สวยลอยฟ้าเจ้าพระยา

สมัยเด็กผมนั่งรถเมล์จากฝั่งธนข้ามมาฝั่งพระนครเพื่อมาเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบ สะพานข้ามแม่น้ำจะมีอยู่ 2 สะพาน สะพานพุทธคือสะพานโครงสร้างเหล็กสีเขียวเป็นสะพานเก่าแก่ ถนนบนสะพานเป็นสามเลนส์ขับรถสวนกัน สะพานที่สองคือสะพานประปกเกล้าเป็นสะพานที่สร้างใหม่ มีอยู่ 3 สะพานขาไปและขากลับแยกกัน แต่ก็มีสะพานปกเกล้าอันที่สามที่วางอยู่ตรงกลางเป็นสะพานเปล่าๆ ไม่ได้มีทางขึ้นลง ผมเห็นตั้งแต่เด็กแต่ก็ไม่รู้ว่าจะสร้างสะพานปกเกล้าไว้ 3 สะพานทำไม จนเมื่อโตขึ้น มีอินเทอเน็ตให้อ่าน มีคนเคยอธิบายไว้ว่าสะพานปกเกล้าอันกลางวางแผนว่าจะใช้ทำทางเดินรถไฟฟ้าลาวาลิน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้น

IMG_3074

มาถึงปัจจุบันสะพานปกเกล้าอันกลางก็ได้รับการปรับปรุงให้กลายเป็นสวนสาธารณะ ทำทางขึ้นลง ทำพื้นที่บนสะพานเป็นที่นั่ง มีต้นไม้ดอกไม้ประดับ ตอนขับรถผ่านก็รู้สึกตื่นเต้นที่กรุงเทพมีสวนสาธารณะเพิ่มขึ้น และยิ่งเป็นสวนบนสะพานด้วยก็ยิ่งดูน่าสนใจ แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไปเดินเล่นเลย เพราะวงจรชีวิตไม่ได้ผ่านถนนเส้นนี้สักเท่าไร

จนลูกได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบก็เลยมีโอกาสได้ใช้สะพานพุทธและสะพานปกเกล้าแทบทุกวัน ก็ได้เห็นสวนสาธารณะลอยฟ้าอีกครั้งและเริ่มอยากไปเดินเล่นดูวิวบนนี้ พอมีโอกาสก็เลยลองแวะเดินเล่นดู พร้อมกับพกกล้องถ่ายรูปไปเก็บภาพด้วย

IMG_2961
IMG_2966

ทางเดินเข้าหายากมาก ขนาดผมเคยเดินเล่นแถวนี้มาตั้งแต่เด็กยังหาทางเข้าไม่เจอ กว่าจะเจอว่าต้องเข้าทางไหนก็เดินหาอยู่นานมาก แถวนี้ไม่มีป้ายบอกทาง ไม่มีป้ายบอกชื่อสวนสาธารณะให้เห็นชัดเจนเลย หรือมีแต่ผมตาไม่ดีเองก็ไม่แน่ใจ แม้แต่การหาทางเข้าโดย googlemap ก็ยังงง สุดท้ายอาศัยวิธีดูว่าคนข้างบนเดินออกมาทางไหนก็เดินย้อนเข้าไปตามทางที่เขาออกมา

IMG_2971
IMG_2972

ทางขึ้นสะพานเป็นบันไดเดินขึ้นได้สะดวก มีลิฟท์ให้บริการด้วย สวนบนสะพานแห่งนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2563 เข้าใจว่าสามารถใช้พื้นที่จัดกิจกรรมการแสดงต่างๆได้ด้วย สามารถพารถเข็นมาเที่ยวเล่นได้ ทางเดินบนสวนแห่งนี้เป็นพื้นเรียบสามารถเข็นรถได้สุดทางและขึ้นลงด้วยลิฟท์ได้ แต่….. ทางเข้าออก ทางข้ามถนน ยังไม่แน่ใจว่ามีทางลาดตลอดแนวไหม เพราะฟุตบาทประเทศไทยไม่เคยถูกออกแบบเผื่อให้รถเข็นใช้งานได้ง่ายๆ

IMG_2990
ลวดลายบนพื้นเป็นการเล่นสีที่แตกต่างกันเพื่อให้ดูเหมือนบันได แต่จริงๆเป็นทางเรียบทั้งหมด

สวนสาธารณะบนสะพานมีคนมาใช้บริการอยู่ค่อนข้างเยอะ มีพื้นที่นั่งดูวิวเยอะ ถ้ามีการจัดงานแสดงแสงสีเสียงในแม่น้ำเจ้าพระยาก็น่าจะมีคนมาเต็มสะพาน ผมขึ้นจากฝั่งปากคลองตลาด มองไปทางทิศตะวันออกจะเห็นวิวตึกสูงสวยงาม ถ้ามองไปทางทิศตะวันตกจะเห็นสะพานพุทธและพระปรางค์วัดอรุณ บรรยากาศน่านั่งเล่นหรือดูวิวได้เพลินๆ มีหลายคนมานั่งดูวิวพระอาทิตย์ตกที่ด้านวัดอรุณ

IMG_2983
IMG_3003
IMG_3002
IMG_3010
IMG_3025
IMG_3028

เพื่อเดินดูรอบแล้วก็เลยตัดสินใจรอเวลาให้ค่ำลงอีกนิด รอให้ท้องฟ้าเริ่มมืดภาพถ่ายจะได้ถ่ายเป็นสีฟ้าเข้ม พร้อมกับรอให้ถนนเปิดไฟเต็มที่ แสงไฟและสีท้องฟ้ายามเย็นจะได้ถ่ายรูปได้อารมณ์อีกแบบหนึ่ง ระหว่างที่รอเวลาก็ถ่ายเล่นหามุมวางกล้องไปเรื่อยๆ

IMG_3069
dpp-IMG_3075
dpp-IMG_3073

การถ่ายภาพตอนเย็นไปสู่ค่ำจะมีเวลาถ่ายไม่นาน เพราะสภาพแสงเปลี่ยนค่อนข้างเร็ว จังหวะเวลาที่ฟ้าเริ่มมืดและไฟตึกไฟเรือเริ่มเห็นชัดจะมีเวลาช่วงสั้นๆ ต้องหามุมวางกล้องไว้ล่วงหน้า การถ่ายภาพแสงโพล้เพล้แบบนี้จะให้ดีต้องมีขาตั้งกล้องมาด้วย และภาพสายน้ำที่พริ้วไหวก็ควรถ่ายด้วยเทคนิคเปิดหน้ากล้องนานๆ ซึ่งก็จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องด้วย แต่ผมไม่ได้พกไปก็ใช้วิธีวางกล้องไว้กับราวสะพานแล้วพยายามตั้งค่าการถ่ายให้กล้องรับแสงนานหลายๆวินาที

IMG_3078

สวนสาธารณะขนาบข้างซ้ายขวาด้วยถนนที่มีรถวิ่ง เสียงรถวิ่งดังรบกวนตลอดเวลา และถ้าเป็นจังหวะรถติดหรือรถเยอะก็น่ากังวลเรื่องควันรถอยู่เหมือนกัน ผมรอเก็บภาพจนสภาพแสงน้อยลงไปเรื่อยๆ ฟ้าสีฟ้ากลายเป็นสีน้ำเงินเข้มและกลายเป็นสีดำในที่สุด สุดท้ายฟ้ามืดก็เก็บกล้องและเดินกลับ ซึ่งตอนเดินกลับนี่จะมืดมาก มืดจนรู้สึกว่าอาจจะเกิดอันตรายได้ ในใจคิดว่าจะมีใครดักปล้นดักตีหัวเอากล้องไหม สาวๆเดินกลับจะปล่อยภัยไหม เรื่องเหล่านี้มีโผล่ให้คิดตอนเดินผ่านที่มืดๆใต้สะพานเพื่อจะกลับบ้าน

IMG_3083

สำหรับคนที่จะไปถ่ายรูปเล่น

1 เตรียมขาตั้งกล้องแข็งแรงไปด้วยและควรเป็นขาตั้งที่ยืดได้สูงๆ เพราะขอบกันตกสูงในบางจุด

2 เตรียมฟิลเตอร์ ND ลดแสงได้เยอะๆไปด้วย เอาไว้ถ่ายภาพวิวพื้นน้ำนิ่งๆ (เทคนิค long exposure)

3 พาเพื่อนไปด้วย ขากลับมันมืดและดูอันตราย

4 พกไฟฉายด้วย ตอนเดินออกมืดแล้ว ไม่มีไฟแสงสว่างที่ทางเดินออกถนน

5 ที่จอดรถใกล้ๆไม่รู้ว่าจอดตรงไหน ผมจอดที่ตลาดพาหุรัดแล้วเดินมา ชม.ละ 30 บาท

6 เอาที่อุดจมูกไปด้วย ตอนเดินเข้าและเดินออกจากสวนยังคงได้กลิ่นฉี่กลิ่นขยะรุนแรง

ฝากผู้อ่านส่งลิงค์นี้ให้ผู้ว่า กทม ได้อ่านด้วย

เดินเล่นวัดโพธิ์บทเรียนของช่างภาพ

ประเทศไทยมีสถานที่สวยงามหลายอย่าง ทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ทะเล และวัดวาอาราม หนึ่งในวัดที่สวยและเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวและช่างภาพก็คือวัดโพธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับวัดพระแก้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติที่แวะมาประเทศไทย มาชมวัดพระแก้วก็มักจะได้พ่วงการเดินเที่ยวในวัดโพธิ์ด้วย

ในกลุ่มนักถ่ายภาพ เวลาจะหัดถ่ายภาพในกรุงเทพ ในยุคสมัยของฟิล์มเราจะมีสถานที่แนะนำบอกต่อกันมาว่าให้ไป เยาวราช วัดพระแก้ว สวนลุม สยาม วัดโพธิ์ ภาพแนวศิลปะวัฒนธรรมที่ช่างภาพต้องเคยผ่านก็คือภาพในวัด และวัดโพธิ์ก็จะมีไฮไลท์เป็นมุมมหาชนคือภาพพระนอนขนาดยักษ์ที่เราถ่ายภาพได้แค่ส่วนหัวหรือส่วนเท้า การฝึกฝนการจัดองค์ประกอบโดยใช้วัดโพธิ์จะฝึกได้หลายท่าหลายเทคนิค กล้องและเลนส์ที่ใช้ถ้าจะให้ดีควรมีเลนส์มุมกว้างติดไปด้วยเป็นอย่างน้อย ใครใช้เลนส์ซูมก็จะมีโอกาสใช้เลนส์ได้ครบช่วงเพื่อความหลากหลายของภาพ

DSC03671

วัดโพธิ์ตั้งอยู่ที่ถนนสนามไชย ใกล้กับท่าเตียน ติดกับวัดพระแก้ว เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวศิลปะวัฒนธรรม ผู้มาเยือนมักจะเดินดู เดินถ่ายรูป ถ้าจะมาเที่ยวแถวนี้หาที่จอดรถยากหน่อย จอดสนามหลวงก็พอได้ เดินไกลสัก 15 นาที ถ้าจอดริมถนนต้องดูให้ดีว่ามีเวลาห้ามจอดไหม วัดโพธิ์เป็นชื่อเรียกสั้นๆมาจากคำว่าวัดโพธาราม มีมานานแล้ว และถูกบูรณะครั้งแรกโดยรัชกาลที่1 ชื่อเต็มอย่างเป็นทางการก็คือ วัดเชตุพนวิมลมังคลาราม รัชกาลที่3 บูรณะต่อจน เริ่มจดบันทึกลงบนแผ่นหินเกิดเป็นจารึกวัดโพธิ์ วัดแห่งนี้จึงกลายเป็นแหล่งรวมความรู้แห่งแรกอย่างเป็นทางการ เปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย

DSC03691

ตุ๊กตาหินที่เห็นยืนตระหง่านโชว์ตัวอย่างสวยงามเป็นตุ๊กตาแกะสลักที่ใช้ช่างคนจีนทำขึ้น บางคนเข้าใจผิดเรียกว่าตัวอับเฉา ซึ่งตัวอับเฉาที่บอกต่อกันมาเป็นของที่ใช้แทรกเพื่อป้องกันสินค้าที่บรรทุกใส่เรือกลับมาจากประเทศจีน ตอนส่งออกเราส่งของไปขายสินค้าเต็มลำเรือ ขากลับเรือก็บรรทุกของเบากลับมา และเพื่อป้องกันความเสียหายก็เลยต้องหาของป้องกันใส่มาด้วยเพื่อบรรทุกกลับมา ซึ่งตัวอับเฉาจะเป็นตุ๊กตาหินตัวเล็กๆที่สามารถวางแทรกไประหว่างสินค้าต่างๆได้ และเมื่อมาถึงเมืองไทย ตุ๊กตาหินตัวเล็กทั้งหลายก็ถูกนำไปจัดสวน ตกแต่งบ้าน และถูกนำไปวางประดับวัดต่างๆในยุคสมัยรัชกาลที่ 3 ดังนั้นตุ๊กตาตัวใหญ่ๆที่ยืนเท่ห์อยู่ในวัดจะไม่ใช่ตัวอับเฉา ไม่ได้มีหน้าที่ถ่วงน้ำหนักเรือ

DSC03703

การหัดถ่ายภาพในยุคก่อนกล้องดิจิทัล สถานที่สวยงามในกรุงเทพก็คือวัดโพธิ์และวัดพระแก้ว ซึ่งวัดโพธิ์จะมีรายละเอียดที่เยอะกว่า มีกิจกรรมของพระสงฆ์เป็นปกติ ดังนั้นวัดโพธิ์จะเป็นจุดนัดพบของช่างภาพมือใหม่ เราจะพบช่างภาพแบกขาตั้งกล้องไปเดินวัดโพธิ์เยอะมากชนชินตา แต่ยุคดิจิทัลและยุคมือถือที่ถ่ายภาพสวย เราไม่ได้เห็นขาตั้งกล้องอีกแล้ว และนักท่องเที่ยวก็เยอะขึ้นมาก เยอะจนไม่สามารถจะหาที่วางขาตั้งกล้องในจุดสำคัญได้เลย

DSC03706
DSC03721

พระนอนองค์ใหญ่ เราถ่ายภาพได้แค่มุมที่เห็นหน้า กับ เห็นเท้า เป็นมุมมหาชนที่นักถ่ายภาพทุกยุคสมัยก็ถ่ายกันแต่มุมนี้ เพราะสถานที่มีแค่นี้ อาจจะต่างกันในเรื่องของสีสัน การจัดแสง และความใหม่เก่าของอาคารและองค์พระเท่านั้น มุมที่ใช้วัดความเข้าใจเรื่องการใช้เลนส์ก็คือ มุมที่ถ่ายจากปลายเท้าย้อนกลับไปยังเศียรพระ ใครถ่ายภาพเท้าชัดและเศียรพระชัดได้ในภาพเดียวกันแสดงว่ามีความเข้าใจเรื่องระยะชัดลึก และมีการเลือกใช้เลนส์อย่างถูกต้อง และมันก็ต้องใช้ชาตั้งกล้องด้วย วันนี้ผมมาด้วยกล้องพกพาตัวเล็ก ไม่ได้เอาขาตั้งกล้องติดตัวมา ก็ถ่ายไปแบบด่วนๆเร็วๆ เท้าชัดและหัวเบลอ เป็นเรื่องปกติของกล้อง และเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ของเทคนิคการถ่ายภาพที่ไม่ใช้ขาตั้งกล้อง เพราะเราไม่สามารถใช้รูรับแสงแคบเพื่อเพิ่มระยะชัดลึกได้นั่นเอง

DSC03731

DSC03744

DSC03753

องค์พระขนาดใหญ่เป็นจุดสนใจของทุกคน ทำให้นักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดแทบจะพลาดงานจิตรกรรมฝาผนัง ผมเหลือบดูแล้วก็รู้สึกที่งที่มีภาพวาดดูสวยงาม แต่จำนวนคนที่เยอะมากที่เดินอยู่ทำให้เราไม่สามารถหยุดยืนดูนานๆได้ ทุกคนมาไหว้พระองค์ใหญ่ ทุกคนมาเพื่อสัมผัสวัดโพธิ์ มาเพื่อถ่ายภาพมุมมหาชน และลืมที่จะใช้เวลากับฝาผนังไปเลย

DSC03764

DSC03783

DSC03792

DSC03799

ภาพพระพุทธรูปเรียงแถวถอดยาวไปตามทางเดินเป็นมุมมหาชนอีกมุมหนึ่ง ภาพนี้ถ่ายไม่ยาก แต่การจะถ่ายให้สวยต้องเลือกเวลา ผมไปวัดในตอนบ่ายก็ได้ภาพประมาณนี้ แต่ภาพที่ผมเคยชอบในมุมนี้จากการดูภาพของนักถ่ายภาพท่านอื่นผมชอบภาพที่มีแสงแดดส่องเฉียงเข้าไปในภาพ นั่นก็หมายความว่าถ้าเราอยากได้แสงแดดด้วย เราต้องมารอบเช้า เพราะแสงแดดจะส่องเข้าไปที่หน้าพระนั่นเอง วันหลังจะมาใหม่ในเวลาที่เช้ามีแสงแดด

DSC03804

จบทริปเดินเล่นวัดโพธิ์ด้วยการตรวจสอบชื่อเจ้าของรถและการเป็นเจ้าของทะเบียนกับกรมตำรวจด้วยการล๊อคล้อ ค่าตรวจสอบ 500 บาท เพราะการคืนรถหรือปลดล๊อค จะต้องตรวจสอบการเป็นเจ้าของรถเสียก่อน ดังนั้นทะเบียนรถคันนี้เป็นของเราคนเดียว ไม่ได้มีชื่ออื่นมาสวมแทน

IMG_20240810_165725

พาลูกนอนเล่นที่ มิลลิเนียมฮิลตัน millennium hilton

IMG_0119

มิลลิเนีียมฮิลต้น เป็นโรงแรมหรูห้าดาวอยู่ในกรุงเทพ อยู่ถนนเจริญนคร ตัวโรงแรมติดแม่น้ำเจ้าพระยา ผมเดินผ่านตั้งแต่สมัยเด็กๆ ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมานอนพักที่นี่

IMG_0061.JPG

การมาใช้เวลานอนเล่น 1 คืนในโรงแรมฝั่งธนรอบนี้เป็นความรู้สึกที่ดี เพราะว่าเราได้ใช้ชีวิตแบบนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบโดยที่ไม่ต้องไปต่างจังหวัด เราเข้าพักที่โรงแรมรอบบ่ายๆ เก็บของเรียบร้อยก็มองหาที่ไปต่อ ทางโรงแรมมีเรือให้นั่งไปที่เอเซียทิก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวริมน้ำย่านถนนเจริญกรุง เราก็เลยได้นั่งเรือเล่น

IMG_0087.JPG

IMG_0067.JPG

ก่อนจะลงเรือเราก็ดูให้แน่ใจว่ามีเสื้อชูชีพพอสำหรับทุกคนหรือไม่  ทีแรกก็กลัวจะไม่มี  แต่เห็นวางกันเป็นตับแบบนี้ก็ค่อย
โล่งใจหน่อย  ถ้ามีเหตุฉุกเฉินยังพอมีวิธีเอาชีวิตรอด  แม้จะไม่เคยมีข่าวว่าเรือของโรงแรมเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็ไม่อยากประมาท

IMG_0097.JPG

IMG_0098.JPG

ลูกชายผมได้นั่งเรือครั้งแรกก็ได้ลงเจ้าพระยาเลย ท่าเรือที่โรงแรมจะมีเรือเวียนไปส่งระหว่างสถานีรถไฟฟ้า BTS ตากสิน และ เอเชียทิกอยู่วันละหลายเที่ยว เรือไปเอเซียทิกจะมีทุก 40 นาที เราก็เลยได้นั่งเรือไปกินข้าวเย็นที่เอเชียทิก และเดินเล่นเรื่อยเปื่อย ก่อนจะกลับในอีกสองชั่วโมงถัดมา

IMG_0105.JPG

ในช่วงกลางคืน วันวาเลนไทน์ จากหน้าต่างห้องพักเบอร์ 2123 เราได้ดูจุดพลุที่กลางแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย เป็นการดูพลุที่แสนสบาย นั่งมองอยู่ในห้องพัก ดูได้เต็มตา ยุงไม่กัด ไม่ต้องไปเบียดกับคนอื่น ไม่ต้องเงยหน้าเมื่อยคอ ขอบฟ้าเป็นเด็กที่โชคดีจริงๆเลย ถ้าเป็นผมตอนเด็กๆ จะดูพลุแบบนี้ ต้องไปยืนจองกันริมถนน ริมสะพานสาธรเท่านั้น

IMG_0112.JPG

การถ่ายพลุที่แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณโรงแรมย่านสาธร จะเป็นจุดแสดงพลุที่ทำทุกเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นลอยกระทง วันเฉลิม วันปีใหม่ ไม่รู้ว่าตรุษจีนด้วยหรือเปล่า จุดที่นักถ่ายภาพนิยมไปตั้งขาตั้งกล้องรอถ่ายภาพคือบนสะพานสาธร โดยเฉพาะลอยกระทงกับปีใหม่ สะพานจะเต็มไม่มีที่ยืนบนฟุตบาธเลย แต่รอบนี้ผมได้ถ่ายภาพจากในห้องพัก ก็เลยเอารูปแม่และเด็กไว้เป็นจุดเด่นของภาพ เพื่อให้เห็นบรรยากาศตอนดูพลุ ดูเสร็จก็เข้านอน

IMG_0114.JPG

แล้วเราก็ตื่นเช้าขึ้นมาดูวิวกรุงเทพยามเช้า วิวห้องพักที่นี่สุดยอดมาก มองเห็นโค้งน้ำเจ้าพระยาแสนสวยพร้อมกับแนวตึกดูอลังการ กรุงเทพเมืองสวรรค์มันก็น่าเที่ยวดี เราตื่นเช้าแล้วก็ไปเล่นน้ำในสระเลยเนื่องจากลูกชายอยากเล่นน้ำมากๆ วิวสระน้ำก็เป็นชั้นสูงๆที่มีเตียงให้นั่งอย่างล้นหลาม มีวิวไกลๆให้มอง ถ้าแดดไม่แรงมันก็เป็นที่สำหรับการนอนปล่อยเวลาให้ไหลไปเรื่อยๆ

IMG_0127.JPG

ผมคิดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะชอบบรรยากาศแบบนี้ เพราะได้อยู่กับแสดงแดดอ่อนๆ สระว่ายน้ำ ลมเย็นสบาย นั่งอ่านหนังสือกันจนลืมเวลาได้เลย วันพักผ่อนของคนต่างชาติน่าอิจฉามาก ไม่เหมือนวันพักผ่อนของผมที่ต้องพาลูกเที่ยว มันเหนื่อยแต่ก็ต้องทำเพราะเราอยากเห็นรอยยิ้มของลูก

IMG_0172.JPG

ด้านข้างสระน้ำของโรงแรมมีพื้นทรายให้เล่นด้วย สวรรค์ของเด็กชัดๆเลย ขอบฟ้าเป็นเด็กเล่นทราย จะทรายก่อสร้างหรือทรายทะเลเล่นได้หมด ขอบฟ้าอยากไปทะเลเพราะอยากเล่นทราย ขอบฟ้าอยากไปโรงแรมเพราะอยากเล่นน้ำในสระ ขอบฟ้าน่าจะชอบโรงแรมแห่งนี้มากเพราะได้เล่นน้ำ ได้เล่นทรายพร้อมๆกัน แถมยังเป็นที่เล่นทรายที่มีอุปกรณ์ให้อย่างเพียบพร้อม  ต้องขอขอบคุณโรงแรมจริงๆที่เตรียมของเหล่านี้ไว้ให้เด็กๆ

IMG_0155.JPG

IMG_0175.JPG

IMG_0162.JPG

อาหารบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าในมิลลีเนียมฮิลตันไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ ไม่มีของถูกปากสำหรับผมเลย ถือว่าเป็นข้อเสียข้อเดียวที่เกิดขึ้นกับโรงแรมแห่งนี้ แต่เป็นข้อเสียที่ไม่ร้ายแรง เพราะสิ่งที่ได้มาก็คือ ขอบฟ้ามีความสุขกับการเข้ามานอนเล่นในนี้ เราได้นั่งเรือ เราได้เล่นน้ำ เราได้เล่นทราย เราได้ดูพลุ เราได้ดูวิวกรุงเทพยามเช้า แค่นี้ก็เต็มอิ่มแล้ว

รูปในทริปนี้ทั้งหมดใช้กล้อง canon eos 6d เลนส์ canon ef 24-105L