3 สิ่งประดิษฐ์เปลี่ยนโลก

กาลครั้งหนึ่ง คนใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสัตว์ป่า ต้องอาศัยและหาอาหารในพื้นที่ธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตรอบตัวก็มีช้าง ม้า วัว ควาย กวาง สิงโต และสัตว์ป่าอีกมากมาย วันหนึ่งมีคนเดินทางด้วยเรือ และไปพบว่ามีปลาตัวใหญ่ยักษ์อยู่ในทะเล การจะเล่าเรื่องบอกว่าโลกเรามีปลาตัวใหญ่กว่าช้างหลายตัวรวมกันและปลาตัวนี้ปากกว้างมากน่าจะกินช้างได้ด้วยคำเดียวหมด การค้นพบแบบนี้คงจะถูกเล่าและบอกต่อกันในครอบครัว แต่การค้นพบนี้จะไม่ถูกรับรู้จากคนที่ห่างไกลเลย ยิ่งอยู่คนละพื้นที่ คนละภูมิประเทศ หรือ คนละซีกโลก ก็อาจจะไม่สามารถรู้เรื่องเล่านี้เลย และในที่สุด คนในครอบครัวก็อาจจะแก่ตายและการค้นพบก็สูญหาย โลกเราไม่เหลือคนเคยเห็นปลาวาฬตัวยักษ์อีก

อารยธรรมของมนุษย์เกิดขึ้นมาเพียงแค่หลักไม่กี่แสนปี ขณะที่สิ่งมีชีวิตบนโลกมีมาแล้วประมาณสามพันล้านปี สิ่งหนึ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดดก็เพราะว่ามนุษย์สามารถจดบันทึกได้ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งต่อความรู้ต่างๆ คนรุ่นหลังไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ การบันทึกว่าโลกเรามีปลาตัวใหญ่กว่าช้างก็จะเกิดการส่งต่อข้อมูลนี้ ต่อให้คนค้นพบจะแก่ตายไปแล้ว ข้อมูลก็ไม่สูญหาย

การบันทึกในอดีตเกิดขึ้นบนกำแพงถ้ำ ภาพวาดในถ้ำเป็นบันทึกฉบับแรกเริ่มของมนุษย์ และเมื่อมีวิวัฒนาการมากขึ้น มนุษย์ก็เริ่มบันทึกบนแผ่นดินเหนียว บันทึกลงบนกำแพงหินที่เป็นสิ่งก่อสร้างบ้านเรือน บันทึกบนใบไม้ ต้นไม้ แผ่นไม้ และในที่สุดก็มีการสร้างกระดาษขึ้นทำให้วัสดุจดบันทึกมีความบางลง สามารถบันทึกได้มากขึ้น สามารถเขียนด้วยตัวหนังสือที่เล็กลงได้ สามารถบันทึกข้อมูลจำนวนมากให้มีรายละเอียดครบถ้วน และการบันทึกเป็นกระดาษสามารถทำเป็นเล่มได้ ทำให้การจัดเก็บสมุดบันทึกสามารถรักษาข้อมูลได้นานขึ้น และสะดวกในการหยิบมาอ่าน สามารถส่งต่อความรู้เพื่อถ่ายทอดให้กับคนรุ่นต่อไป

กระดาษจึงนับว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยให้การบันทึกความรู้ต่างๆของโลกเป็นไปอย่างสะดวก เป็นรูปธรรม โดยชนชาติที่เริ่มทำกระดาษเป็นชาติแรกคือประเทศจีนเมื่อประมาณห้าพันปีที่แล้ว ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ตัวหนึ่งที่มีความสำคัญมากกับมนุษย์และเป็นปัจจัยสำคัญช่วยให้โลกเราเข้าสู่การพัฒนาอย่างจริงจังได้

เมื่อการจดบันทึกเริ่มทำให้โลกเรามีหนังสือ สามารถส่งต่อความรู้จากรุ่นเก่าสู่รุ่นใหม่ได้ แต่ก็ยังเป็นไปอย่างไม่เร็วนัก เพราะการคัดลอกหรือทำซ้ำหนังสือจะทำได้ช้า ความรู้จากหนังสือทั้งเล่มจะส่งต่อแค่ 1 คน การจะทำหนังสือเพิ่มขึ้นต้องคัดลอกใหม่ทั้งเล่มซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้เวลามาก ในที่สุดก็มีคนคิดวิธีการพิมพ์ขึ้น โยฮันเนส กูเตนเบิร์กชาวเยอรมันคิดค้นเทคนิคการพิมพ์แบบที่เหมาะสมกับการทำเป็นอุตสาหกรรมและได้สร้างเครื่องพิมพ์ขึ้น การมีแท่นพิมพ์ทำให้หนังสือถูกทำซ้ำได้ง่ายและเร็วขึ้น ในที่สุดเราก็สามารถพิมพ์หนังสือจำนวนมากได้ในเวลาที่น้อยลงกว่าเดิม เทคโนโลยีทางการพิมพ์ทำให้สามารถส่งต่อความรู้ไปได้ในวงกว้าง เกิดการต่อยอดเพื่อสร้างความรู้ใหม่ มนุษย์สามารถพัฒนาสิ่งต่างๆได้รวดเร็วอย่างก้าวกระโดด ช่วงเวลาหลังจากโลกมีเครื่องพิมพ์จะเป็นช่วงที่มนุษย์มีพัฒนาการอย่างรวดเร็วในทุกด้าน เกิดการเรียนการสอนอย่างจริงจัง เกิดเป็นโรงเรียนที่มีระบบการจัดการที่ดีสามารถสร้างนักวิจัยจำนวนมาก การพิมพ์จึงนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาเป็นอารยธรรมทรงภูมิปัญญา แตกต่างจากยุคสมัยของสัตว์โลกในอดีตทั้งหมด

ยังคงมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่แทรกอยู่ในการสร้างองค์ความรู้ก็คือการถ่ายภาพ ภาพถ่ายจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้บันทึกต่างๆ เรื่องเล่าทุกเรื่อง สารคดีความรู้ทุกแขนง ได้เห็นภาพประกอบเพื่อสร้างความเข้าใจที่สมบูรณ์ ภาพถ่ายเกิดขึ้นมาเกินร้อยปี มีกล้องถ่ายภาพที่ใช้งานได้ง่าย จากยุคสมัยที่ถ่ายภาพด้วยฟิล์มต้องผ่านการล้างและอัดภาพลงกระดาษก็พัฒนาไปสู่ระบบดิจิทัลที่ถ่ายภาพแล้วเห็นภาพทันที การถ่ายภาพมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องและตอนนี้ภาพถ่ายก็เป็นส่วนหนึ่งของความรู้ที่มนุษย์สะสมเอาไว้

สิ่งประดิษฐ์ที่เปลี่ยนโลกของเราให้ดีขึ้นคือ กระดาษที่ทำให้ข้อมูลไม่สูญหาย เทคโนโลยีทางการพิมพ์ที่ทำให้การเผยแพร่ความรู้ทำได้รวดเร็วและกระจายไปทั่วโลกได้ และสุดท้ายคือการถ่ายภาพที่เติมเต็มความสมบูรณ์ของข้อมูล สามสิ่งนี้จัดว่าเป็นเครื่องมือของนักคิด นักสร้างนวัตกรรม แถมยังใช้ถ่ายทอดงานศิลปะได้ การได้เป็นส่วนหนึ่งในการใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ก็นับว่าเป็นเรื่องน่าภูมิใจ เพราะเราได้เป็นคนที่ช่วยส่งต่อความรู้อีกคนหนึ่งของโลกใบนี้

พิมพ์ป้ายสำหรับร้อยกับสินค้า

ลูกค้าโรงพิมพ์ต้องการจะทำของชิ้นหนึ่งเป็นสินค้าที่ระลึก และออกแบบให้มีป้ายกระดาษเนื้อสวยชิ้นเล็กๆ เจาะรู ร้อยเชือกแล้วติดไว้กับสินค้า ก็เลยนำอาร์ตเวิร์คมาพิมพ์กับกระดาษเนื้อดี เป็นงานชิ้นเล็ก ผลิตจำนวนไม่มาก จะใช้กระดาษราคาสูงหน่อยก็ไม่ได้รู้สึกเปลืองมาก และเมื่องานเสร็จก็ดูดีน่าจับต้อง

IMG_0373

กระดาษชิ้นนี้ใช้กระดาษเนื้อหนา ในทางโรงพิมพ์เราจะเรียกกระดาษเนื้อฟู กระดาษมี texture หรือผิวสัมผัสเป็นลักษณะเนื้อสากแต่ละเอียด ไม่ใช่ของคุณภาพต่ำ มีบางคนนำกระดาษตัวนี้ไปใช้กับงานวาดรูปสีน้ำ ส่วนงานพิมพ์ครั้งนี้ใช้วิธีพิมพ์ระบบดิจิทัล ลักษณะเด่นของงานพิมพ์ดิจิทัลในโรงพิมพ์ก็คือ ตัวงานจะพิมพ์แล้วไม่ต้องรอแห้ง เพราะหมึกระบบดิจิทัลแบบของเราจะแห้งตัวด้วยความร้อน เมื่อกระดาษไหลออกจากเครื่องคือแห้งสนิท และ
โดนน้ำก็ไม่เป็นไร หากเอาไปแช่น้ำหมึกก็จะไม่ละลาย เราจะไม่ต้องเคลือบผิวกระดาษด้วยแผ่นฟิล์มแบบเครื่องพิมพ์อิงค์เจ๊ท ทำให้เราสามารถโชว์เนื้อกระดาษได้

1663169772534

เจ้าของไอเดียนำไปติดกับผ้าชิ้นหนึ่งที่สวยมาก และจะใช้งานโดยการแจกเป็นของที่ระลึกให้กับลูกค้าของบริษัท กระดาษสวย ของสวย ถ่ายภาพสวย ทุกอย่างก็ลงตัว สร้างความรู้สึกสวยงามให้กับคนเห็นทั้งผู้ให้และผู้รับ

1663169773801

ทำนามบัตรใช้

ผมทำงานสิ่งพิมพ์มายาวนานหลายปี แต่ไม่ค่อยมีนามบัตรของตัวเองใช้งานเลย หลายครั้งก็ทำนามบัตรแบบเร่งด่วนเพื่อนำไปใช้แจกแบบเร่งรีบ ทุกครั้งที่หยิบนามบัตรของตัวเองออกไปพบปะผู้คน นามบัตรใบนั้นก็มักจะถูกทำด่วนขึ้นมา และวิธีการออกแบบรวมถึงการผลิตก็ไม่ได้พิถีพิถัน เพราะมีเรื่องของเวลามากำหนดไว้ ทำให้ทำงานนามบัตรที่มีขั้นตอนหรือ มีความซับซ้อนไม่ได้

2021-05-25_09-07-24

ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยประสบกับปัญหาโควิด19 ระบาด ทำให้เศรษฐกิจพัง ลูกค้าโรงพิมพ์เริ่มน้อยลง ผมมีเวลาว่างมากขึ้น เลยคิดถึงการออกแบบนามบัตรเพื่อใช้งานอย่างจริงจัง และจริงใจกับอาชีพตัวเอง ก็เลยเลือกวิธีผลิตนามบัตรด้วยเทคนิคการพิมพ์ที่พิเศษและไม่ค่อยมีใครทำ นั่นคือการพิมพ์นามบัตรด้วยเครื่องพิมพ์ Letterpress ซึ่งเทคโนโลยีการพิมพ์แบบนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาเมื่อประมาณสี่ร้อยปีที่แล้ว และในปัจจุบันก็ยังมีการทำงานด้วยเทคนิคแบบนี้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมมากนัก

20210427163427_IMG_0339

เมื่อเลือกที่จะทำงานนามบัตรด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Letterpress การออกแบบหน้าตาอาร์ตเวิร์คก็ต้องสอดคล้องไปกับวิธีการพิมพ์ งานพิมพ์แนวทางนี้ต้องใช้แม่พิมพ์ที่เป็นตัวหนังสือคมชัดหรือลายเส้นที่ชัดเจน การพิมพ์ไม่สามารถทำน้ำหนักอ่อนแก่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเทคนิคการพิมพ์อ๊อพเซ็ท งานจัดวางตัวหนังสือและเล่นกับสีสันที่ไม่เหมือนกันก็จะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเทคนิคนี้ ผมก็เลยเลือกพิมพ์ตัวหนังสือด้วยฟ้อนต์ที่เรียบง่ายและดูคล้ายๆกับตัวหนังสือที่อยู่ในเครื่องพิมพ์ดีด

20210427163201_IMG_0338

กระดาษที่ใช้ก็หาสต๊อคจากที่มีอยู่ในโรงพิมพ์ เป็นกระดาษลายผ้าเกรดสูงมาก ราคากระดาษเปล่าที่สั่งจากคนขายก็แพงมาก จนไม่ค่อยกล้าใช้กับงานทั่วไป แต่การทำนามบัตรไม่ได้ใช้กระดาษเยอะเหมือนงานใบปลิว และเราก็มักจะทำนามบัตรกันในจำนวนหลักหนึ่งร้อยหรือสองร้อยใบ นั่นก็จะไม่เปลืองนัก

IMG_20191024_113424

แม่พิมพ์ถูกสั่งทำออกมา แบ่งเป็นแม่พิมพ์สีดำ กับ แม่พิมพ์สีขาว ตอนพิมพ์เราจะพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์ทีละสี และตอนที่กำลังพิมพ์เราก็จะสามารถเพิ่มแรงกดของแม่พิมพ์ให้มากกว่าปกติ เพื่อให้มีลักษณะของตัวหนังสือที่กดจมลงไปในเนื้อกระดาษ ซึ่งเป็นบุคลิกของงานพิมพ์ Letterpress ที่ระบบการพิมพ์แบบอื่นให้ไม่ได้

พอทำงานเสร็จ ผมพอใจกับสิ่งที่ได้เห็น นามบัตรที่แสดงตัวตน มีข้อมูลการติดต่อครบถ้วน ต่อไปนี้ผมก็มีนามบัตรทางการใช้งานแล้ว

กระดาษเดี๋ยวอ่อนเดี๋ยวแข็ง

รูปถ่าย0088

กระดาษทั่วไปที่ใช้งานในอ๊อฟฟิศหรืองานเขียนในโรงเรียนจะเป็นกระดาษบาง และเมื่อวางพาดกับโต๊ะให้ปลายยื่นออกไปนอกโต๊ะ กระดาษก็จะโค้งงอลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่ก็มีบางครั้งที่กระดาษใบเดียวกัน หรือชนิดเดียวกัน แต่มันโค้งตกไม่เท่ากัน นั่นเป็นเพราะกระดาษมีเกรน

SharedScreenshotเกรนกระดาษใบใหญ่

เกรนกระดาษคือแนวกระดาษที่เรียงตัวกันเป็นเส้นตรงแนวหนึ่ง กระดาษที่ผลิตจากโรงงานจะมีเกรนในแนวใดแนวหนึ่งเป็นหลัก จากภาพด้านบน เกรนกระดาษจะเรียงตัวตามแนวเส้นสีชมพู หากเราตัดกระดาษมาใช้จากกระดาษใบนี้ เราจะตัดกระดาษได้ 2 แบบ คือแบบ A และ แบบ B

SharedScreenshotเกรนกระดาษ AB

กระดาษแบบ A จะมีความแข็งแรงตามแนวยาว มันสามารถทนแรงดึงแนวยาวได้ดี ขณะเดียวกันก็จะโค้งงอไปตามแนวยาวได้ยากกว่า เมื่อวางกระดาษบนขอบโต๊ะ กระดาษใบบนคือกระดาษที่ตัดแบบ A ส่วนกระดาษแบบ B คือใบล่างในภาพที่หนึ่ง และกระดาษแบบ B นี้จะอ่อนตามแนวยาว หากเราเอากระดาษแบบ Bไปใช้กับปริ๊นเตอร์ กระดาษก็จะม้วนเข้าเครื่องพิมพ์ได้ง่าย แต่ขณะเดียวกัน หากกระดาษติดขัดในเครื่องพิมพ์ แล้วเราจะต้องดึงกระดาษออกจากเครื่อง กระดาษแบบ B ก็จะมีโอกาสขาดได้ง่ายเช่นกัน ส่วนกระดาษแบบ A จะทนแรงดึงได้ดีกว่า ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย การตัดกระดาษเพื่อใช้งานจะต้องคิดให้รอบคอบตามวัตถุประสงค์การใช้งาน

IMG_0092

การใช้งานกระดาษทั่วไปเราอาจไม่ต้องคิดมาก แต่กับงานบางประเภทที่ต้องการลักษณะพิเศษ หากเราคิดเรื่องเกรนกระดาษด้วยเราก็จะออกแบบวิธีผลิตและวิธีใช้งานสิ่งพิมพ์ได้หลากหลายมากขึ้น การติดต่อพูดคุยกับโรงพิมพ์ หากอธิบายตัวงานสิ่งพิมพ์ได้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ โรงพิมพ์จะใช้ช้อมูลที่ละเอียดไปเลือกกระดาษให้เหมาะกับการใช้งาน เพื่อให้สิ่งพิมพ์ตอบสนองได้ตรงวัตถุประสงค์ที่สุด

IMG_0112

หากเราทำงานสมุด เกรนกระดาษก็จะไม่ต้องคิดมาก เพราะตอนเราใช้งานเราก็ตัดเป็นแผ่นเอาไว้เขียน แต่หากเราทำงานแผ่นพับ รอยพับที่ขวางเกรนจะพับยาก รอยพับตามเกรนจะพับง่าย ถ้ากระดาษมีความหนามากๆการพับขวางเกรนจะมีรอยพับที่ไม่สวย บางครั้งรอยพับหรือสันจะแตก งานพิมพ์กล่องแพ็คเกจจิ้ง และ แฟ้มคัมพานีโพรไฟล์ หรือแม้แต่หนังสือปกหนาๆ หากเราคิดเรื่องเกรนกระดาษด้วยเราจะได้งานที่สมบูรณ์มากที่สุด

สิ่งพิมพ์ที่กำลังจะหายไป

 

กองกระดาษในโรงพิมพ์ ภาพนี้เป็นภาพแรกๆที่ขายออก แล้วก็มีขายซ้ำบ้าง กองกระดาษสีประหลาดนี้เป็นกระดาษสีหลายสีที่เรียงตัวกันอยู่ในงานใบเสร็จรับเงิน กระดาษแต่ละชั้นจะทำหน้าที่เป็นต้นฉบับ เป็นสำเนาหลายชุด และมีใบติดเล่มด้วย การซื้อขายในอดีตใช้แบบฟอร์มใบเสร็จรับเงินรูปแบบนี้ ใช้ปากกาเขียน ใช้มือฉีกเป็นชุดออกมา แต่ยุคใหม่ๆหลายคนหันไปใช้แบบฟอร์มต่อเนื่อง สั่งพิมพ์ผ่านคอมพิวเตอร์ กระดาษต่อเนื่องมาเป็นกล่อง ต้องใช้เครื่องพิมพ์หัวเข็มในการพิมพ์เพื่อให้เกิดสำเนาในชั้นที่ 2 3 4 5 จะมีกี่ชั้นก็ตามที่บริษัทต้องการ แต่ที่แน่ๆ ระบบกระดาษแบบมือฉีก เขียนด้วยปากกาจะค่อยๆหายไป และแบบฟอร์มต่อเนื่องก็จะหายไปตามกันในที่สุด ด้วยการมาของอินเทอเน็ตที่ระบบจัดส่งใช้มือถือจดบันทึก จ่ายเงินโดยการโอนเข้าบัญชี ใบเสร็จรับเงินอาจไม่ต้องใช้อีก เพราะมีแบ็คอัพอยู่ในรูปแบบอิเล็คทรอนิกส์แล้ว

EM technology สิ่งที่ไม่เคยมีใครบอก

หลังจากที่ผมดูวิดีโอนี้จบ ผมก็ตั้งคำถามกับตัวเองหลายข้อ
ทำไมไม่มีใครในเมืองไทยเอาเรื่องแบบนี้มาถ่ายทอดให้เรารับรู้ ตอนน้ำท่วมใหญ่ประเทศไทย ลูกบอล EM มีบทบาทมากในช่วงการแก้ปัญหาน้ำขัง
ทำไมไม่มีโปรดักเกี่ยวกับ EM มาวางขายใกล้ตัวผม หาซื้อง่ายๆ
ทำไม EM ในความรู้สึกผมมันสกปรก และ ไม่น่าใช้ แต่ในวิดีโอนี้มันน่ารักมาก

ผมโทรหาคนที่น่าจะรู้เรื่องการผลิตกระดาษในประเทศไทยโทรคุยจนเขาพร้อมให้ลองทำ หา EM ไปให้เขา เดี๋ยวจะลองให้
ผมโทรหาคนที่รู้เรื่องจุลินทรีย์ และได้รู้ว่า EM มีหลายแบบ ถามว่าทำไมเช็ดกระจกได้ เขาบอกว่า EM จะย่อยของเสียให้แล้วได้แอลกอฮอร์ และทำให้เช็ดกระจกได้ เพราะน้ำยาเช็ดกระจกจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอร์

ประเทศไทยมี EM มานานแล้ว แต่การนำไปใช้จำกัดอยู่ในวงแคบ  ไม่มีไอเดียน่าสนใจในการชักชวนให้ใช้  ผมหวังว่าจะมีคนช่วยทำให้ EM มีบทบาทมากขึ้น และถูกใช้ประโยชน์มากขึ้นในทุกๆทางที่มันทำได้

งานไอเดียจากญี่ปุ่น

งานไอเดียจากญี่ปุ่น

จากร้าน อิโนบุน

ดิจิทัลปริ๊นท์ ตอนที่ 6

เครื่องพิมพ์ดิจิทัล fujixerox รุ่น x700 ทำงานมาครบปีแล้ว หลังจากที่ผ่านการทำงานไม่มากไม่น้อย มีอาการเสื่อมสภาพบางชิ้นส่วน เปลี่ยนอะไหล่ก็หายดี การทำงานกับเครื่องพิมพ์ตัวนี้เริ่มใช้งานบางฟังค์ชั่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกบางอย่าง และพอเริ่มใช้ก็เริ่มพบข้อจำกัดบางอย่าง

เครื่องพิมพ์ตัวนี้มีถาดใส่กระดาษ 7 ชุด แต่ละชุดจะมีปริมาตรใส่กระดาษได้ไม่เท่ากัน งานที่พิมพ์เยอะๆต้องใช้ช่องใส่กระดาษถาด 6 และ 7 งานบางประเภทที่แบ่งว่าหน้าปกเป็นกระดาษหนา เนื้อในเป็นกระดาษบางสามารถสั่งเครื่องพิมพ์ให้พิมพ์งานโดยใช้กระดาษทั้งสองชนิดได้ นั่นเป็นข้อดีที่รู้อยู่แล้วตอนซื้อเครื่อง แต่ที่ผ่านมาไม่เคยได้ใช้ฟังค์ชั่นนี้เลย

ที่ผ่านมาเวลาต้องการงานพิมพ์เป็นเล่มที่ใช้ปกหนากว่าเนื้อใน จะทำการแยกพิมพ์เป็นสองจ็อบ ก็คือ จ็อบปก และจ็อบเนื้อใน พิมพ์แยกกัน แล้วก็ค่อยเอามาทำเล่มรวมกัน ทำอย่างนี้มาตลอดไม่มีปัญหาอะไร วันดีคืนดีอยากจะใช้ฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกโดยการสั่งจ็อบเดียวแล้วให้มันพิมพ์ปกกับเนื้อในด้วยกระดาษสองชนิดมันก็ทำให้ได้ แต่มีสิ่งที่ค้นพบก็คือมันช้าเหลือเกิน ช้ามาก

งานพิมพ์หนังสือ 16 หน้าเย็บแม็ก แค่เล่มเดียวควรจะใช้เวลาให้กระดาษไหลไม่เกิน 30-35 วินาที หรือเท่ากับความเร็วกระดาษไหลไป 4 แผ่น แต่พอสั่งให้พิมพ์กระดาษสองชนิดพร้อมกัน โดยให้กระดาษบางอยู่ถาด 6 กระดาษหนาอยู่ถาด 7 เครื่องก็ทำตามสั่งได้ไม่ผิดพลาด แต่ใช้เวลาค่อนข้างนานในการเปลี่ยนกระดาษจากถาดอื่นๆ เข้าใจว่าการพิมพ์กระดาษบางใช้ความร้อนน้อย พิมพ์กระดาษหนาใช้ความร้อนเยอะ พอพิมพ์กระดาษบางในเล่มเสร็จแล้วต้องเริ่มพิมพ์กระดาษหนา เครื่องจะต้องหยุดวิ่งเพื่อเพิ่มความร้อนให้มากขึ้นก่อน เมื่อความร้อนถึงจุดที่กำหนดถึงจะพิมพ์กระดาษหนาได้ และเมื่อพิมพ์กระดาษหนาสำหรับหน้าปกเสร็จแล้วก็ต้องเปลี่ยนไปพิมพ์กระดาษบาง เครื่องก็จะต้องคลายความร้อนออก รอให้ความร้อนลดลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะกับกระดาษบางแล้วค่อยพิมพ์ต่อ การทำหนังสือหนึ่งเล่มต้องใช้เวลารอความร้อนขึ้นและลงนานกว่าเวลาที่กระดาษวิ่งเสียอีก จาก 1 เล่มถ้าพิมพ์ไม่เปลี่ยนกระดาษจะใช้เวลา 30 วินาที กลายเป็นว่าพอเปลี่ยนกระดาษจะต้องใช้เวลารวมทั้งหมดเป็นเล่มละ 2 นาที ความเร็วลดลงไปสี่เท่า

ถ้างานน้อยๆทำไม่กี่เล่มก็พอจะรอได้ แต่ถ้าต้องทำเป็นร้อยเป็นพันเล่ม แยกพิมพ์ปก กับแยกพิมพ์เนื้อในคนละจ็อบน่าจะเสร็จงานเร็วกว่า