วาดรูปบนมือถือ galaxy note

มือถือรุ่นใหม่( ณ เดือนธันวาคม 2554) ที่ได้มาเป็นของ samsung galaxy note เป็นมือถือระบบปฏิบัติการ android มีหน้าจอกว้างมากถึง 5.3 นิ้ว ซึ่งมันใหญ่พอจะทำให้เ่ล่นเว็บต่างๆได้สนุกขึ้น แต่มันก็มีรูปร่างที่ใหญ่เกินไปสำหรับการถือและสั่งการด้วยมือเพียงข้างเดียว

จุดเด่นของมือถือรุ่นนี้ก็คือมีปากกาแถมมาให้ มันออกแบบมาให้สำหรับการจดโน้ตต่างๆ เอาไว้วาดรูปเป็นหลัก ก็เลยลองวาดซะหน่อย วิธีที่ง่ายที่สุดของคนอยากหัดวาดรูปก็คือ หารูปตัวอย่างมาดูแล้ววาดเลียนแบบซะเลย ก็เลยได้เป็นภาพนี้ออกมาก

ผมไปเห็นภาพนี้จากเว็บต่างประเทศ เห็นแล้วก็รู้สึกสวยดีเลยเซพภาพกลับมาไว้ในเครื่องมือถือเพื่อให้ทำหน้าที่เป็นนางแบบ กว่าจะวาดเสร็จก็ใช้เวลาพอสมควร ถ้าปราณีตกว่านี้คงจะดูดียิ่งขึ้น

ติดตั้งเครื่องพิมพ์ 4 สี

12 ธันวาคม 2554 ที่โรงพิมพ์ทำการติดตั้งเครื่องพิมพ์ 4 สี เครื่องพิมพ์เครื่องนี้ทำให้ครอบครัวผมเป็นหนี้ตัวจริง แต่ก็เชื่อว่ามันจะปลดหนี้ได้ในเวลาไม่นาน


ภาพถ่ายด้วยมือถือ samsung galaxy note โดยใช้โปรแกรม FXCamera เพื่อถ่ายภาพให้มีกรอบภาพแบบโพลารอยด์ จากนั้นใช้โปรแกรมตกแต่งภาพเพื่อเขียนตัวหนังสือลง การเขียนตัวหนังสือใช้ S pen ซึ่งเป็นอุปกรณ์ประจำตัวของมือถือรุ่นนี้

ด้วยความที่มือถือรุ่นนี้มีความเร็วสูง สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงได้ค่อนข้างดี ก็เลยถ่ายบรรยากาศการติดตั้งเครื่องเก็บไว้เป็นที่ระลึก

DSCF4375

เตรียมงานแต่งงาน season2 การ์ดเชิญ

ตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องนี้ก่อนแต่งงาน แต่การเตรียมงานแต่งงานของผมก็ค่อนข้างยุ่ง เลยไม่ได้เขียนบล็อกอีกพักใหญ่ๆ และพอผ่านงานแต่งงานไปแล้วก็มีงานค้าง มีการเดินทางเข้ามาแทรกบ่อยๆ บทความนี้เลยถูกดองไปนานหลายเดือน

สิ่งพิมพ์ในงานแต่งงานเป็นของคู่กัน จะแต่งงานก็ต้องแจกการ์ด การ์ดเชิญงานแต่งงานทั่วไปก็จะเป็นการ์ดพับขนาดพับแล้วประมาณ 5×7 นิ้ว ใส่ซองสวยๆมีลวดลาย ผมก็เป็นคนที่พิมพ์การ์ดให้คนอื่นอยู่บ่อยๆ บางคนแหวกแนวหน่อยนึงก็ทำเป็นการ์ดเดี่ยว พิมพ์หน้าเดียวบ้าง สองหน้าบ้าง พิมพ์เป็นตัวหนังสือสีทองหรือสีเงินบ้าง ผมค่อนข้างเบื่อกับการ์ดต่างๆ เพราะที่เคยได้รับการ์ดเชิญมา มันก็ดูคล้ายๆกัน เวลาผ่านไปก็วางไว้ในลิ้นชัก นานๆเปิดเก๊ะออกมาดู มีการ์ดกองไว้เป็นปึก ดูผ่านๆก็ไม่รู้ว่าของใครบ้าง

ผมก็เลยตั้งใจว่าต้องออกแบบการเชิญให้เขาอยากเก็บการ์ดของผม ไม่ทิ้งขว้างหรือกองไว้แล้วดูไม่รู้ว่าเป็นการ์ดของผมเอง ก็เลยเป็นที่มาของการ์ดใหญ่ผิดปกติ และการ์ดเล็กที่ไม่ปกติเช่นกัน

การ์ดใหญ่ของผมจะขนาดใหญ่ประมาณ 13×18 นิ้ว พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิทัลบนกระดาษ ACQ 300g  จากนั้นก็จะเอาไปทากาวประกบกับกระดาษแข็งเบอร์ 16  เพื่อให้มีความหนา  สามารถจะหยิบถือแล้วทรงตัวเป็นป้ายได้เลย  การแจกการ์ดของผมก็คือจะเอาป้าย(การ์ดเชิญ) ไปให้เพื่อนถือแล้วถ่ายภาพนั้นไว้  จากนั้นก็จะปริ๊นท์ภาพถ่ายออกมาให้เพื่อนเป็นการ์ดเชิญ  ดูในภาพจะเห็นข้อความบนป้าย  มีรูปของเพื่อนอยู่ในนั้นมันทำให้การเชิญของผมน่าจะเป็นที่จดจำ และการ์ดของผมคงถูกทิ้งช้าลง หรืออาจจะไม่ถูกทิ้งเลย เหมือนกับที่ผมเก็บรูปถ่ายของตัวผมเองไว้ ไม่เคยคิดจะทิ้ง  อาจจะมีลืมว่าเก็บไว้ที่ไหน แต่จะไม่ทิ้ง

ให้เพื่อนถือแล้วก็ถ่ายภาพเก็บไว้

ผลัดกันถือ  อิริยาบถต่างกัน ตามสบายเลย

บางคนติดธุระอยู่  บอกให้ถือก็ถือ  ไม่ได้สงสัยว่าจะทำอะไร

บางคนหลับอยู่ ถือไม่ได้ ผมก็วางพาดเลย  แล้วก็ถ่ายภาพเก็บไว้

หลังจากนั้นก็อัดภาพให้กับเพื่อนๆทุกคน  สำหรับเพื่อนคนที่หลับผมก็อัดแล้วก็เอาไปวางบนตัวมัน ถ่ายภาพเก็บอีกทีหนึ่งเอาไว้แซวกันเล่นๆตอนแก่  ว่าตอนแจกการ์ดมันหลับอยู่  ไม่รู้ตัวเลย

ผมตั้งใจทำให้งานแต่งงานของผมมีความน่าสนใจ  ไม่อยากให้เพื่อนลืมง่ายๆ  อะไรที่ชาวบ้านเขาทำกันผมไม่ทำเลย  มันเป็นคอนเซ็ปแรกของการแต่งงานของผม

งานพิมพ์เร่งด่วน แก้ปัญหาให้ลูกค้าใบปลิวไม่พอ

วันที่ 1-4 กันยายน 2554 มีการจัดงานท่องเที่ยวที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ลูกค้าประจำของผมไปออกงานนี้เช่นกัน งานนี้ใช้ใบปลิวสองแบบ พิมพ์ 4 สี 2 หน้า 1 งาน และ 4 สี 1 หน้าอีก 1 งาน รับอาร์ตเวิร์คก่อนงานประมาณ 5 วัน นัดส่งของที่สถานที่จัดงานก่อนวันเริ่มงานจริง 1 วัน หรือไปส่งวันที่ 31 สิงหาคม 2554 ตอนเย็นๆเพื่อรอใช้งานในวันถัดไป

วันที่ 31 สิงหาคม 2554 ผมไปส่งของเรียบร้อย ตอนประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ คนน้อยดี ก่อนหน้านี้ในครั้งก่อนๆ ผมไปส่งของช่วงเย็น ต้องไปแย่งกันจอดรถ คนเยอะ ขนของลำบาก แต่ถ้าไปดึกหน่อยคนเริ่มน้อย จอดรถง่าย ค่อยๆทำ ไม่ต้องรีบ สบายดี คราวต่อไปมาส่งดึกๆดีกว่า

วันที่ 2 กันยายน 2554 ตอนหัวค่ำ ลูกค้าโทรมาบอกผมว่า ใบปลิวกำลังจะหมด ที่ทำไว้ประมาณการว่าจะแจก 4 วัน แต่ผ่านไปแค่สองวันจะหมดแล้ว อาจจะเป็นเพราะคนเดินเยอะมาก เลยแจกใบปลิวมาก ลูกค้าถามว่าจะพิมพ์เพิ่มทำได้ทันพรุ่งนี้ไหม ผมบอกไม่ทัน ถ้าจะให้พิมพ์ใบปลิว 4 สี 1 หน้า มันจะต้องเร่ิมพิมพ์พรุ่งนี้ พิมพ์เสร็จต้องรอแห้งเพื่อตัดในวันถัดไป เร็วสุดที่ทำได้คือเอาไปส่งวันที่ 4 ตอนกลางวัน ซึ่งก็ช้าเกินไป ลูกค้าเลยตัดสินใจขอให้เอาไปช่วยถ่ายเอกสารแทนและฝากผมทำให้ด้วย จำนวน 8000 ใบ

ผมรับปากช่วยงาน แต่ไม่อยากทำเป็นงานถ่ายเอกสาร เพราะงานมันจะดูกระจอก เลยวางแผนพิมพ์ 1 สี บนกระดาษอาร์ตด้าน เพื่อให้สวยและเสร็จเร็ว และต้องทำให้มันไม่ต้องตัดกระดาษหลังพิมพ์เพื่อจะได้ห่อไปส่งที่งานได้ทันที เลยเปลี่ยนวิธีการพิมพ์ใหม่เล็กน้อย จากเดิมกระดาษ 1ใบใหญ่ ลงได้ 4 ใบเล็ก พิมพ์เสร็จต้องเอามาตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ งาน 8000 ใบเล็ก ก็พิมพ์แค่ 2000 ใบใหญ่ แล้วเอามาตัดแบ่ง ผมเปลี่ยนให้พิมพ์กระดาษใบเล็กเท่างานจริงไปเลย ทำเพลทใหม่สำหรับพิมพ์ใบเล็ก แล้วก็พิมพ์ไปเรื่อยๆ พิมพ์เสร็จก็ห่อได้เลยไม่ต้องไปเสียเวลารอให้แห้งสนิทแล้วค่อยตัด คำนวณเวลาที่ใช้พิมพ์ได้ดังนี้ ทำเพลทตอนเช้าเพื่อพิมพ์สีดำ 1 ชม. ระหว่างนั้นตัดกระดาษรอ พอได้เพลทมาก็เริ่มพิมพ์ จับเวลาพิมพ์ได้นาทีละ 121 ใบ ก็เท่ากับว่าต้องใช้เวลาพิมพ์ประมาณ 70 นาที แต่จริงๆก็ใช้เวลานานกว่านั้นในการตั้งเครื่อง รวมๆแล้วใช้เวลาบนเครื่องพิมพ์ไป 2 ชม. รวมเวลาห่อและเดินทางอีก 1 ชม. ก็ครึ่งวันพอดี สรุปว่าแก้ปัญหาได้ ของไปถึงลูกค้าวันที่ 3 ตอนเที่ยง พอแจกไปจนจบงาน

การถ่ายเอกสารจากสิ่งพิมพ์ที่เป็นสี จะไม่สามารถทำให้สวยงามเท่ากับการพิมพ์สีดำ 1 สีได้ แม้โดยสามัญสำนึกมันจะทำได้เหมือนกัน แต่รายละเอียดไม่เหมือนกัน เพราะภาพสีถ้าเปลี่ยนเป็นภาพขาวดำอาจจะอ่านข้อมูลบางส่วนไม่ออก และการไล่ระดับสีเจ้าไปอ่อนจะทำได้ไม่ดี

งานต้นฉบับพิมพ์ 4 สี สแกนจากกระดาษจริง

ถ้าเอามาถ่ายเอกสารตรงๆจะเป็นแบบนี้ จะเห็นว่าตัวเลขราคา 5300 บาทจะจางกว่า และลายท้องฟ้าพื้นหลังบางส่วนจะหายไป

ต้องแก้ปัญหาโดยการเปลี่ยนค่าสีตัวเลขให้เข้ม แล้วทำเพลท 1 สี เพื่อพิมพ์ใหม่เลย คุณภาพงานจะดีกว่าการถ่ายเอกสารตรงๆ

งานไอเดียจากญี่ปุ่น

งานไอเดียจากญี่ปุ่น

จากร้าน อิโนบุน

ทำงานแฟ้มใส่เอกสารให้ลูกค้า กว่าจะได้เริ่ม…

ผมกำลังทำงานแฟ้มตัวหนึ่งให้ลูกค้าอยู่ ข้อมูลที่ได้คือจะทำแฟ้มใส่เอกสารในงานสัมมนา มีโลโก้อยู่บนแฟ้ม รูปแบบวางคร่าวๆมาให้แล้ว ให้จัดพิมพ์ตามตัวอย่างเลย

ผมหาโลโก้ตามเว็บไซต์ต่างๆ จัดทำอาร์ตเวิร์ค ทำตัวอย่างขึ้นมาให้ตรวจ ลูกค้าดูแล้วบอกโอเค ทำได้เลย

ปัญหาก็คือ ตัวอย่างสี สีที่ได้จากไฟล์ต่างๆเป็นสีที่ใช้เปรียบเทียบในการพิมพ์จริงไม่ได้ สิ่งที่ต้องการก็คือค่าสีที่ระบุเป็นตัวเลข pantone ซึ่งผมไม่ได้จากลูกค้า เลยต้องไปหางานพิมพ์อื่นๆที่ทำเสร็จแล้วมาใช้เป็นตัวอย่าง ก็เลยต้องออกไปเดินห้างกันหน่อย
ผมไปเจอตัวอย่างแก้วจากเมเจอร์ปิ่นเกล้า เป็นตัวอย่างที่มีสีไม่ครบ เพราะโลโก้ที่ผมต้องการมันต้องมีสามสี คือ ส้ม ชมพู และน้ำตาล แต่ตัวอย่างที่มีอยู่บนแก้วและถุงเป็นสองสีเท่านั้น ก็เลยได้ไม่ครบ ยังคงต้องหาที่ร้านอื่นๆ สาขาอื่นๆ

แก้วใบนี้ผมได้มาจากสาขาเดอะมอลล์ท่าพระ

ยิ่งไปดูที่อื่นก็ไม่เจอแก้ว หรือถุงที่ใช้โลโก้สามสีเลย มีเพียงแค่โปสเตอร์หน้าร้านเท่านั้นที่มีโลโก้สามสี ที่เหลือจะเป็นสองสีหมดแล้ว ออกอาการเซ็งนิดหน่อยเพราะแวะสองห้างแล้วยังกินแห้วอยู่ ข้อมูลยังไม่ครบ

ผมไปเดินห้างแถวบ้านอีกสี่แห่ง ไม่มียี่ห้อสินค้าตัวนี้เลย มีแต่โดนัทอีกเจ้าหนึ่ง เวลาต้องการอะไรไม่ค่อยจะหาเจอ และมักจะไปเจอสิ่งที่ไม่ได้หา ไปเดินบิ๊กซี เซ็นทรัลไม่เจอ เพิ่งจะมาฉุกคิดได้ว่า เซ็นทรัลเป็นเจ้าของโดนัทอยู่อีกยี่ห้อหนึ่ง ดังนั้นลูกค้าผมไม่อยู่ในเซ็นทรัลแน่นอน พอระลึกได้ก็เลยไปหารายชื่อจากในข้อมูลบริษัท แล้วก็แวะไปยังโลตัสสาขาบางปะกอก ที่ไม่ไปท่าพระสาขาเดิมเพราะรถติดหน้าเดอะมอลล์มาก เลยแวะที่อื่นที่ไกลออกไปอีกหน่อยแต่เข้าออกสะดวก คราวนี้ผมเตรียมสมุดสีมาเทียบสีด้วย เพราะคิดว่า ถ้าไม่ได้แก้วหรือถุงกลับไป จะเอาสมุดสีไปเทียบกับโปสเตอร์เลย

มาถึงบางปะกอก ชำเลืองดู สิ่งพิมพ์ก็ไม่ค่อยมี เหลือบเห็นสีโลโก้ครบๆอยู่บนแก้วกาแฟ เลยกินกาแฟร้อนสักแก้ว แล้วก็จัดการเทียบสีเลย

เป็นอันว่าผมได้สีครบทั้งสามสีแล้ว งานก็เริ่มพิมพ์ได้เสียที

—- เพิ่มเติม 18apr2011 —-
มีคนโทรเข้ามาถามว่าซื้อสมุดสีที่ไหน
สมุดแพนโทนมีการนำเข้ามาขายอย่างเป็นทางการโดย asiabook
ที่ผมเคยเห็นจะเป็นชุดใหญ่ราคาสูงเหมือนกัน ครอบคลุมหลายมาตรฐาน

แต่ว่าก็มีคนหิ้วเข้ามาขายเช่นเดียวกัน
และเขาเลือกหิ้วเฉพาะเล่มเล็กแบบที่นิยมใช้ในวงการสิ่งพิมพ์
เป็นเล่มชื่อ solid coated และ solid uncoated
มีสติ๊กเกอร์ติดไว้ที่เล่มว่าใครเอาเข้ามา
ลองติดต่อดูที่ http://www.pss-guide.com โทร 026783633 026783872

ขอย้ำนะครับว่า สมุดสีของแพนโทน (pantone) ไม่ใช่มาตรฐานสี
แต่ผมเอามาใช้เป็นตัวอ้างอิง เวลาคุยกันจะได้รู้ว่าสีที่ต้องการเป็นอย่างไร

ดิจิทัลปริ๊นท์ ตอนที่ 6

เครื่องพิมพ์ดิจิทัล fujixerox รุ่น x700 ทำงานมาครบปีแล้ว หลังจากที่ผ่านการทำงานไม่มากไม่น้อย มีอาการเสื่อมสภาพบางชิ้นส่วน เปลี่ยนอะไหล่ก็หายดี การทำงานกับเครื่องพิมพ์ตัวนี้เริ่มใช้งานบางฟังค์ชั่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกบางอย่าง และพอเริ่มใช้ก็เริ่มพบข้อจำกัดบางอย่าง

เครื่องพิมพ์ตัวนี้มีถาดใส่กระดาษ 7 ชุด แต่ละชุดจะมีปริมาตรใส่กระดาษได้ไม่เท่ากัน งานที่พิมพ์เยอะๆต้องใช้ช่องใส่กระดาษถาด 6 และ 7 งานบางประเภทที่แบ่งว่าหน้าปกเป็นกระดาษหนา เนื้อในเป็นกระดาษบางสามารถสั่งเครื่องพิมพ์ให้พิมพ์งานโดยใช้กระดาษทั้งสองชนิดได้ นั่นเป็นข้อดีที่รู้อยู่แล้วตอนซื้อเครื่อง แต่ที่ผ่านมาไม่เคยได้ใช้ฟังค์ชั่นนี้เลย

ที่ผ่านมาเวลาต้องการงานพิมพ์เป็นเล่มที่ใช้ปกหนากว่าเนื้อใน จะทำการแยกพิมพ์เป็นสองจ็อบ ก็คือ จ็อบปก และจ็อบเนื้อใน พิมพ์แยกกัน แล้วก็ค่อยเอามาทำเล่มรวมกัน ทำอย่างนี้มาตลอดไม่มีปัญหาอะไร วันดีคืนดีอยากจะใช้ฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกโดยการสั่งจ็อบเดียวแล้วให้มันพิมพ์ปกกับเนื้อในด้วยกระดาษสองชนิดมันก็ทำให้ได้ แต่มีสิ่งที่ค้นพบก็คือมันช้าเหลือเกิน ช้ามาก

งานพิมพ์หนังสือ 16 หน้าเย็บแม็ก แค่เล่มเดียวควรจะใช้เวลาให้กระดาษไหลไม่เกิน 30-35 วินาที หรือเท่ากับความเร็วกระดาษไหลไป 4 แผ่น แต่พอสั่งให้พิมพ์กระดาษสองชนิดพร้อมกัน โดยให้กระดาษบางอยู่ถาด 6 กระดาษหนาอยู่ถาด 7 เครื่องก็ทำตามสั่งได้ไม่ผิดพลาด แต่ใช้เวลาค่อนข้างนานในการเปลี่ยนกระดาษจากถาดอื่นๆ เข้าใจว่าการพิมพ์กระดาษบางใช้ความร้อนน้อย พิมพ์กระดาษหนาใช้ความร้อนเยอะ พอพิมพ์กระดาษบางในเล่มเสร็จแล้วต้องเริ่มพิมพ์กระดาษหนา เครื่องจะต้องหยุดวิ่งเพื่อเพิ่มความร้อนให้มากขึ้นก่อน เมื่อความร้อนถึงจุดที่กำหนดถึงจะพิมพ์กระดาษหนาได้ และเมื่อพิมพ์กระดาษหนาสำหรับหน้าปกเสร็จแล้วก็ต้องเปลี่ยนไปพิมพ์กระดาษบาง เครื่องก็จะต้องคลายความร้อนออก รอให้ความร้อนลดลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะกับกระดาษบางแล้วค่อยพิมพ์ต่อ การทำหนังสือหนึ่งเล่มต้องใช้เวลารอความร้อนขึ้นและลงนานกว่าเวลาที่กระดาษวิ่งเสียอีก จาก 1 เล่มถ้าพิมพ์ไม่เปลี่ยนกระดาษจะใช้เวลา 30 วินาที กลายเป็นว่าพอเปลี่ยนกระดาษจะต้องใช้เวลารวมทั้งหมดเป็นเล่มละ 2 นาที ความเร็วลดลงไปสี่เท่า

ถ้างานน้อยๆทำไม่กี่เล่มก็พอจะรอได้ แต่ถ้าต้องทำเป็นร้อยเป็นพันเล่ม แยกพิมพ์ปก กับแยกพิมพ์เนื้อในคนละจ็อบน่าจะเสร็จงานเร็วกว่า

สุดยอด crm แบบบ้านๆ

เมื่อสักประมาณสองเดือนที่แล้วมีลูกค้ารายหนึ่งโทรมาสั่งพิมพ์งาน เป็นงานที่เขาเคยพิมพ์มาแล้ว คุยไปคุยมาก็พอจะรู้ข้อมูลว่าเป็นสินค้าอะไร และลูกค้าชื่ออะไร ลูกค้าท่านนี้ต้องการจะสั่งพิมพ์ซ้ำ บอกว่าขอราคาเดิมได้ไหม โรงพิมพ์ก็แบ่งรับแบ่งสู้ว่า ขอไปค้นประวัติก่อนว่าเคยสั่งพิมพ์จำนวนเท่าไร ราคาเท่าไร

หายังไงก็หาประวัติไม่เจอ เลยถามแม่ แม่ก็บอกว่าพอจะนึกออก แล้วแม่ก็ไปหาประวัติจากแฟ้มเก่าๆหลายๆอัน แล้วก็หยิบกระดาษแผ่นนี้ออกมา

กระดาษใบนี้เป็นประวัติการขายสินค้าตัวที่กำลังค้น ลงวันที่ ลงยอดสั่งพิมพ์และราคาขายเอาไว้ ดูจากวันที่ก็ทำให้รู้ว่าเขาสั่งไปเมื่อสิบปีที่แล้ว วันนี้ขอสั่งซ้ำคงให้ราคาเก่าไม่ได้ เพราะว่าต้นทุนสินค้าแพงขึ้นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระดาษแพงขึ้น น้ำมันแพงขึ้น ค่าแรงแพงขึ้น โทรไปบอกราคาใหม่กับลูกค้า คุณลูกค้าก็ไม่ได้โวยวายแต่อย่างใด เพราะลูกค้าก็จำไม่ได้ว่าเคยสั่งด้วยราคาเท่าไร

ยินดีที่ลูกค้ายังอยู่ในธุรกิจเดิม แสดงว่าเขาก็พออยู่ได้ โรงพิมพ์จะอยู่ได้ก็ต้องทำให้ลูกค้าอยู่ได้ด้วย ปรับราคานิดหน่อยตามเวลาที่เปลี่ยนไปไม่ถือเป็นการเอาเปรียบ แต่ที่น่าทึ่งก็คือ แม่เก็บข้อมูลได้ดีสุดยอด ถ้าบริการลูกค้าได้แบบนี้ทุกราย โรงพิมพ์น่าจะมีลูกค้าชั่วชีวิต

และผมยังไม่มั่นใจว่าถ้าผมบันทึกข้อมูลเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ผมจะสามารถหามันออกมาได้ในเวลาเพียงสิบนาทีหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ ข้อมูลอาร์ตเวิร์คบางตัวของลูกค้าบางรายผมก็หาไม่เจอแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าผมหาไม่เก่ง หรือผมเก็บไม่เก่ง หรืออีกทางหนึ่งก็เป็นเพราะข้อมูลเสียหายไประหว่างการก้อปปี้ไฟล์ไปมาตอนเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ให้ใหญ่ขึ้น การมีแบ็คอัพเป็นฮาร์ดก็อปปี้เป็นความแน่นอนอย่างหนึ่ง ถ้าไม่เกิดไฟไหม้ ข้อมูลกระดาษก็ยังคงอยู่ไปนานหลายสิบปีแน่นอน

print on demand พิมพ์เร็วด่วนได้

มีอยู่วันหนึ่งระหว่างที่กำลังนั่งเฝ้าร้านเพื่อทำโอที มีลูกค้ารายหนึ่งโทรมาถามเรื่องพิมพ์ดิจิทัล เขาต้องการพิมพ์ A3 แล้วพับเป็น A4 ส่งไฟล์ประมาณสองทุ่ม ต้องส่งของก่อนวันรุ่งขึ้น ก่อน 8.00 น. ผมดูเวลา คิดประมาณ 10 วินาที แล้วตอบตกลง

ผมตัดสินใจส่งของตอนสี่ทุ่ม เพราะพรุ่งนี้ผมไม่มีเวลาออกไปส่งของรอบเช้า ดังนั้นงานนี้ผมเลยต้องพิมพ์ให้เสร็จประมาณสามทุ่ม และเดินทางไปส่งของถึงที่บ้านลูกค้าของลูกค้าอีกที

ผมดาวน์โหลดไฟล์งานเสร็จประมาณสองทุ่มครึ่ง ใช้เวลาตรวจและพิมพ์ทดสอบกระดาษอยู่ 15 นาที และใช้เวลาพิมพ์จริงประมาณห้านาที ใช้เวลาพับและตัดอีกประมาณ 15 นาที ผมออกจากโรงพิมพ์ตอนสามทุ่มสี่สิบนาที ไปถึงบ้านลูกค้าประมาณสี่ทุ่ม ส่งของเรียบร้อย

พิมพ์เร็วด่วนได้ เครื่องพิมพ์ดิจิทัลมันก็ทำได้ไม่ยากเย็น print on demand มันต้องแบบนี้แหละ

ข้อมูลงาน

โบรชัวร์ A3 พับเป็น A4

กระดาษ UPM 200g สั่งซื้อจากเอกวิน กระดาษตัวนี้พิมพ์ดิจิทัลได้สวยมาก
ก่อนจะเลือกกระดาษตัวนี้ ผมลองกระดาษอาร์ตด้าน 160 ของบริษัทสองเอ
คุณภาพงานดูไม่ได้ พิมพ์ออกมานึกว่าเครื่องพิมพ์เสีย พอเปลี่ยนกระดาษเท่านั้นแหละแทบจะไปเผากระดาษของสองเอทิ้งเลย

เครื่องพิมพ์ ใช้ Fujixerox 700 เป็นเครื่องดิจิทัลที่ผมเคยบนไว้ไม่ค่อยน่าใช้ ตอนที่มันยังมีปัญหาซ่อมไม่หายขาด แต่ตอนนี้มันปกติ ซ่อมบำรุงเรียบร้อย มันทำงานดีๆให้ผมได้ไม่ติดขัดเลย

งานยุ่งอีกครั้ง บ่น และบันทึก

ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมาจนถึงเดือนนี้ ประมาณเก้าเดือน ที่โรงพิมพ์ไม่ได้ทำโอทีเลย จะมีบ้างแค่บางวันที่งานเร่งมากๆ และเดือนกรกฎาคมกับสิงหาคมที่ผ่านมาก็เป็นช่วงเวลาที่งานค่อนข้างน้อย บางวันเครื่องพิมพ์หยุดรองานครึ่งวัน ส่วนหนึ่งเพราะงานมันน้อยลงจริงๆ อีกส่วนก็คือผมมีเครื่องพิมพ์ดิจิทัลที่สามารถทำงานได้เร็วมาก งานพิมพ์หลายตัวถ่ายโอนจากเครื่องระบบเก่าไปสู่ดิจิทัลแล้ว มันทำให้งานที่ป้อนเข้าเครื่องพิมพ์ระบบเก่ายิ่งน้อยลงไปอีก

แม้ว่างานระบบเก่าจะน้อย แต่ยอดขายและรายได้ก็ไม่ได้ลดลงไปตามเหตุการณ์ เห็นได้จากว่าเสมียนงานเยอะขึ้น เพราะต้องเปิดบิลส่งของมากขึ้น โรงพิมพ์ผมมีงานที่ต้องส่งมากขึ้นกว่าต้นปี มอเตอร์ไซด์ที่จ้างไว้สองคันก็วิ่งส่งกันไม่ทัน บางครั้งต้องจ้างรถรับจ้างเพิ่ม บางครั้งผมต้องออกไปเอง เครื่องพิมพ์ว่างแต่งานเอกสารเยอะขึ้น เป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายให้คนรุ่นเก่าให้เข้าใจ แม่ผมเห็นเครื่องพิมพ์ว่างแล้วรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็แก้ได้ด้วยการให้ดูตัวเลขรายได้ ส่วนพ่อผมที่ตอนนี้ปลดเกษีียรไปแล้วเพราะกำลังป่วยอยู่ แต่ก็ยังใช้ชีวิตปกติ เห็นเครื่องพิมพ์ว่างแล้วก็หงุดหงิด อันนี้ไม่รู้จะแก้ยังไง เพราะพ่อไม่เคยดูบัญชี

เดือนนี้เดือนตุลาคม ผมกำลังจะเร่ิมทำโอทีอย่างจริงๆจังตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เพราะอยู่ๆลูกค้าหลายรายก็สั่งงานเข้ามาพร้อมกัน ทั้งงานจำนวนน้อย และงานจำนวนมาก มันมาพร้อมกันจนเริ่มปวดหัว นอกจากลูกค้าเก่าแล้ว ยังมีลูกค้าใหม่เกิดขึ้นอีกหลายราย ทุกรายมาจากการแนะนำบอกต่อของลูกค้าเก่า บางรายก็เกิดใหม่จากการที่เขาสั่งงานเข้าบริษัท และ ลองสั่งงานส่วนตัว บางรายย้ายที่ทำงาน ไปที่ใหม่ก็เลยเรียกให้ไปรับงาน บางรายเคยเป็นลูกน้องในบริษัท พอเปิดบริษัทเองก็สั่งพิมพ์งานเอง

หลายวันมานี้มีงานเข้าต่อเนื่องหลายงาน บางงานผมยังไม่ว่างทำให้เลยด้วยเหตุผลว่ากำลังตามงานเก่าบางงานอยู่ งานเก่าที่มีปัญหาของสายการบิน ผมเดินทางไปกลับดอนเมืองเกินสิบครั้งแล้ว วันนี้ผมก็แวะเข้าไปอีกครั้ง แต่เป็นการเข้าไปเซ็นรับมอบงาน ผมถือเอกสารรับมอบงานออกจากดอนเมืองแบบสบายใจสุดๆ เพราะปัญหาที่เรื้อรังมันกำลังจะหมดลงแล้ว งานนี้ไม่ขาดทุนทางตัวเลข แต่ผมขาดทุนเรื่องการเดินทางและเสียเวลา เสียสุขภาพจิตมากมายมหาศาลตลอดกาลใครอย่าแตะ แต่ก็ดีใจที่เข็นให้งานนี้ผ่านไปได้

สัปดาห์ที่แล้ว เซลส์ของฟูจิซีร๊อกซ์โทรมาถามไถ่ ถามถึงเครื่องพิมพ์ดิจิทัลที่มีปัญหาจุกจิก ผมตอบไปว่าตอนนี้เครื่องทำงานปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร เซลส์เลยขอว่า ข้อมูลการใช้เครื่องที่ผมเคยโพสท์ไว้ในอินเตอเน็ตขอให้เอาลงได้ไหม ผมถามว่าทำไม คุณเซลส์ตอบว่ามันทำให้เขาขายของลำบากขึ้น ลูกค้า หรือว่าที่ลูกค้าได้มาอ่านบทความของผมทำให้เซลส์ขายของไม่ได้ ผมเลยถามกลับว่า สิ่งที่ผมเขียนไว้เป็นเรื่องโกหกหรือเปล่า เซลส์ตอบว่าไม่ แต่ขอให้ช่วยเอาลงได้ไหม ผมคิดนิดนึงแล้วก็รับปากไปว่าจะเอาลงให้ แต่ตอนนี้ผมก็ยังไมได้เอาลง เพราะว่าผมงานยุ่งมาก ติดไว้ก่อน อีกสักพักจะค่อยเอาลงนะครับ คุณเซลส์

เมื่อวานนี้เอง ผมกำลังพิมพ์ซองจดหมายด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิทัล ยอดสั่งพิมพ์ 1000 ใบ ลูกค้าเอาซองเปล่ามาเอง ผมแค่สั่งพิมพ์ พิมพ์ไปเกือบพันใบ ก็เห็นว่ามีบางใบที่เอียง มันเอียงจนน่าเกลียด ผมคิดว่ามันคงเป็นแค่บางใบ พอให้ลูกน้องเอามาคัด ปรากฎว่านับยอดพิมพ์เสียได้ 200 ใบ นั่นคือมีของเสีย 20% ผมหยุดพิมพ์ทันที แล้วก็โทรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเรียกช่างมาซ่อม ผมโทรไปตอนห้าโมงเย็นแจ้งเรื่องเสร็จ อีกสิบนาทีช่างก็โทรเข้ามาหาผมถามอาการ แล้วก็แจ้งว่าจะเบิกอะไหล่บางตัวที่เอาไว้พิมพ์ซองจดหมายมาให้ และจะเข้ามาพรุ่งนี้เช้า ผมตกลง

มาตอนเช้าเก้าโมงกว่า ช่างเข้ามาและตรวจสอบอยู่ชั่วโมงกว่า ผมได้วิธีแก้ปัญหาแล้ว สามารถพิมพ์ซองต่อจนครบยอดสั่งพิมพ์ ผมพอใจผลการแก้ไข ผมดีใจที่บริการของฟูจิซีร๊อกซ์กลับมารวดเร็วเหมือนคำสัญญา ไม่ว่าเป็นเพราะผมไปบ่นจนเขาขายของลำบากหรืออะไรก็ตาม ถ้าทำได้ดีตามที่รับปากไว้ก็ถือว่าต้องได้รับคำชมเชย แต่ว่า…. ดูไปเรื่อยๆดีกว่า วันนี้งานมันจบ ลุล่วง แต่เมื่อวานเหตุการมันก็ไปตรงกับคำที่ว่า Print on demand but wait for service tomorow. ลูกค้าก็บอกว่า tomorow ก็ tomorow ยังไงก็ต้องรอ โชคดีที่เขาไม่ย้ายไปพิมพ์ที่อื่น

ดิจิทัลปริ๊นท์ ตอนที่ 5

พักนี้มีงานพิมพ์ดิจิทัลด่วนหลายตัว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ตอนที่รู้ว่าต้องพิมพ์งานเยอะๆก็เช็คหมึก เช็คอุปกรณ์สิ้นเปลืองต่างๆว่าพอสำหรับทำงานทั้งหมดหรือไม่ พอรู้ว่าบางอย่างอาจไม่พอก็สั่งของมาตุนไว้ เตรียมไว้พร้อมทุกอย่าง สุดท้าย ก็มาตกม้าตายตรงชิ้นส่วนที่เป็นถังขยะ มันคือหน่วย wraste toner เป็นกล่องใส่หมึกเสีย การพิมพ์ทุกแผ่นจะมีผงหมึกเล็กๆน้อยๆ ปลิวกระจายออกมา และผลหมึกเหล่านั้นจะถูกรวบรวมทิ้งลงกล่อง กล่องใส่หมึกสำหรับทิ้งนี้ถ้าเต็มเครื่องจะไม่ทำงานต่อ และมันก็เต็มในวันที่มีงานเร่งๆ และเต็มในวันเสาร์ เครื่องหยุดทำงานตอนเกือบเย็นวันเสาร์ ผมโทรสั่งของด่วน โกดังกำลังจะปิด ผมต้องวานเพื่อนที่มีบ้านอยู่แถวนั้นช่วยแวะไปรับอะไหล่มาเก็บไว้ก่อน แล้วผมค่อยขับรถไปรับต่อจากเพื่อนอีกทีหนึ่ง ไม่งั้นไม่ทัน แล้วสุดท้ายก็ทัน เลี้ยงข้าวเพื่อนไปมื้อนึง