ครอบครัวผมตัดสินใจพาลูกเที่ยวในเส้นทางเขาใหญ่บ้าง หลังจากที่ตลอดสองปีที่ผ่านมาเราจะไปกันแค่พัทยากับหัวหินและไปซ้ำกันหลายครั้งแล้ว เส้นทางเขาใหญ่ก็เลยเป็นตัวเลือกที่อยากไป โดยที่ก่อนจะไปเรารู้จักเขาใหญ่แค่ มันมีรีสอร์ต มันเป็นอุทยานแห่งชาติ และมันคงอากาศไม่ร้อน
พอจองที่พักได้ซึ่งเป็นที่กรีนเนอรี่รีสอร์ต หน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ และจะไปเที่ยวอะไรบ้างก็ไม่รู้ ปกติผมเป็นคนขับรถ ก็จะไม่ค่อยได้ดูแผนที่สักเท่าไหร่ทำให้การจัดวางเส้นทางท่องเที่ยวต่างๆเป็นของภรรยาเสียหมด แต่ทริปนี้ผมได้มีโอกาสดูแผนที่เองก่อน เลยได้ลองวางเส้นทางเดินทางดู พร้อมกับจุดแวะที่ภรรยาส่งรายชื่อมาอีกเป็นแพ็คใหญ่ ก็เลยลองวางเส้นทางแบบเน้นสบายขับรถน้อยๆดู
เราออกเดินทางจากรุงเทพที่ย่านบางบัวทอง เติมน้ำมันเต็มถังที่ถนนปิ่นเกล้านครไชยศรี และเดินทางไปเขาใหญ่ด้วยเส้นทางดังนี้ บางบัวทอง บางปะอิน สระบุรี ซอยแดรี่ฟาร์ม ขึ้นเขาใหญ่ แวะกิน แวะเที่ยว แวะพักในเส้นทางถนนธนรัชต์ แล้ววนไปลงทางปากช่อง แล้วก็ขับรถกลับกรุงเทพด้วยเส้นทางเดิม แวะกินของที่บางปะอินนิดหน่อยแล้วก็กลับบางบัวทอง เส้นทางที่ใช้ระยะทางรวมประมาณ 458 กิโลเมตร ตั้งใจบันทึกระยะทางไว้เพื่อดูสถิติการใช้น้ำมัน E85ในรถฮอนด้าฟรีดเมื่อเดินทางไกล

เมื่อเริ่มเดินทาง เราสามคน พ่อแม่ลูก พอไปถึงโซนเขาใหญ่ เดินทางขึ้นทางด้านแดรี่ฟาร์มก็แวะจุดแรกเป็นร้านอาหารชื่อ pb valley ซึ่งที่นี่เป็นไร่องุ่นและร้านอาหาร เป็นจุดแวะที่นิยมมากแห่งหนึ่ง ร้านอาหารต้องจองโต๊ะ เราไปกันสามคนก็โชคดีที่มีที่ว่าง ปกติจะมีกรุ๊ปใหญ่หรือรถทัวร์มาลงตลอด อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ก็จะเป็นกระดูกหมูรมควัน มีน้ำองุ่นเป็นพระเอก จริงๆก็จะมีไวน์ด้วยแต่ครอบครัวผมไม่กิน บรรยากาศโดยรอบร้านก็จัดระเบียบพอใช้ได้ มีพื้นที่นั่งกินสบายๆ ดูวิวไร่องุ่น มีสนามหญ้าให้เด็กวิ่งเล่น มีเครื่องเล่นเล็กๆน้อยๆให้เด็กเล่น ลูกผมก็เล่นซะเต็มที่เลย เล่นเหมือนไม่เคยเล่นมาก่อนเลย


อาหารที่นี่จานใหญ่ การมาแค่สามคนพ่อแม่ลูกโดยลูกยังเล็กอยู่เป็นสิ่งที่ทรมานพุงอย่างมาก กินไม่หมด ต้องใส่กล่องกลับบ้านกันเลย กระดูกหมูชิ้นใหญ่มาก พิซซ่าก็พอใช้ได้ สปาเก็ตตี้สั่งตั้งใจจะแบ่งกินกับลูก รสชาดโดยรวมของอาหารในร้านนี้ก็สมราคา ไม่ถูก ไม่แพง สามารถแวะมากินซ้ำได้ถ้ามีคนชวนอีก



อากาศตอนเที่ยงวันที่นี่ค่อนข้างร้อน ใครที่เคยบอกว่าปากช่องและเขาใหญ่อากาศเย็นสบายขอบอกว่าไม่จริง กลางวันร้อนอบอ้าวจริงๆ ดูจากลูกชายที่หัวกระเซิง เหงื่อออกจนตัวเปียก

การเดินทางทริปนี้ใช้ GPS กันอย่างเต็มที่ เพราะผมรู้จักแค่ถนนสายหลักที่วิ่งเข้ามาแถวนี้ แต่ถนนขึ้นเขาใหญ่ ถนนลัดเลี้ยวไปตามเขาเพื่อไปยังที่ต่างๆก็อาศัย GPS พาไปทั้งหมด เพราะไม่ได้มีแผนที่เป็นเล่มมานั่งดูแล้ว เราอยู่ในยุคดิจิทัลก็ขอใช้เครื่องมือกับเขาบ้าง และผลการใช้งานก็ทำได้ยอดเยี่ยม GPS ยี่ห้อ Garmin พาเราไปยังที่หมายได้ทั้งหมด ไม่หลงเลย
ออกจากร้านอาหารมือแรกของวันนี้เราก็เดินทางไปยังที่พัก ที่พักอยู่ที่ กรีนเนอรี่ ขับรถออกมาก็วิ่งตาม GPS ไปเรื่อยๆ GPS ก็พาเราลัดเลาะไปตามทางเล็กแล้วไปออกถนนธนรัชต์ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเขาใหญ่ และเราก็มาถึงกรีนเนอรี่โดยเราวิ่งผ่านจุดที่น่าสนใจจุดหนึ่งนั่นก็คือ Primo piazza หรือ primo posto เดิมนั่นเอง คงมีการรีโนเวทอะไรบางอย่างซึ่งผมไม่ได้ติดตามข่าว ผมเป็นช่างภาพที่ไม่เคยไปเหยียบและถ่ายรูปที่ primo posto เลย แม้จะได้เห็นรูปและรู้สึกอยากไปมาหลายปีแล้วก็ตาม

พอมาถึงที่พักที่กรีนเนอรี่ เราก็เช็คอิน แล้วก็มาเล่นสวนน้ำของโรงแรมทันที เราเลือกโรงแรมนี้เพราะสวนน้ำเป็นปัจจัยหลัก เนื่องจากขอบฟ้าลูกชายผมชอบเล่นน้ำและว่างเว้นจากการเล่นน้ำมานานแล้วก็เลยคิดว่าควรจะเลือกที่พักที่มีสระน้ำและของเล่นในน้ำเยอะๆไว้ก่อน และก็ได้ผล ขอบฟ้าอยากว่ายน้ำจนทำตัวงี่เง่าในบางเวลา และขอมานั่งดูโอ่งช้างที่จะเทน้ำเมื่อน้ำเต็มภายใน



หลังจากเล่นน้ำเสร็จก็เตรียมตัวไปกินมื้อเย็น เราก็เลยขับรถไปดูที่ primo piazza(n14°32.569′, e101°20.214′) ที่เพิ่งขับรถผ่านมา เป็นการแวะดูนอกโปรแกรม ตั้งใจว่าจะไปดูเล่นๆแล้วค่อยหาอะไรกิน แต่พอไปถึงที่แล้ว ดูบรรยากาศมันก็ดูสงบและน่านั่งเลยเลือกที่จะกินมื้อเย็นที่นี่เลย ซึ่ง primo piazza ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะบรรยากาศดี อาหารรสชาดดี แต่ราคาสูงมาก ซึ่งก็คงเป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องดูแลสถานที่ให้ดูสวยแบบนี้ตลอดเวลา มันก็คงทำให้ราคาถูกไม่ได้นั่นเอง



ที่ primo piazza ตอนกลางวันน่าจะคนเยอะมาก เพราะสถานที่ตกแต่งได้ดี ตึกสวย ทำขึ้นมาเพื่อเอาใจคนชอบถ่ายรูปโดยเฉพาะ ผมไปตอนเย็นตอนที่คนเริ่มน้อย บรรยากาศคนน้อยๆนี่ดูสบายและสงบดีมาก การประดับไฟก็ทำได้ในระดับที่ดูดีไม่โอเวอร์ ไม่อลังการบ้าพลังเกินไป มีร้านขายของที่ระลึกตัวเบา สินค้าในร้านก็มาแนวน่ารักและน่าซื้อไปทั้งหมด

ในส่วนของร้านอาหาร โต๊ะภายนอกเกือบเต็มและส่วนใหญ่โดนจองมาล่วงหน้า ส่วนโต๊ะภายในอาคารนั้นว่างมาก ผมก็เลยเลือกนั่งภายใน ซึ่งมีอีกโต๊ะหนึ่งข้างๆที่มีคนนั่งอยู่แล้ว ส่วนอีกเกือบสิบโต๊ะใหญ่ๆที่เหลือก็ไม่มีคนนั่งเลย เป็นบรรยากาศภายในร้านอาหารที่ถูกใจผมมากๆ เพราะผมไม่ชอบคนเยอะ มีที่ว่างให้ลูกได้เดินเล่นสบายใจ ขอให้ร้านอยู่ได้นานๆนะครับ คนหลวมๆแบบนี้ผมชอบ




กินเสร็จแล้วก็เดินเล่นเล็กน้อย อากาศตอนเย็นๆค่ำๆเริ่มเย็น ผมเริ่มรับรู้ถึงความเย็นที่พอดีๆ เป็นอากาศที่ทำให้รู้สึกสบาย และมันดีกว่าไปเที่ยวพัทยาและหัวหินอยู่ เด็กๆก็ใส่เสื้อกันหนาวไว้ สาวๆนักท่องเที่ยวก็มากันขาสั้นเลย ถ้ากรุงเทพหนาว ที่นี่คงหนาวมาก

ตอนเช้าอีกวันเราก็เริ่มวันด้วยการออกไปขับรถเล่น ปาลิโอ้อยู่ใกล้ๆกับที่พักเรา ก็เลยถือโอกาสแวะไปดูซะหน่อย เป็นการไปขับรถเพื่อดูเส้นทางเพื่อเตรียมไว้สำหรับมือกลางวัน ขับรถออกจากที่พักไปนิดเดียวขอบฟ้าก็ตื่นเต้นกับช้างที่เดินเล่นอยู่ ก็เลยได้แวะดู แวะให้อาหารช้าง และเราได้แวะดูรถขยะคันใหญ่ในเทศบาลแถวนั้นด้วย ขอบฟ้าเป็นเด็กที่ชอบรถขยะ จะขอแวะดูทุกครั้งที่มีโอกาส การแวะดูทำให้เรารู้ว่าเทศบาลที่เขาใหญ่ชื่อ เทศบาลหมูสี ดูได้สักพักก็กลับเข้าโรงแรมและกินอาหารเช้า

ต่อด้วยเล่นน้ำอีกครั้ง

จริงๆแล้วมื้อกลางวันเราวางแผนไว้ว่าจะกินที่ zanotti (n14°32.445′, e101°24.220′)ซึ่งเป็นร้านพิซซ่าที่มีเพื่อนแนะนำ หรือไม่ก็ที่ร้านบ้านไม้ชายน้ำ ตามลายแทงที่คนส่วนใหญ่ในอินเทอเน็ตแนะนำ แต่ขอบฟ้าขึ้นรถแล้วหลับเลย และหลับยาวด้วย เราก็เลยขับรถมุ่งหน้ากลับกรุงเทพ ไม่ได้แวะกินมื้อเที่ยง กะว่าถ้าลูกตื่นแล้วค่อยแวะกิน ปรากฏว่าลูกตื่นตอนอยู่ใกล้ๆบางปะอินแล้วก็เลยแวะกินที่ร้าน”ต้นน้ำ” เป็นร้านอาหารที่มีเมนูกุ้งแม่น้ำที่ดังมาก อยู่ใกล้กับวังบางปะอิน การแวะครั้งนี้ถ้าให้ไปเองก็ไปไม่ถูกแน่นอนเพราะไม่รู้ทาง แต่ GPS พาไปได้อย่างแม่นยำ




กินเสร็จจากที่นี่ก็ขับรถกลับบางบัวทอง ระยะทางทั้งทริปอยู่ที่ 458 กิโลเมตร เติมน้ำมันกลับให้เต็มถังต้องเติม 40.65 ลิตร น้ำมัน E85 ของบางจากครับ