เรื่องราวของเพลินพัฒนา

โรงเรียนเพลินพัฒนา เป็นโรงเรียนทางเลือกที่เริ่มเป็นที่รู้จัก มีผู้ปกครองบางท่านได้เคยโทรศัพท์เข้ามาปรึกษาผมว่า บ้านอยู่ไกล แต่อยากเรียนโรงเรียนนี้ มีคำแนะนำให้ไหม ซึ่งผมก็ตอบไปว่า เรียนใกล้บ้านเถอะ

วันที่ลูกเข้าเรียนที่เพลินพัฒนา ลูกผมมาสมัครและได้รับเลือกให้เข้าเรียนได้อย่างไม่ยากเย็น ไม่ได้มีคิวที่ยาว ไม่ได้ต่อแถวนานๆ ไม่ได้เป็นตัวสำรองของคนอื่นที่รอสละสิทธิ์ แต่หลังจากที่ผ่านพ้นปีนั้นไปแล้ว โรงเรียนเพลินพัฒนา เริ่มมีคนมาสมัครมากขึ้นเรื่อยๆ มีปีที่ได้ข่าวว่ามีการมาต่อแถวยื่นใบสมัครแต่เช้ามืด เพื่อนผมพาลูกมาสมัคร เป็นคิวตัวสำรองลำดับที่ 40 ผมได้ข่าวแบบนี้แล้วตกใจจริงๆ

แต่ก็ไม่ได้แปลกใจที่คนอยากเรียนจะมีจำนวนมาก เพราะสิ่งที่ผมประสบด้วยตัวเองคือคุณภาพของการเรียนรู้ และครูที่ทุ่มเทอย่างจริงใจ ยิ่งมีกิจกรรมการเรียนรู้ที่ต้องใช้ความร่วมมือร่วมใจจากพ่อแม่ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เข้าใจว่า ผลลัพธ์ที่เกิดกับเด็กต้องจับต้องได้และมีคุณภาพแน่นอน

ผ่านมาถึงชั้นประถม ได้พบกับคลิปวิดีโอตัวนี้ ที่เป็นการรีวิวโดยครูและพิธีกรในแง่มุมที่พ่อแม่อย่างเราไม่เคยรู้ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในโรงเรียน เพราะสิ่งที่ลูกนำออกมาและปฏิบัติตัวมาตลอดช่วงเวลาที่เรียนอนุบาลเป็นพัฒนาการที่พ่อแม่ก็แอบทึ่ง และดีใจปนประหลาดใจหลายครั้ง ทั้งความช่างคิด ช่างสงสัย และนิสัยส่วนตัวที่แสดงออกอย่างมีกาลเทศะต่อเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งหลายๆอย่างทำได้ดีกว่าสิ่งที่พ่อแม่เคยทำในวัยเดียวกับลูก

หลังจากคลิปนี้ออกไป เชื่อว่าคงมีความนิยมและเป็นที่รู้จัก รวมถึงเป็นที่ต้องการของพ่อแม่ใหม่ๆอีกหลายบ้าน และมันก็สอดคล้องกับประกาศของโรงเรียนว่าจะมีการเพิ่มห้องเรียนให้มากขึ้นในปีหน้า

การเรียนการสอนที่ไม่พยายามใส่วิชาการที่ยัดเยียด การสอนให้อ่านเมื่ออยากอ่านมีผลชัดเจน ขอบฟ้าสามารถอ่านหนังสือได้เร็วมากโดยที่เมื่อสามเดือนที่แล้วยังสะกด กอ อา กา อยู่เลย แต่วันนี้อ่านเป็นประโยคยาวๆได้แล้ว

พัฒนาการเรื่องวิชาการเป็นสิ่งที่พ่อแม่อย่างผมไม่คาดหวังว่าจะลึกและเก่งระดับนักเรียนทุน เพราะเชื่อว่าประสบการณ์ชีวิตนั้นสำคัญกว่าระดับความรู้ แต่อย่างน้อย ลูกของพวกเราจะต้องมีความรู้ที่เข้าใจพื้นฐานอย่างรู้จริง และเชื่อมโยงหาคำตอบต่อทุกคำถามที่เกิดขึ้นได้ ดูหวังไกลไปหน่อย แต่โรงเรียนทำให้เราหวังแบบนี้

สรุปบทเรียนห้องเรียนพ่อแม่

ห้องเรียนพ่อแม่เป็นการอบรมพ่อแม่ของเด็กนักเรียนชั้น ป1 โดยจะเป็นการอบรมประมาณ 9 ครั้ง ซึ่งบางคนก็เข้าครบ บางคนก็ไม่ครบ คนที่เข้าไม่ครบครูก็บอกให้มาลงให้ครบในการอบรมรอบหน้า ซึ่งอาจหมายถึงปีหน้า

เราได้เรียนกับผู้รู้ เรียนกับคุณหมอหลายท่าน เรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก โดยมีหัวข้อหลายๆอย่างให้เราร่วมคิดร่วมเวิร์คช็อบ และได้สังเคราะห์เป็นความรู้ออกมา เพื่อให้เราได้นำไปปรับใช้กับลูกๆของเรา

บทสรุปของการเรียนรู้มาราธอนครั้งนี้ พ่อแม่ในกลุ่มก็แบ่งกันทำสรุปในหลายๆหัวข้อ แต่ละกลุ่มเลือกสรุปสิ่งที่ได้รับและน่าสนใจ แบ่ง 4 กลุ่มก็พูดกัน 4 รอบ ดังนี้

ระหว่างที่แต่ละกลุ่มพูดสรุป ครูก็ช่วยสรุปรวมกันอีกครั้ง

คุณภาพเสียงของการบันทึกอาจฟังยากนิดหน่อย เพราะใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกตรงๆ โรงเรียนแห่งนี้คัดกรองครอบครัวที่ส่งเด็กเข้ามาเรียน และมีการอบรมให้กับพ่อแม่ เป็นประสบการณ์การเป็นพ่อแม่ที่ไม่เหมือนสมัยปู่ย่าตายายที่พาพวกเราเข้าโรงเรียน พ่อแม่ยุคที่แล้วไม่ต้องทำขนาดนี้ แต่ทั้งหมดก็ถือว่าเป็นแนวทางที่คาดหวังได้ว่าเด็กจะเติบโตไปอย่างมีคุณภาพมากที่สุดเท่าที่พ่อแม่และโรงเรียนยุคใหม่จะทำได้

แข่งรักบี้สนามสาธิตเกษตร

dpp-rugby-8sep2019-IMG_0286

วันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา ขอบฟ้าไปแข่งรักบี้รายการหนึ่งที่โรงเรียนสาธิตเกษตร หลังจากเดือนที่แล้วไปแข่งที่สนามอื่นมาแล้ว สนามนี้จึงนับเป็นสนามที่2 และได้เล่นในสนามนี้ไป 4 นัด

dpp-rugby-7sep2019-IMG_0012

เรารวมตัวกันที่โรงเรียน ผู้ปกครองพานักกีฬาไปส่งเพื่อรวมกันขึ้นรถบัสไปยังสนามแข่งขัน เด็กตื่นตีห้าครึ่ง มาถึงโรงเรียนหกโมงครึ่ง เช้าวันไปโรงเรียนยังไม่เช้าเท่านี้เลย ไปถึงสนามก็แยกกันไปวอร์มอัพ เตรียมพร้อมเพื่อแข่งขัน นัดแรกเราแข่งประมาณแปดโมงเช้า พิธีเปิดเสร็จก็แข่งเลย

dpp-rugby-8sep2019-IMG_0058
dpp-rugby-7sep2019-IMG_0056

พ่อแม่ผู้ปกครองร่วมมือกันคนละแรง ติดตามกันไปเชียร์ บางคนสนับสนุนของกิน บางคนมาช่วยถ่ายภาพ บางคนมาช่วยถ่ายวิดีโอ งานนี้มีภาพหลากหลายให้พ่อแม่กลับไปนั่งดู ผมก็ไปช่วยถ่ายภาพในการแข่งขัน เก็บบรรยากาศโดยรอบนิดหน่อย

dpp-rugby-8sep2019-IMG_0030

จำรายชื่อโรงเรียนทั้งหมดไม่ได้ รู้แค่ว่า รุ่น 7 ขวบ เราแข่งกับทีมเจ้าภาพที่เป็นเจ้าของสนาม โดยไม่มีทีมเก่งอย่างวชิรวุธ และ ภปร ก็นับว่าเรามีโอกาสได้ทำคะแนนอยู่บ้าง ผลการแข่งขั้น 4 นัด เราชนะทุกนัดเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเราดีใจมาก เด็กๆได้เล่น ได้ความมั่นใจ ในสนามอื่นๆหลังจากนี้ก็น่าจะสนุกเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเด็กเริ่มเล่นเป็นแล้ว

dpp-rugby-8sep2019-IMG_0046
dpp-rugby-7sep2019-IMG_0020
dpp-rugby-7sep2019-IMG_0295
dpp-rugby-7sep2019-IMG_0312
IMG_20190908_231814

วันเสาร์เราแข่ง 3 นัด วันอาทิตย์เราแข่ง 1 นัด ทีมโรงเรียนเพลินพัฒนาชนะได้ทุกนัด แต่ในชั้นอื่นๆมีแพ้บ้าง ชนะบ้างสลับกัน จริงๆในการแข่งขันครั้งนี้ควรมีทีมจากโรงเรียนบ้านบากมาเล่นด้วย แต่ติดขัดที่ปัญหาการเดินทางจึงไม่ได้เข้าร่วมในวันแข่งขัน ทีมบ้านบากเคยสร้างปรากฏการณ์เป็นทีมหน้าใหม่ที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ สามารถผ่านทีมเก่งๆอย่างภปรเข้ามาได้ และด้วยการบอกเล่าเรื่องราวความใจสู้ของทีมบ้านบาก ทำให้เกิดเป็นเนื้อเรื่องที่น่าประทับใจและนำไปสู่การสร้างเป็นภาพยนต์ พวกเรานึกว่าเราจะได้ถ่ายรูปกับดารา แต่ดันมีเหตุให้บ้านบากเข้าร่วมไม่ได้ น่าเสียดาย เหลือไว้แต่ป้ายชื่อที่ไม่ได้ใช้

dpp-rugby-7sep2019-IMG_0046

รักบี้ให้อะไร คำถามนี้เริ่มมีคำตอบชัดเจน หลังจากเห็นพัฒนาการของเด็ก ความสามัคคี การดูแลซึ่งกันและกันในทีม หวังว่ากีฬาจะช่วยสร้างเด็กดีมีน้ำใจออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

รักบี้ 3สิงหาคม2562

วันที่ 3 สิงหาคม 2562 โรงเรียนเพลินพัฒนาพาเด็กนักเรียนชั้นประถมไปแข่งกีฬารักบี้ โดยมีรุ่น 7 ปีที่ขอบฟ้าอยู่ในทีม รุ่น 7 ปีถือว่าเป็นรุ่นเล็กสุดของกีฬารักบี้ โดยก่อนหน้าวันแข่งประมาณ 3 สัปดาห์ทางโรงเรียนก็มีการรวมตัวกันซ้อม และทางครูก็ทาบทามเด็กจำนวนหนึ่งให้มาร่วมทีม

IMG_0258

ขอบฟ้าเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ครูชวนไปเล่น มีจดหมายอย่างเป็นทางการจากโรงเรียนว่าจะขอให้นักเรียนร่วมฝึกซ้อมและไปแข่งขัน และเมื่อผู้ปกครองอนุญาตก็จะเริ่มฝึกซ้อมสัปดาห์ละ 4 วันในตอนเย็นหลังเลิกเรียน ตลอดเวลาช่วงฝึกซ้อมขอบฟ้าก็กลับบ้านเย็นตลอด บางวันขอบฟ้าติดเรียนพิเศษตอนเย็นก็จะไม่ได้ซ้อม

IMG_0177

วันแข่งขันโรงเรียนจัดรถไปส่งนักกีฬาหลายรุ่น ซึ่งรุ่น 7 ปีจะมีการแข่งในวันนี้ 3 นัด และทีมของขอบฟ้าก็ชนะ 1 นัด เสมอ 2 นัด ตอนจบวันก็แจกเหรียญรางวัลให้กับทีมที่เข้าแข่งทุกทีมโดยไม่มีการประกาศผลชนะเลิศ เพราะเป็นการแข่งเพื่อกระชับมิตร ไม่ได้แข่งหาแชมป์

IMG_0578
IMG_0364

พ่อแม่ก็มีหน้าที่สนับสนุน ตามไปเชียร์ ช่วยกันถ่ายภาพลูกหลานตลอดวัน มีภาพถ่ายจำนวนมากกว่า 1000 ภาพถูกส่งเข้าห้องไลน์เฉพาะกิจของกิจกรรมครั้งนี้ แค่ดูไปเรื่อยๆก็เมื่อยมือและปวดตามากแล้ว มีภาพสวยๆหลายภาพ มีคลิปวิดีโอหลายคลิป

IMG_0840
IMG_0206

ผมตั้งใจให้ลูกเก็บประสบการณ์ ทีแรกจะได้ประสบการณ์อะไรบ้างก็ตอบไม่ได้ แต่หลังจากที่ผ่านวันแข่งมาก็ได้คำตอบของตัวเอง เพราะเด็กทุกคนผ่านการซ้อมหลายสัปดาห์ นั่งรถบัสไปแข่ง ไปอยู่ในที่ที่ร้อนไม่สบายเหมือนในห้าง ต้องรอแข่ง 3 นัดในวันเดียว กินข้าวกินน้ำกับทีม ฝึกความอดทนที่จะเชื่อฟังโค้ช ซึ่งทุกอย่างที่ว่ามาเด็กทุกคนก็ผ่านมาได้ด้วยดี และสิ่งสำคัญก็คือ เด็กได้เรียนรู้การตั้งเป้าหมาย ได้เรียนรู้วิธีการ ได้ทุ่มเทความอดทน ความพยายามและเวลาที่เพียงพอ ประสบการณ์ที่ใช้เงินซื้อไม่ได้แบบนี้ “คุ้ม” จริงๆ เพราะในวัยเด็กของผมเอง กว่าจะเรียนรู้การทำงานกับเพื่อนแบบหามรุ่งหามค่ำ กว่าจะผ่านช่วงเวลาเหนื่อยร่วมกับเพื่อนๆผมต้องรอจนถึงมัธยมเลย

IMG_0513
IMG_0432

ขนจักรยานไปขี่เล่นที่พุทธมณฑล

เช้าวันอาทิตย์อีกวันหนึ่งที่หากิจกรรมครอบครัวทำร่วมกัน พ่อแม่ลูกเลือกไปขี่จักรยานเล่นที่พุทธมณฑลซึ่งเป็นสถานที่ศาสนสถานที่ใหญ่โตมาก ทุกเช้าวันหยุดจะมีคนมาออกกำลังกาย เดิน วิ่ง จำนวนมาก และเราก็มาขี่จักรยานกัน

IMG_0029

จักรยานสองคันนี้เราแบกใส่รถฮอนด้าฟรีดมาได้อย่างสบายๆ รถยนต์ที่มีฟังค์ชั่นการขนของได้เหมือนรถตู้ แต่คันไม่ใหญ่มาก ฟรีดสามารถใส่จักรยานขนาดกลางและเล็กได้พร้อมกัน ปกติถ้าเป็นรถเก๋ง นักปั่นที่อยากแบกจักรยานขึ้นรถก็จะมีทางเลือกคือ ใช้จักรยานพับ หรือไม่ก็ใช้ตัวติดตั้งท้ายรถเพื่อขนจักรยาน ให้จักรยานแสนแพงไปทำหน้าที่กันชนหลัง แต่บ้านผมไม่ได้มีจักรยานแพง จักรยานแม่บ้านคันละพันกว่าบาทเป็นทางเลือกที่ผมชอบมาก เพราะมันมีตะกร้า และใส่ที่นั่งเพิ่มเติมได้อีก

IMG_0032

จักรยานทรงแม่บ้านที่มีตะกร้าก็สะดวกสำหรับการใส่ของที่จำเป็นอย่างเช่นกระติกน้ำ ติดที่หนีบแก้วน้ำหรือขวดน้ำก็ได้ ใส่ที่สูบลมขนาดเล็ก เครื่องมือช่างสำหรับแก้ไขปรับแต่งจักรยาน รวมไปถึงเสบียงต่างๆ ขนม ข้าวกล่อง จะเอาอะไรอีกล่ะ ตะกร้าใส่ของได้เยอะมาก นี่เป็นเหตุผลที่ผมชอบจักรยานแม่บ้าน และไม่คิดจะซื้อจักรยานแบบอื่น

IMG_0050

ส่วนคันเล็กที่ติดมาด้วยก็เป็นมรดกที่ป้ายกให้หลาน คันเล็กมาแบบสี่ล้อ แล้วขอบฟ้าก็เอามาหัดขี่แบบสองล้อ ใช้เวลาหัดไม่กี่วันก็ขี่ได้ ขี่ในบ้านแคบๆกับระแวกบ้านอยู่หลายเดือน จนวันนี้เราได้แบกมาขี่ในที่กว้างๆ เป็นทริปปั่นอีกทริปหนึ่งที่แม่ลูกได้ขี่แบบสองล้อคนละคันไปพร้อมกัน ส่วนพ่อเดินดู แบกของ ซ่อมแซม ปรับเบาะ สูบลม ทำสิ่งที่เป็นหน้าที่พ่อบ้านต้องทำ

ดูตอนที่หัดขี่

IMG_0047

พุทธมณฑลเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เป็นที่เวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนา ซึ่งวันสำคัญทางศาสนาที่นี่จะมีคนเยอะมาก ทุกคนขับรถมาที่แห่งนี้ ผลก็คือ รถติด และรถติดในพุทธมณฑลจนออกยาก ผมเคยติดอยู่ในนี้เป็นชั่วโมง อยากออกก็ไม่ได้ออก เพราะรถติดมาก เดินเร็วกว่าขับรถ และเป็นความทรงจำที่จะบอกปากต่อปาก บอกลูก บอกคนรอบตัวว่า วันสำคัญทางศาสนา อย่าไปพุทธมณฑลเด็ดขาด

IMG_0036

ถ้ามาที่แห่งนี้ตอนเช้า แล้วขากลับตอนสายๆจะแวะหาของกิน ก็มีร้านอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่เปิดตั้งแต่เช้า เราสามารถไปจอดรถริมถนนแล้วแวะกินได้ หัวถนนก็มีคอมมูนิตี้มอลในนั้นมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ บางร้านเปิด 24 ชั่วโมง มีฟู้ดแลนด์อยู่ด้วย

IMG_0052
IMG_0040
IMG_0028

แปะแผนที่ไว้ให้เผื่อใช้นำทางไป

น้ำ 2 แก้ว

IMG_20190602_142902

ขอบฟ้ามีนัดไปตรวจร่างกายกับคุณหมอที่โรงพยาบาล และด้วยความอยากรู้ว่าน้ำจะช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวได้สักเท่าไหร่ หลังชั่งน้ำหนักเสร็จแล้วเลยทดลองกินน้ำที่โรงพยาบาลไป 2 แก้ว

IMG_20190602_143241

ผลก็คือชั่งน้ำหนักครั้งสุดท้ายได้ 21.4กิโลกรัม เลยไปดูที่แก้วว่าน้ำในแก้วมีปริมาณเท่าไหร่ พบว่าในแก้วจะใส่น้ำ 220 cc ก็จะเทียบได้เป็นน้ำหนัก 0.22 กก. นั่นเอง กินไปสองแก้ว น้ำหนักก็ขึ้นมา 0.44 กก. ตัวเลขที่ชั่งครั้งแรกที่ระบุไว้ 20.9 กก. นั้นคงเป็นการปัดเศษทิ้ง ส่วน 21.4 คงเป็นการปัดเศษขึ้น

IMG_20190602_143325

บันทึกจากโรงเรียน 1jun2019

ทดลองเอา embed code มาใส่

บันทึกห้องเรียนพ่อแม่ชั้น ๑ (ต่อ)​:
สัมพันธภาพและการสื่อสารเชิงบวกสู่การสร้างการเรียนรู้ และการบริหารจัดการตนเองของลูก
โดย: รศ.นพ. สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม

ขึ้น ป 1 แล้วครับ

IMG_0138

ขอบฟ้าเข้าเรียนเพลินพัฒนาตั้งแต่ช่วงปี คศ 2015 ตอนนี้ปี 2019 กำลังจะได้ขึ้นประถม1 โรงเรียนเพลินพัฒนาเป็นโรงเรียนแนวทางเลือกแบบที่ผู้คนทั่วไปเขาเรียกกัน เป็นรูปแบบโรงเรียนที่สอนเด็กแตกต่างไปจากสิ่งที่เคยเป็นมาในอดีต ผมกับแม่ขอบฟ้าเลือกที่จะอยู่ที่เพลินพัฒนาเพื่อให้ขอบฟ้าได้เรียนรู้ในรูปแบบที่ไม่เหมือนยุคของพ่อแม่

IMG_0142

พวกเราพ่อแม่เคยผ่านการเป็นนักเรียนในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น ยุคที่ทุกโจทย์มีคำตอบเดียว นี่คือสิ่งที่เราไม่อยากให้ขอบฟ้าต้องพบกับวิธีการสอนเหล่านี้ คำว่าโรงเรียนทางเลือกเป็นคำที่ไม่ได้บ่งบอกวิธีการเรียนการสอน การเสี่ยงเอาลูกมาอยู่ที่โรงเรียนนี้เป็นการวัดใจอย่างหนึ่ง และที่ผ่านมาประมาณ 4 ปี พวกเราพ่อแม่พบว่าเราเสี่ยงแล้วคุ้ม เพราะผลที่เกิดกับลูกของเราเองเป็นสิ่งที่เราปลาบปลื้ม หลายประสบการณ์หลายมุมมองของลูกเป็นไปในรูปแบบที่เราเองยังไม่คาดคิด

IMG_0143

การแก้ปัญหาบางอย่างของขอบฟ้าเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่ขอบฟ้าไปเล่นในห้างแล้วโดนแย่งของเล่นโดยเด็กคนหนึ่ง เราเป็นพ่อแม่ก็เฝ้ามองและคิดไปล่วงหน้าว่าถ้าเราเป็นลูกเราจะทำอย่างไร และเราจะสอนให้ลูกทำอย่างไร จะสอนให้หลีกเลี่ยงการโดนแย่งได้อย่างไร ซึ่งเราตั้งใจจะสอนลูกให้ระวังไม่ให้โดนแย่งจริงๆ เราจะสอนลูกให้อย่าอยู่ใกล้คนที่มีนิสัยแย่ง อาจจะแยกไปเล่นวงอื่น แยกไปเล่นมุมอื่น แต่ขอบฟ้าแก้ปัญหาของตัวเองได้ในระดับที่พ่อแม่ประหลาดใจ ขอบฟ้าหน้าเสียเล็กน้อยตอนโดนแย่ง มองกลับมาที่พ่อแม่ตอนที่โดนแย่ง และอีกสัก 2 วินาที ขอบฟ้าก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาพ่อของเด็กที่มาแย่ง แล้วบอกกับพ่อเด็กว่า คนนี้แย่งของเล่น นั่นทำให้พ่อเด็กมาจัดการและสั่งให้คืนของ ขอบฟ้าได้เล่นต่อ เด็กแย่งเลิกแย่ง พ่อของเด็กทำในสิ่งที่เหมาะสมกับการเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กทุกคน ผมเฝ้ามองแล้ว อยากปรบมือให้แรงๆเลย

ตอนนี้เข้าสู่ ป1 เป็นช่วงเวลาที่การเรียนรู้จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น วิชาการมากขึ้น ผมไม่แคร์กับการรู้เนื้อหาวิชาการช้าเมื่อเทียบกับโรงเรียนที่เน้นวิชาการ หรือเน้นการสอบ เน้นการเป็นที่ 1 แต่กับโรงเรียนแนวทางเลือกผมเฝ้ารอให้ลูกจะค่อยๆโตขึ้นและได้ค้นพบตัวเองด้วยตัวเอง เฝ้ารอว่าสักวันขอบฟ้าจะเข้ามาบอกกับพ่อแม่ว่าอยากจะเรียนอะไร อยากจะเป็นอะไร อยากจะทำอะไร เพราะเราเชื่อว่าวิธีการสอนที่ดี และประสบการณ์ต่างๆที่โรงเรียนค่อยๆพาลูกเดินไปจะช่วยให้เด็กแต่ละคนค้นพบความชอบหรือค้นพบความสนใจเร็วกว่าโรงเรียนในภาคปกติ

พูดไปก็อาจจะดูเหมือนโม้และเพ้อเจ้อ แต่ประสบการณ์ที่เราผ่านมาในการเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ชวนให้เรากล้าเพ้อ มันต้องดีกว่าสมัยที่เราเป็นเด็กสิ เพราะเราผ่านยุคเก่ามาแล้ว และเรามอบสิ่งใหม่ๆให้กับลูกเรา เรากำลังให้ในสิ่งที่เราเคยอยากได้ และความอยากให้นี้ผ่านการคิดมาอย่างดีแล้วด้วย

ลองกลับไปอ่านตอนแรกของการเข้าโรงเรียนนี้

แถมภาพวันแรกที่เดินเข้ามาสมัครเรียน ตอนสองขวบปลายๆกับการมาสมัครเพื่อเข้าเรียนช่วงพรีเนอส ซึ่งเป็นชั้นที่มีไว้สำหรับเด็กก่อนเตรียมอนุบาล

IMG_1245.JPG

ภาพจากฟิล์มที่ขายได้

ภาพถ่ายตอนแรกเกิดที่ผมถ่ายลูกด้วยกล้องฟิล์ม ใช้กล้อง Leica minilux ฟิล์มขาวดำยี่ห้อ lucky ที่เคยมีเก็บไว้หลายปีแล้ว  หลังจากที่ถ่ายหมดม้วน  กลับมาอยู่บ้านแล้ว ก็ล้างฟิล์มม้วนนี้ แล้วก็ลองสแกนด้วยกล้องดิจิทัลจนได้เป็นไฟล์ไว้ดู  ผ่านไปหลายปี เลยเอาไปลองขายดู  ปรากฏว่าวันนี้มียอดโหลด ขายได้ด้วย  แม้จะได้เงินเพียงเล็กน้อย  แต่มันเป็นการบอกว่าภาพของเราเป็นที่ต้องการของบางคน  และภาพนี้จะอยู่ในระบบคอมฯตลอดไปจนกว่าโลกเราจะเลิกใช้อินเทอเน็ต

IMG_0284

IMG_0284bw

ภาพนี้มีที่มาจากการสแกนด้วยเลนส์มาโคร ดูรายละเอียดวิธีทำได้จากโพสท์นี้
การสแกนฟิล์มด้วยเลนส์มาโครและกล่องไฟ  

 

 

พาลูกเที่ยวกระบี่ ภูเก็ต 5วัน 4คืน ตอนที่4

เช้าวันที่ 4 ที่โรงแรม Pullman วันนี้ตื่นแบบไม่ต้องรีบ  เราค่อยๆกินข้าว แล้วมาเดินเล่นแถวๆหาดทราย  และมาหยุดเล่นหมากรุกยักษ์ที่ข้างสระน้ำ  หมากรุกสากลมีรูปแบบการเดินคล้ายๆหมากรุกไทย  ผมก็ไม่ค่อยแม่นในกฏกติกา  เล่นหมากรุกไทยได้  ก็เลยเล่นหมากรุกฝรั่งแบบปนมั่วในบางตัว

IMG_9601

เล่นจบแบบมึนงง  กลับจากทริปนี้ขอบฟ้าก็ขอให้แม่ซื้อกระดานหมากรุกสากลให้  แล้วก็หัดเล่นกันอย่างจริงจัง  ระหว่างที่เล่นก็ได้พบนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินผ่านมาดูพวกเราเล่น  แล้วเขาก็ช่วยเล่นนิดหน่อย  พูดคุยกันพอรู้ว่า บ้านเขา อุณหภูมิ 50 องศา  เขามาเที่ยวเมืองไทยสบายกว่าอยู่บ้านเขา

IMG_9609

สายๆวันนี้เราเดินทางไปเที่ยวอควอเรี่ยม  หรือ ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่อยู่ท้ายถนน  สุดถนนที่ใต้สุดของเกาะภูเก็ตเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ  มีปลาหลายชนิด แม่กับขอบฟ้าไปเดินดูว่าตอนดำน้ำเจอปลาตัวไหนบ้าง ค่าบัตรเข้าชมสำหรับคนไทย 50 เด็ก 20 บาท ถูกมาก

IMG_9622

เราอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่แอร์เย็นสบาย  หลบแดดข้างนอกที่อุณหภูมิสัก 40 องศา  อยู่ถึงกลางวันก็เลือกไปกินอาหารที่ในเมืองภูเก็ต  เราขับรถเข้าถนนรัษดา  ถนนดีบุก ถนนพังงา วนเวียนอยู่ย่านนี้สักพัก  หาที่จอดรถยากมาก  การเดินทางมาเที่ยวภูเก็ตแล้วจะขับรถมาแวะร้านที่อยากแวะในเมืองเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เลย เทียบแล้วเหมือนขับรถเข้าถนนเยาวราช คิดเหรอว่าจะได้จอดหน้าร้านอาหารสักร้าน ไม่มีทางเลย  เราขับรถวนเวียนอยู่สักสองรอบก็โชคดีเจอรถที่กำลังเลี้ยวออก  เลยได้ที่จอด ได้แวะกินเสียที  เราเลือกที่จะกินร้านราดหน้าเจ้าดัง  ร้านนี้ผมเคยมากินแล้วเมื่อหลายปีก่อน  เป็นร้านที่ดังมานาน  มาวันนี้ดังยิ่งกว่าเดิม  มีลูกค้ารอคิวนานมาก  ร้านเต็มแทบตลอดเวลา  ผมกับลูกต้องยืนรอสิบห้านาทีกว่าจะได้โต๊ะ

IMG_9647

รสชาดอาหารอยู่ในเกณฑ์ที่ดี  กินอร่อย แนะนำเพื่อนให้มากินได้  แต่ไม่ได้รสเด็ดระดับห้ามพลาด  ผมแอบคิดไปว่าร้านนี้คนเยอะเพราะมีแอร์มากกว่า  ร้านอื่นๆที่คนน้อยก็ไม่เปิดแอร์  บางร้านก็ไม่มีแอร์  อากาศร้อนสุดๆได้นั่งกินห้องแอร์ใครๆก็ชอบ  ร้านราดหน้าร้านนี้ก็เลยแน่นตลอดเวลา

IMG_9643

อิ่มแล้วก็เดินเล่นดูวิวเมืองเล็กน้อย  สอดส่องแนวตึกแถว เดินอ้อมสี่แยกวนกลับมาที่รถ  เราได้เห็นร้านอาหารอีกมากมาย  แต่ดูไม่ค่อยมีคนแวะกิน  ได้เห็นร้านกาแฟน่านั่งหลายแห่ง  แต่เราไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่เวลาเหลือเฟือ  เราไม่อยากนั่งเสพกาแฟในร้านค้าที่ดูดาดดื่นเหล่านี้  แม้ว่าจะรู้สึกอยากแวะ  แต่ลูกอาจไม่สนุก  และเรามีโปรแกรมต้องไปแวะที่อื่นอีกหลายแห่ง

IMG_9649

IMG_9652

IMG_9654

IMG_9659

ที่ตึกแถวใกล้ๆร้านราดหน้ามีงานวาดภาพบนผนังให้ดูด้วย  น่าสนใจสำหรับการพัฒนาให้เป็นจุดแวะถ่ายรูป  ถ้าทำให้ถึงมากกว่านี้จะเป็นแม่เหล็กดูดคนได้อีกจุดหนึ่ง  แต่ว่าต้องแก้ปัญหาจุดจอดรถให้ได้ด้วย

IMG_9663

ร้านกาแฟจำนวนมากที่เราขับรถผ่านดูแล้วก็คล้ายๆกัน  คือเป็นร้านที่เปิดขึ้นมาเพื่อรับนักท่องเที่ยว  แต่ผมก็ไม่เห็นว่านักท่องเที่ยวจะสามารถแวะร้านเหล่านี้ได้เลย  เพราะจอดรถยากมาก  เราขับรถออกจากย่านเมืองภูเก็ต  ภรรยาอยากให้แวะซื้อกาแฟสักแก้วก่อนจะไปแหลมพรหมเทพ  ก็เลยลองเลือกร้านกาแฟที่มีคนรีวิวว่ากาแฟเจ๋งมากๆร้านหนึ่ง  เป็นร้านที่อยู่ในซอกหลีบ กาแฟคร้าฟของที่นี่เป็นสิ่งที่ต้องลอง รีวิวบอกเราอย่างนี้ เราเปิดหาเส้นทางจาก googlemap แล้วลองไปดู  กะว่ากาแฟเจ๋งๆจะตกถึงท้องบ้าง แล้วเราก็พบว่าร้านหน้าตาเป็นแบบนี้

IMG_9664

ลักษณะเหมือนบ้านพักคนงานก่อสร้าง  ผมค้นพบครั้งที่สองในทริปนี้ว่า  คนที่เคยรีวิวร้านอาหารและกาแฟ เขาไม่ได้มีรสนิยมเดียวกับเรา  บางครั้งเราก็เสียความรู้สึกกับข้อมูลที่เกินจริง  โชคดีที่ร้านนี้ปิด  เราเลยได้ไปแหลมพรหมเทพเร็วกว่าเดิม  แต่กว่าจะถึงเราก็เดินทางค่อนข้างนาน ระยะทางไม่ไกล แต่ภูเก็ตรถติด  ติดจนขอบฟ้าหลับไปเลย  ลูกหลับในรถเราตัดสินใจไม่ปลุก ขอบฟ้าเลยไม่ได้เห็นแหลมพรหมเทพ

IMG_9677

หลังจากแวะถ่ายรูปที่แหลมพรหมเทพแล้วเราก็ขับเลยไปอีกประมาณ 5 นาที  เป็นสถานีติดตั้งกังหันลม  ที่มีนักเล่น paragliding กำลังเล่นสนุก  เราไปจอดรถบนสถานีไฟฟ้าใต้กังหันลมแล้วมานั่งดูฝรั่งเล่นเครื่องเล่นน่าสนุก

IMG_9694

แรงลมที่ประทะกับภูเขาแห่งนี้ช่วยหมุนกังหัน และช่วยให้เล่นร่มได้  นักเล่นบังคับให้ร่มลอยไปลอยมา บินขึ้นลงและย้ายไปมาได้เหมือนมีพลังวิเศษ  บางครั้งก็ลอยอยู่นิ่งๆได้ด้วย ดูแล้วน่าสนุกมาก

IMG_9706

แค่เพียงการต้านลมก็บังคับร่มให้ลอยไปลอยมาได้ดังใจ  ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า นกบินอพยพจากขั้วโลกเหนือไปขั้วโลกใต้  หรือ พวกที่อพยพข้ามทวีปนั้น ไปด้วยแรงลมเท่านั้น  ไม่ได้บินไปด้วยการกระพือปีกแบบที่ผมเข้าใจมาตลอด  และมันก็คงมีลมแรงระดับที่พาข้ามทวีปได้แค่ปีละไม่กี่ครั้ง มันถึงมีฤดูอพยพที่แน่นอน  ไม่ใช่อพยพได้ตามอำเภอใจ

IMG_9716

เราเลยขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย  ฝรั่งนักเล่นก็บังคับร่มให้ลอยมาเข้าเฟรมเพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์  แล้วก็เป็นภาพที่เห็น  มุมนี้เมื่อสัก 10 ปีก่อนผมกับภรรยาเคยมาถ่ายรูปร่วมกันแล้ว  เป็นภาพตอนยังไม่แต่งงาน

ภูเก็ต อ้อย บ๊ะ

ภาพด้านบนนี้เป็นภาพที่ถ่ายเมื่อปี 2009

แล้วเราก็กลับมาห้องพักที่โรงแรม  แต่เราแวะกินขนมเค้กที่ถนนท้ายเกาะเสียก่อน  เป็นร้านเค้ก kantary ที่มีชื่อเสียงอยู่เหมือนกัน  รีวิวบอกว่าร้านนี้ขนมอร่อย เราเลยลองแวะดูหน่อย ประเมินด้วยสายตาแล้วน่าจะอร่อยจริง และร้านก็ตกแต่งได้สวยมาก

IMG_9721

IMG_9725

IMG_9727

เราซื้อเค้ก  ไอติม กาแฟ แล้วก็นั่งกินเย็นๆในร้าน หามุมถ่ายรูปไปเรื่อย  ร้านแต่งโทนสีขาว มีแอร์เย็นๆน่านั่ง  เรานั่งแล้วไม่อยากลุกเลย เพราะอากาศข้างนอก 40 องศา

IMG_9732

IMG_9733

IMG_9757

กินอิ่ม เย็น อารมณ์ดี  กลับโรงแรมเล่นน้ำ เดินชายหาด ดูปูเดินไปเดินมา จับเล่นยังได้เลย และวันนี้ได้ดูพระจันทร์เต็มดวงที่โรงแรมด้วย พระจันทร์ดูใหญ่และชัดเจน ตอนขึ้นใหม่ๆที่ขอบฟ้าจะมีสีแดงมาก แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีส้ม และสีเหลืองตอนที่ลอยสูงขึ้นพ้นแนวภูเขาและตึก

IMG_9783

IMG_9791

เราจบวันนี้เร็วกว่าปกติ  เลือกที่จะกินมื้อเย็นเป็นข้าวกล่องที่ซื้อจากร้านตรงข้ามโรงแรม  ข้าวกล่องที่นี่ขนาดใหญ่มาก  ราคาก็ไม่แพงเลย คิดว่าฝรั่งแถวนี้คงเป็นลูกค้าประจำของร้านค้าย่านนี้

IMG_9801

IMG_9803

กลางคืนเข้านอนเร็ว และอัพโหลดรูปเข้าเว็บได้เรียบร้อย ผลจากการอัพเกรด os ในโน้ตบุ๊ค เน็ตที่นี่แรงและเสถียรดีมาก ที่สำคัญ ไม่เรื่องมาก การเชื่อมต่อไม่มีอะไรซับซ้อนให้รำคาญใจ  อยากรู้จริงๆว่าใครวางระบบเน็ตเวิร์คให้โรงแรมแห่งนี้

พาลูกเที่ยวกระบี่ ภูเก็ต 5วัน 4คืน ตอนที่2

เช้าวันนี้เราตื่นนอนเร็วมาก เพราะว่ามีนัดกับรถรับส่งที่จะมารับพวกเราที่โรงแรมตอน 7 โมงเช้าเพื่อไปขึ้นเรือสำหรับการเดินทางไปเที่ยวเกาะรอกและเกาะห้า เราก็เลยได้กินอาหารเช้าแบบที่เช้ามากจนไม่มีแขกคนอื่นมาแย่งที่นั่งที่สวยที่สุดของโรงแรม

IMG_20190417_070029_1

เราซื้อทัวร์ของบริษัทนี้ซึ่งเป็นทัวร์ที่พาเราไปเกาะรอกด้วยเรือลำใหญ่ความเร็วสูง บรรยากาศในเรือเต็มไปด้วยคนจีน มีลูกทัวร์ประมาณ 80 คน เป็นคนไทยแค่ 5 คน ส่วนเจ้าหน้าที่เรือเป็นคนไทยทั้งหมดและทุกคนพูดภาษาจีนได้ และไกด์ประจำเรือก็อธิบายทุกอย่างเป็นภาษาจีน พวกเราคนไทยเหมือนเป็นชนชั้น2ที่มาอาศัยคนจีนเที่ยวเลย แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนก็น่ารักกับเรา อธิบายออกไมค์ให้คนจีนเสร็จ ก็มาพูดใกล้ๆด้วยปากเปล่าให้ฟังทุกอย่าง เราก็อยู่กับทัวร์ได้อย่างไม่มีปัญหา

IMG_6058
IMG_6061
IMG_6063
IMG_6060

เรือลำนี้เป็นสปีดโบ๊ท บรรทุกคนเต็มลำเรือ มีชูชีพสำหรับทุกคน มีน้ำแจกทุกคน เดินทางจากแผ่นดินประมาณ 2 ชั่วโมงถึงเกาะรอก ชื่อเต็มๆของเกาะรอกคือ อุทยานแห่งชาติเกาะรอก เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่อยู่ไกลที่สุดจากกระบี่ ไกลยิ่งกว่าเกาะพีพี ด้วยความไกลนี้ทำให้นักท่องเที่ยวไม่มาก ทำให้สภาพของเกาะยังคงมีความสวยงาม ถ้าดูจากแผนที่แล้วเกาะรอกจะอยู่ใกล้แผ่นดินที่จังหวัดตรังมากที่สุด แต่ที่ตรังไม่มีนักท่องเที่ยวแนวดำน้ำ เราจึงต้องมาขึ้นที่กระบี่แทน เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าเกาะรอกแห่งนี้มีความสมบูรณ์กว่าเกาะพีพี ปะการังและปลาที่เกาะนี้เยอะและสวยมากจนไม่ต้องไปเกาะพีพีก็ได้

IMG_6066
IMG_6068

เมื่อใกล้ถึงเกาะ เราถ่ายภาพจากบนเรือได้ภาพสวยงามตามนี้เลย กล้อง eos m กับเลนส์ efm 18-55 พร้อมด้วยฟิลเตอร์โพลาไรซ์ cpl ติดหน้าเลนส์ การถ่ายภาพทะเลให้สวยหากเราใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์แล้วปรับหมุนให้ได้มุมที่พอเหมาะกับแนวแสงแดด เราก็จะได้ความเข้มสดของท้องฟ้าและน้ำทะเลที่ฉูดฉาดน่ามอง เป็นเทคนิคการถ่ายภาพรูปแบบหนึ่ง ภาพที่ถ่ายจบหลังกล้องก็สวยงามเพียงพอ ไม่ต้องไปโพรเซสภาพด้วยคอมพิวเตอร์หรือแอ็พในมือถือแล้ว ตลอดทริปนี้ผมใช้โหมด P ประมาณ 99% ซึ่งเป็นโหมดที่กล้องจะเลือกค่ารูรับแสงและสปีตชัตเตอร์ให้อัตโนมัติ

IMG_6080
IMG_6074
IMG_6085
IMG_6090
IMG_6095

เรากินอาหารกลางวันบนเกาะรอก เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ เราเดินต่อแถวไปรอให้เจ้าหน้าที่ตักข้าวและกับข้าวให้ จานกระดาษ ช้อนพลาสติก ใช้แล้วทิ้ง น้ำเปล่ามีเพียงพอ น้ำหวานมีหลายชนิด แต่ไม่ถูกปากคนไทยเลย คิดว่าคงเป็นรสนิยมของคนจีนที่ชอบไม่เหมือนเรา ที่เกาะแห่งนี้มีนโยบายเก็บขยะกลับไปทิ้งที่แผ่นดิน ก็คือขยะทุกชิ้น ต้องขนกลับด้วย ทีมงานของทัวร์ก็เคร่งครัดกฏเหล่านี้ ทำให้เกาะนี้ดูสะอาดตามาก การเล่นน้ำบนหาดจะต้องใส่ชูชีพเสมอ ด้วยเหตุผลว่า ปะการังอยู่ตื้นมาก เจ้าหน้าที่ไม่ต้องการให้เท้าเหยียบโดนปะการังเลย การใส่ชูชีพจะช่วยลดการยืนด้วยเท้าในน้ำได้ ปะการังจะได้ไม่โดนทำลาย จะมีเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องไม่ให้นักท่องเที่ยวลงน้ำด้วยตัวเปล่า ผมไม่ได้เล่นน้ำเอง แต่แม่และขอบฟ้าลงไปเล่นกันสนุกสนาน ขอบฟ้าเล่าให้ฟังว่าเห็นปลาหลายชนิดมากในชายหาด

IMG_6104
IMG_6110
IMG_6114
IMG_6119
IMG_6122

เรือลำใหญ่ที่บรรทุกนักท่องเที่ยวมายังเกาะแห่งนี้ไม่สามารถจอดได้ใกล้ๆชายหาด เพราะปะการังอยู่ตื้นมากและเรือก็ไม่สามารถเข้าใกล้หาดได้ ต้องจอดห่างแผ่นดินเป็นร้อยเมตรแล้วให้นักท่องเที่ยวเดินเหยียบทุ่นลอยน้ำที่วางเป็นทางเดินแทน ทางเดินก็จะแกว่งไปแกว่งมาเล็กน้อย

IMG_6129

ปูเสฉวนที่นี่เยอะมากถึงมากที่สุด ในทุกที่ที่เราเดินผ่านไปบนเกาะ ถ้าเรามองหา เราจะพบปูเสฉวน และปูเสฉวนเหล่านี้ไม่ค่อยกลัวคนเลย เราสามารถหยิบมาดูเล่นได้ แล้วก็ปล่อยให้เดินหายไป เดี๋ยวตัวใหม่ก็เดินมาเฉียดๆให้เราได้เห็นอีก

IMG_0062

หาดทรายสีขาวกับแสงแดดจัดมาก เราแทบจะไม่สามารถเดินเล่นบนหาดทรายแล้วมองด้วยตาเปล่าได้เลย มันแสบตาสุดๆ การมาเที่ยวทะเลที่สวยระดับนี้สิ่งที่ไม่ควรลืมติดตัวมาด้วยคือแว่นกันแดด ผมไปเดินเล่นถ่ายรูปห่างจากกลุ่มคนออกไป ตลอดทางเดินที่ผ่านไปนั้นต้องหยีตา หรือแทบจะหลับตาเดินเลย เพราะแดดแรงมาก ทรายสีขาวสะท้อนแดดจนเรามองพื้นก็ไม่ได้ มองฟ้าก็ไม่ได้ มันมีแต่ความแสบตา ส่วนที่ทรายโดนน้ำทะเลจะดีหน่อยที่ไม่แสบตาทำให้มองได้บ้าง การถ่ายภาพ ทะเล หาดทราย ท้องฟ้า แสงแดด วิวที่รวมสิ่งเหล่านี้ไว้ทำให้ภาพจากกล้องสวยมาก ภาพออกมาสวยจนคนชอบการถ่ายภาพเมื่อดูภาพต้องถามว่าที่นี่ที่ไหน หรือตั้งกล้องยังไง

IMG_6156
IMG_6136
IMG_6147
IMG_6161

ทริปมาเที่ยวเกาะครั้งนี้เป็นทริปที่ช่วยรื้อฟื้นความรู้สึกตื่นเต้นในการถ่ายภาพ ความสนุกในการถ่ายภาพสมัยที่หัดถ่ายใหม่ๆ ได้กลับไปใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ ได้ปรับหมุนหามุมโพลาไรซ์ แล้วเลือกวิธีวัดแสงว่าจะวัดค่าแสงพอดี หรือ จะอันเดอร์ หรือจะโอเว่อร์เพื่อชดเชยแสง การได้ใช้ความคิด ได้หยิบทักษะการถ่ายภาพอย่างจริงจังมาใช้ช่วยทำให้เราสนุกกับการถ่ายภาพมากขึ้น วันนี้เรามีกล้องดิจิทัลคุณภาพดี การเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวที่สะดวกสบาย ทุกอย่างสงเสริมให้เรามีโอกาสได้รูปที่ดีอยู่แล้ว และการได้ใช้ความคิดก่อนจะเก็บภาพทำให้เราสนุกยิ่งขึ้น ก่อนจะมาถึงทริปนี้ ผมก็ถ่ายภาพไปแบบไม่ได้คิดเลย มันได้แต่ปริมาณ แต่ความสนุกและความอิ่มในการดูภาพมันไม่มี

IMG_6172
IMG_6174

ออกจากเกาะรอกเรือก็พาเราไปอยู่กลางทะเล ไปจอดที่เกาะห้า เป็นเกาะห้าเกาะที่อยู่กลางทะเล เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังและปลาสวยงามจำนวนมาก ขอบฟ้ากับแม่ลงเล่นน้ำกันอีกรอบ ผมลงน้ำไม่ไหวแล้วอยากถ่ายรูปมากกว่า ก็เลยเก็บภาพไปเรื่อยๆ

IMG_6180
IMG_6184
IMG_6187
IMG_6197

เราจบวันนี้อย่างหมดแรง ขอบฟ้ากับแม่นั่งนับว่าวันนี้ที่มาดำน้ำได้เจอปลาอะไรบ้าง ปลาอะไรหายาก นับไปนับมาก็ได้เจอประมาณ 20 ชนิด ถือว่าเป็นวันที่โชคดีมาก เพราะไกด์บอกว่าจังหวะน้ำลงและไหลไม่แรงจะทำให้ปะการังดูตื้น เห็นง่าย ปลาก็จะเจอง่ายกว่า ถ้าเป็นจังหวะน้ำขึ้นและพัดแรง ปลาจะน้อย ระหว่างที่เดินทางกลับเราก็ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่เรือหลายเรื่อง คนขับเรือเล่าให้ฟังว่า ปกติจะขับเรือไปกลับเกาะพีพีอยู่เป็นประจำ แต่หน้าท่องเที่ยวที่อุทยานเปิดให้ไปเกาะรอกได้ก็จะย้ายมาขับเรือไปเกาะรอก ไกด์อีกคนก็คุยเรื่องปลาให้ฟัง เลยถามถึงฉลามวาฬหรือ whale shark ว่าเคยเจอไหม ไกด์บอกว่าเขาเคยเจอฉลามวาฬด้วย แถมยังเปิดคลิปที่ถ่ายเอาไว้ให้ดูอีก เรือพานักท่องเที่ยวกลับเข้าสู่ฝั่งประมาณ 17.30 น. หมดแรงกันถ้วนหน้า และรถตู้รับส่งจากท่าเรือก็รับเราสามคนมาส่งที่โรงแรม วันนี้เรากินมื้อเย็นที่โรงแรม และนอนอย่างหมดแรง

IMG_6198

กล้อง eos m รุ่นแรก กับ เลนส์ efm18-55is ยังคงเป็นทางเลือกที่ผมจะใช้กับทริปทะเล จริงๆในกระเป๋ากล้องผมมี eos 6d กับเลนส์ 24-105F4L มาด้วย แต่หยิบ eos m มาใช้เป็นหลัก ด้วยความรู้สึกว่า eos m ไม่แพง ราคามือสองไม่กี่พันบาท เลนส์ efm 18-55is ก็ขายมือสองกันสองพันบาท การเอากล้องมาถ่ายทะเล มีขี้นลงเรือ มีละอองน้ำ มีลม มีทราย ผมยังรู้สึกว่าใช้กล้องราคาไม่แพงดีกว่า จะได้ไม่ต้องเอากล้องโปรไปเสี่ยงกับทรายและน้ำ แถมฟิลเตอร์โพลาไรซ์หรือ cpl ที่เคยมีก็เป็นฟิลเตอร์ขนาดเล็ก 52มม. ซึ่งใช้กับเลนส์ efm 18-55is ได้พอดี เป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน เพราะว่า เดิมที ตอนที่ใช้กล้องฟิล์มบ่อยๆ สมัยหัดถ่ายด้วยฟิล์มสไลด์ เลนส์ที่ใช้กับกล้องฟิล์มก็จะมีหน้าเลนส์ 52มม ก็เลยมีฟิลเตอร์ CPL ขนาด 52มม.เอาไว้ใช้ถ่ายภาพแบบเน้นๆ ส่วนกล้องดิจิทัลรุ่นล่างอย่าง eos 350d ที่ผมซื้อใช้ถ่ายงานสารพัดเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็มีเลนส์ติดกล้องเป็น efs 18-55is แต่ว่าหน้าเลนส์ใหญ่ 58มม. ผมก็มีซื้อ cpl 58mm ไว้ด้วยเช่นกัน ตอนที่คิดว่าจะเอา eos m ไปทะเล ก็ไปเอา cpl 58 มาติดกระเป๋าไว้เลย เพราะคิดว่าหน้าเลนส์จะใหญ่เท่ากัน วันก่อนเดินทางลองเอามาทดสอบ ปรากฏว่ามันไม่เท่า เพราะ efm18-55is ตัวนี้มันใช้หน้าเลนส์ 52มม โชคดีมากที่ได้ลองก่อน ไม่งั้นก็จะกลายเป็นแบกของไปเที่ยวแล้วใช้ไม่ได้

IMG_6212

ภาพหลังกล้องออกมาแล้วปลาบปลื้มกับโทนสีที่สด จัดจ้าน และดูสวยขึ้นผิดหูผิดตา eos m ผมใช้มาสักห้าปี เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ cpl กับการถ่ายภาพวิวทะเล เห็นภาพแล้วก็หายเหนื่อย ดูภาพวิวรอบนี้ เทียบกับ eos 6d + 24-105f4L แล้ว ผมคิดว่า ผมชอบ eos m มากกว่า แถมยังน้ำหนักเบา ตัวเล็ก พกง่าย ข้อเสียเรื่องแบตหมดเร็วเราก็ปรับตัวได้แล้ว มีแบตไป 2 ก้อน ถ่ายภาพแล้วไม่ต้องดูภาพบ่อยๆ ถ่ายเสร็จก็กดปิดกล้อง ปุ่มเปิดปิดกล้องของ eos m น่าจะทำงานหนักใกล้เคียงกับปุ่มชัตเตอร์เลย

รออ่านตอนที่ 3 กับทริปกระบี่และภูเก็ต