กาแฟและดนตรี ที่ร้านวาวี

ร้านกาแฟวาวี เป็นร้านที่ถูกพูดถึงในอินเทอเน็ตมาค่อนข้างนาน ผมได้ยินว่าเป็นร้านกาแฟที่มีการแสดงดนตรี เลยเกิดความสนใจที่จะมาดูให้เห็นกับตา ตำแหน่งของร้านอยู่ที่ซอยอารีย์1 วันนี้ว่างก็เลยแวะไป

เดินทางตอนบ่าย ขึ้นทางด่วนแล้วไปแวะที่ลาวิลล่าก่อน แวะทำไมก็จำเหตุผลไม่ได้ ไปดูเครื่องเสียงในร้าน iStudio นิดนึง แวะซื้อขนมและแผ่นซีดีเพลงแล้วก็ออกมา ออกจากลาวิลล่าร์ก็เลี้ยวเข้าซอยอารีย์ ซึ่งในรอบแรกผมหาร้านไม่เจอ เพราะไม่รู้ว่าอยู่ซอยไหน เลยตัดสินใจแวะปั๊มน้ำมันแล้วหาข้อมูลในอินเทอเน็ตว่าที่อยู่ร้านมันอยู่ตรงไหนของซอยอารีย์

ออกจากปั๊มน้ำมันก็เลี้ยวเข้าซอยอารีย์อีกครั้ง ครั้งนี้รู้แล้วว่าอยู่ ซอย 1 และรู้เพิ่มมาว่าวงดนตรีจะมาเล่นตอน 17.30 – 20.00 น. โดยประมาณ ที่จอดรถในซอยอารีย์ 1 ค่อนข้างน้อย อาศัยจอดแนบฟุตบาธ ซึ่งมีพื้นที่ให้จอดไม่กี่สิบคัน ถ้าจังหวะคนเยอะรับรองไม่มีที่จอดแน่นอน ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า แต่มันจะเป็นไปได้สำหรับคนบ้านไกลอย่างผมได้ยังไง แต่วันนี้ก็โชคดีที่ได้ที่จอดรถ เพราะผมไปถึงประมาณสี่โมงเย็น มันเป็นช่วงเวลาที่คนยังไม่เยอะมาก ผมได้โต๊ะนั่งที่บริเวณด้านนอกของร้าน กาแฟเย็นแก้วละ 65 บาท ผมซื้อแล้วนั่งแช่เลย รอเวลาจนเย็นวงดนตรีถึงจะมาเริ่มตั้งเครื่อง

ในร้านเป็นบรรยากาศร้านกาแฟมาตรฐาน แต่คนที่แวะมาที่ร้านทุกคนล้้วนแต่มีคอมพิวเตอร์พกมาด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ บางโต๊ะก็เป็นกลุ่มมาคุยงาน โต๊ะข้างๆไกลๆผมเห็นกระดานเขียนแบบกำลังถูกใช้งานอยู่ มันเป็นที่รวมของคน IT ไปเสียแล้ว นอกจากคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คแล้ว มือถือเกือบทั้งร้านจะเป็น iPhone หรือไม่ก็ Black Berry และที่สำคัญ ที่นี่ผมเห็น iPad ตัวจริงหลายเครื่องมาก ซึ่งผมยังไม่เคยเห็นตัวจริงเลยแม้ว่าจะเดินห้างฟอร์จูนบ่อยแค่ไหนก็ตาม

โต๊ะด้านนอกก็มีทั้งแบบม้านั่ง และเป็นแบบโต๊ะพร้อมเก้าอี้ ผมได้ที่นั่งเป็นโต๊ะพร้อมเก้าอี้ สามารถนั่งคุยหรือนั่งทำงาน หรือประชุมกันก็ได้ แต่วันนี้มาคนเดียว

กาแฟรสชาดปกติ ผมไม่ได้รู้สึกว่าอร่อย แต่บรรยากาศของร้านมันก็น่านั่งดี น่าจะถูกใจผู้คนแถวนี้ เพราะซอยอารีย์มีคอนโดเยอะ น่าจะมีคนในพื้นที่ใช้บริการเยอะ แต่ที่เยอะจริงๆน่าจะเป็นผู้คนจากทั่วกรุงเทพที่ชอบฟังเพลงเสียมากกว่า เพราะวันนี้ผมก็แวะมาที่ร้านเพื่อฟังเพลง

วงดนตรีเริ่มเล่นประมาณ 18.00 น. เล่นเพลงป็อปทั่วไป มีเพลงเบเกอรี่ค่อนข้างเยอะ แนวเพลงที่เล่นก็เป็นเปียโนไฟฟ้าพร้อมกับนักร้องและเครืองเคาะเล็กๆน้อยๆ เป็นลักษณะที่เรียบง่ายดี การแสดงของนักดนตรีก็อยู่ในระดับที่เป็นกันเอง เล่นเอาความรู้สึกสนุกมากกว่าจะเล่นเพื่อโชว์ฝีมือ ผมคิดว่าการแสดงแบบนี้เป็นสิ่งที่ดีกว่าการพยายามโชว์ เพราะมันรู้สึกสบายและไม่ต้องพยายามฟัง

ไม่ได้ถ่ายรูปวงดนตรีไว้เพราะว่านั่งอยู่ค่อนข้างไกลจากจุดแสดง และไม่อยากลุกไปถ่ายภาพ มาคนเดียวกลัวว่าลุกแล้วจะมีคนมานั่งแทน ก็เลยนั่งฟังไปเรื่อยๆ กาแฟหมดแล้วไปตั้งนานแล้ว แต่ผมก็ยังนั่งแช่ไม่เลิก นั่งจนเบื่อก็ลุก มาคนเดียวนั่งได้ไม่นานเพราะไม่รู้จะคุยกับใคร

ศิลปินข้างถนน

วันที่ไปติดต่อธุระในพาราก้อน จอดรถที่ซอยสยามสแควร์แล้วเดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง ขากลับหลังจากเสร็จธุระ เดินกลับมาที่จอดรถ ก็มาเจอคุณลุงคนนี้เล่นกีต้าร์พร้อมกับเชิดตุ๊กตา แบบนี้ไม่รู้เรียกว่าวนิพกได้ไหม ดูแล้วรู้สึกว่าตั้งใจเล่น ตั้งใจทำมาหากิน ขอเงินด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ยอมรับได้ เพราะอาศัยฝีมือ เลยช่วยสมทบทุนไปนิดหน่อย

belkin tunebase second show

วันก่อนที่ได้ tunebase มาใช้กับ iPod Shuffle แล้ว เห็นว่ามันเป็นช่องเสียบสาย usb ก็เลยคิดว่ามันน่าจะชาร์จ iPod ทั่วไปได้ด้วยผ่านทางสาย usb ที่มีแถมมาให้กับทุกเครื่องอยู่แล้ว ก็เลยเอา iPod Video มาลองเสียบดู ผลก็คือชาร์จไฟเข้า iPod ได้จริงๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่น่าสนใจก็คือ มันไม่มีเสียงรบกวนของภาคจ่ายไฟเข้ามาด้วย ก่อนหน้านี้เคยลองที่แปลงไฟที่จุดบุหรี่ในรถเป็นช่อง usb ซึ่งเป็นของไม่มียี่ห้อ น่าจะมาจากจีน คุณภาพค่อนข้างแย่ เพราะมีเสียงรบกวนหึ่งๆๆๆๆๆ ตลอดเวลาที่เสียบสายกับ iPod ทำให้ไม่สามารถเสียบสายชาร์จแล้วฟังเพลงได้เลย ต้องเสียบแล้ววางไว้เฉยๆ แต่ tunebase ไม่มีเสียงรบกวนที่ว่านี้ แถมหน้าตาก็ดูดีอีกต่างหาก ทำให้รถยนต์หน้าตาตกรุ่นกลายเป็นรถที่น่านั่งมากขึ้นอีกนิดหน่อย ของเล่นชิ้นนี้ให้ความพึงพอใจอย่างดี สรุปสั้นให้กับ tunebase ก็คือ มันคือที่ชาร์จไฟในรถที่หน้าตาดีและไม่ทำให้ iPod เสียงแย่ลง

belkin tunebase ของเล่นใหม่

ปีนี้ ค.ศ. 2009 แต่ว่าของเล่นที่ได้มาน่าจะผลิตในปี 2005 ตอนนั้นค่าตัว 30 ดอลล่าร์  แต่ผ่านมาสามปีกว่ามันก็ถูกวางอยู่ในตระกร้าเลหลัง  ผมได้มาในราคา 199 บาท  โดยบนตัวกล่องมีราคาเดิมติดอยู่ที่พันสี่ร้อยกว่าบาท

มันคืออุปกรณ์เสียบชาร์จไอพอดในรถยนต์  ด้านหนึ่งเสียบกับที่จุดบุหรี่ในรถ  อีกด้านเป็นช่อง usb สำหรับเสียบ ipod shuffle จริงๆอาจจะใช้กับอุปกรณ์อื่นๆที่เป็นพอร์ท usb ได้  แต่เจ้า tunebase ชิ้นนี้เขาออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ ipod shuffle เป็นหลัก  โดยดูจากหน้าตาและทรวดทรง  มันเข้ากับกับ ipod อย่างไม่ต้องพยายามมอง  สิ่งที่น่าสนใจก็คือมันเสียบชาร์จ usb แต่ดันมีช่องต่อสายสัญญาณเสียง audio out ….

สัญญาณเสียงจาก ipod มันเดินทางอย่างไรให้ผ่านขา usb ซึ่งเป็นแค่สัญญาณไฟฟ้าแบบดิจิทัลล้วนๆ แล้วไปออกที่ Audio out ได้  น่าแปลกใจมาก  ที่สำคัญ  มันสามารถเร่งวอลลุ่มบน ipod แล้วเสียงที่ audio out ก็เปลี่ยนตามที่เรากด  กดเปลี่ยนเพลง  เพลงก็เปลี่ยน  ทีแรกนึกว่ามันอ่านข้อมูลเหมือนเป็น thumb drive ตัวหนึ่งแล้วไปแปลงเป็นเสียงเพื่อส่งออก  ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง  เราก็จะไม่สามารถกดปุ่มบนตัว ipod เพื่อสั่งการตามที่เราต้องการได้  แสดงว่ามันไม่ใช่แบบอ่านไฟล์…  แต่มันทำงานยังไงยังหาคำตอบไม่เจอ

เข้าเว็บฝรั่งเพื่อหาคำตอบ  ยังไม่มีคำตอบในประเด็นนี้  แต่ฝรั่งหลายเว็บรีวิวไว้ว่าเสียงไม่ดีเท่ากับเสียบสายตรงๆบนหัว ipod นั่นก็แสดงว่า audio out บน tunebase มีการแปลงสัญญาณด้วยวิธีการบางอย่าง  นั่นทำให้เสียงไม่ดีเท่าออริจินัล

วันหลังจะหาโอกาสทดสอบกับอุปกรณ์ usb อื่นๆ เพราะไหนๆก็มีช่อง usb ในรถแล้ว ก่อนหน้านี้เคยมีตัวแปลงไฟจากที่จุดบุหรี่เป็น usb เพื่อเอาไว้ชาร์จ ipod แต่พอทดลองใช้แล้วพบว่ามีเสียงรบกวนเยอะมาก ถ้าเสียบไปฟังเพลงไป จะได้ยินเสียงหึ่งๆกับเพลงด้วย แสดงว่าการแปลงไฟในอุปกรณ์มันทำได้ไม่ดี แต่กับ tunebase กลับเงียบสนิทไม่พบว่ามีสัญญาณรบกวนเลย แสดงว่าอุปกรณ์ออกแบบมาดีมาก ใช้ของคุณภาพสูง สองร้อยทอนหนึ่งบาท ผมไม่แน่ใจว่าถูกหรือแพง รู้แต่ว่าถูกใจมาก.

backup data

เมื่อวานไปซื้อฮาร์ดิสก์ยี่ห้อ Western Digital ขนาด 640g แบบภายนอก ตั้งใจว่าจะเอามาแบ็คอัพข้อมูลรูปภาพที่ถ่ายเก็บไว้ เพื่อให้เป็นข้อมูลสำรองสำหรับการเอาไปใส่ในเว็บขายภาพ เพราะปัจจุบันข้อมูลภาพถ่ายต่างๆกระจายอยู่ในฮาร์ดดิสก์ 3 ตัว เล็กบ้างใหญ่บ้าง คราวนี้ก็เลยจะเอามารวมกันให้อยู่ในฮาร์ดดิสก์ลูกเดียว แล้วก็เก็บเป็นตัวสำรอง ส่วนตัวที่จะเอาไปลงไว้ในเว็บขายภาพก็จะใช้ฮาร์ดดิสก์อีกตัวหนึ่งซึ่งซื้อเตรียมไว้แล้ว

ตอนที่เอามากีอปปี้ข้อมูล ก็เลือกชื่อโฟลเดอร์ที่เป็นของตัวเอง แล้วก็ลากทั้งหมดไปลงในฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่ ข้อมูลประมาณสองร้อยกว่าจิ๊ก ใช้เวลาก๊อปปี้ห้าชั่วโมง พอมันเริ่มทำงาน ก็ปล่อยมันทำไป แล้วก็ออกไปทำธุระข้างนอก แล้วก็แวะกลับไปที่บ้าน ไปถึงบ้านก็พบว่าไฟดับ เลยนึกถึงข้อมูลที่กำลังสำรองอยู่ที่โรงพิมพ์ กลัวว่าไฟดับแล้วจะทำให้เครื่องพัง หรือทำให้ฮาร์ดดิสก์พัง เลยรีบเข้ามาดูก็พบว่าเครื่องดับไปแล้ว ลองเปิดขึ้นมาใหม่โชคดีที่ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ข้อมุลที่ก๊อปปี้ค้างไว้ก็หยุดไปด้วย เลยต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด

ตอนเริ่มทำใหม่ก็มีอาการผิดพลาดเต็มไปหมดเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เลยต้องค่อยๆลากไฟล์ทีละโฟลเดอร์ย่อย เพราะถ้าลากโฟลเดอร์ใหญ่ทีเดียวเลยมันจะไปสะดุดกับข้อมูลบางส่วนแล้วก็หยุดทำงาน

ระหว่างที่ก๊อปปี้ทีละโฟลเดอร์ย่อยก็นั่งรอไปทีละครั้งๆ ตอนนี้ผ่านไปสองชั่วโมงกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนเหมือนกัน คงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะครบทุกอย่าง.

คุยเรื่องเครื่องเสียงนิดนึง

สองสามวันนี้ได้จัดห้องให้ดูเรียบร้อยขึ้นนิดหน่อย เป็นเพราะว่าได้ขนอุปกรณ์เครื่องเสียงทุกตัวที่อยากใช้มาวางไว้รวมกัน ก็เลยถือโอกาสจัดวางเครื่องเสียงให้เป็นที่เป็นทาง จริงๆมันก็อยู่ในที่ที่สมควรแล้ว แต่ก็ไม่ได้เชื่อมสายใช้งานร่วมกันทั้งหมดเท่านั้นเอง

ยกเครื่องเล่นดีวีดีมาวางไว้ในห้องทำงานด้วย เจตนาเพื่อจะฟังเพลง ต่อสายเสียงจากเครื่องเล่นดีวีดีเข้ากับแอมป์หลอด คุณภาพเสียงได้ยินแล้วหงุดหงิด เพราะมันค่อนข้างแย่ จากความรู้สึกเมื่อเกือบสิบปีก่อนที่ได้ฟังเพลงจากเครื่องเล่นดีวีดียุคนั้นเสียงแย่มาก อยู่เงียบๆดีกว่า มาถึงวันนี้คิดว่าจะพัฒนาขึ้น เพราะอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์น่าจะมีคุณภาพดีขึ้นเมื่อผลิตด้วยเทคนิคการผลิตใหม่ๆ แต่เสียงของเครื่องเล่นดีวีดีก็ยังแย่อยู่เหมือนเดิม คำว่าคุณภาพเสียงแย่อาจจะเป็นสิ่งที่เข้าใจลำบาก อาจจะมีคำถามว่าถ้าเสียงแย่แล้วทำไมดูหนังยังดูได้สนุกดี เหตุผลมันก็คงเป็นเพราะว่า การดูหนังจะมีภาพมาดึงความสนใจ ทำให้การรับรู้เรื่องเสียงลดความสำคัญลง เลยไม่รู้สึกว่าเสียงดีหรือเสียงแย่ แต่ถ้าฟังเพลงอย่างเดียว การรับรู้หรือการได้ยินจะกลับมามีประสิทธิภาพมากกว่าการมองเห็น เสียงอะไรที่ไม่ค่อยดีก็จะได้ยินง่ายขึ้น เหมือนคนตาบอดมักจะหูดี ผมสันนิษฐานไว้เช่นนี้

ผมทำการปรับปรุงคุณภาพเสียงของเครื่องเล่นดีวีดีเสียใหม่ ด้วยการหาตัวถอดรหัสเสียงมาใช้งานร่วมกับมัน ปกติเครื่องเล่นดีวีดีจะมีตัวถอดรหัสเสียงในตัว ซึ่งผมไม่พอใจเลย เลยหาตัวถอดรหัสภายนอกมาใช้ ต่อสัญญาณดิจิทัลจากเครื่องเล่นดีวีดีไปถอดรหัสด้วยเครื่องที่คุณภาพดีกว่า ผลก็คือเสียงดีขึ้นตามวัตถุประสงค์ตั้งต้น ผมอยู่กับเสียงเพลงจากเครื่องเล่นดีวีดีได้นานขึ้นหลายชั่วโมงทันที เพราะสามวันที่ผ่านมา ผมนั่งทำงานฟังเพลงในห้องได้นานมาก ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างสบายใจ

ข้อดีของการเล่นเครื่องเสียงที่ผมค้นพบเป็นรอบที่หนึ่งร้อยก็คือมันทำให้ผมอยู่ติดบ้าน หลายปีที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้ฟังเพลงอย่างจริงจัง อาศัยไปฟังในรถเป็นส่วนใหญ่ ผมเลยชอบขับรถ เพราะขับรถแล้วได้ฟังเพลง พอเครื่องเสียงในบ้านสามารถตอบสนองความรู้สึกส่วนนี้ได้ ผมก็เลยอยู่ในบ้านนานขึ้นกว่าเดิม ยิ่งตอนนี้มีอินเทอเน็ตความเร็วสูงยิ่งทำให้ผมเลือกฟังรายการวิทยุได้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะรายการวิทยุที่แยกตามแนวเพลง เพลงแจ๊ส หรือ เพลงร็อค อยากได้แบบไหนก็คลิกเลือกเอาเอง อยากจะเปิดทิ้งไว้ทั้งวันเลย แต่ก็รู้สึกว่ามันเปลืองไฟ เปลืองพลังงานของโลก …. การเปิดเครื่องทิ้งไว้ดูเหมือนไร้จิตสำนึก ไม่กล้าทำทั้งๆที่อยากทำ

ระหว่างการเขียนบทความนี้ ผมก็กำลังฟังเสียงทรัมเปตจากไมล์ เดวิส ในอัลบั้มชุดที่ดีที่สุดชุดหนึ่งของวงการเพลงแจ๊ส ดียังไงผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าได้ยิน ดีกว่า อยู่เงียบๆ

มิวสิควิดีโอที่สร้างสรรค์ที่สุดของปี 2008 ในความเห็นของผมเอง

index.cfm?fuseaction=vids.individual&videoid=7517583

 
SHITDISCO ‘OK’

งานมิวสิควิดีโอที่สร้างสรรค์มากๆ ทึ่ง

ฟังเพลงระบบไร้สายด้วย Airport Express

จากบทความตอนที่แล้วที่ผมได้จัดหา Airport Express มาใช้งานทำระบบแลนแบบมีสายในบ้านให้เป็นไร้สาย  นอกจากความสามารถหลักของมันแล้ว ของแถมที่ได้มายังมีฟังค์ชั่นน่าใช้อีกสองอย่าง  คือมีช่องต่อ USB เอาไว้ต่อกับปริ๊นเตอร์  ทำให้เราสามารถสั่งพิมพ์งานแบบไร้สายได้เลย  และอีกฟังค์ชั่นหนึ่งก็คือการต่อลำโพงเข้ากับตัวมันเพื่อฟังเพลงโดยโปรแกรม iTune

การฟังเพลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์เรามักจะต่อลำโพงเข้ากับเครื่องที่เราใช้งาน  หรือถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คก็จะมีลำโพงมาให้อยู่แล้ว  คุณภาพเสียงก็จะเล็กน้อยไม่สามารถคาดหวังอะไรได้  ส่วนใหญ่เราต้องการแค่ได้ยินเท่านั้น  หากเราสามารถทำให้เสียงไปออกยังลำโพงสเตอริโอในบ้าน  หรือ ชุดเครื่องเสียงหลักที่มีคุณภาพดี  เราก็สามารถใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเปิดเพลงฟังเพราะๆได้เลย  การเดินสายไปยังเครื่องเสียงหลักในบ้านจะเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว  เพราะการเดินสายระโยงระยางเป็นเรื่องวุ่นวาย ไม่น่าดู

Airport Express นอกจากจะเป็นระบบแลนไร้สายแล้ว ตัวมันเองยังรับสัญญาณเพลงจากโปรแกรม iTune ได้อีกด้วย  ถ้าเราฟังเพลงด้วยโปรแกรม  iTune และเรามี Airport Express อยู่ในระบบเน็ทเวิร์คของเรา  เราก็สามารถเลือกให้  iTune ส่งสัญญาณเสียงไปออกที่ Airport Express ได้อีกช่องทางหนึ่ง  แทนที่จะออกแค่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา  จะให้ออกจุดไหนจุดเดียวก็ได้  หรือออกทั้งสองจุดก็ได้

คุณภาพเสียงที่ได้จาก Airport Express มีคุณภาพดีใกล้เคียงเครื่องเล่น iPod มากๆ  และอาจจะดีกว่ายืดหยุ่นกว่าตรงที่  มันสามารถส่งสัญญาณขาออกแบบดิจิทัลได้ด้วย  กล่าวคือ  ถ้าเราต่อสายสัญญาณแบบอนาลอกเข้ากับเครื่องขยายเสียงมันก็จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณเสียงไปตามปกติ  แต่เราสามารถเลือกสายต่อที่เป็นสายไฟเบอร์ออพติก เพื่อต่อสัญญาณดิจิทัลออกมาได้  สัญญาณดิจิทัลประเภทนี้จะต้องส่งไปเข้าตัวถอดรหัสเสียง  ซึ่งถ้าเรามีเครื่องเล่นโฮมเธียเตอร์ที่สามารถรับสัญญาณดิจิทัลได้  เราก็จะสามารถใช้โฮมเธียเตอร์ของเราถอดรหัสดิจิทัลให้เป็นอนาลอก แล้วก็ฟังเพลงได้ตามปกติ  แม้ว่าขั้นตอนดูจะยุ่งเหยิงเรื่องมาก  แต่ก็เป็นวิธีการเพิ่มคุณภาพเสียงประการหนึ่งที่ถูกออกแบบมาไว้ให้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มคุณภาพเสียงแลกกับการเดินสายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย  ซึ่งนักเล่นเครื่องเสียงมักจะคุ้นเคยและรู้ว่ามีเครื่องถอดรหัสเสียงดิจิทัลเป็นอนาลอกให้เลือกใช้ที่หลากหลาย ตั้งแต่ราคาหลักพัน ไปถึงหลักแสน  เราชอบแบบไหนเราก็เลือกสิ่งนั้นมาใส่เพิ่มในระบบได้

ความคุ้มค่ามีมากน้อยแค่ไหนคงไม่มีคำตอบที่ถูกต้องสำหรับทุกคน  บางคนต้องการแต่ได้ยิน  บางคนต้องการฟัง  บางคนต้องการเสพ  แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นของแถมในโลกไอที ที่ apple ได้ทำเอาไว้ให้เป็นทางเลือก  เพราะคิดว่าคนออกแบบผลิตภัณฑ์ตัวนี้คงจะเคยพบกับความรู้สึกว่า  อยากฟังเพลงนี้กับเครื่องเสียงดีๆในบ้าน  แต่ไม่อยากเดินสาย  ทำอย่างไรดี….

เพิ่มระบบแลนไร้สาย ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะวางไว้ในห้องทำงาน  ระบบเน็ตไร้สายอยู่ข้างนอกห้อง  ถ้าใช้โน๊ตบุ๊คก็ไม่มีปัญหา  สามารถใช้ wireless ในตัวมันเองเล่นเน็ทได้เลย  แต่คราวนี้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ  จะซื้อแท่ง usb wireless มาใช้ ก็อาจจะใช้ได้กับเครื่องที่ลงวินโดส์เท่านั้น  แต่ผมตั้งใจว่าในห้องทำงานจะมีเครื่องที่เป็นระบบปฏิบัติการอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น OSX ของแม็คอินทอช  หรือ Linux ตระกูลต่างๆ  แท่ง usb wireless อาจจะไม่สามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการอื่นๆเพราะคงไม่มีไดรเวอร์ให้ใช้  การใช้งานเน็ตคงเหลือเพียงต่อผ่านสายแลนเท่านั้น

 

 

การต่อสายแลนจากห้องหนึ่ง ไปอีกห้องหนึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากมาก  ต้องเจาะ ต้องเดินสาย  เสียเงินไม่น้อย  แถมยังเสียความสวยงามของบ้านไปอีก  อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าจะแก้ปัญหาได้ดีก็คือ  ซื้อตัวรับส่งสัญญาณ wireless ที่มีช่องรับสายแลน  แล้วเอาตัวที่ว่านี้ไปต่อกับสายแลนในห้องทำงาน  ในส่วนของระบบไร้สายก็ให้มันไปเชื่อมต่อกับระบบไร้สายเดิมในบ้าน

 

 

ทุกอย่างที่ออกแบบไว้เป็นความสามารถที่มีอยู่ใน Airport Express ซึ่งเป็นอุปกรณ์ระบบ Wireless ตัวหนึ่งของ apple  เจ้าตัว Airport Express นี้มีหน้าที่เชื่อมต่อสายแลนแล้วแปลงให้เป็นระบบไร้สาย  ผมมีอุปกรณ์ตัวนี้อยู่ก่อนแล้ว 1 ตัว คือต่อไว้กับ Router Adls  เพื่อทำให้ในบ้านสามารถเล่นเน็ทไร้สายได้  ทำให้เครื่องแมคอินทอชที่ต่ออยู่กับทีวีสามารถใช้เน็ทได้  และพอผมเพิ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะไว้ในห้องทำงาน  ผมเลยซื้อ Airport Express เพ่ิมอีกตัวหนึ่งเพื่อทำให้คอมพิวเตอร์ในห้องทำงานที่เป็นระบบสายแลนทั้งหมดสามารถเชื่อมต่อกับเน็ทในบ้านได้  งงไหม?

 

Airport Express ยังมีข้อดีที่เด็ดกว่านี้อีก  ถือว่าเป็นของแถมที่ชักชวนให้ซื้อยิ่งกว่าความสามารถหลักของมันเสียอีก  ไว้จะมาโม้ต่ออีกทีครับ

Pro application need Pro Machine ภาค 1

ผมนึกถึงคำพูดนี้ขึ้นมา เพราะว่าชีวิตผมเริ่มต้องทำงานแบบโปรเฟสชั่นนัลเสียที  ในสมัยที่ยังหาเงินได้ไม่เยอะ  จะซื้อจะหาอะไรมาเล่นหรือใช้งาน ก็มักจะหาของถูก  ของลดราคา หรือแม้แต่ของตกรุ่นมาใช้  ผลก็คือผมมีของใช้งานจริงตามที่ตั้งใจ  แต่ก็แลกมากับข้อจำกัดบางอย่างที่เราก็รู้อยู่แก่ใจ  ถ้าพ่อเป็นนักการเมืองผมก็คงจะเลือกใช้ของที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องสนใจเรื่องตัวเงิน  แต่ว่าชีวิตจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น  เงินที่มีอยู่จำกัด เลยต้องใช้แบบจำกัด  เลยต้องพยายามใช้ของถูกเข้าไว้  เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สาระสำคัญของชีวิตในวันที่ผ่านมา  เพราะผมใช้ของเหล่านั้นเพื่อความเพลิดเพลิน  แต่ระยะหลังงานอดิเรกหลายอย่างสามารถเปลี่ยนเป็นรายรับได้  เลยทำให้เริ่มอยากทำอะไรมากขึ้น เริ่มไปถึงข้อจำกัด และสุดท้ายอยากก้าวให้พ้นข้อจำกัดของถูก หรือ ของที่ยังไม่โปรเฟสชันนัลเสียที

IMG_9021

 

เครื่องเล่นเพลงต่างๆที่ผมเคยใช้มา  สมัยเด็กๆ  ผมใช้เครื่องเล่นซีดีที่ราคาต่ำที่สุดในท้องตลาด เครื่องขยายเสียงหรือแอมป์ก็รุ่นเล็ก  แค่ได้ใช้งานแผ่นซีดีเพลงก็รู้สึกยอดเยี่ยมแล้ว  รู้ว่ามีของราคาแพงกว่านี้เป็นสิบเป็นร้อยเท่า แต่ผมก็พอใจกับเครื่องเล่นซีดีที่ผมพยายามเก็บเงินซื้อ และทนใช้จนเรียนจบ  วันที่ผมเริ่มเที่ยวเล่นไปตระเวณฟัง  ไปดูการทำงานในห้องบันทึกเสียง ผมก็เริ่มจะเข้าใจว่าเสียงที่ดีกว่าเครื่องเล่นซีดีถูกๆของผมนั้นเป็นอย่างไร  ผมฟังออกรับรู้ทุกอย่าง  แต่ก็ทำใจบอกว่า เราไม่จำเป็นต้องใช้ขนาดนั้น  ทำไมเครื่องเล่นซีดีในห้องบันทึกเสียงถึงต้องแพงเหยียบแสน  เครื่องเล่นซีดีของนักทดสอบเครื่องเสียงหลายๆคนราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อ  สิ่งที่แตกต่างก็คือมันให้เสียงที่ดีกว่า  ตอบสนองย่านความถี่กว้างกว่า  ให้เสียงที่ชัดกว่า  ผมถามตัวเองว่าแล้วมันมีประโยชน์กับเราไหม  ผมมีคำตอบให้ตัวเองว่า เราฟังเพื่อความเพลิดเพลิน  ไม่ได้ฟังเพื่อวิจารณ์ทดสอบ เราไม่ต้องใช้ขนาดนั้นก็ได้  แต่ถ้าวันหนึ่งที่ผมจะต้องวิจารณ์เครื่อง หรือวิจารณ์เพลง  ผมก็คงจะเลือกซื้อเครื่องแพงๆเหล่านั้นเอาไว้ใช้เป็น “เครื่องมือ” สำหรับทำงาน  โชคดีที่วันนี้ผมยังไม่ต้องวิจารณ์เครื่องเสียง

IMG_1378

 

กล้องถ่ายรูปก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด  ผมหัดถ่ายภาพด้วยกล้องราคาประหยัด ฟังค์ชั่นพอใช้ได้  และเลือกใช้เลนส์อเนกประสงค์  คุณภาพเป็นอย่างไรช่างมัน  เอาซูมช่วงกว้างเยอะๆเข้าไว้  จะถ่ายอะไรก็สามารถเลือกซูมภาพได้ตามใจ  ผมเลือกใช้เลนส์ช่วงซูม 28-200 ยี่ห้อแทมรอน  เป็นเลนส์ที่ผมเรียนรู้หลักการถ่ายภาพและเที่ยวเล่นไปพร้อมๆกัน  มันทำงานให้ผมได้ตรงตามความต้องการ  คือจะถ่ายมุมกว้างก็ได้  ถ่ายซูมใกล้ๆก็ได้  สิ่งที่ผมรู้ในวันนั้นก็คือ  ไม่เห็นจะต้องใช้ของแพงเลย  เลนส์ที่แพงกว่าผมห้าเท่า  แต่ซูมแคบกว่ามากๆ ไม่เห็นจำเป็นเลย  สองปีผ่านไปเลนส์อเนกประสงค์ของผมก็เริ่มมีอาการรวน และสุดท้ายมันเสียหายไม่สามารถใช้การได้  มันอาจจะเป็นเรื่องปกติที่จะมีของเสียหาย  รวมไปถึงกล้องถ่ายภาพที่เริ่มรวนบ่อยขึ้นเรื่อยๆ  ซึ่งเป็นเพราะผมใช้งานมันอย่างหนัก  ปีแรกเอาไว้หัดถ่าย ปีที่สองเป็นต้นมาผมเริ่มรับจ้างถ่ายภาพ

_MG_6346

 

สองปีผ่านไปกล้องกลับเลนส์ทำงานหนักมาก จนในที่สุดก็เสีย  และมันดันเสียวันที่ผมกำลังรับจ้างทำงาน  นาทีนั้นถ้าเสกได้  ผมจะเสกกล้องกับเลนส์รุ่นท๊อปมาใช้เลย  โดยเหตุผลประการเดียวคือความทนทาน   ซึ่งมันหมายถึงผมไว้ใจมันได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นว่ามันสามารถอยู่กับผมจนงานจบ  นั่นทำให้ผมเริ่มเข้าใจช่างภาพอาชีพที่เขาใช้ของระดับโปร ราคาสูงกว่าผม  กล้องของเขาไว้ใจได้ว่าทนกว่ากล้องระดับสมัครเล่น  เลนส์ของเขาแต่ละคนมีอายุไม่น้อย บางคนห้าปี  บางคนสิบปี  แต่ผมกลับต้องทิ้งเลนส์ตัวเองในปีที่สามเท่านั้น  ผมต้องซื้อกล้องตัวใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตัว  ซื้อเลนส์ตัวใหม่อีกหนึ่งตัว  ซึ่งผมดันคิดงกกับตัวเองคือไม่ยอมซื้อเลนส์แพงๆเกรดดีมาใช้  อีกปีต่อมาผมก็ต้องทิ้งเลนส์แล้วซื้อตัวใหม่อีกเหมือนเดิม  แบบนี้เขาเรียกว่าเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย

_MG_2847

 

ในที่สุดวันหนึ่งที่ผมต้องซื้อเลนส์อีกครั้ง  ผมเลือกซื้อเลนส์เกรดโปรราคาแพงที่สุดที่ผมเอื้อมถึง  แล้วมันก็ทำงานให้ผมได้อย่างยอดเยี่ยม  คุณภาพดีกว่าเลนส์ราคาถูกอย่างไม่ต้องเทียบ  ภาพสวยจากเลนส์แพงๆมันเป็นอย่างไรผมก็ได้สัมผัส  และสิ่งที่ตามมามากกว่านั้นคือมันไว้ใจได้ มันทนมาก  หยิบออกมาใช้งานผมไม่เคยต้องกังวลว่ามันจะมีปัญหาอะไร  สามปีผ่านไปมันยังทำงานได้เหมือนวันแรก  ไม่มีอาการโทรมให้เห็นเลย  เป็นกรณีตัวอย่างที่ดีสำหรับผม  ทำให้ผมมั่นใจว่าคิดไม่ผิด

IMG_20170408_100658

 

ในงานถ่ายภาพ นอกจากเลนส์ก็มี แฟรชอีกตัวหนึ่งที่เข้าข่ายเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายเหมือนกัน  ผมเริ่มต้นด้วยของถูก  ถูกมากๆ  แล้วมันก็เสียบ้าง  ไม่สามารถใช้งานได้ในบางสถานการณ์บ้าง  คุณภาพที่ได้จากแฟรชก็ไม่ดีเท่าของเกรดโปร  ลูกเล่นและความสามารถพิเศษที่สามารถเนรมิตภาพได้ทันจินตนาการก็ต่ำตามงบประมาณ  ผมใช้ของถูกหลายตัว  เพราะมันทำบางอย่างไม่ได้ เลยต้องมีหลายตัว  สุดท้ายผมซื้อของถูกรวมๆกันใช้เงินแพงกว่าซื้อของดีแค่ตัวเดียว  วันดีคืนดี  แฟรชที่ใช้งานอยู่เกิดเสีย  ตัวอื่นๆที่มีอยู่ก็ไม่มีฟังค์ชั่นที่ผมต้องการใช้  หมายความว่าผมไม่มีแฟรชสำรองให้ใช้เลย  วันนั้นผมต้องถ่ายรูปงานรับปริญญาของลูกค้าคนหนึ่ง  ผมคงจะไม่หงุดหงิดสักเท่าไรถ้าลูกค้าคนนั้นไม่ใช่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  แม้เขาจะเป็นคนธรรมดา แต่ในใจผมก็อยากจะมีผลงานที่ผมถ่ายคนดังเก็บไว้  แฟรชเสียขณะกำลังจะถึงเวลานัดพบ  ผมต้องอาศัยขอความช่วยเหลือจากเพื่อนให้ไปซื้อแฟรชตัวใหม่ให้ทันที แล้วรีบเอามาให้ผมให้เร็วที่สุด  และแน่นอนที่สุด  ผมให้เพื่อนช่วยซื้อรุ่นท๊อปมาให้  ของถูกอยู่กับผมสองปี เสียหนึ่งครั้ง  ของแพงอยู่กับผมปีที่สี่แล้ว ยังไม่เสียเลย  มันเป็นเรื่องที่อดคิดไม่ได้ว่าของเกรดโปร ดีกว่าจริงๆ

แนะนำลำโพงพกพาเสียงดีมาก กระบอกพร้อม dock

สามวันก่อนผมเดินเล่นดูของอยู่ที่ฟอร์จูน  ดูคอมพิวเตอร์  ดูโน๊ตบุ๊ค  ของถูกน่าซื้อเต็มไปหมดเลย ระหว่างที่ลังเลอยู่  ก็เดินผ่านตู้ขายของตู้หนึ่ง เป็นเอ็มพีสามและลำโพงเล็กๆหลายยี่ห้อ  ลองเดินเข้าไปดูตามความเคยชิน  หน้าตาลำโพงสำหรับพกพาก็จะเล็กๆ  เท่าที่เคยเห็นและลองฟังมา  มีของแพงอยู่รุ่นหนึ่งของ Yamaha รูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดประมาณแก้วน้ำย่อมๆ  คุณภาพเสียงก็อยู่ในระดับธรรมดา  แต่ราคาไฮโซเหลือเกิน  ไม่สามารถจะทำใจได้  ลำโพงจะแพงกว่าเครื่องเล่นเสียอีก  เลยไม่ได้ซื้อสักที  คราวนี้ที่หน้าตู้ขายของมีลำโพงที่ไม่สามารถระบุยี่ห้อได้อยู่หลายยี่ห้อ  ถามคนขายอย่างตรงไปตรงมาว่า ตัวไหนเสียงดีที่สุด  คนขายก็ชี้ไปตัวยาวๆทรงกระบอก  หน้าตาคล้ายไฟฉายขนาดกลางๆ  ดูรูปร่างแล้ว พอจะยัดลงกระเป๋าโน๊ตบุ๊คได้  ส่วนตัวอื่นๆที่ไม่ได้ถูกชี้ก็ถามให้แน่ใจว่าทำไมถึงไม่ดี  บางตัวคนขายก็บอกว่า เปิดดังๆเสียงแตกง่าย  บางตัวเสียงเบา  ตัวที่เขาแนะนำสามมารถเปิดได้ดังที่สุดโดยที่เสียงยังไม่แตก  ฟังเหตุผลแล้วก็โอเคยอมรับได้  เลยลองฟังเทียบ  พบว่าเสียงไม่แตกจริงๆ  ขณะที่ตัวอื่นๆที่ไม่ได้ถูกแนะนำจะเสียงค่อนข้างเบา  ถ้าเร่งให้ดังก็เสียงแตกไม่น่าฟัง

ลำโพงตัวที่สนใจมีอยู่สองรุ่น  รุ่นแรกมีช่องสำหรับวาง ipod ได้ด้วย  สามารถใช้ร่วมกับ ipod โดยไม่ต้องต่อสาย  แบบนี้เท่ห์มาก  ฟังค์ชั่นไฮโซแต่ราคาเท่านวดในสปาครั้งเดียว  ส่วนอีกรุ่นที่คล้ายๆกันจะถูกเหมือนนวดแผนโบราณ  ราคาถูกลงเพราะตัดขั้วสำหรับวาง ipod ออกไป  ต้องใช้ต่อผ่านสายสัญญาณเท่านั้น  ทั้งคู่ใช้ถ่านไฟฉายได้  สามารถใช้ไฟเลี้ยงจากพอร์ตยูเอสบีของคอมพิวเตอร์ได้  สามารถอะแด๊ปเตอร์แปลงไฟได้ตั้งแต่ 5-9 โวลท์  ตอนทดลองฟังก็เอา ipod มาวางทดสอบ  เสียงร้องของนอร่าโจนส์ทำให้เราต้องฟังอย่างตั้งใจ  เสียงชัดและไม่แตก  เสียงกลางเด่นมาก  เสียงย่านความถี่ต่ำที่มักจะไม่ค่อยได้ยินจากลำโพงคอมพิวเตอร์ก็ชัดเจน  เสียงดับเบิ้ลเบสในเพลงแจ๊สได้ยินชัดเจน  ฟังออกว่าเสียงดีดสายเบสเป็นอย่างไร  วิจารณ์กันไปยังกับนักฟังหูทอง  สรุปแค่ว่าลำโพงคู่นี้ให้เสียงได้ดี  เข้าข่ายลำโพงไฮไฟ  ตัวเล็ก ประสิทธิภาพสูง  สามารถใช้ฟังได้ทั้งวันไม่แสบหูแน่นอน  ก็เลยสอยกลับบ้าน…..

มาถึงบ้านก็ลองหลายอย่าง  ฟังใกล้ๆ  ฟังไกลๆ  วางบนโต๊ะ  วางพื้น  วางบนหิ้ง  คุณภาพเสียงก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี  ฟังที่ร้านดีแค่ไหนกลับบ้านก็ให้เสียงได้ดีกว่า  เพราะที่บ้านเสียงรบกวนน้อย  ฟังอะไรก็ไม่ยาก  สรุปแล้วคุ้มราคาค่าตัวมากๆ  ป้าย 695 บาท  น้องคนขายลดให้ไม่ต้องต่อเหลือแค่ 650 บาท  ราคาแค่นี้แต่เสียงดีกว่าลำโพงสเตอริโอตามห้างชุดละเกือบหมื่น  ไม่ซื้อได้ไง