การทำตัวอย่างกล่องก่อนผลิตจริง

การออกแบบแพ็คเกจจิ้งหรือออกแบบกล่องเพื่อจัดจำหน่ายเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องพิถีพิถัน เราอาจจะต้องจ้างนักออกแบบกราฟิคที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบกล่องโดยเฉพาะ เพราะงานกล่องจะเป็นงานที่ต้องมีการตัดไดคัทเป็นรูปทรงด้วย มันมีความซับซ้อนกว่าการออกแบบใบปลิวทั่วไป

912281

การออกแบบกล่องที่สมบูรณ์ควรจะจบถึงการออกแบบเส้นไดคัท หรือเส้นตัดที่จะใช้สำหรับประกอบเป็นกล่องออกมา เส้นไดคัทนี้จะต้องมีรายละเอียดของส่วนพับ ส่วนติดกาว ภาพหรือข้อความที่ปรากฏบนกล่องที่จะแสดงผลแต่ละด้านต้องจัดวางแต่ละหน้าให้สอดคล้องกัน ด้านบนและด้านล่างกล่องอาจจะต้องกลับภาพหันหัวคนละทาง และต้องเลือกว่าจะทำฝากล่องเปิดด้านไหน ปิดด้านไหนของข้อความด้วย

20220609181802_IMG_0921

เมื่อได้อาร์ตเวิร์คกล่องที่สมบูรณ์แล้วก็ต้องพิมพ์ตัวอย่างพร้อมตัดออกมาเป็นทรงเหมือนจริง ต้องเลือกความหนากระดาษให้เหมาะสม และที่สำคัญต้องทดลองทำกล่องขนาดเท่าจริงออกมา เจ้าของงานควรจะเห็นกล่องขนาดเท่าจริง และถ้าเป็นไปได้ตัวอย่างกล่องก็ควรทำจากกระดาษจริงด้วย เพื่อที่จะนำไปใช้ทดลองใส่สินค้าจริงเพื่อให้มั่นใจว่าใส่สินค้าไปแล้วกล่องจะรับน้ำหนักสินค้าได้ หากเลือกกระดาษบางเกินไปแล้วสินค้าเป็นของหนักก็จะทำให้กล่องเสียรูปทรง ไม่สามารถคงรูปกล่องไว้ได้ กระดาษหนาเกินไปก็จะมีข้อเสียในเรื่องของต้นทุนการผลิต และการได้ตัวอย่างขนาดเท่าจริงก็ยังใช้ไปเป็นแบบถ่ายภาพเพื่อทำงานโฆษณาต่อได้ด้วย


เจ้าของสินค้าอยากออกแบบกล่อง
หรือ นักออกแบบอยากทำตัวอย่างกล่อง
ติดต่อได้ที่ โทร 0819373130 หรือ
https://line.me/ti/p/vGR_HrU7Cd

ทำที่คั่นหนังสือ

การอ่านหนังสือที่ชอบหรือแม้แต่การอ่านหนังสือเรียนเพื่อเตรียมสอบก็เป็นสิ่งที่ต้องการความต่อเนื่อง หากเราได้อ่านหนังสือที่ชอบที่มาพร้อมกาแฟสักแก้ว ที่นั่งดีๆ แสงสว่างพอเหมาะ เราก็เหมือนได้อยู่ในสวรรค์ มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข และจะต้องการความต่อเนื่อง แต่เมื่อมีธุระหรือจะพักชั่วคราว จะเติมกาแฟ หรือ เข้าห้องน้ำ เราก็ต้องการที่คั่นหนังสือ

IMG_5433

ปกติหนังสือที่ซื้อจากร้าน มักจะได้แถมที่คั่นหนังสือมาด้วย แต่ของแถมก็จะเป็นแค่เศษกระดาษโปรโมชั่น บ้างก็เป็นของแถมจากหนังสือบางเล่มในร้าน ซึ่งมันก็ทำหน้าที่คั่นหนังสือได้ แต่ไม่สวย และดูไม่มีกาลเทศะที่จะให้ใช้เลย และหลายๆครั้งผมก็หาเศษกระดาษใกล้ตัวมาคั่นหนังสือแทน บางครั้งก็หยิบรูปภาพที่อัดเป็นกระดาษเอาไว้มาคั่นหนังสือ การใช้งานที่คั่นหนังสือไม่มีอะไรพิเศษ แค่กระดาษมาวางสอดไว้ แต่มันก็คงดีถ้ามีที่คั่นหนังสือที่เราชอบ หรือ เราทำเอง

ที่คั่นหนังสือจะมีขนาดพอเหมาะสำหรับใช้งานประมาณ 1.25×8 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่ดูแล้วสวยงาม นอกจากจะใช้คั่นแบบปกติแล้วหากจะใช้สอดในหนังสือให้จมหายไปกับเล่มหนังสือ A5 ก็ได้ เพราะหนังสือ A5 จะมีความสูงประมาณ 8.25 นิ้ว นั่งคิดเลือกรูปที่จะนำมาทำ แล้วก็ตัดสินใจว่าจะทำที่คั่นหนังสือที่มีตัวเลขปฏิทินของเดือนปัจจุบันที่ทำที่คั่นหนังสือ ก็เลยไปหาไฟล์ในอินเทอเน็ต ค้นหาคำว่า calendar 2023 vector แล้ว google ก็ส่งลิงค์มาให้ เข้าไปโหลดไฟล์ปฏิทินที่มีแจกฟรี

Screenshot 2566-08-27 at 08.07.28

โหลดไฟล์ตัวเลขปฏิทินชนิด pdf หรือ ai ก็ได้ จากนั้นก็เอาไปวางประกอบกับภาพในโปรแกรม illustrator เพื่อให้ได้อาร์ตเวิร์คที่คั่นหนังสือที่ต้องการ แล้วก็ส่งไปพิมพ์ที่โรงพิมพ์ เลือกกระดาษเนื้อหนามีความสากเล็กน้อย เป็นกระดาษเนื้อปอนด์หนา ปกติกระดาษตัวนี้จะใช้ทำการ์ดแต่งงาน ผมมีเศษกระดาษตัวนี้เหลืออยู่จำนวนมาก ใช้ทำงานตัวอย่างให้ลูกค้า บางทีก็หยิบมาทำตัวอย่างงานอื่น เอามาพิมพ์ภาพถ่ายก็สวย ตอนนี้ก็ใช้ทำที่คั่นหนังสือ

IMG_5458

IMG_20230813_171614_128

เลือกทำที่คั่นหนังสือเป็นปฏิทินเดือนสิงหาคม เพราะเป็นเดือนที่ผมเพิ่งจะเที่ยวทะเลกับครอบครัว และทำที่คั่นหนังสือในเดือนนี้ก็เลยเลือกตัวเลขของเดือนสิงหาคมปีนี้เพื่อให้เป็นที่ระลึกถึงช่วงเวลานี้ ปฏิทินเดือนเดียวก็เป็นปฏิทินได้ เราไม่จำเป็นต้องทำปฏิทินรายปีที่มี 12 เดือนก็ได้ มันเรื่องของเรา

การเลือกที่เก็บภาพ online

การใช้รูปประกอบบทความเป็นสิ่งที่ทำให้บทความน่าอ่าน wordpress สามารถใส่ภาพได้ง่าย และเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในระบบได้  ข้อดีคือทุกอย่างอยู่ในระบบเดียวกัน  แต่ข้อเสียคือ หากเราเขียนอย่างต่อเนื่องหลายปี บทความและรูปจะเยอะมาก และทำให้พื้นที่ใน wordpress เต็มได้ง่าย  เพราะ wordpress แบบฟรี จะมีพื้นที่จำกัด  ส่วนแบบจ่ายเงินก็จะได้พื้นที่เก็บข้อมูลเยอะขึ้น ยิ่งจ่ายต่อปีแพงขึ้นก็ยิ่งได้พื้นที่มากขึ้น  การเขียนบทความที่ยาวนาน มีเนื้อหาจำนวนมาก ภาพประกอบก็จะมากตามไปด้วยทำให้การแบ็คอัพก็จะทำยากขึ้น นานขึ้น

การหาที่เก็บภาพแบบ online แล้วนำไปใช้ใน wordpress จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราประหยัดพื้นที่ใน wordpress ได้ และเรายังคงได้ใช้ความสามารถของระบบเก็บภาพเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้อีกด้วย  อย่างเช่น เราอาจจะมีเว็บไซต์หลายเว็บ และหลายเว็บใช้คลังภาพเดียวกัน  การแยกคลังภาพไปเก็บไว้ต่างหากนอก wordpress ก็เป็นสิ่งที่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานหลายวัตถุประสงค์

Flickr-Logo-700x394

แนะนำการใช้คลังภาพเป็นระบบของ flickr เพราะว่าเป็นระบบการเก็บภาพที่พัฒนามายาวนานมาก  มีการจัดระเบียบ หมวดหมู่  สามารถสั่งให้เรียงลำดับตามวันเวลาที่บันทึกภาพก็ได้ หรือ เรียงลำดับตามวันที่อัพโหลดเข้า flickr ก็ได้  ความยืดหยุ่นในการจัดเรียงไฟล์ภาพทำให้เราสามารถย้อนดู หรือ ย้อนหาภาพที่ต้องการได้เร็วมากหากเราจำเหตุการณ์หรือวันเวลาที่ต้องการย้อนไปดูได้  การหาภาพในคลังของ flickr เราจะใช้เวลาไม่นานเพื่อเข้าถึงภาพนั้น  และ flickr ยังมีความสามารถในการนำภาพออกไปแชร์ได้หลายรูปแบบ  ซึ่งดีกว่า google photo  ดีกว่าเก็บไว้ใน cloud ระบบอื่นๆ  เพราะ cloud ของ flickr ออกแบบให้บริหารจัดการภาพได้ดีกว่ายี่ห้ออื่น

image

การส่งรูปภาพเข้า flickr สามารถทำได้ทีละหลายร้อยรูป และทุกรูปมีความละเอียดสูงเท่าต้นฉบับ  flickr จึงเป็นแหล่งแบ็คอัพหรือคลังเก็บภาพที่ดีมาก  แถมยังสามารถจัดกลุ่มแยกเป็นอัลบั้มได้อิสระ  ตั้งค่าให้แต่ละภาพเป็น private หรือ public ได้ด้วย  ต่อให้เราไม่ทำเว็บไซต์ เราก็ยังสามารถใช้ flickr เป็นที่เก็บภาพบนอินเทอเน็ตได้  ถือว่าเป็นเว็บเก็บภาพที่ทรงพลังมาก  ในตอนที่ผมเริ่มเขียนบทความก็ได้ทดลองใช้ระบบเก็บภาพบางแห่ง และสุดท้ายก็ต้องเลิกใช้ในที่สุดเนื่องจากระบบนั้นปิดตัวเองลง  การเลือก cloud เพื่อเก็บข้อมูลก็จะมีความเสี่ยงอยู่ในเรื่องเหล่านี้  การเลือกระบบที่ชำนาญเรื่องภาพถ่ายและอยู่มายาวนานก็เป็นวิธีคิดที่ถูกต้องที่สุด

External-Harddisk-WD-My-Passport-5TB

แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงต้องมีแบ็คอัพรูปภาพทั้งหมดเอาไว้ในบ้านด้วย  เราควรเลือกใช้ external harddisk สักตัวเพื่อเก็บภาพทุกภาพเอาไว้ถือเป็นช่องทางเก็บอีกระบบหนึ่ง  ความแน่นอนที่สุดที่ไฟล์ภาพจะไม่หายคือการมีภาพนั้นไว้ในฮาร์ดดิสก์และวางฮาร์ดดิสก์ก้อนนั้นไว้ในบ้านและขณะเดียวกันไฟล์นี้ก็ต้องอัพโหลดเข้าไปอยู่ใน cloud ที่ดีด้วย เพื่อให้เราได้ใช้งานในการเขียนบทความและทำเว็บไซต์ สรุปสั้นๆก็คือไฟล์ที่เราอยากเก็บควรมีไว้ทั้งในฝั่ง online และ offline

การเขียน content ให้ต่อเนื่อง 10ปี

การเขียน content ให้ต่อเนื่อง 10ปี  และนำไปสู่การรวมเป็นเล่มหนังสือได้ถ้าอยากทำ

การเขียนเป็นการแสดงความคิดเห็น  เป็นการบันทึกความคิดของเรา บ่งบอกว่าเรามองโลกอย่างไร มีทัศนคติอย่างไรในช่วงเวลาที่เราเขียน

การเขียนบทความที่ดีไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเขียนให้ต่อเนื่องยาวนาน  มีความสม่ำเสมอ จนกลายเป็นคลังความรู้เป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่า   มี 2 ปัจจัยที่จำเป็นคือ ข้อ1 ความหลงใหลในการเขียนต้องมีมากพอ และ ข้อ2 ต้องเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการเขียน

pexels-picjumbocom-210661

เครื่องมือการเขียนที่เหมาะสม ที่จะช่วยให้การเขียนเป็นไปอย่างง่ายดายก็คือ เครื่องมือที่ทำให้เราเขียนได้ง่าย บันทึกได้ง่าย  และถ้าสามารถแสดงผลได้สวยงามบนทุกสายตายิ่งดี  นั่นก็คือเครื่องมือออนไลน์  เพราะคนอ่านจะอ่านได้จากโทรศัพท์มือถือ  คอมพิวเตอร์ แท็บเบล็ต  และการเขียนเป็นดิจิทัลไฟล์ในออนไลน์ยังง่ายต่อการจัดหมวดหมู่ และง่ายต่อการรวบรวมไปทำเป็นเล่มอีกด้วย

การจดบันทึกลงเล่มไดอารี่หรือสมุดในอดีตเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียน  การเขียนจากสิ่งที่สังเกตุเห็น เขียนบันทึกความคิด  เขียนเพื่อตอบคำถาม  ต่างเป็นจุดที่ทำให้เกิดเป็นบทความ  แต่การเขียนบนกระดาษ ก็จะมีข้อจำกัดคือ แก้ไขลำบาก  ลายมือไม่คงที่  และนำไปเผยแพร่ลำบาก  และส่วนมากไม่สวยในเวอร์ชั่นแรกที่เริ่มเขียน

การจดเป็นไฟล์ในคอมพิวเตอร์ ใช้โปรแกรมไมโครซอร์ฟเวิร์ด ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ง่ายขึ้น  เรียบเรียงง่าย  พิมพ์ผิดก็แก้ไขง่าย  แต่ก็จะยังคงเผยแพร่ไม่สะดวก  ส่งให้คนอ่านเป็นร้อยเป็นพันไม่ได้    และหน้าตาก็ยังไม่น่าอ่าน ยังไม่รวมการจัดหมวดหมู่ที่ทำได้ยากอีกด้วย

การจดบันทึกบนระบบออนไลน์เป็นคำตอบที่ดีในปัจจุบัน  เพราะจะทำให้เราสามารถเขียนจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ได้  จะใช้โทรศัพท์มือถือก็ทำได้ถ้าชำนาญ  แต่ก็ต้องคิดถึงระบบหรือแพล็ตฟอร์มที่เราเลือกเขียนด้วย  การเลือกเขียนลงเฟสบุ๊คแม้จะมีพื้นที่การเขียนแบบยาวได้   แต่ก็จะมีข้อเสียก็คือ บทความของเราจะมีความเสี่ยงต่อการสูญหาย  ย้อนกลับไปแก้ไขบทความเก่าลำบากมาก หรือ อาจหาไม่เจอ  ในบางครั้งเราอาจโดนแฮ็คหรือขโมย account  การใช้ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คตัวใดตัวหนึ่งเป็นตัวเก็บข้อมูล จะมีความเสี่ยงต่อการโดนปิด  โดนขโมย  หรืออาจจะทะเลาะกับเจ้าของแพลตฟอร์มแล้วเราถูกปิด 

pexels-canva-studio-3153199

เราจึงควรเขียนบทความลงเว็บไซต์  เพราะเว็บไซต์มีความเป็นอิสระมากกว่า  แต่เมื่อเปิดใช้งานแล้วก็จะปิดยากมาก  เพราะกฏระเบียบทุกอย่างของเว็บไซต์เป็นของเราเอง  เราจะไม่โดนรีพอร์ต จะไม่โดยแจ้งว่าน่ารำคาญ   ต่อให้เราโกหกอะไรไว้ในเว็บของเราก็ไม่มีใครมาสั่งปิดได้  ขอเพียงแค่บทความไม่ผิดกฏหมาย ไม่ละเมิดสิทธิ์ของใคร บทความนั้นก็จะคงกระพัน อยู่บนเว็บไซต์รอคนเข้ามาอ่านแทบจะตลอดไป

การเขียนในเว็บไซต์ แนะนำให้ใช้ระบบของ wordpress เพราะว่าเป็นเครื่องมือการทำ content ที่เหมาะกับการทำเป็นเว็บไซต์  ดังที่เราจะเห็นว่ามีสำนักข่าวจำนวนมากใช้ระบบของ wordpress ในการสร้างช่องทางในออนไลน์ 

การเขียนบทความใน wordpress มีข้อดีดังนี้

1 เขียนจากคอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ได้ที่เชื่อมต่อกับอินเทอเน็ต

2 เขียนจากโทรศัพท์มือถือก็ได้  ถ้าขยันพิมพ์ยาวๆด้วยโทรศัพท์ ก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือเขียนได้

3 เราสามารถเลือกวิธี ส่งอีเมลแล้วไปโผล่เป็น content ใน wordpress ได้

4 wordpress มี theme จำนวนมากให้เลือก ใช้  เลือกหน้าตา เลือกเลย์เอ๊าท์สวยระดับมืออาชีพได้เลย

5 แต่ละโพสท์ที่เขียนใน wordpresss มีตัวนับยอดวิวแยกแต่ละโพสท์เลย  โพสท์ไหนนิยมมากเราจะรู้

6 สามารถจัด category ได้อิสระ  ใส่ tag หรือ keyword ได้ละเอียด  จัดหมวดหมู่อัตโนมัติ

7 หน้าตาสวยงาม คนอื่นเข้ามาอ่านได้จากอินเทอเน็ต ไม่จำกัดแพลตฟอร์ม เหมาะกับเว็บสำนักข่าวและใช้เป็นเว็บรวมรวมความรู้ได้

8 สามารถแบ็คอัพได้ง่ายและสามารถนำไปขึ้นระบบอื่นได้ง่ายเช่นกัน บทความเราไม่ตายแน่นอน

9 สามารถปรับปรุงบทความได้ตลอดเวลา  แม้เวลาหลายเดือนผ่านไปก็ยังกลับไปอัพเดทข้อมูลในบทความเก่าได้

10 การรวมเล่มทำได้ง่าย  หากเรามีบทความยาวเกิน 10 บทความ ก็พร้อมจะทำเป็นเล่มแล้ว

11 ทุกบทความเป็นตัวหนังสือ ทุกคำคือคีย์เวิร์ด บางทีเราไม่ต้องใส่tag กูเกิ้ลก็ยังหาเราเจอ

12 มีการรวบรวมสถิติการเขียนบทความ เห็นอัตราการเจริญเติบโตอย่างเข้าใจง่าย ช่วยให้พัฒนาตัวเองได้

13 มีเครื่องมือที่ทันสมัย  โลก online เราฮิตความสามารถอะไร wordpress จะมีซัพพอร์ต เสมอ

14 บทความใน wordpress สามารถนำไปแชร์ในโซเชียลมีเดียอื่นๆได้ง่าย

แก้วน้ำจากแพนโทน สี 18-4247

IMG_20210622_115817

บริษัทแพนโทนเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญเรื่องสี และธุรกิจหลักในปัจจุบันก็คือการทำสมุดตัวอย่างสีหลากหลายมาตรฐานออกมาขาย ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการผลิตที่ต้องใช้สีสันต่างก็ใช้สีอ้างอิงจากแพนโทน เช่นลูกค้าอยากได้สีน้ำเงินที่ตรงกับแพนโทน 2728C โรงงานผลิตก็จะไปผสมสีแบบนั้นมาผลิตให้โดยเทียบกับสีจากสมุดของแพนโทน ทำให้ได้สีที่ตรงความต้องการของนักออกแบบ การสื่อสารเรื่องสีได้รับการจัดระเบียบให้เข้าใจตรงกัน แพนโทนจึงโด่งดัง และสมุดสีของแพนโทนก็กลายเป็นสินค้าที่ใช้อ้างอิงในการทำงานเกี่ยวกับสี

IMG_4349

โรงพิมพ์เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้สีที่หลากหลายตามคำสั่งผลิตจากลูกค้า เวลาลูกค้าออกแบบสิ่งพิมพ์ เลือกใช้สีในงานพิมพ์ ก็จะมีค่าสีระบุกำกับมาด้วย ค่าสีของแพนโทนในระบบการออกแบบในคอมพิวเตอร์ก็จะมีสารพัดสีให้เลือกใช้ โปรแกรมออกแบบ โปรแกรมจัดหน้าสิ่งพิมพ์ แม้แต่โปรแกรมการทำสไลด์พรีเซ็นเทชั่นก็ยังเลือกสีแพนโทนได้

IMG_4814

แพนโทนเป็นเจ้าของระบบสีหลายชนิด และได้มีการขยายธุรกิจไปสู่การทำสินค้าของที่ระลึกด้วย เราจึงมีแก้วที่คาดด้วยสีแพนโทนใช้ สีสันสวยงาม แม้มันจะเป็นแค่แก้วทั่วไป แต่การที่มันมีสีที่ตรงกับมาตรฐานของแพนโทนก็ทำให้เรารู้สึกเชื่อมั่นในการใช้งานมาตรฐานสีของแพนโทนมายิ่งขึ้น มีแก้วนี้วางอยู่บนโต๊ะประชุม อย่างน้อยลูกค้าก็เชื่อว่าเรารู้จักแพนโทน เข้าใจวิธีการออกแบบและผลิตสีให้ตรงกับความต้องการ

หนังสือการตลาดแบบบอกต่อ

IMG_3651

หลังจากที่ได้รู้จักการขยายธุรกิจด้วยเครื่องมือการตลาดชนิดหนึ่งที่ใช้คำว่า การตลาดแบบบอกต่อ หรือ Referral Marketing  ผมก็เปลี่ยนแปลงความคิดตัวเองไปทีละน้อย  จากเดิมที่เคยออกจากบ้านไปหางาน ไปสู่การแย่งชิง หาลูกค้า ขายของ พยายามทุกอย่างเพื่อที่จะได้งาน  และพบว่า เราได้งานบ้าง ไม่ได้งานบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่กับความรู้สึกตลอดเวลาคือ เราโดดเดี่ยว เหมือนต่อสู้อยู่กับทุกคน

เราเคยออกจากบ้านไปงานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่าด้วยการพกนามบัตรไปเต็มกล่อง คิดว่าจะไปหาลูกค้าจากกลุ่มเพื่อนเก่า  แต่พอไปถึงงานเรากลับรู้สึกอยากพูดคุย ถามไถ่ เราอยากรู้เรื่องราวชีวิตของเพื่อน เราอยากเล่าเรื่องของเราให้เพื่อนฟังบ้าง เราไม่ได้อยากมาขายของ  และตัดสินใจเก็บนามบัตรไว้ ไม่หยิบแจกถ้าไม่มีใครขอ อยู่ในงานเลี้ยงรุ่นด้วยความรู้สึกอยากอยู่กับเพื่อนเก่า อยากนั่งคุยให้นานๆ  ผ่านไปสักสองชั่วโมงก็ค้นพบว่า เราไม่ได้ต้องการเป็นเซลส์ตลอดเวลา เราอยากมีเวลาสนุกสนานกับคนอื่นๆ  เวลาที่ไม่ใช่การของาน  ไม่ใช่การแย่งงาน ไม่ใช่การขอร้องให้เขาซื้อเรา

ความรู้ทางการตลาดแบบบอกต่อ เปลี่ยนให้เรารู้จักกับคำว่าให้  เปลี่ยนประโยคคำถามจากซื้อของเราไหม เป็น ธุรกิจคุณเป็นอย่างไร  เรารู้จักคนอาชีพนี้ เขาจะมีประโยชน์กับคุณไหม  คุณอยากให้เราช่วยอะไรบ้าง  ทุกคำถามไม่ได้ออกมาแบบนกแก้วนกขุนทอง แต่มันค่อยๆหลุดออกจากปากเราในการพูดคุยอย่างมีมารยาทและเชื่อว่าถูกกาลเทศะ  มันดูเหมือนเราเป็นคนผู้กว้างขวาง แต่จริงๆเราก็ยังเป็นคนธรรมดาที่บังเอิญรู้จักคนอีกหลายอาชีพ  และบางอาชีพในแวดวงของเราก็มีประโยชน์กับเพื่อนเก่า  บางคนที่กำลังมีปัญหาบางอย่าง เราก็อาจจะได้แนะนำให้คนที่เรารู้จักอีกกลุ่มหนึ่งมาช่วยเพื่อนเราได้

ยังมีเรื่องราวอีกหลายอย่างที่ได้เรียนรู้ไปกับการทำงานโดยใช้การตลาดแบบบอกต่อ  ได้เรียนรู้การตั้งเป้าหมาย การแบ่งงาน  การทำงานร่วมกันเป็นทีม และที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ไม่เคยได้จากการทำงานตัวคนเดียวก็คือการได้หัดไว้วางใจในตัวเพื่อนร่วมทีม  เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจยาก แต่พอได้สัมผัส ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่เราจะต้องไว้ใจกัน มันเกิดผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม และทำให้เราเรียนรู้ที่จะไว้ใจลูกน้อง  และสุดท้ายมันส่งผลดีต่อบริษัท ส่งผลดีต่อธุรกิจของเราเอง

หนังสือเล่มนี้ค่อยๆเขียนจากประสบการณ์การเป็นคนทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องน่ารู้ประจำสัปดาห์ให้กับเพื่อนร่วมงาน ทุกเรื่องที่ผมเคยเล่าก็จะถูกเรียบเรียงเป็นตัวหนังสือไว้ก่อน  ทำความเข้าใจแล้วค่อยๆเล่าให้เพื่อนฟัง  ตัวหนังสือเหล่านี้เลยถูกรวบรวมอีกครั้งให้เป็นเล่ม  เพื่อใช้ส่งต่อประสบการณ์ของการใช้การตลาดแบบบอกต่อในการทำธุรกิจ 

นอกจากความรู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนในการแก้ปัญหาแล้ว  เรายังได้เรียนรู้ขั้นตอนพิเศษที่หาเรียนได้ยาก นั่นคือการคิดแบบ Growth mindset หรือการมุ่งแสวงหาการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ  หาปัจจัยที่พาธุรกิจของเราให้ก้าวผ่านวิกฤต  การวิเคราะห์หาแนวทางเพื่อเติบโตเป็นสิ่งที่ถูกฝึกฝนให้คิดและทำตลอดเวลา  ผลลัพธ์คือการพัฒนาตัวเอง  ผลลัพธ์ต่อเนื่องคือสร้างการเจริญเติบโตให้กับธุรกิจของเราเองและช่วยให้ธุรกิจของเพื่อนเติบโตไปด้วย 

อีกหนึ่งผลลัพธ์ที่ได้รับจากแหล่งความรู้ในเล่มนี้ก็คือ รู้แล้วอยากออกไปทำงาน  รู้แล้วอยากออกไปแก้ไขสิ่งที่เคยทำไว้ไม่ดีนัก  เป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปจากความรู้ประเภทชี้ช่องรวย อ่านวันนี้พรุ่งนี้สำเร็จ  หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แนวนั้น  เมื่ออ่านจบแล้วเราทุกคนยังคงต้องทำงานหนัก เพื่อพัฒนาคุณภาพงาน พัฒนาธุรกิจของเราเองต่อไป

สำหรับนักอ่าน  ท่านสามารถเลือกอ่านเนื้อหาในเล่มได้ตามสะดวก ไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ จะข้ามไปยังบทที่สนใจเลยก็ได้  เพราะทุกบทเป็นบทที่จบในตัว เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เข้าใจการตลาดแบบบอกต่อและใช้เป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจของท่านได้

หากสนใจต้องการอ่านเป็นเล่ม ฝากชื่อ อีเมล ที่อยู่จัดส่งและเบอร์โทร ไว้ในแบบฟอร์มนี้ครับ

Go back

Your message has been sent

Warning
Warning
Warning
Warning.

รวมเล่มหนังสือจากบทความที่เขียนสะสม

810837

ผมเขียน content ในบล๊อกแห่งนี้มานานเกิน 10 ปีแล้ว และมีเนื้อหาเกี่ยวกับธุรกิจบางส่วนที่เขียนสรุปย่อเอาไว้ให้อ่านพอเข้าใจ เนื้อหาเกี่ยวกับการตลาดแบบบอกต่อ ซึ่งผมก็ใช้เนื้อหานี้ในการบอกเล่าให้กับเพื่อนนักธุรกิจกลุ่มหนึ่งเป็นประจำ ซึ่งพอผ่านมาหลายปี เนื้อหาก็มีหลายสิบตอน ลองเอามารวมแล้วจัดหน้าบนหน้ากระดาษ A5 ได้เกือบ 200หน้า ก็เลยรวมเป็นเล่มไปเลยดีกว่า

ปก การตลาดแบบบอกต่อ_ปกหน้า การตลาดแบบบอกต่อ

ปก การตลาดแบบบอกต่อ_ปกหลัง การตลาดแบบบอกต่อ

เมื่อคิดจะรวมเล่มก็ต้องออกแบบปก เขียนคำนำ สารบัญ ก็ใช้เวลาประมาณ 5 วันในการรวมเนื้อหา เขียนคำนำเพิ่มเติมใช้ความสามารถในการทำ Table of content ของโปรแกรม Microsoft word ช่วยสร้างสารบัญให้ ส่วนออกแบบปกหน้าและปกหลังก็ใช้โปรแกรมจัดหน้า illustrator หยุดยาว 5 วันผ่านไปก็ได้หนังสือมา 1 เล่มที่พร้อมจะแจกจ่ายเป็น e-book ซึ่งตอนนี้กำลังคิดเรื่องหาทางจัดจำหน่ายในระบบของเว็บขายหนังสือด้วย ตั้งใจว่าจะทำเป็นทั้งเวอร์ชั่น E-book และเวอร์ชั่นกระดาษ

810852

ออกแบบนามบัตรใช้เอง อีกแบบ

การเป็นเจ้าของโรงพิมพ์จะต้องทำงานสิ่งพิมพ์ให้ลูกค้าจำนวนมาก งานพิมพ์ที่ทำบ่อยก็คืองานนามบัตร โรงพิมพ์ในยุคปัจจุบันสามารถพิมพ์นามบัตรได้รวดเร็ว เพราะมีเครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัลที่สั่งการด้วยคอมพิวเตอร์ เพียงแค่ส่งไฟล์อาร์ตเวิร์คที่พร้อมพิมพ์เข้าสู่เครื่องพิมพ์ ตั้งค่าเล็กน้อยว่าจะพิมพ์ด้วยกระดาษอะไร แล้วก็สั่งพิมพ์ออกมาได้เลย

IMG_6485

หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีเทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัล งานนามบัตรตัวหนังสือคมชัด สีสวย จะต้องพิมพ์ด้วยระบบการพิมพ์อ๊อพเซ็ท ค่าแม่พิมพ์ ค่าแรงการพิมพ์ เมื่อรวมกันแล้วต้นทุนการพิมพ์งานออกมาจะอยู่ที่ระดับหลายพันบาท นี่เป็นปัญหาของลูกค้าที่จะใช้นามบัตรจำนวนน้อย การมีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลทำให้เราสามารถพิมพ์งานคุณภาพแบบเดียวกับการพิมพ์อ๊อพเซ็ทแต่พิมพ์แค่พอใช้งานหรือเท่าที่ต้องการ ราคาต่อใบก็ไม่แพงมาก นามบัตร 100 ใบ เราไม่ต้องจ่ายเงินระดับหลักพันบาทอีกแล้ว ทำให้การพิมพ์นามบัตรในยุคปัจจุบันจึงเป็นเรื่องที่ราคาไม่แพงและได้งานเร็วมาก

IMG_6481

เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วก็นำมาวางเพื่อถ่ายรูปกันหน่อย นามบัตรออกแบบใหม่ครั้งนี้ทำโลโก้ใหม่ และจัดวางไว้ 2 รูปแบบเนื่องจากยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใช้แบบไหน ก็เลยพิมพ์ทั้ง 2 แบบเลย การถ่ายภาพสิ่งพิมพ์ก็เน้นถ่ายให้เห็นข้อมูลในสิ่งพิมพ์ แบ็คกราวน์ต่างๆในภาพก็เลือกเท่าที่หาได้ และทั้งหมดก็จบงานในรถยนต์ เพราะเลือกใช้เบาะรถยนต์เป็นพื้นหลัง

IMG_6482

งานพิมพ์เร่งด่วน หนังสือที่ระลึกงานศพ

เพื่อนผมมีข่าวร้าย น้องชายเสียชีวิต และจัดงานศพอยู่ต่างจังหวัด เพื่อนผมอยากจะมีหนังสือที่ระลึกแจกให้กับแขกในงาน มีเวลาให้ทำประมาณ 1 วัน พอรู้ว่าจะต้องทำให้เสร็จในเวลาที่จำกัดมากๆ ก็เลยแจ้งกับเพื่อนว่า ผมขอไฟล์หนังสือแบบพร้อมพิมพ์ แล้วก็จะทำหนังสือประมาณ 100-300 เล่ม

IMG_1541

สิ่งที่ทางโรงพิมพ์จะต้องคิดทันทีคือ กระดาษจะสั่งจากโรงงานมาไม่ทันแน่ๆ ต้องใช้กระดาษที่มีสต๊อคอยู่ในโรงพิมพ์ ผมรีบเช็คทันทีว่าหนังสือจะต้องใช้ปกเป็นกระดาษหนา กระดาษ 260g เป็นกระดาษที่นิยมใช้ ส่วนเนื้อในก็มีทางเลือกเป็นกระดาษปอนด์ 70-80g ซึ่งเป็นสเป็คที่นิยมใช้ทำหนังสือ และก็จะมีกระดาษถนอมสายตา 75g ที่นิยมใช้เช่นกัน ผมให้ลูกน้องนับกระดาษทั้งหมดว่า เนื้อในเรามีเท่าไหร่ กระดาษทำปกเรามีเท่าไหร่ แล้วก็เช็คกับไฟล์ข้อมูลของเพื่อนว่า เนื้อในเมื่อทำเป็นหน้าหนังสือแล้วจะมีประมาณกี่หน้า นับหน้า แล้วก็คำนวณออกมา พบว่าเรามีสต๊อคกระดาษพอทำได้ 300 เล่ม

ปก 260g เนื้อใน 40 หน้า เล่มหนังสือประมาณ 5×7 นิ้ว ความหนาของเล่มนี้ก้ำกึ่งมาก ปกติหนังสือจำนวนหน้าไม่มากก็จะเหมาะกับการเย็บแม็กซ์มุงหลังคามากว่าไสกาว 40หน้า หรือ 20 แผ่น อาจจะไสกาวไม่สวย ผมเลยทำตัวอย่างออกมาทั้งสองแบบเพื่อดูว่าเย็บแม็กซ์สวยไหม หรือ ไสกาวสวยไหม กระดาษเกาะตัวกันเป็นเล่มได้ไหมเมื่อไสกาว และพบว่า ไสกาวก็ทำได้ เลยตัดสินใจทำเป็นระบบไสกาว

งานพิมพ์ปกใช้กระดาษ 260g พิมพ์ระบบดิจิทัล เมื่อทำเสร็จแล้วจะตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ เพื่อไปทำเส้นพับด้วยเครื่องปั๊มแล้วรอประกอบเล่ม ส่วนตัวเนื้อใน ใช้กระดาษถนอมสายตา 75g พิมพ์ดิจิทัลขาวดำทั้งเล่ม แต่แทรกหน้าสี 1 หน้าในส่วนที่จะเป็นรูปของเจ้าของเรื่อง เพื่อให้หนังสือเล่มนี้มีภาพเจ้าของหนังสือเป็นภาพทางการซึ่งเป็นภาพสี ผมรู้สึกว่าหนังสือที่มีภาพสีธรรมชาติบางภาพเป็นหนังสือที่มีเสน่ห์มากกว่าสีขาวดำทั้งเล่ม เมื่อพิมพ์เนื้อในแล้วก็ตัดปลิวออกมาเรียงหน้า แล้วก็นำไปประกอบเล่ม เข้าเครื่องไสกาว

การไสกาวเราใช้เครื่องไสกาวสำเร็จรูป เครื่องจะหนีบเนื้อในไปวิ่งผ่านตัวไส แล้วจุ่มกาวในราง แล้วเดินไปประกบกับแผ่นปก งานไสกาวเป็นงานที่ทำด้วยเครื่องเสมอ หลังจากออกจากเครื่องไสกาวแล้วเราต้องรอเวลาประมาณ 30 นาทีเพื่อให้กาวแห้งสนิทแล้วจึงตัดเจียนให้จบเป็นหนังสือ งานนี้ พิมพ์ไป ปั๊ม ไสกาว ทำต่อเนื่องกัน และจบด้วยเครื่องตัด ใช้เวลาผลิตรวมประมาณ 8 ชั่วโมง

ปฏิทินขอบฟ้า 2566

ปฏิทินขอบฟ้าคือปฏิทินที่ทำมาตลอดทุกปี บันทึกตัวตึงประจำบ้าน จากปีแรกที่ทำเล่นๆ ปีถัดมาเป็นของต้องทำ ปีนี้เป็นของที่อาม่ารอคอย เพราะอาม่าเก็บทุกเล่มตั้งแต่เล่มแรก ปีนี้ขอบฟ้าอายุ 10 ขวบแล้ว แต่ละเดือนที่เรียงลำดับเอาไว้ จะใช้รูปของเดือนเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว เพื่อให้รู้ว่าปีที่แล้วเราทำอะไร ไปไหนกันมาบ้าง ปีที่มีโคิวดก็จะมีภาพในบ้านเยอะหน่อย

การพิมพ์สีพิเศษในโรงพิมพ์

pockethifi's avatarthai letterpress printing

การ์ดแต่งงานที่ออกแบบและจัดพิมพ์ด้วยเทคนิคการพิมพ์แบบ letterpress จะใช้แม่พิมพ์โลหะร่วมกับหมึกพิมพ์ หมึกจะถูกทาลงบนแม่พิมพ์ แล้วนำกระดาษการ์ดไปทับเพื่อสัมผัสกับหมึก เราอยากได้สีอะไรบนการ์ด เราก็ใส่หมึกสีนั้นลงไป

เครื่องพิมพ์ระบบคอมพิวเตอร์ อย่างเครื่องพิมพ์อิงค์เจ๊ตที่เราพบเจอตามสำนักงานหรือบ้าน เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้หมึกเหลวประกอบด้วยแม่สี แล้วคอมพิวเตอร์จะประมวลผลว่า หากเราต้องการสีแดงเข้ม คอมพิวเตอร์จะสั่งให้แม่สีปล่อยสีแต่ละสีในสัดส่วนที่ต่างกันเพื่อรวมกันเป็นสีที่ต้องการ วิธีนี้สะดวกได้สีคล้ายๆหน้าจอคอมฯ แต่ไม่เหมือน

การพิมพ์ letterpress แต่ละสีจะได้สีที่เหมือนกับตัวอย่างที่ใช้เป็นใบสั่งให้ช่างผสมสีขึ้นมา เราอยากได้สีอะไร เราก็หยิบสีที่ต้องการไปบอกช่างพิมพ์ว่าให้เอาแม่สี c m y k หรือสีกระป๋องใดๆที่มีอยู่ มาผสมสีกันเพื่อให้ได้สีตามที่ต้องการ คราวนี้ ใบสั่งใบแรก หรือสีตัวอย่างเราจะได้จากไหน วิธีที่สะดวกที่สุดคือ สมุดสี และในอุตสาหกรรมการพิมพ์มีสมุดสีของบริษัท Pantone เป็นสมุดสีที่นิยมใช้กันทั้งโลก

2021-03-27_08-17-57

Pantone ผลิตแค็ตตาล็อกสี แต่ไม่ได้ขายสี สมุดสีตัวอย่างของ Pantone ถูกใช้เป็นตัวอย่างสี ใช้เป็นตัวอ้างอิงในการสั่งงาน มันนิยมมากจนกระทั่งโปรแกรมออกแบบกราฟิคยังมีข้อมูลสีของ Pantone ให้เลือกใช้ ประวัติของการเกิดเป็น Pantone เท่าที่เคยอ่านผ่านตา ก็เกิดจากมีคนงานทำงานย้อมสีผ้า ผสมสีออกมาให้ลูกค้าเลือก แต่แทนที่จะเอากระป๋องสีไปให้ลูกค้าเลือก กลับเอาสีเหล่านั้นมาทาบนกระดาษ แล้วเอากระดาษที่มีสีหลายๆสีไปให้ลูกค้าเลือกแทน ผลการทำแบบนี้ทำให้สะดวกมากในการทำงาน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีตัวอย่างสีที่ทาไปบนกระดาษมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็กลายเป็นสมุดสีนั่นเอง

20210327141331_IMG_0017

การสั่งงานพิมพ์สีให้ตรงกับใจ ก็คือต้องเลือกสีจากสมุดสีว่าสีใดคือสีที่ต้องการ แล้วบอกหมายเลขนั้นกับ
โรงพิมพ์ โรงพิมพ์ก็จะนำสมุดสีหรือค่าสีนั้นมาสั่งงาน แต่สิ่งสำคัญก็คือ ลูกค้า กับ โรงพิมพ์ ต้องมีสมุดสีเล่มเดียวกัน ดังนั้น หากลูกค้าไม่รู้จะเลือกสีอย่างไรเพราะไม่มีสมุดสี ก็ต้องไปที่โรงพิมพ์แล้วไปดูสมุดสีที่โรงพิมพ์ใช้ แล้วเลือกจากเล่มนั้นเลย ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุดในการสื่อสารกับโรงพิมพ์ และวิธีอื่นนอกจากวิธีนี้คือวิธีที่ผิด

Pantone เริ่มแก้ปัญหาการเลือกสีให้กับผู้คนได้แล้ว แต่ก็พัฒนาไปอีกระดับด้วยการผลิตสมุดสีขายมันทั่วโลกเลย ลูกค้าที่อเมริกาจะเลือกสีที่ต้องการแล้วสั่งให้โรงพิมพ์ที่ประเทศไทยพิมพ์ให้ตรงใจ ก็แค่บอกค่าสีมาว่าเป็นสีหมายเลขอะไรบนสมุดสีเล่มไหน และให้ละเอียดที่สุดก็จะต้องบอกปีที่ผลิตของสมุดสีด้วย เช่น สี 1525U บนเล่ม solid coated ปี 2016 จริงๆเราจะใช้สมุดสียี่ห้อ “ไก่กา” ก็ได้ ถ้าอเมริกามีสมุดสียี่ห้อไก่กาขาย แต่มันไม่มี สมุดสีของ Pantone ที่มีขายทั่วโลกจึงเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุดที่จะใช้สื่อสารกับโรงพิมพ์ถึงเฉดสีที่ต้องการ

สมุดสีของ Pantone มีอายุการใช้งาน ทางบริษัทแนะนำว่าให้เปลี่ยนทุกปี เพราะกระดาษมีการซีด สีจะไม่เหมือนเดิม รวมถึงแต่ละปีจะมีสีค่าใหม่ๆเพิ่มเติมเข้าไป คงมีเจตนาดีเรื่องทางเลือกสีที่หลากหลายมากขึ้น แต่เจตนาแฝงที่ไม่ได้บอกไว้อาจจะต้องการขายของใหม่ไปเรื่อยๆ ยกตัวอย่าง สมุดสีชนิด solid coated เล่มเก่าออกปี 2005 มีสีในเล่ม 1114 สี ปี 2015 มี 1867 สี แต่ปี 2019 มีสีในเล่มมากถึง 2161 สี ดังนั้น การเลือกสีจากเล่ม Pantone ต้องบอกปลายทางด้วยว่าคุณเลือกสีจากเล่มไหน ปีไหน

20210327141842_IMG_0024

วิธีการหาของถูกใช้ โรงพิมพ์ที่ทำงานมาหลายปี จะมีเล่ม Pantone เก่าๆอยู่ หากอยากได้ของเก่าราคามือสองก็ไปขอซื้อต่อได้ หาตามเว็บขายของมือสองก็ได้ ebay ก็มีเยอะ แม้จะใช้อ้างอิงเทียบกับเล่มปัจจุบันไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าไม่มีใช้ เล่มเก่าปีเก่าที่มีค่าสี 1 พันสี ก็ทำงานได้เช่นกัน และเราสามารถใช้เล่มเก่าทำงานด้วยวิธีที่ถูกต้องได้ คือการเลือกสีจากสิ่งที่ตาเห็นบนกระดาษ ต่อให้เป็นกระดาษในเล่มเก่าก็ยังเป็นวิธีที่ถูกต้อง เมื่อเลือกสีได้แล้ว ก็ถือเล่มที่เลือกไปสั่งงานโรงพิมพ์นั่นเอง เพราะสีใหม่ โรงพิมพ์ก็ยังไม่มีหรอกครับ…

View original post 3 more words

ปฏิทินเพิ่มพื้นที่โต๊ะทำงาน

ปฏิทินทรงสูง ผอม ใช้พื้นที่วางเล็กน้อย ทำให้โต๊ะทำงานมีที่เหลือมากขึ้น
สั่งผลิต สั่งทำ สั่งซื้อ ได้ที่ วุฒิชัย โทร 0819373130