เพลง when you say nothing at all ถูกเปิดดังอยู่ในรถของแม่ขอบฟ้ามานานหลายเดือนแล้ว เพลงนี้เป็นหนึ่งในหลายเพลงที่ก็อปปี้ไว้ในแผ่นซีดีและถูกใส่ไว้ในรถยนต์ของแม่ เวลาที่นั่งรถแม่ ขอบฟ้าก็มักจะได้ยินเพลงนี้ จนขอบฟ้าจำได้ และขอบฟ้าจะคิดว่า แม่ชอบฟังเพลงนี้ เพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่1ในแผ่นซีดีนั่นเอง ซึ่งเพลงนี้ก็มีความหมายที่ดี ถือเป็นเพลงที่เพราะมากเพลงหนึ่ง
เพลง when you say nothing at all เวอร์ชั่นที่ขอบฟ้าฟังเป็นเพลงที่ถูกร้องโดย Ronan keating เป็นนักร้องชายที่นำเพลงมาร้องใหม่ ทำดนตรีใหม่ และเพลงเวอร์ชั่นร้องใหม่นี้ถูกใช้เป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง nothing hill ที่นำแสดงโดย Hugh Grant และ Julia Roberts ในช่วงปี คศ1999 หนังเรื่องนี้ดังทั่วโลก ส่งผลให้เพลงนี้ฮิตทั่วโลก และโลกก็รู้จักเพลงนี้ และเข้าใจว่าเพลงนี้เป็นเพลงของ Ronan keating
ขอบฟ้าเคยฟังเพลงนี้ในรถพ่อและบอกว่าชอบเพลงนี้ ผมก็เลยเล่าให้ฟังว่าเพลงนี้มีที่มายังไง และศิลปินต้นฉบับที่ร้องเพลงนี้เป็นผู้หญิง แต่นักร้องชายเอามาทำใหม่และดังมาก ความโด่งดังของนักร้องชายถ้าเทียบกับนักฟุตบอล ก็จะเหมือน David Beckham เหมือน Christiano Ronaldo ขอบฟ้าก็เสริมว่าเหมือน Messi ด้วย ผมตอบว่าใช่ นักร้องเขาดังไปทั่วโลก ใครๆก็รู้จัก และขอบฟ้าก็จำข้อมูลนี้
ต้นฉบับเพลงนี้ผมเข้าใจว่าเป็นของนักร้องหญิงคนหนึ่งที่ทำไว้ก่อนหน้าหนังเรื่องนี้อยู่หลายปี แต่พอหาประวัติแล้วก็พบว่าคนแรกที่ทำออกมาคือนักร้องชายชื่อ Keith Whitley ซึ่งเป็นศิลปินแนวเพลง country ทำเพลงนี้ออกมาในปี 1988 และมีนักร้องอีกหลายคนเอามาร้องใหม่ ซึ่งก็มีนักร้องผู้หญิงเอาไปร้องด้วย นั่นทำให้ผมจำว่าเพลงต้นฉบับเป็นของนักร้องหญิง
ตัดกลับมาที่รถพ่อ วันที่ขับรถไปส่งขอบฟ้าที่โรงเรียน ผมก็เปิดเพลงจากโทรศัพท์ให้ดังในรถ แล้วก็มีเพลง when you say nothing at all ดังขึ้นตรงกลางเพลง ขอบฟ้าฟังอยู่สักพักก็ถามว่า นี่ใช่ไหมที่บอกว่าเป็นเจ้าของเพลงคนแรก ผมนึกอยู่พักนึงก็ตอบว่า ไม่ใช่ เพลงที่กำลังฟังเป็นนักร้องหญิงที่ชื่อ Simone เป็นนักร้องที่เอาเพลงนี้มาร้องใหม่อีกคนหนึ่ง แต่ไม่ดังเท่านักร้องผู้ชายที่ขอบฟ้าฟังบ่อยๆ
ลำโพงในวงการเครื่องเสียงจะมีรุ่นที่เป็นดาวค้างฟ้า ได้รับความนิยมมายาวนานอยู่หลายตัว แต่ละตัวเป็นตำนานที่มีเรื่องเล่าที่ใช้เวลาพูดคุยกันได้เป็นชั่วโมง บางรุ่นเป็นวันๆ บางรุ่นหาอ่านข้อมูลเป็นเดือนก็ยังไม่หมด บางรุุ่นเป็นปี ซึ่งในครั้งนี้เราจะพูดคุยและทดสอบลำโพงคู่หนึ่งที่มีประวัติยาวนานและเป็นตำนานระดับหัวแถวของวงการเครื่องเสียงของโลกและของไทย นักอ่านและนักเล่นรุ่นใหม่ๆจะได้รับข้อมูลที่น่าสนใจเพื่อประดับความรู้ ส่วนตัวผมเองแม้จะติดตามและเล่นและอ่านมาสักยี่สิบปีแล้ว แต่ก็ยังคงถือว่าเป็นมือใหม่กับตำนานลำโพงคู่นี้ Roger LS 3/5
ถ้าเพาเวอร์แอมป์ต้องมาร์คเลวินสัน เครื่องเล่นแผ่นเสียงต้อง Linn LP12 แอมป์หลอดต้อง VTL ลำโพงยักษ์ต้อง wilson ลำโพงวางหิ้งก็ต้องเป็น Roger LS 3/5 นี่แหละ แม้หลายคนจะมีความเห็นต่างว่าลำโพงวางหิ้งอย่าง Proac หรือ Totem จะเป็นวางหิ้งหัวแถวแย่งกันเป็นที่ 1 เช่นกัน แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่า Roger LS 3/5 ยิ่งดูประวัติที่ยาวนานแล้ว หายากที่จะมีลำโพงที่เจ๋งกว่า LS 3/5 เพราะแม้แต่ต้นทางที่ออกแบบลำโพง LS 3/5 ยังไม่สามารถสร้างลำโพงวางหิ้งรุ่นใหม่ที่ดีกว่านี้ได้เลย แม้ว่าเวลาจะผ่านมาแล้วสามสิบกว่าปี
เรื่องราวของ Roger LS 3/5 ที่มากมายมหาศาลและมีข้อมูลที่แน่นที่สุดในโลกหาได้จากเว็บ ls35a.com ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่ใหญ่และละเอียดที่สุดที่สร้างและรวบรวมโดยนักเล่นที่มีใจรัก ไม่ใช่เว็บของผู้ผลิต ไม่ใช่เว็บของบริษัทขายเครื่องเสียง ข้อมูลเหล่านี้ผมตามอ่านมานานแล้ว และอ่านเข้มข้นมากขึ้นเมื่อทราบจาก hifilover.com ว่าจะให้ผมฟังทดสอบเพื่อ review ลำโพง LS 3/5คู่นี้ เรามาเริ่มต้นกันเลยดีกว่า
สำนักข่าว BBC เป็นสำนักข่าวรายใหญ่ของประเทศอังกฤษ มีเครือข่ายทั่วประเทศและทั่วโลก มีการสร้างรายการโทรทัศน์จำนวนมากมาย มีส่วนของการรายงานข่าว มีส่วนของการผลิตรายการสารคดี BBC ใหญ่มาก ใหญ่จนต้องมีทีมวิจัยเป็นของตนเอง งานวิจัยจำนวนมากถูกทำขึ้นเพื่อพัฒนาคุณภาพของภาพและเสียงให้สมบูรณ์ที่สุด เมื่อ BBC ลุยงานด้านสื่อมาระยะหนึ่ง ก็มีความเห็นจากคนภายในว่าถึงเวลาต้องวิจัยสร้างลำโพงมอนิเตอร์ของตัวเองสักที เพราะทีมข่าว รถถ่ายทอดหรือรถโอบี ห้องตัดต่อ ทุกหน่วยในองค์กรต่างก็ต้องการอุปกรณ์เครื่องเสียงที่มีคุณภาพที่เหมือนกันทั้งระบบ จะไปทะยอยซื้อของใช้เองทีละหน่วยมันทำให้ควบคุมคุณภาพไม่ได้ รายการทีวีของ BBC ควรจะได้รับการตัดต่อและปรับแต่งจากมอนิเตอร์ตัวเดียวกันทั้งระบบถึงจะดีที่สุด เมื่อมีแนวคิดดังนี้ก็เลยเกิดโครงการพัฒนาลำโพงขึ้น
ทีแรก ลำโพงที่ผลิตออกมาเพื่อตอบสนองต่อโปรเจ๊คลำโพงมอนิเตอร์ยังไม่ใช่ LS 3/5 เพราะว่า วงจรตัดแบ่งความถี่ที่ใช้กับ LS 3/5 เกิดขึ้นมาก่อนลำโพงเสียอีก โดยดูได้จากขั้วต่อต่างๆในวงจรแบ่งความถี่ที่มีการทำขาเชื่อมต่อหลายๆตำแหน่ง หลายๆระดับเพื่อใช้กับดอกลำโพงหลายๆรุ่น พูดง่ายๆก็คือ BBC ได้พยายามทำลำโพงมาหลายรุ่นแล้ว จนกระทั่งมาถึงคิวลำโพงอย่าง LS 3/5 ก็เลยหยิบครอสโอเวอร์เน็ทเวิร์คที่มีอยู่แล้วมาใช้งาน ลำโพง LS 3/5 รุ่นแรกเลยเป็นเหมือนลำโพงที่โดนผ่าตัด โดนยำมาจากอุปกรณ์ที่มีอยู่ใกล้มือในห้องวิจัยของ BBC
ผมเอา ipod video gen5 ต่อผ่าน Dock ชนิด active ตัวหนึ่ง แล้วต่อสัญญาณ RCA เข้ากับอินทิเกรตแอมป์แบบโซลิทสเตท หรือ VCL 75 วัตต์ บางวันก็ฟังแล้วเสียงดี บางวันก็เสียงไม่ดี บางครั้งก็เสียงแตกเร่งไม่ขึ้น บางวันก็เร่งได้ดังโดยไม่มีอาการคลิป พอมานั่งวิเคราะห์ดูก็ไปเจอสาเหตุ สาเหตุก็คือ ผมปรับระดับเสียงดังเบาจาก Dock นั่นเอง เพราะว่า Dock ที่ผมใช้เป็นระบบ Active มันจึงมีปุ่มให้ปรับระดับเสียงด้วย การปรับระดับเสียงที่ Dock ตัวนี้ให้ดังขึ้นบางครั้งมันเกิดอาการคลิป มีเสียงแตกเล็ดลอดออกมา มันเป็นเพราะว่า สัญญาณขาออกจาก Dock ที่ปรับระดับเสียงเพิ่มเข้าไปมันให้แรงดันที่สูงมากเกินกว่าภาคปรีแอมป์ในอินทิเกรตจะทำงานได้ พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ สัญญาณวิ่งเข้าอินทิเกรตมีแรงดันสูงเกินไป และอาจจะบวกกับอิมพีแดนซ์ขาออกของ Dock อาจจะสูง ทำให้ภาครับของปรีแบ่งแรงดันไปได้ไม่เท่าไหร่ก็พีคหรือเกือบพีค ทำให้ภาคปรีที่รับสัญญาณเข้ามาขยายต่อเพียงนิดเดียวมันก็ชนเพดานของปรีแอมป์แล้ว พอมันส่งไปขยายต่อที่ภาคสุดท้ายมันก็เลยมีเสียงเครียดๆเสียงแตกให้ได้ยิน อาการนี้ต้องบอกว่าแหล่งโปรแกรมถูกเร่งเสียงแล้วเกิดอาการไม่แม็ทช์ แต่ถ้าไม่เร่งที่ Dock เสียงก็พอใช้ได้
ipod mini เป็นเครื่องเล่นเพลงติดตัวผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เครื่องเล่นเทปวอล์คแมนผมก็เก็บลืมตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเช่นกัน และจนบัดนี้มันก็ไม่เคยทำงานอีกเลย คุณภาพเสียงของ ipod mini ทำให้ผมเริ่มหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หาประวัติของ ipod เลยทำให้เริ่สนใจเครื่องคอมพิวเตอร์ของ apple ไปพร้อมกัน แม้ว่าผมจะชอบ ipod แต่ผมก็ยังไม่คิดจะใช้คอมพิวเตอร์ของ apple เพราะว่าตอนนั้นผมมีอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์ และเครื่องโน้ตบุ๊คส่วนตัวผมเป็น ibm หน้าตาดำๆถึกๆ มันเป็นโลกของ windows และ ibm และ โปรแกรม visual studio ของ microsoft