สมัยเด็กผมนั่งรถเมล์จากฝั่งธนข้ามมาฝั่งพระนครเพื่อมาเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบ สะพานข้ามแม่น้ำจะมีอยู่ 2 สะพาน สะพานพุทธคือสะพานโครงสร้างเหล็กสีเขียวเป็นสะพานเก่าแก่ ถนนบนสะพานเป็นสามเลนส์ขับรถสวนกัน สะพานที่สองคือสะพานประปกเกล้าเป็นสะพานที่สร้างใหม่ มีอยู่ 3 สะพานขาไปและขากลับแยกกัน แต่ก็มีสะพานปกเกล้าอันที่สามที่วางอยู่ตรงกลางเป็นสะพานเปล่าๆ ไม่ได้มีทางขึ้นลง ผมเห็นตั้งแต่เด็กแต่ก็ไม่รู้ว่าจะสร้างสะพานปกเกล้าไว้ 3 สะพานทำไม จนเมื่อโตขึ้น มีอินเทอเน็ตให้อ่าน มีคนเคยอธิบายไว้ว่าสะพานปกเกล้าอันกลางวางแผนว่าจะใช้ทำทางเดินรถไฟฟ้าลาวาลิน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้น
มาถึงปัจจุบันสะพานปกเกล้าอันกลางก็ได้รับการปรับปรุงให้กลายเป็นสวนสาธารณะ ทำทางขึ้นลง ทำพื้นที่บนสะพานเป็นที่นั่ง มีต้นไม้ดอกไม้ประดับ ตอนขับรถผ่านก็รู้สึกตื่นเต้นที่กรุงเทพมีสวนสาธารณะเพิ่มขึ้น และยิ่งเป็นสวนบนสะพานด้วยก็ยิ่งดูน่าสนใจ แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไปเดินเล่นเลย เพราะวงจรชีวิตไม่ได้ผ่านถนนเส้นนี้สักเท่าไร
จนลูกได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบก็เลยมีโอกาสได้ใช้สะพานพุทธและสะพานปกเกล้าแทบทุกวัน ก็ได้เห็นสวนสาธารณะลอยฟ้าอีกครั้งและเริ่มอยากไปเดินเล่นดูวิวบนนี้ พอมีโอกาสก็เลยลองแวะเดินเล่นดู พร้อมกับพกกล้องถ่ายรูปไปเก็บภาพด้วย
ทางเดินเข้าหายากมาก ขนาดผมเคยเดินเล่นแถวนี้มาตั้งแต่เด็กยังหาทางเข้าไม่เจอ กว่าจะเจอว่าต้องเข้าทางไหนก็เดินหาอยู่นานมาก แถวนี้ไม่มีป้ายบอกทาง ไม่มีป้ายบอกชื่อสวนสาธารณะให้เห็นชัดเจนเลย หรือมีแต่ผมตาไม่ดีเองก็ไม่แน่ใจ แม้แต่การหาทางเข้าโดย googlemap ก็ยังงง สุดท้ายอาศัยวิธีดูว่าคนข้างบนเดินออกมาทางไหนก็เดินย้อนเข้าไปตามทางที่เขาออกมา
ทางขึ้นสะพานเป็นบันไดเดินขึ้นได้สะดวก มีลิฟท์ให้บริการด้วย สวนบนสะพานแห่งนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2563 เข้าใจว่าสามารถใช้พื้นที่จัดกิจกรรมการแสดงต่างๆได้ด้วย สามารถพารถเข็นมาเที่ยวเล่นได้ ทางเดินบนสวนแห่งนี้เป็นพื้นเรียบสามารถเข็นรถได้สุดทางและขึ้นลงด้วยลิฟท์ได้ แต่….. ทางเข้าออก ทางข้ามถนน ยังไม่แน่ใจว่ามีทางลาดตลอดแนวไหม เพราะฟุตบาทประเทศไทยไม่เคยถูกออกแบบเผื่อให้รถเข็นใช้งานได้ง่ายๆ
สวนสาธารณะบนสะพานมีคนมาใช้บริการอยู่ค่อนข้างเยอะ มีพื้นที่นั่งดูวิวเยอะ ถ้ามีการจัดงานแสดงแสงสีเสียงในแม่น้ำเจ้าพระยาก็น่าจะมีคนมาเต็มสะพาน ผมขึ้นจากฝั่งปากคลองตลาด มองไปทางทิศตะวันออกจะเห็นวิวตึกสูงสวยงาม ถ้ามองไปทางทิศตะวันตกจะเห็นสะพานพุทธและพระปรางค์วัดอรุณ บรรยากาศน่านั่งเล่นหรือดูวิวได้เพลินๆ มีหลายคนมานั่งดูวิวพระอาทิตย์ตกที่ด้านวัดอรุณ
เพื่อเดินดูรอบแล้วก็เลยตัดสินใจรอเวลาให้ค่ำลงอีกนิด รอให้ท้องฟ้าเริ่มมืดภาพถ่ายจะได้ถ่ายเป็นสีฟ้าเข้ม พร้อมกับรอให้ถนนเปิดไฟเต็มที่ แสงไฟและสีท้องฟ้ายามเย็นจะได้ถ่ายรูปได้อารมณ์อีกแบบหนึ่ง ระหว่างที่รอเวลาก็ถ่ายเล่นหามุมวางกล้องไปเรื่อยๆ
การถ่ายภาพตอนเย็นไปสู่ค่ำจะมีเวลาถ่ายไม่นาน เพราะสภาพแสงเปลี่ยนค่อนข้างเร็ว จังหวะเวลาที่ฟ้าเริ่มมืดและไฟตึกไฟเรือเริ่มเห็นชัดจะมีเวลาช่วงสั้นๆ ต้องหามุมวางกล้องไว้ล่วงหน้า การถ่ายภาพแสงโพล้เพล้แบบนี้จะให้ดีต้องมีขาตั้งกล้องมาด้วย และภาพสายน้ำที่พริ้วไหวก็ควรถ่ายด้วยเทคนิคเปิดหน้ากล้องนานๆ ซึ่งก็จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องด้วย แต่ผมไม่ได้พกไปก็ใช้วิธีวางกล้องไว้กับราวสะพานแล้วพยายามตั้งค่าการถ่ายให้กล้องรับแสงนานหลายๆวินาที
สวนสาธารณะขนาบข้างซ้ายขวาด้วยถนนที่มีรถวิ่ง เสียงรถวิ่งดังรบกวนตลอดเวลา และถ้าเป็นจังหวะรถติดหรือรถเยอะก็น่ากังวลเรื่องควันรถอยู่เหมือนกัน ผมรอเก็บภาพจนสภาพแสงน้อยลงไปเรื่อยๆ ฟ้าสีฟ้ากลายเป็นสีน้ำเงินเข้มและกลายเป็นสีดำในที่สุด สุดท้ายฟ้ามืดก็เก็บกล้องและเดินกลับ ซึ่งตอนเดินกลับนี่จะมืดมาก มืดจนรู้สึกว่าอาจจะเกิดอันตรายได้ ในใจคิดว่าจะมีใครดักปล้นดักตีหัวเอากล้องไหม สาวๆเดินกลับจะปล่อยภัยไหม เรื่องเหล่านี้มีโผล่ให้คิดตอนเดินผ่านที่มืดๆใต้สะพานเพื่อจะกลับบ้าน
สำหรับคนที่จะไปถ่ายรูปเล่น
1 เตรียมขาตั้งกล้องแข็งแรงไปด้วยและควรเป็นขาตั้งที่ยืดได้สูงๆ เพราะขอบกันตกสูงในบางจุด
2 เตรียมฟิลเตอร์ ND ลดแสงได้เยอะๆไปด้วย เอาไว้ถ่ายภาพวิวพื้นน้ำนิ่งๆ (เทคนิค long exposure)
3 พาเพื่อนไปด้วย ขากลับมันมืดและดูอันตราย
4 พกไฟฉายด้วย ตอนเดินออกมืดแล้ว ไม่มีไฟแสงสว่างที่ทางเดินออกถนน
5 ที่จอดรถใกล้ๆไม่รู้ว่าจอดตรงไหน ผมจอดที่ตลาดพาหุรัดแล้วเดินมา ชม.ละ 30 บาท
6 เอาที่อุดจมูกไปด้วย ตอนเดินเข้าและเดินออกจากสวนยังคงได้กลิ่นฉี่กลิ่นขยะรุนแรง
ฝากผู้อ่านส่งลิงค์นี้ให้ผู้ว่า กทม ได้อ่านด้วย







































































































