ฟุตบอลอุ่นเครื่อง ทีมพาเพลิน 5dec2020

จากการรวมตัวกันของผู้ปกครองที่มีลูกสนใจกีฬาฟุตบอล มีการรวมทีมกันมาประมาณ 2 เดือน เด็กในทีมทั้งหมดเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกันและเป็นเด็กที่ดูมีแววจะเล่นฟุตบอลได้ เป็นเด็กที่มีการเรียนฟุตบอลสัปดาห์ละ1 ครั้งเป็นอย่างน้อย กลุ่มพ่อในทีมเริ่มรวบรวมชักชวนจากหลายๆบ้าน เมื่อได้จำนวนเด็กสัก 10 คนก็เริ่มซ้อมร่วมกัน

2020-12-07_10-39-06

พ่อแม่เริ่มนัดซ้อมร่วมกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง บ่ายสองวันอาทิตย์พ่อแม่ก็พาลูกไปสนามซ้อม มีการซ้อมตามปกติของการฝึกฟุตบอล มีการแบ่งเป็นทีม เด็กแต่ละคนจะค่อยๆปรับวิธีการเล่นให้เล่นเป็นทีมได้ มีการคัดเลือกว่าใครเหมาะจะเล่นกองหน้า ใครเหมาะจะเล่นกองหลัง ใครเป็นโกล เมื่อได้รูปแบบของทีมที่ลงตัว เด็กแต่ละคนจะได้ตำแหน่งที่ชัดเจน และสุดท้ายก็คือพาไปแข่ง

ทีแรกทีมของเราสมัครแข่งรายการหนึ่งไว้ โดยจะเป็นการแข่งพบกันหมด แต่แล้วก็มีเหตุให้การแข่งยกเลิก พ่อแม่ในทีมเลยต้องหาทีมมาเตะอุ่นเครื่องแทน เพราะเด็กซ้อมมาแล้วก็อยากให้ได้ลองแข่งกันดู ในที่สุดก็ได้ทีมมาเตะด้วยกัน เลยมีโอกาสได้ลงสนามแข่ง และเด็กทุกคนก็กระตือรือร้น ทุกคนอยากลงเล่น พ่อแม่ที่ทำหน้าที่โค้ชก็ต้องจัดตัวลงเล่นโดยมีการหมุนเวียนกันลง เด็กมีความพร้อมและความอยากเต็มร้อย พ่อแม่ก็เต็มสองร้อย ไปเชียร์ ไปดูแลเรื่องน้ำและของกิน

IMG_0002

เราจัดนัดอุ่นเครื่องที่สนามย่านนนทบุรี-ปทุมธานี เป็นสนามหญ้าจริง ขนาดใหญ่กว่าสนามที่ฝึกซ้อมมาก เด็กทุกคนวิ่งกันสนุกสนานและไม่มีหมดแรงเลย ถ้าให้พ่อแม่ไปวิ่งเองอาจวิ่งได้แค่ครึ่งเดียวของเด็กๆ พลังของเด็กล้นเหลือจริงๆ

การแข่งขันระดับเด็ก อายุไม่เกิน 8 ขวบ แข่งกัน 4 ควอเตอร์ ควอเตอร์ละ 15 นาที พัก 5 นาที ผลการแข่งก็จะมีประตูเยอะหน่อย เพราะเด็กเล่นไม่ซับซ้อน การบุก การป้องกันไม่เด็ดขาด ดูบอลเด็กสนุกกว่าบอลผู้ใหญ่ตรงประตูเยอะมาก ผลการแข่งขันจบลงที่ 14-7 นี่มันเตะบอลหรือเป่ากบ

IMG_0139

คลิปไฮไลท์ 16.32 นาที

คลิปเต็ม

ชุดนักเรียน ป2

20200720065958_IMG_0102_1
20200720065854_IMG_0099_1
IMG_4241
DSC03325

ป2 เป็นช่วงปีที่ต้องเผชิญกับการระบาดของเชื่อโควิด19 ซึ่งเป็นไวรัสที่ทำคนตายทั่วโลกไปแล้วหลายล้านคน ในไทยก็มีมาตรการป้องกันที่รัดกุมแน่นหนา โรงเรียนก็มีวิธีรับมือ เด็กนักเรียนต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา แม้แต่การพูดหน้าชั้นก็ยังต้องใส่หน้ากากเช่นกัน

ขอบฟ้าพรีเซ้น งานชื่นใจ ป2

งานชื่นใจสำหรับนักเรียน ป2ห้อง3 ซึ่งขอบฟ้าเรียนห้องนี้ ครูจะให้เลือกทำงานวิจัยตั้งแต่ต้นเทอม ทำการเก็บข้อมูล ออกแบบการทดลอง บันทึกผล สรุปผล วิเคราะห์ วิจารณ์เพื่อต่อยอด เด็กจะเลือกสิ่งที่สนใจด้วยตัวเอง ทุกคนจะมีหัวข้องานวิจัยไม่เหมือนกัน

ขอบฟ้าชอบฟุตบอลก็เลยทำเรื่องราวเกี่ยวกับฟุตบอล ส่วนเพื่อนในห้องก็มีหัวข้อที่หลากหลาย และทุกคนจะต้องนำเสนอผลงานในวันแสดงก่อนปิดภาคเรียน

DSC03022

เด็กทุกคนจะเวียนกันขึ้นพูด คนที่1 กำลังพูด คนถัดไปจะต้องมาต่อแถวรอ ส่วนคนอื่นที่ยังไม่ถึงคิวก็นั่งฟังไป จะนั่งเก้าอี้หรือนั่งพื้นก็ได้ และไม่ใช่แค่ฟังอย่างเดียว จะต้องวิจารณ์เพื่อนๆลงในสมุดด้วย ทุกคนเป็นกรรมการนั่นเอง

DSC03329

ตัวแทนพ่อแม่รวม 2 คนมาเป็นอาสาสมัครช่วยถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ และทางห้องเรียนก็มีการเปิดห้องประชุม online ผ่านโปรแกรม zoom เพื่อให้พ่อแม่ท่านอื่นที่ไม่ได้เข้าห้องสามารถรับชมได้ นั่นเป็นเพราะโรงเรียนมีนโยบายป้องกันการติดเชื้อโควิด ทำให้การแสดงผลงานครั้งนี้ไม่มีผู้ปกครองนั่นเอง เหลือเพียงตัวแทนที่จะช่วยบันทึกภาพและวิดีโอเท่านั้น

GOPR0025_1603255900764

เพิ่มเติมวิธีบันทึกเสียงวิดีโอให้ชัด นักเรียนจะพูดหน้าห้องผ่านไมโครโฟน เสียงจะออกจากลำโพงซึ่งวางอยู่บนพื้น จะมีคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่หน้านักเรียน และมีจุดวางกล้องวิดีโอที่ติดกับคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์จะเปิดโปรแกรม Zoom เพื่อถ่ายทอดสัญญาณภาพและเสียงให้ผู้ปกครองนอกห้องได้ดู เสียงที่วิ่งเข้าโปรแกรม Zoom จะได้จากไมโครโฟนตั้งโต๊ะ(ที่ตอนนี้เอาไปวางบนพื้น ในภาพจะเขียนกำกับว่า mic1) ไมค์ตัวนี้เป็นไมค์ชนิด usb จะชี้เข้าลำโพงเพื่อรับเสียงจากลำโพงโดยตรง และจะมีไมค์โครโฟนแบบลาวาเลียร์หรือไมค์หนีบปกเสื้อ(mic3) ตอนนี้หนีบกับอุปกรณ์ตขาตั้งไมค์ชขนาดเล็ก mic3ติดอยู่ใกล้ๆเพื่อรับเสียงหน้าลำโพงเช่นกัน mic3จะต่อเข้ากับกล้องวิดีโอ ซึ่งกล้องวิดีโอในงานนี้ใช้กล้อง mirrorless canon eos m เป็นตัวบันทึกคลิป

IMG_4431
DSC03072
DSC03304
IMG_4433

กล้องที่ทำหน้าที่ถ่ายคลิปจะใช้ตัวจ่ายไฟแบบเสียบปลั๊ก เพื่อการใช้งานยาวๆ จะได้ไม่มีปัญหาแบตหมด ไม่ต้องเปลี่ยนแบตระหว่างถ่ายคลิป ก่อนการบัทจริงจะมีการทดสอบการตั้งค่าความดังของไมค์ เพื่อให้เสียงที่บันทึกไว้มีคุณภาพสูงที่สุด มีเสียงดังที่สุดเท่าที่เสียงยังไม่แตก สิ่งที่ยากก็คือ เราไม่สามารถฟังเสียงระหว่างบันทึกได้ ได้แต่อาศัยดูกราฟที่วิ่งขึ้นวิ่งลงแทนระดับเสียงที่บันทึก หมายความว่าเราต้องใช้กล้องถ่ายคลิปที่สามารถแสดงระดับความดังของเสียงที่บันทึกได้

เรื่องตกยุคของการฟังเพลง

2020-10-15_10-14-09

นี่คือภาพโบราณวัตถุที่หาซื้อยากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่อยู่ในภาพนี้คือแผ่นซีดีเปล่าที่มีความจุ 700Mb หากต้องการบันทึกข้อมูลใดๆที่ขนาดไม่เกินตัวมันก็ต้องใช้เครื่องบันทึกแผ่นซีดีในคอมพิวเตอร์ในการบันทึก

เขียนให้เด็กรุ่นใหม่ได้เข้าใจว่า ก่อนยุค 5g 4g ลงไปถึงแถวๆ 3g ต้นๆ และ 2g ปลายๆ ช่วงเวลาประมาณ คศ 2000-2005 เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยนิยมใช้แผ่น cdr อย่างมาก เพราะอินเทอเน็ตในยุคนั้นยังไม่เร็ว การส่งข้อมูลขนาดใหญ่ยังต้องอาศํย usb flash drive ซึ่งความจุก็เริ่มต้นที่ ไม่กี่ Mb และไล่ไปจนถึงหลายร้อย Mb และยิ่งเวลาผ่านไปใกล้ๆยุคปี คศ 2010 เราถึงจะมี flash drive ความจุ 1Gb และมากกว่าให้ใช้ในระดับราคาถูกๆ

การส่งข้อมูลให้เพื่อน ส่งข้อมูลของที่ทำงาน หากจะส่งด้วย flash drive ก็จะต้องสละ flash drive ไปด้วยเลย เพราะหลายๆที่เมื่อได้ก็อปปี้ข้อมูลไปแล้วก็ไม่คืนตัว flash drive การส่งข้อมูลด้วยแผ่น cd-r สำหรับความจุ 700Mb และ แผ่น dvd-r สำหรับความจุ 4.3Gb เลยเป็นทางออกที่ไม่แพง ราคาแผ่นเปล่าจะอยู่ในระดับราคา 8-20 บาท

IMG_4024

คนชอบฟังเพลงจะนิยมนำแผ่นซีดีเพลงมาก็อปปี้ข้อมูลเพลงลงในคอมพิวเตอร์ หรือบางคนก็หาเพลง mp3 จากอินเทอเน็ตมาเปิดฟัง การฟังในคอมพิวเตอร์จะสะดวกสำหรับการเลือกเพลง แต่หากจะฟังนอกบ้าน บางคนก็ใช้เครื่องเล่น mp3 มาเล่นเพลง บางคนก็ใช้เครื่องเล่นซีดี walkman ในการเล่นเพลง และบางคนก็เลือกจะรวมเพลงที่ชอบแล้วทำเป็นแผ่นซีดีเพลง 1 แผ่น ซึ่งจะจุเพลงได้ประมาณ 60 นาที การรวมเพลงเองก็เลยจะต้องบันทึกลงแผ่น cd-r นั่นเอง

เครื่องเล่นเพลงในรถยนต์เริ่มแถมเครื่องเล่นซีดีติดรถมาให้ตั้งแต่ตอนเป็นป้ายแดง เครื่องเล่นซีดีเพลงเหล่านี้มักจะมีความสามารถในการอ่านไฟล์ข้อมูลบน cd-r ด้วย หลายคนก็ก็อปปี้ไฟล์ mp3 มาไว้ในแผ่น cd-r แล้วก็พกไปฟังในรถ ความจุแผ่น 700 Mb สามารถใส่เพลง mp3 บิตเรตประมาณ 128k ได้ประมาณ 100-150 เพลง นั่นทำให้การฟังเพลงตลอดทริปการเดินทางในรถยนต์เป็นเรื่องบันเทิงที่เป็นที่พึ่งของคนชอบฟังเพลง เหตุเพราะรายการวิทยุเป็นสิ่งที่น่าเบื่อสำหรับคนชอบฟังเพลง และยุคสิบกว่าปีที่แล้วโลกเรายังไม่มีบริการ streaming ใดๆให้ใช้ ฟังจากไฟล์ที่บันทึกไว้ในแผ่น cd-r จึงเป็นทางเลือกที่ต้องเลือก

IMG_20170131_145346

ยุคที่ cd-r เบ่งบานเราสามารถหาซื้อแผ่นเหล่านี้ได้ในห้างไอทีต่างๆ ทุกห้าง ทุกร้านจะมีแผ่น cd-r ขาย บางร้านเป็นร้านขายแผ่นเปล่าโดยเฉพาะ คนซื้อจากร้านเฉพาะทางเหล่านี้ไม่ได้นับเป็นแผ่น แต่จะนับเป็นหลอด เพราะแผ่น cd-r จะเสียบอยู่บนเสา(เหมือนหลอด) หลอดนึงมี 50 แผ่น หลอดเตี้ยๆก็มี 25 แผ่น หน่วยวัดจะวัดกันเป็นหลอดเลย

ร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นก็เริ่มมีแผ่น cd-r ให้ซื้อปลีก ผมเคยซื้อแผ่นในแพ็คพลาสติกราคา 20-30 บาท ในนั้นมี 2 แผ่น เพื่อใช้งานฉุกเฉินตอนที่หลอดทั้งยวงถูกใช้งานไปหมดแล้ว นอกจากแผ่นเปล่าที่วางขายแล้ว ปากกาเขียนแผ่นซีดีก็มีขายด้วยเช่นกัน เพราะกลายเป็นสินค้าที่ต้องมี สินค้าที่ต้องขายไปคู่กัน คนที่บันทึกแผ่นซีดีเยอะๆจะต้องมีปากกาเขียนแผ่นซีดีติดตัวเสมอ

ในปี คศ 2020 นี้ ปรากฏว่า ไม่มีแผ่นซีดีเปล่าขายอีกแล้วในร้านสะดวกซื้อ ในห้างก็เริ่มไม่มีขายแล้ว และเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้ก็เลยต้องไปหาซื้อใน online และผมก็ได้สั่งซื้อมาใช้ เหตุที่จำเป็นต้องใช้ก็เพราะลูกอยากฟังเพลงที่เขาชอบ โดยจะฟังบนรถแม่ การเปิดเพลงในรถยนต์ ให้เสียงออกในรถจะต้องใช้แผ่น mp3 ใส่เครื่องเล่นในรถ ก็เลยเป็นเหตุผลที่ต้องซื้อแผ่นในครั้งนี้

ลืมเล่าไป เราสามารถใช้แผ่น dvd-r บันทึกแทน cd-r ก็ได้ เพราะความจุก็สูงกว่ามาก เป็นการใช้แผ่นได้คุ้มค่ากว่าด้วย เพียงแต่ ในรถแม่ เครื่องเล่นเพลงอ่านได้แต่แผ่น cd-r เท่านั้น

สูบลมจักรยาน

คลิปวิดีโอที่บังเอิญเจอว่าบันทึกและอัพโหลดเก็บไว้ใน youtube เป็นช่วงเวลาที่ลูกอายุประมาณ 2 ขวบ 2 เดือน จักรยานคันนี้คือคันที่พาขอบฟ้าขี่เล่นทุกเช้า พาไปดูสถานที่แถวบ้าน และที่ที่ไปบ่อยก็คือ เทศบาล ตึกเทศบาลจะมีรถบรรทุก รถดับเพลิง รถกู้ภัยจอดไว้หลายชนิด และมีรถขยะด้วย

ของเล่นติดล้อสำหรับเด็กๆก็คือจักรยาน โตขึ้นมาก็เป็นสเก็ตที่ยุคนี้เรียกว่าโรลเลอเบลด ยังมี segway อีกอย่างที่เข้ามาในชีวิต


IMG_20191208_072805

20200726183553_IMG_0253

20200725152943_IMG_0178

ของเล่น 3 อย่างนี้ จักรยานเป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด แต่ก็หาที่เล่นยากที่สุด ที่บอกว่าปลอดภัยก็เพราะว่าเล่นง่าย โอกาสล้มจากสภาพถนนไม่สมบูรณ์จะน้อยกว่าอุปกรณ์ชนิดอื่น สามารถขี่ในสภาพถนนขรุขระและเรียบได้ ส่วนเรื่องสถานที่ก็คือต้องแบกจักรยานขึ้นรถไปหาสถานที่กว้างๆเพื่อขี่เล่น ลำพังถนนในซอยก็ทำได้แค่ทดลองขี่ แต่จะปล่อยให้ขี่เล่นนานๆก็อันตรายเกินไป สถานที่กว้างที่ใกล้คนฝั่งธนก็คือ พุทธมณฑล แต่ถ้าคุณอยู่หมู่บ้านก็จะมีถนนให้ขี่เล่นไม่อันตราย หากคิดจะไปขี่เล่นในสวนสาธารณะก็จะทำได้แค่บางแห่ง ส่วนใหญ่จะโดนห้าม เพราะสวนสาธารณะมีคนวิ่งเยอะ

segway เป็นเครื่องเล่นไฮเทค เดี๋ยวนี้ราคาไม่แพงแล้ว เล่นง่าย แต่ก็เบื่อเร็ว ความอันตรายก็คือมันต้องเล่นบนทางเรียบเท่านั้น segway ขนาดเล็กจะล้มง่ายหากพื้นมีรอยขรุขระ มีหลุมบ่อแค่เพียงเล็กน้อยก็ทำให้ตัวล้อสะดุด และเมื่อสะดุดขาที่ยืนอยู่ก็จะลอยออกจากที่ยืน พอขาลอย segway ก็จะหมุนมั่วๆ และคนก็จะล้มตกจากตัวมัน เพราะ segway บังคับการหมุนล้อด้วยน้ำหนักเท้าที่กดไว้บนที่ยืน รอยต่อ รอยตะเข็บของพื้นปูนก็ทำให้สะดุดและล้มได้แล้ว ไม่สามารถเล่นบนถนนในซอย และถนนรถวิ่ง หรือแม้แต่ถนนลาดยางมะตอยได้เลย แต่ถ้าเล่นในบ้านที่เป็นพื้นกระเบื้อง พี้นเรียบ หรือ ลานสเก็ตสำหรับเล่น โรลเลอร์เบลดก็จะเหมาะสมและปลอดภัยที่สุด

โรลเลอร์เบลด เป็นสเก็ตยุคใหม่ เล่นง่าย ล้มง่าย แต่ถ้าเล่นเป็นแล้วก็จะเล่นได้คล่องเหมือนจักรยาน แต่ก็ล้มง่ายกว่าจักรยานอยู่ดี ผู้เล่นควรมีอุปกรณ์ป้องกันตัวอย่างหมวดกันน็อค สนับเข่า อุปกรณ์ป้องกันข้อมือ ข้อศอก เป็นของเล่นที่หาที่เล่นง่ายที่สุด คือเล่นในบ้านก็ได้ เล่นนอกบ้านก็ได้ ขนขึ้นรถไปเล่นที่ไหนก็ได้ จริงๆมันก็ควรเลือกเล่นบนพื้นเรียบเป็นหลัก และไม่ควรมีหลุมบ่อย รอยต่อ หรือตะเข็บของพื้นปูน แต่มันก็ไม่ถึงกับต้องเรียบกริ๊ปแบบ segway ไปเล่นในถนนของสวนสาธารณะก็พอได้ โรลเลอร์เบลดเป็นอุปกร์ติดล้อที่พกพาง่าย สามารถเล่นในสวนสาธารณะได้ทุกแห่ง

วันเกิดขอบฟ้า 20jul2020

20200720182226_IMG_0161

สุขสันต์วันเกิด8 ขวบ ปีนี้ขอบฟ้าได้รับของขวัญจากแม่เป็น segway และพ่อให้เสื้อ never give up ที่โมฮัมเม็ด ซาร่า ใส่เดินอยู่ในสนาม วันที่ลิเวอร์พูลแข่งกับบาเซโลน่าแล้วสร้างปาฏิหาริย์ ลิเวอร์พูลชนะ 4-0 สิ่งที่น่าจดจำในวันนั้นคือความพยายาม และ เสื้อที่ถูกกล้องจับภาพไว้ได้ เสื้อพร้อมโปสการ์ดมีลายเซ็นซาร่าห์ พ่อเสกโปสการ์ดใบเดียวในโลกให้ด้วย ขอบฟ้าได้รับแล้วหยิบโปสการ์ดมาดู แล้วก็บอกว่า ชอบมาก

20200720180708_IMG_0129
20200720181358_IMG_0150
IMG_20200720_211357
salah-2-1557255436
20200725152943_IMG_0178

บ่นเรื่องน่ากังวลของระบบจ่ายเงิน online

ผมใช้บริการของเว็บ flickr.com มาน่าจะสิบปีแล้ว เว็บนี้เป็นเว็บสำหรับฝากเก็บภาพถ่าย เราสามารถใส่ภาพเข้าไปในระบบของ flickr ได้ไม่จำกัด มีท้ังบริการใช้ฟรีและแบบเสียเงิน แต่ข้อจำกัดของระบบฟรีคือจะมองเห็นแค่ 200 ภาพล่าสุด ส่วนแบบเสียเงินจะมองเห็นทุกภาพ สามารถค้นหาแและบริหารจัดการได้สะดวกมาก นี่คือเงื่อนไขในปีแรกๆที่ผมเข้าใจ ซึ่งในที่สุดผมก็ตัดสินใจจ่ายเงิน เพื่อจะเก็บภาพทุกชนิด ทุกภาพ ของผมเข้าระบบ flickr

วิธีการจ่ายเงินสำหรับระบบ online ก็คือการโอนเงินด้วยบัญชีธนาคาร หรือจ่ายด้วยบัตรเครดิต ซึ่งผมไม่มีบัตรเครดิตใช้ก็จะไม่ค่อยสะดวก ทำให้ในช่วงปีแรกๆผมทนใช้แบบฟรีไปก่อน แต่ต่อมา ธนาคารไทยอย่างกสิกรก็มีบริการ บัตรเครดิตเสมือน หรือ virtual card ที่จะให้เลขบัตรเครดิตสำหรับคนที่อยากใช้จ่ายเงิน online แต่ไม่ได้มีบัตรเครดิตจริงๆ ผมก็เลยสมัครใช้บริการ และใช้บัตรเครดิตเสมือนจ่ายเงินสินค้าทุกอย่างทาง online

บัญชี google ที่เก็บข้อมูลได้ 100g ก็ต้องเสียเงินเดือนละ 1.99 ดอลล่าร์ หรือ 70 บาท ก็เลือกให้จ่ายด้วยการตัดบัตรเครดิตเสมือน ซึ่งตัวเงินที่ตัดไป จะไปหักออกจากบัญชีออมทรัพย์ของผมเอง และมันก็เป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับการซื้อของทางอินเทอเน็ต และมันดีไม่แพ้ paypal เลย ซึ่งจริงๆผมก็มีบัญชี paypal อยู่เช่นกัน

ผมเลือกจ่ายสินค้าและบริการต่างๆทางเน็ตผ่านระบบ virtual card ของกสิกรมาโดยตลอด และในช่วงเวลาหนึ่ง flickr.com มีการเปลี่ยนเจ้าของ ทำให้ระบบการเก็บเงินของเว็บนี้มีการเปลี่ยนแปลง และมันก็เป็นที่มาของปัญหาบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

SharedScreenshot-flickr cost

ดูจากประวัติการจ่ายเงินจะเห็นว่า ผมจ่ายเงินตั้งแต่ปี คศ 2015 และจ่ายมาทุกปี จนกระทั่งปี 2019 ที่มีปัญหา ผมจ่ายไม่ได้ และทำให้ผมเป็นกังวลอย่างมาก เพราะกลัวว่าถ้าเราขาดการเป็นสมาชิกหรือไม่จ่ายเงินในระบบจนนานเกินเวลาที่ระบบกำหนดไว้ account ของผมจะหายไป และภาพที่เก็บไว้ก็จะหายไปหมด ไม่สามารถใช้งานดูภาพย้อนหลังได้อีก ซี่งผมก็ระวังเรื่องนี้อย่างยิ่ง พยายามจ่ายเงินตรงเวลาที่สุด แต่ปัญหาในปี 2019 ทำให้ผมจ่ายเงินไม่ได้

2020-06-20_12-22-42

ปัญหาที่ว่าก็คือ ระบบพยายามตัดเงินจาก virtualcard แต่ไม่สามารถตัดเงินได้ ขณะที่ระบบตัดเงินจากเว็บอื่นทำงานได้ปกติ ดูจาก sms ที่ส่งเข้ามือถือเวลาไม่เงินถูกตัดออกไปจากบัญชี การซื้อของจากเว็บอื่น การตัดเงินจาก google ยังทำได้ปกติ แต่การตัดเงินจาก flickr มีปัญหา ตัดเงินไม่ได้เลย ยอดเงินแจ้งเป็น 0 บาทตลอด และสถานะในเว็บผมก็มีตัวหนังสือเตือนให้จ่ายเงินค่าสมาชิกอยู่ตลอด เห็นแล้วก็กังวล แต่ไม่รู้จะทำยังไง ผมลอง remove วิธีตัดเงิน virtualcard ออกจาก flickr แล้วสร้าง virtualcard อันใหม่เข้าไปแทน ระบบก็ยังตัดเงินไม่ได้อยู่ดี เวลาผ่านจากปี 2019 มาถึง 2020 ผมยังคงทะยอยทดลองให้ตัดเงินอยู่อีกหลายครั้ง แต่ก็พบกับข้อความแบบเดิมคือ ระบบตัดเงิน 0 บาทตลอด ก็คือ เว็บ flickr ยังไม่ได้รับเงินรายปีจากผมนั่นเอง

ลองจนเบื่อแล้วก็ลืมไป ผ่านไปปีกว่า ยังคงเห็นข้อความเตือนให้ต่ออายุอยู่เช่นเดิม และทุกครั้งที่ลองตัดเงิน ก็พบปัญหาเดิมคือ ระบบของ flickr.com ตัดเงินออกจาก virtualcard ไม่ได้เลยสักครั้ง ผมพยายามจะติดต่อ callcenter แต่ก็ต้องหมดความอดทนรอ เพราะผมไม่ได้คุยกับคนเลย โทรไป callcenter ก็เจอกับคอมพิวเตอร์มารับสาย พูดพล่ามอะไรไปอีกหลายนาทีกว่าจะฟังครบ แล้วก็พบว่า ไม่เจอช่องทางที่จะเข้าไปในส่วนที่ตรงกับปัญหาของผม เสียเวลาอย่างมาก เสียอารมณ์ด้วย

แล้วก็ฉุกคิดได้ว่าน่าจะลองตัดเงินด้วย paypal ดูบ้าง เพราะผมมีบัญชี paypal อยู่จากการขายภาพ online ยอดเงินใน paypal พอที่จะจ่ายค่าบริการของ flickr แน่นอน ก็เลยจัดการจ่ายไป ระบบ paypal ก็ทำงานได้ดี สามารถตัดเงินได้จริง และทำให้ผมได้จ่ายค่าใช้บริการต่ออย่างสบายใจ account ของผมยังคงทำงานได้เต็มที่ และภาพที่เก็บไว้ก็จะปลอดภัยไปอีก 1 ปี

ตอนนี้มีเรื่องแปลกใจอยู่อย่างหนี่ง คือ ค่าบริการปีนี้เป็น 71.88 ดอลล่าร์ แทนที่จะเป็น 24.95 ดอลล่าร์ ผมไม่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรใน flickr บ้าง บางทีการเปลี่ยนเจ้าของก็อาจจะเปลี่ยนอัตราค่าบริการก็ได้ เดี๋ยวปีหน้าค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะจ่ายต่อ หรือ หาที่เก็บภาพใหม่

สิ่งที่สงสัยอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ทำไม flickr.com ตัดเงินจาก virtualcard ของ กสิกรไม่ได้ ตรงนี้ก็อยากให้ทางธนาคารช่วยวิเคราะห์ให้ด้วย ผมไม่มีความพยายามจะอดทนรอโทรเข้า callcenter ที่ไม่มีคนมาคุยกับผมแล้ว รอนานจนน่าหงุดหงิด ธนาคารควรจะมีช่องทาง chat online ได้แล้ว เพื่อให้ปัญหาต่างๆของลูกค้าสามารถแก้ไขได้รวดเร็ว บริการที่ดีเป็นอย่างไรธนาคารควรจะคิดเองได้ และผมก็ติชมผ่านบทความนี้แล้วด้วย ขอให้เจ้าหน้าที่หรือระบบ ai ของกสิกรหรือ kbank ได้แวะเข้ามาอ่าน แล้วนำไปปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้น

แถมให้อีกนิด เว็บ flickr.com เป็นเว็บเก็บภาพที่มีเครื่องมือในการย้อนดูภาพเก่าที่เก่งมาก ผมสามารถหาภาพที่ต้องการได้ง่าย เข้าถึงได้เร็ว มันทำให้ผมสามารถหาภาพของผมเองมาประกอบบทความที่เขียนได้อย่างสะดวกสบาย ผมสามารถย้อนดูภาพของลูกที่ถ่ายไว้เมื่อหลายปีก่อนได้ง่ายมาก เช่นภาพถ่ายตอนลูกผมเป่าเค้กวันเกิดในตอนอายุ 3 ขวบ ก็หาได้ในเวลาไม่กี่วินาที นี่คือพลังของเว็บเก็บภาพระดับโปรอย่าง flickr ในเงื่อนไขเดียวกัน ถ้าเราจะไปดูภาพลูกตอนสามขวบในเฟสบุ๊ค ผมเชื่อว่าอาจจะไถหน้าจอจนเมื่อยเลย แล้วก็อาจจะหมดความอดทนเสียก่อน

kobfa-home-IMG_0034

การทดลองของเด็ก ป2

ขอบฟ้าเรียนชั้น ป2 ตอนนี้กำลังเรียน onlineเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด19 และสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ทำคือการค้นคว้าสิ่งที่ตัวเองสนใจ และทำในรูปแบบที่เป็นงานวิจัย ซึ่งในยุคของผมผมจะเรียกว่าทำรายงาน แต่ยุคของลูกจะเป็นรายงานที่ต้องเลือกหัวข้อเอง ตั้งคำถามด้วยตัวเอง และหาคำตอบด้วยวิธีการทดลอง ซึ่งมันดูซับซ้อนกว่าสิ่งที่ผมคาดไว้

IMG_20200520_090000

นอกจากการเรียน online ในรูปแบบที่มีการโต้ตอบ ใช้โปรแกรม zoom วันละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1 ชม. เรียนผ่านการพูดคุยหน้าจอแล้ว ก็มีงานที่จะต้องทำส่งทุกวัน เป็นการส่งการบ้านแบบให้ตอนเช้าแล้วส่งตอนบ่าย มีสิ่งที่เรียกว่างานวิจัยที่ให้ทำต่อเนื่องหลายๆสัปดาห์แต่ให้ทะยอยส่งทีละส่วน และในสัปดาห์นี้ก็เป็นงานวิจัยที่มาถึงขั้นตอนการทดลอง ลูกผมก็ออกแบบการทดลองออกมาเป็นการวิ่งและการเลี้ยงลูกฟุตบอลบนสนามหญ้าและสนามปูนเพื่อเปรียบเทียบกัน

IMG_20200614_101454

พ่อแม่ก็เลยต้องเป็นผู้ช่วยทำงานวิจัยไปโดยปริยาย พ่อแม่ต้องหักห้ามใจไม่ให้ช่วยเหลือจนกลายเป็นทำงานแทนเด็ก ปล่อยให้เด็กได้ออกแบบคิดจินตนาการไป แล้วพ่อแม่ก็เป็นมือเป็นเท้า เป็นผู้ช่วย และเป็นผู้ให้คำแนะนำ ประคองให้เด็กได้คิดได้ทำไปทีละนิด

สิ่งที่สนุกกับการร่วมทำงานวิจัยก็คือ ได้เห็นจินตนาการของลูก ได้เห็นว่าลูกได้เรียนรู้อะไรบ้างในการทำงานหาคำตอบสักหนึ่งเรื่อง การเรียนแนวทาง project base learning มันคงเป็นแบบนี้นี่เอง แนวทางของโรงเรียนเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร พ่อกับแม่เพิ่งจะได้สัมผัสจริงจังตอนลูกอยู่ ป2 อาจเป็นเพราะโควิด19ก็ได้ที่ทำให้พ่อแม่ได้มีโอกาสอยู่ในขั้นตอนการเรียนรู้ของลูกอย่างเข้มข้น หากเป็นช่วงเวลาปกติไม่ได้มีโรคระบาด สิ่งเหล่านี้ก็คงเป็นสิ่งที่พบเจอแค่ในรั้วโรงเรียน ในห้องมีเด็ก 29 คน ก็จะมี 29 โปรเจ็ค ครูคงปวดหัวน่าดู

IMG_20200513_133023

สิ่งที่เด็กในชั้นเรียนได้ทำในโปรเจ็คของเขาเองก็จะเป็นขั้นตอนการทำงานวิจัยเต็มรูปแบบ คือ มีที่มาที่ไป มีสมมุติฐาน หาข้อมูล ออกแบบวิธีการทดลอง ทดลอง สรุปผลการทดลอง และสุดท้ายแถมให้ก็คือ คำถามว่าจะเอาไปต่อยอดอย่างไร สิ่งที่เด็ก ป2 ยุคนี้ทำมันเหมือนสมัยผมเรียนมหาวิทยาลัยเลย

แม้ว่าเนื้อหาสิ่งที่เด็กจินตนาการจะเรียบง่ายและมีคำตอบอยู่แล้วในโลกของผู้ใหญ่ แต่มันก็ใหม่กับชีวิตของเขา จะให้เด็กไปหาคำตอบใหม่ๆได้ยังไง ผมกับแม่ขอบฟ้าก็มองงานของลูกแล้วก็แอบคิดต่อยอด แอบออกแบบการทดลองกันเองให้รัดกุม สุดท้ายพอได้สติก็ปล่อยให้ลูกทำเอง คิดเอง ผิดพลาด และ ไม่รัดกุมในแบบเด็กๆ เพราะผลการทดลองไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหม่ เขาไม่ใช่ ป.โท หรือ ป.เอก เขาแค่ป2

ผ่านไปหลายสัปดาห์ งานดำเนินการมาถึงสรุป หลังจากอ่านบทสรุปงานวิจัยของขอบฟ้าแล้ว ก็ดีใจที่มีการสรุปว่า ผลการทดลองไม่เป็นไปตามสมมุติฐาน ผมเข้าข้างคนที่ทดลองแล้วได้คำตอบว่าไม่ใช่ เพราะชีวิตจริงเราจะมีความสำเร็จแค่วิธีเดียว แต่เรามีเป็นร้อยวิธีที่ผิด การค้นหาแล้วพบกับวิธีที่ผิดจึงเป็นเรื่องปกติ มันไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย นึกถึงคำพูดหล่อๆที่ไม่รู้ใครแปลมาให้ เอดิสันบอกว่า เขาไม่ได้ล้มเหลวพันครั้งในการสร้างหลอดไฟ แต่การสร้างหลอดไฟมีพันวิธี ไม่กล้าเอามาสอนลูกหรอก ผมไม่ใช่นักคิด ไม่ใช่นักพูดให้แรงบันดาลใจ ผมเป็นแค่ผู้ช่วยงานวิจัย

ตกอยู่ในภวังค์ กับ งานวิจัยของในหลวง

ที่พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า ตั้งอยู่ในรั้วเดียวกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เพิ่งเปิดทำการเมื่อปี พ.ศ. 2562 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่ให้ความรู้ที่หลากหลายและทันสมัย เหมาะกับการพาลูกไปเดินเล่นสักหลายๆชั่วโมง และส่วนหนึ่งในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็จะมีงานแสดงผลงานของในหลวงรัชกาลที่ 9

ผมพาลูกไปเดินดูในพิพิธภัณฑ์หลายครั้ง และมีโอกาสได้หยุดเก็บรายละเอียดนานๆ เพราะพาลูกไปเข้าเวิร์คช็อปทำสิ่งประดิษฐ์ 1 ชั่วโมง เลยได้มีโอกาสอ่านข้อมูลของในหลวงอย่างละเอียด และไปพบกับ โครงการวิจัยตัวหนึ่งชื่อ โครงการแกล้งดิน ซึ่งเป็นชื่อที่แปลกประหลาด แต่ก็ดูลึกล้ำกับแนวคิดมาก

IMG_20200607_134108

การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสิ่งที่พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์นี้ได้ทำด้วยเวลาเกือบทั้งชีวิตของท่าน พระมหากรุณาธิคุณสูงลิบจนไม่น่าจะมีใครทุ่มเทเพื่อคนอื่นได้เท่านี้อีกแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่เวลาที่มอบให้กับประชาชน แต่คุณภาพของงานก็อยู่ในระดับสูง งานวิจัยหลายงานแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านได้อย่างฉลาดล้ำ จะมีกษัตริย์ที่ไหนที่เป็นนักคิด นักประดิษฐ์ และนักวิทยาศาสตร์ ที่เพียบพร้อมขนาดนี้

IMG_20200607_134055

ผมอ่านแนวคิดของโครงการแกล้งดินแล้วก็ตกอยู่ในอาการทึ่ง และรู้สึกภาคภูมิใจไปพร้อมกัน ในฐานะประชาชน งานนี้แก้ปัญหาได้อย่างฉลาดและทรงคุณค่า ในฐานะของคนที่เคยเรียนวิศวะ และ วิทยาศาสตร์ ผมถามตัวเองว่า งานวิจัยแบบนี้เราจะคิดได้ไหม จะริเริ่มได้ไหม จะคิดนอกกรอบแบบนี้ได้ไหม วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อลูกผมต้องทำงานวิจัยทางวิชาการ ผมจะพาเขามาอ่านบทความนี้ ที่พิพิธภัณฑ์นี้อีกครั้ง หวังว่างานแสดงผลงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 จะไม่ถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปเสียก่อน เพราะตอนนี้ลูกผมอายุยังไม่ถึงแปดขวบเลย

IMG_20200607_133944
IMG_20200607_133835_1
IMG_20200607_133915
IMG_20200607_133924
IMG_20200607_133841
IMG_20200607_133852
IMG_20200607_133857
IMG_20200607_133934

ฉากกั้นบนโต๊ะอาหาร

หลังจากที่ทั้งโลกประสบปัญหาโควิด19 จนทำให้ต้องมีการเก็บตัว รัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนไปในที่สาธารณะที่จะมีการแออัดหรืออยู่ใกล้กันกับคนอื่น ทั้งโลกและประเทศไทยประสบเหตุการณ์มีคนเสียชีวิตหลายแสนคน ตอนนี้ ผ่านมาประมาณ 4 เดือน เราก็เริ่มปรับตัว รัฐบาลอนุญาติให้ออกจากบ้าน จากคำสั่งปิดร้านอาหารห้ามนั่งกินที่ร้าน ต้องซื้อกลับบ้านเท่านั้นก็มีการอนุญาตให้นั่งกินที่ร้านได้ แต่จะต้องมีการป้องกันอย่างดี ทุกคนต้องมีระยะห่างระหว่างกัน หรือทำ social distance

ร้านอาหารก็จะต้องมีการกั้นคอกเพื่อไม่ให้ทุกคนอยู่ใกล้ชิดกัน นวัตตกรรมหรือสิ่งประดิษฐ์ที่กำลังเป็นที่ต้องการสำหรับร้านอาหารก็คือ ฉากกั้นที่ใช้วางบนโต๊ะอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะทำมาจากอะคลีลิคหรือกระจก

20200513071651_IMG_0274

เพื่อนโรงพิมพ์ของเราก็ทดลองทำฉากกั้นขึ้นมาบ้าง โดยทำจากโฟมและแผ่นพลาสติกใส ความเบาของวัสดุสองอย่างนี้จะทำให้เรามีฉากกั้นคุณภาพดี ช่องมองใส และน้ำหนักเบา แม้ว่าจะไม่สามารถตั้งภายนอกอาคารได้ เนื่องจากจะโดนลมพัดจนล้ม แต่หากใช้ในอาคาร หรือ ใช้ในห้องแอร์ เราก็สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องล้ม และสุดท้ายด้วยความที่เป็นวัสดุเบาทำให้มันปลอดภัย แม้จะล้มหรือตกใส่เท้า ก็ไม่ทำให้เราบาดเจ็บ

ตัวอย่างฉากกันหรือ table partition เป็นแบบนี้

20200513073241_IMG_0281
20200513071540_IMG_0270

หากใครสนใจก็ลองติดต่อเข้ามาสั่งเราทำได้ครับ เพราะเราก็อยากให้ธุรกิจร้านอาหารสามารถให้บริการลูกค้าท่ามกลางวิกฤตโควิดครั้งนี้