รีวิวหูฟัง Lenovo H500 Pro 7.1

มีเหตุให้ต้องเอาคอมพิวเตอร์ไปซ่อมที่ฟอร์จูน และเดินผ่านร้านขายสินค้าร้านหนึ่งที่ขาย lenovo ทั้งร้าน มองผ่านๆเจอมุมลดราคาก็เลยเข้าไปดูสินค้าทีละชิ้น ส่วนมากก็เป็นเม้าส์ คีย์บอร์ด และมีหูฟังวางโชว์อยู่ด้วย ดูชื่อรุ่น สเป็คคร่าวๆ สะดุดตากับคำว่า 7.1 ก็เลยสนใจ

IMG_20250831_171248652

หาข้อมูลเพิ่มเติมทันที หูฟัง lenovo H500 pro 7.1 ก็พบว่าเคยมีราคาขายอยู่ที่ 2990 บาทในบางร้านเมื่อหลายปีก่อน มาปีนี้คงเป็นสินค้าที่เก่าเก็บ ขายไม่ออก อาจจะเพราะหูฟังครอบหูไม่ได้รับความนิยม และราคาขายระดับเกือบสามพันบาทก็จะมีคู่แข่งเยอะมาก ไม่แปลกใจถ้าจะขายไม่ดี เพราะชื่อ lenovo ไม่ได้เด่นเรื่องหูฟัง ในแวดวงเครื่องเสียง ยี่ห้อหูฟังมีตัวเลือกอื่นๆอีกเพียบที่ได้รับความนิยมมากกว่า

IMG_20250831_192023210

เห็นคำว่า 7.1 ก็ทำให้สงสัย เลยไปหาข้อมูลเพิ่ม พบว่า H500 มีฮาร์ดแวร์ที่สร้างเสียง 7.1 ได้ในตัวทำให้ไม่ต้องลงไดรเวอร์ เป็นความสะดวกสบายลำดับแรกเลย และที่สำคัญ ใช้กับ mac ก็ได้ ใช้กับ android tv ก็ได้ ตรงนี้น่าสนใจมาก ถ้าเสียงมันดีและได้ระบบ 7.1 มาด้วยสร้างเสียงรอบทิศในการดูหนังก็จะน่าใช้มาก แต่หาอ่านรีวิวในเรื่องของคุณภาพเสียงไม่ได้เลย ก็เลยซื้อมาลองเอง วัดดวงกันว่าจะดีหรือไม่ดี

messageImage_1756647712135

หูฟัง lenovo H500pro 7.1 จะเรียกสั้นๆว่า H500 เป็นหูฟ้งไดรเวอร์ไดนามิคแบบเดี่ยวขนาด 5cm ซึ่งถือว่าใหญ่พอใช้ได้ ตัวหูฟังออกแบบให้เป็นสายเสียบ 3.5มม. แบบ TRRS หรือมีขีดดำ 3 ขีด ขั้วสัมผัสออกแบบมาให้ใช้กับโทรศัพท์มือถือได้ ใช้กับโน้ตบุ๊คที่มีช่องหูฟังแบบ combo ได้ คือหูฟังกับไมค์อยู่ในแจ็คเดียวกัน ขณะเดียวกันก็มีอุปกรณ์อีกชิ้นที่ออกแบบมาให้ใช้คู่กันคือมีซาวน์การ์ดหรือ usb sound พร้อมปุ่มคอนโทรล ด้านหนึ่งเป็นสาย usb เอาไว้เสียบกับคอมพิวเตอร์ อีกด้านเป็น 3.5mm เพื่อใช้เสียบหูฟัง และเราสามารถใช้หูฟังอื่นๆมาเสียบกับ usb sound ตัวนี้ได้ด้วย

messageImage_1756647308499

ที่ปุ่มควบคุมจะมีปุ่มกดดังนี้ ด้านซ้ายเป็นตัวปิดไมค์หรือ mic on/off ด้านหน้าปุ่มบนเป็นปุ่ม 7.1 กดเพื่อใช้งาน กดอีกครั้งเพื่อเลิกใช้ ตอนใช้งานฟังค์ชั่น 7.1 จะมีไฟสีฟ้าเรืองแสงขึ้นมา ปุ่มถัดมาที่ด้านหน้าจะเป็นปุ่ม EQ เอาไว้ปรับโทนเสียง มีให้เลือก 3 แบบ คือ 1 Game, 2 Music, 3 Movie

ทดลองฟัง

อุปกรณ์ที่่ใช้ร่วมทดสอบคือคอมพิวเตอร์เล่นเกมส์ msi claw ultra5 ปิดการทำงานของซอร์ฟแวร์ติดเครื่อง Nahimic ซึ่งเป็นตัวจัดการเสียงของเครื่อง ปล่อยให้เป็นการทำงานของวินโดส์และหูฟัง H500 เท่านั้น ในส่วนของ sound setting ของวินโดส์ก็ปิดการช่วยเหลืออื่นๆด้วย

จุดเด่นของ H500 คือ หูฟังมีน้ำเสียงที่สมดุลย์ดี เสียงย่านต่ำ กลาง แหลม มาพอดีกัน ไม่ได้เด่นไปทางใดทางหนึ่ง เป็นสไตล์เสียงของเครื่องเสียงบ้าน ให้เสียงกลางที่เปิดเผย และปลายเสียงสูงที่ลากยาวได้ดี สามารถให้เสียงประกายของเครื่องเคาะโลหะแบบค่อยๆจางหายไป แนวนี้คือเสียงจะใส ความไวของหูฟังค่อนข้างสูง เทียบกับหูฟังมอนิเตอร์ที่มีชื่อเสียงหลายๆตัวที่มักจะกินกำลังขับมาก หากฟังเพลงด้วย H500 ด้วยระดับเสียงที่พอดีแล้ว พอเปลี่ยนไปเป็นหูฟังอย่าง AKG k701 เสียงจะเบาลงมากจนต้องเร่งเสียงเพิ่มขึ้น

จุดเด่นอีกอย่างคือ ระบบเสียงรอบทิศที่ฝังมากับ usb soundcard เลย ทำให้ไม่ต้องลงไดรเวอร์ และทำให้ใช้กับระบบปฏิบัติการอย่าง macos ได้ด้วย เพราะปกติ ระบบเสียงรอบทิศโดยเฉพาะ 7.1 มักจะต้องติดตั้งไดรเวอร์หรือซอฟแวร์พิเศษ และมักจะมีใช้ในระบบปฏิบัติการวินโดส์เท่านั้น ทำให้การฟังเสียงรอบทิศแบบ 7.1 บน macos เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เลย แต่ H500 ให้ระบบเสียงรอบทิศในตัวฮาร์ดแวร์ ทำให้ไม่เลือกระบบปฏิบัติการ

H500 จะสร้างเสียง 7.1 ทำให้การดูหนังได้รับเสียงที่สนุกขึ้น เสียงดีขึ้น เสียงโอบล้อมมากขึ้น H500 สร้างเสียงพูดให้อยู่ด้านหน้าคนฟังได้ทันที พร้อมกับเสียงแวดล้อมอื่นๆที่ห่อหุ้มคนฟังอยู่ การกดปุ่ม 7.1 ระหว่างใช้ กับ ไม่ใช้ ให้เสียงที่ต่างกันมากในแง่ของการโอบล้อมและการเน้นเสียงพูด แต่ไม่เปลี่ยนโทนเสียง การดูหนังแล้วใช้เสียง 7.1 ทำให้หนังสนุกขึ้น แต่ข้อเสียเดียวของ 7.1 ใน H500 คือ เสียงพูดมีความก้องหรือมี echo+reverb มากไปเล็กน้อย เสียงพูดถูกจัดวางไว้ด้านหน้าหรือเสียงที่เลียนแบบลำโพงเซ็นเตอร์นั้นดีมากแม่นยำในตำแหน่งกลาง แต่จะมีความก้องมากไปเหมือนอยู่ในโรงหนังขนาดใหญ่ ถ้าตัวหนังบันทึกเสียงพูดมาเยอะๆ ชัดๆ เราจะรู้สึกว่าเสียงก้องมากเกินไปในโหมด 7.1 แต่ถ้าเป็นหนังพูดน้อย หนังแอ็คชั่นไม่ค่อยพูด เราจะไม่รู้สึกว่ามันมีปัญหา

ปุ่ม 7.1 จะใช้งานได้แค่เพียงลำพัง ไม่สามารถใช้ร่วมกับปุ่ม EQ ได้ ถ้าเราเลือกใช้ปุ่ม EQ เพื่อปรับเสียง เจ้า H500 จะยกเลิกการทำเสียง 7.1 ทันที การฟังด้วยปุ่ม EQ จะเลือกได้ 3 โหมดคือ 1 Game, 2 Music, 3 Movie แต่ละโหมดจะเหมาะสมกับการใช้งานแตกต่างกัน ไม่มีกฏตายตัว ทดลองกดเลือกดู ถูกใจเสียงไหนก็ใช้เสียงนั้น เท่าที่ลองทั้ง 3 โหมด โหมด1จะเพิ่มเสียงเบส โหมด2จะเพิ่มเสียงกลาง โหมด3จะเพิ่มเสียงแหลม แต่หากจะปิด EQ ไปเลย เพื่อฟังเพลงแบบไม่ปรับแต่งก็ทำได้เช่นกัน และผมชอบเสียงแบบไม่ปรับแต่งนี้ที่สุดเมื่อใช้กับหูฟัง H500 แต่ถ้าใช้หูฟังอย่าง K701 กับ usb soundcard ตัวนี้ ผมจะปรับไป EQ1 ซึ่งจะทำให้เสียงเบสเยอะขึ้น เพราะ k701 เป็นหูฟังที่มีแนวเสียงที่เน้นเสียงกลางและแหลม เบสจะบางกว่าหูฟังทั่วไป และกับ K701 เราจะต้องเร่งระดับเสียงเพิ่มขึ้นอีกพอสมควรเลยถึงจะทำงานร่วมกันได้

เมื่อลอง usb sound ตัวนี้กับหูฟัง Audio technica ตัวหนึ่งที่เสียงเด่นในด้านเบส พบกว่าการปรับโหมด Eq ไปที่โหมด 3 เพื่อเพิ่มเสียงแหลมก็ให้เสียงโดยรวมของหูฟังมีความไพเราะขึ้น ผมเชื่อว่า Eq เป็นการปรับเสียงที่มีประโยชน์ หากเราใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์ เพราะมันช่วยแก้ปัญหาให้กับบางอุปกรณ์ได้ แต่ถ้าหูฟังคุณสมดุลย์อยู่แล้ว ไม่ใช้ Eq ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน

ปกติหูฟังราคาประมาณ 3000-5000 บาท มักจะมีคุณภาพที่ดีพอใช้งานจริงจังได้อยู่แล้ว เราคาดหวังกับคุณภาพเสียงการฟังเพลงได้ และ H500 ก็มีคุณภาพเสียงที่ดีตามระดับราคาหลักพัน แต่เมื่อลดราคาเหลือหลักร้อยมันเรียกว่าเป็นความคุ้มค่าแบบต้องรีบไปซื้อเลย ลำพังเพียงแค่ usb soundcard ที่ให้มาในชุดนี้ก็คุ้มค่าเต็มที่แล้ว เพราะเราไม่เคยมีอุปกรณ์สร้างเสียงรอบทิศ 7.1 แบบแยกมาให้ใช้ง่ายๆแบบนี้ แถมยังเปลี่ยนไปใช้กับหูฟังอื่นๆใดๆได้ด้วย เท่าที่จำได้ ประมาณห้าปีที่แล้วเรามี usb soundcard ราคาเกือบหมื่นบาทที่สามารถทำเสียง 7.1 ได้ ซึ่งมีแค่เครื่องนะ ไม่มีหูฟัง เรายังต้องซื้อหูฟังอื่นๆมาใช้ร่วมกันอีก

คุณภาพเสียงของ usb soundcard ดีกว่าเสียงที่ได้จาก sound onboard ที่มากับเครื่องคอมฯอย่างชัดเจน ลองบนเครื่องเล่นเกมส์ msi claw ultra5 ที่เป็นเครื่องสมัยใหม่เพิ่งออกไม่เกิน 1 ปี เสียงจาก sound usb มีความชัด ใสและไดนามิคเรนจ์ดีกว่ากันมาก เสียงกลางจะเปิดเผยฟังสบาย เสียงสูงจะมีประกายสดใสที่มากกว่าอย่างชัดเจน เสียงดนตรีต่างๆมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า

ลองใช้ H500 กับ macbookair เสียบสาย usb ก็ใช้งานได้ ฟังเพลงเพราะ ดูหนังได้ปกติ และกดปุ่ม 7.1 เพื่อใช้เสียงรอบทิศตอนดูหนังใน macos ก็ทำได้ด้วย ใครชอบดูหนังในคอมพิวเตอร์ควรจะหามาลองใช้ เพราะทำให้เสียงคล้ายกับในโรงหนังได้จริง ระบบ 7.1 จะดันเสียงพูดให้ไปอยู่ด้านหน้าตรงกลาง เสียงลำโพงซ้ายขวาจะถูกผลักให้อยู่ด้านหน้าซ้ายและหน้าขวาไม่ใช่อยู่ข้างหู ส่วนเสียงแอมเบี้ยนส์หรือเสียงแวดล้อมต่างๆของหนังก็จะให้ความรู้สึกว่าเสียงกระจายตัวห่อหุ้มเราอยู่ ความสามารถของ 7.1 แบบหูฟังทำให้ดูหนังสนุกขึ้น ตอนลองใช้ 7.1 ในนาทีแรกๆคุณอาจจะรู้สึกแปลกประหลาด แต่ถ้าคุณใช้ไปสัก 5 นาทีก็จะคุ้นเคยและรู้สึกว่าแบบ 7.1 ใช้ดูหนังสนุกดีเหมือนอยู่ในโรงหนังขนาดใหญ่จริงๆ

H500 ออกแบบ usb soundcard และหูฟังมาให้ทำงานร่วมกันได้พอดี เสียงโดยรวมออกมาดีมาก เป็นการแม็ทกันจากโรงงานมาเลย เปรียบเทียบให้ฟังคร่าวๆดังนี้ ปกติผมจะชอบใช้หูฟัง AKG K701 สำหรับการฟังเพลง และการทำให้ K701 ให้เสียงดีถูกใจที่สุดก็จะต้องต่อกับ headphoneamp ซึ่งจะทำให้มีกำลังขับที่เยอะเพียงพอจะไปสั่งการ K701 ให้มีคุณภาพสูง ส่วนหูฟังอีกตัวอย่าง Hifiman He400se มีเสียงดีมากเมื่อต่อตรงกับ Macbookair M1 หรือต่อกับเครื่องเล่นเพลงกำลังขับสูงๆ การจะใช้งาน H500 ให้ดีที่สุดก็คือใช้กับชุดของมันเอง ซึ่งคุณภาพสูงสุดของ H500 ยังไม่เทียบเท่ากับชุดฟังเพลง แต่ก็ให้โทนเสียงในแนวเดียวกัน

ข้อดี
H500 เสียบแล้วใช้งานได้เลย ไม่ต้องลงซอร์ฟแวร์เพิ่ม ให้โทนเสียงที่ฟังเพลงได้ดี มี EQ ปรับแต่งเสียงกดใช้งานได้ทันที โหมดการดูหนังสามารถเข้าสู่ 7.1 ด้วยปุ่มเดียว พกพาย้ายไปเสียบเครื่องอื่นได้สะดวก พกสาย usb sound ติดกระเป๋าโน้ตบุ๊คได้สะดวกมาก สามารถใช้ร่วมกับหูฟังอื่นๆเพื่อเปลี่ยนแนวเสียงได้ คุณภาพของ usb soundcard ดีกว่าของ onboard ที่ติดมากับคอมพิวเตอร์

ข้อเสีย
ถ้าซื้อในราคาเต็มก็จะต้องเทียบกับอุปกรณ์ระดับราคาเดียวกัน ซึ่งมีคู่แข่งหลายราย คุณภาพเสียงหูฟังไม่ได้ดีที่สุดในย่านราคานี้ น้ำเสียงเมื่อฟังเพลงยังไม่ใกล้เคียงกับเครื่องเล่นเพลงคุณภาพสูง ภาพdacและภาคขยายเสียงในอุปกรณ์ยังไม่เด่นในด้านคุณภาพ

สรุป
ผมซื้อ H500 เพราะต้องการใช้งานระบบเสียง 7.1 ที่ใช้งานง่ายในตอนดูหนัง และสามารถใช้งานได้ใน window และ mac os รวมถึงใช้กับ android box ได้ด้วย คุณภาพเสียงของ usb soundcard กับตัวหูฟังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ใช้งานได้หลากหลาย ถ้ามีหูฟังชุดเดียว ชุดนี้ใช้ได้ยาวๆ ไม่ต้องกังขาเรื่องคุณภาพ ถ้ามันทนนะ

IMG_1866

สาย usb soundcard ตัวนี้กลายเป็นอุปกรณ์สุดโปรดที่พกพาไปใช้ทุกที่ ใช้กับหูฟังตัวเล็ก ตัวใหญ่ ได้อย่างหลากหลายตามสะดวก เรียกได้ว่าติดกระเป๋าโน้ตบุ๊คเอาไว้เลย เพราะมันเป็นการอัพเกรดคุณภาพเสียงของเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกตัวได้ทันที

ข้อมูลทางเทคนิค
Headphone
Transducer Type Dynamic 50 mm with Neodymium Magnets
Frequency Range 20 Hz – 20 kHz
Impedance 32Ω ± 15% @ 1 kHz
Sensitivity (SPL) 99 ± 3 dB / 1 mW @ 1 kHz
Power Handling Capacity 50 mW
THD 200~3 kHz ≤ 3%

Microphone
Transducer Type Electret Condenser Microphone with Noise-Cancel
Operating Principle Pressure Operated
Polar Pattern Omnidirectional
Nominal Impedance ≤2.2KΩ
Frequency Range 100 Hz – 10 kHz
Sensitivity (SPL) -38 ± 3 dB
Advanced Audio Control Box
7.1 Mode Virtual 7.1 Surround Sound On/Off
EQ 3 Pre-set EQ (Game, Music, Movie)
Volume Control

CONNECTIVITY
Dimensions (W x D x H) (mm) : 182 x 210 x 92 (inches) : 7.2″ x 8.3″ x 3.6″
Weight Around 0.7 lbs (320 g)
Headband Structure Self-Adjust Suspension Headband with

Wired Connectivity
Wired via 3.5 mm Audio Jack or USB 2.0
Cable Length
Headset to 3.5 mm : 1 m
USB Advanced Control Box : 1 m

Supported OS*
Windows 10
Windows 8.1
Windows 8
Windows 7
Mac OS X 10.5.x or later
Xbox One™
PlayStation® 4
Nintendo Switch™

Compatibility Matrix
PC : 7.1 Surround via USB,
Stereo via 3.5 mm
PlayStation® 4 : Stereo via 3.5 mm
Xbox One™ : Stereo via 3.5 mm
Nintendo Switch™ : Stereo via 3.5 mm
Apple : Stereo via 3.5 mm
Mobile : Stereo via 3.5 mm

good lesson lighting เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการจัดแสงในการถ่ายวิดีโอ

Screenshot 2567-10-19 at 12.38.02
Screenshot 2567-10-19 at 12.37.35

mic setup for sony zv-1f

เด็กประถมทำ vlog ส่งครู

เด็ก ป5 ในยุคอินเทอเน็ตต้องทำงานส่งวิชาภาษาอังกฤษโดยครูให้ทำงานที่เรียกว่า vlog หรือเป็นการบันทึกคลิปวิดีโอเพื่ออธิบายตัวตน หรือสิ่งที่ชอบ

เมื่อได้ยินคำว่า vlog ก็เลยถามลูกว่ารู้ที่มาของคำนี้ไหม เลยถือโอกาสอธิบายให้ลูกฟัง ว่า vlog คืออะไร แล้ว blog คืออะไร มันเหมือน youtuber ไหม ซึ่งต้องขอเราเท้าความยาวสักหน่อย

IMG_9999

ในอดีตยุคก่อนอินเทอเน็ต เวลามนุษย์จะจดบันทึกก็จะใช้กระดาษ กับปากกา หรือดินสอ เขียนบันทึกเป็นข้อความ อดีตที่โบราณกว่านั้นก็จดลงบนใบลาน อดีตที่ไกลยิ่งกว่านั้นก็จะลงบนฝาผนัง จดลงบนดินเหนียวกันเลย กลับมาที่ยุคหลังจากที่เรามีคอมพิวเตอร์ราคาไม่แพงให้ชาวบ้านได้ซื้อใช้ คนเราก็เริ่มเปลี่ยนวิธีจดบันทึกเป็นการบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ เก็บเป็นไฟล์ดิจิทัล

2019-01-26 07.03.32 1


พอโลกเรามีเว็บไซต์ การทำเว็บก็เป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจ การจดบันทึกในอินเทอเน็ตเริ่มได้รับความนิยม และเมื่อจดบ้นทึก ก็เริ่มมีการเปิดให้คนอื่นมาอ่านสิ่งที่เราบันทึก การจดบันทึกในคอมพิวเตอร์เราจะมีศัพท์เทคนิคเรียกว่าบันทึก log นั่นทำให้การบันทึกในเว็บถูกเรียกว่า web log ซึ่งพอตัดคำให้สั้นลงเลยเป็นคำว่า blog และคนที่จดบันทึกในเว็บและเปิดให้คนอื่นเข้ามาอ่านได้ เราก็จะเรียกว่า blogger

pexels-mikael-blomkvist-4152562

พอเริ่มมีสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์พกพาเริ่มมีความสามารถมากขึ้น โทรศัพท์มือถือเริ่มถ่ายวิดีโอได้ และเข้าสู่ยุคเปิดตัวไอโฟนที่เราสามารถบันทึกคลิปวิดีโอได้ง่ายมาก การถ่ายวิดีโอด้วยโทรศัพท์มือถือเริ่มเป็นลูกเล่นมาตรฐาน ทำให้การจดบันทึกจากการจดเป็นภาพนิ่งและข้อความก็เริ่มบันทึกด้วยวิดีโอ พูดหรือเล่าเป็นเรื่องราวแล้วถ่ายเก็บเป็นคลิปวิดีโอ และอัพโหลดเข้าสู่อินเทอเน็ต เราเลยมีศัพท์ใหม่เรียกว่า video log และเมื่อรวบคำให้สั้นลง ก็เลยกลายเป็น vlog

IMG_0364

งาน vlog กลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยม หลังจากการเปิดตัวเฟสบุ๊ค ผู้ใช้งานส่งภาพและวิดีโอเข้าสู่เฟสบุ๊ค และทำให้คนอื่นเข้ามาดูภาพของเราหรือดูวิดีโอของเราได้ รวมถึงการมีเว็บไซต์อย่าง youtube ก็ทำให้การฝากไฟล์วิดีโอเพื่อแสดงไว้ในอินเทอเน็ตกลายเป็นเรื่องปกติที่ใครๆก็ทำได้ vlog เลยกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และเกิดเป็นการทำ vlog ทั้งเพื่อความบันเทิงและเพื่อใช้งานทางธุรกิจ

การฝีกให้เด็กประถมได้หัดทำ vlog เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับคนอายุวัยกลางคนอย่างพ่อแม่ เพราะสมัยพ่อแม่ยังเป็นนักเรียนนั้นไม่เคยมีอุปกรณ์แนวนี้ และไม่มีอินเทอเน็ตให้ใช้ แต่สำหรับเด็กยุคใหม่มันก็คงเป็นเรื่องปกติ และครูก็คงคิดว่าเป็นสิ่งที่เด็กประถมควรจะหัดทำได้แล้ว ผลลัพธ์ก็คือ ผมได้เห็นผลงาน vlog ของลูกตามที่เห็นในด้านบนโพสท์นี้ ได้เห็นการเขียนสคริป ได้เห็นทักษะการใช้งานโปรแกรมตัดต่อในโทรศัพท์มือถือ ได้เห็นการบันทึกเสียงที่พ่อแม่ก็ไม่คาดคิดว่ามันจะง่ายและมีคุณภาพที่ดีขนาดนี้ เครื่องบันทึกเสียงที่เคยซื้อเล่นก็ดูจะไม่จำเป็นอีกเลยสำหรับงาน vlog ในยุคที่โทรศัพท์มือถือคุณภาพสูงมากอย่างปัจจุบัน

ส่วนคำว่า youtuber คือคนที่ทำวิดีโอส่งเข้า youtube เป็นประจำจนเกิดเป็นธุรกิจ มีแฟนคลับติดตามดูจำนวนมาก รายได้ของ youtube จะมาจากสปอนเซอร์ที่โฆษณาอยู่ในคลิปวิดีโอ เป็นการตกลงจ่ายกันตามความพอใจของผู้จ้างและคนทำคลิปวิดีโอ ส่วนรายได้อีกทางของ youtuber ก็จะมาจาก google ที่จ่ายให้เจ้าของคลิปวิดีโอ ยิ่งมีคนดูคลิปเยอะ ยอดวิวสูง รายได้จากคลิปนั้นก็จะสูงตามกัน เนื่องจาก youtube ชอบที่จะให้คนเข้ามาดูเยอะๆเพราะจะสามารถแทรกโฆษณาได้ และรายได้โฆษณาที่ทาง youtube ได้รับก็จะแบ่งบางส่วนมาให้เจ้าของคริปวิดีโอนั่นเอง

โปรแกรมตัดต่อที่ลูกใช้ชื่อ vllo
มือถือระบบปฏิบัติการ android

เบื้องหลังการทำงาน


ถ่ายภาพทะเล ท้องฟ้า แบบ Time lapse

กล้อง Action camera เป็นกล้องที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากความทนทาน สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกแล้ว ยังได้รับการพัฒนาลูกเล่นการถ่ายภาพและคลิปอย่างหลากหลาย กล้อง Action camera อย่าง Gopro9 นอกจากการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ราบลื่น กันสั่นได้อย่างสุดยอดแล้ว ยังมีลูกเล่นการถ่ายภาพแบบ Time lapse มาให้ด้วย เพียงแค่ตั้งค่ากล้องเล็กน้อย และจัดวางในมุมที่ได้วิวที่เราต้องการ แล้วก็ปล่อยให้กล้องทำงานไป ซึ่งเราแทบจะไม่ต้องเรียนรู้รายละเอียดเชิงลึกของการถ่ายแบบนี้เลย เราแค่กดเลือกว่าจะถ่าย Timelapse แล้วก็เริ่มถ่ายเลย

ตั้งค่ากล้อง gopro9 ในโหมด Time warp แล้วเลือกโพรไฟล์การถ่ายเป็นแบบ Time lapse เลือกการช่วงเวลาเก็บภาพทุก 2 วินาที แล้วก็กดถ่าย ตัวเลขในหน้าจอก็จะค่อยๆขึ้นไป นาทีนึงจะเก็บภาพได้ 30 เฟรม ดังนั้น หากเราอยากได้ความยาวประมาณ 20 วินาทีในคลิป เราจะต้องเปิดการรับภาพเอาไว้ประมาณ 20 นาที

dpp-IMG_5328

Gopro9 เป็นกล้องที่บันทึกภาพด้วยสีสันที่สวยงาม บางครั้งภาพก็สีสดเกินตาเห็น ภาพที่บันทึกจึงเป็นภาพที่น่ามอง และยิ่งเป็นภาพที่แปลกตา ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่า ต้องอาศัยเทคนิคการถ่ายภาพเพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหวเฉพาะตัวขึ้นมา ก็ยิ่งทำให้คลิปมีความน่าสนใจ เราสามารถบันทึกเป็นภาพหลัก หรือ เป็นภาพสต๊อคเพื่อใช้ตัดต่อในงานอื่นได้ด้วย การพกกล้องไปเที่ยว แล้วลองใช้ลูกเล่นที่กล้องพัฒนามาให้ ก็เป็นความสนุกที่น่าลองทำ

dpp-IMG_5326

ถ่ายคลิปวิดีโอด้วยกล้อง Eos m รุ่น 1

อุปกรณ์ที่ใช้คือกล้อง Eos M รุ่น 1 ที่ออกมาเมื่อประมาณปี คศ 2014 และใช้เลนส์ efm 22f2 ซึ่งเป็นเลนส์ฟิกซ์ตัวแรกของระบบกล้อง M Series ของค่าย Canon พร้อมด้วยไมโครโฟนชนิด Shotgun ยี่ห้อ Takstar SCG598

IMG_0010

ไมโครโฟนตัวนี้จะเป็นไมค์ชนิด shotgun ซึ่งจะเป็นไมค์ที่รับเสียงด้านหน้าได้ไวมากกว่าปกติ และไม่รับเสียงด้านข้างและด้านหลัง ตัวไมค์จะมีช่องใส่ถ่าน AA 1 ก้อน และมีปุ่มเปิดปิดไมค์ มีปุ่มเพิ่มระดับเสียง +10dB ได้ด้วย ซึ่งในการถ่ายทดสอบนี้จะยกระดับเสียงเอาไว้ เพื่อให้เสียงที่บันทึกลงไปในคลิปมีความดังมากขึ้นกว่าปกติ

IMG_0344

การถ่ายคลิปในครั้งนี้ทดลองถ่ายโดยการตั้งค่ากล้องให้เป็น MF เนื่องจากเคยลองถ่ายแบบ AF แล้วมีปัญหาว่า กล้องจะปรับโฟกัสตลอดเวลา และทำให้หลายจังหวะมีอาการภาพเบลอ ซึ่งเป็นปัญหาประจำรุ่นของกล้องรุ่นนี้ สาเหตุเกิดจากระบบโฟกัสอัตโนมัติยังทำงานได้ไม่รวดเร็วพอ เป็นเทคโนโลยีที่ค่าย canon ยังพัฒนาไปไม่สุดนั่นเอง หากสนใจอ่านรีวิวกล้องตัวนี้ย้อนกลับไปอ่านได้ที่นี่

ระยะทางที่ถ่ายคลิป ตัวกล้องห่างแบบประมาณ1 เมตรเท่านั้น เพื่อให้ไมค์ไม่ห่างจากแบบเกินไป ตั้งค่าส่วนอื่นๆของกล้องให้มีค่า iso = 100 และปรับรูรับแสงเป็น F2 ปรับสปีดชัตเตอร์ให้ได้ค่าการวัดแสงที่โอเวอร์ประมาณ 1/2 สต๊อป ผลก็คือกล้องไม่โฟกัสวืดวาดอีกแล้ว เลยได้คลิปตามที่เห็น

ข้อมูลที่ให้ลูกอ่านก็คือ รายชื่อนักฟุตบอลที่เลือกมาอยู่ในทีม เป็นการเล่นจัดทีมออกมาแข่งกัน ต่างคนต่างเลือกผู้เล่นที่ชอบ แล้วก็จดใส่กระดาษไว้ ตอนถ่ายคลิปก็ขอให้ลูกช่วยอ่านแต่ละตำแหน่งออกมา สคริปต์การอ่านไม่ได้จดไว้ มีแต่รายชื่อที่เขียนลงในกระดาษ และแผนผังการจัดตำแหน่งเท่านั้น

2020-04-13_10-30-14

เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ BenQ MS-614

Benq projector

 

ตัวนี้มีช่องเชื่อมต่อเยอะมากครับ ถือว่าครบทุกพอร์ตที่น่าจะได้ใช้งานเลย
มี HDMI, VGA in 2 พอร์ต, VGA out 1พอร์ต,
S-video, Composite, usb เอาไว้อ่าน flash drive (ดูรูป)
มี micro usb เอาไว้ต่อกับคอมพิวเตอร์ใช้เป็นจอภาพผ่านสาย usb ได้
สามารถเสียบ usb wireless เพื่อทำงานเป็นจอภาพผ่าน wireless lan ได้ด้วย (ผ่านระบบ windows)
มีลำโพงในตัว สามารถรับ AV-in หรือ HDMI ส่งเสียงได้เลย
มีช่องเสียบหูฟัง มีระบบชัดดาวน์เร็ว ปิดเครื่องแล้วรอไม่กี่วินาทีก็ดึงปลั๊กได้

IMG_8309

ส่วนเรื่องคุณภาพ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 800×600
ใช้ดูดีวีดีก็เหลือเฟือครับ จะเอาไปดู HD ผ่านพอร์ต HDMI ก็พอได้
ภาพมันก็ชัดได้ตามต้นฉบับ ราคาเท่านี้ถูกกว่าของใหม่สามเท่าเลย

ทุกวันนี้ผมใช้งานผ่านสาย HDMI ผ่าน apple tv
เอาไว้ดู youtube ข้อดีคือมันอเนกประสงค์ ต่อกับอุปกรณ์ได้แทบจะทุกระบบ
ข้อเสียคือ มันไม่ใช่ HD มันคมชัดสู้จอทีวีสมัยใหม่ไม่ได้แล้ว
แต่มันก้ไม่ได้แย่จนเบลอ มันชัดแบบ 800×600 ครับ

IMG_0447.JPG

จะใช้งานในบ้านต้องดูเรื่องแสงสว่างจากภายนอก อย่าเยอะเกินไป
เพราะโปรเจ๊คเตอร์ระดับสมัครเล่นตัวนี้ใช้งานสู้แสงแรงๆไม่ได้
ถ้าห้องไม่ทึบ ก็ควรได้ผ้าม่านหนาๆ ถึงจะดูตอนกลางวันได้
แต่ผมใช้วิธีฉายขึ้นจอแบบไม่ใหญ่มากถ้าจะดูกลางวัน ภาพจะสว่างพอ

20150715_183719

 

“ความสุขของกระทิ” หนังสือขายดีใช่ว่าจะเป็นหนังที่ดี

“ความสุขของกระทิ” หนังสือรางวัลซีไรท์ ยอดขายเยอะ พิมพ์ซ้ำยี่สิบกว่ารอบ  แต่ไม่รู้ว่ารอบละกี่เล่ม  มีคนเอามาทำเป็นหนัง  เลือกดารานักแสดงดูดี  โปรโมทแล้วน่าจะสนุก  ก็เลยตามไปดู  แล้วก็พบกว่า เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตที่ผมอยากจะเดินออกจากโรงตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งเรื่อง

 

หนังสือเป็นแนวพรรณา  บรรยายถึงความสวยงามของชีวิต  บรรยายถึงความสงบสุข ความสุขทางจิตใจ  แต่ตัวหนังไม่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ที่ล่องลอยเหล่านั้นออกมาให้เห็นได้  หนังเลยมีแต่ภาพที่แทบจะไม่มีสารจากหนังสือเลย  อรรถรสจากหนังสือ กับภาพยนต์เป็นคนละแบบกัน  คนทำหนังเรื่องนี้คงไม่เข้าใจ  แต่ถ้าคนทำหนังเข้าใจ  คนออกทุนคงไม่เข้าใจ  หนังสือสามารถจะปล่อยให้คนอ่านหยุดอยู่กับหน้าใดหน้าหนึ่งได้เป็นชั่วโมง นานเท่านานเท่าที่อยากจะจินตนาการ  แต่ภาพยนต์ไม่ใช่แบบนั้น  การจะปล่อยให้ภาพแต่ละช่วงถ่ายทอดอะไรบางอย่างที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นของหนังกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ  ยิ่งพยายามเก็บรายละเอียดตามหนังสือมากเท่าไหร่ ความง่วงยิ่งเข้ามาแทนที่มากเท่านั้น  

 

ผมดูสารคดีชีวิตสัตว์โลกของเนชัลแนลจีโอกราฟิค  ยังรู้สึกดีกว่าดูกระทิบนจอ  เพราะมีความงาม ความสงบ และความเป็นไปของชีวิตเหมือนกัน  แต่ไม่มีความง่วงและความน่าเบื่อมาแทรกซึมอย่างหนังเรื่องนี้  บางทีหนังเรื่องนี้อาจจะให้บทเรียนคนสร้างหนังว่า  หนังสือขายดีใช่ว่าจะเป็นหนังที่ดี

ปาโกะ-ป๋วย ไปถ่ายรูปที่นากาย่า

จริงๆผมควรจะได้ไปด้วย  แต่ติดที่ต้องเฝ้าร้าน  กำหนดจองรีสอร์ทก็ไม่ได้ยกเลิก  เขาเลยไปถ่ายภาพกันสนุกสนาน ปล่อยให้ผมทำงานแห้งเหี่ยวอยู่กรุงเทพฯ   มีภาพเบื้้องหลังเป็นวิดีโอกลับมาให้ดูเพียบเลย  ปาโกะคงจะเอาไปตัดต่อเตรียมฉายในงานแต่ง   ผมเลือกมาบางส่วนเก็บไว้ดู

มิวสิควิดีโอที่สร้างสรรค์ที่สุดของปี 2008 ในความเห็นของผมเอง

index.cfm?fuseaction=vids.individual&videoid=7517583

 
SHITDISCO ‘OK’

งานมิวสิควิดีโอที่สร้างสรรค์มากๆ ทึ่ง

ความรักพิการ ในละคร “ข้างหลังภาพ”

เมื่อวานได้ไปดูละครเวทีเรื่อง “ข้างหลังภาพ”  ซึ่งเป็นนิยายรักรุ่นสงครามโลก  ไปดูที่โรงละคร รัชดาลัย  ถ้าสะกดผิดก็ขออภัยด้วย  เพราะคนตั้งชื่อสถานที่คิดชื่อยากๆเอง  คนที่อยากเขียนถึงก็ไม่ค่อยแม่นเรื่องภาษา เตรียมตัวอย่างมากสำหรับการดูละครเรื่องนี้  เพราะเป็นวันศุกร์ที่ต้องไปติดต่องานหลายที่  ธุระสุดท้ายของวันอยู่ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิิติ์ในงานท่องเที่ยว  ทำงาน เดินเล่น จนห้าโมงเย็นก็ออกจากศูนย์ประชุมฯ  ใช้เวลาเดินทางไปถนนรัชดาประมาณสองชั่วโมงสิบห้านาที  ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร  ไม่น่าเชื่อเลยว่ารถจะติดได้ขนาดนี้

 

ละครเวทีครั้งนี้ได้รับบัตรมาจากธนาคารสองใบ  เลยได้ชวนแฟนไปดูด้วยกัน  เนื้อเรื่องก็เคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง  นิยายเรื่องนี้ถูกนำมาทำเป็นหนังหลายครั้ง  สูจิบัตรที่แจกในงานก็มีประวัติคร่าวๆให้อ่าน  มีเรื่องราวของงานเบื้องหลังให้ดู  สิ่งที่น่าสนใจของการดูละครครั้งนี้คือ มันเป็นการดูละครเวทีครั้งแรกของผม  ซึ่งตื่นเต้นเล็กน้อย  เคยคิดว่าละครเวทีคงไม่แตกต่างไปจากการดูโชว์ในโทรทัศน์  พวกรายการเล่นตลก  หรือเดี่ยวไมโครโฟนของโน๊ตอุดม  แต่ก็ผิดคาด  เทคนิคการเปลี่ยนฉาก  การสร้างสรรฉากต่างๆเต็มไปด้วยความพิสดาร  สร้างน้ำตกจริงๆบนเวที  ลวดสลิงและล้อเลื่อนถูกใช้งานเต็มไปหมด  ทุกอย่างถูกออกแบบและจัดวางอย่างปราณีต  ตำแหน่งและมุมมองเป็นไปตามองค์ประกอบภาพที่ควรจะเป็น  การเปลี่ยนฉาก การเลื่อนแต่ละครั้งมีระเบียบแบบแผน  การผสมผสานวิธีการใช้แสง ใช้ภาพนิ่ง ใช้ภาพเคลื่อนไหว ใช้ควัน ใช้ฉากหมุนไปหมุนมาดูน่าทึ่ง เห็นการทำงานแล้วก็ยอมรับว่าถ้าค่าบัตรราคาสองพัน หรือสามพันก็ถือว่าสมราคา  ไม่คิดว่าละครเวทีมันจะเป็นแบบนี้  ไม่รู้ว่าละครเวทีที่อื่นๆจะทำได้แบบนี้เป็นมาตรฐานหรือไม่  ถ้ามันเป็นอย่างนี้ทั้งหมดก็แสดงว่าผมเป็นไดโนเสาตัวจริง

 

ตัวนิยายเป็นเรื่องราวของความรักที่เกิดขึ้นผิดที่ ผิดเวลา  รักกันในวันที่ไม่สามารถรักกันได้  น่าสงสารตัวละคร  ในชีวิตจริงคงมีความรักแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย  แต่เรื่องจริงมันมีทางออกไปในรูปแบบของการมีกิ๊ก  มีชู้  ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่น่าเลียนแบบเลย  ผมดูเรื่องนี้แล้วไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเหมือนคนข้างๆที่ร้องไห้ยังกับว่าเกิดขึ้นกับตัวเอง  หรือจะเป็นเพราะว่าผมมัวแต่พยายามฟังเพลง จนลืมดูละคร  ก็มันเป็นละครเพลงนี่นา  เลยเพ่งไปกับเนื้อเพลงเยอะไปหน่อย

วลีจากนิยายเท่ห์ดีเหมือนกัน  “ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก”

หุ่นยนต์มีความรัก ภาค1

W A L L – E

ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้  แต่เท่าที่ดูจากตัวอย่างหนังก็รู้สึกว่าจะเป็นหนังรักโรแมนติก  หนังจะดีแค่ไหนถ้าดูกับคนที่เราไม่ได้รู้สึกว่าเป็นคนพิเศษ ก็เป็นแค่แสงสีกระพริบติดๆดับๆ เกิดขึ้นแล้วจางหาย หัวใจไม่ตีความ  ที่ผ่านมาทั้งปีไม่มีหนังรักที่รู้สึกประทับใจเลย  แต่กับเรื่องนี้อาจจะแตกต่าง  ไม่รู้ว่าแตกต่างเพราะหนัง หรือคนที่ไปดูด้วยกัน  เดี๋ยวถ้าได้ดูแล้วจะมาโม้ต่อ

ไปดูมาแล้ว

หนังเรื่องล่าสุดจากค่าย Pixar ที่เป็นเจ้าพ่อวงการแอนนิเมชั่น
เจ้าของค่ายนี้ชื่อ สตีฟ จ๊อปส์ ผู้ก่อตั้ง แมคอินทอช เสียงสตาร์อัพ(บูทหุ่นยนต์) ก็คุ้นมาก
ใครใช้ผลิตภัฑณ์ของ apple จะอมยิ้มทุกคน

คุณภาพของภาพสุดยอดมาก การ์ตูนเดี๋ยวนี้ทำได้ใกล้เคียงภาพจริง
เนื้อหาก็ลึกซึ้ง ความน่ารัก ความโรแมนติคโดดเด่นเกินกว่าหนังที่ใช้คนเล่นเสียอีก
ส่วนแง่คิดสอดแทรกก็เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ชั้นดี โลกอนาคตเจริญแต่หดหู่….
เราชอบประโยค ตัวละครมนุษย์ตัวนึงพูดไว้ “I want to live”

หุ่นยนต์รักกันได้ดู น่ารักดี ยืนยันได้ว่า การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
เราตั้งใจจะซื้อแผ่นเก็บเลย เพราะ wall-e มันน่ารักเหมือนหมาที่บ้าน

ปล เรื่องนี้ควรเลือกที่นั่ง ฮันนีมูนซีท ขอบอก ขอบอก