http://www.tcdc.or.th/creativethailand/article/TheCreative/28491
ในชีวิตผมเองไม่เคยคิดว่าเรื่องน้ำหนักตัวจะสร้างปัญหา หรือ อีกความหมายนึงคือไม่คิดว่าตัวเองจะอ้วน ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยก็กินแหลก สมัยทำงานก็เป็นคนที่กินสารพัด กาแฟ ขนม กินเยอะมาก กินจนหมดโต๊ะ อาหารไม่หมดผมไม่หยุดกิน และมีแฟนแต่ละคนก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนอ้วนไปจีบสาว เวลาไปจีบใครแต่ละคน เราก็ไปชวนเขากินตลอด คนที่บ่นเรื่องอ้วนจะเป็นผู้หญิง และผมก็เป็นคนฟังมาตลอด
ใช้ชีวิตจนเพลิน แม้หลังๆจะเริ่มรู้สึกว่าพุงใหญ่ขึ้น จะรู้สึกว่า เสื้อผ้าชุดเก่าๆเริ่มแคบ แต่ก็ยังไม่ตระหนักว่ามันค่อยๆล้น กางเกงหลายตัวใส่ไม่ได้ ยิ่งแต่งงาน ยิ่งเลี้ยงลูก ยิ่งกินดึก บางวันผมก็ออกไปนั่งกินมื้อดึก พอกินบ่อยๆก็ติดเป็นนิสัย กลายเป็นว่าวันหนึ่งๆกินสี่มื้อ นอกจากนี้ยังซื้อกาแฟเย็นกินทุกวัน ร้านที่เดินผ่านจะแวะซื้อประจำ จนกระทั่งบางวันที่ผมอยากลองเปลี่ยนเป็นเมนูแบบอื่นต้องรีบตะโกนบอกคนขายว่า อย่าเพิ่งชง ผมจะเปลี่ยนเป็นชาดำเย็นบ้าง เพราะคนขายจะขายผมทุกวัน แค่เห็นเงาตะคุ่มๆของผมก็ยกถ้วยชงกาแฟขึ้นมาแล้ว
ภาพนี้ผมแขม่วพุงแล้วนะ คาดว่าน้ำหนักน่าจะประมาณ 90-91 กิโลกรัม
วันที่ถึงจุดที่ตัดสินใจจะลดน้ำหนักก็คือ วันที่ลองชั่งน้ำหนักแล้วพบกับตัวเลข 91.3 กิโลกรัม ผมตกใจสุดขีด และเสียใจอย่างไม่รู้จะเปรียบเปรยอย่างไร อกหักจากสาวที่จีบไม่ติดสักคนยังไม่รู้สึกเลวร้ายเท่านี้ เพราะความจำในวัยเด็กถึงวัยรุ่นก็คือ ผมหนัก 67 ตอนเรียนมหาวิทยาลัย และตอนทำงานใหม่ๆก็หนักประมาณ 72-75 กิโลกรัม ส่วนสูง 175cm คู่กับน้ำหนัก 75 กิโลกรัมตามมาตรฐานชายไทย ผมเคยเป็นคนแบบนั้น แต่วันที่น้ำหนักพีคไป 91.3 กิโลกรัม เหมือนโดนตบหน้า เหมือนตราชั่งขึ้นป้ายว่า “ไอ้อ้วน”
ตอนที่พีคขึ้นไปมากจนเห็นภาพตัวเองแล้วตกใจ
ผมหาวิธีลดน้ำหนักที่ลงทุนน้อยสุด ทั้งตัวเงินและเวลา เนื่องจากเป็นคนงกและคิดว่าคนเราไม่ควรเสียเงินเพื่อออกกำลังกาย มันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตที่จะออกกำลังโดยไม่ต้องจ่าย การเข้าฟิตเนสแล้วเสียเงินปีละหมื่นหรือมากกว่านั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่ยอมทำแน่นอน และอีกเหตุผลหนึ่งคือ ผมไม่มีเวลา มันไม่มีเวลาจริงๆ ถ้าจะต้องเข้าฟิตเนสวันละ 1 ชม. หรือ วิ่งที่ไหนสักแห่งวันละ 1 ชม. ก่อนไปวิ่งก็ต้องเตรียมตัวและเดินทาง ตอนวิ่งเสร็จก็ต้องอาบน้ำและเดินทาง การทำกิจกรรมวิ่ง 1 ชม.คนเราอาจต้องใช้เวลาร่วม 3 ชม. เพื่อจบทั้งกระบวนการ ดังนั้น ผมไม่ต้องการใช้เวลาขนาดนี้ ถ้ามีเวลาวันละ 3 ชม. ผมอยากเอาไปฟังเพลง เอาไปอ่านหนังสือมากกว่า
อีกหลายเหตุผลคือ เคยเห็นคนออกกำลังกายอย่างหน้าชื่นตาบานแล้วแชร์ภาพชีวิตดี๊ดีทางเฟสบุ๊คหรือเว็บบอร์ด ทั้งการวิ่งพร้อมด้วยอุปกรณ์ไฮเทค ร้องเท้าจัดหาเพื่อการวิ่ง นาฬิกานับก้าวหรือนับแคลอรี่ รวมถึงนับอัตราการเต้นของหัวใจ การขี่จักรยานที่ต้องใช้จักรยานหน้าตาเหมือนลงแข่งพร้อมทั้งเสื้อผ้าหน้าผมแบบเต็มยศราวกับจะไปแข่งโอลิมปิค จะใช้จักรยานแม่บ้านก็ไม่ได้ …. สำหรับผมเรียกว่าไร้สาระ ไร้ประสิทธิภาพ และหลายคนในภาพ ไม่ผอมลง ซึ่งมันก็ตามมาด้วยคำอธิบายว่า ไม่ได้ลดน้ำหนัก เขาออกกำลังหัวใจ ว้าวมาก หัวใจก็ต้องออกกำลังนะครับ ผมยังเข้าไม่ถึง ผมแค่จะลดพุงและลดน้ำหนักตัวให้กลับไปเป็นคนหุ่นปกติ ไม่ใช่คุณลุงพุงยื่น และมองไม่เห็นปลายเท้าตัวเอง แต่ผมไม่ปฏิเสธว่าการวิ่งทำให้น้ำหนักลดได้ แต่ผมไม่อยากวิ่ง มันเหนื่อย และไม่ได้การันตีว่าจะผอมลง
การออกกำลังกายหัวใจ โซน 1 2 3 คืออะไร เป็นความรู้ใหม่ และผมตัดสินใจยังไม่รับในตอนนี้ แม้จะทำความเข้าใจไปแล้ว แต่ก็เลือกไม่รับ รอให้พ้นภารกิจแรกไปก่อน เพราะว่า ผมยังไม่ให้ความสำคัญในลำดับแรก แม้อนาคตผมจะหัวใจวายจากอะไรสักอย่าง แต่ผมเชื่อว่ามันไม่เกี่ยวกับการออกกำลังกายในวันนี้ วันที่ผมอายุ 40+ เพราะผมปล่อยให้ร่างกายต่อสู่ลำพังมา 40 ปีกว่าปีโดยไม่มีความรู้เรื่องหัวใจแล้ว ดังนั้น ผมปล่อยผ่านไปก่อน แต่เดี๋ยวการลดน้ำหนักในภารกิจนี้ทั้งหมดจะทำให้เราปรับอาหารการกินเราจะไม่เอาของทำลายหัวใจเข้าร่างกายเช่นกัน เรื่องหัวใจไม่ต้องห่วงเลย
ภาพหมู่ พ่อแม่ลูก อ้วนจนรู้สึกอึดอัด
ผมไม่อยากเป็นลุงพุงพรุ้ย เป็นไอ้อ้วนหน้าตาหน้ากลัว ลูกผมน่ารัก แฟนผมน่ารัก ทำไมเขาต้องถ่ายรูปกับไอ้อ้วน ขอภาพครอบครัวที่สวยงามแบบพระเอกนางเอกเลยได้ไหม การมีหน้าตาสดใส มั่นใจในตัวเอง และดูแข็งแรงสุขภาพดี มันดีต่อทุกคนในภาพ
คือการtrainingพ่อแม่ให้เป็นผู้สร้างเด็กดีได้ เพราะเด็กดีเริ่มจากที่บ้าน ไม่ใช่ที่โรงเรียน
“…ตอนนั้นสามีและตัวอาจารย์เองอยากให้ลูกได้ฝึกวินัย ฝึกความอดทนและช่วยเหลือตัวเอง นอกจากเราจะไม่จ้างแม่บ้าน ลูกๆ เริ่มซักเสื้อผ้าและรีดผ้าเองตั้งแต่อนุบาล 3 พอลูกโตขึ้น เราย้ายไปอยู่คอนโดและตัดสินใจขายรถทิ้ง อาจารย์ก็เดิน ขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้าไปทำงาน ลูกๆ เองก็เช่นกัน…”
บางส่วนจากท่านวิทยากรในวันนี้ “ศาสตราจารย์ พญ. อุมาพร ตรังคสมบัติ” จิตแพทย์ดีเด่น เจ้าของเพจ” ปั้นใหม่ โดยอาจารย์หมออุมาพร”😄
เนื้อหาฉบับยาวกว่านี้ อดใจรอกันสักนิดนะคะ😅 #แอดมินB3 #PlearnPlus #บันทึกเพลินๆ #เพลินบ้างไม่เพลินบ้าง #จับมือเรียนรู้กันต่อไป

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1657008691092469&id=769325596527454
ขอบฟ้าลงเรียนฟุตบอลเอาไว้เย็นวันศุกร์มาได้หลายเดือนแล้ว และก็ได้ขอให้แม่พาไปเรียนเพิ่มอีกวัน กลายเป็น 2 วันต่อสัปดาห์ เลยให้มาเรียนในวันอาทิตย์ตอนเช้าเพิ่มอีก 1 วัน โดยสถานที่เรียนของวันอาทิตย์ก็คือสนามบอลแถวๆปิ่นเกล้า เป็นสาขาของสนามแรกที่เคยเรียน
ที่นี่กลุ่มเรียนเป็นเด็กอายุประมาณ 6-12 ปี (เดา) ดูจากรูปร่างของเด็กในกลุ่มแล้ว ขอบฟ้าจะเป็นเด็กเล็กที่สุดและตัวเล็กที่สุด เพราะนับถึงวันที่เริ่มเรียนที่ใหม่นี้ขอบฟ้าก็อายุ 5 ขวบ 11 เดือน 2สัปดาห์ เกือบ 6 ขวบนั่นเอง
การเรียนฟุตบอลจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดย 20 นาทีสุดท้ายจะเป็นการแบ่งทีมเตะกันสนุกๆ ส่วนเวลาก่อนหน้านี้ก็จะเป็นการฝึกพื้นฐานต่างๆ ถามเพื่อนที่เป็นโค้ชฟุตบอล เป็นอดีนนักบอลโรงเรียนก็ให้ความเห็นว่า การฝึกพื้นฐานที่ดี จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ พื้นฐานที่ดีจะเป็นตัวแบ่ง นักเตะต่างชาติเน้นพื้นฐานแน่นเป็นหลัก แนวทางนี้ฝรั่งเน้นมาตลอด ส่วนนักเตะไทย โค้ชไทย ผู้ปกครองไทย จะชอบให้แข่งทีม แข่งบ่อย แข่งให้มีผลแพ้ชนะ ซึ่งเป็นเรื่องสนุก แต่พื้นฐานจะละเลย นั่นทำให้บอลไทยไปไม่ไกลเหมือนประเทศที่มีชื่อเสียงเรื่องฟุตบอล
กล้องพร้อมใช้ที่พบมักจะเป็นกล้องที่ใช้ฟิล์มสี เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ลืมกล้องไว้ที่บ้าน ซื้อในห้างแล้วใช้เลย ในยุคดิจิทัลกลืนกินทุกอย่าง และมือถือถ่ายภาพสวยมีกันเกลื่อนไปหมด กล้องพร้อมใช้ก็ตายลงไปพร้อมกับฟิล์มถ่ายภาพ ยังคงเหลือเล็ดรอดอยู่เล็กน้อยในมุมเล็กๆของตลาดซื้อขาย และในอินเทอเน็ต
กล้องพร้อมใช้ที่ผมเห็นวางขายในร้านขายของชำที่ญี่ปุ่น ผมเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อปี คศ 2015 และไม่เคยเห็นที่ไหนอีกเลย ส่วนกล้องที่อยู่ในบทความนี้ คือกล้องพร้อมใช้ที่ใช้ฟิล์มขาวดำแท้ๆ ผลิตโดยบริษัท ilford ชื่อว่ากล้อง ilford camera
แพ็คเกจอธิบายไว้ว่า เป็นกล้องที่ใช้ฟิล์มขาวดำรุ่น HP5 ความไว 400 กล้องมีระยะชัด 1 เมตรเป็นต้นไป มีแฟลชในตัว ถ้าใช้แฟลชไม่ควรห่างแบบเกิน 3 เมตร มีฟิล์มทั้งหมด 27 ภาพ
ขนาดกล้องไม่เล็กไม่ใหญ่ ผู้ใหญ่ใช้ได้ เด็กก็ใช้ได้ ผมลองให้ลูกถือเล่นก็อยู่ในมือได้มั่นคงดี กล้องพลาสติก เมื่อถ่ายหมดม้วนก็ต้องแงะฟิล์มออกมาล้าง การแงะก็จะทำให้กล้องเสียใช้ซ้ำไม่ได้ ฟิล์มที่ได้ก็นำไปล้างด้วยขั้นตอนขาวดำแท้ๆ ซึ่งในตลาดเมืองไทย ไม่มีร้านรับล้างฟิล์มขาวดำแล้ว จะมีแค่รับกลุ่มนักเล่นที่รับจ้างล้างฟิล์มที่หาได้ตามอินเทอเน็ต แต่ผมล้างเองได้ก็ง่ายหน่อย
ขั้นตอนการล้างก็ใช้น้ำยา id-11 ที่เพื่อนแบ่งไว้ให้ใช้ คุณภาพของฟิล์มที่ออกมาก็อยู่ในระดับพอเห็นภาพ แต่ดูแล้วไม่ได้เนื้อฟิล์มที่สวยใสแบบฟิล์มกลักอายุน้อยๆสดใหม่ คงเป็นเพราะอายุฟิล์มในกล้องตัวนี้มันเก่า อาจหมดอายุไปหลายปีแล้ว ฟิล์มขาวดำที่หมดอายุยังคงเก็บภาพไว้รอล้างได้หลายปี ถ่ายแล้วเก็บไว้ล้างตอนลูกโต เราก็จะได้ภาพในอดีตกลับมา สร้างความตื่นเต้นได้อยู่
คุณภาพของภาพก็อยู่ในระดับของกล้องของเล่นหรือ toy camera แนวฮิสเตอร์ แนวโลโม่ แนวเด็กแนว แนวบ้องแบ๊วไร้การเรียนรู้ ไม่ว่าจะแนวไหนก็คือถ่ายได้ ใช้งานได้ ได้ภาพ และมีเรื่องไปโม้ไปเล่าต่อในแก๊งค์ ในแง่ของคุณภาพก็สู้กล้องคอมแพ็คทั่วไปหรือกล้อง SLR เปลี่ยนเลนส์อื่นๆไม่ได้ ในแง่ของการพกพาก็ไม่ได้เล็กจนใส่กระเป๋ากางเกงได้ นอกจากความอยากลองแล้ว ผมยังหาเหตุผลที่ดีในการใช้งานมันไม่ได้เลย
ถ้าผมต้องไปในที่ธุรกันดาร พื้นที่ห่างไกล ไม่มีไฟฟ้าใช้ หรือไปดวงจันทร์ ผมอาจจะอยากพกกล้องตัวนี้ไปด้วย แต่ถ้าในพื้นที่ที่เราใช้ชีวิตประจำวันได้ มีมือถือ มีอินเทอเน็ตให้ใช้ ผมจะใช้กล้องตัวนี้ด้วยเหตุผลอะไรก็ยังนึกไม่ออก การลองเล่นก็ได้คำตอบแล้วว่า กล้องใช้งานได้ ผมซื้อ ilford camera ตัวนี้จาก amazon ซื้อไว้ 5 ตัว ก็ไม่เข้าใจว่าจะซื้อเยอะๆไว้ทำไม อาจจะกลัวว่าถ้าวันนึงเกิดอยากเล่นซ้ำอีกครั้งแล้วจะไม่มีให้เล่นก็เป็นได้
กาลครั้งหนึ่ง ในประเทศไทยเคยมีโปรโมชั่นขายยาสระผมแถมกล้องถ่ายรูป ซึ่งกล้องที่แถมในคราวนั้นคือกล้องพลาสติก มีเคสกันน้ำ สกรีนยี่ห้อยาสระผมไว้ที่ตัวกล้องด้วย นับตั้งแต่การขายครั้งนั้นก็มีกล้องตัวใหม่ที่มีชื่อในวงการถ่ายภาพ “กล้องโดฟ” เป็นกล้องสำหรับนักถ่ายภาพแนวโลโม่ อะไรที่ไม่ต้องวัดแสง ไม่ต้องโฟกัส ยกขึ้นมาแล้วกดเลย ถือว่าเป็นแนวโลโม่ และกล้องโดฟคือของที่ต้องมี
กล้องโดฟเป็นกล้องพลาสติก ระยะเลนส์ 28mm focus free แปลว่าไม่ต้องโฟกัส มันจะชัดทั้งภาพ คาดว่ารูรับแสงของเลนส์ตัวนี้จะประมาณ f8-11 ไม่ต้องใส่ถ่าน เวลาถ่ายภาพจะต้องกะสภาพแสงให้เป็นสภาพแสงแดดออก ค่อนข้างแรง คือมีแดดที่ทำให้มีเงาค่อนข้างชัด ใช้กับฟิล์มความไว 200 น่าจะพอดี และการที่มันมีเคสกันน้ำก็ทำให้มันถูกทดลองใช้ใต้น้ำด้วย
การถ่ายภาพบนดินทั่วไปเราก็พกเฉพาะกล้องแต่เพียงอย่างเดียว เคสกันน้ำไม่ต้องใส่ ใส่ฟิล์มแล้วกดถ่ายไปเรื่อยๆ ถ่ายแต่ละครั้ง จะต้องหมุนฟิล์มแก๊กๆๆๆๆๆ พอหมดม้วนจะได้ภาพประมาณ 36 ภาพ ภาพจะสวยถ้าแดดจัด ความคมชัดของภาพวิว ภาพระยะไกลก็พอใช้ได้ ถ่ายใกล้มากๆจะเบลอนิดหน่อย เพราะระยะชัดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 เมตรเป็นต้นไป (เดา)
สภาพแสงแดดจัดแบบนี้เหมาะกับกล้องโดฟ ยกขึ้นมาเล็งแล้วกดเลย ไม่ต้องวัดแสง ไม่ต้องโฟกัส
อะไรที่โดนแดดก็คือได้ภาพทั้งหมด ไม่มีพลาด ไม่มีคำว่ามืด
ตัวกล้องขนาดเล็กสามารถยัดไว้ในกระเป๋าเสื้อ กางเกง หรือเป้ แม้แต่กระเป๋าสะพายของสาวๆก็น่าจะได้ ผมพกไว้ถ่ายเล่นตอนไปขึ้นเครื่องบิน นั่งรถรับส่งไปยังลานจอดเครื่องบิน คนเยอะๆ ของพะรุงพะรังก็ยังหยิบถ่ายได้ เพราะว่าสามารถใช้งานได้ด้วยมือเดียว
แม้แต่การถ่ายผ่านกระจกรถออกมาข้างนอกก็ยังได้ภาพ มันเป็นกล้องสำหรับนักเดินทางอย่างแท้จริง ถ้ามีทริปไปเมืองหนาวผมเชื่อว่ากล้องโดฟจะเป็นกล้องที่ทำงานได้ตลอดทริป พึ่งพาได้
ลองใช้กับฟิล์มสีที่หมดอายุถ่ายภาพที่โดนแดด ก็ยังได้ภาพโอเค แม้ว่าตอนได้ภาพสีจากฟิล์มบูดจะดูจืดๆ แต่พอสแกนแล้วปรับเป็นขาวดำ ปรับคอนทราสต์ช่วยก็ได้ภาพที่พอดูได้ สิ่งสำคัญในภาพก็คือ เหตุการณ์ที่เราต้องการเก็บไว้ ภาพนี้ผมปลาบปลื้มกับความไวของกล้องโดฟมาก จังหวะเด็กสองคนที่กำลังช่วยกันเข็นรถของเล่นไม่ให้ตกลงไป ถ้าใช้กล้องโปร คุณภาพระดับโลก ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะโฟกัสได้ทันวินาทีนี้ไหม
ใช้กับฟิล์มใหม่ ก็ให้สีสันสดใส ขอเพียงให้ตัวแบบโดนแดด ที่เหลือก็ให้เป็นหน้าที่ของฟิล์มและกล้อง ภาพสถานการณ์บางอย่างเราต้องการแค่ภาพบันทึก ไม่ได้ต้องการคุณภาพเนี้ยบ อีกอย่าง กล้องของแถมค่าตัวแค่สองร้อยบาท จะต้องการอะไรจากมันบ้างล่ะ
ลองลงน้ำกันบ้าง ใส่ฟิล์มความไว200 แล้วใส่เคสกันน้ำ แล้วก็ลงน้ำกันเลย แต่ต้องไม่ลืมว่าตัวแบบต้องโดนแดด ผมเลยให้เด็กเล่นน้ำในตอนที่มีแดดส่องลงสระน้ำ แล้วก็ถ่ายให้ใกล้หน่อยระยะประมาณ 1.5 เมตรจากกล้อง
ถ้าแบบเริ่มไกลออกไป จะรู้สึกว่าคอนทราสต์น้อยลง ดังนั้นการถ่ายเล่นใต้น้ำต้องพยายามอยู่ใกล้ๆเอาไว้
กิจกรรมใต้น้ำ ยิ้มให้กล้องก็สนุกสนานกันทั้งเด็กและคนถ่ายภาพ เคสกันน้ำทำงานได้ดี แม้จะกดยากไปหน่อย แต่ก็พอใช้งานได้ น้ำหนักกดชัตเตอร์ของเคสกันน้ำจะค่อนข้างมากทำให้เด้กห้าขวบกดไม่ลง พ่อต้องกดแทน บางครั้ง ผมก็ใช้นิ้วโป้งกดเลย เพื่อให้ได้ภาพ ณ วินาทีที่ต้องการจริงๆ
ถ้าเข้าใกล้กล้องเกินไป ภาพจะเบลอนิดหน่อย แต่ได้สีสันจัดเต็ม นั่นเป็นเทคนิคที่ต้องคอยระวังคือ ถ่ายภาพใต้น้ำต้องพยายามอยู่ใกล้ๆกัน
ในวันที่กล้องดิจิทัลยังแพงอยู่ การถ่ายภาพใต้น้ำก็มีแค่กล้องโดฟกับกล้องโปรอย่างนิโครนอสเท่านั้น แต่ถ้าคุณใช้นิโครนอส ก็ต้องจ่ายหลายหมื่น กล้องโดฟแค่ 200 บาท ได้ยาสระผมมาใช้ด้วยตอนขึ้นจากน้ำ เข้าท่าดีนะ
กล้องพลาสติก หรือ toy camera อย่างกล้องโดฟตัวนี้ได้รับความนิยมมาเป็นสิบปี บางครั้งก็ถูกนำไปแถมกับสินค้าตัวอื่น บางครั้งก็มีคนขายกล้องตรงๆไม่สกรีนยี่ห้อ ในเน็ตน่าจะหาได้ในราคาร้อยกว่าบาท นับว่าเป็นความบันเทิงระดับรากหญ้าที่ให้ความประทับใจระดับโลก คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
กล้อง toy รุ่นใหม่หาซื้อได้ที่นี่ https://s.lazada.co.th/s.Q4lct?cc
คำเตือน
กล้องโดฟต้นฉบับสีขาวที่ออกมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน มาพร้อมกรอบพลาสติกกันน้ำ ทั้งคู่ใช้งานร่วมกันได้ดี แต่กล้อง toy camera สีสันหลากหลายที่ผลิตใหม่ มีขายเกลื่อน และผมได้มาเป็นของแถมในเซ็นทรัล เป็นกล้องที่ดูเหมือนออกจากโรงงานเดียวกัน มีพลาสติกกันน้ำเหมือนกัน และคิดว่าจะงานได้เหมือนกัน ผมเอาไปออกทริปลงน้ำแล้ว ปรากฏว่า ใช้งานในน้ำไม่ได้ครับ กดชัตเตอร์ได้ แต่หมุนฟิล์มขึ้นภาพใหม่ไม่ได้ เป็นปัญหาที่พลาสติกกันน้ำกับกล้องทำงานไม่สัมพันธ์กัน ผลก็คือ ผมลงน้ำ ถ่ายได้รูปเดียว หมุนฟิล์มเพื่อขึ้นชัตเตอร์ครั้งใหม่ไม่ได้ ใครจะใช้กล้องทอยออกทริป กรุณาลองสถานการณ์จริงก่อน เสียฟิล์มสักม้วนลองใต้น้ำให้รู้เรื่องก่อนว่าทำงานได้ไหม มีปัญหาไหม ถ้ามีปัญหาจะได้ไม่ต้องพกลงน้ำ เพราะถ้าคุณไปเจอปัญหาตอนอยู่ใต้น้ำ มันเสียดายโอกาส แต่ถ้าจะใช้ทั่วไปไม่ลงน้ำ ก็ซื้อได้เลยตามสะดวก
ขอบฟ้าหัดเล่นฟุตบอลมาหลายเดือนแล้ว และได้ไปเรียนฟุตบอลที่สนามสัปดาห์ละ 1ครั้ง ความชอบฟุตบอลมีมาสักพักก่อนหน้านี้ ขอบฟ้าได้ดูคลิปวิดีโอจาก youtube เกี่ยวกับนักฟุตบอลระดับโลกหลายคน ขอบฟ้าจำชื่อนักฟุตบอลที่เป็นตำนานดังได้หลายคน และคนที่ขอบฟ้าชอบที่สุดคือ เมสซี่
แม่ซื้อหนังสือแรงบันดาลใจมาใช้อ่านก่อนนอน ในเล่มนั้นมีเรื่องราวของคนเก่งหลายคน หลายอาชีพ และมีนักฟุตบอลที่ชื่อเมสซี่ด้วย ขอบฟ้าชอบความเก่งและความพยายามของเมสซี่
ขอบฟ้าเป็นแฟนบอลของเมสซี่ ใส่เสื้อทีมบาเซโลน่าไปเรียนฟุตบอล ใส่เสื้อทีมชาติอาเจนติน่าด้วยในบางโอกาส และตามเชียร์เมสซี่ คอยดูผลการแข่งขันทางทีวี
มีการแข่งขันครั้งหนึ่ง ทีมเมสซี่แพ้ ทำให้ต้องตกรอบ ขอบฟ้าดูภาพข่าวจบแล้วหน้าเสีย แล้วหันกลับมาถามพ่อว่า แข่งจบหรือยัง หมดเวลาหรือยัง มีต่อเวลาไหม ถามเหมือนไม่อยากให้เกมส์จบแบบเมสซี่แพ้ พ่อก็ตอบว่า จบแล้ว ขอบฟ้าถามว่า แล้วใครเข้ารอบ ใครตกรอบ พ่อตอบว่าเมสซี่ตกรอบ ขอบฟ้าก้มหน้าร้องไห้ ซุกหน้าไปกับหมอน แล้วร้องไห้อยู่หลายนาที แม่ต้องมาปลอบใจให้ขอบฟ้าหายเสียใจ
ถือโอกาสสอนว่า คนเก่งที่สุดในโลกก็มีวันแพ้ ทุกคนต้องแพ้สักครั้ง และต้องอดทนต่อความรู้สึกแพ้ให้ได้
พ่อนั่งดูอาการขอบฟ้าแล้วอิจฉาขอบฟ้ามากๆ อิจฉาในความรักและการมีความรู้สึกร่วมต่อทีม การเชียร์กีฬาให้สนุกต้องมีทีมที่รักและตามเชียร์ไปเรื่อยๆ ความรู้สึกดีใจและเสียใจไปกับทีมเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน น่าอิจฉาวัยเด็กและช่วงเวลาเหล่านี้
แถมวิดีโอที่ขอบฟ้าเล่นฟุตบอล
วันที่ 9 พฤษภาคม 2561 โลกและดาวพฤหัสจะโคจรเข้ามาใกล้กัน และดาวพฤหัสจะอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ หมายความว่าโลกอยู่ตรงกลาง เมื่อพระอาทิตย์ตก ดาวพฤหัสก็จะขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นดาวได้ตั้งแต่หัวค่ำ
ที่ห้องใต้หลังคาในบ้าน ถูกออกแบบไว้ใช้งานเป็นพื้นที่เล่นของเด็ก ตั้งใจจะใช้เป็นพื้นที่เพื่อความสนุกสาน เพื่อความบันเทิงจากกิจกรรมต่างๆ ในตอนที่ขอบฟ้าอายุแค่สามขวบ ก็วิ่งเล่นบนห้องใต้หลังคาราวกับเป็นสนามเด็กเล่น เสียงตึงตังได้ยินไปทั้งบ้าน ในวัยที่โตขึ้นมาห้าขวบปลายๆ ก็เป็นวัยเรียนรู้ วัยช่างสงสัย และมีกล้ามเนื้อแขนขาแข็งแรง พอจะหยิบจับและทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ต่างๆได้แล้ว
ห้าขวบสิบเดือน ขอบฟ้าเรียนรู้เรื่องดวงดาวและอวกาศ ขอบฟ้าชอบดาวเสาร์และดาวพฤหัสมาหลายเดือนแล้ว มีโอกาสได้ส่องดาวเสาร์เมื่อสามเดือนที่แล้ว การได้เห็นวงแหวนดาวเสาร์สร้างแรงบันดาลใจได้จริงๆ จากวงแหวนดาวเสาร์ อวกาศพาขอบฟ้าไปไกลมากยิ่งขึ้น ยานอวกาศที่สำคัญ ยานสำรวจดวงดาวที่สำคัญและมีบทบาทในหัวข้อข่าวขอบฟ้าจำได้หลายชื่อ นักบินอวกาศคนสำคัญของโลกชื่ออะไรก็รู้ได้จากการอ่านเรื่องเล่าก่อนนอนกับพ่อ
กล้องดูดาวเป็นอุปกรณ์เปลี่ยนโลกชิ้นสำคัญในประวัติศาสตร์มนุษย์ ตั้งแต่กาลิเลโอยกกล้องส่องท้องฟ้า โลกเราก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเหลือเชื่อ เกิดนักวิทยาศาสตร์มากมาย อวกาศนำนักคิดมารวมตัวกัน การหาความรู้จากอวกาศเกิดเป็นผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์มหาศาล ความก้าวหน้าของโลกเราในช่วงไม่กี่ร้อยปีหลังกล้องของกาลิเลโอเป็นก้าวที่ใหญ่มาก ทำให้ช่วงเวลาพันล้านปีก่อนจะใช้กล้องดูดาวกลายเป็นก้าวเล็กมากจนเทียบกันไม่ได้เลย
ขอบฟ้าโตจนเริ่มเรียนกิจกรรมหลายๆอย่าง ทั้งศิลปะ ภาษาอังกฤษ และ ฟุตบอล แล้วก็มาถึงคราวของ เปียโน ขอบฟ้าไปเรียนเปียโนที่ KPN ได้ตำรากลับมาซ้อมที่บ้านด้วย เปียโนหลังนี้นั่งรอขอบฟ้ามาเล่นเกือบปี จนได้เริ่มต้นกันเสียที ภาพเด็กน้อยกำลังเล่นเปียโนดูดีเกินคาด
ตามความรู้ระดับงูๆปลาๆของผม เปียโนคือเครื่องดนตรีที่มีเร้นจ์เสียงกว้างที่สุด และการมีพื้นฐานเปียโน จะสามารถพัฒนาไปเล่นเครื่องดนตรีอย่างอื่นได้ง่าย ผมหวังว่าสิ่งที่รู้มาจะเป็นจริง การหัดเล่นเปียโนครั้งนี้เหมือนความฝันวัยเด็กของผมเองด้วย เพราะเปียโนราคาไม่ถูก โอกาสที่จะฟังเสียงเปียโนจริงๆเป็นเรื่องยากมาก คนทั่วไปที่ไม่ได้มีอาชีพเกี่ยวข้องกับดนตรีแทบจะไม่สามารถไปยืนฟังอคูสติกเปียโนได้เลย
เพลงนี้เป็นเพลงที่เปิดให้ขอบฟ้าฟังก่อนนอนแทบทุกคืน
ขอบฟ้าได้ลงแข่งฟุตบอลเป็นครั้งแรก เป็นการจัดแข่งเล็กๆของสนามฝึก ทีมของขอบฟ้าแข่งกับทีมจากสนามอื่น ผลการแข่งขันขอบฟ้า ชนะ 2:1 เป็นการยิงประตูโดยขอบฟ้าทั้ง 2 ประตู จริงๆ มีประตูที่ 3 ด้วย ที่ขอบฟ้ายิงได้ แต่ทีมคู่แข่งมัวแต่ก้มผูกเชือกรองเท้าโดยไม่ป้องกันประตู กรรมการเลยไม่นับคะแนนลูกนี้
ขอบฟ้านำผลงานศิลปะกลับมาให้ดูหลายชิ้น เป็นงานที่ทำจากโรงเรียน ขอบฟ้าหยิบให้แม่ดูทีละชิ้น และอธิบายว่าทำยังไง อธิบายจนครบทุกชิ้น พ่อเลยถามถึงไข่เค็ม ขอบฟ้าบอกว่าเอากลับมาแล้ว แต่ลืมกิน