อุปกรณ์ที่เตรียมไปก็มี กล้อง canon 5d เลนส์ tamron 28-75 f2.8 ตัวส่งสัญญาณแฟลชไร้สาย แฟลชสองตัวเป็น nikon sb-25 และ sb-26 ขาตั้งแฟลช 2 ตัว ขาตั้งกล้อง manfrotto และร่มสีขาว 2 ตัว

สาเหตุที่ใช้แฟลชนิคอนก็เพราะว่า แฟลชของนิคอนมีระบบ stand by ที่ฉลาดกว่า ก็คือ เมื่อไม่ได้ใช้งาน 1 นาที แฟลชก็จะเข้าสู่โหมด stand by และเมื่อกดสั่งให้แฟลชทำงานอีกครั้ง แฟลชก็จะติดขึ้นมาทันที ไม่เหมือนแฟลของ canon ที่เข้าโหมด stand by แล้วจะต้องปิดและเปิดใหม่เท่านั้น ไม่สามารถกระตุ้้นด้วยคำสั่งยิงแฟลขได้

ภาพที่ถ่ายภายในห้องตรวจจะไม่ใช้ร่มร่วมด้วย เพราะว่าสภาพห้องค่อนข้างแคบ แต่ผนังและเพดานเป็นสีขาว เลยใช้ยิงสะท้อนเข้ากับกำแพงแทน ซึ่งก็ให้คุณภาพแสงที่พอใช้ได้

จากนั้นก็ออกมาถ่ายด้านนอก

มาเพิ่มเติมเนื้อหาบางส่วน
ในห้องที่ถ่ายภาพเดี่ยวทีละคน จัดแสงโดยการใช้แฟลชสองตัวยิงเข้าผนังฝั่งตรงข้ามกับแบบทั้งหมด

ตอนถ่ายผมยืนหันหลังให้กับจอทีวี แบบอยู่ด้านหน้าผม ไฟจะสะท้อนผนังแล้ววิ่งเข้าสู่แบบเหมือนกับเป็นการจัดไฟซ้ายและขวา ยิง 45 องศาเข้าไป

ถ่ายรูปพระเครื่อง

การถ่ายรูปพระเครื่องถือเป็นงานถ่ายภาพมาโครประเภทหนึ่ง หลักการถ่ายภาพแนวมาโครก็มีรูปแบบที่ค่อนข้างชัดเจน คือใช้เลนส์มาโคร ใช้ขาตั้ง ใช้ระบบแฟลชเพื่อความสะดวก จะถ่ายตอนกลางวันหรือกลางคืน แสงของสภาพแวดล้อมก็จะไม่มีผลต่อภาพ

โจทย์การถ่ายภาพพระเครื่องโดยเฉพาะเหรียญโลหะมันวาวเป็นโจทย์ที่เพื่อนคนหนึ่งให้ไว้ เพราะว่าที่ผ่านมามีปัญหาว่าเขาไม่สามารถถ่ายให้ภาพชัดและสีสวยได้ ผมฟังแล้วก็นั่งนึกถึงวิธีการจัดแสง พอรับปากได้ตัวอย่างเหรียญโลหะมา ก็เอามาลองจัดไฟตามแบบที่เคยนึกเอาไว้

การถ่ายของมันวาวควรจะถ่ายในสภาพที่มีวัสดุสีขาวห่อหุ้มเอาไว้ ผมเลยนึกถึงขวดพลาสติกขนาดใหญ่ เนื้อขาวขุ่น เอามาตัดด้านบนออกแล้วก็ยิงแสงแฟลชเข้าไปด้านข้างขวด วัตถุที่อยู่ในขวดก็จะได้แสงสว่างที่นุ่มนวล กล้องถ่ายภาพจะถ่ายจากด้านบน เพื่อบันทึกภาพในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นภาพที่จะให้รายละเอียดของพระเครื่องหรือเหรียญโลหะที่ครบถ้วน นึกแล้วก็จัดสภาพตามนี้

ตัวเลนส์ใช้ ef100 macro f2.8 แฟลชใช้ nikon sb25 และ sb26 ส่งสัญญาณแฟลชด้วยทริกเกอร์ไร้สาย ค่าแสงที่ลองถ่ายอยู่ที่ f16 ความเร็วชัตเตอร์ 1/125 วินาที ตอนถ่ายภาพก็ค่อนข้างยาก เพราะว่ากล้องต้องวางในแนวดิ่ง เลนส์ชี้ลง แบบนี้ต้องใช้ขาตั้งราคาแพงเท่านั้น เพราะขาตั้งราคาถูกไม่สามารถจัดระนาบกล้องให้ถ่ายแนวดิ่งได้ ภาพออกมาตามนี้

ลองเอากระดาษมารองด้านหลังของวัตถุดู เพื่อเพิ่มฉากหลังให้มีลวดลายอื่่นๆแทนที่จะเป็นเนื้อพลาสติก

ผมดูภาพแล้วก็ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ แม้ว่าความคมชัดของภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ชัดเพียงพอ แต่สีสันยังไม่สวย ยังไม่สามารถบอกว่าภาพนี้เป็นภาพที่สวยได้ เลยลองจัดแสงแบบอื่นดูบ้าง ก็เลยหาอุปกรณ์ใกล้ตัวชิ้นอื่นๆที่น่าจะพอใช้ได้มาลองดู ก็เลยลองกับ ring flash ดู

การใช้ Ring flash จะต้องให้เลนส์ถ่ายภาพอยู่ในพื้นที่ของวงแหวน ผมก็เลยจัด ring flash ไปต่อกับแฟลช nikon sb-25 แล้วใช้ตัวทริกเกอร์เป็นตัวส่งสัญญาณ วางวงแหวนไว้ในแนวราบ เวลาถ่ายจะต้องเอาเลนส์ไปสอดไว้กลางวงแหวน

ภาพที่ได้เป็นแบบนี้

ภาพจาก ring flash มันดูดีขึ้น ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฉากหลังเป็นสีเขียว หรือลักษณะแสงมันช่วยให้ดูดีกว่าแบบวางในขวดพลาสติก แต่ก็จำหลักการเอาไว้เพื่อใช้ถ่ายภาพชิ้นอื่นๆต่อไป

ถ่ายภาพสินค้าตัวอย่างเอาไปทำอาร์ตเวิร์ค

ผมกำลังทำงานโปรโมทหน่วยงานแห่งหนึ่งอยู่ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโรงพิมพ์เป็นหลัก จำเป็นต้องถ่ายรูปตัวอย่างงานที่เป็นบรรจุภัณฑ์หลายรูปแบบ ทางผู้สนับสนุนข้อมูลได้ให้ตัวอย่างบรรจุภัณฑ์มาให้ผมเอาไว้ใช้ประกอบการทำเอกสาร ก็เลยจำเป็นต้องถ่ายรูปเก็บไว้

เท่าที่ดูของมาเป็นกล่องใหญ่สองใบ แต่ละใบมีกล่องเล็กกล่องน้อยอยู่เต็มไปหมด ผมเห็นกล่องที่ขนมาแล้วก็ไม่อยากนับว่ามีอยู่เท่าไหร่ และก็เลื่อนวันที่จะถ่ายภาพทั้งหมดไปเรื่อยๆเพราะว่าติดธุระอย่างอื่นอยู่หลายอย่าง

ผมประเมินคร่าวๆแล้วว่างานนี้ต้องถ่ายภาพเยอะ และก็เป็นการถ่ายภาพแบบไม่มีค่าตัวเสียด้วย ก็เลยเลือกที่จะถ่ายแบบง่ายที่สุดและใช้เวลาให้น้อยที่สุด และใช้เวลาในวันหยุดสักช่วงหนึ่งถ่ายเก็บทั้งหมด ก็เลยเป็นวันนี้ วันเลือกตั้ง สก. สข. ผมไปหย่อนบัตรเลือกตั้งเสร็จแล้วก็มาเตรียมของที่จะถ่ายภาพ

ผมเซ็ทอัพกล่องและไฟสำหรับถ่ายภาพในแบบที่คุ้นเคย ผมแฟลชดวงเดียวสำหรับการถ่ายภาพครั้งนี้ โดยจัดให้ไฟส่องจากด้านข้างกล่อง ให้ฝาบนและฝาข้างของกล่องได้รับแสงจากแฟลชไปพร้อมๆกัน ซึ่งจะให้ผลของภาพค่อนข้างสวยในสายตาของผม คือแสงที่ตกกระทบวัตถุจะมีน้ำหนักบนและข้างไม่เท่ากัน ส่งผลให้ภาพดูมีมิติตื้นลึก

ผมใช้แฟลชนิคอน sb-25 ต่อกับตัวรับสัญญาณแฟลชแบบคลื่นวิทยุ หรือ ทริกเกอร์ เปิดกำลังไฟเพียง 1/8 ของกำลังไฟทั้งหมดเพื่อให้แฟลชสามารถยิงแสงได้ต่อเนื่องหลายครั้ง ถ้ายิงเต็มกำลังทั้งหมด พอยิงไปแล้วจะต้องรอชาร์จไฟจนเต็ม ซึ่งมันใช้เวลาหลายวินาที มันจะทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง เพราะว่าช่างภาพมักจะกดถ่ายภาพค่อนข้างถี่ บางครั้งการรอให้ชาร์จไฟอีกเพียงห้าวินาทีก็ทำให้เสียอารมณ์การทำงานได้

กล้อง eos5d เลนส์ tamron 28-75 ค่ารูรับแสง f8 iso400 เมื่อได้แสงที่ถูกใจก็เริ่มถ่ายจริง ผมทำงานคนเดียว หยิบเอง วางเอง ถ่ายเอง เก็บของเอง ด้วยความที่ไม่อยากจะใช้เวลามากเกินไป ผมเลยเร่งการทำงานแบบค่อนข้างเร็ว ของมีอยู่กี่ชิ้นไม่ได้นับ แต่ภาพที่กดถ่ายออกมาได้มีอยู่ 298 ภาพ ซึ่งผมใช้เวลาทั้งหมดตั้งแต่ภาพแรกจนถึงภาพสุดท้้ายไปทั้งหมด 85 นาที แล้วใช้เวลาเก็บของอีกประมาณสามสิบนาที

ถ่ายอาหารอีกครั้งด้วยอุปกรณ์อนาถา

มีงานถ่ายภาพอาหารเข้ามาอีกแล้ว เป็นอาหารประเภทข้าวในร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง คราวที่แล้วถ่ายภาพแฮมเบอร์เกอร์ คราวนี้เป็นจานข้างซึ่งขนาดใหญ่กว่าเดิม ทำให้ผมต้องเปลี่ยนอุปกรณ์การถ่ายภาพเล็กน้อย

ลักษณะของอุปกรณ์ช่วยถ่ายในงานประเภทนี้คือเต๊นท์สำหรับถ่ายสินค้า ตอนที่ถ่ายของเล็กๆผมก็เอากล่องกระดาษขนาดไม่ใหญ่มาเจาะเพื่อติดกระดาษขาวบาง แล้วก็เอาสินค้าไปวางในกล่องเพื่อถ่าย แต่คราวนี้สินค้าใหญ่ขึ้น ผมเลยต้องเปลี่ยนเต๊นท์ให้ใหญ่ขึ้นเช่นกัน

กล่องใบใหม่นี้เป็นกล่องใส่ปริ๊นเตอร์ ผมรื้อหากล่องเก่าๆในโรงพิมพ์เพื่อเอามาดัดแปลง ใช้เวลาเลือกกล่องอยู่เกือบชั่วโมง แล้วก็จัดการตัดด้านข้างสองด้าน ด้านบนอีกหนึ่งด้าน สั่งคนงานทำให้ แล้วกล่องก็พร้อมใช้งานตอนสิบโมงเช้า ซึ่งคิวงานผมนัดไว้ตอน 11.00 น. ที่ถนนรามคำแหงใกล้ถนนวงแหวนตะวันออก

ทีแรกจัดไฟด้วยแฟลชตัวเดียว คือติดแฟลชไว้บนขาตั้งแล้วส่องข้างบนของกล่อง วางวัตถุในกล่องตามภาพ ได้ตัวอย่างงานตามที่เห็น

แล้วก็จัดการวางสินค้าจริงเข้าไปถ่าย เมนูอาหารจานเดียว แบบเดียว แต่วางหลายๆแบบ แล้วก็มีบางภาพที่ลองเพิ่มแสงแฟลชด้านข้างเข้าไปด้วย ผลลัพธ์ที่น่าพอใจออกมาในภาพช่วยสุดท้าย คือเป็นภาพที่ใช้แฟลชสองตัว โดยแฟลชตัวที่สองอยู่ทางด้านขวามือ

ได้แสงที่ต้องการแล้วก็ลองขยับอาหารดูหลายๆแบบ ได้ภาพคล้ายๆกัน ซึ่งลูกค้าดูแล้วก็พอใจ จบงานได้ภายในสองชั่วโมง

งานนี้ใช้เวลาเดินทางไปกลับนานกว่าเวลาที่ใช้ถ่ายภาพ

กล่องใส่ magic mouse กลายเป็นกล่องใส่นามบัตร

magic mouse เป็นเม้าส์ของ apple ที่ออกแบบมาเป็นแบบไม่มีปุ่ม และมีมัลติทัชให้ใช้งาน ถือว่าเป็นเม้าส์ที่มีวิวัฒนาการสูงที่สุดในโลกตัวหนึ่ง หน้าตาดี สวยงามตั้งแต่กล่องใส่กันเลย และผมก็ซื้อมาใช้งานแล้วหลายเดือน

วันนี้เหลือบไปดูบนชั้นวางของ เห็นกล่องใส่ magic mouse ที่ดูดี ราคาแพง วางอยู่เฉยๆ เลยคิดออกว่าเอามาใช้งานดีกว่า เลยเอามาใส่นามบัตรซะเลย เพราะกล่องใส่นามบัตรทั่วไปมักจะเป็นกล่องใสๆอยู่แล้ว ก็เอามาใช้แทนกันไปเสีย เวลาหยิบนามบัตรแจก คนที่พบเห็นจะได้รู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้น

พอเอามาวางในกล่องแล้วลองจับมันวางเพื่อค้ำยันให้ฝากล่องมันเปิดทิ้งไว้ ดูแล้วรูสึกว่ามันสวยดี เลยจัดการถ่ายรูปเก็บไว้เสียหน่อย แต่จะถ่ายให้สวยก็ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยบ้าง ก็คือเอาเข้าไปถ่ายด้วยชุดไฟสำหรับถ่ายสินค้าเสียเลย ใช้ความรู้เกี่ยวกับการจัดแสงแฟลชเล็กน้อย แล้วก็ได้ภาพแบบนี้

เบื้องหลังก็คือ กล่องไฟอนาถาราคาประหยัด กับแฟลชถ่ายรูป นามบัตรที่ใส่ในกล่องก็ทำขึ้นมาใหม่เดี๋ยวนั้นเลย พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิทัล แล้วก็ตัดขอบมนรอบด้าน มันก็กลายเป็นนามบัตรหรูหรา พร้อมกล่อง magic mouse ที่หรูหรายิ่งกว่า

ห้องมืดถูกใช้เป็นสตูดิโอขนาดย่อม เพราะว่าสภาพห้องมันมีโต๊ะวาง ทำให้่ถ่ายของสะดวก มีแอร์เปิดเย็นสบายทำให้ทำงานในห้องนี้ได้นาน คราวต่อไปจะดัดแปลงกล่องไฟอนาถาให้ใหญ่ขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น อนาถาจะได้กลายเป็นผู้ดีมีราคา

ปล. ข้อมูลการถ่าย กล้อง Eos5d เลนส์ Tamron 28-75/2.8 แฟลช canon550 พร้อมตัวส่งสัญญาณ trigger ขณะถ่ายภาพปรับรูรับแสง f5.6 speed 1/125 iso100

ถ่ายสินค้าอีกแล้ว

มีงานถ่ายสินค้าเข้ามา เป็นร้านฟาสท์ฟู้ดแห่งหนึ่ง กำลังจะทำแฮมเบอร์เกอร์ขาย ก็เลยต้องถ่ายภาพชิ้นงานเพื่อเอาไปทำใบปลิว รับงานนี้ด้วยความเป็นกันเอง แล้วก็ขนอุปกรณ์ไม่มากไม่น้อยไปถ่ายให้เขา

เริ่มด้วยอุปกรณ์จัดแสง ใช้กล่องใบเดิมที่ใช้งานบ่อยๆเป็นหลัก จัดแสงใช้ไฟแฟลชส่องด้านซ้ายและขวา แสงแฟลชใช้ตัวส่งสัญญาณวิทยุ ปรับกล้องไว้ที่ iso100 รูรับแสงประมาณ f11 เลนส์ tamron 28-75 f2.8 กล้อง Eos5d แฟลชตัวนึงเป็น nikon อีกตัวเป็น canon ซึ่งทั้งสองตัวตั้งค่ากำลังไฟไว้ที่ 1/8


ลองถ่ายสินค้าตัวอื่นๆก่อนเพื่อดูลักษณะภาพ ขวดซอสสีเข้มดูเด่นมากเมื่อถ่ายด้วยกล่องจัดแสงแบบนี้


สินค้าจริงๆก็หน้าตาเป็นแบบนี้ ภาพชุดนี้มีข้อเสียและจุดต้องเอาไปปรับต่ออีกนิดหน่อย คือผักที่เอามาใช้ไม่มีสีเขียวสดแบบที่เคยเห็นตามร้านค้าอื่นๆ จริงๆแล้วอาหารประเภทแฮมเบอร์เกอร์ควรจะใช้ผักกาดหอม(ไม่รู้เรียกถูกรึเปล่า) มาประดับเป็นส่วนประกอบในภาพ เพื่อจะได้ความเขียวที่สดสวยกว่าสภาพจริง แม้ว่าในอาหารที่ขายจริงจะใช้ผักกาดแก้วซึ่งสีจืดกว่าก็ตาม เพราะผักสีจืดมันถ่ายออกมาไม่ค่อยสวย คงต้องเอาไปรีทัชอีกมากเพื่อเปลี่ยนสีผัก


พอถ่ายภาพงานหลักเสร็จแล้วก็มีของแถมกันเล็กๆน้อยๆตามประสาคนกันเอง ไอศครีมพร้อมวัฟเฟิ่ลแบบยาวเป็นตัวอย่างอาหารที่กำลังวางแผนว่าจะทำออกมาขาย ภาพเหล่านี้ถ่ายเอาไว้ใช้ในที่ประชุม กว่าจะเป็นผลงานที่ทำขายจริงๆอาจจะอีกหลายเดือน