ทริปปีใหม่ ชุมพร ระนอง พม่าเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ

ทริปปลายปีต่อเนื่องถึงข้ามปี จากพศ 2562 ไปสู่ 2563 เป็นทริปที่เลือกใช้วิธีเดินทางด้วยรถยนต์เพื่อลงใต้ไปไกลสุดถึงระนอง จุดหมายปลายทางคือเกาะในทะเลพม่า ซึ่งเราจะต้องไปขึ้นเรือที่ระนอง แต่ด้วยระยะทางที่ไกลมาก เลยวางแผนการเดินทางแบบค่อยเป็นค่อยไปและเลือกพักไปหลายๆจุด แวะเที่ยวไปตามเส้นทางที่ไม่เคยรู้จัก

จากกรุงเทพ เราลากเส้นไปที่ชุมพรเลย เพื่อให้อยู่ห่างจากระนองไม่มากในวันถัดไป ชุมพรอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 500กิโลเมตร การเดินทางก็ออกแต่เช้า แล้วแวะพักแวะกินตามทาง ไปถึงชุมพรในรอบบ่ายๆ เข้าพักที่โรงแรมโนโวเทลที่อยู่ริมทะเลย โนโวเทลแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก มีสนามกอล์ฟเป็นของตัวเอง สถานที่สวย ดูแลต้นไม้ได้ดีมาก สิ่งที่ทำให้เริ่มน่าสนใจก็คือที่นี่นกเยอะมาก และในช่วงเวลาที่เที่ยวนี้ขอบฟ้าก็กำลังสนใจเรื่องนก เรื่องอินทรีย์ และเหยี่ยวชนิดต่างๆ นกในชุมพรเยอะอย่างน่าแปลกใจ

IMG_0020

ร้านอาหารที่เป็นร้านแนะนำจากอินเทอเน็ตบอกว่า ให้กินฝั่งตรงข้ามโรงแรม ซึ่งมี 2ร้านให้เลือก เราเลิอกกินร้านแรกที่ดูคนน้อยหน่อย และอาหารก็พอใช้ได้ วิวทะเลก็สวยดี รูปแบบร้านเป็นแนวเรียบง่าย โบราณ ไม่ได้มีการตกแต่งสถานที่ใดๆให้ดูสวยงามเลย

20191231183823_IMG_0055

ปีนี้ขอบฟ้าโตขึ้นมาก พูดจารู้เรื่อง และเป็นเด็กที่เริ่มสนุกกับทุกสิ่งในการท่องเที่ยว รู้จักอดทน รู้จักรอ และสามารถยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น รวมถึงสามารถช่วยพ่อแม่ถ่ายรูปได้แล้ว พ่อกับแม่มีรูปคู่กันเพราะลูกช่วยถ่ายให้ทำให้ทริปนี้เป็นการเดินทางท่องเที่ยวที่สนุกและมีภาพของทุกคน เช้าวันรุ่งขึ้นเราแวะไปจุดชมวิวบนภูเขาใกล้ๆโรงแรม เป็นวิวที่สามารถดูทะเลและแม่น้ำได้พร้อมๆกัน

IMG_0071
IMG_0061

บนจุดชมวิวนี้จะได้พบกับนกนางแอ่นจำนวนมาก บินผ่านไปผ่านมาให้ดูอยู่บ่อยๆ นกบินจนขอบฟ้าต้องมองและสนใจเรื่องนกขึ้นมาทันที และทริปนี้ก็เป็นทริปที่ทำให้เราได้รู้ว่า ชุมพรมีนกอินทรีย์ด้วย ซึ่งพวกเราเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นอินทรีย์หรือเหยี่ยว แต่ความสงสัยเหล่านี้จะได้รับการคลีคลายในช่วงสองสัปดาห์ถัดไป

IMG_0096

ร้านกาแฟแสนสวยบนจุดชมวิวก็มีมุมสวยไม่แพ้กัน แต่พวกเราไปกันเช้ามาก ร้านยังไม่เปิด เลยไม่ได้อุดหนุนกาแฟเลย แต่ก็เก็บภาพวิวสวยๆของร้านกาแฟแห่งนี้กลับมาด้วย แต่ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าว ถ้าให้นั่งกินกาแฟที่นี่จริงๆ พวกเราก็อาจจะเลือกนั่งในห้องแอร์แทนที่จะเป็นมุมโต๊ะเก้าอี้ภายนอกที่สวยน่ามอง

IMG_0105

กาแฟเป็นผลิตภัณฑ์เด่นอย่างหนึ่งของภาคใต้ โดยเฉพาะชุมพรและระนองต่างก็มีกาแฟเป็นจุดขาย การไม่ได้แวะกินกาแฟสักร้านเลยก็ดูจะเป็นเรื่องน่าเสียดาย และเราก็ไม่ได้แวะจริงๆเพราะด้วยเวลาเช้าแบบนี้ และด้วยโปรแกรมที่อยากจะไปในหลายๆที่ ทำให้เวลาที่จะแวะกินกาแฟไม่ค่อยมีนั่นเอง มุมกาแฟจากจุดชมวิวแบบนี้คงจะยอดเยี่ยมมากถ้าอากาศเย็นและมีขนมอร่อยคู่กับกาแฟ ก็ได้แต่จินตนาการกันไป

2020_0101_103603_004

ที่โรงแรมโนโวเทลชะอำ เราได้ทดลองเล่นกล้องถ่ายภาพใต้น้ำที่หยิบยืมจากเพื่อนมาใช้ มันเป็นกล้อง action camera ราคาไม่แพงยี่ห้อง SJCAM รุ่น SJ4000 ที่เป็นกล้องหน้าตาเหมือนกล้อง gopro และมันมีเคสกันน้ำให้ด้วย ทริปนี้เราได้ลองลงไปถ่ายรูปใต้น้ำ และได้ภาพน่าตื่นเต้นกลับมา ภาพใต้น้ำเป็นสิ่งที่เข้าถึงยากมากในอดีต ส่วนมากกล้องที่ใช้จะต้องมีเคสกันน้ำถึงจะลงไปถ่ายใต้น้ำได้ และตั้งแต่อดีต เคสกันน้ำจะมีราคาแพงจะไม่อยากซื้อ แต่ในยุคปัจจุบัน ปีพศ2562 เราก็มีกล้องดิจิทัลราคาถูกมากให้ใช้ และเคสกันน้ำที่เคยราคาแพงมาก เมื่อมันถูกออกแบบมาให้ใช้กับกล้องราคาถูก มันก็กลายเป็นของถูก และเราก็มีโอกาสได้ลองเล่น

IMG_0134

มาถึงชุมพรก็ต้องแวะไปไหว้ศาลกรมหลวงชุมพรที่หาดทรายรี ซึ่งหาดนี้อยู่ห่างจากโนโวเทลแค่ไม่กี่นาที เราได้ไปดูเรือรบโบราณที่จอดไว้ให้นักท่องเที่ยวดู มีผู้คนจำนวนมากแวะมาไหว้ศาลกรมหลวงแห่งนี้ มีประเพณีการจุดประทัดเสียงดัง และที่นี่เราได้พบนกเหยี่ยวหรืออินทรีย์ก็ไม่แน่ใจเพราะเราดูนกไม่เป็น แยกแยะไม่ออกระหว่างนกอินทรีย์และเหยี่ยว รู้แต่ว่ามันบินอยู่บนยอดเขาของศาลกรมหลวงฯ กางปีกเล่นลม ลอยไปลอยมาดูเท่ห์มากๆ

IMG_0142

นกเหยี่ยวและอินทรีย์ในทริปนี้คือจุดเริ่มต้นความสนใจของนกล่าเหยี่อที่ขอบฟ้าชอบ ปกติขอบฟ้าจะชอบสัตว์ที่มีลักษณะเฉพาะที่สุดยอดสักด้านหนึ่ง อย่างในวัยเด็กขอบฟ้าก็ชอบปลาวาฬสีน้ำเงิน อาจเพราะเป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตอนชอบไดโนเสาร์ก็ชอบตัวที่คอยาวที่สุดและตัวใหญ่ที่สุดในโลก ตอนชอบรถก็ชอบรถเฟอรารี่รุ่นพิเศษที่วิ่งเร็วมากและแพงมาก และในทริปนี้ขอบฟ้าเริ่มให้ความสนใจนกล่าเหยื่อ ก็คืออินทรีย์และเหยี่ยว

วันนี้เราเก็บของออกจากชุมพรเดินทางต่อไปจังหวัดระนองเพื่อจะไปเที่ยวเกาะในพม่า เราจะพักที่โรงแรมฟาร์มเฮ้าส์ ซึ่งเป็นโรงแรมหน้าตาน่ารัก ออกแบบสวย และเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติ

IMG_0147

โรงแรมนี้มีชุดของว่างรับแขกเข้าพักเป็นไข่ลวก ถือเป็นเรื่องแปลกเรื่องหนึ่งที่เพิ่งเคยเจอ บางทีเพราะที่นี่ชื่อฟาร์มเฮ้าส์ก็เลยหาผลิตภัณฑ์จากฟาร์มมารับรองแขกก ไข่ลวกก็เลยได้เป็นอาหารว่างมื้อแรกในระนองครั้งนี้ซึ่งถือว่าเป็นการเดินทางมาเที่ยวระนองอย่างเป็นทางการของพวกเรา

IMG_9986
IMG_9988

โรงแรมที่พักชื่อฟาร์มเฮ้าส์ ร้านกาแฟหน้าโรงแรมชื่อ ก.ไก่ ขายกาแฟและของที่ระลึกหลายอย่าง ของฝากที่ต้องซื้อก็มีครบทุกอย่าง แต่หน้าตาไม่โอท๊อปเลยนะ หน้าตาแพ็คเกจและการออกแบบฉลากก็มาแนวคนเมืองออกแบบสวย และราคาทำให้นึกถึงกรุงเทพ

IMG_9994
IMG_20200101_202140
IMG_9993

ผมชอบกินกาแฟ และชอบเรื่องเล่าที่อยู่ในตัวสินค้า แต่ไม่ชอบราคาเลย แต่ก็เข้าใจว่าเขาเลือกวางตัว ออกแบบภาพลักษณ์ตัวสินค้าเอาไว้ให้เป็นของฝากราคาแพง ซึ่งเขาก็ทำสำเร็จ กาแฟที่คั่วด้วยมือพร้อมเรื่องเล่าผ่านลมปากเป็นของฝากที่เราคิดว่าควรซื้อกลับไป ซื้อเป็นสัญลักษณ์ว่าเรามาถึงระนองแล้ว ส่วนรสชาดเดี๋ยวต้องไปลุ้นกันอีกที

IMG_9996

เช้าวันใหม่เราเตรียมพร้อมเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำแต่เช้าเลย เรากินมื้อเช้าที่โรงแรมแล้วรอรถตู้มารับไปยังท่าเรือ ท่าเรือที่จะพาเราไปเที่ยวเกาะในพม่า และการเข้าไปเที่ยวพม่าก็ต้องใช้หนังสือเดินทาง และต้องมีการตรวจคนเข้าเมืองเหมือนนั่งเครื่องบินไปญี่ปุ่น สิงคโปร์ แต่คราวนี้เราไปพม่า

IMG_0006
IMG_20200102_091814

เรือจากระนองพาเราเข้าเขตพม่าแล้วไปลอยน้ำเล่นที่เกาะกลางทะเล ทะเลพม่าได้รับการบอกเล่าถึงความสวยงามและความสมบูรณ์สุดๆ ขอบฟ้าชอบดำน้ำดูปลาและปะการัง และทริประนองก็ออกแบบมาเพื่อพาขอบฟ้าไปดูปลาใต้น้ำในเขตพม่านั่นเอง จำนวนคนบนเรือไม่ได้นับ ครึ่งหนึ่งเป็นต่างชาติ และครึ่งหนึ่งเป็นคนไทย ทริปนี้เป็นทริปที่มีคนไทยเยอะขึ้น ซึ่งต่างจากทริปที่เราไปดำน้ำที่กระบี่ ทริปกระบี่เป็นทริปที่มีคนไทยแค่ 5% เท่านั้น

2020_0102_123344_003

กล้องใต้น้ำได้ทำงานจริงแล้ว ภาพนิ่งและภาพวิดีโอต่างๆทะยอยถูกถ่ายออกมาเรื่อยๆ ความทรงจำใต้น้ำเป็นภาพน่ามองเพราะเป็นภาพที่เราไม่เคยเห็น เราได้แวะเกาะต่างๆสองเกาะรอบเช้า แต่ละที่มีปะการังและสัตว์น้ำค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่มากเท่าที่กระบี่ แต่ก็ถือว่ามีพื้นที่ให้ดำน้ำดูค่อนข้างมาก มีหลายเกาะให้แวะ และเราได้พักกลางวันกินข้าวบนเกาะแห่งหนึ่ง มีอาหารไทยให้กิน แล้วให้เล่นน้ำที่หาดทราย

IMG_0070

เกาะแห่งนี้มีจุดชมวิวที่ยอดเขา สามารถมองลงมาเห็นวิวทะเลจากมุมสูง ภาพที่มองลงมาสวยมากและถ่ายรูปออกมาก็ดูดีเหลือเชื่อ

2020-01-02_10-31-35-01

ภาพจากมุมสูงที่ต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปจนเหนื่อย ปกติมุมภาพแบบนี้ใช้โดรนบินขึ้นไปถ่ายได้เลย แต่เมื่อไม่มีโดรนก็ต้องใช้เท้าออกแรงเดินขึ้นไปแทน อากาศที่เกาะค่อนข้างร้อน แสงแดดแสบตา ภาพที่ถ่ายออกมาดูเหมือนไม่มีแดดแต่จริงๆเป็นการใช้เทคนิคการถ่ายภาพและอุปกรณ์ช่วยเหลือ

IMG_0079
2020-01-02_10-34-35-01

ทริปนี้เป็นทริปทะเลที่ตัดสินใจใช้กล้อง eos m เป็นกล้องหลักในวิวทะเล เพราะผมมีฟิลเตอร์โพลาไรซ์ที่ใช้กับเลนส์ kit efm18-55is ของกล้อง eos m ซึ่งการใช้ฟิลเตอร์ตัวนี้เราสามารถหมุนฟิลเตอร์ให้มีมุมโพลาไรซ์ที่เราต้องการ ผมเองเลือกหมุนฟิลเตอร์ ให้ตัดแสงสะท้อนที่ผิวน้ำออกให้หมด ผลก็คือภาพน้ำดูมีความเข้มจนรู้สึกอยากเล่นน้ำเลย กล้องกับเลนส์ที่ใช้เมื่อดูราคาขายมือสองจะพบว่ามันเป็นของถูกมาก เชื่อว่าในพศ.2563 นี้เราคงหาซื้อได้ในราคาประมาณ 5-6พันบาทเท่านั้น ชุดคู่ขวัญนี้ให้คุณภาพพอใช้ได้ ถ้าสถานที่อำนวย สภาพแสงเพียงพอ เราก็ได้ภาพสวยๆจากกล้องราคาประหยัดได้ไม่ยาก ลองกลับไปอ่านรีวิวกล้องกล้อง eos m ได้ที่นี่

2020_0102_151809_001

เราไปพักอาบน้ำล้างตัวและกินมื้อเย็นที่โรงแรมในพม่า สิ่งที่สังเกตุได้ชัดเจนก็คือมีนกอินทรีย์เยอะมาก บินร่อนไปร่อนมาให้เราเห็นอยู่เรื่อยๆ ที่โรงแรมในพม่าก็บินวนโชว์ตัวอยู่แทบตลอดเวลา มีนกเงือกเกาะอยู่บนต้นไม้ที่โรงแรม รู้สึกได้เลยว่าพม่าอุดมสมบูรณ์มาก ทรัพยากรธรรมชาติมีเหลือเฟือ อดคิดไม่ได้ว่า ในช่วงเวลาสักสามสิบปีที่แล้วสมัยที่การท่องเที่ยวยังไม่บูม สมัยที่คนยังไม่ค่อยรู้ข้อมูล สัตว์ป่าจะเยอะขนาดไหน สัตว์ใต้น้ำ ปะการังจะอลังการขนาดไหน ขอจบทริปในพม่าด้วยคลิปวิดีโอชิ้นนี้ และเราเดินทางข้ามแดนกลับประเทศไทย กลับเข้าระนองในตอนสองทุ่ม จบวันแบบหมดแรง

เช้าวันถัดมาเราเริ่มเที่ยวในระนอง ซึ่งเมื่อก่อนเราก็ไม่รู้ว่าระนองมีอะไรบ้าง แต่พอเริ่มหาข้อมูลท่องเที่ยวก็พบหลายๆจุดที่น่าสนใจ เราไปเดินเล่นที่ภูเขาหญ้า ซึ่งเป็นวิวเนินเขาไม่สูงนักและในช่วงเวลาหน้าฝนหญ้าจะเขียวมากจนทำให้กลายเป็นจุดแวะถ่ายรูปของนักท่องเที่ยว แต่ช่วงที่เราไปก็เป็นช่วงน้ำน้อย หญ้าแห้งไปแล้ว

IMG_0180
ฉูดฉาด
IMG_0262
IMG_0268

บนท้องฟ้าเหนือภูเขาหญ้าที่เราเดินเล่นถ่ายรูปเพลินๆก็มีนกล่าเหยื่อ ผมขอเรียกว่าอินทรีย์ละกันเพราะดูไม่ออก แยกไม่เป็นว่าเหยี่ยวกับอินทรีย์แตกต่างกันอย่างไร ตอนนี้ลูกเริ่มสนใจนกเหล่านี้ และหลายๆครั้งก็แยกแยะนกกับอินทรีย์ด้วยลักษณะของปีก ซึ่งพอจะช่วยแยกได้บ้างแม้จะไม่ถูกต้องทั้งหมด

ออกจากภูเขาหญ้า ขับรถไปอีกไม่กี่นาทีก็ถึงบริเวณบ่อน้ำร้อนพรรั้ง เป็นจุดแวะสำหรับนักท่องเที่ยวอีกเช่นกัน ที่นี่มีน้ำร้อนหลายบ่อ อุณหภูมิแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็ร้อนๆอุ่นๆ แช่ขาให้รู้สึกสบายได้ บางบ่อก็น้ำไม่ร้อนมาก มีปลาว่ายน้ำเล่นด้วย

IMG_0284

เราแวะกินอาหารร้านดังที่มีรีวิวให้อ่าน ก่อนจะเข้าที่พักของวันนี้ ที่ร้านอาหารตั้งอยู่ติดกับบ่อน้ำร้อนอีกแห่ง ซึ่งบ่อนี้ร้อนจนเห็นเป็นไอน้ำเลย

IMG_0306
IMG_0302
IMG_0312

มีคนพาหมามาเดินเล่นแถวบ่อน้ำร้อน สิ่งที่สะดุดตาก็คือหมามีตาสองสีที่ไม่เหมือนกัน เห็นแล้วก็ต้องขออนุญาตเจ้าของถ่ายภาพเก็บไว้สักหน่อย เจ้าของหมาอธิบายให้ฟังว่าตาสองสีเป็นลักษณะผิดปกติของหมาซึ่งมีอยู่ไม่มาก และราคาค่าตัวก็คงแพงมาก (คิดเอง)

หลังจากได้เข้าพักในวันนี้ที่ บ้านนายหมง เป็นรีสอร์ตที่สร้างห้องพักท่ามกลางต้นไม้ เราก็เดินเล่น ถ่ายภาพเล่นในรีสอร์ต ทริปนี้ขอบฟ้าก็ช่วยถ่ายภาพพ่อกับแม่ได้หลายภาพเลย

IMG_0339
IMG_0399
IMG_0428
IMG_20200104_101243

ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกโดยพนักงานรีสอร์ตช่วยถ่ายภาพครอบครัวให้ แล้วเราก็ขับรถกลับ ออกจากระนองขับมาถึงประจวบฯ แวะเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่หว้ากอ ที่หว้ากอมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในแง่ของวิทยาศาสตร์ เป็นตำบลที่ รัชกาลที่ 4 เสด็จทอดพระเนตรการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง โดยท่านคำนวณและประกาศล่วงหน้าว่าจะสามารถดูได้วันไหนเวลาใด และก็มีการเชิญชาวต่างชาติมาร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ชาวโลกรับรู้ว่าประเทศไทยมีนักวิทยาศาสตร์เช่นกัน เป็นการแสดงความมีอารยธรรมให้โลกรู้ เพื่อให้ต่างชาติเกรงใจประเทศไทย ให้เกียรติประเทศไทย และเป็นการวางรากฐานคำว่าวิทยาศาสตร์ให้กับประเทศไปพร้อมกัน และรัชกาลที่4 ก็เป็นบิดาแห่งวงการวิทยาศาสตร์ไทย

IMG_0473

ออกจากพิพิธภัณฑ์แล้วก็แวะกินอาหารที่ร้านครัวชมวาฬ ร้านนี้ผมตั้งใจแวะ เพราะว่าในอดีตช่วงที่เว็บบอร์ดพันทิปห้องบลูแพลเน็ตยุคเริ่มต้น มีคนมาสุมหัวคุยเรื่องท่องเที่ยวและถ่ายภาพ มีสมาชิกเว็บบอร์ดยุคบุกเบิกได้รู้จักกับพี่ชายคนหนึ่ง และเขาก็เปิดร้านอาหารแห่งนี้ ในสมัยนั้นผมก็เคยมีโอกาสได้มากิน ได้มากางเต๊นท์นอนที่สถานที่แห่งนี้ แล้วต่อมา พี่ชายท่านนี้ก็เสียชีวิตจากการถูกยิง เพราะสาเหตุการประท้วงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ เมื่อมีโอกาสก็เลยแวะมาเยี่ยม มาทานอาหาร อย่างน้อยก็ช่วยอุดหนุนคนคุ้นเคยและช่วยต่ออายุธุรกิจครอบครัวของพี่คนนี้

4jan2020-img_ (65)

และเราก็เข้าที่พักย่านหัวหินชื่อ สปริงฟิลด์ ตอนค่ำอย่างหมดแรง จนเช้าวันใหม่เราก็หาของกินที่ตลาดหัวหิน แวะกินร้านดังในตลาด

IMG_0102
IMG_0109

นอนเล่นแช่น้ำอย่างสบายใจ ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพ ปิดท้ายด้วยระยะทางทั้งหมดที่ขับรถสำหรับทริปปีใหม่นี้ ฮอนด้าฟรีดคันเก่า คันเดิมที่พาเที่ยวมาตลอดหลายปี ทริปนี้จบลงที่ระยะทาง 1325.4 กิโลเมตร

IMG_20200105_165450

ภาพสุดท้ายนี้ภรรยาถ่ายให้ เป็นการส่องกล้องเพื่อถ่ายภาพนกด้วยเลนส์ซูมตัวโต น้ำหนักมาก พ่อเลยต้องเป็นขาตั้งกล้องให้ลูก

2020-02-28_11-59-35

เปลี่ยนหลอดไฟหน้า Honda freed อีกครั้ง

สองวันก่อนผมรู้สึกว่าไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง และสังเกตว่าไฟด้านขวาอาจจะดับ ก็เลยลองตรวจดู เปิดไฟแล้วเดินลงไปดู พบว่าไฟหน้าขวาดับจริงๆด้วย ผมเรียกไฟฝั่งคนขับว่าด้านขวา ซึ่งทีแรกก็ตั้งใจว่าจะขับไปเปลี่ยนที่ศูนย์ แต่อีกใจก็ลองหาราคาหลอดไฟดูก่อนดีกว่า แล้วก็ค้นหา เริ่มค้นหาคำว่า เปลี่ยน ไฟหน้า ฮอนด้า ฟรีด พิมพ์สี่คำนี้ใน google แล้วก็เจอข้อมูล ซึ่งมันก็เป็นข้อมูลที่ผมเคยโพสท์เอาไว้นั่นเอง ดูจากวันเวลาของโพสแล้ว ก็พบว่าไฟหน้าของผมดับครั้งที่แล้วช่วงเดือนพฤษภาคมปี2562 และวันนี้ กันยายน2563 หลอดไฟที่เปลี่ยนเข้าไปมีอายุการใช้งานประมาณ 16 เดือน
ย้อนกลับไปอ่านโพสท์เก่าได้ที่นี่

IMG_20190506_153259

ของ Philips คือยี่ห้อเก่าที่ติดมาจากโรงงานฮอนด้า และหลอดที่เคยเปลี่ยนที่ศูนย์ก็เป็น Philips ส่วนเมื่อปีที่แล้วที่ผมเปลี่ยนเองแล้วโพสท์ข้อมูลเอาไว้คือหลอดซื้อเองยี่ห้อ OSRAM

IMG_20190506_153220
IMG_20190506_153213

หลอดไฟที่สั่งให้ลูกน้องวิ่งไปซื้อวันนี้ ผมหยิบกล่องเก่าให้ไปเป็นตัวอย่าง แล้วก็ได้กลับมาเป็นยี่ห้อเดิม แต่กล่องมาแบบแปลกๆ สีสันบนกล่องดูเปลี่ยนไป ตัวหนังสือสีดำกลายเป็นสีเทา กล่องคงโดนพิมพ์ออกมาจากคนละแม่พิมพ์ หรือ อาจจะคนละโรงงานเลยก็ได้

2020-09-24_01-47-54
2020-09-24_01-48-07

กล่องทางซ้ายคือกล่องที่ซื้อเมื่อปี 2562 ส่วนกล่องทางขวาตัวหนังสือสีเทาซื้อวันนี้ ปี 2563 รายละเอียดพวกนี้หากเป็นคนที่ทำงานสิ่งพิมพ์จะรู้ว่า ออกจากแม่พิมพ์คนละชิ้นกัน ซึ่งเราก็ไม่อาจจะเดาได้ว่าหลอดไฟที่ซื้อมาครั้งนี้เป็นของจริง หรือ ของปลอม แต่เสียบใช้งานแล้วก็ทำงานได้เหมือนกัน

แถมให้ เมื่อดูกล่องหลอดไฟที่มาจากศูนยบริการ จะอยู่ในกล่องอีกแบบหนึ่ง เป็นกล่องขาวแล้วติดสติ๊กเกอร์ฮอนด้าไปเลย

2020-09-24_02-00-57

ร้องเท้านักเรียนสีขาว

IMG_0055

รองเท้า มีเอาไว้เหยียบพื้น เหยียบดิน มีไว้คลุกฝุ่น มันก็ไม่ได้ผิดอะไร ถ้าอยากผลิตมาขายทุกสี คนขายอยากขายทุกอย่าง คนซื้อก็มีสิทธิ์เลือกซื้อ จะซื้อรองเท้าฝังเพชรก็ไม่ว่า เงินใครเงินมัน
บางโรงเรียนเลือกใช้รองเท้าสีขาวเป็นเครื่องแบบนักเรียน คิดอะไร ทำไมถึงถึงเลือกรองเท้าสีขาว รองเท้าสีดำก็มีผลิต หลายแห่งก็ใช้สีดำ หลายแห่งใช้สีน้ำตาล โรงเรียนอนุบาล ประถม มหาวิทยาลัยที่ยังเลือกใช้สีขาวอยู่ คิดอะไรกันเหรอ นักเรียนหญิงในโรงเรียนบางแห่งใส่รองเท้านักเรียนสีดำ แต่วิชาพละ เปลี่ยนไปใส่ผ้าใบสีขาวลงไปวิ่งเล่นในสนามหญ้า ลงไปเปื้อนดิน ผู้ผลิตจะผลิตอะไรก็เรื่องของผู้ผลิต แต่สถาบันการศึกษาคิดอย่างไร ทำไมถึงเลือกใช้สีขาวไปเหยียบดิน
ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเสื้อผ้ารองเท้าเครื่องแต่งกายไม่ได้เพิ่มคุณค่าให้คน เรามีคนใส่สูทขายยาเสพติด ติดคุกเพราะขายยาเสพติด เราพบคอรัปชั่นเต็มไปหมดในสถานที่ราชการที่มีคนใส่สูทไปสุมหัวอยู่ เห็นกันไหม เสื้อผ้าเครื่องประดับรองเท้า ไม่ช่วยให้คนเป็นคนดี
โลกหลังโควิด เราอยู่กับชีวิตมาตรฐานใหม่ new normal อะไรที่ไม่จำเป็นเราต้องลด ต้องตัดออก ต้องเปลี่ยนเพื่อประคองชีวิตและทรัพย์สินให้พอเอาตัวรอดผ่านวิกฤต ลด ละ เลิก เปลี่ยน ไปสู่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น รองเท้าสีขาวจำเป็นกับชีวิตเราจริงหรือ เราต้องการแค่รองเท้า ส่วนสีขาวที่รอฝุ่นและดินมาเกาะคือความไม่จำเป็นที่เราเปลี่ยนได้ เลิกได้
รสนิยมส่วนบุคคลจะเลือกอย่างไรก็ได้ แต่กติกาข้อบังคับที่ใช้กับนักเรียนควรคิดและออกแบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์และชีวิตปัจจุบัน

บ่นเรื่องน่ากังวลของระบบจ่ายเงิน online

ผมใช้บริการของเว็บ flickr.com มาน่าจะสิบปีแล้ว เว็บนี้เป็นเว็บสำหรับฝากเก็บภาพถ่าย เราสามารถใส่ภาพเข้าไปในระบบของ flickr ได้ไม่จำกัด มีท้ังบริการใช้ฟรีและแบบเสียเงิน แต่ข้อจำกัดของระบบฟรีคือจะมองเห็นแค่ 200 ภาพล่าสุด ส่วนแบบเสียเงินจะมองเห็นทุกภาพ สามารถค้นหาแและบริหารจัดการได้สะดวกมาก นี่คือเงื่อนไขในปีแรกๆที่ผมเข้าใจ ซึ่งในที่สุดผมก็ตัดสินใจจ่ายเงิน เพื่อจะเก็บภาพทุกชนิด ทุกภาพ ของผมเข้าระบบ flickr

วิธีการจ่ายเงินสำหรับระบบ online ก็คือการโอนเงินด้วยบัญชีธนาคาร หรือจ่ายด้วยบัตรเครดิต ซึ่งผมไม่มีบัตรเครดิตใช้ก็จะไม่ค่อยสะดวก ทำให้ในช่วงปีแรกๆผมทนใช้แบบฟรีไปก่อน แต่ต่อมา ธนาคารไทยอย่างกสิกรก็มีบริการ บัตรเครดิตเสมือน หรือ virtual card ที่จะให้เลขบัตรเครดิตสำหรับคนที่อยากใช้จ่ายเงิน online แต่ไม่ได้มีบัตรเครดิตจริงๆ ผมก็เลยสมัครใช้บริการ และใช้บัตรเครดิตเสมือนจ่ายเงินสินค้าทุกอย่างทาง online

บัญชี google ที่เก็บข้อมูลได้ 100g ก็ต้องเสียเงินเดือนละ 1.99 ดอลล่าร์ หรือ 70 บาท ก็เลือกให้จ่ายด้วยการตัดบัตรเครดิตเสมือน ซึ่งตัวเงินที่ตัดไป จะไปหักออกจากบัญชีออมทรัพย์ของผมเอง และมันก็เป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับการซื้อของทางอินเทอเน็ต และมันดีไม่แพ้ paypal เลย ซึ่งจริงๆผมก็มีบัญชี paypal อยู่เช่นกัน

ผมเลือกจ่ายสินค้าและบริการต่างๆทางเน็ตผ่านระบบ virtual card ของกสิกรมาโดยตลอด และในช่วงเวลาหนึ่ง flickr.com มีการเปลี่ยนเจ้าของ ทำให้ระบบการเก็บเงินของเว็บนี้มีการเปลี่ยนแปลง และมันก็เป็นที่มาของปัญหาบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

SharedScreenshot-flickr cost

ดูจากประวัติการจ่ายเงินจะเห็นว่า ผมจ่ายเงินตั้งแต่ปี คศ 2015 และจ่ายมาทุกปี จนกระทั่งปี 2019 ที่มีปัญหา ผมจ่ายไม่ได้ และทำให้ผมเป็นกังวลอย่างมาก เพราะกลัวว่าถ้าเราขาดการเป็นสมาชิกหรือไม่จ่ายเงินในระบบจนนานเกินเวลาที่ระบบกำหนดไว้ account ของผมจะหายไป และภาพที่เก็บไว้ก็จะหายไปหมด ไม่สามารถใช้งานดูภาพย้อนหลังได้อีก ซี่งผมก็ระวังเรื่องนี้อย่างยิ่ง พยายามจ่ายเงินตรงเวลาที่สุด แต่ปัญหาในปี 2019 ทำให้ผมจ่ายเงินไม่ได้

2020-06-20_12-22-42

ปัญหาที่ว่าก็คือ ระบบพยายามตัดเงินจาก virtualcard แต่ไม่สามารถตัดเงินได้ ขณะที่ระบบตัดเงินจากเว็บอื่นทำงานได้ปกติ ดูจาก sms ที่ส่งเข้ามือถือเวลาไม่เงินถูกตัดออกไปจากบัญชี การซื้อของจากเว็บอื่น การตัดเงินจาก google ยังทำได้ปกติ แต่การตัดเงินจาก flickr มีปัญหา ตัดเงินไม่ได้เลย ยอดเงินแจ้งเป็น 0 บาทตลอด และสถานะในเว็บผมก็มีตัวหนังสือเตือนให้จ่ายเงินค่าสมาชิกอยู่ตลอด เห็นแล้วก็กังวล แต่ไม่รู้จะทำยังไง ผมลอง remove วิธีตัดเงิน virtualcard ออกจาก flickr แล้วสร้าง virtualcard อันใหม่เข้าไปแทน ระบบก็ยังตัดเงินไม่ได้อยู่ดี เวลาผ่านจากปี 2019 มาถึง 2020 ผมยังคงทะยอยทดลองให้ตัดเงินอยู่อีกหลายครั้ง แต่ก็พบกับข้อความแบบเดิมคือ ระบบตัดเงิน 0 บาทตลอด ก็คือ เว็บ flickr ยังไม่ได้รับเงินรายปีจากผมนั่นเอง

ลองจนเบื่อแล้วก็ลืมไป ผ่านไปปีกว่า ยังคงเห็นข้อความเตือนให้ต่ออายุอยู่เช่นเดิม และทุกครั้งที่ลองตัดเงิน ก็พบปัญหาเดิมคือ ระบบของ flickr.com ตัดเงินออกจาก virtualcard ไม่ได้เลยสักครั้ง ผมพยายามจะติดต่อ callcenter แต่ก็ต้องหมดความอดทนรอ เพราะผมไม่ได้คุยกับคนเลย โทรไป callcenter ก็เจอกับคอมพิวเตอร์มารับสาย พูดพล่ามอะไรไปอีกหลายนาทีกว่าจะฟังครบ แล้วก็พบว่า ไม่เจอช่องทางที่จะเข้าไปในส่วนที่ตรงกับปัญหาของผม เสียเวลาอย่างมาก เสียอารมณ์ด้วย

แล้วก็ฉุกคิดได้ว่าน่าจะลองตัดเงินด้วย paypal ดูบ้าง เพราะผมมีบัญชี paypal อยู่จากการขายภาพ online ยอดเงินใน paypal พอที่จะจ่ายค่าบริการของ flickr แน่นอน ก็เลยจัดการจ่ายไป ระบบ paypal ก็ทำงานได้ดี สามารถตัดเงินได้จริง และทำให้ผมได้จ่ายค่าใช้บริการต่ออย่างสบายใจ account ของผมยังคงทำงานได้เต็มที่ และภาพที่เก็บไว้ก็จะปลอดภัยไปอีก 1 ปี

ตอนนี้มีเรื่องแปลกใจอยู่อย่างหนี่ง คือ ค่าบริการปีนี้เป็น 71.88 ดอลล่าร์ แทนที่จะเป็น 24.95 ดอลล่าร์ ผมไม่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรใน flickr บ้าง บางทีการเปลี่ยนเจ้าของก็อาจจะเปลี่ยนอัตราค่าบริการก็ได้ เดี๋ยวปีหน้าค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะจ่ายต่อ หรือ หาที่เก็บภาพใหม่

สิ่งที่สงสัยอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ทำไม flickr.com ตัดเงินจาก virtualcard ของ กสิกรไม่ได้ ตรงนี้ก็อยากให้ทางธนาคารช่วยวิเคราะห์ให้ด้วย ผมไม่มีความพยายามจะอดทนรอโทรเข้า callcenter ที่ไม่มีคนมาคุยกับผมแล้ว รอนานจนน่าหงุดหงิด ธนาคารควรจะมีช่องทาง chat online ได้แล้ว เพื่อให้ปัญหาต่างๆของลูกค้าสามารถแก้ไขได้รวดเร็ว บริการที่ดีเป็นอย่างไรธนาคารควรจะคิดเองได้ และผมก็ติชมผ่านบทความนี้แล้วด้วย ขอให้เจ้าหน้าที่หรือระบบ ai ของกสิกรหรือ kbank ได้แวะเข้ามาอ่าน แล้วนำไปปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้น

แถมให้อีกนิด เว็บ flickr.com เป็นเว็บเก็บภาพที่มีเครื่องมือในการย้อนดูภาพเก่าที่เก่งมาก ผมสามารถหาภาพที่ต้องการได้ง่าย เข้าถึงได้เร็ว มันทำให้ผมสามารถหาภาพของผมเองมาประกอบบทความที่เขียนได้อย่างสะดวกสบาย ผมสามารถย้อนดูภาพของลูกที่ถ่ายไว้เมื่อหลายปีก่อนได้ง่ายมาก เช่นภาพถ่ายตอนลูกผมเป่าเค้กวันเกิดในตอนอายุ 3 ขวบ ก็หาได้ในเวลาไม่กี่วินาที นี่คือพลังของเว็บเก็บภาพระดับโปรอย่าง flickr ในเงื่อนไขเดียวกัน ถ้าเราจะไปดูภาพลูกตอนสามขวบในเฟสบุ๊ค ผมเชื่อว่าอาจจะไถหน้าจอจนเมื่อยเลย แล้วก็อาจจะหมดความอดทนเสียก่อน

kobfa-home-IMG_0034

new normal ของงานแสดง และพิพิธภัณฑ์

ด้วยความอยากรู้ว่าจะต้องจัดการวางระบบการให้บริการผู้คนอย่างไร ก็เลยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์เพื่อดูวิธีการจัดการ ที่นี่เป็นศูนย์กลางของวิทยาศาสตร์ของประเทศ การจัดนิทรรศการที่เน้นเรื่องความปลอดภัย ระวังการติดเชื้ออย่างเต็มที่น่าจะได้รับการออกแบบมาอย่างเหมาะสมและน่าเชื่อถือที่สุด

เริ่มจากการลงทะเบียนทางเว็บไซต์ว่าเราจะมาเที่ยว ทางเจ้าของสถานที่น่าจะจำกัดจำนวนคนที่จะลงทะเบียนเข้าชมเอาไว้ว่าไม่เกินจำนวนที่รัฐบาลกำหนด คนที่ลงทะเบียนจากทางบ้าน เมื่อมาถึงสถานที่แล้วก็จะยังเข้าไม่ได้ทันที ต้องผ่านจุดคัดกรอง ตรวจอุณหภูมิ หากต่ำกว่า 37 ก็จะอนุญาตให้ผ่านเข้าไปได้ จากนั้นก็ต้องไปนั่งรอในพื้นที่ที่จัดไว้ เก้าอี้นั่งรอก็จะวางห่างกันประมาณ 1.5 เมตร เมื่อตรวจสอบคนที่นั่งรอกับรายชื่อที่แจ้งไว้เรียบร้อยแล้วก็จะอนุญาตให้เข้าได้ โดยจะติดสติ๊กเกอร์ไว้ที่เสื้อเพื่อเป็นสัญญลักษณ์ว่าผ่านการลงทะเบียนและได้รับอนุญาตให้เข้าแล้ว และเราต้องสแกนแอพไทยชนะด้วยเพื่อ check in

IMG_20200607_094305

ระหว่างทางที่เดินผ่านก็จะเห็นสติ๊กเกอร์ที่พื้นอยู่ตลอดทาง เก้าอี้นั่งพักระหว่างทางก็มีสติ๊กเกอร์เตือนเอาไว้ว่าให้พยายามรักษาระยะห่างของแต่ละคนไว้ อย่าเผลอเข้าใกล้กัน

IMG_20200607_101144

ที่จุดแสดงข้อมูลภายในพิพิธภัณฑ์ ทุกจุดที่อาจจะต้องใช้มือสัมผัสกับสิ่งของหรือหน้าจอ ก็จะมีเจลแอลกอฮอล์วางไว้ข้างๆเลย เมื่อกดเล่นหน้าจอแสดงผลเรียบร้อยแล้วก็ให้กดเจลแอลกอฮอล์เพื่อล้างมือเลย เจลจะถูกวางไว้ทั่วบริเวณ

IMG_20200607_095529
IMG_20200607_113606

เมื่อถึงเวลามื้อกลางวัน เราออกจากพิพิธภัณฑ์ก็สแกน qrcode ไทยชนะของพิพิธภัณฑ์เพื่อ check out แล้วไปที่โซนขายอาหารจะล้อมรั้วเอาไว้ มีจุดเช็คอิน มี qrcode ของไทยชนะที่เราต้องสแกนเพื่อ check in ก่อนแล้วค่อยเดินเข้า จะมีเจ้าหน้าที่แจกบัตรติดเสื้อ บนบัตรจะมีตัวเลขบอก เขาใจว่าจำนวนบัตรจะเท่ากับจำนวนคนที่สามารถเข้าโรงอาหารได้ตามข้อกำหนด โรงอาหารแคบก็อาจจะมีจำนวนคนได้รับอนุญาตน้อย ซึ่งเลขที่ติดอยู่บนบัตรจะเรียงลำดับจาก 1 ไปถึงจำนวนที่กำหนด หากบัตรถูกแจกหมด ก็คงจะยังไม่ให้คนใหม่เข้า คนเก่าที่ใช้บริการพื้นที่เสร็จแล้วก็ควรจะรีบออกมา แล้วรีบคืนบัตรให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อนำไปให้คนอื่นได้เวียนใช้

IMG_20200607_113353

โต๊ะนั่งทานอาหารจะเป็นแบบโต๊ะยาว คนนั่งจะนั่งหัวโต๊ะ ไม่หันหน้าเข้าหากัน บน
โต๊ะมีสติ๊กเกอร์ติดไว้เพื่อบกว่าต้องนั่งมุมนี้ โต๊ะ 1 ตัวนั่ง 2 คน การรับบัตรคิวแล้วเข้ามานั่งกินนั่นแปลว่าเราได้ที่นั่งแน่นอน แบบนี้ประเสริฐ

IMG_20200607_114431

IMG_20200607_112539

บนโต๊ะจะมีสติ๊กเกอร์เตือนให้เว้นระยะห่าง และเมื่อเรากินอาหารเสร็จ นำภาชนะไปทิ้งที่ถังขยะกันเอง แล้วตอนเดินออกให้คืนบัตรเลขคิว และสแกน qrcode ไทยชนะของศูนย์อาหารเพื่อ check out

IMG_20200607_114652

หากเราแวะร้านขายของที่ระลึก ก็ต้องสแกน qrcode ของร้านขายของเพื่อ check in ซึ่งตรงนี้เพิ่งจะได้เห็นว่า มีระบุจำนวนคนเอาไว้ด้วย ตัวเลข 28 น่าจะหมายถึงจำนวนคนที่มากที่สุดที่ยอมให้อยู่ในร้านขายของที่ระลึกพร้อมกัน ซึ่งก็ถือว่าไม่มาก ไม่น้อย และเมื่อซื้อสินค้าแล้ว เมื่อออกจากร้านก็ต้องสแกน qrcode อีกครั้งเพื่อ check out

IMG_20200607_114727

IMG_20200607_140431

โต๊ะจัดกิจกรรม จัดตำแหน่งการนั่งทำไว้ที่หัวมุมโต๊ะ โต๊ะละ 2 คน ระยะห่างของสองคนนี้น่าจะประมาณ เกือบ 2 เมตร

IMG_20200607_142512

ที่ห้องน้ำก็มีคำเตือนให้เว้นระยะห่าง และติดสติ๊กเกอร์ไว้ตั้งแต่ในห้องน้ำ แล้วค่อยๆต่อแถวออกมานอกห้อง โดยสติ๊กเกอร์จะติดห่างกันประมาณ1.5-2 เมตร หากคนใช้ห้องน้ำเยอะ ก็คงจะต้องยืนรอที่สติ๊กเกอร์

เรื่องของเทคโนโลยี Ai ในชีวิตประจำวัน

เทคโนโลยีระบบ Ai เป็นสิ่งที่เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราแล้วหลายอย่าง ตั้งแต่การค้นหาคนหายด้วยการเปรียบเทียบใบหน้าโดยการทำงานของ Ai การใช้ Ai สร้างคีย์เวิร์ดเพื่อช่วยในการค้นหาภาพ การเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ด้วย Ai ที่ชนะแชมป์โลกได้แล้ว ยังมีระบบการค้นหาดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกลที่คาดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ สิ่งเหล่านี้ทำได้ด้วยการมี Ai

เราปฏิเสธ Ai ไม่ได้ ไม่ว่าผู้คนจะพูดถึง Ai ในแง่บวกหรือลบ ไม่ว่าจะชอบหรือกลัว สุดท้ายเราก็ต้องมี Ai อยู่ในชีวิตประจำวัน ใครที่กลัวก็ขอให้ติดตามอ่านข่าวของ Ai หรือติดตามฟังคลิปที่เราจัดทำไว้ให้ เพื่อให้ท่านได้รู้จัก Ai ในหลายๆแง่มุม

อย่าตระหนกไปกับการพูดถึงว่า Ai จะแย่งงานคน เพราะเราเชื่อว่า Ai ถูกออกแบบมาเพื่อรับใช้มนุษย์ และ มันไม่ควรจะทำให้ชีวิตมนุษย์ตกระกำลำบาก เราติดตามไปพร้อมกันและใช้งานมันอย่างมีสติ Ai จะเป็นทาสของมนุษย์ได้ในที่สุด

ทากาวซ่อมหนังสือปกหลุด

หนังสือที่ทำขายกันตามร้านค้า อย่างหนังสือแม็กกาซีน และหนังสือนิทาน ส่วนใหญ่จะมีการทำเล่มหรือเย็บเล่มด้วยวิธีการ 2 อย่าง คือ การไสกาว และการเย็บแม็กซ์ หากเราไม่เห็นแม็กซ์ นั่นก็น่าจะเป็นการไสกาว

หากหนังสือพังจากการที่ปกหลุด เนื้อในหนังสือหลุดออกจากกัน นั่นก็เป็นเพราะกาวอาจจะเสื่อม หรือ ติดไม่แน่นตั้งแต่ต้น รวมไปถึงการใช้งานที่ยาวนานก็ทำให้หนังสือโทรมและง่ายต่อการหลุดเป็นแผ่นๆ อาการปกหลุดของหนังสือไสกาวสามารถแก้ด้วยการทากาวเข้าไปใหม่แล้วติดปกเข้ากับกาว

กาวที่ใช้ในโรงพิมพ์เป็นกาวทำจากยาง กาวชนิดนี้จะเป็นเม็ดและเมื่อใช้งานจะถูกทำให้ร้อนทำให้กาวเม็ดละลายกลายเป็นของเหลว และกาวเหลวๆก็จะถูกทาไปบนสันหนังสือ เมื่อมันถูกติดกับกระดาษ และกาวถูกทำให้เย็นลงมันก็จะติดแน่น

หนังสือที่ปกหลุดเราก็สามารถซ่อมได้ด้วยการทากาวร้อนๆไปบนสันหนังสือ เพื่อให้กาวร้อนไปละลายกาวตัวเก่าที่ติดอยู่กับสันหนังสือให้ร้อนเหมือนกัน ความร้อนจะหลอมกาวใหม่กับกาวเก่าให้เป็นเนื้อเดียวกัน และเราก็ติดปกลงไปบนกาว เมื่อกาวแห้งหนังสือก็จะกลับมามีปกที่แข็งแรงเหมือนหนังสือใหม่

เพิ่มเติมวิธีเข้าเล่มหนังสือแบบไสกาวโดยเครื่องไสกาว เราจะพิมพ์ปกเป็นแผ่นแยกเอาไว้ ส่วนเนื้อในหนังสือจะตัดปลิวเป็นแผ่นๆ แล้วเรียงหน้าให้ครบเล่ม จากนั้้นจะวางปกไว้บนเครื่องโดยเอาส่วนกลางที่จะติดกาววางไว้ตามแนวเคลื่อนที่ของเครื่อง เนื้อในของหนังสือจะวางไว้ด้านซ้ายของเครื่อง จะมีเหล็กบีบเนื้อในให้ทุกหน้าเรียงชิดติดกัน แล้วเหล็กที่หนีบนี้จะเคลื่อนที่พาเนื้อในไปวิ่งผ่านมีดไสด้านล่าง กระดาษจะโดนไสเป็นรอยขรุขระ แล้วเล่มกระดาษจะไปผ่านกาวเหลวเป็นลำดับถัดไป กาวจะติดไปบนสันของเนื้อใน แล้วเครื่องก็จะไปปล่อยเนื้อในบนปกที่วางรอไว้ จากนั้นจะมีเหล็กบีบด้านล่าง จะบีบเฉพาะบริเวณสัน ทำให้กาวกระจายตัวติดกับปก แรงบีบที่สันจะทำให้สันหนังสือขึ้นเป็นสันสี่เหลี่ยม เมื่อกาวแห้งเราก็เอาไปตัดขอบหนังสือให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการเข้าเล่มแบบไสกาว

Ai คืออะไร

ลองทำรายการพูดคุยเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Ai

nec106 – Fail at networking

IMG_0909.JPG

Fail at networking

มีวิธีหนึ่งที่จะทำให้การตลาดแบบบอกต่อไม่ได้ผล นั่นคือ การไม่ follow สิ่งที่ได้เริ่มต้นไว้ มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงใน BNI จากต่างประเทศมีคุณ Win เป็นคนที่ทำอาชีพทำเว็บไซต้ และต้องการคนที่ทำงานด้านกราฟิคดีไซร์มาร่วมทำงานด้วย เขามีลูกค้าที่อยากทำเว็บที่ต้องการคนออกแบบกราฟฟิคนั่นเอง Winได้ looking for อาชีพ กราฟิค และได้พบกับ Blake ซึ่งทำงานกราฟฟิคดีไซร์

หลังจากการพูดคุยกัน Win กำลังจะทำงานให้ลูกค้าท่านหนึ่ง และ Blake ก็ได้รู้ถึงสิ่งที่ Win ต้องการ เขารับปากว่าสามารถทำงานออกแบบกราฟิคชิ้นนี้ได้ Blake และ Win ต่างคนต่างพอใจที่ได้ร่วมงานกัน Blake รับปากจะเสนอราคาการออกแบบให้กับ Win และ ผ่านไปเป็นสัปดาห์ Win ก็ยังไมได้รับข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเลย เมื่อ Win ถามไปยัง Blake ก็ได้คำตอบว่า ยุ่งมาก….และผ่านไปสองสัปดาห์ก็ยังไม่มีอะไรกลับมาจาก Blake นั่นทำให้ Win ต้องไปหากราฟิคดีไซร์เนอร์คนใหม่ และ Blake ไม่ได้งาน

ในส่วนของ Blake นั้น Blake เป็นสมาชิกของกลุ่ม networking เขามาประชุมสม่ำเสมอ เขาใช้เวลา ใช้เงินไปกับการร่วมประชุม เขา looking for และมีคนให้สิ่งที่เขาร้องขอ มีเงินวางกองตรงหน้าแล้วแต่เขา ยุ่งเกินกว่าจะไปปิดการขาย มันน่าเสียดายมากๆที่เขายุ่ง ซึ่งเขายุ่งจริงๆ หรือ ขี้เกียจจริงๆก็ไม่มีใครทราบ แต่ที่แน่ๆก็คือ เขาทำลายเวลาอันมีค่าของตัวเองลงอย่างสิ้นเชิง พร้อมทั้งทำลายเวลาอันมีค่าของคนที่ให้งานเขาด้วย

สรุป หากเราไม่พร้อมจะติดตามงาน การใช้เวลากับการประชุม การเข้ากลุ่ม networking ก็กลายเป็นเรื่องไร้สาระ และเสียเวลาไปฟรีๆ

เรื่องน่าคิดของการซื้อไฟล์เพลง

เรื่องน่าคิดของการซื้อไฟล์เพลง

Tape


โลกเรามีแผ่นเสียงมานานเกือบร้อยปี มีเทปคลาสเซ็ท มีแผ่นซีดี ตามมาด้วย แผ่นดีวีดี แผ่นบลูเรย์ แผ่น SACD และเมมโมรี่การ์ด จนมาถึงหน่วยความจำแบบโซลิทสเตทในเครื่องเล่นที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลเพลงเอาไว้ฟัง เราเปลี่ยนรูปแบบของสื่อบันทึกจากสื่ออนาลอกมาเป็นรูปแบบของสื่อดิจิทัล ต่อมาไฟล์ดิจิทัลไม่อยู่บนสื่อแต่อยู่บนอินเทอเน็ตรอให้ดาวโหลด และล่าสุดเราไม่โหลดเป็นไฟล์เก็บไว้ในเครื่องอีกต่อไป แต่จ่ายเป็นค่าฟังแบบสตรีม หรือส่งสัญญาณมาตามอินเทอเน็ต ไฟล์เพลงอยู่บนระบบ cloud มีเป็นล้านเพลงให้ฟัง

IMG_20170131_145346


เมื่อก่อนเราซื้อแผ่นซีดีราคาประมาณ 300-500 บาท สำหรับอัลบั้มเพลงป๊อปและเพลงสากลทั่วไป  ส่วนแผ่นออดิโอไฟล์ที่ผลิตน้อยหรือทำแบบปราณีตกว่าก็จะมีราคาสูงขึ้น พอเครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มมีราคาถูก พร้อมกับเทคโนโลยีการบันทึกแผ่นซีดีหรือ cd-recorder มีราคาเหลือแค่หลักพันบาท เราก็พบกับการขายแผ่นเพลง mp3 ที่มีทั้งปั๊มจากโรงงานแผ่นซีดี และ เกิดจากการเขียนแผ่น cd-r การละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการขายและแจกไฟล์ mp3 บุกวงการหนังและเพลงจนทำให้การขายแผ่นซีดีเพลงแท้ๆแทบจะหายไปจากตลาด พอแผ่นขายไม่ได้ค่ายเพลงก็หันไปขายไฟล์แทน มีทั้งไฟล์ mp3 wav และไฟล์ความละเอียดสูง หรือ hi-res ซึ่งก็ได้รับความนิยมกับนักเล่นบางกลุ่ม และดูเหมือนจะเป็นทางออกที่นักเล่นระดับจริงจังเรื่องคุณภาพเสียงจะเลือกใช้วิธีซื้อไฟล์ hi-res ก็เท่ากับว่าเรายังคงก็จ่ายค่าฟังเพลงเท่าเดิม แต่ไม่ได้แผ่นเก็บไว้ ได้เป็นไฟล์ดิจิทัลเลย

ระบบสตรีมก็กำลังคลืบคลานเข้ามา ทั้งหนังและเพลงก็ใช้ระบบสตรีม ให้จ่ายค่าสมาชิกรายเดือนแล้วฟังเท่าไหร่ก็ได้ ดูเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งหลายคนก็พอใจที่จะจ่ายเพียงไม่กี่ร้อยบาทต่อเดือน หากเทียบกับเมื่อยุคซีดีรุ่งเรือง นักฟังก็จ่ายเทียบเท่ากับการซื้อแผ่นเพียง 1 แผ่นเท่านั้น แต่ได้ฟังทั้งค่ายเลย มันก็ดูดีมากๆ แต่เราเคยคิดถึงอีกแง่มุมหนึ่งไหมว่าเรายังคงจ่ายเงินอยู่ แต่สิ่งที่หายไปก็คือ….. สิทธิ์การขายต่อ


เมื่อก่อนเราซื้อแผ่นซีดี แผ่นหนังดีวีดี หรือบลูเรย์ เราใช้เบื่อแล้ว เราก็เอาไปขายมือสองได้ ซื้อมา 100 บาท ขายต่ออาจจะได้เงินคืนสัก 50 บาท ก็คือเรามีโอกาสขายออกไปได้ เงินเราไม่ได้หายไปทั้งก้อน แต่มันจะเปลี่ยนกลับเป็นเงินได้บางส่วนตามกลไกตลาด ตามความนิยม บางแผ่นเคยซื้อ 150 บาท แล้วมือสองกลายเป็น 500 ก็มี นี่คือจุดดีของการซื้อแผ่นเก็บไว้ ในขณะเดียวกัน หากเราเปลี่ยนวิธีฟังเพลงมาเป็นการฟังแบบออนไลน์ เราจ่ายค่าสมาชิกไปหลายร้อยบาทต่อเดือน แล้วเราได้ฟังก็จริง แต่เราจะเอาไปขายได้ไหม คำตอบคือ ไม่ได้


ไฟล์เพลงที่เราสั่งซื้อมาในราคา 1 เหรียญ ทั้งอัลบั้มราคารวมกัน 10-20 เหรียญ เมื่อฟังจนเบื่อแล้ว เราเอาไปประกาศขายต่อก็คงจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ต่อให้ยังไม่มีใครมาจับ แต่ใครจะมาจ่ายเงินให้เราเป็นค่าไฟล์เพลง  นักเล่นคนอื่นจะจ่ายเงินให้เรา 50% ไหมถ้าเราแบ่งให้เขาโหลดต่อจากเรา มันคงไม่มีใครมาจ่ายเงินให้เราแน่นอน แต่ถ้าเรามีแผ่นแท้ นอกจากการสัมผัส การอ่านปก การดูข้อมูลที่ละเอียดแล้ว มูลค่าตอนขายต่อก็ยังมีราคาอยู่ ไม่ได้เป็นศูนย์ในแบบไฟล์ดิจิทัล แถมคนซื้อต่อก็มั่นใจว่าได้ของคุณภาพเต็มร้อย เพราะตอนเป็นไฟล์ เราก็ไม่แน่ใจว่าไฟล์เพลงที่นักเล่นคนอื่นเอามาขายต่อให้เราจะเป็นไฟล์ที่ละเอียดจริงๆหรือเปล่า


หลายครั้งที่เราเล่นระบบ bit-torrent เราก็มักจะหาโหลดของฟรีมาฟัง แต่ตอนที่ได้มาเราก็ไม่เคยแน่ใจเลยว่ามันเป็นไฟล์ความละเอียดสูงจริงๆ เพราะมันอาจจะเป็นเพียงไฟล์ความละเอียดต่ำ บิทเรทต่ำ แต่มีการอัพแซมปลิ้งให้บิทเรทสูง ซึ่งในความเป็นจริงก็คือ เราไม่สามารถมั่นใจเลยว่าไฟล์ที่โหลดจากใครก็ไม่รู้จะเป็นไฟล์คุณภาพสูง  นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้การขายไฟล์เพลงโดยนักฟังขายให้นักฟังไม่มีวันเกิดขึ้น


การฟังจากระบบสตรีมเป็นทางออกสำหรับนักฟังที่อยากประหยัดเงินระยะยาวและไม่คิดจะสะสม เพราะค่าใช้จ่ายมันถูกกว่าการซื้อแผ่นทุกๆเดือนอยู่แล้ว แต่สำหรับนักเล่นที่ฟังแผ่นฟังเพลงระดับออดิโอไฟล์ นักเล่นที่มักจะเล่นเพลงซ้ำๆ หรือฟังเพลงจากศิลปินที่เราโปรดปราน อัลบั้มคลาสิคขึ้นหิ้งต่างๆ เราสามารถซื้อแผ่นเก็บไว้ได้เลย เพราะมูลค่าไม่หาย ราคาขายต่อก็มีค่าตัว ยิ่งหากเราพอใจกับมาตรฐานของแผ่นซีดี 16bit 44.1kHz อยุ่แล้ว เราก็สามารถซื้อแผ่นเหล่านี้ได้เลย ไม่ต้องไปซื้อเป็นไฟล์  แม้ว่าเราจะไม่มีเครื่องเล่นแผ่นซีดีคุณภาพสูงให้ซื้อใช้อีกแล้ว  เราก็สามารถ rip แผ่นเหล่านี้ด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งการทำเองจะทำให้เราได้ไฟล์คุณภาพสูงที่แท้จริง  สามารถก็อปปี้ไฟล์ไปฟังในระบบเครื่องเสียงยุคใหม่ได้เหมือนเราไปซื้อไฟล์จากอินเทอเน็ตโดยเรามีแผ่นแท้อยู่กับตัวด้วย  วันที่เราอยากขายต่อ  เราขายแผ่นแท้ออกไป ราคาค่าตัวก็มีอยู่  มันขายต่อได้นั่นเอง

สำหรับงานเพลงที่ทำขึ้นในยุคปัจจุบัน มาสเตอร์ของศิลปินเป็นไฟล์ความละเอียดสูงแต่กำเนิด  การฟังไฟล์หรือการซื้อไฟล์ก็เป็นทางเลือกที่ง่าย  แต่ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ  ค่ายและศิลปินน่าจะยังคงทำแผ่นซีดีหรือแผ่นเสียงออกมาอยู่  หากเราเพิ่มเงินอีกนิดแล้วไปซื้อแผ่นเสียงของศิลปิน  เราก็จะได้แผ่นแท้มาเก็บไว้  ได้แผ่นมาเปิด  และได้แผ่นมา rip ด้วย  แม้ว่าการ rip แผ่นเสียงจะเป็นเรื่องยาก  ต้องใช้ความรู้และงบประมาณกับเครื่องมือเยอะมาก  แต่ถ้าเราเป็นนักเล่นเครื่องเสียง ระดับทุ่มเท ระดับบ้าเข้าเส้น ระดับที่จ่ายเงินค่าอุปกรณ์ทั้งชุดหลักแสนหรือหลักล้านได้  เราก็ลงทุนกับระบบแผ่นเสียงคุณภาพดีได้  เพราะในปัจจุบันระบบของแผ่นเสียงเป็นเพียงระบบเดียวที่ทำสำเนาเพลงระดับ hi-res ได้ โดยไม่ต้อง down sampling   ข้อมูลเสียงบนแผ่นเสียงจะคงคุณภาพของต้นฉบับระดับ hi-res เอาไว้ได้มากกว่าแผ่นที่ต้อง down sampling อย่าง CD และ SACD   แถมแผ่นเสียงยังใช้ฟังกับเครื่องเสียงยุคโบราณได้อีกด้วย  ไม่ต้องคิดเรื่องสเป็คเครื่องคอมพิวเตอร์และการปรับแต่งคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องคิดเรื่องการเลือกใช้ Dac ให้ปวดหัว ซึ่งว่าไปแล้วการเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อฟังเพลง Hi-res สามารถเขียนเป็นบทความตอนยาวๆได้อีกหลายตอนเสียด้วย

pic01-kind of blue hires 17.99us
pic02-kind of blue LP 14us


ลองดูตัวอย่าง อัลบั้ม Kind of Blue ของ Miles David ผู้ซึ่งเป็นตำนานเพลง Jazz ระดับหัวแถว  ไฟล์ที่มีขายในเว็บระบบ Hires ขายอยู่ที่ 17.99 ดอลล่าร์  ส่วนแผ่นเสียงของอัลบั้มเดียวกัน ขายอยู่ที่ 14ดอลล่าร์   แบบนี้คิดว่าถ้าผมจะซื้อ  ผมก็คงซื้อแผ่นเสียงครับ  

pic03-susanwong-woman in love hires 17.98us
pic04-susanwong-woman in love LP CD 16 35


อีกตัวอย่างหนึ่ง Suasan Wong นักร้องเสียงหวาน ทำเพลง cover เอาไว้เยอะมาก  อัลบั้ม wonman in love ที่ทำในปี คศ 2014 มาสเตอร์เป็น 24/96 ไฟล์นี้วางขายในเว็บขายไฟล์ 17.98 ดอลล่าร์ ส่วนแผ่นซีดีและแผ่นเสียงก็มีวางขายเช่นกัน  ราคาแผ่นเสียง 39.99 ดอลล่าร์  ส่วนราคาแผ่นซีดีเท่าที่หาเร็วๆ ก็เจอเป็นราคาไทย  580.13 บาท  

sale2013-IMG_0023


ผมไม่ได้แนะนำให้คุณเลิกซื้อไฟล์ หรือ เลิกฟังสตรีม  แต่เสนอให้ลองพิจารณาซื้อแผ่นที่เป็นอัลบั้มที่ชอบ  ทั้งอัลบั้มที่มีแผ่น CD หรือมีเป็นแผ่นเสียง   มีแผ่นจำนวนมากที่ราคามือสองแพงกว่าราคามือหนึ่ง และทุกแผ่นมีราคาขายต่อที่เปลี่ยนเป็นทุนไปซื้อแผ่นใหม่ได้  อย่ากลัวที่จะซื้อแผ่นมาฟังกับเครื่องของเรา  ยิ่งใครเล่นแผ่นเสียง  มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงอยู่แล้ว  ยิ่งมีโอกาสได้ฟังเพลงความละเอียดสูงยุคใหม่ได้ง่ายกว่านักเล่นกลุ่มไฮเทคที่ฟังไฟล์เสียด้วยซ้ำ

nec05 – คนที่จะพาเราไปสู่เป้าหมาย

IMG_0191

การจะค้นหาใครสักคนที่จะพาเราไปสู่เป้าหมายทางธุรกิจได้ เราจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนก่อน  เป้าหมายของเรา หรือของธุรกิจเราคืออะไร  หากเราไม่มีข้อนี้ จงหยุดทำทุกอย่างแล้วนั่งคิด นั่งไตร่ตรอง อยู่กับตัวเองจนได้คำตอบ 


ระวังอย่าได้คิดว่าเราจะพิชิตเป้าหมายด้วยตัวคนเดียว  เพราะในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำทุกอย่างเอง  แม้แต่นักกีฬาที่เก่งที่สุดก็ไม่ได้ลุยไปคนเดียว  คนประสบความสำเร็จจะแวดล้อมไปด้วยผู้ช่วย


เมื่อได้เป้าหมายแล้ว จงวางแผนการทำงาน  คำถามต่อมาคือเราจะต้องพบใคร ใครจะพาเราไปสู่เป้าหมายได้ และจงตรวจสอบเป้าหมายทุกเดือนว่า เรากำลังทำสิ่งที่จะไปสู่เป้าหมายอยู่หรือเปล่า 

เมื่อมีเป้าหมายแล้ว  เรามีงานต้องทำ 2 อย่างคือ
1 หาคนที่ใช่ (คนที่จะพาเราไปสู่เป้าหมาย)
2 สร้างความสัมพันธ์กับเขาในระดับที่ลึกเพียงพอ


และเพื่อให้ง่ายสำหรับคนที่ยังมึนงงอยู่  ลองมองหาสิ่งต่อไปนี้ในการประชุม

5 อาชีพที่ทำงานให้ลูกค้าผู้เป็นเป้าหมายของเรา
2 business goals คิดให้ออก
2 คนที่ทำให้เราไปถึงเป้าหมายที่ 1 และ 
2 คนที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายที่ 2

openbox Celestron FirstScope

IMG_0144
กล้องดูดาว celestron รุ่น firstscope

กล้องดูดาว FirstScope ของ Celestron เป็นกล้องดูดาวระบบนิวโทเนี่ยน ขนาดเล็กกำลังน่ารัก เหมาะกับการพกพาไปดูดาวในสถานที่ต่างๆ ความเล็กของมันทำให้เราสามารถหากระเป๋าหรือเป้มาแบกมันไว้ สะพายหลังไปดูดาวนอกสถานที่ได้ง่ายดาย กล้องรุ่นนี้เหมาะกับนักดูดาวระดับเริ่มต้น เหมาะกับคนที่ยังไม่รู้ว่าเราจะชอบดูดาวจริงไหม ผมตั้งใจหามาเพื่อดูดาวร่วมกับลูก กำลังคิดว่าจะดูจากในรถยนต์เลยด้วย เพราะจะได้ไม่ต้องไปให้ยุงกัด

OPTICAL TUBE INFO:
Optical DesignNewtonian Reflector
Aperture76mm (2.99″)
Focal Length300mm (12″)
Focal Ratio3.95
Focal Length of Eyepiece 120mm (0.79″)
Magnification of Eyepiece 115x
Focal Length of Eyepiece 24mm (0.16″)
Magnification of Eyepiece 275x
Highest Useful Magnification180x
Lowest Useful Magnification11x
Limiting Stellar Magnitude11.9
Resolution (Rayleigh)1.83 arc seconds
Resolution (Dawes)1.53 arc seconds
Light Gathering Power (Compared to human eye)118x

ข้อมูลจาก celestron บอกไว้ว่า กล้องตัวนี้ มีขนาดกระจกสะท้อนแสง 76มม. มีทางยาวโฟกัสของกระจกอยู่ที่ 300 มม. และ ให้เลนส์ตา หรือ eyepiece มา 2 ชิ้น ชิ้นแรกมีทางยาวโฟกัส 20มม. ชิ้นที่2 มีทางยาวโฟกัส 4 มม. แปลว่า ถ้าเราใส่เลนส์ตา 20 มม. กล้องตัวนี้จะมีกำลังขยาย 300/20 = 15เท่า และถ้าใส่เลนส์ตา 4มม. กำลังขยายจะกลายเป็น 300/4 = 75 เท่า

อัตราขยาย 75เท่า เพียงพอจะทำให้เรามองเห็นดาวเสาร์และวงแหวนของดาวเสาร์ได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังได้เห็นดาวพฤหัส และดวงจันทร์ของดาวพฤหัสอีก 4 ดวงด้วย กล้อง firstscope เหมาะแก่การดูดาวเคราะห์มาก ซึ่งการดูดาวเคราะห์ให้พอเห็นนั้นทำได้ในทุกๆที่ ไม่จำเป็นต้องเข้าป่าลึก หรือ หลบแสงสว่างจากเมืองหลวง

ลองดูวิดีโอแนะนำตัว FirstScope จาก celestron

ขอเล่าประวัติกล้องดูดาวอย่างย่อ

กล้องดูดาวถูกสร้างครั้งแรกโดยกาลิเลโอ ในปี คศ 1609 เป็นกล้องระบบหักเหแสง ส่วนกล้องดูดาวระบบนิวโทเนี่ยนถูกสร้างในปี คศ 1668 โดยไอแซคนิวตัน กล้องดูดาวนิวโทเนี่ยนเป็นกล้องที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความเบลอ ความคลาดสี และปรับปรุงให้มีขนาดที่เล็กลงในอัตราขยายที่เท่ากัน และกล้องระบบนิวโทเนี่ยนก็ได้ครับความนิยมสร้างกันเป็นจำนวนมาก กล้องขนาดใหญ่ระดับหนึ่งเมตรหรือมากกว่าจะเป็นกล้องระบบนิวโทเนี่ยนทั้งหมด

galileo_telescope
กล้องดูดาวของ galileo คาดว่าเป็นตัวจำลองมาจากของจริง

tele_newton_big
กล้องดูดาวของไอแซคนิวตัน

กล้องดูดาว Firstscope เมื่อตอนใช้งาน ขนาดเล็กมาก เราสามารถใช้กล้องนี้ตั้งที่ไหนก็ได้เพื่อดูดาวเคราะห์ แม้แต่ในกรุงเทพ ในบ้าน เราก็ดูดาวเสาร์ได้ มองเห็นวงแหวนดาวเสาร์แน่นอน

Telescope
IMG_1502