การมาพบกัน มาพูดคุยกัน และลงท้ายด้วยการกินอาหารร่วมกันเป็นรูปแบบที่ได้รับการปฏิบัติกันเป็นส่วนใหญ่ของภาคธุรกิจ การมากินอาหารหรือมางานเลี้ยงทางธุรกิจเป็นภาพที่พวกเราทุกคนก็กำลังทำกันอยู่ แต่บางคนทำไมไม่ได้ยอดธุรกิจ เคยสงสัยบ้างไหม เรากินอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมบางคนออกไปกินข้าวแล้วมีลูกค้าเยอะขึ้น ทำไมบางคนออกมากินข้าวแล้วธุรกิจซบเซา
ปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจก็คือ การกินข้าวกับคนหน้าเดิมจะทำให้ธุรกิจค่อยๆหดหาย มันจะค่อยๆเล็กลง เล็กลง เพราะอะไรรู้ไหม เพราะเราจะเห็นหน้ากันจนเบื่อ เราเจอกันทุกสัปดาห์อยู่แล้ว เราสนิทกันยิ่งกว่าญาต เราเริ่มอุดหนุนธุรกิจกัน แต่ว่าเราน่าจะฉุกคิดได้ว่า ไม่มีใครซื้อของเราทุกปี ไม่มีใครซื้อตลอดปี ไม่มีใครสร้างบ้านทุกปี ไม่มีใครแต่งงานทุกปี เพื่อนสนิทของเราไม่มีใครซื้อคอนโดซื้ออสังหาฯทุกปี เราต้องการลูกค้าใหม่ และการกินข้าวกับคนหน้าเดิมจะไม่เกิดลูกค้าใหม่
เราต้องกินข้าวกับคนใหม่ๆ คนหน้าใหม่ เพื่อนใหม่ เมื่อไหร่ที่เราเริ่มชินกับเพื่อนหน้าเดิม นั่งวงเดิม กินวงเดิมๆ เราก็จะหมดโอกาสสร้างลูกค้าใหม่ นี่เป็นเหตุผลที่ในระบบ bni มีการบอกว่าเราต้องเชิญ visitor เพื่อให้มีคนใหม่เข้ามาคุยกับเรา การคุยกันในห้องประชุมหรือคุยบนโต๊ะอาหารล้วนเป็นการพูดคุยเพื่อก่อให้เกิดคอนเน็คชั่นใหม่ เกิดการขยายวง ถ้าคุณอยากมีลูกค้าใหม่ คุณต้องท่องไว้ในใจว่า ลูกค้าใหม่จะมาจากการที่เรากินข้าวกับคนหน้าใหม่ๆเสมอ เพราะคนเก่า เราได้กันแล้ว เราซื้อขายกันแล้ว เรามาพบกันเพราะเราอยากได้ลูกค้าใหม่ หรือเราอยากรู้จักคนใหม่นั่นเอง
การกินข้าวหมายรวมไปถึงการไปพบปะสังสรรค์กันในรูปแบบอื่นๆด้วย นอกจากพากันไปกิน เราก็สามารถพากันไปตีกอล์ฟ ไปขี่จักรยาน ไปสังสรรค์ ไปคาราโอเกะ เราควรจัดทริปเหล่านี้โดยมีเพื่อนสนิทกลุ่มของเราและให้มีคนใหม่ปนเข้าไปด้วย เพื่อให้เกิดการแนะนำคนใหม่สู่คนเก่า มันอาจจะเรียกว่าเป็นการแม็ทชิ่งเล็กๆดูเหมือนไม่เป็นทางการ แต่มันเป็นการเชื่อมโยงทางธุรกิจที่น่าจดจำ หวังผลได้ การรู้จักลูกค้าที่ชอบอะไรบางอย่างเหมือนกันมันดีกว่าการยัดเยียดนามบัตรให้ผู้อื่นอย่างเทียบกันไม่ได้
อย่าลืมว่า ในการพบกันเพื่อธุรกิจ ย้ำว่าในการพบกันเพื่อสร้างธุรกิจนะครับ ถ้าเราต้องการคอนเน็คชั่นใหม่ๆ ในทุกกิจกรรมการกินหรือปาร์ตี้หรือทริปสังสรรค์ เราต้องมีคนใหม่ร่วมอยู่ด้วย จะมีคนใหม่หลายคน หรือมีแค่คนเดียว ก็ดีกว่าไม่มีเลย.

