งานพิมพ์กระดาษรองถาด

งานพิมพ์กระดาษรองถาดของร้านอาหาร A&W เป็นงานที่ผมภูมิใจที่ได้ทำ  ก่อนจะได้เริ่มพิมพ์กันก็มีการปรู๊ฟสีกันหลายครั้ง ตั้งแต่การปรู๊ฟดิจิทัลเพื่อดูภาพรวม  และปรู๊ฟเพลทครั้งที่ 1 เพื่อดูสีจริงของแต่ละส่วน  หลังจากนั้นก็มีการปรับสีในบางจุด แล้วทำการปรู๊ฟเพลทอีกครั้ง  เมื่อปรู๊ฟเพลทไปแล้วสองครั้ง เราก็ได้ค่าสีที่ต้องการ และสามารถทำการผลิตจริงได้

__________-A&W-NEW-SIZE-30X43-CM-AW

การผลิตจริงก็ทำการควบคุมให้ใกล้เคียงตัวอย่างปรู๊ฟครั้งที่ 2 และทำการจัดส่งไปสู่ลูกค้า  ขั้นตอนการทำตั้งแต่ต้นจนถึงวันที่ส่งงานเราใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์  ส่วนในการพิมพ์ซ้ำ ก็ใช้เวลาไม่กี่วัน ถือว่าเป็นงานที่อย่างทำอีกงานหนึ่งของโรงพิมพ์  เพราะงานนี้ถูกใช้ในสาขาจำนวนหลายแห่งของ A&W และผมก็แวะไปกินในสาขาใกล้บ้านเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

2017-08-15_08-14-15

IMG_20170812_080145

IMG_20170812_080317

present jomthongprinting 13mar2017

IMG_0243

ประวัติวุฒิชัย

ผมเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ ระบบควบคุมและเครื่องมือวัด เข้าไปเรียนเพราะอยากทำเครื่องเสียงใช้เอง แต่เรียนไปเรียนมาดันได้ไปทำหุ่นยนต์ไปวิ่งเล่น

IMG_0252ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์

เรียนจบผมไปสมัครเป็นยาม เฝ้าตึก เฝ้ากล้องวงจรปิด เขาไม่รับ  ผมเลยไปสมัครเป็นโปรแกรมเมอร์ และได้ทำงานเขียนโปรแกรม  และได้เจ้านายดี อธิบายบอกผมว่า เขียนโปรแกรมคืออะไร และใช้งานอย่างไร  แล้วผมก็กลายเป็นโปรแกรมเมอร์ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา  และได้เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับดาต้าเบสจากพี่คนนึงที่มาช่วยสอน  และเขามาจากออราเคิลซึ่งเป็นที่สุดของดาต้าเบส

ผมลาออกจากบริษัทเพื่อมาหัดถ่ายรูป และผมใช้เงินไปหัดถ่ายรูปมากกว่าค่าใช้จ่ายตอนเรียนวิศวะฯ  และไปเรียนต่อป.โทที่จุฬาฯ คณะวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีทางภาพ  ซึ่งสอนเกี่ยวกับการถ่ายภาพในเชิงวิทยาศาสตร์ และเรื่องงานพิมพ์  ผมเป็นลูกเถ้าแก่โรงพิมพ์ที่คลุกคลีและเห็นขั้นตอนต่างๆมาแล้ว การมาเรียนวิทยาศาสตร์การพิมพ์ทำให้ผมเข้าใจระบบการพิมพ์มากขึ้น  และผมทำวิทยานิพนธ์เรื่อง DATA COMPRESSION โดยการออกแบบอัลกอริทึ่มใหม่มาใช้เพื่อลดขนาดไฟล์

Print machine

โรงพิมพ์จอมทอง  เป็นโรงพิมพ์ที่ทำงานพิมพ์อ๊อพเซ็ทและระบบดิจิทัล  งานพิมพ์อ๊อพเซ็ทที่ทำได้จะเป็นงานประเภท ใบปลิว หนังสือ แค็ตตาล๊อก คัมพานีโพรไฟล์ ป้ายสินค้า ป้ายเสื้อ ฉลาก สติ๊กเกอร์  แบบฟอร์ม บิล ใบเสร็จรับเงิน โปสเตอร์  นามบัตร กระดาษรองจาน รองถาด

print machine 2013-IMG_8344Full
ภาพสิ่งพิมพ์ กระดาษ เครื่องพิมพ์อ็อพเซ็ท

งานพิมพ์ดิจิทัลเราได้ลงทุนในระบบดิจิทัลเพื่อรองรับงานเร่งด่วน  งานพิมพ์จำนวนน้อย  เมื่อก่อนหากเราจะพิมพ์ใบปลิวสักชุดหนึ่ง เราอาจจะต้องใช้เงินประมาณ 7000 บาท เพื่อจะทำใบปลิวสัก1000 ใบ  แต่ถ้าเราต้องการใช้แค่สองร้อยใบ  ก็เท่ากับเราต้องจ่ายเงินสำหรับพันใบ แล้วใช้สองร้อย  อีกแปดร้อยเก็บกองไว้ที่บ้าน แล้วอีกสามปีก็เอามาชั่งกิโลขาย  ระบบดิจิทัลสามารถทำให้กรณีใบปลิวจำนวนน้อยนี้สามารถผลิตได้ในระดับราคายอดรวมที่สมเหตุสมผล  แทนที่จะต้องจ่าย 7000 คุณก็สามารถจ่ายแค่ 2000 บาทแล้วได้ของไปใช้

100_1447

(ภาพเครื่องพิมพ์ดิจิทัล)

เราชำนาญเรื่องงานพิมพ์ที่ใช้ขั้นตอนการผลิตที่ซับซ้อน  อย่างเช่นงานบัตรสัมมนา บัตรเข้าร่วมงานต่างๆ ที่จะต้องพิมพ์ระบบสี่สีอ๊อพเซ็ท  แล้วมีการพิมพ์ตัวเลขบนบัตรไม่ซ้ำกัน และต้องมีการปรุฉีกหรือไดคัทที่เป็นช่อง  งานเหล่านี้จะใช้เครื่องจักรหลายตัว  ผ่านหลายขั้นตอน  ซึ่งโรงพิมพ์จอมทองมีเครื่องจักรที่ครบทุกขั้นตอน  เราสามารถทำงานบัตรสัมมนาหนึ่งพันใบที่มีนัมเบอร์ มีบาร์โค้ดไม่ซ้ำ พร้อมปรุฉีกให้เสร็จได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง  ทำให้เราเป็นโรงพิมพ์ที่เอเจนซี่ผู้จัดงานสัมมนาไว้ใจ

letterpress-printing-IMG_0009Full

เราเป็นโรงพิมพ์ที่พยายามทำงานยาก  และเรามีลูกค้าที่ให้งานยากอยู่อย่างต่อเนื่อง  ความยากในงานพิมพ์ที่เราเคยทำมีรายละเอียดที่ซับซ้อนอย่างเช่น  เราเคยทำงานบัตรเชิญงานแถลงข่าวของเนสกาแฟ  ในบัตรเชิญเป็นงานพิมพ์อ๊อพเซ็ท มีการเคลือบด้าน และเครื่องสป็อต uv  มีการปั๊มไดคัท ทำรอยพับ  ติดกาวทำให้เป็นการ์ดพับพร้อมซองในตัว ทำรอยเจาะที่ไม่ขาดเพื่อให้คนถือบัตรได้ฉีกเล่น  เมื่อฉีกเล่นแล้วภายในมีลูกโป่งที่ติดเอาไว้ภายใน สามารถแกะออกมาเป่าเล่นได้  ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดนี้ทำแค่ 150 ชิ้น  งานพิมพ์ลักษณะนี้ถ้าไปเจอโรงพิมพ์ใหญ่เขาไม่รับ เพราะงานยอดน้อยเกินไป  ถ้าไปเจอโรงพิมพ์เล็กเขาก็ไม่รับเพราะเขาทำได้ไม่ครบทุกขั้นตอน  โรงพิมพ์จอมทองทำได้  และเราชอบงานแบบนี้ เพราะเราทำจำนวนน้อยๆ แต่ราคาเหมือนงานพิมพ์ใบปลิวสิบงาน

IMG_1234.JPG

(ภาพงานพิมพ์ letterpress)

เรามีระบบการพิมพ์โบราณที่มีเสน่ห์เหมาะสำหรับการทำการ์ดแต่งงาน การ์ดเชิญอีเว้นสำคัญที่ต้องการความพิเศษ  เหมาะกับคนที่ต้องการความแตกต่าง คนที่ต้องการให้ผู้คนจดจำ  เทคนิคการพิมพ์โบราณเราเรียกว่าระบบ letterpress ซึ่งเป็นงานพิมพ์ที่เหมาะกับกระดาษหนาพิเศษและมีลวดลายสีสันอิ่มสด มีรอยกดทับที่ลึกพิเศษ  บุคลิกงานพิมพ์แบบนี้ไม่สามารถหาได้จากเครื่องพิมพ์สมัยใหม่  และโรงพิมพ์ยุคใหม่ๆก็ไม่สามารถทำงานเหล่านี้ได้  เราเป็นโรงพิมพ์ที่เติบโตมาจากระบบโบราณ เราปรับตัวรับยุคดิจิทัลแต่เราไม่ทิ้งของเก่าที่มีคุณค่า  การ์ดแต่งงานระบบ letterpress สามารถสั่งทำได้ที่โรงพิมพ์จอมทอง  หากคุณต้องการการระบบ letterpress ในเวลาไม่เกินสัปดาห์  ในไทยมีเราที่เดียวที่ทำได้

Untitled

(ภาพงานพิมพ์ฐานข้อมูล)

งานพิมพ์ฐานข้อมูลเป็นงานที่เรามีความชำนาญเช่นกัน  ด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิทัลที่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลในสิ่งพิมพ์ได้ทุกใบ  เราสามารถพิมพ์รายชื่อ หรือ ข้อมูลใดๆจากฐานข้อมูลได้  เพราะเรามีทักษะกับการเขียนโปรแกรมติดต่อฐานข้อมูล  ตัวผมเองเป็นโปรแกรมเมอร์ในระบบฐานข้อมูลมาก่อน  เราสามารถทำแฮปปี้เบิร์ดเดย์การ์ด เปลี่ยนรายชื่อและเปลี่ยนวันเดือนปีเกิดไปในทุกๆใบ  สามารถจับคู่คำอวยพรของชาย และหญิงด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกันได้  ลูกเล่นเหล่านี้ทำให้งานพิมพ์ของลูกค้ามีความพิเศษ  เพราะมันเหมือนเป็นการผลิตสิ่งพิมพ์แค่ชิ้นเดียวให้ลูกค้าคนนั้น  ลูกค้าจะรูู้สึกดี  เจ้าของธุรกิจสามารถส่งของด้วยความรู้สึก vip ให้กับทุกคนได้

ทำสมุดโน้ตจากผลงานของลูก

วันหนึ่งที่ลูกเริ่มหัดเขียนหนังสือ ความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่ก็ปลาบปลื้มที่ลูกเราเริ่มเข้าสู่การเรียนรู้ทีละเล็กละน้อย  ลายมือวันแรก เป็นอย่างไรอยากจะเก็บไว้เป็นความทรงจำ  คำแรก ประโยคแรก ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าไม่เก็บไว้ มันก็คงเป็นเพียงเศษกระดาษที่กลายไปเป็นขยะ แล้วก็หายไป

IMG_20170210_110033

ความรู้สึกอยากเก็บผลงานของลูกมีอยู่ตลอดเวลา แต่ก็หาวิธีเก็บที่แสนสนุกยังไม่ได้  เพราะไม่ว่าเราจะเก็บอะไร เมื่อเก็บเข้าตู้ เข้าลิ้นชัก มันจะอยู่แบบนั้นจนแทบลืมไปเลย  บางทีเมื่อเวลาผ่านไปสักยี่สิบปี วันที่ลูกมาหาเอกสารสำคัญของบ้าน  วันนั้นก็อาจจะเจอกับกองกระดาษที่มีลายมือยึกยือของเด็กน้อยวัยสี่ขวบ  แต่ผมก็คิดว่า ร่องรอยและสิ่งของที่ถูกขีดเขียนในวัยเด็กอาจจะไม่โชคดีขนาดนั้น  เพราะมีกระดาษหลายใบ หรือ เป็นเล่มที่ขีดๆเขียนๆแล้วฉีกทิ้ง ปล่อยให้กลายเป็นเศษกระดาษรอเก็บลงขยะ

IMG_20170210_100843

ก็เลยนึกถึงวิธี่การทำสมุดโน้ตขึ้นมา  ถ้าเราทำสมุดโน้ตที่ใช้ลวดลายที่เป็นผลงานของลูกมาเป็นส่วนประกอบก็น่าจะดูเท่ห์และน่ารัก ว่าแล้วก็ลองดูเลย

ทำปกสมุด

กระดาษที่เขียนด้วยลายมือ ก.ไก่ ถึงฮ.นกฮูก เขียนจนครบทุกตัวในหน้าเดียว  เห็นแล้วก็ต้องเอามาทำปกนั่นเอง  เลยถ่ายภาพแล้วพิมพ์ออกมาใหม่ เพื่อไม่ทำลายต้นฉบับ  เอาใบใหม่มาหุ้มบนกระดาษแข็งหนาประมาณ 2มม. แล้วก็เอาไปทำเป็นเล่ม ร่วมกับเนื้อในที่เป็นกระดาษธรรมดา ทั้งกระดาษปอนด์สีขาว กระดาษน้ำตาล กระดาษสีอื่นๆปนๆกัน ตั้งใจว่าถ้าลูกขอ ก็จะให้ลูกเอาไปเขียนเล่น  แต่ลูกไม่ขอ ก็เก็บไว้ใช้เอง

ทำปกสมุด

พอทำเล่มแรกเสร็จก็สนุกไม่เลิก ไปลองทำเล่มที่สองต่อเลย  คราวนี้เอากระดาษที่ลูกระบายสีน้ำมาทำบ้าง  ขั้นตอนเหมือนเดิมคือ ถ่ายภาพเอาไว้ แล้วเอาภาพปริ๊นท์มาทำแทน เพื่อให้ต้นฉบับยังอยู่

ทำปกสมุด
ทำปกสมุด

 

 

และในที่สุดภารกิจทำสมุดที่มีลวดลายเฉพาะเพียงเล่มเดียวในโลกก็เสร็จสิ้น  หนังสือสมุดโน้ตจากฝีมือการขีดเขียนของลูกน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนเป็นพ่อแม่รู้สึกประทับใจอย่างมาก

 

muji สร้างสรรค์ทั้งของ และวิธี

การซื้อสินค้าหรือของขวัญให้ใครสักคนหนึ่ง เราก็สามารถไปเลือกหาได้จากในห้างทั่วไป ร้านค้าต่างๆ ยิ่งสินค้าที่เป็นแนวเครื่องเขียนยิ่งมีทางเลือกมหาศาล  ทั้งในห้างใหญ่ ห้างเล็ก ในร้านบีทูเอส ร้านอ๊อฟฟิศเมท ร้าน loft ร้าน สมใจ  ร้านค้าเหล่านี้มีเครื่องเขียนหลากหลายให้เราตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งปี  ทั้งแนวถูก แนวแพง แนวแปลก

แล้วทำไมเราถึงเข้าร้าน muji  ซึ่งเป็นร้านชื่อญี่ปุ่น หน้าตาญี่ปุ่น สินค้าดูญี่ปุ๊นญี่ปุ่น และราคาแพงกว่าร้านในย่อหน้าแรกทุกร้าน  แน่นอนว่าเราเข้าไปดู ไปเปิดหูเปิดตา ถ้าเรางก เราก็จะไปดูความสวยงามของสินค้า muji แล้วออกไปซื้อร้านอื่น ในหน้าตาอื่นๆ แต่ทำหน้าที่เดียวกัน  ทำให้เราได้ใช้แต่สมุดโน้ตหน้าตางั้นๆมาตลอดชีวิต

IMG_20170214_105516   แล้ววันหนึ่ง  ก็ลองซื้อ muji ใช้  เมื่อเลือกสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็ให้พนักงานห่อของขวัญไปให้ ระหว่างที่รอห่ออยู่นั้น สายตาก็สอดส่องไปเจอมุมประหลาดอยู่มุมหนึ่งที่ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร ดูอยู่นานก็พอจะนึกออกว่ามันคือ ตรายางสารพัดแบบ มีตัวหนังสือภาษาอังกฤษครบทุกตัว มีสัญลักษณ์ที่ใช้บ่อยในการทำป้ายห่อของขวัญ  และเมื่อถามพนักงานว่า เอาไว้ทำอะไร พนักงานขายก็อธิบายแบบที่เราเข้าใจ

IMG_20170214_105521

IMG_20170214_105527

เมื่อเราได้ห่อมาแล้ว เราก็เอามาพิมพ์ข้อความด้วยตรายางต่างๆด้วยตัวเอง  มีสัญลักษณ์ได้นิดหน่อย  เป็นการทำให้ห่อของขวัญของเราดูเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น  เป็นการสร้างความประทับใจให้กับผู้รับของอีกระดับหนึ่ง ซึ่งอะไรก็ตามที่มีชื่อคนอยู่ มักจะเป็นของที่ดูมีคุณค่า ผู้รับไม่อยากทิ้ง

แล้วสุดท้าย ผมก็เดินออกจากร้าน muji แบบที่ได้เลือกปั๊มตัวหนังสือตามใจเรียบร้อย  การช็อปปิ้งครั้งนี้ให้ประสบการณ์และความรู้ใหม่หลายอย่าง  อย่างแรก ผมเพิ่งรู้ว่า muji พยายามขนาดนี้ พยายามที่จะออกแบบทั้งสินค้าและวิธีขายที่สร้างความประทับใจได้ดีแบบนี้  ซึ่งผมยังไม่เคยพบกับสินค้ายี่ห้ออื่นๆ  เวลาเราไปหาซื้อสินค้าในห้าง อย่างมากเราก็ขอให้ร้านห่อของขวัญให้  แล้วเราก็ไปเขียนการ์ดในกระดาษสักใบมาติด แค่นี้ก็ปลื้มมากแล้ว  มาเจอห่อของขวัญมีพิมพ์ชื่อคน ยิ่งปลื้มเข้าไปใหญ่

อย่างที่สองคือ เครื่องเขียน กระดาษ ดินสอ ปากกา ของใช้ธรรมดาเหล่านี้ จะไม่ธรรมดาได้ด้วยวิธีการขายนั่นเอง  การสร้างคุณค่า การเพิ่มมูลค่า คือความคิดสร้างสรรค์ที่จะทำให้ธุรกิจไม่ล่มสลายไปในยุคไทยแลนด์ 4.0 อันเป็นคำหวานจากภาครัฐฯ

4.0 ในความหมายของรัฐบาลคงหมายถึงการเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรม  ส่วนในความหมายของมาเก็ตติ้งชีวิตดิ้นรนอย่างผม ขอเรียกว่า ยุค 4.0 คือ ยุคที่การขายของธรรมดาจะมีคู่แข่งทั่วประเทศตามพื้นที่ครอบคลุมของอินเทอเน็ตและระบบขนส่ง  ถ้าอยากอยู่รอดต้องทำมากกว่าคนอื่นนิดนึง

 

 

 

สีไม่เหมือน

ในโลกของสิ่งพิมพ์  เรื่องสีไม่เหมือนเป็นเรื่องที่สร้างความปวดหัวให้กับลูกค้าและโรงพิมพ์อยู่เสมอ  เพราะใครๆก็อยากได้งานพิมพ์สีเหมือนเดิม หรือ สีเหมือนกับตัวอย่าง   แต่ในทางปฏิบัตินั้น ขั้นตอนของกระดาษที่ไหลออกจากเครื่องพิมพ์จะมีทั้งใบที่สีสีตรง กับสีเพี้ยน ซึ่งโรงพิมพ์ที่มีคุณภาพดีหน่อยจะต้องพยายามดึงใบสีเพี้ยนออกไป  แล้วจัดส่งงานเฉพาะใบที่สีตรง

IMG_4000

ผมบังเอิญได้พาลูกไปเที่ยวดูตู้ปลาในห้าง ซึ่งในทางเดินช่วงสุดท้ายของสถานที่แห่งนี้ เป็นร้านขายของที่ระลึก  เราก็เดินดูของนิดหน่อย แล้วก็ไปเห็นชั้นวางหรือชั้นแขวนสินค้าที่เป็นปากกาในกล่องกระดาษ  ด้วยความที่เป็นคนทำงานสิ่งพิมพ์ พอเห็นว่า สีบนกล่องไม่เหมือนกัน ทั้งที่สินค้าภายในเหมือนกัน ก็ทำให้มือหยิบกล้องมาถ่ายภาพเก็บไว้

สิ่งที่ปรากฏก็คือ ความไม่สมบูรณ์ของการผลิต มันอาจจะเป็นข้อผิดพลาดของช่างในโรงพิมพ์ที่คุมสีได้ไม่ดี  อาจจะเป็นข้อผิดพลาดของคนตรวจสอบสินค้าในโรงพิมพ์ ที่เห็นสีเพี้ยนๆแล้วไม่หยิบออก   หรือแม้แต่กล่องสีเพี้ยนหลุดรอดออกไปจากโรงพิมพ์แล้ว ส่งไปยังโรงงานปากกา หรือ โรงงานบรรจุสินค้า พนักงานบรรจุเห็นสีเพี้ยนๆของกล่องแล้วยังปล่อยให้ใส่สินค้าลงไปในกล่องอีก และสุดท้ายคนที่หยิบสินค้ามาแขวนเพื่อวางขายก็ยังปล่อยให้มีของสีไม่เหมือนกันอยู่บนชั้นวางสินค้า  สิ่งเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้น  นี่คือความผิดพลาดที่ผ่านมือคนมาไม่ต่ำกว่าสี่คน  ถามว่าแล้วมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายไหม ก็ตอบว่าไม่  เพราะลูกค้าก็อาจจะปล่อยผ่านได้เนื่องจากมันเป็นเพียงแค่การขายของที่ระลึก  มันเล็กน้อยเมื่อเทียบกับส่วนใหญ่ที่เหลือ  ซึ่งถ้าเราพบลูกค้าแบบนี้โรงพิมพ์ โรงงานผลิตจะรักลูกค้าคนนี้จริงๆเลย

แต่ในชีวิตจริง โรงพิมพ์ต้องโดนปฏิเสธงาน ไม่รับงาน ต้องพิมพ์ซ่อมชดเชย เรื่องเยอะมากเวลาส่งของแล้วของมีปัญหาเรื่องสีเพี้ยน  ซึ่งทุกโรงพิมพ์ เจอเหตุการณ์เหล่านี้มาตลอด จะมากจะน้อยบ้างก็แล้วแต่จังหวะของบุคลากรในโรงพิมพ์เริ่มหละหลวมเมื่อใด  แต่เราก็หวังว่า เราจะเจอลูกค้าที่ใจดี ปล่อยผ่านได้บ้างแบบนี้  เพราะไม่มีใครอยากทำงานผิดพลาดหรอก  และส่วนใหญ่ของสินค้าทั้งกองโตก็ไม่ได้ผิดพลาด  มันอาจเป็นแค่สินค้าชิ้นเดียว ที่บังเอิญหลุดออกมา

เริ่มขาย stock ภาพกับ shutterstock

Screen shot 2016-08-05 at 12.17.56 PM

เมื่อหลายปีก่อนผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับการขายภาพ online ชื่อหนังสือ รวยทะลุเลนส์ ในตอนนั้นก็ตั้งใจว่าจะส่งภาพขายเช่นกัน แต่ด้วยเหตุผล ข้ออ้าง และ ความยุ่งในชีวิต ทำให้ผมลืมส่งขาย ลืมที่จะสมัครด้วยซ้ำไป ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้อีกหลายปี ผมเคยมีความพยายามจะทำเว็บขายภาพเองด้วยซ้ำไป แต่ก็ทำไม่จบและไม่สามารถทำให้มันยั่งยืนได้ ระบบขายภาพที่ไม่เป็นงาน ไม่มีผลประกอบการใดๆเลย

Screenshot_2016-08-05-12-31-52

ปีที่แล้ว ปี 2015 ผมได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง เขาสมัครขายภาพเหมือนกัน สมัครผ่านแล้วแต่ยังไม่ได้ขายสักที ผมก็ดูภาพที่เขาเอาไปสมัคร แล้วก็รู้สึกว่า ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย ภาพที่ผมเตรียมไว้สมัครก็พร้อมานานเป็นชาติแล้ว ในปีที่แล้วกติการการสมัครจะโหดร้ายมาก คือ ส่ง 10 ภาพ ต้องสอบให้ผ่าน 7 ภาพ ซึ่งหากสอบไม่ผ่านต้องรอสอบใหม่อีกเดือนนึง กลางปีนี้ 1july2016 ผมก็เลยลองส่งสมัครบ้าง ภาพ 10 ภาพของผม ผ่านการสอบ 9 ภาพ เมื่อผ่านแล้วก็เริ่มทะยอยส่งภาพเข้าไป

Screenshot_2016-08-05-12-43-08

ผมยังไม่ได้ศึกษาวิธีการรับเงินอย่างจริงจังเลย รู้แค่ว่า ต้องมีเงินในระบบ 100 ดอลล่าร์เสียก่อนถึงจะสั่งโอนเงินกลับมาได้ ตอนนี้ผมก็ไปยังไม่ถึงยอดนั้นหรอก แต่ก็คิดว่า ช่องทางขายภาพจะเป็นช่องทางรายได้ทางหนึ่งที่เป็น passive income ที่เรานอนหลับก็ยังมีรายได้ แต่เราก็ต้องมีภาพไว้ขายเยอะๆเช่นกัน มันถึงจะเป็นรายได้ก้อนโต

Screen shot 2016-07-18 at 10.31.02 AM

Screen shot 2016-08-02 at 2.45.24 PM Screen shot 2016-08-05 at 12.32.16 PM

สมัครขายภาพกับ shutterstock คลิกที่ลิงค์นี้ได้เลย

http://submit.shutterstock.com/?ref=3470063


พัฒนาเน็ทเวิร์คของเราให้แข็งแรง

2016-01-23 แดงชาด เพลินพัฒนา -IMG_0261

มีผู้คนมากมายที่มีความต้องการขยายธุรกิจของตนเอง แต่เมื่อถามว่าจะขยายอย่างไรเ และ ขยายมากแค่ไหนเขากลับตอบไม่ได้ เชื่อว่าหลายคนก็คงเป็นรูปแบบคล้ายๆกัน

การขยายหรือการเติบโตทางธุรกิจจะไม่มีวันเกิดขึ้นหากเราไม่ได้ลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง เราลองดูงานอดิเรกของเราเป็นตัวอย่างก็ได้ ยกตัวอย่าง การถ่ายภาพ หากเราอยากถ่ายภาพให้สวย เราต้องทำอะไรบ้าง เราต้องซื้อกล้อง เราต้องศึกษาเรื่องการวัดแสง เราต้องศึกษาเรื่ององค์ประกอบศิลป์ เราต้องออกไปถ่ายภาพ วางแผนท่องเที่ยว เราต้องหาข้อมูลเทศกาล ใบไม้เปลี่ยนสี หิมะ น้ำตกจะเยอะจะน้อยเดือนไหน เราตอบได้ เมื่อเราอยากทำงานอดิเรกให้ดี

กลับมาที่ธุรกิจ เราได้ทำอะไรบ้าง เพื่อที่จะเติบโต เราได้ทำอะไรบ้างกับการตลาดแบบบอกต่อ หัวใจของการตลาดแบบบอกต่อก็คือ พัฒนาเน็ทเวิร์คของเราให้แข็งแรงได้อย่างไร จะพัฒนาความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อน powerteam ให้สนิทกันได้อย่างไร จะสร้าง referral partner อย่างไร

ลองดูสิ่งต่อไปนี้
ส่ง thankyou card หรือ ขอบคุณให้เป็นนิสัย จะดีมากถ้าเขียนด้วยลายมือ
โทรหากันบ่อย
นัด 1-2-1
ให้ referral โดยไม่ต้องรอให้ขอ
หาโอกาสใส่ข้อมูลธุรกิจของเพื่อนๆในสื่อที่เรามีหรือทำงานด้วย
ส่งบทความที่มีประโยชน์ให้เพื่อนอ่าน
ชวนเพื่อนสักคนไปเข้ากลุ่ม หรือ ร่วมประชุมกับเราในงาน meeting กลุ่มผู้ประกอบการ
ติดโบรชัวร์ของเพื่อนหรือ powerteam ไว้กับตัวหรือวางไว้ในบริษัทของเราเอง
สิ่งเหล่านี้ขอให้เราเลือกนำมาใช้สัก 2 ข้อ ทำทุกสัปดาห์ ก็พอจะทำให้เกิดผลได้แล้ว

กล้องในมือถือ เชื่อถือไม่ได้

ในงานพิมพ์ตัวหนึ่งที่ลูกค้าได้พูดคุยกับดีไซร์เนอร์  และดีไซร์เนอร์ก็ได้ถ่ายภาพสมุดสีแพนโทนให้ลูกค้าดูสี แล้วทำการเลือกค่าสีที่ถูกใจ  เมื่อเลือกได้แล้ว ดีไซร์เนอร์ก็ส่งภาพถ่ายมาให้โรงพิมพ์  พร้อมทั้งแจ้งว่าลูกค้าเลือกสีเบอร์ใด  ซึ่งสรุปกันว่าเลือกสี 435U ด้วยเหตุผลว่าเป็นค่าสีเทาที่ไม่ค่อยอมเหลืองมากนัก

2016-01-01_12-23-55

ดูจากภาพที่ดีไซร์เนอร์ส่งมา  โรงพิมพ์ก็จัดการเตรียมพิมพ์งาน  แล้วในขั้นตอนการเลือกค่าสีไปบอกช่างให้ผสมสีตามตัวอย่าง ก็เห็นว่า สีที่ลูกค้าเลือกยังคงอมเหลืองอยู่  เพราะโรงพิมพ์ตรวจค่าสีจากสมุดแพนโทน  ซึ่งลูกค้าปลายทางไม่ได้เห็นสมุดสีตัวจริง  แต่เห็นจากภาพถ่ายที่ดีไซร์เนอร์ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือให้  ก็เลยเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติแน่นอน

 

หลังจากโทรคุยกับดีไซร์เนอร์เรียบร้อยแล้วว่าสีที่ลูกค้าเลือกนั้นยังคงเป็นสีที่ผิด เพราะมันอมสีเหลืองชัดเจนมาก  ทางดีไซร์เนอร์ก็ยืนยันว่าเลือกมาอย่างดีแล้ว  ทำให้ฉุกคิดไปว่า มือถือถ่ายภาพแล้วให้สีเทาไม่ตรงกับความเป็นจริง  ก็เลยสั่งหยุดทุกอย่างเสียก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแล้วเริ่มหาเหตุผลที่สีไม่ตรงกับที่ต้องการ

 

สิ่งน่าสงสัยก็คือ โทรศัพท์ถ่ายภาพแล้วสีเพี้ยน ทำให้ทุกอย่างผิดพลาด  ลูกค้าเห็นสีที่เพี้ยน แล้วเข้าใจว่าสีถูกต้อง  แบบนี้ทำให้งานไม่จบแน่นอน  เพราะงานพิมพ์จริงจะสีไม่เหมือนหน้าจอแน่นอน  เลยตัดสินใจถ่ายภาพสมุดสีให้ดีไซร์เนอร์ดูอีกครั้ง  พอลองถ่ายเองด้วยแท็ปเบล็ตก็ปรากฏว่า สีของตัวอย่างออกมาเหมือนของดีไซร์เนอร์เลย  เลยทำให้เข้าใจได้ว่า มือถือและแท็ปเบล็ตต่างก็ถ่ายแล้วสีเพี้ยนทั้งคู๋  เลยเปลี่ยนไปใช้กล้องตัวใหญ่ cano eos m พร้อมเลนส์ 22f2 ที่เป็นกล้องคุณภาพระดับ DSLR ซึ่งน่าจะเก็บรายละเอียดสีต่างๆได้ดีโดยความเพี้ยนต่ำกว่ามือถือ

IMG_9935.JPG

และมันก็เป็นจริง  ภาพจากกล้อง eos m สามารถถ่ายทอดความแตกต่างของสีได้ ระหว่างสีที่ผิดกับสีที่ควรจะเป็นถูกถ่ายออกมาแล้วได้คนละสี สามารถแยกแยะได้เป็นอย่างดี ค่าสีที่เลือกครั้งแรกกลายเป็นสีอมม่วง อมเหลืองมากกว่าปกติ แต่สีที่ลูกค้าอยากได้คือสีเทา งานนี้ทำให้เราค้นพบว่า กล้องมือถือเชื่อไม่ได้ ส่งภาพที่สีต่างกันให้ดีไซร์เนอร์ดู สักพักดีไซร์เนอร์ก็คอนเฟิร์มตามสีที่โรงพิมพ์เลือกให้

เครื่องพิมพ์ Heidelberg ระบบ letterpress

IMG_8061.JPG

2014-03-19-white-v1-DSC_0031

เครื่องพิมพ์รุ่นหนึ่งของ Heidelberg เป็นเครื่องพิมพ์ระบบ letterpress คนไทยเรียกว่าเครื่องพิมพ์ตีธง เพราะลักษณะมือจับกระดาษจะหนีบกระดาษแล้ววิ่งเข้าไปพิมพ์ตรงกลางเครื่อง แขนจับกระดาษเมื่อทำงานจะดูเหมือนธง ทำให้ถูกเรียกว่าเครื่องพิมพ์ตีธง

IMG_8059.JPG

เครื่องพิมพ์เครื่องนี้มีบทบาทกับการพิมพ์ในประเทศไทยในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2528 ซึ่งเป็นปีที่ผมได้เห็นเครื่องนี้ครั้งแรกในชีวิต เป็นเครื่องพิมพ์ที่พ่อเริ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์ หรือประมาณสามสิบปีก่อน ช่วงที่ระบบการพิมพ์ยังไม่พัฒนามาก ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ แม่พิมพ์ต้องเป็นบล๊อกเหล็ก หรือเป็นตัวหนังสือทำจากตะกั่วตัวเล็กๆที่เราเรียกว่าตัวเรียงเอามาเรียงกันเป็นประโยค เครื่องพิมพ์เครื่องนี้จะมีงานพิมพ์ผูกขาดคืองานพิมพ์บิลใบเสร็จรับเงินต่างๆ นอกจากบล๊อกเหล็กและตัวเรียงตะกั่วแล้ว เครื่องพิมพ์ตีธงยังสามารถติดตั้งตัวรันนิ่งนัมเอร์ไว้ในบล๊อกพิมพ์ด้วย เพื่อให้การพิมพ์ในแต่ละหน้ามีตัวเลขที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่สุดของใบเสร็จรับเงิน หากใครจะพิมพ์บิลต่างๆที่ต้องมีตัวเลขเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็ต้องอาศัยการพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ตัวนี้เกือบร้อยเปอร์เซ็น

IMG_8062.JPG

เมื่อการพิมพ์อ๊อพเซ็ทเริ่มได้รับความนิยม และราคาการผลิตแม่พิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์อ๊อพเซ็ทเริ่มถูกลง ระบบอ๊อพเซ็ทก็กลืนกินระบบการพิมพ์ letterpress ไปเสียเกือบทั้งหมด นามบัตรที่เคยพิมพ์ง่ายๆด้วยตัวเรียงและเครื่องพิมพ์ตีธงก็เปลี่ยนมาเป็นทำเพลทแล้วพิมพ์ด้วยระบบอ๊อพเซ็ทแทน การ์ดแต่งงาน การ์ดเชิญต่างๆ จากที่เคยพิมพ์เป็นตัวหนังสือเรียบๆ ก็พัฒนาการจัดหน้าเป็นอาร์ตเวิร์คที่ทันสมัย ต้องพิมพ์ระบบ 4 สี และก็หมายความว่าต้องพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์อ๊อพเซ็ทเช่นกัน

IMG_8057.JPG

จากหลายๆเหตุผลทำให้ระบบการพิมพ์ letterpress ถูกมองข้ามละเลยไปจากตลาดส่วนใหญ่ ผู้คนแทบจะลืมคำว่า letterpress ไปเสียแล้ว โรงพิมพ์ต่างๆทะยอยนำตัวเรียงมาชั่งกิโลขาย เครื่องพิมพ์ตีธงถูกปล่อยให้ฝุ่นจับ บางแห่งโละช่างพิมพ์ตีธง  บางแห่งโละช่างเรียงตัวเรียง เครื่องพิมพ์ตีธงและตัวเรียงหายไปจากโรงพิมพ์ในยุคสิบปีที่ผ่านมา คนที่ยังมีเครื่องพิมพ์ตีธงอยู่ก็จะมีเก็บไว้ทำงานพิมพ์ตัวเลขบนใบเสร็จรับเงิน ซึ่งอาศัยเครื่องตีธงเพียงการพิมพ์ตัวเลขเท่านั้น เส้นสายแบบฟอร์มทั้งหน้ากระดาษยังพิมพ์ด้วยอ๊อพเซ็ทด้วยซ้ำ

letterpress-printing-IMG_0023Full

เมืองไทยเป็นเมืองที่เห่อเทคโนโลยี พอมีของใหม่มาก็หยุดใช้ของเก่าไปเสียดื้อๆ ระบบการพิมพ์ทันสมัยทำให้หนังสือและใบปลิวต่างๆทำได้ง่ายขึ้น ระบบการพิมพ์อ๊อพเซ็ทที่สวยขึ้นทุกวัน ระบบการพิมพ์ดิจิทัลที่ทำจำนวนน้อยได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ระบบ letterpress ค่อยๆห่างหายไปจากสายตา แต่ในทางกลับกัน เมืองฝรั่ง เมืองที่เป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยี่การพิมพ์ต่างๆ ยังคงใช้งาน letterpress อยู่อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นเสียด้วย

19oct2013-DSCF8507-bw

ในภาคธุรกิจ กระดาษหัวจดหมาย และนามบัตรของฝรั่งมักจะถูกจัดพิมพ์ด้วยระบบ letterpress อาจจะเป็นเพราะค่าใช้จ่ายในเมืองฝรั่งค่อนข้างสูงมาก การใช้เครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่และไฮเทคคงมีต้นทุนที่สูง และบริษัททั้งหลายก็คงไม่ได้อยากได้สิ่งพิมพ์ปริมาณมาก เครื่องพิมพ์ letterpress เลยมีช่องทาง เพราะเครื่องพิมพ์ letterpress โบราณเหล่านี้แทบไม่มีราคาแล้ว ค่าใช้จ่ายในการสั่งพิมพ์ก็ไม่สูงมาก และที่สำคัญทำจำนวนน้อยชิ้นได้

thailetterpress-sample-IMG_0109

นอกจากสิ่งพิมพ์ในภาคธุรกิจแล้ว การพิมพ์การ์ดเชิญงานแต่งงานก็ได้รับความนิยมทำในระบบ letterpress ด้วย ด้วยลักษณะเฉพาะตัวของ letterpress ที่มีสีสันสดอิ่ม มีรอยกดจมไปพร้อมกับหมึกทำให้ดูมีเสน่ห์ ดูหรูหรา กลายเป็นทางเลือกที่คู่แต่งงานชอบ และเครื่องพิมพ์ letterpress ยังสามารถพิมพ์กกระดาษหนาพิเศษได้อีกด้วย โดยมันสามารถพิมพ์กระดาษหนาได้ถึง 1.6 มิลลิเมตร หรือกระดาษประมาณ 620g ขณะที่เครื่องพิมพ์อ๊อพเซ็ทรับกระดาษได้เพียง400g เท่านั้น และเครื่องพิมมพ์ดิจิทัลก็รับกระดาษได้หนาเพียง 300g และที่สำคัญ เครื่องพิมพ์อ๊อพเซ็ทและดิจิทัลทั้งหลายสร้างรอยกดทับแบบ letterpress ไม่ได้

IMG_0119

ในปัจจุบัน งานพิมพ์ letterpress กำลังจะกลายเป็นงานอาร์ตขั้นเทพ เป็นงานฝีมือที่แสดงตัวตนของคนเสพงานแนวนี้  โรงพิมพ์ที่พอจะทำงานแนวนี้ได้มีอยู่ไม่มาก  เพราะรายได้จากงาน letterpress ไม่ได้มากมายเหมือนงานพิมพ์อ๊อพเซ็ท  โรงพิมพ์ส่วนใหญ่ย่อมไม่อยากเสียเวลาและเสียทรัพยากรบุคคลไปกับงานอาร์ตหาลูกค้ายาก  คนที่พอทำได้ก็อาจจะทะยอยเลิกทำไป  สุดท้ายระบบการพิมพ์ letterpress อาจจะเป็นงานทำกันเองในบ้านใครสักคน มากกว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม

printing newsletter 02 หลักการเขียนบิล และสั่งพิมพ์บิลใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน เรื่องเลข 13 หลัก

เมื่อมีการขายสินค้าหรือบริการใดๆออกไปให้กับผู้ซื้อแล้วก็ต้องมีการเขียนบิลให้ไปด้วย การเขียนบิลอย่างถูกต้องจะต้องเป็นบิลที่มีชื่อผู้ซื้อ ซึ่งจะเป็นบริษัท หรือบุคคล ต้องเขียนชื่อเต็มตามหนังสือจดทะเบียนบริษัท รวมถึงการระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลัก และระบุสาขาด้วย ถ้าเป็นบริษัทไม่มีสาขาก็ให้ระบุว่าเป็นสำนักงานใหญ่ ข้อมูลสำคัญในใบกำกับภาษี และ ใบเสร็จรับเงิน จะต้องมีดังนี้

P_20150513_113331_1

1. ชื่อผู้ขายและที่อยู่ตามเอกสาร ภพ20 (บริษัทของเราเอง)
2. ระบุสาขาของผู้ขาย ไม่มีสาขาก็ต้องลงว่าสำนักงานใหญ่
3. เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ขาย
4. ชื่อผู้ซื้อ อาจเป็นชื่อบุคคล หรือชื่อบริษัท พร้อมที่อยู่ตามเอกสาร ภพ20
5. ระบุสาขาของผู้ซื้อด้วย ถ้าไม่มีสาขาให้ลงว่าเป็นสำนักงานใหญ่
6. เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อ

P_20150513_113221

กติกาการเขียนใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีนี้ได้รับการเปลี่ยนแปลงในปีที่แล้ว สร้างปัญหาให้กับผู้ประกอบการในด้านการทำเอกสารแบบฟอร์มใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินอย่างมาก บางบริษัทมีบิลแบบเดิมอยู่หลายสิบเล่ม บางที่เป็นร้อยเล่ม การเปลี่ยนแปลงกติกาการเขียนทำให้หลายบริษัทต้องสั่งพิมพ์บิลใหม่ทั้งหมด ของเก่าที่เหลืออยู่ใช้ไม่ได้ ทางโรงพิมพ์เองก็มีลูกค้าที่เดือดร้อนต้องมาพิมพ์บิลใหม่อยู่จำนวนมาก

ในช่วงเวลาที่การบังคับใช้ไม่มีการอนุโลมใดๆแล้วโรงพิมพ์ถึงขนาดต้องทะยอยพิมพ์บิลให้บริษัทต่างๆแห่งละ 1 เล่มไปใช้ก่อน แล้วที่เหลืออีกหลายเล่มหรือร้อยเล่มค่อยให้ลูกค้ามารับทีหลัง เพราะออเดอร์การสั่งพิมพ์บิลใบเสร็จรับเงินราคาหนึ่งเล่มเกือบจะเท่ากับบิลจำนวน 10 เล่ม ทุกรายก็เลยสั่งพิมพ์ 10 เล่ม แต่จะให้โรงพิมพ์ทำงาน 10 เล่ม ให้กับ 20 บริษัท ในเวลาแค่ไม่ถึงเดือนก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เราเลยต้องทะยอยทำให้ทุกรายไปก่อนอย่างละ 1 เล่ม เพื่อให้ลูกค้ามีบิลไปใช้ ไม่ต้องทะเลาะกับสรรพกร

หากคุณเปิดบริษัทใหม่ แล้วไม่รู้ว่าระบบเอกสารต้องมีแบบฟอร์มแบบใดบ้าง คุณสามารถปรึกษาขอตัวอย่างจากสำนักงานบัญชีที่คุณใช้บริการอยู่ได้ หรือ ถ้ายังไม่มีสำนักงานบัญชีที่รู้จัก ก็ให้ลองถามจากโรงพิมพ์ใกล้บ้านหรือเพื่อนที่ทำธุรกิจโรงพิมพ์ โรงพิมพ์ขนาดเล็กและกลางจะมีงานพิมพ์บิลเหล่านี้อยู่แล้วสามารถเอาตัวอย่างให้คุณดูได้ทันที

3 วัน 2 คืน เอวาซอน ปราณบุรี

เอวาซอนหัวหิน หรือ เอวาซอนปราณบุรี มันคือที่เดียวกัน ตอนที่ผมรู้ว่าจะต้องขับรถมาที่นี่ก็หาข้อมูลจากในเน็ต และก็เกิดอาการมึนงงว่าตกลงมันอยู่ใกล้หัวหิน หรือ มันอยู่ปราณบุรี ใครช่างใส่ข้อมูลให้คนเดินทางต้องสับสน เลยต้องถามแฟนอีกครั้งว่า เอวาซอนมีที่เดียว ไม่มีสาขาใช่ไหม พอรู้ว่าที่เดียวก็เลยหายงง ขับรถไปปราณบุรีนั่นเอง

IMG_0002_1.JPG

ออกเดินทางจากกรุงเทพ ถนนนครอินทร์ เติมน้ำมันเต็มถัง e20 รถฮอนด้าฟรีด จดระยะทางบนหน้าจอเก็บไว้ 133660 กม แล้วก็ขับไปตามเส้นทาง พระราม2 ปากท่อ เพชรบุรี เข้าบายพาสไม่ผ่านชะอำ ตรงไปที่ปราณบุรี แวะกินมื้อกลางวันที่ร้านยกซด ซึ่งเป็นร้านดังที่มีแต่รถกรุงเทพแห่มากิน และเข้าที่พักเอวาซอน ปราณบุรี โดยการนำทางของ gps ยี่ห้อ garmin

IMG_0004_1.JPG

ห้องพัก 313 เป็นห้องพักขนาดใหญ่ ในห้องมีเตียงเดี่ยวขนาดนอนสองคนหนึ่งเตียง มีมุ้งให้ด้วย ที่ระเบียงหน้าห้องมีอีกหนึ่งเตียงใหญ่ๆพร้อมมุ้งเช่นกัน ใครอยากนอนดมกลิ่นดินและน้ำค้างก็ให้นอนระเบียงไม่ต้องกลัวยุง สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักเป็นไปในแบบหรูหราห้าดาว แต่ที่นี่ไม่มีอ่างอาบน้ำ ไม่มีเครื่องเล่นดีวีดี เคเบิ้ลทีวีไม่ระบุสัญชาติ ดูช่องทีวีดิจิทัลไม่ได้ อินเทอเน็ตแบบไร้สายมีให้ใช้ แต่ห้องหนึ่งจะจำกัดให้ต่อได้แค่ 2 อุปกรณ์ แฟนผมใช้สิทธิ์ไปหนึ่ง ตัวผมเอง มีโน้ตบุ๊คสองตัว มีมือถือ มีแท็บเบล็ต จะใช้แต่ละชิ้นก็ต้องคอย disconnect ตัวเก่าก่อนทุกครั้ง ลำบากมากกับคนของเล่นเยอะ

IMG_0008.JPG

พื้นที่ในโรงแรมจัดไว้เป็นระเบียบ กว้างใหญ่ดี แต่ก็ทำให้ที่จอดรถอยู่ไกลจากห้องพักมาก ไม่สามารถจะเดินไปหยิบของที่รถแแล้วเดินกลับห้องได้ง่ายๆเลย ทีแรกก็ทำได้ แต่ถ้าให้ทำอีกทีขอเรียกรถกอล์ฟดีกว่า คนของเยอะกระเป๋าแยะต้องวางแผนการย้ายของให้ดี พอบ่ายมากๆเกือบเย็นก็พาลูกไปเล่นทรายที่ชายหาด ปรากฏว่า ไม่มี โรงแรมนี้ไม่มีหาดทราย มีถนนกั้นระหว่างโรงแรมกับทะเล พ้นถนนก็ตกทะเลเลย ไม่มีหาดทราย ย้ำ ไม่มีหาดทราย ผมได้ยินชื่อเอวาซอนมาหลายปี ไม่เคยคิดว่าจะเป็นโรงแรมติดทะเลที่ไม่มีหาดทราย

IMG_0014_1.JPG

ในช่วงเวลาที่พวกเราอยู่ในเอวาซอนเป็นช่วงที่มีการทำถนนเรียบชายหาด แต่ชายหาดที่นี่มีเพียงสั้นๆและไม่ได้อยู่ใกล้โรงแรมในระดับที่เดินถึง หน้าโรงแรมด้านทะเลเป็นบันไดเดินลงทะเล ไม่สามารถเล่นน้ำทะเลได้ มีกองทรายก่อสร้างอยู่ด้านหน้าเอวาซอนที่ดูเหมือนจะเอาไว้จัดงานอะไรสักอย่างที่กำลังจะรื้อออก ก็เลยให้ลูกเล่นทรายที่บ่อทรายก่อสร้างนี้แทนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะขับรถหาหาดทรายจริงๆให้

IMG_0026_1.JPG

โลกของเด็กสวยงามเสมอ เห็นทะเล เห็นกองทรายก่อสร้าง เด็กชายขอบฟ้าก็บอกนี่ไงหาดทราย แล้วก็ขอเล่นทันที อุปกรณ์ตักทรายก็โรยตัวลงบนพื้นแล้วก็เรนเดอร์ไปตามจินตนาการของเด็กคนหนึ่ง เห็นลูกสนุกพ่อแม่ก็ฟินแล้ว ปล่อยให้เล่นไปตามใจเลยแบบนี้

IMG_0020_1.JPG

กลับมาที่ห้องพัก เราเริ่มมองเห็นของหลายอย่างที่ดูน่าสนใจ มีรายละเอียดที่อยากจะบันทึกเอาไว้ เริ่มจาก ปลั๊กไฟ usb power ที่ฝังอยู่ที่ผนังพร้อมใช้งาน ไม่ต้องพกอแด๊ปเตอร์ usb เลย เราสามารถเสียบสายจากผนังมาชาร์จมือถือได้ทันที เพิ่งจะเจอที่นี่ที่แรกที่ออกแบบไว้พร้อมขนาดนี้ แถมปลั๊กไฟรอบๆห้องก็มีจุดให้เสียบหลายจุด สามารถเสียบโน้ตบุ๊คใช้ไฟห้องได้พร้อมกันไม่ต่ำกว่า 4 ตัว ซึ่งไม่ต้องไปแย่งปลั๊กไฟจากทีวี ตู้เย็นและกาต้มน้ำเสียด้วย ปลั๊กไฟที่นี่ให้หกดาวเลย

IMG_0072_1.JPG

อีกจุดนึงที่เจ๋งก็คือไฟหัวเตียง ไม่ได้มาเป็นโคมไฟดูโบราณฝุ่นจับดูไม่กล้าแตะแบบโรงแรมทั่วไป แต่มาเป็นแท่งดูทันสมัย ใช้หลอด led เปิดปิดที่กระบอกโคมได้เลย แสงสว่างมากพอสำหรับอ่านหนังสือหรือให้ความสว่างในห้องได้อย่างเพียงพอ และแท่งแบบนี้มีทั้งสองฝั่่งเตียง ผมคิดว่าเจ้าของโรงแรมเข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดีถึงออกแบบแสงสว่าง ปลั๊กไฟ ได้โดนใจขนาดนี้

IMG_0073_1.JPG

มีกระดาษแนะนำใบหนึ่งที่ดูดีมากๆ มากกว่าจะเป็นแค่กระดาษจดหมาย A4 ธรรมดา ลักษณะการพิมพ์เป็นงานพิมพ์สีเดียว พิมพ์บนกระดาษหนาพิเศษ คาดว่าจะเป็นงานพิมพ์ระบบ letterpress หรือไม่ก็ screen เพราะเครื่องพิมพ์อ๊อพเซ็ท และ injet ทำงานกับกระดาษหนาขนาดนี้ไม่ได้ กระดาษใบนี้ถูกวางไว้ในห้องเพื่ออธิบายสิ่งที่โรงแรมต้องการบอกกับนักท่องเที่ยว และตั้งใจใช้งานอย่างยาวนานเลยทำให้ดูพรีเมี่ยมและดูทน ใครเห็นก็ต้องอ่าน ไม่ใช่มองผ่านไปแบบกระดาษใบปลิวทั่วไป

IMG_0075_1.JPG

โรงแรมมีอาหารเช้าให้เป็นบุฟเฟ่ต์ มื้อเที่ยงต้องหากินเอง เราลองมากินที่ร้านของโรงแรมบ้าง พนักงานแนะนำว่า ถ้ามีเด็กมา จะมีเมนูให้เด็กฟรีหนึ่งเมนูในหน้าพิเศษ ดูรายการอาหารแล้วก็เลือกบะหมี่น้ำให้ขอบฟ้า ส่วนพ่อกินแซนวิช แม่กินพิซซ่า ของที่นี่เมนูเด็กก็ไซ้ส์เล็ก เมนูผู้ใหญ่ก็ไซ้ส์ใหญ่ กินกันอิ่มเลย เราบอกกับขอบฟ้าว่า ถ้าจะเล่นอะไรในโรงแรมจะต้องกินข้าวให้ท้องป่องถ้าท้องไม่ป่องพี่คนดูแลจะไม่ให้เล่น จะต้องให้มากินจนป่องเสียก่อน ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะขอบฟ้าเป็นเด็กที่ห่วงเล่น กินยาก เวลาที่ขอบฟ้างอแงไม่ยอมกินก็จะขอเช็คท้องป่องกันทีนึง ก็เลยมีภาพเปิดพุงให้ดู

IMG_0068.JPG

เย็นวันต่อมาเราขับรถไปหาหาดทรายเล่นกัน ใช้เวลาบนรถประมาณ 10 นาทีเราก็มาถึงหาดทราย สภาพอากาศร้อนๆ ลมแรง มีคนเล่น kite surf เต็มไปหมด เราก็ดูด้วยความสนใจ ส่วนเด็กก็ปักหลักเล่นทรายกันไม่สนสิ่งรอบข้างเลย

IMG_0079_1.JPG

IMG_0085_1.JPG

ขอบฟ้าชอบทะเล ชอบหาดทราย ชอบเล่นทราย เหตุผลเดียวที่เลือกมาทะเลคือพาลูกมาเล่นทราย ชีวิตในวัยเด็กของทุกคนคงเป็นแบบนี้ บ้านอยู่กรุงเทพ การมาทะเลจะสนุกมากเพราะได้เที่ยว ได้เล่นน้ำ และได้เล่นทราย คงเป็นที่สุดของการเดินทางหนึ่งครั้ง ขอบฟ้าเองก็มีที่สุดแบบนี้ไปหลายครั้งแล้วด้วย ในช่วงอายุที่น้อยกว่านี้ก็จะนั่งเล่นทราย ยังไม่มีภาพวิ่งและกระโดดแบบรอบนี้

IMG_0109_1.JPG

IMG_0116_1.JPG

IMG_0120_1.JPG

เช้าวันใหม่ขอบฟ้าขอมาเล่นทรายอีก เช้าที่ทะเลแถบนี้ พระอาทิตย์จะขึ้นที่ทะเล นั่นหมายความว่าไม่มีต้นไม้บังแสงแดดให้เลย เมื่อวานเรายังได้ร่มไม้จากฝั่งช่วยบังแดดให้เลยเล่นทรายตอนแดดออกได้ แต่เช้าแบบนี้ พระอาทิตย์ยิงตรงมาจากด้านทะเล เป็นสิ่งที่ทรมานพ่อแม่ที่สุด เพราะในหัวหินรอบก่อนหน้านี้ พ่อก็ยืนเป็นยักษ์วัดแจ้งบังแดดให้

IMG_0129_1.JPG

ด้วยความที่เป็นช่างภาพ เห็นแสงแดดและท้องฟ้าแบบนี้ ใช้หลักการวัดแสงแบบกฏ sunny 16 ได้เลย คือ iso100 สปีด 1/125 วินาที ค่า f16 จะให้แสงที่พอดี ถ้าถ่ายด้วยฟิล์มสไลด์ก็จะเป็นค่าสีที่สุดแสนจัดจ้าน ฟ้าเป็นฟ้า ส่วนที่เข้มก็จะน้ำเงินเข้มเกือบดำ ผมเลือกใช้ค่า f4 แทนแล้วเพิ่มสปีดให้มากขึ้น เพื่อหวังผลว่าจะได้ภาพที่มีชัดตื้นคือมีส่วนชัดและเบลออยูู่ในภาพ และปรับตั้งกล้องดิจิทัลให้ไม่ต้องชดเชยขอบภาพสีเข้มให้เป็นสีปกติเท่ากับกลางภาพ อันเป็นข้อจำกัดของเลนส์เวลาถ่ายภาพด้วยค่า f กว้างๆ แต่ผมชอบให้ขอบภาพสีเข้มกว่าตรงกลางภาพ เลยปิดฟังค์ชั่นชดเชยเสีย

IMG_0155_1.JPG

แสงแดดแรงขนาดนี้ เลยไปเอาขาตั้งกล้องมาใช้วางใบไม้เพื่อช่วยบังแดด ไม่ทำให้คนเล่นต้องทรมานมาก เหมือนมีต้นไม้บังแดดให้ ได้ขาตั้งมาช่วยก็ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น เดินหากิ่งร่วงๆแถวหาดทรายได้สองอันก็จัดการทำเป็นที่บังแดดซะเลย ถ่ายภาพไว้หลายมุมเก็บเป็นไอเดีย ไว้เที่ยวทะเลครั้งต่อไปจะต้องเตรียมของแบบนี้เอาไว้ด้วย

IMG_0130_1.JPG

IMG_0132_1.JPG

IMG_0134_1.JPG

สุดท้ายเด็กยังไงก็จะเล่นแบบเด็ก อุตส่าห์บังแดดให้ก็ยังวิ่งเล่นไปทั่ว ความร่าเริงและซนไม่เลือกแบบนี้ไม่มีวิธีรับมือนอกจากวิ่งตาม ปล่อยให้เล่นจนเหนื่อยแล้วค่อยพากลับ มือและเท้าเต็มไปด้วยทราย รถเละเทะเลย ขนาดเตรียมน้ำใส่ขวดไว้ล้างก่อนขึ้นรถแล้วก็ยังมีเศษทรายอยู่เต็มรถไปหมด คนล้างรถคงเหนื่อยหน่อย

IMG_0159_1.JPG

โรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้เยอะ มีสระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่ มีสระว่ายน้ำเด็กที่อยู่ติดกับห้องของเล่น มีสปา มีพี่เลี้ยงเด็กช่วยดูเด็กให้คิดค่าใช้จ่ายพี่เลี้ยงเป็นชั่่วโมง ถ้าไม่ใช้พี่เลี้ยงก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม กล้องถ่ายภาพที่ใช้ตลอดทริปก็คือ canon eos 6d เลนส์ ef 24-105L

IMG_0218.JPG

IMG_0215.JPG

IMG_0196_1.JPG

IMG_0043_1.JPG

IMG_0046_1.JPG

ขากลับมายังกรุงเทพ เดินทางออกจากที่พัก เปิด gps แล้ววิ่งตามแผนที่มาเรื่อยๆ มีแอบนอกใจ gps นิดนึงตรงทางแยกมีป้ายเขียนว่าไปเพชรเกษม ให้เลี้ยวขวา แต่ gps บอกให้เลี้ยวซ้าย ในใจก็คิดว่า gps ก็ผิดพลาดได้ เราวิ่งตามป้ายบอกทางดีกว่า ผลก็คือ ป้ายบอกทางพาเราไปถ.เพชรเกษมที่วิ่งผ่านสวนสนฯ และหัวหิน ไปโดนรถติดในหัวหินอยู่ครึ่งชั่วโมง แทนที่เราจะได้วิ่งเส้นบายพาสเหมือนขามา ถ้าเชื่อ gps ตลอดคงไม่ต้องมาเสียเวลากับหัวหินขนาดนี้ กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ตอนค่ำๆแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันแห่งเดิม เติม e20 เต็มถัง บันทึกหลักกิโลที่ 134194 เติมไป 1010 บาท จำนวนน้ำมัน 39.33 ลิตร

คิดเป็นระยะทางออกมาได้ 534 กิโลเมตร
คิดเป็น กิโลเมตรต่อลิตร 534/39.33 = 13.57 กิโลเมตรต่อลิตร
คิดเป็น บาทต่อกิโลเมตร 1010/534 = 1.89 บาทต่อกิโลเมตร
รถที่ใช้คือ honda freed อายุ 5 ปี

จบรีวิวอัตราสิ้นเปลืองรถยนต์ของผมครับ รีวิวโรงแรมแถมให้