เลือกภาพทำนามบัตร

มีเพื่อนมาปรึกษาเรื่องการออกแบบนามบัตรเพื่อไปใช้กับธุรกิจ โดยเพื่อนผมทำอาชีพขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับต้นไม้ หลังจากสอบถามพูดคุยกันพักใหญ่ ก็ได้ข้อมูลว่า นาข้าว ต้นข้าวเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักกลุ่มหนึ่งที่เพื่อนอยากจะเจาะตลาด ขณะเดียวกันก็อยากได้สวนผลไม้ สวนดอกไม้อื่นๆด้วย แต่อยากจะโฟกัสกับนาข้าวก่อนเป็นลำดับแรก

“พี่เอาอะไรก็ได้”

เพื่อนผมบอกข้อมูลว่า ทำนามบัตรให้หน่อยสิ ง่ายๆ อะไรก็ได้ ผมก็นึกถึง คำว่า อะไรก็ได้ตอนที่ผู้หญิงเลือกร้านอาหาร อะไรก็ได้ของผู้หญิงบางทีหมายถึง เลือกดีๆนะ อย่าทะลึ่งเลือกผิด เดี๋ยววีน ผมรอให้เวลาผ่านไปสักสองวันแล้วถามเพื่อนท่านนี้อีกครั้ง ว่าจะให้ออกแบบนามบัตรแบบไหน เพื่อนก็ยังคงย้ำกว่าอะไรก็ได้ เอามาเถอะ จะใช้แล้ว

ผมก็เลยเริ่มลงมือออกแบบนามบัตรอะไรก็ได้ ง่ายๆ สิ่งที่ต้องมีอยู่ในนามบัตรก็คือ ชื่อ นามสกุล เบอร์โทร ช่องทางติดต่อต่างๆที่อยากให้ลูกค้าทราบ และข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจเล็กน้อย คือดูนามบัตรแล้วพอเดาออกว่าเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอะไร และโจทย์เพิ่มเติมก็คือ ลูกค้าผมต้องส่งสินค้าด้วยไปรษณีย์หรือขนส่งเอกชน จะต้องมีการเขียนชื่อที่อยู่ผู้ส่งด้วย ผมก็เลยคิดว่านามบัตรที่จะพิมพ์นี้ก็ควรจะใช้ติดไปบนแพ็คเกจเพื่อระบุผู้ส่งไปเลย

ให้วิศวกรออกแบบมันก็จะทื่อๆหน่อย แต่ก็ได้ใจความครบ แก้ปัญหาได้ เกาถูกที่คัน มีทุกอย่างยกเว้นความสวยงาม นี่คือสิ่งที่วิศวกรจะทำให้ได้ ผมเป็นวิศวกรที่พอจะมีภาพถ่ายสต๊อคไว้ขายก็เลยเลือกหยิบภาพที่ขายมาใช้กับงานของเพื่อน

ภาพต้นข้าวเป็นภาพที่ผมนึกถึง และภาพต้นข้าวผมก็เคยถ่ายไว้ในอดีตชุดใหญ่เลย ภาพเหล่านี้เป็นการถ่ายนาข้าวในหลายๆรูปแบบ หลายช่วงเวลา ในตอนนั้นที่ถ่ายภาพข้าวก็เป็นโจทย์ว่าอยากจะโปรโมทปุ๋ยใส่นาข้าวนั่นเอง และวันนี้ โุจทย์ของเพื่อนก็คล้ายๆกันคือโปรโมทธุรกิจขายปุ๋ยใช้กับต้นไม้ เน้นนาข้าว ที่เพิ่มเติมคืออะไรก็ได้

717296133
rice2-down-600w-452874925

ผมเลือกภาพจากสต๊อคแล้วใช้ในงานออกแบบ วางตัวหนังสือ วางโลโก้ วาง qr code ของโปรแกรม line ของลูกค้า ได้ออกมาเป็นภาพนี้ แต่ที่พิเศษกว่าปกติเล็กน้อยก็คือ นามบัตรชุดนี้เป็นแผ่นสติ๊กเกอร์ เมื่อใช้เป็นนามบัตรก็หยิบแจกไปตรงๆไม่ต้องลอก แต่ถ้าจะใช้ติดกล่อง ติดซอง ก็แกะสติ๊กเกอร์ออกจากแผ่นรองหลัง แล้วแปะลงไปบนซองหรือแพ็คเกจได้เลย ลูกค้าชอบไอเดียนี้ เลยผลิตด้วยสติ๊กเกอร์ทันที

IMG_20200918_121121

ภาพรวงข้าวภาพนี้เป็นตัวแทนของภาพสต๊อคเกี่ยวกับนาข้าวที่ผมชอบที่สุด ภาพรวงข้าวจากชัยนาททิ้งตัวโค้งๆสวยงาม อยู่ในสภาพแสงนุ่มนวลของวันที่ไปถ่ายภาพ ภาพนี้ผมอัดขยายใส่กรอบ ทำเป็นโปสการ์ดแจกเล่น รวมถึงเคยทำเป็นปฏิทินด้วย เอามาใช้อีกครั้งในนามบัตรก็ดูแล้วไม่ขี้เหร่

อินเทอเน็ตกับลูกค้าเก่าและภาพเมล็ดข้าว

 

IMG_0036

มีอยู่วันหนึ่ง มีโทรศัพท์ดังในโรงพิมพ์  เสมียนของผมรับสายโทรศัพท์  ในสายถามว่า ที่นี่ใช่โรงพิมพ์หรือเปล่า  มีลูกเจ้าของโรงพิมพ์เป็นช่างภาพหรือเปล่า  เขาอยากติดต่อช่างภาพ  เสมียนผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วเล่าคำถามให้ฟัง ผมก็เลยให้โอนสายเข้ามา แล้วผมก็รับสาย  หลังจากแนะนำตัวว่าผมคือช่างภาพ  เขาก็ถามว่า ผมเคยทำงานให้เขาใช่ไหม เมื่อหลายปีก่อนเขามีการจ้างถ่ายรูปเมนูอาหารชุดหนึ่ง  เขาจำได้แค่ว่า ช่างภาพที่รับจ้างเคยแนะนำตัวกับเขาว่ามีโรงพิมพ์ด้วย   และเขาได้รับนามบัตรของช่างภาพเอาไว้ เป็นนามบัตรที่ทำด้วยกระดาษสีน้ำตาล  แล้วเขาก็ถามผมว่า คุณเคยใช้นามบัตรกระดาษสีน้ำตาลหรือเปล่า

ผมตอบว่าผมน่าจะเป็นช่างภาพคนนั้น แต่ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยใช้นามบัตรกระดาษสีน้ำตาลแจกให้เขา  ซึ่งผมจะใช้นามบัตรกระดาษสีอะไรก็ได้  เพราะเป็นโรงพิมพ์  มีกระดาษมากมายให้เลือกใช้ ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่าผมเคยใช้นามบัตรที่ทำด้วยกระดาษสีน้ำตาล  เขาก็เลยถามว่าคุณเคยมารับจ้างถ่ายภาพอาหารกับเขาไหม  ผมเริ่มนึกย้อนไปและบอกชื่อบริษัทที่ผมเคยไปรับจ้างชื่อบริษัท  ….  เขาตอบว่าใช่  เขาลาออกจากบริษัทที่ว่าแล้ว

เขาก็เลยเล่าให้ฟังยาวเฟื้อย  ว่าเขาออกจากบริษัทแห่งนั้นแล้ว  ด้วยเหตุผลว่าแม่ป่วยหนัก  และต้องกลับมาดูแลแม่  ตอนนี้ก็ว่างงานอยู่  แต่ก็มีเพื่อนมาให้ช่วยทำงานเกี่ยวกับการขายข้าว  ซึ่งเป็นงานบางส่วนที่เขาช่วยทำก็มีการถ่ายรูปสินค้า  ก็เลยนึกถึงช่างภาพที่เคยใช้งานขึ้นมา  และเขาก็เริ่มค้นหาผมจาก google โดยพิมพ์คำค้นหาดังนี้  “ช่างภาพ โรงพิมพ์ จอมทอง”  แล้วเขาก็เจอบล๊อกที่ผมเขียนไว้  มีเบอร์โทรของโรงพิมพ์  เขาก็เลยลองโทรเข้ามา

งานที่เขาจะให้ผมทำก็คือ  ถ่ายภาพเม็ดข้าวให้สวยที่สุดเท่าที่ข้าวธรรมดาจะเป็นได้  แต่ค่าจ้างก็ยังไม่กำหนด  เขาอยากให้ผมเสนอราคาดู  เพราะต้องให้เจ้าของงานตัดสินใจ  เขาเป็นเพียงผู้ที่ช่วยติดต่อสืบค้น  ผมก็เลยรับปากว่าจะลองถ่ายให้ดูและจะคิดราคาไม่แพง  ผมขอตัวอย่างข้าวที่เขาขายเพื่อนำมาลองถ่ายภาพ

 

20181117131541_IMG_0088

 

20181117124125_IMG_0074

 

ผมเซ็ทอัพอุปกรณ์การถ่ายด้วยกล้อง DSLR แบบ Full frame พร้อมเลนส์มาโครที่ถ่ายได้ระดับ 1:1 ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดที่ผมมี  และใช้ชุดไฟแฟลช 2 ดวง กับกล่องที่ดัดแปลงให้เป็นเต๊นท์ถ่ายภาพ   หลังจากที่ไม่ได้ถ่ายภาพเหล่านี้มานานแล้ว  กว่าที่ผมจะประกอบอุปกรณ์ทุกอย่างขึ้นมาให้พร้อมใช้งาน กว่าจะจัดสถานที่ให้พร้อมสำหรับทำงานก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง

20181117124308_IMG_0077

กองเมล็ดข้าวผมเลือกสีอ่อนมาลองถ่ายดูก่อน  เพราะว่าผมคิดว่าสีอ่อนถ่ายยากกว่า  พอลองโรยเมล็ดข้าวสารลงไปเท่านั้นแหละ  มันร่วงกราวและกระจายตัวไปบนพื้นที่กล่อง  ความลื่นของเมล็ดทำให้มันกระจายตัวไปเร็วมาก  เร็วจนผมต้องเปลี่ยนวิธีจากการเทเป็นค่อยๆโรยทีละนิดเหมือนหยิบเกลือมาโรยอาหาร

20181117123941_IMG_0069

 

ลองถ่ายไปหลายๆภาพเพื่อยืดเส้นยืดสาย และปรับแต่งกล้อง เลือกการตั้งค่ากล้องให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพลักษณะนี้  รูรับแสงแคบ รูรับแสงกว้างให้ผลต่างกัน  สปีดชัตเตอร์สำหรับการถ่ายภาพด้วยแฟลชผมจะตั้งไว้ที่ 1/100 วินาที  จริงๆควรจะได้สูงกว่านี้แต่ผมจำสเป็คไม่ได้ว่ากล้องของผมมีความเร็วในการทำงานกับแฟลชเท่าไหร่  เพราะจากประสบการณ์ที่เคยใช้มา  เวลาเราตั้งความไวตามสเป็คของกล้องว่าทำงานกับแฟลชได้ที่ 1/125 หรือ 1/200 ก็ตาม  ที่ตัวเลขเต็มสเป็ค มันเหมือนจะมีขอบดำเล็กๆให้พอสังเกตเห็น  มันเป็นความเร็วที่เกือบไม่ทัน  แต่แสงมันหายไปแล้วนิดหน่อย  ก็เลยตั้งค่าให้ต่ำกว่าสเป็คไว้เยอะหน่อย  เลยจบที่ 1/100 วินาที

2018-11-17_03-15-00

พอถ่ายภาพออกมาแล้วขยายดูผมพบว่า เมล็ดข้าว แต่ละเมล็ดไม่สวยเลย  มีรอยถลอด มีรอยขรุขระ และส่วนใหญ่จะมีเมล็ดสีเพี้ยนปะปนกันอยู่ในกลุ่ม   และเมื่อพยายามจะหยิบเมล็ดสีประหลาดออกจากกอง แรงกดจากนิ้วผมก็ทำให้กองข้าวมีรอยยุบ รอยเบี้ยว ต้องเกลี่ยและโรยข้าวใหม่ทุกครั้ง  เป็นประสบการณ์การเผชิญปัญหาที่ไม่คาดคิด  การทดลองครั้งนี้ผมใช้เวลาไป 2 ชม. กับการทดสอบถ่าย  และคิดว่ามีจุดที่ต้องปรับปรุงอีกหลายอย่างในการถ่ายครั้งต่อไป  การถ่ายภาพสิ่งของเล็กๆนี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ

IMG_0142

ข้าวสารสีม่วงกลับถ่ายง่ายกว่า

PHOTO_COLLAGE1542452330893

 

2018-11-19_09-09-16

ภาพเม็ดข้าวสีม่วงเอาไปแปลงเป็นโทนขาวดำก็ดูสวยไปอีกแบบ

 

ถ่ายภาพทุ่งนาผมได้ความรู้ติดตัวกลับมาอีกมากมาย

IMG_8637

พี่อัมพรกับพี่เกียรติ เจ้าของทุ่งนา 35 ไร่ที่ชัยนาท รอยยิ้มที่นานๆจะมีสักที ผมไปถ่ายภาพงานโดยใช้พี่ทั้งสองเป็นนายแบบและนางแบบผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่ใช้กับต้นข้าว หลังจากเสร็จงานพี่ทั้งสองคนขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ผมก็จัดการถ่ายภาพนี้ให้

ถ่ายภาพทุ่งนาผมได้ความรู้ติดตัวกลับมาอีกมากมาย เช่น นา 1 ไร่ให้ข้าว 1 เกวียน (1 ตัน) ค่าเกี่ยวข้าวใช้จ้างรถมาเกี่ยวไร่ละ 500 บาท รวมค่าน้ำมันแล้ว เลี้ยงเป็ด 5 ตัว จะทำให้มีไข่เป็ดไว้กินทุกวัน ถ้าไม่กินก็เก็บไปขาย ปลูกกะเพราต้นเดียวเด็ดกินได้ทั้งปี

ถ่ายภาพทุ่งนาและต้นข้าว

ผมได้รับงานถ่ายภาพจากคนรู้จักแนะนำต่อ ลูกค้าคนใหม่นี้อยู่ต่างจังหวัด งานคือต้องไปถ่ายภาพต้นข้าวและทุ่งนาที่จังหวัดชัยนาท น่าจะใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อเก็บภาพให้ครบตามเนื้อหาที่ต้องการ นัดวันเสาร์ วันศุกร์เย็นผมเพิ่งจะได้รับการอธิบายการเดินทาง นับว่ากระทันหันอย่างมาก

ผมตื่นเช้าตามปกติ ไปเคลียร์งานที่โรงพิมพ์ก่อนเล็กน้อย แล้วก็ออกเดินทาง โดยอุปกรณ์ถ่ายภาพทั้งหมดยังคงอยู่ในรถยนต์ ซึ่งไม่ได้ขนลงหลังจากที่กลับมาจากการถ่ายภาพอาหาร มีเพียงแบตเตอรี่ของกล้องและแผ่นเมมโมรี่เท่านั้นที่หยิบออกมาเพื่อชาร์จและก๊อปปี้ไฟล์งานเก่าเก็บไว้

ผมออกเดินทางจากบ้านตอน 09.00 น. ขึ้นทางด่วนไปดินแดงแล้วต่อโทลเวย์ แล้วก็ขับตรงไปยังชัยนาท ผมไปถึงประมาณ 11.15 น. นั่งพัก กินข้าง คุยเรื่องเนื้อหาที่ต้องถ่ายภาพ แล้วก็เร่ิมงานถ่ายกันประมาณบ่ายโมง

ครั้งนี้เป็นการถ่ายภาพทุ่งนาและต้นข้าวในระยะใกล้ชิดมาก เมื่อก่อนได้แต่ขับรถผ่านแล้วอย่างมากก็แวะข้างทาง หยิบกล้องมาส่องแล้วกดชัตเตอร์เก็บภาพแค่ไม่กี่นาที แต่รอบนี้ ผมได้ใช้เวลากับทุ่งนาและต้นข้าวอย่างเต็มที่ ได้ความรู้รอบตัวเรื่องข้าวค่อนข้างเยอะ เพราะลูกค้าอธิบายเรื่องราวหลายๆอย่างให้ฟังอย่างหมดเปลือก คงต้องการให้ผมเข้าใจพฤติกรรมของข้าว ผมก็เห็นด้วย

ก่อนจะมาถ่ายภาพชุดนี้ผมหาข้อมูลภาพทุ่งนาและต้นข้าวอยู่หลายชั่วโมง เพื่อจะดูว่าเขาถ่ายภาพลักษณะไหนกันบ้าง ดูจบแล้วก็พอจะรู้แนวและรู้ว่าจะถ่ายภาพเพื่อนำไปใช้งานทำสิ่งพิมพ์อย่างไรถึงจะใช้งานง่าย การทำการบ้านมาก่อน และการได้มีเวลาอยู่ในสถานที่จริงค่อนข้างนานทำให้ผมสามารถถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น มีภาพที่ดีจำนวนมากในมาตรฐานของผม แม้ว่าผมจะไม่ค่อยแน่ใจว่าลูกค้าจะชอบภาพลักษณะนี้หรือไม่ แต่ผมก็พอใจของผมเอง

ภาพริมทุ่งแบบนี้จะเห็นแนวคันดินและต้นข้าว เป็นเพราะผมยืนอยู่ด้านข้าง ไม่ได้ลุยเข้าไปเลยได้ภาพมาลักษณะนี้ เป็นภาพที่จัดองค์ประกอบแบบสมดุลย์ ไม่ได้มีความหมายอื่นๆที่แอบแฝงไว้ ผมมองภาพส่วนใหญ่ในวันนี้เป็นแบบเรขาคณิต คือมองสัดส่วน รูปทรง แต่เพียงเท่านั้น ไม่ได้ซ่อนความหมายอะไรไว้ในภาพ

หลายภาพเป็นภาพเพื่อความมั่นใจ หมายความว่าเป็นภาพที่ไม่แย่ เป็นภาพที่สามารถเอาไปใช้งานทำเอกสาร ทำสื่อต่างๆได้ไม่ยาก ผมเรียกภาพลักษณะนี้ว่า “เซฟช็อต” คือได้ภาพที่ดีในระดับนึง อาจจะไม่ได้สร้างสรรให้หวือหวาหรือโชว์ภูมิใดๆ

ภาพคนถือขวดผลิตภัณฑ์ เป็นภาพแนวบังคับว่าเนื้อหาต้องมีคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ด้วย ภาพนี้เป็นภาพที่ผมพยายามถ่ายให้ดูแปลกกว่าภาพเซฟช็อต เลยเลือกที่จะถ่ายคนด้วยเลนส์มุมกว้างพร้อมกับการเลือกใช้แฟลชเสริมยิ่งเข้าไปด้านหน้าด้วย ลักษณะภาพที่ออกแบบไว้ในหัวจะต้องมีท้องฟ้าสีฟ้าสวยๆอยู่ด้านหลัง แต่วันนี้มีเมฆเยอะ เลยได้มาแค่นี้

ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายออกมาจากเพิงที่พักของชาวนาเจ้าของที่ดิน ผมเห็นว่าที่นั่งตรงนี้มันร่ม และรู้สึกสบายตาที่จะมองออกมา เห็นด้านบนเป็นส่วนมืด ด้านล่างก็เป็นส่วนมืด เลยเลือกที่จะวัดแสงให้ต้นข้าวด้านนอกได้รับแสงพอดี แล้วปล่อยให้ด้านไม่โดนแสงมืดไปเลย

นี่คือเบื้องหลังอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้่ถ่ายภาพ ผมใช้แฟลชสองตัวช่วยกันยิงแสงออกมาสู้กับแสงแดด แต่ก็ยังให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีพอ จริงๆอยากได้แฟลชแรงกว่านี้ แต่ผมมีอยู่แค่สองตัวเลยไม่ค่อยตรงใจสักเท่าไหร่ ภาพที่ใช้แฟลชก็คือภาพคนด้านบนที่พูดถึงไปแล้ว

ภาพแปลงต้นกล้า เป็นต้นกล้าที่ถูกจ้างปลูกเอาไว้ ชาวนายุคปัจจุบันหลายคนเริ่มจ้างคนอื่นปลูกต้นกล้า เมื่อต้นกล้าโตเต็มก็ค่อยมาเอาไปลงดินจริงๆ ธุรกิจปลูกต้นกล้าก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่มีรายได้ค่อนข้างดี เพราะชาวนาหันมาใช้บริการจ้างปลูกต้นกล้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ภาพนี้คือต้นกล้าอายุ 1 วัน จริงๆคงไม่สามารถเรียกว่าต้นกล้าได้ เพราะมันยังเป็นแค่เมล็ดข้าวที่กำลังงอกหมาดๆ อายุแค่หนึ่งวัน

พอผ่านไปหลายวันต้นกล้าก็สูงขึ้น ยืนต้นวางเบียดกันเต็มกระบะ

ต้นกล้าอายุประมาณสองอาทิตย์ก็พร้อมจะถูกนำไปลงดินจริงๆ บางคนใช้ปักดำ บางคนใช้โยนกล้า ซึ่งเริ่มมีคนรู้จักวิธีโยนมากขึ้นเรื่อยๆ ภาษาท้องถิ่นเรียกวิธีการโยนว่า “นาโยน”

สาวคนนี้คือผู้รับจ้างปลูกต้นกล้า

ภาพชุดนี้มีคุณภาพค่อนข้างดี หลายภาพมีองค์ประกอบที่เหมาะสำหรับนำไปทำเอกสารและสื่อสิ่งพิมพ์ มีภาพของแถมหลายรูปที่ผมเห็นแล้วเลือกถ่ายเก็บไว้ด้วย

อย่างเช่นภาพนี้เป็นต้น ไม่รู้ว่าบริษัทที่ขายขนมถุงที่อยู่ในมือของเด็กคนนี้จะดีใจบ้างไหมถ้าได้เห็นภาพนี้

ผมเสร็จงานที่ชัยนาทประมาณห้าโมงเย็น กินข้าวเสร็จก็ขับรถกลับ ใช้เวลาเดินทางกลับประมาณสามชั่วโมง