เครื่องเข้าเล่ม ไสกาว ของเล่นคนชอบทำหนังสือ

การทำหนังสือจะต้องมีการเย็บเล่ม รูปแบบการเย็บเล่มแบบธรรมดาที่สุดคือการเย็บด้วยแม็กซ์ ซึ่งบางคนเรียกว่าเย็บมุงหลังคา อีกรูปแบบหนึ่งที่นิตยสารต่างๆนิยมใช้กันก็คือการไสกาว

การไสกาวเป็นการทำงานที่ต้องอาศัยเครื่องมือเยอะกว่าเครื่องเย็บด้วยแม็กซ์ และเครื่องมือก็ค่อนข้างแพง ถ้าจะทำหนังสือสักพันเล่มก็คงจะต้องลงทุนเครื่องเข้าเล่มไสกาวสักแสนกว่าบาท มันถึงจะทำงานได้ทัน แต่ถ้าจะทำแค่ไม่กี่เล่ม จำพวกหนังสือออนดีมาน หรือโฟโต้บุ๊ค หรือสมุดโน้ตจำนวนน้อยๆ การลงทุนระดับแสนกว่าบาทก็ดูจะเป็นเรื่องที่หนักเกินไป

แต่เดี๋ยวนี้ถือว่าการการทำเล่มไสกาวเป็นเรื่องที่ไม่ยาก และไม่แพงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะมีเครื่องมือราคาย่อมเยาออกมาให้ใช้ มันก็คือเครื่องตัวนี้แหละ สามารถทำเล่มไสกาวได้ทีละหนึ่งเล่ม ใช้เวลาต่อเล่มประมาณ 1-3 นาที ขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้ใช้งาน

การมีเครื่องนี้ใช้งานร่วมกับเครื่องพิมพ์ดิจิทัลทำให้สามารถรับงานหนังสือได้จริง สามารถทำงานจบได้ในที่เดียว ไม่ต้องไปส่งให้ร้านอื่นทำต่อ สามารถควบคุมคุณภาพได้ เร่งเวลาได้ แม้จะช้ากว่าโรงงานเข้าเล่มจริงๆ แต่ถ้าแข่งกันทำ 10 เล่ม ผมว่าเครื่องนี้เสร็จก่อน และงานเรียบร้อยกว่า

ดิจิทัลปริ๊นท์ ตอนที่ 4 ของเสียอีกแล้ว

เหตุการณ์เกิดเมื่อหลายวันก่อน แต่เพิ่งจะว่างที่จะมาโพสท์บันทึกเก็บไว้ เรื่องเป็นดังนี้

หลังจากที่เครื่องพิมพ์ดิจิทัลฟูจิซีร็อกซ์ x700 ตัวนี้ถูกซ่อมต่อเนื่องอยู่หลายสัปดาห์ พอทำงานได้ราบลื่นสักพักใหญ่ๆ ก็เกิดปัญหาแปลกประหลาดขึ้น คือมีการดูดกระดาษเข้าไปในเครื่องแบบเป็นปึก แล้วกระดาษก็ไปติดคาอยู่ในหน่วยทำความร้อน ตัวทำความร้อนมีชื่อเรียกว่าอะไรผมก็จำไม่ได้

ผมแปลกใจว่าทำไมมันถึงดูดกระดาษทีละตั้งหลายใบ มีลูกกลิ้งตัวไหนที่เสียหรือเปล่าก็ไม่รู้ และที่สำคัญ มันทำให้ตัวทำความร้อนใช้งานต่อไม่ได้ เครื่องทำงานไม่ได้ ผมยกออกมาวางนอกเครื่องแล้วพยายามดึงกระดาษออก แต่ดึงไม่ออก เลยต้องถอดวางไว้อย่างนี้ จากนั้นก็โทรเข้าหาศูนย์เพื่อแจ้งซ่อม และเบิกอะไหล่ ผมโทรแจ้งเหตุประมาณช่วงบ่ายวันที่ 2 กันยายน 2553 หลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมงช่างก็โทรเข้ามาเพื่อบอกกับผมว่า อะไหล่ชิ้นนี้ยังเบิกไม่ได้ เพราะของยังไม่พร้อมให้เบิก อยู่ในขั้นตอนขนส่งอยู่ ยังมาไม่ถึงโกดัง ผมก็รับทราบ สรุปว่าอะไหล่ไม่สามารถมาส่งผมได้ในวันรุ่งขึ้นแน่นอน ช่างบอกว่าน่าจะประมาณวันจันทร์ หรือ อังคาร จึงจะได้ ผมไม่มีทางเลือกอื่น

ผมยังโชคดีที่มีสต๊อกตัวทำความร้อนตัวใหม่อยู่กับตัว 1 ชิ้น แต่ผมก็รู้สึกไม่ดีเลย ที่ผมเบิกอะไหล่ไม่ได้ ถ้าผมไม่สต๊อกของเอาไว้ก่อน เครื่องก็ทำงานไม่ได้ต้องรอถึงวันจันทร์เชียวนะ และวันนี้ วันพฤหัส ผ่านมาแล้วหกวัน ผมยังไม่ได้อะไหล่ชิ้นที่ขอเบิกเลย

เมื่อวันอังคาร มีอาการเครื่องทำกระดาษยับ ผมก็เลยโทรเรียกช่างอีกครั้ง คราวนี้่ช่างมาเพื่อเปลี่ยนลูกกลิ้งบางตัว ช่างบอกว่า ลูกกลิ้งหมดอายุ มันก็เลยทำกระดาษยับ ก็ได้เรียนรู้อีกหนึ่งเรื่องว่าลูกกลิ้งต้องเปลี่ยนตามอายุ ซ่อมเสร็จช่างก็ช่วยซ่อมตัวทำความร้อนที่กระดาษติดคาอยู่ ถอดน็อตบางตัวแล้วก็เอากระดาษออก แล้วก็ให้ผมเก็บไว้ใช้สำรอง ตอนนี้ผมมีตัวจริง มีตัวสำรองที่สภาพยังไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี เพราะเพิ่งแงะกระดาษออกมา ส่วนตัวอะไหล่ที่เบิกก็ยังไม่มีการส่งมา

บางทีทางศูนย์อาจจะถือว่ามีช่างมาแงะกระดาษซ่อมให้ผมแล้ว เลยไม่ได้ส่งอะไหล่มาให้ผมก็ได้ เบิกของแล้วไม่ได้ของ เป็นเรื่องแย่ๆอีกเรื่องหนึ่งที่ควรแก้ไข จะไม่ส่งอะไหล่ก็น่าจะแจ้งให้รับทราบ จะช้าจะต้องรอก็น่าจะแจ้งให้ทราบ เพราะมันผ่านวันจันทร์ที่นัดไปแล้ว

ช่วงนี้ผมยังทำงานพิมพ์ดิจิทัลได้อยู่ แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจในสภาพเครื่องซักเท่าไหร่ เพราะอยู่ดีๆกระดาษก็ติดเป็นปึกๆ ผมมีงานพิมพ์ดิจิทัลอีกเกือบหมื่นใบพิมพ์ในช่วงสองสามวันนี้ ผมลุ้นเหลือเกินว่ามันจะเกิดปัญหาหรือไม่ งานดิจิทัลที่ช้าไม่เป็นไปตามนัด มันเสียชื่อเสียง เสียเครดิต เสียลูกค้า แต่เรื่องพวกนี้ ฟูจิซีร็อกซือาจจะไม่ได้คิด หรือไม่ก็ ลืมที่จะใส่ใจ

ถ่ายภาพสินค้าตัวอย่างเอาไปทำอาร์ตเวิร์ค

ผมกำลังทำงานโปรโมทหน่วยงานแห่งหนึ่งอยู่ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโรงพิมพ์เป็นหลัก จำเป็นต้องถ่ายรูปตัวอย่างงานที่เป็นบรรจุภัณฑ์หลายรูปแบบ ทางผู้สนับสนุนข้อมูลได้ให้ตัวอย่างบรรจุภัณฑ์มาให้ผมเอาไว้ใช้ประกอบการทำเอกสาร ก็เลยจำเป็นต้องถ่ายรูปเก็บไว้

เท่าที่ดูของมาเป็นกล่องใหญ่สองใบ แต่ละใบมีกล่องเล็กกล่องน้อยอยู่เต็มไปหมด ผมเห็นกล่องที่ขนมาแล้วก็ไม่อยากนับว่ามีอยู่เท่าไหร่ และก็เลื่อนวันที่จะถ่ายภาพทั้งหมดไปเรื่อยๆเพราะว่าติดธุระอย่างอื่นอยู่หลายอย่าง

ผมประเมินคร่าวๆแล้วว่างานนี้ต้องถ่ายภาพเยอะ และก็เป็นการถ่ายภาพแบบไม่มีค่าตัวเสียด้วย ก็เลยเลือกที่จะถ่ายแบบง่ายที่สุดและใช้เวลาให้น้อยที่สุด และใช้เวลาในวันหยุดสักช่วงหนึ่งถ่ายเก็บทั้งหมด ก็เลยเป็นวันนี้ วันเลือกตั้ง สก. สข. ผมไปหย่อนบัตรเลือกตั้งเสร็จแล้วก็มาเตรียมของที่จะถ่ายภาพ

ผมเซ็ทอัพกล่องและไฟสำหรับถ่ายภาพในแบบที่คุ้นเคย ผมแฟลชดวงเดียวสำหรับการถ่ายภาพครั้งนี้ โดยจัดให้ไฟส่องจากด้านข้างกล่อง ให้ฝาบนและฝาข้างของกล่องได้รับแสงจากแฟลชไปพร้อมๆกัน ซึ่งจะให้ผลของภาพค่อนข้างสวยในสายตาของผม คือแสงที่ตกกระทบวัตถุจะมีน้ำหนักบนและข้างไม่เท่ากัน ส่งผลให้ภาพดูมีมิติตื้นลึก

ผมใช้แฟลชนิคอน sb-25 ต่อกับตัวรับสัญญาณแฟลชแบบคลื่นวิทยุ หรือ ทริกเกอร์ เปิดกำลังไฟเพียง 1/8 ของกำลังไฟทั้งหมดเพื่อให้แฟลชสามารถยิงแสงได้ต่อเนื่องหลายครั้ง ถ้ายิงเต็มกำลังทั้งหมด พอยิงไปแล้วจะต้องรอชาร์จไฟจนเต็ม ซึ่งมันใช้เวลาหลายวินาที มันจะทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง เพราะว่าช่างภาพมักจะกดถ่ายภาพค่อนข้างถี่ บางครั้งการรอให้ชาร์จไฟอีกเพียงห้าวินาทีก็ทำให้เสียอารมณ์การทำงานได้

กล้อง eos5d เลนส์ tamron 28-75 ค่ารูรับแสง f8 iso400 เมื่อได้แสงที่ถูกใจก็เริ่มถ่ายจริง ผมทำงานคนเดียว หยิบเอง วางเอง ถ่ายเอง เก็บของเอง ด้วยความที่ไม่อยากจะใช้เวลามากเกินไป ผมเลยเร่งการทำงานแบบค่อนข้างเร็ว ของมีอยู่กี่ชิ้นไม่ได้นับ แต่ภาพที่กดถ่ายออกมาได้มีอยู่ 298 ภาพ ซึ่งผมใช้เวลาทั้งหมดตั้งแต่ภาพแรกจนถึงภาพสุดท้้ายไปทั้งหมด 85 นาที แล้วใช้เวลาเก็บของอีกประมาณสามสิบนาที

ดิจิทัลปริ๊นท์ ตอนที่ 3 เรื่องแย่ๆก็มี

ผมเริ่มเจอปัญหาแล้ว

สองเดือนที่ผ่านมาเครื่องพิมพ์มีปัญหาค่อนข้างเยอะ ผมโทรตามช่่างมาดู มาซ่อมหลายครั้ง การซ่อมแต่ละครั้งไม่สามารถทำให้หายขาดได้ อาการก็คือ ภาพขึ้นไม่สม่ำเสมอ บางส่วนของภาพสีอ่อนทั้งๆที่ข้อมูลสีเป็นแบบเดียวกัน อาการแบบนี้ทำให้งานพิมพ์นามบัตรหรือป้ายสินค้าที่ลงไว้หลายๆตัวในหน้ากระดาษ บางตัวจะสีเข้ม บางตัวจะสีอ่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เครื่องพิมพ์ตัวละพันบาทก็ต้องไม่มีปัญหาแบบนี้ แต่นี่เครื่องละเป็นล้าน ถ้ามีก็แย่แล้ว

ตัวอย่างงานที่เป็นปัญหา เป็นงานป้ายสินค้าสีส้ม ซึ่งในกระดาษใบใหญ่จะมีป้ายตัวเล็กๆวางอยู่ประมาณ 20 ชิ้น ชิ้นที่อยู่ด้านบนจะสีอ่อนกว่าชิ้นที่อยู่ด้านล่างของกระดาษ ผมตัดชิ้นด้านล่างออกมาแล้วเอาไปวางทาบกับชิ้นบนเพื่อให้เห็นว่า สีมันต่างกัน

ช่างหลายคนที่วนเวียนเข้ามาดูตลอดสองเดือนไม่มีใครวิเคราะห์อาการแล้วซ่อมให้หายขาดได้เลย มีแต่พยายามปรับแต่งทำให้สีดูแตกต่างน้อยลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ต้องการ ผมเจอหน้าช่างประมาณไม่ต่ำกว่าห้ารอบภายในเวลาแค่สองอาทิตย์ คำสัญญาที่ Fujixerox ได้เคยให้ไว้ว่าจะมาถึงเครื่องหลังจากแจ้งซ่อมไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็ไม่เป็นจริง หลายครั้งที่มาได้จริง แต่ก็มีหลายครั้งที่มาไม่ได้ มาไม่ทัน มันแย่ตรงที่ว่าผมรักษาสัญญาด้วยการจ่ายเงินตรงไปตรงมาครบทุกเดือน แต่ผมไม่ได้รับการปฏฺิบัติตามสัญญากลับคืนมา ข้อนี้ถือว่าสอบไม่ผ่าน ถ้าผมมีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ ผมไปจากคุณแน่นอน

อาการเสียซ่อมไม่หายขาด เป็นๆหายๆ ผมยืนดูช่างมาซ่อมแต่ละคนแล้วไม่เข้าใจนโยบายบริษัทเลย ถ้าชิ้นส่วนเครื่องมันเสื่อมแล้วความสามารถมันตก ก็เปลี่ยนอะไหล่ให้ผมก็จบเรื่อง ยกทั้งเครื่องมาเปลี่ยนให้ผมไปเลยก็ได้ เอาตัวเก่าไปซ่อมให้ชัวร์แล้วค่อยมายกเปลี่ยนคืนก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น ปีหนึ่งๆ Fujixerox ขายเครื่องรุ่นนี้ได้เป็นร้อยตัว ผมไม่เชื่อว่าจะไม่มีอะไหล่ให้ผม แต่ถ้าไม่มีอะไหล่ให้เปลี่ยนจริงๆ(เครื่องสำรอง) ก็ถือว่าเป็นนโยบายที่แย่มาก

ธุรกิจสิ่งพิมพ์ดิจิทัลคือการพิมพ์ตามสั่ง คำศัพท์ Print on demand เป็นถ้อยคำที่ Fujixerox โปรโมทมาตลอดเวลา อุตส่าห์เชื้อเชิญ แนะนำ ว่าธุรกิจสิ่งพิมพ์มันต้องเป็นดิจิทัล ต้องรวดเร็ว ถึงจะเสริมสร้างธุรกิจของลูกค้าได้ ผมก็เห็นด้วยเลยลงทุนกับดิจิทัล แต่วันที่มันมีปัญหา Fujixerox กลับเพิกเฉยไม่กระตือรือร้นที่จะทำให้เครื่องพิมพ์ของผมซึ่งยังอยู่ในสัญญารับประกันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมทำงาน ในบางวัน print on demand ในโรงพิมพ์ของผม มันกลายเป็นคำว่า Print on demand but wait for service tomorow

ผมมีภาระต้องผ่อนค่าเครื่องวันละเกือบสามพันบาท การที่เครื่องทำงานไม่ได้ ไม่ว่าจะกี่วัน กี่ชั่วโมง หรือกี่นาทีเป็นความเสียหายที่ผมไม่สามารถไปเรียกร้องเอาจากใครได้เลย บริษัทใส่ใจผมน้อยเกินไป ถ้าผมได้รับเช็คคืนเงินชั่วโมงละสามร้อยบาทที่เครื่องทำงานไม่ได้ หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ผมจะไม่ว่าอะไรเลย

ตอนนี้เครื่องได้รับการซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใหญ่ๆไปแล้ว มันอยู่ในสภาพเกือบ 100% ช่างทีมสุดท้ายที่มาซ่อมให้ผมอธิบายเรื่องอะไหล่ที่หมดอายุ “มันหมดอายุครับ” พูดแค่นี้ผมเข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมไม่เปลี่ยนสิ่งที่มันหมดอายุไปตั้งแต่แรก ทำไมต้องรอให้มันสร้างปัญหาซ้ำซาก วิ่งเข้ามาดูกันห้ารอบแล้วยังไม่สำนึกว่าชิ้นส่วนมันหมดอายุ

เครื่องพิมพ์ดิจิทัลมันช่วยในธุรกิจโรงพิมพ์ได้จริง แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็คาดหวังกับการบริการที่ดีที่สุด เพราะผมจ่ายแพง มันแพงกว่าเครื่องพิมพ์อ็อพเซ็ททั่วไปอย่างเทียบกันไม่ได้ ถ้าคุณจ่ายเงินสามล้านให้กับเครื่องพิมพ์อ็อพเซ็ท คุณสามารถใช้มันไปได้ยี่สิบปีเป็นอย่างต่ำ และถ้ายี่สิบปีผ่านไปแล้วคุณขายต่อ คุณก็น่าจะได้เงินหลายแสน หรือเป็นล้านบาทคืนกลับมา แต่เครื่องพิมพ์ดิจิทัล ถ้าครบห้าปีตามสัญญาบริการ ราคาที่คุณจะขายคืนหรือขายต่อก็คือการชั่งกิโลขาย ผมคิดว่าซาเล้งน่าจะให้คุณสักกิโลละสองบาท เครื่องพิมพ์ทั้งตัวน่าจะได้สักหนึ่งพันบาท มันแย่ยิ่งกว่าเศษกระดาษในโรงพิมพ์เสียอีก เพราะเศษกระดาษเขาขายกันกิโลละสี่บาท

พิมพ์เร็วด่วนได้ และโปรแกรมจัดหน้าชื่อ Pages

ในวันที่ 1 กันยายนที่จะถึงนี้ จะมีงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการหน่วยปฏิบัติการออกแบบและวิจัยการออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ เป็นหน่วยย่อยหน่วยหนึ่งในศูนย์นวัตกรรมอาหาร ซึ่งเป็นโปรเจ็คใหญ่ของคณะวิทยาศาสตร์และเภสัชศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผมกับเพื่อนอีกคนช่วยกันจัดงานแถลงข่าวของโครงการผลิตบรรจุภัณฑ์นี้

เอกสารค่อนข้างด่วน แก้ไขรายวัน ทุกอย่างต้องปรับเปลี่ยน ส่งตรวจ แก้ไขกลับไปกลับมาหลายรอบ บัตรเชิญถูกพิมพ์ไปแล้ว 3 เวอร์ชั่น แต่ละเวอร์ชั่นมีอายุ 1 วัน เวอร์ชั่นล่าสุดคาดว่าจะไม่ต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว เพราะมันใกล้ถึงวันแถลงข่าวเหลือเกิน

ด้วยความเร่งรีบ และต้องการบัตรเชิญจำนวนน้อย การพิมพ์ที่เหมาะสมกับงานนี้ก็หนีไม่พ้นระบบดิจิทัล ซึ่งมันเป็นลักษณะที่ตรงกับคอนเซ็พท์ Print on Demand หรือ พิมพ์ด่วน เอาจำนวนแค่เท่าที่พอใช้ ระบบดิจิทัลนี้มีจุดเด่นก็คือ ทำจำนวนน้อยได้ คุณภาพใกล้เคียงงานพิมพ์อ็อพเซ็ทสี่สี สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้บ่อยเท่าที่ต้องการ(ถ้าไม่กลัวคนทำอาร์ตเวิร์คด่าลับหลัง) ผมพิมพ์การ์ดเชิญทุกวัน วันละยี่สิบชุดบ้าง ห้าสิบชุดบ้าง วันนี้รอบที่สามผมพิมพ์ไป 100 ชุด การ์ดเชิญงานนี้ถ้าถูกนำมาแสดงโชว์ในงานจะมีรูปแบบที่หลากหลายมาก (ไม่ได้ตั้งใจ)

ยังคงมีเอกสารอื่นๆอีกสองตัวที่จำเป็นต้องจัดเตรียมแบบเร่งรีบไม่แพ้กัน นั่นก็คือแผ่นพับอีกสองรูปแบบ แต่ละรูปแบบก็ปรับเปลี่ยนแก้ไขมาหลายรอบ

เอกสารด้านบนนี้เป็นเอกสารตัวแรก จำนวน 8 หน้า ทีแรกจะทำ 200 ชุด ผมคิดไว้ในใจแล้วว่าจะทำเป็นระบบดิจิทัลเช่นกัน แต่คุยไปคุยมา เจ้าของงานบอกว่าจะเก็บไว้ใช้งานอื่นด้วย เลยต้องเพ่ิมจำนวนพิมพ์เข้าไปเป็น 500 ชุด ด้วยปริมาณพิมพ์เท่านี้จะเริ่มไม่เหมาะกับระบบดิจิทัลเสียแล้ว เพราะต้นทุนดิจิทัลต่อเล่มจะแพงเกินไป สุดท้ายงานนี้ก็เลยต้องไปพิมพ์ด้วยเพลท แต่ก็ต้องแลกกับเวลาทำงานที่นานขึ้น เอกสารตัวนี้ถ้าไม่สรุปในวันพรุ่งนี้ (อีก 24 ชั่วโมงหลังจากโพสท์นี้) ก็จะไม่ทันใช้งานในวันที่ 1 เดือนหน้า

เอกสารอีกตัวหนึ่งที่เพิ่งได้ข้อมูลมาเมื่อเช้า และป่านนี้(ดึกมาก) ก็ยังส่งข้อมูลมาไม่ครบ ผมเลยทำอาร์ตเวิร์คเท่าที่ทำได้ออกมาให้ตรวจเสียก่อน ก็ได้รูปแบบงานพิมพ์ออกมาตามภาพต่อไปนี้

ภาพนี้คือหน้าปก ผมให้ลูกน้องออกแบบชื่อและจัดวางตัวหนังสือของชื่อให้ ภาพประกอบผมถ่ายเองเมื่อตอนเดือนกุมภาพันธ์ต้นปีนี้ ซึ่งตอนถ่ายภาพก็ไม่คิดว่าจะได้หยิบใช้จริงๆ แต่ก็่ถ่ายเก็บไว้เป็นสต๊อกภาพ ถ่ายด้วยกล้องดิจิทัลราคาถูกมากๆตัวหนึ่งของโกดัก ถ้าผมจำไม่ผิดมันจะเป็นรุ่น c140 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ราคาขายสองพันกลางๆ ผมชอบกล้องตัวนี้เพราะมันราคาถูก มันโฟกัสภาพได้ชัด มันใช้ถ่ายไฟฉายขนาด AA ซึ่งหาซื้อได้ง่าย และมันใช้หน่วยความจำ SD ซึ่งราคาถูกมาก

หน้าอื่นๆของเอกสารก็ค่อยๆทะยอยทำออกมา ดูรูปแบบเหล่านี้แล้วบอกได้เลยว่าผมไม่สามารถทำเองได้เลยในโปรแกรมจัดหน้ายอดนิยมอย่าง indesign ซึ่งเป็นเครื่องมือของคนทำนิตยสารส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ถึงหากพยายามจะทำก็อาจจะพอได้ แต่คงใช้เวลาหลายชั่วโมงอย่างมาก ความง่ายและเร็วเหล่านี้เป็นผลมาจากโปรแกรมจัดพิมพ์เอกสารชื่อ Pages ซึ่งเป็นโปรแกรมจัดหน้าประเภทหนึ่งที่ apple เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา โปรแกรมนี้ทำงานบนความเรียบง่าย และหลักการง่ายๆ อะไรที่ควรจะง่ายมันก็ออกแบบให้ง่ายอย่างแท้จริง มันทำให้ผมสร้างเอกสารสวยๆได้ในเวลาที่สั้นอย่างไม่น่าเชื่อ

การเอาตัวรอดจากโปรเจ็คนี้ผมยังคิดไม่ออกว่าผมจะทำได้อย่างไรถ้าไม่ได้โปรแกรมจัดหน้าตัวนี้ และถ้าผมไม่มีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลของตัวเอง ผมอาจจะทำไม่ทันก็ได้ การมีเครื่องดิจิทัลให้ใช้งานทำให้ผมสามารถทำสิ่งที่ไม่เคยทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับงานด่วนแล้วพิมพ์ออกมาในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หรือการพิมพ์บางส่วนไปใช้งานเบื้องต้นก่อนด้วยดิจิทัลแล้วค่อยไปผลิตแบบจำนวนเยอะด้วยเครื่องพิมพ์อ็อพเซ็ท การมีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลในครอบครองช่วยให้ธุรกิจงานพิมพ์สามารถขยายตัวไปอยู่ในส่วนที่โรงพิมพ์ที่ใช้เครื่องจักรยุคเก่าไม่สามารถทำได้ มันเป็นข้อดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นในโรงพิมพ์สมัยเก่า ผมคิดว่าการปรับตัวมาใช้เครื่องพิมพ์ดิจิทัลเป็นการขยับตัวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมสำหรับตัวผมเอง และเชื่อว่าบริการพิมพ์เร็วด่วนได้แบบนี้คือคำตอบของการทำธุรกิจสิ่งพิมพ์ในยุคต่อจากนี้ไป

ถ่ายภาพสตรอเบอรี่

ลูกค้าให้ทำงานติดสติ๊กเกอร์บนถังไอติม โดยจะเอาภาพสตรอเบอรี่เป็นหลัก และลูกค้าก็ได้หาภาพสตรอเบอรี่จากอินเทอเน็ตมาให้แล้ว แต่ละภาพก็เล็กเกินไป ไม่สามารถจะเอามาขยายเพื่อติดตั้งได้เลย ผมเลยเสนอว่าให้ถ่ายภาพใหม่ดีกว่า ให้เขาซื้อสตรอเบอรี่มาแล้วเดี๋ยวผมถ่ายให้ใหม่ ไม่คิดค่าถ่ายภาพ

คุยกันตอนเช้า ตอนบ่ายสตรอเบอรี่ก็มาถึงผมแล้ว แต่กว่าจะได้ถ่ายภาพจริงๆก็หลุดไปถึงช่วงเย็นเพราะตลอดวันงานยุ่งมาก ไม่สามารถเจียดเวลามาถ่ายภาพได้เลย ตอนเย็นๆค่ำๆหลังจากหมดธุระที่จะต้องพูดคุยกับลูกค้าแต่ละรายแล้ว ก็เริ่มถ่ายภาพ

การถ่ายภาพให้ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แต่ผมก็เลือกที่จะทำด้วยเหตุผลสองข้อ ข้อแรกคือลูกค้าคนนี้คือลูกค้าประจำ ปีหนึ่งๆเขาจ่ายเงินค่าสิ่งพิมพ์ให้ผมเป็นแสนบาท ผมบริการเขาแค่นี้เรื่องเล็กน้อยมาก อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ผมมีโอกาสได้ถ่ายภาพสต๊อกเก็บไว้ ภาพสตรอเบอรี่ไม่ถูกใช้งานแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแน่นอน จะเอาไปทำโปสการ์ดยังได้เลย

ก็เลยเป็นที่มาของภาพชุดนี้ ผมใช้เวลาถ่ายไม่นาน ตั้งกล่องไฟ ตั้งแฟลชด้วยความคุ้นเคย ตั้งแต่เริ่มหยิบอุปกรณ์จนถึงนาทีที่กดชัตเตอร์ผมใช้เวลาไม่เกินห้านาที แล้วก็ใช้เวลานั่งมองนั่งคิดอีกครึ่งชั่วโมง

มีการเปลี่ยนองค์ประกอบและเปลี่ยนค่าแสงบ้างเพื่อให้สีสันมันแตกต่างกันออกไป บางภาพผมตั้งใจเอาไปทำโปสการ์ด บางภาพตั้งใจเอาไว้ใช้โอกาสอื่นๆ แต่ภาพที่จะใช้กับงานปัจจุบันนี้ ยังเลือกไม่ได้เลย

โน้ตบุ๊คเสียอีกแล้ว คราวนี้เขาว่าเป็นที่ฮาร์ดดิสก์

โน้ตบุ๊คของ apple รุ่น macbook pro ความเร็ว 2.2GHz เป็นโน้ตบุ๊คประจำตัว ใช้งานมาแล้วสองปี ห้าเดือน ซื้อประกันเพิ่มเป็นสามปี เคยส่งซ่อมมาแล้วสามครั้ง ครั้งแรกซ่อมแบตเตอรี่ได้เปลี่ยนตัวใหม่มาเลย ครั้งที่สองซ่อมเมนบอร์ดเพราะว่าเปิดไม่ติด ครั้งที่สามซ่อมแบตเตอรี่อีกครั้ง ได้เปลี่ยนตัวใหม่มาอีกเช่นกัน

รอบนี้ ใช้งานอยู่ดีๆก็มีอาการเครื่องแฮงค์ คือไม่ตอบสนอง ต้องกดปุ่มปิดสถานเดียว แล้วเปิดใหม่ก็ไม่สามารถบูทเข้าไปใช้งานได้ ได้เห็นแค่หน้าจอสว่างขึ้น แต่ไม่มีข้อมูลอะไรเคลื่อนไหวเลย พยายามจะบู๊ทเครื่องด้วยแผ่นซีดีก็ไม่สามารถทำได้ เลยยกเข้าไปส่งซ่อมที่ศูนย์ MCC หรือ Macintosh Center ที่ห้างฟอร์จูน

ส่งซ่อมรอตรวจเช็ค พนักงานแจ้งว่าฮาร์ดดิสก์เสีย พอถอดของเสียออกก็ใช้งานได้ ผมต้องเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ใหม่ เลยจัดการเอาตัวเก่าที่เคยได้รับมาพร้อมเครื่องขนาด 120g กลับไปใส่แทน แล้วเอาตัวที่เสียซึ่งผมเปลี่ยนเอง 320g ออกมาเพื่อส่งเคลมอีกยี่ห้อหนึ่ง เพราะ apple รับประกันเฉพาะชิ้นส่วนที่มาพร้อมเครื่อง สิ่งที่เปลี่ยนเอง สิ่งที่เพิ่มเอง ต้องไปแยกเคลมตามบริษัทที่ซื้อมา

เสียอารมณ์นิดหน่อยที่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องของเสีย เวลา 1 ชั่วโมงที่รอช่างตรวจสอบอยู่ก็แวะไปเดินเล่นที่ร้านขายคอมพิวเตอร์ apple แล้วก็ไปดูราคาเครื่องใหม่ โน้ตบุ๊คที่ถูกที่สุดราคา 34900 บาท ตัวเครื่องเป็นพลาสติกสีขาวดูสวยดี แต่ไม่กล้าซื้อเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าใช้ไปนานๆแล้วพลาสติกจะแตก

ไปดูอีกรุ่นที่แพงขึ้น ราคา 40900 บาท macbook pro ตัวนี้เป็นจอ 13 นิ้ว ของเดิมผมใช้จอ 15 นิ้ว รุ่นใหม่จอเล็ก ราคาถูกลง ความสามารถเครื่องเร็วขึ้น แต่การเชื่อมต่อและพอร์ตต่างๆจะน้อยกว่ารุ่น 15 นิ้ว รุ่น 13 นิ้วนี้เป็นตัวที่น่าซื้อเพราะราคาถูกมากแล้วเมื่อเทียบกับของเก่า แต่ผมก็ยังรู้สึกอยากได้เครื่องใหญ่กว่าอยู่ดี เลยดูไปที่รุ่นจอ 15 นิ้ว มันราคา 61900 บาท ตัวนี้อยากได้ แต่เงินไม่พอ ซื้อไม่ไหว ทนซ่อมทนใช้ของเก่าไปก่อนดีกว่า

งานที่อยู่ในฮาร์ดดิสก์ที่เสียมีบางงานที่ยังไม่ได้แบ็คอัพไว้ คาดว่าจะเสียรูปถ่ายไปประมาณ 1-2 งาน และข้อมูลลูกค้าบางส่วนที่เสียแน่ๆ แต่ว่ายังพอไปขอก็อปปี้จากลูกค้าได้ ถือว่าการเสียหายครั้งนี้ไม่สร้างผลเสียมากนัก แต่ก็ทำให้หงุดหงิดพอสมควร หงุดหงิดตรงที่ว่าเครื่องมือทำมาหากินมันเสียแล้วทำให้เราทำงานต่อไม่ได้ แต่การจะสำรองโน้ตบุ๊คไว้สองเครื่องเผื่อเสียมันก็ดูจะเกินความจำเป็นไป

ทำไมถึงไม่คิดจะหาเครื่องสำรองสำหรับงานคอมพิวเตอร์กันหนอ กล้องยังมีสำรองเลย คอมพิวเตอร์สำรองตัวละสี่หมื่นมันก็ราคาพอๆกับกล้องถ่ายรูป คิดได้แต่ก็ยังไม่รู้สึกอยากทำ

รีวิวเก้าอี้ aeron chair ของ herman miller เก้าอี้เพื่อคนนั่งนาน

ช่วงห้าปีหลังมานี้ผมมีปัญหากับอาการปวดหลัง บางครั้งปวดรุนแรงถึงกับงอตัวไม่ได้ ตอนที่ปวดมากๆ ไม่สามารถออกแรงพยุงตัวเองออกจากรถยนต์ได้เลย เพราะท่าลุกออกจากรถยนต์มันใช้กล้ามเนื้อหลังเป็นหลัก อาการปวดหลังจะเป็นอยู่นานๆที แต่มันก็เป็นบ่อยจนผมจำ จำว่าผมเป็นคนมีหลังไม่แข็งแรง

เคยไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นกระดูกทับเส้นประสาท แฟนบอกกระดูกสันหลังของผมอาจจะคด แอบคิดไปเองว่าท่านั่งทำงานของผมคงมีปัญหา คงต้องพยายามเปลี่ยนเก้าอี้ที่นั่งทำงาน เพื่อให้สภาพหลังและก้นดีขึ้น

aeron1

แล้วก็ได้มารู้จักเก้าอี้ยี่ห้อ herman miller ซึ่งยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้ออะไรมาจากไหนผมก็ไม่เคยรู้ ถ้าบอกว่ารถเบนซ์ รองเท้าไนกี้ กล้องนิคอน แบบนี้ก็พอจะรู้จัก แต่ยี่ห้อเก้าอี้ไม่เคยอยู่ในความสนใจ เมื่อหลายปีก่อนผมเคยได้งานพิมพ์ชิ้นหนึ่ง เป็นของบริษัท herman miller ซึ่งขายเฟอร์นิเจอร์ โดยเฉพาะเก้าอี้ในรูปแบบต่างๆ ลักษณะของสิ่งพิมพ์ที่เขาสั่งพิมพ์กับผมนั้นเป็นงานออกแบบสิ่งพิมพ์ที่เรียบง่ายและสร้างสรรค์ ไม่เหมือนใบปลิวของสินค้าอื่นทั่วไปที่แจกกันดาดดื่นไม่มีราคา สิ่งพิมพ์ชุดนั้นทำให้ผมอยากรู้ราคา และพอรู้แล้วก็ทำใจลืมไปเสียทันที เพราะมันเป็นเก้าอี้ที่แพงเหลือเกิน แพงในแบบที่ผมไม่คิดว่าผมจะอยากได้มัน

และเมื่อไม่นานมานี้ อาการปวดหลังก็กลับมาอีกครั้ง ประจวบกับในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งมีการพูดคุยกันเรื่องเก้าอี้ที่สามารถช่วยแก้อาการปวดหลังได้ ผมก็เลยสนใจและลองหาข้อมูลดู เก้าอี้ที่ว่านี้ชื่อ Aeron Chair เป็นของ Herman miller และมีการรวมตัวกันซื้อของสมาชิกเว็บบอร์ดด้วยเพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลง

aeron2

สมัยทำงานใหม่ๆ ผมทำงานในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ เป็นงานที่ต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานเป็นหลัก จะเกิดงานก็ต่อเมื่อนั่งหน้าจอคอมฯเท่านั้น ในตอนนั้นก่อนจะนั่งเขียนโปรแกรมในแต่ละวัน ผมจะจัดที่ทาง จัดโต๊ะทำงาน เตรียมขนม ของกิน กาแฟ สมุด กระดาษ แก้วน้ำ และเก้าอี้อย่างพร้อมเพียง เพื่อให้สมาธิอยู่กับงานเต็มที่ นอกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ดีๆสักตัวแล้ว สิ่งที่อยากได้คู่กันถ้าเลือกได้ก็คือเก้าอี้ที่ถูกใจ แต่ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าเก้าอี้ดีๆมันมีราคาเท่าไหร่ และไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่ามีธุรกิจขายเก้าอี้ดีๆอยู่ในโลกนี้ด้วย เพราะความคิดในวัยนั้นคิดว่า ที่รองก้น มีพนักพิง ก็พอแล้ว

ในเว็บบอร์ดตกลงรวมตัวกันไปซื้อเก้าอี้ ผมยกมือเป็นหนึ่งในนั้น แล้วก็แวะไปที่โชว์รูม ซึ่งเป็นโชว์รูมที่ผมเคยขนสิ่งพิมพ์ไปส่ง ที่เดิม เวลาเปลี่ยน วัยวุฒิเปลี่ยน ผมแก่ขึ้น และมีความอยากจะลงทุนกับสิ่งที่เรียกว่าสุขภาพมากขึ้น ก็เลยซื้อกลับมา 1 ตัว และวันนี้มันก็มาส่งแล้ว ผมนั่งทำงานและพิมพ์ข้อความนี้บนเก้าอี้ตัวใหม่นี้

จากเอกสารที่หาอ่านในอินเทอเน็ต Aeron เป็นเก้าอี้ที่ออกแบบโดยสถาปนิก เพื่อสถาปนิก และมีงานวิจัยรองรับอยู่หลายสิบชิ้น ยิ่งหาก็ยิ่งเจอแต่คำแนะนำให้ใช้ ยิ่งเจอแต่คำชมว่า aeron chair เป็นเก้าอี้ที่ดีที่สุดสำหรับการนั่งทำงาน เป็น the wish list ของโปรแกรมเมอร์และคนนั่งโต๊ะทำงานเกือบทั่วโลก และยังได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมอีกหลายรางวัล เป็นเก้าอี้แห่งทศวรรษกันไปนั่น

นอกจากคำสรรเสริญเยินยอแล้ว ยังมีข้อมูลอื่นๆที่ประกอบการตัดสินใจให้ผมอีกหลายอย่าง แต่ละอย่างเป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามัน “เจ๋ง” เช่น การรับประกัน 12 ปี ซื้อก่อนแต่งงาน สามารถใช้งานได้ยาวนานจนลูกโต ถ้าลูกอยู่ ม.1 ก็จะใช้ได้จนเรียนจบปริญญาโท มันคงเป็น 12 ปีที่ไม่ต้องมองหาเก้าอี้ใหม่ และผมก็หวังว่าเมื่อพ้น 12 ปีไปแล้วมันก็ยังคงใช้งานได้ดี และถ้าเสียก็คงซ่อมไม่แพงเกินไป มันน่าจะอยู่กับผมจนลืม นอกจากการรับประกันที่ยาวนานแล้ว ยังมีงานโฆษณาออกมาให้ดู เขาเอาเก้าอี้ไปเล่นฮ็อกกี้ เพื่อโชว์ว่าเก้าอี้แข็งแรง ล้อหมุนทนทาน แต่ผมถามพนักงานขายแล้ว เขาบอกว่า ถ้าเอาไปเล่นฮอกกี้แล้วเก้าอี้แตก หรือหัก คงไม่รับประกัน เพราะเป็นการใช้งานผิดประเภท โฆษณาเล่นฮ็อกกี้เป็นโฆษณาส่งเสริมการขายว่าเก้าอี้มันแข็งแรง แต่ไม่ได้อยากให้ลูกค้าเอาไปเล่นจริงๆ

รูปถ่าย0071

เก้าอี้มาส่งแล้ว วางเข้าไปในคอกทำงาน ผมซื้อสีดำเพราะราคาถูกกว่าสีโครเมี่ยม และได้ลองให้แม่นั่งเล่นแล้ว แม่ก็ยิ้มและบอกว่านั่งสบายดี สมราคา

รูปถ่าย0072

แม่ผมเป็นคนโคตรประหยัด ทีแรกที่ผมบอกว่าผมซื้อเก้าอี้ตัวละสี่หมื่นก็กลัวว่าแม่จะด่าเอา แต่กลับกลายเป็นแม่เห็นด้วย โชคดีจริงๆ

การใช้งาน

Aeron chair มี 3 ขนาด เราต้องสั่งซื้อให้ถูกขนาดที่เหมาะกับตัวเรา วิธีการเลือกขนาดก็คือ ไปทดลองนั่งที่โชว์รูม ลองทั้ง 3 ขนาด แล้วก็ค่อยตัดสินใจ   การนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่เกินไป มันก็จะไม่โอบรอบตัวเรา การซัพพอร์ตต่างๆที่จะช่วยให้เรารู้สึกสบายขึ้นก็จะไม่ได้ผล  หากนั่งตัวเล็กเกินไปก็จะแคบและอึดอัด

เมื่อได้ขนาดที่ต้องการแล้ว เราก็ใช้งานมันเลย  เก้าอี้ตัวนี้ทำอะไรกับเรา  ตอนนั่งอยู่บนตัว aeron chair เป็นความรู้สึกว่าเรากำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ  เราไม่รู้สึกว่าตัวเรามีน้ำหนัก  หลัง ก้น ไม่ได้รู้สึกว่าต้องออกแรงแบกน้ำหนักตัว  มันทำให้เรานั่งนานๆได้โดยไม่เมื่อย   ผ้ารองนั่งและส่วนรองหลังที่เป็นตาข่ายชนิดพิเศษ ช่วยระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี  การนั่งนานๆจะไม่มีเหงื่อที่ก้นเลย  ทั้งก้นและหลังจะยังคงแห้ง ไม่หงุดหงิด   เทียบกับการนั่งรถยนต์ทางไกล  ต่อให้เราเปิดแอร์ในรถเย็นแค่ไหน แต่ถ้าเรานั่งรถไปสัก 2 ชั่วโมง หลังจะร้อน ก้นจะร้อน เพราะเบาะนั่งในรถยนต์มันระบายความร้อนไม่ดีนั่นเอง ซึ่ง aeron chair ทำได้ดีกว่าอย่างเหนือชั้น

นั่งทำงาน หรือ นั่งเล่นเว็บ ยาวๆสัก 3 ชั่วโมง ผมไม่รู้สึกเมื่อยล้าแต่อย่างใด  จะเป็นสายตาเสียอีกที่มองจอคอมนานๆแล้วรู้สึกไม่ดี  เก้าอี้ตัวนี้เป็นตัวช่วยให้เราโฟกัสอยู่กับงานได้นานยิ่งขึ้น  นานมากอย่างที่เราคาดไม่ถึง  ผมไม่แปลกใจเลยที่มันมาจากสถาปนิก  อาชีพที่ต้องนั่งทำงานยาวๆ  ในวันทำงานผมก็อยู่กับเก้าอี้ตัวนี้ตลอดแทบทั้งวัน  มีลุกเดินออกไปตรวจงานบ้าง แต่ก็กลับมานั่งได้สบายใจ  ในวันหยุดที่ไม่ได้ออกไปไหน  ผมก็มานั่งฟังเพลงบนเก้าอี้ตัวนี้  แม้ว่าจะเป็นเก้าอี้ทำงาน แต่มันก็ใช้นั่งฟังเพลงได้   จะฟังจากลำโพงหน้าคอมพิวเตอร์  หรือ หูฟัง ก็ยังคงใช้เวลาอยู่บนเก้าอี้ได้นานจนจบไปหลายเพลง

การนั่งเก้าอี้อย่าง aeron chair จะทำให้เราเคยชินกับคุณภาพและการออกแบบเพื่อรองรับสรีระ  เราจะเข้าใจคำว่า ergonomic ได้อย่างถ่องแท้   หลังจากใช้ไปหลายปีผมย้อนกลับมาเขียนอัพเดทข้อมูลอีกครั้ง ผมยังคงปลาบปลื้มกับการใช้เวลาบนเก้าอี้ตัวนี้อยู่  แถมตาข่ายผ้าที่ขึงตึงตั้งแต่วันแรกจนวันที่ผ่านมาแปดปี มันก็ยังคงตึงเหมือนเดิม  เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่มันไม่เก่า ไม่ย้วยเลย

มีนักเล่นเครื่องเสียงบางคนก็ใช้เก้าอี้แบบนี้ในห้องฟัง  แม้ว่าห้องฟังจะเหมาะกับโซฟา หรือเหมาะกับเก้าอี้ที่เตี้ยกว่าเก้าอี้ทำงาน  แต่หากจะต้องใช้เวลาในห้องฟังหลายชั่วโมง  จะนั่งดูหนังนานๆสัก สองชั่วโมงไม่ลุก  ผมจะใช้ตัวนี้แน่นอน  เก้าอี้ทรงอื่น รูปแบบอื่นแม้จะดูนั่งสบาย เอนหลังสบาย และดูนุ่มนวลดูดวิญญาณแค่ไหน แต่ถ้านั่งนานๆจะเจอปัญหาเรื่องความเมื่อยล้าและร้อนแทบทั้งสิ้น

เก้าอี้นี้เหมาะกับใคร

เหมาะกับสถาปนิก  เพราะเก้าอี้ตัวนี้ออกแบบโดยสถาปนิก

เหมาะกับโปรแกรมเมอร์  เพราะโปรแกรมเมอร์ที่สมาธิดี ไม่ลุกจากเก้าอี้จะได้โค้ดที่ไหลมาเทมา

เหมาะกับนั่งเล่นเครื่องเสียง  เพราะการนั่งฟังเพลงนานๆแบบไม่เมื่อยทำให้เราได้อรรถรสย์ของการฟังเต็มที่

เหมาะกับคนชอบอ่านหนังสือนานๆ

เหมาะกับคนปวดหลังเรื้อรัง  ผมลองแล้วผมหายปวดหลังไปยาวนานมาก นานจนลืมไปเลย

ขอบคุณ herman miller ที่ผลิตเก้าอี้ดีๆออกมาขาย  ขอบคุณนักออกแบบ

ภาพตอนท้ายนี้แถมให้ ถ่ายภาพเปรียบเทียบเมื่อเวลาผ่านไป 11 ปี

IMG_20211203_140525

อัดรายการช่างคุย

รายการช่างคุย เป็นรายการพอดคาสท์าหนึ่งที่มีมานาน ปีนี้จะครบปีที่ 4 ถือได้ว่าเป็นรายการแรกๆของเมืองไทย และยังคงไม่ล้มหายไปไหน ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งมีเนื้อหาสะสมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยอัตราการผลิตงานต่อเดือนอยู่ในระดับนี้ ผมเชื่อว่าไม่มีใครแซงได้ ยกเว้นคนทุนหนา ลงทุนซื้อเนื้อหามาใส่ แบบนั้นไม่น่าจะเอามาแข่งขันกันได้

ผมอาสาเข้าไปพูดคุยในรายการด้วย เพราะเป็นหัวข้อที่ผมสนใจ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดการสีของรูปภาพและสิ่งพิมพ์ ซึ่งเป็นอาชีพของผมทั้งสิ้น ถ่ายรูปแล้วอัดภาพสีไม่ถูกใจ ส่งงานพิมพ์เข้าโรงพิมพ์แล้วได้สีไม่ตรงตามต้องการ เรื่องราวเหล่านี้สมควรจะถูกอธิบายอย่างต่อเนืื่อง เพราะนักเรียน นักศึกษาที่จบกันออกมาต่างก็จำวิธีผิดๆออกมาทำงานกันตลอด

แขกรับเชิญที่เป็นพระเอกของการพูดคุยครั้งนี้คือ คุณ ขจร พีระกิจ เป็นพนักงานของ adobe ซึ่งเป็นบริษัทซอร์ฟแวร์เกี่ยวกับภาพและสิ่งพิมพ์อันดับหนึ่งของโลก และไม่มีอันดับสองให้นับ เพราะมีอยู่รายเดียว พี่คนนี้เป็นคนทำงานในวงการพิมพ์มานาน และมีความรู้ความชำนาญในภาคปฏิบัติ และมีความรู้ในส่วนของวิชาการที่เป็นสากล ผมอยากรู้อยากเห็น อยากได้ความรู้ในเรื่องเหล่านี้จึงอาสาเข้าไปขอร่วมพูดคุยด้วย

แขกคนอื่นๆก็เป็นเด็กๆรุ่นน้อง เป็นคนที่สนใจถ่ายภาพ เป็นคนที่เรียนมาทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทางภาพจากจุฬาฯด้วย ซึ่งผมก็จบที่นี่เหมือนกัน

ผมไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาประมาณ 15 นาที แล้วก็เริ่มพูดคุยกันเกริ่นถึงสิ่งที่จะพูด แล้วก็เริ่มบันทึกการสนทนา ใช้เวลากันเกือบสองชั่วโมง ซึ่งถือว่าค่อนข้างยาว เนื้อหาในสิ่งที่คุยกันก็ยังไม่ครบถ้วนในส่ิงที่ควรจะพูดถึง มันคงต้องใช้เวลามากกว่านี้ หรืออาจจะต้องแบ่งหัวข้อกันให้ชัดเจนแล้วเลือกพูดแค่บางหัวข้อ แต่เริ่มคุยสิ่งเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ดีตรงที่ได้ความรู้จากคนรู้จริง และมีการถ่ายทอดออกไปสู่คนที่สนใจ

คอมพิวเตอร์เก่าแต่สวย

apple ทำเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่น imac ออกมาขายตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 โดยประมาณ ด้วยรูปทรงน่ารักและมีสีสันสวยงาม ในเวลานั้นผมทำงานโปรแกรมเมอร์และเป็นนักเขียน ทั้งชีวิตใช้คอมพิวเตอร์พีซีตัวเหลี่ยมๆ สายพะรุงพะรัง ผมได้ข่าวว่ามี imac เกิดขึ้นในโลก ผมก็รู้สึกอยากได้ แต่ตอนนั้นมันแพงเหลือเกิน เครื่องละหกหมื่นบาท ในขณะที่คอมพิวเตอร์ที่ผมใช้ทำงานมันเครื่องละสองหมื่นเท่านั้น ตอนนั้นเลยไม่ได้ซื้อ

imac สีสวยเหล่านี้ถูกผลิตต่อเนื่องจนถึงประมาณปี ค.ศ. 2001 มีหลายสีและหลายลวดลายออกมาให้เห็นเต็มไปหมด เวลาผ่านมาหลายปี ในช่วงหนึ่งของชีวิตที่ผมอยากลองใช้งาน apple กับเขาบ้าง เลยไปหาเครื่องมือสองมาใช้งาน อาศัยว่ามันตกรุ่นและค่าตัวในตลาดมือสองอยู่ในระดับไม่กี่พันบาท ผมก็ได้มาตัวหนึ่ง ได้มาวันแรกก็ลองทำงานสิ่งพิมพ์ตัวหนึ่ง แล้วก็จบงานได้จริงๆด้วย ผมก็เลยมั่นใจว่าผมใช้มันทำงานได้จริง ตั้งแต่นั้นก็ซื้อ apple ใช้มาตลอด

From for wordpress4

imac สีแดง ตัวนี้ผมได้มาเป็นตัวแรก เป็นรุ่นที่มีถาด DVD-rom สามารถใช้ดูหนังดีวีดีทั่วไปได้ทันที ผมตั้งใจเก็บตัวนี้ไว้สำหรับการดูหนังฟังเพลง เล่นเน็ตบ้างเป็นบางครั้ง แต่การเล่นเน็ตด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์อายุสิบปีเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนุกเลย เพราะทุกอย่างจะช้ามาก เนื่องจากเว็บในปัจจุบันมีข้อมูลอยู่ในปริมาณมาก เพราะความเร็วของเน็ตในปัจจุบันมันวิ่งกันอยู่ที่ประมาณ 2 เม็กกะบิทขึ้นไป แต่ imac สิบปีที่แล้วมันเกิดมาบนความเร็วเน็ตประมาณ 0.005 เม็กกะบิท ซึ่งมันต่างกันมากเกินไป ผมเคยพยายามหาข้อมูลที่ต้องการด้วย imac ตัวนี้ ผมใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง ผมไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย เพราะมันช้ามาก กว่าจะเปิดหน้าหา กว่าจะไล่อ่านสิ่งที่มันลิสท์ขึ้นมาให้ดู และกว่าจะคลิกตามไปดูว่าสิ่งที่ลิสท์ออกมามีอะไรบ้าง คลิกไปแล้วมันก็ไปเจอการแสดงผลที่มีข้อมูลเยอะ ลูกเล่นเยอะ ตัวเครื่องประมวลผลไม่ทัน ต้องหยุดรอนานเกินไป สุดท้ายผมหมดความพยายามที่จะใช้งานมันต่อในที่สุด

ตัวสีเทาคือ imac ในเจนเนอเรชั่นเดียวกัน แต่จะเป็นรุ่นที่มีความเร็วสูงที่สุด หลังจากรุ่นนี้ imac จะเปลี่ยนโฉมเป็นแบบจอแบน


ตัวนี้คือ imac ลายดรัมเมเชียนบลู หรือลายจุดแบบหมาดรัมเมเชียน เป็นรุ่นสุดท้ายที่ apple ใส่สีสันลงในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ นอกจากลายนี้แล้วยังมีลายดอกไม้อีกลายหนึ่งที่ผมยังไม่สามารถหาซื้อมาได้ เครื่องนี้ถูกประกาศขายตอนเช้าวันหนึ่งที่ผมกำลังทำงานอยู่ และบังเอิญว่าคลิกไปอ่านเจอประกาศพอดี ผมโทรถามราคาและถามทางไปหา อยู่ไกลมาก ผมขับรถจากบ้านไปถึงร้านขายใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ผมไปถึงสักห้านาทีกำลังดูของอื่นๆในร้าน ก็มีอีกคนขับรถเข้าไป เขามาเพื่อจะซื้อคอมพิวเตอร์ตัวนี้เช่นกัน แต่ผมมาก่อนแค่นิดเดียว ผมก็เลยได้มา

เครื่อง imac จอสีเหล่านี้ค่อนข้างจะเก่าเกินไปสำหรับการทำงานในสมัยปัจจุบัน และการอัพเกรดชิ้นส่วนภายในก็ค่อนข้างมีราคาแพง หน่วยความจำที่จะใช้กับมันก็ราคาแพงกว่าตัวเครื่องไปเสียแล้ว การอัพเกรดจึงเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเกินไปสำหรับคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าอย่าง imac จอตู้ประเภทนี้ ผมเลยลดหน้าที่ของมันให้เหลือเพียงเอาไว้ตั้งโชว์และเปิดเพลงเล็กๆน้อยๆ แล้วหันไปซื้อ apple รุ่นใหม่มาใช้แทน

เครื่องเจาะกระดาษ

หลายวันก่อนช่างพิมพ์เครื่องหนึ่งที่ทำหน้าทีึ่ปั๊มไดคัท เจาะกระดาษ และพิมพ์ตัวเลข ได้ลาออกไป ทำให้งานหลายอย่างสะดุดลง ป้ายสินค้าที่เป็นงานหลักของโรงพิมพ์ก็มีปัญหาว่าไม่มีช่างเจาะรู ผมเลยไปซื้อเครื่องเจาะรูมาใช้งาน ทีแรกก็ไปซื้อเครื่องมือสองมาใช้ และพบว่าเป็นเครื่องรุ่นเล็ก ทำงานค่อนข้างช้า อีกหลายวันต่อมาเลยไปหาเครื่องเจาะเครื่องใหม่มาอีกเครื่องหนึ่งซึ่งเป็นเครื่องใหม่ ขนาดใหญ่กว่าเดิม เจาะกระดาษได้เร็วขึ้น

ตอนนี้ก็เลยมีเครื่องเจาะกระดาษสองเครื่อง หลักการทำงานของเครื่องเจาะกระดาษก็คือแท่นสว่าน ใส่ดอกสว่านสำหรับเจาะกระดาษ ลักษณะดอกสว่านสำหรับเจาะกระดาษจะไม่เป็นเกลียวเหมือนสว่างเจาะไม้ แต่จะเป็นวงแหวนแล้วลับปลายให้คม มอเตอร์ที่หมุนเจาะกระดาษจะต้องหมุนเร็วมากเพื่อให้ความคมบาดลงกระดาษได้ ระยะการเจาะจะขึ้นอยู่กับความยาวของดอกสว่าน

งานติดตั้งสติ๊กเกอร์ที่สายการบินมีปัญหาน่าปวดหัว

ในช่วงหลายสัปดาห์นี้มีงานน่าปวดหัวอยู่รายหนึ่ง เป็นงานพิมพ์สติ๊กเกอร์ขนาดใหญ่เพื่อเอาไปติดกับตู้ใส่อาหารของสายการบิน ขั้นตอนการทำงานก็คือ พิมพ์สติ๊กเกอร์ตามอาร์ตเวิร์ค แล้วก็เอาไปแปะติดบนฝาตู้ ซึ่งตู้เหล่านี้คือตู้ใส่อาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน

ผมเริ่มงานนี้ด้วยการนัดช่างติดตั้งไปลองติดตั้งจริงกับตู้ตัวอย่าง เพื่อทดสอบจับเวลาว่าจะต้องใช้เวลาการทำงานกับตู้ทั้งใบสักเท่าไหร่ ผลการจับเวลาออกมาก็คือ ประมาณตู้ละ 30นาที เมื่อได้เวลาที่แน่นอนแล้ว ผมเผื่อเวลาเอาไว้สองเท่า ทั้งหมดมีประมาณ 120 ตู้ ก็จะใช้เวลาประมาณ 120 ชั่วโมง

ปัญหาเริ่มเกิดทีละอย่าง

1 ปัญหาแรกก็คือ งานจริงสีเพี้ยน เนื่องจากรอบที่ติดตั้งจริง มันเป็นช่วงเวลาที่ซัพพลายเออร์ติดงานอย่างอื่นอยู่ด้วย ทำให้เขายังไม่ได้พิมพ์งานสติ๊กเกอร์ให้ผมเลย ใกล้วันนัดติดตั้งเข้าไปทุกที เขาก็ยังไม่ได้พิมพ์ สุดท้ายได้พิมพ์งานตอนวันก่อนติดตั้ง 1 วัน ผลก็คือ วันรุ่งขึ้นนัดกัน 10.00 น. ช่างติดตั้งไปถึงสนามบินสายไป 1 ชม. แต่สติ๊กเกอร์ที่จะติดตั้งก็มาช้ากว่าช่าง 3 ชม. ลูกค้าไม่พอใจเท่าไหร่นัก วันรุ่งขึ้นผมโทรถามความคืบหน้า ปรากฏว่า ติดตั้งไปได้แค่สองตู้ ก็หยุด เพราะว่า สีเพี้ยนประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็คือ สติ๊กเกอร์ติดแล้วขอบหลุด ทำให้ส่วนอื่นๆค่อยๆหลุดตามกัน ช่างติดตั้งเพิ่งสังเกตุว่า ต้องมีซิลิโคนทาของสติ๊กเกอร์ด้วยจึงจะทำให้งานเรียบร้อย เลยต้องให้ร้านพิมพ์สติ๊กเกอร์ไปพิมพ์มาใหม่ทั้งหมด และนัดช่างติดตั้งใหม่ พร้อมกับให้นำซิลิโคนติดมาด้วยเพื่อเป็นตัวติดขอบรอบสุดท้าย ซึ่งรายการซิลิโคนนี้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นพอสมควร

2 วันนัดติดตั้งครั้งที่สอง สีตรงแล้ว แต่ก็เกิดปัญหาอีก เพราะขนาดตู้ใส่ของใบอื่นๆมีพื้นที่ผิวมากกว่าตู้ที่ทดลองติดในรอบแรก ทำให้สติ๊กเกอร์ที่ทำไปไม่สามารถติดตั้งได้เพราะมันเล็กกว่าตู้ รอบนี้เจอตู้ใหญ่เยอะมาก ทำให้ไม่สามารถติดตั้งต่อไปได้ ต้องยกเลิกการติดตั้งไปอีกครั้ง

3 นัดครั้งที่สาม ให้ร้านสติ๊กเกอร์พิมพ์งานขยายขนาดเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อให้สามารถติดตั้งกับตู้ขนาดใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งการเพ่ิมพื้นที่งานพิมพ์ส่วนนี้ก็เป็นต้นทุนเพิ่มอีกเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ไปคิดเงินลูกค้าเพิ่ม เพราะผมต้องการให้งานติดตั้งดำเนินการต่อไปให้เร็วที่สุด รอบนี้ช่างเริ่มติดงานได้มากขึ้น วันแรกของรอบนี้ติดได้ประมาณ 6 ตู้เท่านั้น และวันรุ่งขึ้น ช่างติดตั้งถูกย้ายให้ไปติดตั้งที่โกดังเก็บของ ซึ่งเป็นห้องเก็บของที่อากาศไม่ค่อยถ่ายเท ทำให้มีปัญหาว่าอากาศร้อนจนทำงานต่อไม่ได้ ผมทราบเรื่องเลยแจ้งทางลูกค้า และนัดลูกค้าใหม่ว่าจะเปลี่ยนมาติดตั้งงานตอนกลางคืนแทน ทุกคนเห็นด้วย เลยยกเลิกการติดตั้งตอนกลางวันไป แปลว่าวันนี้ไม่ได้งานเลย

4 นัดครั้งที่ 4 ติดตั้งตอนกลางคืน นัดกับลูกค้าและช่างเอาไว้ว่าจะเริ่มงาน 18.00น. และทำไปเรื่อยๆจนถึง 04.00 น.ของวันใหม่ แต่ก็มีปัญหาจนได้ ตอน 19.00 น. ทางลูกค้าโทรหาผมถามว่าช่างจะเข้ามากี่โมง ผมเพิ่งรู้ว่าช่างยังไม่เริ่มงาน โทรหาซัพพลายเออร์ที่ติดต่อกับช่างก็ได้ความว่า ช่างติดตั้งติดต่อไม่ได้ โทรไปก็ปิดเครื่อง โทรอีกเบอร์ก็ไม่รับสาย ผมโทรหาซัพพลายเออร์บอกให้เขาช่วยแก้ปัญหา คุยกันหลายครั้งมาก จนสองทุ่มกว่า ยังติดต่อช่างไม่ได้ และผมก็ติดต่อซัพพลายเออร์ไม่ได้แล้ว เลยโทรไปขอเลื่อนการติดตั้งกับลูกค้าอีกครั้ง

5 วันอาทิตย์หลังจากช่างหายตัว วันนี้ซัพพลายเออร์ก็ปิดโทรศัพท์ ผมติดต่อใครไม่ได้เลย สุดท้ายก็ต้องบอกลูกค้าไปว่า ช่างหนีงาน และจะต้องแก้ปัญหาโดยการหาช่างติดตั้งทีมใหม่

ตอนนี้กำลังคุยกับช่างติดตั้งอีกทีมหนึ่งอยู่ เขาเสนอราคามาค่อนข้างแพง เห็นแววแล้วว่างานนี้น่าจะขาดทุน เพราะงบบานปลาย แถมช่างติดตั้งทีมใหม่ยังคิดราคาสูงกว่าประมาณการครั้งแรกเสียอีก สุดท้ายเลยต่อรองนิดหน่อย ได้ราคาที่พอสู้ไหว แต่ก็ยังไม่สามารถนัดเข้าไปเริ่มงานอีกครั้งได้ เพราะช่างทีมใหม่ยังไม่รู้รายละเอียดของงาน จะต้องไปเข้าไปดูงานจริงครั้งหนึ่งก่อนถึงจะเริ่มทำงงานได้ แต่วันนี้ พรุ่งนี้ ผมไม่ว่างเลย มะรืนนี้ช่างก็ติดธุระ เลยต้องนัดวันถัดออกไปอีกวันหนึ่ง ภาวนาให้ลูกค้าไม่หงุดหงิดมาก เพื่อจะได้เข็นงานนี้ให้จบลงให้ได้

วันพรุ่งนี้จะต้องปวดหัวกับเรื่องอะไรอีกยังไม่รู้ รู้แต่ว่าหลายวันมานี้เป็นกังวลและนอนไม่ค่อยหลับ เครียดโดยไม่รู้ตัว คิดหาเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงโชคร้ายซ้ำซ้อน ผมทำอะไรพลาดไป