จดหมายถึงขอบฟ้า

วันที่ 27 มีนาคม 2557 ผมรู้สึกอย่างเขียนข้อความบางอย่างถึงลูก เลยออกมาเป็นกลอนแบบนี้

จดหมายถึงขอบฟ้า

ปีนป่ายก่ายกันนอน
หัวไร้หมอนตอนรุ่งสาง
ทับแขนทับพุงกาง
มือเท้าวางอยู่ข้างกัน

ตื่นมาน้ำตาไหล
แม่แม่หายอยู่ไหนหนอ
ลูกเอ๋ยจงนั่งรอ
เดี๋ยวพ่อพ่อเล่าให้ฟัง

หุงข้าวกับทอดปลา
แม่ขึ้นมาในทีหลัง
ผ้าอ้อมเหม็นหนักจัง
นอนเอนหลังเปลี่ยนผืนใหม่

แปรงฟันเรื่องโหดร้าย
ลูกโวยวายไปถึงไหน
แปรงเสร็จหอมชื่นใจ
ยื่นปากให้พ่อแม่ดม

หยิบกล้องส่องรอยยิ้ม
ยิ้มอิ่มอิ่มพ่อสะสม
วิ่งเล่นเป็นลิงลม
ป้อนข้าวต้มแทบไม่ทัน

กินข้าวแล้วเดินเล่น
ต้องเคี่ยวเข็นเป็นครึ่งวัน
กินนมก่อนนอนฝัน
นอนกลางวันได้นานนาน

หนังดีเพลงไพเราะ
หนังเรือเหาะบู๊ล้างผลาญ
ทุกอย่างไม่พบพาน
ตั้งแต่วันที่ลูกมา

อ้อมกอดพ่อแม่เจ้า
ไม่ใหญ่เท่าผืนโลกา
แต่จะอุ้มเจ้าขอบฟ้า
เท่าเวลาที่หายใจ

DSC_1335.JPG

IMG_9363

IMG_0150.JPG

IMG_0100.JPG

ปีคศ 2024 โลกเรามีระบบ AI ที่ฉลาดมาก สามารถทำงานหลายอย่างได้อย่างมหัศจรรย์ และได้ลองเอากลอนนี้ไปทำเป็นเพลงได้ออกมาเป็นแบบนี้

พาลูกเที่ยวพัทยา

บันทึกขอบฟ้า 1 ขวบ 8 เดือน

วันที่ 15 เมษายน 2557 ผมและภรรยาและลูก เดินทางไปพัทยา ไปพักในโรงแรมราวินดรา ซึ่งเป็นโรงแรมหรูที่อยู่หาดจอมเทียน อยู่ใกล้กับโอเชี่ยนมาลีน่าที่เป็นสถานที่จอดเรือยอร์ชสุดหรู เราเดินทางกันตอนสายๆ และไปถึงพัทยาในตอนเที่ยง เลยตัดสินใจแวะเที่ยวกันก่อนสักหนึ่งที่แล้วค่อยเข้าที่พัก

พัทยามีอควอเลี่ยมเปิดใหม่มาหลายปีแล้วชื่อว่า under water world เป็นอคอเลี่ยมขนาดเล็กๆ มีห้องแสดงภายในไม่มากนัก ใช้เวลาเดินจนครบรอบสักสิบห้านาทีก็ครบแล้ว มีปลาขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ให้ดู พอให้ตื่นเต้นได้บ้าง เหมาะกับลูกเล็กๆที่สนใจทุกเรื่องรอบตัว ขอบฟ้าเป็นเด็กที่กำลังเรียนรูู้ ทุกสิ่งเป็นเรื่องใหม่ในชีวิต ขอบฟ้าดูการ์ตูน ดูทีวี สามารถเรียกปลาฉลามได้แล้ว ขอบฟ้าจะเรียกหาฉลามอยู่บ่อยๆ ก็เลยเลือกที่จะพามาอควอเลี่ยม

ณ วันที่เดินทาง ขอบฟ้าอายุ 1 ขวบ 8 เดือน 26 วัน สามารถพูดประโยคต่างๆได้ครบองค์ประกอบแล้ว คือมีประธาน กริยา กรรม แม้จะเป็นประโยคสั้นๆก็ตาม ขอบฟ้าตื่นเต้นกับปลาต่างๆอยู่มาก สิ่งที่ขอบฟ้าเรียกได้ถูกต้องเมื่อได้เห็นก็จะมีปลา เต่า กระเบน เป็นเด็กอยากรู้อยากเห็นแต่กลัวที่จะสัมผัสจริงๆ ตุ๊กตามาสคอร์ตที่เป็นตัวการ์ตูนเดินโชว์ทักทายแขกก็เป็นจุดสนใจของเด็กๆ ขอบฟ้าก็สนใจ แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ ถ้าแม่ไม่อุ้มเข้าไปก็จะไม่ยอมเข้าใกล้เองเลย

วันนี้ขอบฟ้าได้ศัพท์คำใหม่ “ปลาคร้าฟ” แต่ขอบฟ้าจะออกเสียงเป็น “ปลาคับ” เป็นการเรียกชนิดของปลาได้แล้ว เพราะทุกทีจะเรียกแค่ปลา ปลาตัวใหญ่ ตัวเล็ก ปลาสีส้ม ปลาสีขาว รอบนี้เลยสอนให้เรียกปลาคร้าฟ ต่อไปนี้คือภาพบรรยากาศที่ขอบฟ้าได้ไปปพบเจอ หวังว่าขอบฟ้าจะจำบางอย่างได้เมื่อโดขึ้น

IMG_0001_1.JPG
ของดูดเงินพ่อแม่ดักอยู่ใกล้ๆทางเข้า ขอบฟ้าชอบตู้หยอดเหรียญแบบนี้มาก แถมรู้ด้วยว่าต้องขอตังแม่ไปใส่เพื่อจะเอาของข้างในออกมา

IMG_0002_2.JPG
สายตาไม่ไว้วางใจ ถ้าแม่ไม่อุ้มเข้าไปใกล้ๆก็จะไม่ยอมอยู่ใกล้ๆเลย

IMG_0007_1.JPG
ปลาคร๊าฟไม่กลัวคน มันรอให้คนเอาอาหารมาหย่อนให้ถึงปากเลย

IMG_0008_1.JPG
ให้อาหารปลาด้วยขวดนมก็คิดมาดูดเงินนักท่องเที่ยวได้ด้วย แถมปลาไม่กลัวคนอีกต่างหาก

IMG_0013_2.JPG
ตู้ปลาจะจัดแสงและพื้นหลังไว้ค่อนข้างดี ถ่ายรูปง่าย ถ้าเอาไปหลอกเพื่อนว่าลงไปถ่ายใต้น้ำมาก็น่าจะมีคนเชื่ออยู่

IMG_0017_2.JPG
เลือกใช้กล้องที่โฟกัสแม่นๆ และสามารถใช้ iso ได้สูงมากๆก็จะสามารถถ่ายภาพพวกนี้ได้สบายมาก ทริปนี้ใช้กล้อง canon eos6d และเลนส์ 24-105f4

IMG_0022_2.JPG
ปลากระเบนคือตัวการที่ทำให้ต้องพาขอบฟ้ามาดู

IMG_0033_2.JPG
ภาพภายในอควอเลี่ยม

IMG_0041_2.JPG
ถ่ายรูปคู่กันกับลูกบ้าง

IMG_0047_2.JPG
ดูแมงกระพรุน เห็นแล้วอยากกินเย็นตาโฟเลย

IMG_0054_2.JPG
ที่ under water world เด็กต่ำกว่า 90cm เข้าฟรี ผู้ใหญ่ 250 บาท

IMG_0059_2.JPG
ถ่ายรูปด้านหน้าไว้เป็นที่ระลึก ปลาฉลามที่ขอบฟ้าอยากดูู

ออกจากที่นี่ก็ตรงเข้าที่พัก โรงแรมแสนสวย บรรยากาศดี มีสระว่ายน้ำกว้างใหญ่ ทุกอย่างดูดีเสียอย่างเดียวมีกลิ่นบุหรี่ในหลายๆจุด ที่โต๊ะรับแขกในล๊อบบี้มีที่เขี่ยบุหรี่วางอยู่บนโต๊ะ ดูแล้วน่าหงุดหงิด หลายจุดเป็นพื้นที่สาธารณะ อย่างสระว่ายน้้ำก็ยังมีกลิ่นบุหรี่ และมีป้ายห้ามสูบ แต่อาจเป็นพราะลูกค้าฝรั่งพวกนี้มันอ่านหนังสือไม่ออก ดูป้ายห้ามสูบแล้วมันไม่เข้าใจ พนักงานโรงแแรมก็พูดภาษาฝรั่งไม่ได้ ทำให้ไม่มีใครเข้าไปบอกว่าห้ามสูบ

IMG_0073_1.JPG

IMG_0076_2.JPG

IMG_0077_2.JPG

IMG_0081_2.JPG

IMG_0082_2.JPG

IMG_0086.JPG

IMG_0061_2.JPG
บรรยากาศร้านอาหารของโรงแรม ระหว่างรออาหารมาเสริฟ

IMG_0063_2.JPG
พิซซ่าโรงแรม รสชาดดีกว่าพิซซ่าริมถนนอยู่

IMG_0068_2.JPG
ขอบฟ้าเป็นเด็กกินอาหารยากมาก สมาธิไม่อยู่กับอาหาร สนใจแต่เรื่องวิ่งเล่น เลยต้องย้ายที่กิน ย้ายที่เดินป้อนอาหารไปเรื่อยๆ

ส่วนมื้อเย็นไปกินข้างนอกโรงแรม ไปร้านอาหารเดอะวิว ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม ร้านนี้ผมเคยแวะกินมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่การมาครั้งนี้ไม่่ประทับใจ อาหารช้า สั่งของไป บางอย่างไม่มีก็ไม่มาบอก ปล่อยให้ลูกค้ารอเป็นชั่วโมง การจัดการแย่มาก รับรองว่าไม่ไปเหยียบซ้ำแน่นอน

วันรุ่งขึ้นก็เดินทางกลับแวะซื้อของระหว่างทาง ขอบฟ้ายอมนั่งคาร์ซีทแต่โดยดี แต่ถ้าต้องนั่งนานเป็นชั่วโมงจะเริ่มโวยวาย คิดว่าคงเมื่อยมากกว่า เพราะคนขับก็เมื่อยเหมือนกัน

เที่ยวหัวหิน mar2014

พาขอบฟ้าไปหัวหิน พักที่ โรงแรม hilton ตรงข้ามร้านข้าวเหนียวมะม่วงป้าเจือ

ถ่ายภาพทั้งทริปนี้ด้วยกล้อง nikon v1 เลนส์ 10f2.8

DSC_0613.JPG
DSC_0821.JPG
DSC_0708.JPG

ขอบฟ้า 1 ขวบ 6 เดือน

IMG_0173.JPG by pockethifi
IMG_0173.JPG, a photo by pockethifi on Flickr.

เด็กชายขอบฟ้า 1 ขวบ 6 เดือน วันนี้วิ่งเล่นได้แทบจะเหมือนลิงแล้ว ขาดแค่ปีนต้นไม้เท่านั้น

นิสัยการยิ้มสู้กล้องยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้าง แม้จะไม่เท่าตอนสมัยยังแบเบาะ แต่ก็ยังพอเรียกให้หันมายิ้มได้ ทุกวันนี้ เวลาถามว่าจะไปไหน จะได้ยินคำตอบว่า “ไปเที่ยว” เป็นคำตอบแรกสุดและตอบได้อย่างไม่ต้อคิดเลย

ภาพนี้ถ่ายที่พุทธมณฑล บริเวณสนามหญ้าข้างองค์พระ แสงเย็นๆประมาณห้าโมงเย็นส่องมาทางด้านหลัง ใช้กล้อง DSLR canon eos6d พร้อมเลนส์เทเลซูมความไว 2.8 อย่าง 70-200L วัดแสงแบบชดเชยไปทาง over 1 stop โฟกัสกลางภาพแล้วถ่าย ได้ภาพค่อนข้างน่าพอใจ

การพกกล้องใหญ่ๆไปเที่ยวมีข้อดีและข้อเสียปนกัน ข้อดีคือได้ภาพที่มีคุณภาพ ได้ภาพสวยไว้ใจได้ ข้อเสียคือมันหนักและเป็นภาระในการขนย้าย ยิ่งต้องดูและเด็กซนๆสักคนแทบจะทำให้การพักกล้องใหญ่ๆเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่ผมเองพกกล้องเล็กมาเป็นปีแล้วตั้งแต่เร่ิมพาลูกออกจากบ้าน มีภาพจากกล้องเล็กๆเต็มไปหมด วันนี้ก็เลยลองพกของใหญ่ดู ก็ได้ภาพที่สวยงามคุ้มกับความยุ่งยาก

แถมภาพพอร์ตเทรตของขอบฟ้าเอาไว้ด้วย  เด็กที่เกิดมาเป็นลูกของคนชอบถ่ายรูปก็ย่อมมีรูปเยอะเป็นธรรมดา  ตอนลูกโตขึ้น ลูกจะเป็นคนที่มีภาพไว้อวดเพื่อนๆมากมายมหาศาล

IMG_0107.JPG

 

ถ่ายภาพด้วยกล้อง Holga

holga scan 10dec2013-1

กล้อง Holga เป็นกล้องจากประเทศฮ่องกง ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นของเล่นสำหรับนักถ่ายภาพที่อยากจะใช้ฟิล์มขนาดใหญ่ขนาด 6x6cm หรือฟิล์ม 120 ซึ่งเป็นฟิล์มที่ได้รับการใช้งานในวงการสตูดิโอระดับมืออาชีพมาตลอดตั้งแต่เรารู้จักกับคำว่าถ่ายภาพแฟชั่น

holga scan 10dec2013-1r

ฟิล์มใหญ่จะให้ความคมชัดสูงกว่าฟิล์มเล็กเป็นเรื่องที่นักถ่ายภาพท่องกันขึ้นใจ กล้อง Holga เป็นกล้องราคาถูก ซื้อขายกันง่าย ไม่ต้องดูแลมาก เป็นพลาสติกเกือบทั้งตัวยกเว้นสปริงที่เป็นเหล็ก มีรูรับแสงคงที่ มีช่องมองภาพเอาไว้เล็ง ปรับโฟกัสได้บ้างเป็นช่วงๆ คือถ่ายใกล้หน่อยสำหรับถ่ายคนเดียว ถ่ายไกลหน่อยสำหรับถ่ายหลายคน ถ่ายไกลสุดเอาไว้ใช้ตอนถ่ายวิว ระยะโฟกัสก็หมุนเอาตามสถานการณ์และความมั่นใจของช่างภาพ ภาพชัดไม่ชัดก็ไปลุ้นกัน ค่าสปีดชัตเตอร์ระบุไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่ให้ใช้หลักการของกฏ sunny16 เอาไว้ ก็คือ ต้องมีแดดถึงจะถ่ายได้ แดดยิ่งแรงยิ่งดี

holga scan 11dec2013-2--3

ผมถ่ายภาพลูกด้วยค่าแสงตอนประมาณเจ็ดโมงเช้า รู้ทั้งรู้ว่าแสงยังไม่เข้มพอ เลยหลอกให้ลูกไปดูพระอาทิตย์ตรงๆ ให้แสงอ่อนๆตกลงบนหน้าพอดี ส่วนอื่นในภาพก็มืดไปตามสภาพที่ไม่โดนแสง

ความคมชัดของกล้องตัวนี้พอใช้ได้ที่กลางภาพ ถ้าโฟกัสถูกก็จะให้ภาพที่คาดหวังได้ แต่ขอบภาพจะมัวๆเบลอๆ ซึ่งเป็นบุคลิกของกล้องราคาถูก แต่ดันเป็นรูปแบบที่คนส่วนใหญ่ชอบคือตรงกลางชัด รอบๆช่างหัวมัน

holga scan 11dec2013-2--5

ฟิล์ม fomapan น้ำยา d76 24องศา 5 นาที สแกนเนอร์ epson4490 และภาพยืนเกาะรั้วนี้ผมชอบมาก จนเอาไปอัดขยายใส่กรอบและใช้เป็นของประดับบ้านเลย

P1100177

และนี่คือหน้าตาของกล้อง Holga120 ครับ

ถ้าสนใจก็ซื้อได้ที่นี่ https://s.lazada.co.th/s.Q4lb8?cc

ผมได้ทำคลิปวิดีโอพูดถึงกล้องตัวนี้เอาไว้ด้วย ลองไปชมดูได้นะครับ เป็นเนื้อหาที่ทำขึ้นมาคนละช่วงเวลากับการเขียนบทความนี้


เล่านิทานก่อนนอน

25560516-210122.jpg

ภาพก่อนนอน ไฟหัวเตียงดวงเดียวสลัวๆ กับอิริยาบถ แม่อ่านนิทานให้ลูกฟัง แสงน้อยมาก ใช้เลนส์ ef35 f2 พร้อมด้วยกล้องที่ดัน iso ได้สูงถึง 12800 อย่าง canon eos6d ภาพแบบนี้ ถ้าเป็นสมัยถ่ายภาพด้วยฟิล์ม ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะเก็บภาพด้วยมือเปล่า อาจต้องกางขาตั้งกล้อง และใช้สายลั่น และรอเวลาอีกนานนับนาทีกว่าจะได้ ซึ่งคงไม่สามารถถ่ายภาพคนได้แล้วกับเวลารับภาพนานขนาดนั้น นี่เป็นการพัฒนาระดับก้าวกระโดดของการถ่ายภาพ คือในที่สุดเราก็มีกล้องที่สามารถถ่ายภาพได้ตามตาเห็นจริงๆ

พิมพ์การ์ดแต่งงานด้วยระบบ letterpress

IMG_1419thailetterpress

การ์ดแต่งงานเป็นตัวแทนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่จะเชื้อเชิญแขกให้มาร่วมงาน บุคลิกของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นอย่างไรก็จะสะท้อนภาพแรกออกมายังการ์ดแต่งงานใบนี้ หลายคู่เลือกใช้การ์ดสำเร็จรูป แต่ก็มีบางคู่ที่อยากได้การ์ดแต่งงานที่แตกต่างออกไป

ในเมื่อการแต่งงานคือความทรงจำที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิตของคนส่วนใหญ่ ไม่เคยมีใครวางแผนแต่งงานมากกว่าหนึ่งครั้งถ้าไม่จำเป็น ดังนั้นความทรงจำที่มีกับงานแต่งงานครั้งหนึ่งในชีวิตก็เป็นเรื่องราวที่ควรได้รับการออกแบบ ตั้งแต่รูปแบบการจัดงาน การเลือกชุด การเลือกสถานที่ การเลือกอาหาร การเลือกช่างภาพ การเลือกวงดนตรี การเลือกสิ่งต่างๆที่ประกอบอยู่ในงาน การ์ดแต่งงานก็เป็นสิ่งที่ควรได้รับการออกแบบอย่างปราณีตเพื่อเป็นความทรงจำอย่างแรกที่แขกจะมีต่อเจ้าภาพ และมันจะเป็นความทรงจำระยะยาวที่จะทำให้ผู้คนจดจำบ่าวสาวได้หากงานแต่งงานครั้งนี้มีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ หากงานแต่งงานครั้งนี้มีอะไรบางอย่างที่แตกต่างไปจากงานอื่นๆ

มีวิธีมากมายในการสร้างการ์ดแต่งงานขึ้นมา ตามแต่จินตนาการของเจ้าภาพและที่ปรึกษาของเจ้าภาพ ตำแหน่งที่ปรึกษาก็หมายถึงเพื่อนที่เคยแต่งงานมาแล้ว หรือ เพื่อนผู้ที่มีประสบการณ์ในการออกแบบและสั่งทำการ์ด และที่ปรึกษาอาจหมายถึงออแกไนเซอร์ที่ช่วยจัดงาน การ์ดแต่งงานที่ทำได้เร็ว และเป็นรูปแบบมาตรฐานที่พ่อแม่คุ้นเคยก็คือไปแถวๆพาหุรัด แล้วหาร้านขายของชำร่วยที่หน้าร้านมีบอกว่ารับพิมพ์การ์ดแต่งงาน แล้วก็บอกเขาว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ เขียนรายชื่อพ่อแม่สองฝ่าย สถานที่จัดงาน ชื่อบ่าวสาว และวันเดือนปี แล้วเลือกการ์ดจากแค็ตตาล๊อค แล้วก็จ่ายเงิน อีกสามถึงห้าวันมารับของได้ วิธีนี้จบ ได้การ์ด ได้ของชำร่วย เสียเวลาเดินทางแค่สองวัน คือวันแรกไปสั่งการ์ด วันที่สองตอนไปรับการ์ด เหมาะกับคนที่ไม่อยากคิดอะไร ไม่อยากเสียเวลา ราคาก็จะถูกที่สุดด้วย แต่การ์ดแบบนี้ อย่าคาดหวังว่าแขกจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะไม่รู้ว่าอีกกี่สิบกี่ร้อยคู่ที่จัดงานปีเดียวกันก็ใช้การ์ดแบบนี้

การออกแบบการ์ดเองแล้วสั่งพิมพ์เองเป็นรูปแบบที่น่าสนใจ เพราะจะได้การ์ดที่แสดงตัวตนของบ่าวสาวได้ดี สามารถออกแบบให้ถูกหรือแพงก็ได้ การออกแบบและสั่งทำเองนี้จะมีสองแนวทางคือแนวง่ายและเร็ว กับแนวยากแต่เท่ห์สะใจ ซึ่งทั้งสองแนวทางนี้จะมีราคาค่าใช้จ่ายสูงกว่าการ์ดพาหุรัดเสมอ แนวง่ายและเร็วก็คืออาจจะเป็นการออกแบบแล้วทำอาร์ตเวิร์คด้วยโปรแกรมจัดหน้าในคอมพิวเตอร์ แล้วก็เอาไฟล์ไปให้โรงพิมพ์จัดพิมพ์ อาจจะพิมพ์การ์ดและซองไปด้วยเลย ขั้นตอนการพิมพ์ก็จะเป็นการพิมพ์ระบบอ๊อพเซ็ท โรงพิมพ์บางแห่งอาจจะเป็นระบบดิจิทัล ถ้าเป็นระบบอ๊อพเซ็ทอาจจะต้องใช้เวลาในโรงพิมพ์ประมาณ 7 วัน แต่ถ้าเป็นงานพิมพ์ระบบดิจิทัลก็อาจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน เพราะไม่ต้องเสียเวลาทำเพลท

IMG_1428thailetterpress

ถ้าพ้นจากแนวง่ายและเร็วไปแล้วก็จะเป็นแนวยากแต่เท่ห์ นั่นก็คือเป็นการพิมพ์ในโรงพิมพ์เหมือนเดิม แต่จะเพิ่มขั้นตอนพิเศษเข้าไปด้วย คืออาจจะเป็นงานพิมพ์ระบบดิจิทัลก็ได้ ระบบอ๊อพเซ็ทก็ได้ แล้วเพิ่มขั้นตอนอย่างการปั๊มนูนที่โลโก้ แบบนี้ก็จะได้ความแปลกและน่าสนใจเพิ่มขึ้น อาจจะเพิ่มเทคนิคการปั๊มเงิน ปั๊มทองเข้าไปด้วยเพื่อให้ดูหรูเลิศขึ้นไปอีก อาจจะมีการเพิ่มเทคนิคการเคลือบผิวเข้าไป หรืออาจจะใช้เทคนิคการประกบกระดาษเพื่อเพิ่มความหนาให้รู้สึกหนามากจนดูเด่น ไม่ว่าจะเพิ่มเทคนิคอะไรเข้าไปก็จะเป็นการเพิ่มความดูดี ความน่าสนใจ และแน่นอนว่าราคาสูงขึ้น แต่ก็ได้มาซึ่งความเท่ห์ที่มากกว่าปกติ เหมาะกับบ่าวสาวที่ต้องการความพิเศษ ต้องการให้การ์ดดูแตกต่าง

ในช่วงไม่กี่ปีนี้มีการ์ดแต่งงานอีกรูปแบบหนึ่งที่ค่อยๆได้รับความนิยมขึ้นมา เป็นการ์ดที่มีลักษณะพิเศษกว่าการพิมพ์อ๊อพเซ็ท และระบบดิจิทัล นั่นก็คือการ์ดที่พิมพ์ด้วยเทคนิค Letterpress ซึ่งเป็นเทคนิคการพิมพ์ที่โบราณที่สุด เป็นระบบการพิมพ์ที่เกิดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ได้มีการนำมาใช้กับงานพิมพ์ในรูปแบบใหม่ให้น่าดูยิ่งขึ้น ทำให้การ์ดลักษณะนี้มีความพิเศษ มีลักษณะเฉพาะตัวที่เลียนแบบได้ยาก

การพิมพ์ระบบ Letterpress คือการพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์ที่มีความแข็ง แกะลายเป็นตัวหนังสือหรือรูปทรงต่างๆ แล้วนำไปป้ายด้วยหมึกพิมพ์ จากนั้นก็นำไปกดทับลงบนกระดาษ ลักษณะจะคล้ายกับการพิมพ์ตรายางที่เราคุ้นเคย แต่จะแตกต่างจากตรายางตรงที่ แม่พิมพ์ตรายางจะทำด้วยแผ่นยางติดไว้บนไม้ แต่แม่พิมพ์ Letterpress ที่พูดถึงนี้จะทำด้วยแผ่นเหล็กแทนยาง

IMG_1437thailetterpress

ลักษณะเครื่องพิมพ์ที่จะพิมพ์ระบบ Letterpress จะมีหลักการคือ แม่พิมพ์จะยึดติดไว้กับแท่น แล้วมีลูกกลิ้งหมึกคอยพาหมึกมาทาบนแม่พิมพ์ แล้วก็มีหน่วยป้อนกระดาษที่จะพากระดาษไปสัมผัสกับแม่พิมพ์จนเกิดเป็นภาพ การ์ดแต่งงานที่พิมพ์ด้วยระบบนี้จะมีความละเอียดไม่มาก แต่จะมีลายเส้นที่มีน้ำหนักกดทับที่ชัดเจน เพราะเป็นการเคลื่อนกระดาษไปกดลงบนแม่พิมพ์ และการกดทับที่มากเป็นพิเศษจะทำให้งานพิมพ์ดูมีเสน่ห์ ซึ่งแตกต่างจากระบบการพิมพ์อ๊อพเซ็ทที่แทบจะไม่มีการกดทับให้กระดาษเป็นรอยเลย

IMG_1444thailetterpress

การกดทับจนเกิดเป็นรอยลึก หรือรอยจมลงบนเนื้อกระดาษจะยิ่งมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นหากเราใช้กระดาษที่หนาขึ้น กระดาษทั่วไปที่ใช้พิมพ์การ์ดเชิญรูปแบบต่างๆจะมีความหนาประมาณ 300 แกรม แต่การ์ดแต่งงานที่เราพยายามทำให้แตกต่างนั้นจะใช้กระดาษที่หนาเป็นพิเศษ นั่นคือเราเลือกใช้กระดาษชานอ้อยที่มีความหนาประมาณ 500-600 แกรม ความหนาของกระดาษชานอ้อยนี้เมื่อมองด้วยตาเปล่าแล้วน่าจะมีความหนาประมาณ 1-2 มิลลิเมตร นั่นหมายความว่ากระดาษชานอ้อยเป็นกระดาษที่หนามาก หนาจนไม่สามารถจะดัดโค้ง หรือพับงอได้

ลักษณะงานพิมพ์ Letterpress จะมีเนื้องานที่มีความดิบ รอยหมึกที่กดทับเป็นภาพหรือตัวหนังสือจะมีลักษณะไม่สม่ำเสมอ บางส่วนอาจจะดูแล้วเป็นเส้นบาง บางส่วนอาจจะดูแล้วเป็นเส้นหนา บางครั้งดูเหมือนเป็นตัวหนังสือขาดวิ่น ที่กล่าวมาล้วนเป็นเสน่ห์ของระบบการพิมพ์ Letterpress ความไม่เพอเฟ็คเหล่านี้เป็นบุคคลิกเฉพาะตัว ความหนาของกระดาษ และความลึกของรอยกดมันทำให้ผู้จับการ์ดรู้สึกว่ามันออกมาด้วยความตั้งใจ แน่นอนว่ามันมีโอกาสถูกเก็บเป็นที่ระลึกมากกว่าการ์ดลักษณะอื่นๆ

IMG_1445thailetterpress

Untitled

Untitled

การพิมพ์ Letterpress 1 สี จะใช้แม่พิมพ์ 1 ชิ้น หากจะพิมพ์ 2 สี ก็จะใช้แม่พิมพ์ 2 ชิ้น ยิ่งมีจำนวนสีเยอะ ก็ยิ่งใช้แม่พิมพ์เยอะขึ้น ในตัวอย่างนี้เป็นการ์ดแต่งงานที่ใช้แม่พิมพ์ 4 ชิ้น โดยสองชิ้นแรกจะพิมพ์ด้านหน้า โดยหนึ่งชิ้นเป็นหมึกสีน้ำตาล อีกหนึ่งชิ้นสำหรับด้านหน้าจะพิมพ์แบบไม่ใส่หมึกเพื่อกดให้เป็นรอยจมแต่เพียงอย่างเดียว ส่วนด้านหลังก็จะมีสองสี ใช้แม่พิมพ์อีก 2 ชิ้นสำหรับแต่ละสี รวมเป็น 4 ชิ้น

IMG_1432thailetterpress

IMG_1434thailetterpress

ขอบฟ้ากับคุณย่า

พาขอบฟ้ามาเยี่ยมคุณย่า ถ่ายภาพเล่นด้วยกล้องสองตัว ตัวแรกคือกล้อง LYTRO เป็นกล้องแนวแฟชั่นไฮเทค คุณภาพไม่ค่อยสวยมาก แต่ได้เรื่องลูกเล่นการโฟกัสภาพ ถ่ายก่อนโฟกัสทีหลัง อยากเห็นจุดไหนในภาพชัดก็กดที่บริเวณนั้นเพื่อโฟกัสใหม่

อย่างภาพนี้ มีรูปเด็ก แม่เด็ก ย่าของเด็ก และหมาอีกตัว คลิกที่จุดไหนเพื่อโฟกัสภาพใหม่ก็ได้ เป็นลูกเล่นที่สนุกดีเหมือนกัน

IMG_0862

วันนี้เตรียมตัวพาขอบฟ้าไปเยี่ยมคุณย่า ให้นมช่วงสายๆเสร็จก็เตรียมตัวขึ้นรถพาไปบ้านจอมทอง ก่อนจะออกก็ถ่ายรูปเล่นกัน ครั้งนี้ใช้กล้อง Eos5d กับเลนส์ 85 f1.8 เป็นหลัก หลังจากที่ใช้กล้องเล็กอย่าง Fuji x100 มานาน ภาพจากกล้องใหญ่เลนส์ใหญ่ตัวนี้ให้คุณภาพที่ดีมาก จะเรียกว่าเป็นกล้องเทพ เลนส์เทวดา ก็ไม่ผิดนัก

IMG_0865

หลานสาวชื่อ มิลิน เป็นลูกของพี่ชายอ้อย กำลังซน วิ่งและนอนได้ทุกที่ในบ้าน คลุกลงไปหมอบคู่กับหมาก็บ่อย ภาพนี้รอจังหวะเขาวิ่งเล่นไปหมอบข้างๆหมาแล้วก็ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก
IMG_0868

เด็กผู้หญิงเริ่มรู้จักการถ่ายรูปแล้ว บอกให้โพสท์ท่าก็ได้ภาพนี้มา ถ้าไม่ใช่กล้อง DSLR ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าจะได้อารมณ์ภาพและความไวแบบนี้ เพราะเด็กนิ่งอยู่แบบนี้แค่สองวินาที พ้นจากนี้ก็อด

IMG_0887

IMG_0891

ขับรถ Honda freed พาขอบฟ้าไปเยี่ยมคุณย่า วันนี้ขอบฟ้าโชว์ความเป็นเด็กดี ไม่งอแงเลี้ยงยากเหมือนทุกวัน ทักก็ยิ้มตลอด ใครเห็นใครก็รัก คุณย่าเห็นยังสงสัยเลยว่าเลี้ยงยากตรงไหน

IMG_0914

IMG_0920

IMG_0922

ตอนเย็นพากลับมาบ้านบางบัวทองแล้วก็พาไปเดินเล่นในหมู่บ้าน ขึ้นรถเข็นแล้วตะลอนไปท้ายหมู่บ้าน

IMG_0958

IMG_0961

ขอบฟ้านั่งในรถเข็นไม่รู้เรื่อง คงไม่รู้ว่าพ่อแม่ทำอะไร มันก็นั่งอมมือไปเรื่อยๆ ท่าทางแบบนี้น่าจะเป็นที่มาของคำพูด “เด็กอมมือ”

IMG_0966

หมู่บ้านนี้อยู่บริเวณบางบัวทอง ตุลาคมปี 2554 น้ำท่วมใหญ่ ทิ้งร่องรอยให้เห็นตามรั้วบ้าน ใครจะซื้อบ้านมือสอง หรือโครงการใหม่ๆในพื้นที่เสี่ยงคงต้องคิดหนัก เพราะเห็นหลักฐานอยู่ว่าท่วมระดับไหน

IMG_0975

ตอนเข็นรถแม่จะเข็นรถไม่เร็ว แต่ช่างภาพถ่ายให้ดูเหมือนเร็ว เอาไว้ดูขำๆ

Honda Freed กับชีวิตเล็กๆ

วันที่ 20 กรกฎาคม 2555 เป็นวันที่ชีวิตผมเปลี่ยนไปตลอดกาล

เช้ามืดวันที่ 20 เป็นวันนัดที่ผมจะพาภรรยาไปคลอดลูก  ลูกของผมเป็นผู้ชาย  ผมคิดชื่อให้เขาแล้วตั้งแต่ตอนที่ยังไม่รู้เพศ  ถ้าเป็นผู้หญิงจะให้ชื่อกลางใจ ถ้าเป็นผู้ชายจะให้ชื่อขอบฟ้า  ชื่อกลางใจหมายถึงจุดที่ใกล้ตัวที่สุด  ชื่อขอบฟ้าหมายถึงที่ที่ไกลที่สุด มีความหมายเป็นนัยว่าไม่มีใครไปไกลกว่าขอบฟ้า

Untitled

ก่อนวันคลอด ผมหัดใส่คาร์ซีทในฮอนด้า freed  คาร์ซีทได้รับบริจาคมาจากพี่สาวของผมผู้ที่หยิบยื่นแคมรี่มาให้ผมขับอยู่แปดพันกิโลเมตรนั่นแหละ การติดตั้งคาร์ซีทเต็มไปด้วยความมึนงง ให้เพื่อนช่วยดูให้เหมือนกัน  ก็คิดว่าน่าจะติดได้ไม่ผิด  แต่ก็ไม่มั่นใจ  จัดกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง กระเป๋าภรรยา และกระเป๋าของลูก  นอกจากนี้ยังเตรียมป้ายชื่อของลูกเอาไว้ด้วย ตั้งใจจะเอาไปใช้ติดหน้าเตียง เวลามีใครมาเยี่ยมจะได้หาได้สะดวก

Untitled

ผมขับรถไปโรงพยาบาลรามาตั้งแต่เช้ามืด เพื่อหนีรถติด  นัดหมอไว้เก้าโมงเช้า แต่แม่เด็กต้องไปเตรียมตัวตั้งแต่เจ๊ดโมง  ในห้องพักก่อนผ่าตัดผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดตัวเขียว เพื่อเตรียมตัวไปยืนลุ้นอยู่ข้างเตียงผ่าตัด  ระหว่างที่รอเวลา ผมทะยอยเตรียมของใช้ที่จำเป็น  ไม่ว่าจะเป็นกล้องดิจิทัล Fujix100 พร้อมแบตเตอรี่สองก้อน เมมโมรี่อีก 16 Gb กล้องฟิล์ม Leica minilux ใส่ฟิล์มขาวดำเอาไว้เพราะผมต้องการภาพขาวดำแท้ๆเก็บไว้ด้วย  ลูกผมเกิดทีเดียว  ไมโครโฟนบันทึกเสียงก็เตรียมไว้เพราะอยากจะเก็บเสียงแรกให้ได้  แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พกเข้าไป  เพราะชุดเขียวไม่มีช่องให้ใส่อุปกรณ์อย่างอื่นเลย

Untitled

ในห้องผ่าตัดเป็นอย่างไรผมจำรายละเอียดไม่ค่อยได้  เพราะทุกอย่างมันเร็วมาก  รู้ตัวอีกทีลูกผมก็ถูกหิ้วออกมาที่เตียงเล็ก ทำการกระตุ้นระบบหายใจ ดูดน้ำออกจากปอด ผมเป็นพ่อคนแล้ว  พ่อมือใหม่ทำอะไรไม่ถูกเลย  ภาพเด็กเกิดใหม่น่าเกลีียดมาก เด็กคนนี้เหรอที่ผมร้องเพลงให้มันฟังบ่อยๆ  ผมจะเริ่มรักมันนาทีไหนกัน  พอเสียงเด็กดังขึ้น บรรยากาศทุกอย่างเปลี่ยนไปเป็นความสุขที่อบอวล ผมรักมันแล้วแหละ  จากนั้นก็ได้สติ ผมไปยืนถ่ายรูปพ่อแม่ลูกด้วยท่ามาตรฐานของทีมหมอที่เขาบรรจงถ่ายภาพให้อย่างมืออาชีพ  ผมว่าผมเป็นช่างภาพที่ถ่ายภาพมาเยอะ แต่ภาพครอบครัวคงต้องยกให้หมอและพยาบาลในนี้  เพราะเขาคงถ่ายวันละหลายครอบครัว ปีละสามร้อยหกสิบห้าวัน

Untitled

ผมใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลสามคืน  เพื่อให้ภรรยาพักฟื้นและทำความคุ้นเคยกับลูก หัดป้อนนม หัดอาบน้ำ  หัดอดนอน หัดตื่นทุกสามชั่วโมง ทุกอย่างพยาบาลค่อยๆฝึกเราทั้งคู่เพื่อให้พร้อมออกไปเลี้ยงลูกอย่างมั่นใจ  แต่จริงๆแล้ว พ่อแม่มือใหม่อย่างผมและภรรยามีแต่ความกลัว มีแต่ความวิตกกังวล  แต่ก็ทำหน้าเฉยๆเพื่อไม่ให้เสียกำลังใจ

ผมออกจากโรงพยาบาล พร้อมด้วภรรยาและเด็กชายขอบฟ้า  ชีวิตใหม่กำลังเริ่มต้น  ผมขับ Freed คลานเป็นเต่าออกจากรั้วโรงพยาบาล  ทีแรกตั้งใจจะวางลูกไว้ในคาร์ซีท  แต่ลูกผมตัวเล็ก น้ำหนักเพียง 2778 กรัมตอนเกิด  รูปร่างยังเล็กมากเมื่อเทียบกับคาร์ซีทที่ติดไว้ในรถ  วางลูกลงไปแล้วทุกอย่างดูหลวมๆ  มันหลวมซะจนคิดว่าลูกน่าจะกลิ้งตกได้เลย  ภรรยาผมเริ่มใจเสีย  มีสิ่งที่ผิดคาดเกิดขึ้นในชีวิตแล้วหนึ่งอย่าง  ลูกนอนในคาร์ซีทไม่ได้ทำให้ต้องอุ้มอยู่อก  ซึ่งรู้กันอยู่แก่ใจว่าเป็นท่าที่อันตรายมาก  ถ้าผมขับเร็วไป หรือมีอุบัติเหตุอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้นลูกคงหลุดจากมือได้ง่ายๆ

Untitled

ขับรถออกจากรั้วโรงพยาบาลไปแค่ห้าสิบเมตรผมก็รู้สึกว่ารถแรงไปแล้ว  อยากขับให้ช้ากว่านี้  ผมกลัวลูกจะหลุดมือ กลัวว่าถ้าวิ่งเร็วลูกจะอันตราย  กลัวว่าถ้าต้องเบรกกระทันหันลูกจะหลุดจากอกแม่  ผมกลัวแค่ไหนภรรยาผมกลัวยิ่งกว่า  ผ่านไปหนึ่งสี่แยก มีรถเมล์วิ่งแซงรถผมไปแล้ว   ผมภาวนาให้รถติดเยอะหน่อยเพื่อให้ผมจะได้ไม่ต้องเร่งความเร็วขึ้นไป  อยากให้ทุกอย่างช้าลง  อยากให้รถติดค่อยๆขยับเพราะผมกลัวลูกหลุดมือ    ใครหลายคนเคยบ่นว่าอยากให้ฟรีดติดเครื่องสองพันซีซี  สถานการณ์ของผมผมกลับอยากได้เครื่องเล็กกว่านี้ อยากให้ถนนแคบกว่านี้  อยากวิ่งช้าๆ  ผู้หญิงคนหนึ่งที่คุณรัก กับลูกอีกคนที่ทั้งคุณและภรรยาต่างพร้อมใจใช้ทั้งชีวิตที่เหลือเพื่อปกป้องและเลี้ยงดูเขา  ผมจะไม่ขับรถเร็วเด็ดขาด จะไม่เผลอปล่อยให้รถวิ่งแบบอันตรายเลยแม้แต่นาทีเดียว  ระหว่างรถติดผมหันไปมองภรรยาและลูกบ่อยมาก  ภรรยาเริ่มร้องไห้  ผมถามว่าทำไมถึงร้อง เธอบอกว่า เธอกลัว  กลัวเลี้ยงได้ไม่ดี  เห็นน้ำตาแล้วผมก็ทำอะไรไม่ถูกเลย  ผมบอกเธอว่า มีผู้หญิงเป็นล้านคนผ่านวันแบบนี้ไปได้พวกเราไม่โชคร้ายหรอก

Untitled

สามสิบวันผ่านไป  ผมนัดหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพและฉีดยาให้ขอบฟ้า  คาร์ซีทได้ใช้งานอีกครั้ง  คราวนี้ขอบฟ้าตัวโตขึ้น  วางในคาร์ซีทแล้วไม่หลวมเหมือนวันแรก  คาร์ซีทรุ่นนี้เป็นกระเช้าในตัว ประตูสไลด์ของ Freed ทำให้ผมจัดท่าของขอบฟ้าในคาร์ซีทได้สะดวก  ตำแหน่งที่ติดตั้งคาร์ซีทที่ปลอดภัยที่สุดของรถยนต์คือหลังคนขับ  ผมเพิ่งพบข้อดีของ Freed อีกข้อหนึ่งที่ดีกว่ารถเก๋งตอนติดคาร์ซีทนี่แหละ  นั่นคือ  ผมสามารถติดคาร์ซีทไว้ที่แถวสองด้านขวาซึ่งอยู่หลังคนขับได้  และใช้เบาะแถวสองเลื่อนขึ้นหน้าเพื่อบีบให้คาร์ซีทติดแน่นไม่ขยับ  ถ้าเป็นรถเก๋ง  เราจะพบว่าคาร์ซีทมักจะติดอยู่กับเบาะหลังด้านซ้าย  เหตุผลก็เพราะว่าต้องเลื่อนเบาะหน้าลงมาดันคาร์ซีทเอาไว้  เนื่องจากรถเก๋งเลื่อนเบาะหลังไม่ได้  ถ้าติดด้านหลังคนขับจะกลายเป็นว่าต้องเลื่อนเบาะคนขับลงมาดันคาร์ซีท  ซึ่งมันก็ทำให้ตำแหน่งคนขับไม่อยู่ในตำแหน่งการขับที่ดี  อันตรายยิ่งกว่าเดิม  รถเก๋งเลยต้องติดด้านซ้ายแทน  แต่ Freed ติดคาร์ซีทหลังคนขับได้ เพราะไม่ต้องเลื่อนเบาะคนขับไปดัน  แต่ใช้เบาะแถวสองดันขึ้นมาแทน  มันดีกว่ากันตรงนี้

Untitled

มีอีกครั้งที่ Freed ทำให้ผมรู้สึกดี  ตอนที่พาขอบฟ้าไปหาหมออีกครั้งหนึ่งตอนครบหกสิบวัน  หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วก็แวะไปร้านขายของเด็ก  ภรรยาผมต้องการซื้อของใช้ให้ขอบฟ้า  ไปจอดที่ร้านค้าแล้วก็ให้ภรรยาเดินลงไปซื้อ ผมกับขอบฟ้ารออยู่บนรถ  ดูเหมือนเป็นคนไม่รักโลก เพราะจอดรถเปิดแอร์  แต่ผมให้อภัยตัวเอง เหตุผลง่ายๆก็คือผมรัก ลูกมากกว่ารักโลก  พอจอดได้ตำแหน่งที่ดีแล้ว ผมก็เข้าเกียร์ P แล้วเดินจากแถวหน้ามานั่งแถวสอง เพื่อเล่นกับขอบฟ้า  มาอยู่เป็นเพื่อนให้ขอบฟ้าเห็นหน้าจะได้ไม่ร้องไห้  แดดร้อน แต่ผมไม่ต้องลงจากรถเพื่อย้ายที่นั่ง  ยิ่งถ้าฝนตกยิ่งรู้สึกดีว่าเลือกรถไม่ผิด  ชีวิตครอบครัวที่มีเด็กเล็กการได้รถอย่าง Freed  มาใช้มันเป็นความอเนกประสงค์ที่รื่นรมย์  แม้ว่าจะใช้รถเก๋งก็เลี้ยงลูกได้ ไปไหนต่อไหนได้ไม่ต่างกัน แต่ความสนุกไม่เท่ากัน  ภรรยาผมสามารถโฟกัสกับลูกได้ตลอดเวลา ไม่ต้องพะวงกับการเปิดปิดประตู  เพราะประตูไฟฟ้าสั่งได้จากคนขับ  แม้แต่ตอนที่ผมนั่งเล่นกับลูก ผมก็กดรีโมทเปิดปิดประตูได้ตลอดเวลาที่ต้องการ  ชีวิตเหนือระดับมันเกิดขึ้นได้ง่ายๆใน Freed นี่แหละ

Untitled

ช่วงนี้ฝนตกบ่อยมาก ผมจะพาแม่กลับบ้านตอนเย็นทุกวัน  วันที่ฝนตก ผมให้แม่นั่งแถวสอง แล้วถือร่มเอาไว้  รอเปิดประตูรถตรงกับหน้าบ้านแล้วให้แม่กางร่มเดินลงไปเลย  ประตูไฟฟ้าสไลด์ออก แม่ค่อยๆกางร่ม แล้วเดินออกจากรถไป หัวไม่เปียก ของในรถไม่เปียก ไม่ต้องเอื้อมมือกลับมาปิดประตู เพราะผมสั่งปิดจากตำแหน่งคนขับได้ แม่เดินเข้าบ้านตัวแห้ง  ส่วนคนขับอย่างผมก็ดับเครื่อง แล้วเดินมาออกทางประตูสไลด์  วิ่งหนีฝนออกจากรถ แล้วค่อยกดรีโมทให้ประตูปิด  ไม่ต้องไปเสียเวลาหันไปปิดเอง

Untitled

ตอนนี้ขอบฟ้าเริ่มแสดงอารมณ์ได้แล้ว สามารถยิ้มทักกับทุกคนได้แล้ว รอยยิ้มของเด็กมันมีแรงดึงดูดประหลาด จะโกรธมันแค่ไหนตอนที่มันงอแง แต่พอมันยิ้มให้เราก็รักมันยิ่งกว่าเดิม

Untitled

ขอบฟ้านอนเล่น



Untitled, originally uploaded by pockethifi.

นอนเล่นสบายอารมณ์

p-IMG_0210

เด็กชายขอบฟ้า เกิดวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 เวลา 10.06 น. ที่โรงพยาบาลรามา
ภาพนี้ถ่ายหลังจากวันเกิดผ่านไปแล้ว 1 วัน ถ่ายด้วยกล้อง canon eos5d เลนส์ 85f1.8



p-IMG_0210, originally uploaded by pockethifi.

ทำป้ายให้ขอบฟ้า

เวลาเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนสักคนที่เพิ่งคลอดลูกหมาดๆ ก็จะมีอาการไปยืนเกาะหน้ากระจกแล้วก็ส่องเข้าไปดูว่าเด็กคนไหนจะเป็นลูกของเพื่อนเรา เด็กทารกหน้าตาคล้ายๆกัน ใส่เสื้อผ้าของโรงพยาบาลเหมือนกัน นอนในเตียงแบบเดียวกัน ว่าไปแล้วมันก็เหมือนกันจนแยกแยะลำบากมาก ถ้าพยาบาลไม่หันป้ายชื่อของเตียงออกมาให้ผู้ชมได้เห็น ก็ไม่รู้เลยว่าใครเป็นลูกใคร

ถึงราวตัวเองต้องมีลูกกับเขาบ้าง เลยหาวิธีที่จะแยกแยะว่าลูกเราคนไหน เวลาไปยืนมองจะได้ชมไม่ผิดตัว เพื่อนและญาติที่มาเยี่ยมจะได้รู้ว่าคนไหนเป็นลูกเรา ก็เลยคิดเรื่องป้ายชื่อขึ้นมา

นอกจากป้ายชื่อที่จะติดไว้กับเตียงลูกแล้ว ป้ายหน้าห้องก็ทำด้วยเช่นกัน เพราะว่าห้องพักหลังคลอดในโรงพยาบาลต่างๆไม่ยอมติดชื่อคนไข้ หรือชื่อใดๆเลย ซึ่งมันทำให้หายาก ผมถามจากแฟนที่เป็นหมอสูฯ ซึ่งก็คือแม่ของขอบฟ้านั่นเอง แฟนบอกว่า ปกติโรงพยาบาลจะไม่ติดชื่อใครเลย เพราะป้องกันการขโมยเด็ก หรือป้องกันบุคคลผู้ไม่หวังดี อ้าว….. อุตส่าห์ทำป้ายมา ติดไว้กลายเป็นอันตรายไปซะได้ แต่ก็ช่างมันขอติดไว้ก่อนก็แล้วกัน ถ้าพยาบาลทักว่าให้เอาออกก็ค่อยปฏิบัติตาม

และนี่ก็คือป้ายที่เอาไปวางไว้ที่เตียงเด็ก เวลาเพื่อนมาเยี่ยมผมก็จะให้ป้ายอีกแผ่นติดตัวเพื่อนไป เอาไปโชว์หน้าห้องเลี้ยงเด็ก พยาบาลก็จะรู้ว่าญาติของเด็กป้ายแดงมาเยี่ยม ก็เข็นเตียงเด็กมาแนบให้ดูได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาพูดผ่านลำโพงหน้าห้อง