รีวิวกล้อง SONY ZV-1F

รีวิวกล้องน่าใช้ Sony ZV-1F.

1707829233240-01

สำหรับช่างภาพที่ฝึกฝนการถ่ายภาพมาระยะหนึ่ง บางคนอาจมีอาชีพเป็นช่างภาพ บางคนอาจมีอาชีพอื่นที่ต้องถ่ายภาพจำนวนมาก ก็จะมีบางเวลาที่ไม่อยากจับกล้องตัวใหญ่ที่ใช้ทำงาน บางครั้งก็อยากได้กล้องตัวเล็กพกง่าย หยิบได้เร็ว เก็บได้เร็ว เอาไว้ถ่ายภาพในวันสบายๆ แต่วันสบายๆนั้นก็ต้องได้ภาพที่ดีซึ่งหมายถึงดีตามมาตรฐานระดับสูงของช่างภาพ ก็คืออยากได้กล้องเล็ก เบา และให้ภาพดีเหมือนกล้องโปรนั่นเอง

IMG_1176

ในยุคสมัยของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่แสนเฟื่องฟู ตั้งแต่กล้องในโทรศัพท์คุณภาพดีเท่ากับกล้องคอมแพ็คหรือกล้องดิจิทัลตัวเล็กๆ กล้องคอมแพ็คก็โดนแย่งตลาดไป คนส่วนใหญ่ซื้อโทรศัพท์ราคาระดับกลางไปถึงสูงเพื่อให้มีกล้องคุณภาพดีอยู่ในโทรศัพท์และใช้แทนกล้องถ่ายภาพไปเลย พอตลาดมวลชนหันไปใช้โทรศัพท์แทน กล้องคอมแพ็คก็ทะยอยเลิกผลิตกันไป ถ้าเป็นสักห้าปีก่อน บางทีเรานึกไม่ออกเลยว่าจะมีกล้องคอมแพ็คดิจิทัลราคาย่อมเยาให้ซื้อหรือไม่  ตามร้านกล้องในห้างก็ไม่มีวางขายกล้องคอมแพ็คหลักพันบาทแล้ว เหลือแต่หลักหมื่นจนไปเป็นหลายๆหมื่น บางรุ่นก็เป็นแสน

ในอดีตผมมีความรู้สึกชอบกล้องคอมแพ็คที่เป็นกล้องฟิล์มอยู่หลายตัว Leica Minilux ก็เป็นกล้องคอมแพ็คใช้ฟิล์มของไลก้าที่ราคาไม่แพงเท่าตัวอื่นของยี่ห้อนี้ ก็มีไว้ใช้อยู่พักหนึ่ง ถ่ายเล่นพอสนุกๆแล้วก็วางเก็บไว้ ถือว่าเป็นกล้องฟิล์มที่มีขนาดตัวเล็กกว่ากล้องระดับโปร ตอนใช้งานก็หยิบขึ้นมากดถ่าย วัดแสงได้แม่นยำ ให้ภาพที่ดี  แต่พอเข้าสู่ยุคฟิล์มแพงและการใช้งานต้องรอล้างฟิล์มและสแกนภาพหลายวันก็เลยไม่ค่อยได้ใช้อีก 

กล้อง Contax T3 ก็เป็นกล้องฟิล์มตัวท๊อปตัวหนึ่ง ให้คุณภาพที่ดีมาก โฟกัสเร็วมาก วัดแสงแม่นมาก ใช้ถ่ายภาพอยู่หลายม้วน หลังๆก็ไม่ค่อยได้ใช้เพราะขี้เกียจรอเวลาส่งฟิล์มล้าง แถมระยะหลังฟิล์มราคาแพงจนไม่น่าคบ ก็เลยวางยาวไว้ในกระเป๋ากล้อง แทบไม่ได้แตะอีกเลย

Nikon L35AF เป็นกล้องคอมแพ็คค่ายญี่ปุ่นที่ออกแบบดี แข็งแรง และคุณภาพดีเช่นกัน เรื่องกล้องผมว่าญี่ปุ่นไม่เป็นรองเยอรมันเลย หามาใช้เพราะได้ข่าวว่าดี ลองใช้แล้วก็พบว่าดีจริงและราคาไม่แพงมาก ทั้งสามตัวที่กล่าวถึงก็จะมีรีวิวเขียนไว้ในเว็บนี้แล้ว ลองหาอ่านดูได้

IMG_0046
ฟิล์มขาวดำที่ผ่านการล้างแล้ว รอนำไปอัดเป็นภาพ

กล้องคอมแพ็คใช้ฟิล์มที่กล่าวถึงนี้ใช้งานได้ดี แต่ก็มีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าล้างฟิล์มและการสแกนภาพ ปัจจัยกำหนดคุณภาพของภาพต้องคิดตั้งแต่เลือกฟิล์ม เลือกกล้องเลือกเลนส์ เลือกร้านล้างฟิล์มและสแกน กว่าจะได้ภาพที่ถูกใจต้องเสี่ยงวัดดวงกันหลายอย่าง สุดท้ายเมื่อได้ภาพมาก็ดูภาพสแกนในโทรศัพท์มือถือหรือไม่ก็ในคอมพิวเตอร์ แถมเอาไปโพสท์ในโซเชียลเน็ตเวิร์คก็ส่งดิจิทัลไฟล์ออกไป แทบไม่ได้อัดขยายออกมาเป็นภาพบนกระดาษเลย

พอไม่คิดจะอัดภาพเป็นกระดาษก็เลยมองหากล้องดิจิทัลคอมแพ็คกันอีกครั้งในรอบสิบปี ผมเคยมีกล้องคอมแพ็คตัวเจ๋งอย่าง Fuji x100 ที่ราคาไม่ถูกเลย แต่ก็ใช้อยู่ปีกว่าก็ขายออกไปก่อน เพราะว่าโฟกัสช้า ไม่สามารถถ่ายภาพลูกที่กำลังหัดคลานหัดเดินได้ทัน กล้องดิจิทัลไม่ได้มีอายุการใช้งานนานเหมือนกล้องฟิล์ม เก็บไว้โดยไม่ได้ใช้ก็ดูเป็นทางเลือกที่ไม่ดีนัก มาช่วงนี้ที่ไม่ต้องถ่ายภาพเด็กคลานและเดินแล้ว เพราะลูกโตเปลี่ยนเป็นวิ่งแทน ก็แทบจะเลิกใช้กล้องคอมแพ็คหรือกล้องฟิล์มถ่ายไปเลย ต้องเปลี่ยนไปใช้กล้อง DSLR แทนเพื่อให้ถ่ายภาพตอนเคลื่อนไหวเร็วๆได้ทัน ประกอบกับมีเรื่องของการถ่ายคลิปวิดีโอเพิ่มเข้ามาด้วย กล้องAction camera อย่าง gopro ที่ลงน้ำได้ด้วย ก็ต้องหามาใช้ประกอบกัน  การหากล้องถ่ายภาพมาใช้อีกครั้งก็เลยคิดเผื่อความสามารถเรื่องการถ่ายวิดีโอเพิ่มเติม คืออยากได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอที่ดีในกล้องตัวเดียวกัน

IMG_1203

ด้วยความชอบสีสันของภาพถ่ายที่มีลักษณะของฟิล์ม ทั้งโทนสีและโทนขาวดำของกล้องฟิล์มมีบุคลิกที่เด่นชัดและยากจะทำเลียนแบบด้วยคอมพิวเตอร์ การค้นหากล้องดิจิทัลที่ให้ภาพคล้ายฟิล์มเป็นเป้าหมายในใจช่างภาพยุคหัดถ่ายฟิล์มมายาวนานหลายปี บางครั้งก็ลองไปปรับแต่งตัวเลขสีในกล้องดิจิทัลทั้งกล้อง DSLR รวมถึงกล้อง mirrorless หลายตัวก็ยังไม่ถูกใจ แต่พอมีข่าวว่า sony ทำกล้องที่สามารถเลือกปรับสีให้ดูเพี้ยนคล้ายภาพจากฟิล์มได้ ก็เลยสนใจ และก็ติดตามอ่านมาเรื่อย จนเกิดเป็นรีวิวกล้อง Sony ZV-1F ตัวนี้

สั่งซื้อที่นี่ https://shope.ee/9eyuQHL1zl

ข้อมูลกล้อง

กล้องอนุกรม ZV ของ Sony เริ่มจาก ZV-1 เป็นกล้องคอมแพ็คเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว มาสู่กล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ ZV-E10 เซ็นเซอร์ aps-c ต่อมาก็มี ZV-E1 ที่เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ขนาดเซ็นเซอร์ Full frame แล้วก็มาสู่ กล้องคอมแพ็ค ZV-1F แล้วก็มาถึงกล้องคอมแพ็ค ZV-1 ii จุดเด่นของตัวกล้องกลุ่ม ZV ก็คือมีไมโครโฟนรับเสียงคุณภาพดี และมีลูกเล่นการโฟกัสสิ่งของหรือ Product show case ที่เอาไว้ใช้กับการ live ขายของ หยิบสินค้าชิ้นเล็กๆขึ้นมาโชว์แล้วกล้องสามารถโฟกัสไปที่สิ่งของแทนหน้าคนขายได้ จุดเด่นสองอย่างนี้ทำให้ ZV ทุกตัวได้รับความนิยมมาก

ZV-1F เป็นกล้องดิจิทัลคอมแพ็ค ติดเลนส์ฟิกซ์ 20f2 ซึ่งเป็นเลนส์เดี่ยวคุณภาพสูง รูรับแสงกว้าง เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1 นิ้ว เป็นขนาดที่ไม่เล็กมาก สามารถให้ภาพที่มีคุณภาพดีกว่าโทรศัพท์มือถือและกล้องคอมแพ็คทั่วไป การทำงานภายในกล้องถูกออกแบบมาให้เป็นกล้องที่ทำงานได้เร็ว โฟกัสแม่น และถ่ายวิดีโอได้สเป็คบิทเรทที่สูงมาก การออกแบบเป็นเลนส์ฟิกซ์ทำให้กล้องมีขนาดเล็ก เลนส์ติดกล้องไม่มีชิ้นส่วนยื่นเข้าออกตอนเปิดปิด ทำให้ลดโอกาสความเสียหายเรื่องสายแพรเสียหายในระยะยาว และพอไม่มีการยืดตัวของเลนส์ก็ทำให้มันมีขนาดกระทัดรัดที่สุดตอนทำงาน เหตุที่กังวลเรื่องสายแพรเพราะว่ากล้องคอมแพ็คที่มีเลนส์ยื่นเข้ายื่นออกได้จะมีอาการสายไฟในเลนส์เสียหาย ซึ่งกล้องคอมแพ็คฟิล์มที่เคยใช้มีปัญหานี้แทบทุกตัว แม้แต่เลนส์ซูมที่ใช้กับกล้อง DSLR ก็เคยมีปัญหาสายไฟในเลนส์ขาดเช่นกัน

ยังมีจุดเด่นด้านอื่นที่ทำให้กล้อง ZV-1F ตัวนี้น่าสนใจคือ ช่องเสียบสาย usb เป็นชนิด usb-c สามารถชาร์จไฟได้ด้วยทำให้เราไม่ต้องถอดแบตออกมาชาร์จข้างนอก สามารถเสียบชาร์จด้วย powerbank ได้ ซึ่งข้อนี้เป็นข้อดีมากๆ โดยเฉพาะคนที่ต้องเดินทางบ่อยๆ เที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ จะมีประโยชน์โดยตรง 

ยังมีลูกเล่นการปรับโทนสีภาพให้ดูสีสวยแปลกตาหลายแบบ อยู่ในเมนู creative look ทำให้เราสามารถปรับโทนสีของคลิปวิดีโอและภาพนิ่งได้ ซึ่งผมเลือกซื้อกล้องตัวนี้เพราะลูกเล่นการการปรับโทนสีโดยเฉพาะเลย 

หลังจากเริ่มใช้งานมาหลายวันก็ทะยอยค้นพบข้อดีเพิ่มขึ้นทีละอย่าง เชื่อว่าทีมพัฒนาโซนี่น่าจะทำแบบสำรวจหรือขอข้อมูลจากผู้ใช้งานจำนวนมากจะปรับปรุงและใส่ลูกเล่นต่างๆมาในกล้องได้อย่างน่าประทับใจ เริ่มจาก

DSC00104_1
ZV-1F ถ่ายด้วยรูรับแสงกว้างสุด ตอนกลางคืน แสงสว่างในห้องนอน

เลนส์ไวแสง 20 f2.0 เป็นเลนส์ที่เหมาะกับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ทำให้มันเหมาะกับการถ่ายภาพแทบทุกสถานการณ์ ประกอบกับการทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์รับแสงขนาดใหญ่ 1 นิ้ว กล้องที่ผลิตในยุคใหม่เป็นกล้องที่มีสัญญาณรบกวนต่ำกว่ากล้องสเป็คเดียวกันในอดีต คุณภาพของภาพตอนถ่ายในที่แสงน้อยจะดูดีกว่ากล้องเมื่อยี่สิบปีที่แล้วอย่างมาก 

06-ZV-1F_top_white

ปุ่มชัตเตอร์และปุ่มถ่ายวิดีโอเป็นปุ่มกดวางแยกกัน ไม่สับสนในการใช้งาน และการจัดวางปุ่มก็เลือกวางได้อย่างเข้าใจ การใช้งานระหว่างสองโหมดนี้ไม่สับสนเลย 

DSC00136

เครื่องพิมพ์ตีธง เป็นเครื่องพิมพ์แบบ letterpress ที่ดัดแปลงไปทำงานปั๊มเจาะรู และทำเส้นปรุได้

ระหว่างที่กำลังเล็งจะถ่ายภาพนิ่ง หากเราอยากเปลี่ยนเป็นถ่ายวิดีโอเราก็กดปุ่มถ่ายวิดีโอ กล้องจะเริ่มบันทึกภาพวิดีโอเลย ตรงนี้เป็นการทำงานที่ไม่ต้องย้ายโหมด ไม่ต้องเปลี่ยนโหมด ไม่ต้องเข้าเมนูใดๆ เป็นความรวดเร็วที่ควรทำได้มาตั้งนานแล้ว แต่ก็เพิ่งพบกับกล้องรุ่นนี้

DSC00164
ภาพใบไม้ถ่ายด้วยเลนส์ 20f2 บนกล้อง ZV-1F
DSC00165
กล้อง ZV-1F กดซูมภาพแบบดิจิทัล 2X

กล้องมีระบบดิจิทัลซูมที่ทำให้เลนส์ฟิกซ์ก็สามารถมีภาพขยายใหญ่เหมือนมีเลนส์ซูมได้ การทำดิจิทัลซูมก็คล้ายกับการคร็อปภาพ ซึ่งหากเลนส์มีคุณภาพ การคร็อปภาพก็จะเหมือนเลนส์มีทางยาวโฟกัสเพิ่มขึ้นนั่นเอง จากเลนส์ 20มม. ก็จะกลายเป็นเลนส์ 40มม. ในทางปฏิบัติแม้จะเป็นการคร็อปภาพ แต่การคร็อปภาพจากภาพที่ใหญ่มาก ก็ยังคงให้ภาพขนาดกลางที่มีคุณภาพอยู่ sony ออกแบบให้ขยายภาพหรือซูมได้ถึง 4เท่า ซึ่งภาพที่คร็อป4เท่า ก็ยังพอใช้งานได้

ซ้อมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาที่สนามฟุตบอล

ระบบการซูมดิจิทัลสามารถตั้งค่าความเร็วในการซูมได้ เราสามารถค่อยๆซูมเข้าไปช้าๆที่ตัวบุคคลเพื่อสร้างมุมมองภาพเหมือนการถ่ายทำสารคดีหรือถ่ายหนัง การซูมอย่างนุ่มนวลให้ภาพวิดีโอที่สวยงามนุ่มนวลไม่กระตุก ลูกเล่นการซูมนี้ช่วยทำให้การถ่ายคลิปวิดีโอเป็นเรื่องสนุก เรามีตัวเลือกซูมช้า ปานกลาง และเร็ว รวมถึงมีปุ่มบนหน้าจอที่ 1x 2x 4x ให้เลือกด้วย กดแล้วได้ระยะซูมที่ต้องการทันทีไม่ต้องรอ ระบบการซูมดิจิทัลแบบนี้ใช้เป็นเครื่องมือสร้างภาพเคลื่อนไหวที่น่าดูได้

DSC00110
ของไหว้เทศกาลตรุษจีน

การที่กล้องมีจอภาพแบบ flip สามารถกางออกมาดูในมุมมองอื่นได้ ทำให้เราสามารถถ่ายภาพเงย หรือก้ม หรือมุมมองแปลกๆได้ ซึ่งกล้อง DSLR ในอดีตการจะถ่ายมุมมองก้มลงอย่างแม่นยำ ก็อาจจะต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่ม แต่จอภาพแบบ flip ทำให้การถ่ายภาพทุกองศาการถือกล้องเป็นเรื่องง่าย จัดวางกล้องได้อิสระมาก

DSC00019
ภาพเครื่องพิมพ์ ถ่ายเป็นโหมดขาวดำจบหลังกล้อง

ภาพขาวดำตั้งค่าจากในกล้องเลย ปรับแต่งค่าคอนทราสต์นิดหน่อย เราก็จะได้ภาพขาวดำที่ให้โทนสีดำที่ลึก เข้มข้น เป็นแนวทางใกล้เคียงกับการทำงานขาวดำด้วยฟิล์ม ใกล้เคียงกับการอัดขยายภาพขาวดำบนกระดาษ สไตล์สีขาวดำที่สวยงามต้องเกิดกับคนที่เคยมองภาพขาวดำบนกระดาษอัดภาพจริงๆถึงจะบอกได้ว่าขาวดำแท้จริงเป็นอย่างไร ในอดีตยังไม่เคยมีกล้องดิจิทัลที่ทำภาพขาวดำได้ใกล้เคียงเลย มีตัวนี้แหละที่ดูใกล้ขึ้น และพอยอมรับได้ (ผมยังไม่เคยใช้ Leica monochrome)

DSC00029
ภาพเครื่องพิมพ์ถ่ายในโหมด สี ปรับแต่งสีให้เป็นโทนฟิล์ม ทำเสร็จในกล้องเลย

การถ่ายภาพสีในสถานที่ที่แสงไม่แรงมาก หรือแดดไม่จัด หรือถ่ายในที่ร่ม ภาพจะมีความนุ่มนวลโดยธรรมชาติ และหากรวมกับการปรับแต่งฟิลเตอร์สีที่กล้องมีมาให้ ก็จะทำให้เราได้ภาพคล้ายกับงานที่ถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม 

DSC00131
บรรยากาศในโรงพิมพ์

ภาพขาวดำที่สวยคือภาพที่มีโทนสีขาว เทา ดำ ครบ และส่วนสีดำที่สุดมีความดำที่ดำสนิท ในทางเทคนิคคือภาพมีคอนทราสต์สูง มีส่วนขาวสุดและส่วนดำสุด แต่โทนเทาจะต้องต่อเนื่องคือไล่อ่อนไปเข้มได้นุ่มนวล

DSC00114
แม่ลูกคู่กัน

โหมดสีแบบฟิล์มกลายเป็นโหมดที่ปรับแต่งทิ้งไว้และใช้โหมดนี้ถ่ายภาพเกือบตลอดเวลา เพราะสไตล์สีแบบฟิล์มเป็นสีที่น่ามอง ดูมีเสน่ห์เมื่อเป็นภาพถ่าย ไม่แปลกใจที่จะมีคนชอบภาพสไตล์อินสตาแกรม หรือ มีคนชอบการปรับสีของ app VSCO ซึ่งโซนี่ก็เอาใจเต็มที่ด้วยการใส่โทนสีพิเศษแนวนี้เข้ามาให้เลือกใช้

DSC00104_1
ลองคร็อปภาพเป็นพาโนราม่า

สิ่งที่ชอบอีกอย่างก็คือระบบ app ที่ทำงานได้รวดเร็ว เชื่อมต่อง่าย สามารถใช้ app เพื่อโหลดไฟล์ได้สะดวก แถมยังมีระบบเก็บภาพบน cloud ให้ใช้ด้วยอีกขนาด 25Gb ซึ่งพอจะใช้เป็นที่แบ็คอัพภาพนิ่งได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าระบบ app ที่เชื่อมต่อกับ cloud จะมีปัญหาในภายหลังไหม เพราะระบบอื่นๆจากประสบการณ์ที่เคยใช้มา ส่วนที่เป็น cloud มักจะทำงานดีเมื่อปีแรก และเมื่อเริ่มไม่ได้รับความนิยมของระบบบน cloud ก็มักจะหายไป

DSC00083
ถ่ายภาพโต๊ะทำงาน เลนส์มุมกว้าง 20mm เก็บสิ่งที่มองเห็นครอบคลุมเหมือนสายตาจริงของเรา
DSC00028
ถ่ายระยะใกล้ๆหรือมาโคร รูรับแสง f2 ให้ภาพวัตถุชัดขณะที่ฉากหลังเบลอได้
DSC00125
เก็บภาพมุมกว้างเหมือนตาเห็น เรายืนมองอะไร เราก็ยกถ่ายสิ่งนั้นได้ ไม่ต้องถอย
ระบบดิจิทัลซูม ปรับความเร็วในการซูมไว้ที่ระดับช้า ให้ความนุ่มนวลในการซูมเหมือนมืออาชีพ
บันทึกคลิปได้ไม่ต่างจาก gopro แต่จะได้สีสันตามการปรับแต่งที่กล้องเลย ไม่ต้องไปทำสีอีกครั้งในคอมพิวเตอร์

DSC00177
ภาพสนามฟุตบอล ยืนดูแล้วก็ถ่ายสิ่งที่เห็น ภาพมุมกว้างเหมือนสายตามนุษย์
DSC00162
ทุ่งนาปลูกข้าวกำลังออกรวงสวยงาม 

ข้อจำกัด หรือ อาจจะเรียกว่าเป็นข้อเสียก็ได้

กล้องตัวนี้มีข้อดีเยอะ ขณะเดียวกับก็มีข้อจำกัดที่เยอะเช่นกัน การจะเลือกใช้กล้องตัวนี้ควรจะรู้ว่ามีข้อจำกัดอะไรบ้าง

ด้วยความที่เป็นเซอร์เซอร์ไม่ได้ใหญ่เท่ากับ Full flame หรือเทียบกับ aps-c ก็ยังถือว่าเล็กกว่า มันทำให้กล้องมีสัญญาณรบกวนที่สูงเมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่า ผลก็คือภาพจะไม่เนียนใสในแบบที่เคยได้จากกล้อง Fullframe ถ้าเราเทียบกับมุมใกล้เคียงกัน ZV-1F กับกล้อง aps-c เราก็จะเห็นว่าสัญญาณรบกวนของ ZV-1F มีเยอะกว่าอย่างชัดเจน 

มุมรับภาพของเลนส์ 20mm เทียบเท่า Fullflame ทำให้มันเป็นเลนส์ไวด์หรือเลนส์มุมกว้าง เหมาะกับการถ่ายภาพวิว และถ่ายคลิปวิดีโอเสียมากกว่า การเอาไปถ่ายภาพบุคคล ภาพครึ่งตัวแนวพอร์ตเทรดติดฝาบ้าน หรือภาพเฮดช็อตเน้นใบหน้าและไหล่จะไม่เหมาะเพราะเป็นมุมที่ไม่สวย ถ้าต้องการภาพบุคคลอย่างจริงจังควรไปใช้เลนส์ Tele หรือ 85มม. บนกล้อง Fullflame ไปเลยจะเหมาะกับงานมากกว่า

ZV-1F ถ่ายภาพนิ่งได้เป็น jpg เท่านั้น ไม่มีโหมดไฟล์ raw มาให้ใช้ ทำให้เราหมดโอกาสการปรับแต่งในภายหลังอย่างยืดหยุ่น หากเราชินกับการถ่ายภาพที่ผิดพลาดได้บ้าง หรือ ยังลังเลใจในการแต่งภาพ อยากเลือกโทนสีในภายหลัง เราจะอยากถ่ายเป็น raw ซึ่ง ZV-1F ไม่มี บางคนจะไม่ชอบต้องปรับตัวพอสมควร การมาใช้กล้องที่ถ่ายได้แต่ไฟล์ jpg อย่างเดียวจะบังคับให้เราเลือกสไตล์สีตั้งแต่ตอนถ่าย ซึ่งก็ไม่ได้แย่หากเทียบกับการใช้ฟิล์ม เพราะการเลือกสไตล์สีก็เหมือนการเลือกยี่ห้อฟิล์ม เราเพียงแค่ต้องถ่ายโดยวัดแสงอย่างแม่นยำด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องปรับแต่งหลังถ่ายอีก เนื่องจากแก้ไขความสว่างของภาพและสีกับไฟล์ jpg ทำได้ไม่มาก และยิ่งแก้ไขก็ยิ่งสูญเสียรายละเอียดของไฟล์

การถ่ายสิ่งของหรือสินค้าแบบจัดฉากหรือจัดไฟถ่ายจะค่อนข้างลำบาก เพราะเลนส์เป็นเลนส์ไวด์ แม้จะเข้าใกล้วัตถุได้ แต่ก็จะมีสัดส่วนความเพี้ยนสูง ช่างภาพแนวสินค้าหรือโฆษณามักจะไม่ใช้เลนส์มุมกว้าง เลนส์มาโครระดับโปรจะเป็นเลนส์ทางยาวโฟกัสเยอะหรืออยู่ในระยะ Tele กันทั้งสิ้น ส่วนมากเลนส์มาโครจะมีระยะประมาณ 100มม.

อีกข้อหนึ่งที่เป็นข้อเสียที่ใหญ่หลวงเลยก็คือ กล้องมีความเร็วชัตเตอร์ช้าสุดแค่ 1/4 วินาที คือเปิดหน้ากล้องนานกว่านี้ไม่ได้ แค่ 1 วินาทีก็ยังทำไม่ได้ จุดนี้ช็อคพอสมควรเลย การเปิดชัตเตอร์นานไม่ได้มันจะทำให้เราไม่สามารถถ่ายภาพ ด้วยเทคนิค long exposure  การจะเอาไปถ่ายพลุเป็นเส้นทำไม่ได้ เอาไปถ่ายไฟรถยนต์ที่วิ่งเป็นเส้นทำไม่ได้ เอาไปถ่ายน้ำตกให้สายน้ำนุ่มๆ เปิดหน้ากล้องนานๆก็ทำไม่ได้ มีเทคนิคการถ่ายภาพอีกหลายอย่างที่ต้องเปิดหน้ากล้องนานๆหลายวินาที น่าเสียดายมากที่ ZV-1F จะทำไม่ได้ ขนาดกล้องคอมแพ็คฟิล์มตัวอื่นในอดีตที่เคยผ่านมาบางตัวยังถ่ายได้ที่ 4 วินาที หรือ 8 วินาที 

การกดล๊อคค่าแสงหรือ Ae lock หาไม่เจอในเมนูปกติ มันถูกซ่อนอยู่ด้านไหนเมนู ต้องตั้งค่าให้ปุ่มคัสต้อมเพื่อใช้คำสั่ง Ae lock ซึ่งกว่าจะค้นหาจนเจอ ผมต้องพยายามหาอยู่หลายครั้งและเรียนรู้การตั้งค่าปุ่มคัสต้อม ใช้กล้องมาเป็นเดือน บอกตรงๆว่ายังตั้งค่าปุ่ม ตั้งค่าเมนูส่วนตัวในกล้องยังไม่เป็นเลย

สรุป

กล้อง Sony ZV-1F เป็นกล้องคอมแพ็คที่มีเลนส์ 20มม. ไวแสง เลนส์คุณภาพสูงมาก ให้ภาพใสกริ๊ง สามารถถ่ายภาพได้เหมือนตาเห็น สามารถใส่สีให้ดูคล้ายโทนภาพจากฟิล์ม ใช้ถ่ายวิดีโอได้คล่องตัว ใส่สีสันในวิดีโอให้ดูเป็นหนังอาร์ตได้ไม่ยาก จบหลังกล้องได้ไม่ต้องไปย้อมสีในโปรแกรมตัดต่อ แต่ก็มีลูกเล่นที่บันทึกไฟล์สำหรับตัดต่อได้แบบโปรด้วย ใช้เป็นกล้องไลฟ์ขายของแสดงสินค้าตัวเล็กๆแล้วกล้องโฟกัสสินค้าเล็กๆได้ นับว่าเป็นกล้องสารพัดประโยชน์ที่ราคาไม่แพงเลย 

ไปดูตัวอย่างภาพจากกล้อง ZV-1F เพิ่มเติมได้ที่นี่

สนใจสั่งซื้อได้ที่นี่ https://shope.ee/5V7Q4wN5Mx

หรือที่นี่ https://shope.ee/9eyuQHL1zl

ก็แค่อยากฟังเพลง

P_20151228_132107

เราจำความรู้สึกตอนที่อินเทอเน็ตยังไม่มีเพลงให้ฟังได้ไหม เราไปเดินผ่านร้านขายเทปหรือ แผ่นซีดีในห้าง มีแผ่นโชว์เต็มไปหมด เรามีวงดนตรีที่เราสนใจ หรือ ชอบบางเพลง หรือ เคยได้ยินเพลงของเขาในรายการวิทยุ แล้วเราก็หยุดดูที่แผงแล้วเราก็หยิบวงที่เราอยากฟัง จ่ายเงิน เทปม้วนละ 85-100บาท หรือถ้าเป็นแผ่นซีดีเพลงก็จะประมาณ 350-500 บาท พอได้แผ่นแล้ว เราก็อยากจะรีบกลับบ้านไปนั่งฟัง 

ถึงบ้าน แกะเทป เปิดปกเทปอ่านชื่อทีมงาน อ่านชื่อคนแต่งเพลง อ่านชื่อโปรดิวเซอร์ อ่านข้อความที่ศิลปินเขียนบรรยายขอบคุณใครหลายคน อ่านเบื้องหลังการทำงาน ดูภาพที่เรียงอยู่บนปกเทป หรือ ปกซีดี แล้วเราก็เปิดเพลงฟัง สนุกอยู่กับเพลงทั้งอัลบั้ม อีก 1 ชั่วโมง เราก็ออกจากภวังค์ เราได้ลิ้มรสเพลงที่เรารอคอย ดีบ้าง เฉยๆบ้าง สิบเพลงอาจมีเพลงถูกใจเราสัก 3 เพลง และก็คงเปิดซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายเดือน

ความชอบของคนฟังเพลงคือการได้ฟังเพลงจากวงดนตรีที่เราสนใจ หรือ ได้ฟังอัลบั้มที่ชอบ หรือ ได้ฟังเพลงรวมฮิตในแผ่นรวมฮิตที่ทุกเพลงดังอยู่แล้ว การได้ยินได้ฟังคือความบันเทิงของคนฟัง และถ้าเพลงมันดีถูกใจก็ถือว่ากำไรในด้านความรู้สึก ตลอดเวลาก่อนอินเทอเน็ตจะมีเพลงให้ฟังเราก็ใช้เงินหลายร้อยบาทสำหรับเพลง 1 อัลบั้ม และเราเป็นอย่างนี้อยู่เป็นสิบปี มีเแผ่นซีดีในบ้านอยู่นับร้อยแผ่น มีเทปอยู่ร้อยกว่าม้วน นี่คือนิสัยคนชอบฟังเพลงแต่ไม่ค่อยมีเงิน ไม่ต้องเทียบกับเพื่อนบางคนที่มีรายได้เยอะกว่า มีค่าขนมเยอะกว่า อาจมีเทปและแผ่นซีดีรวมกันเลยหลักพันชุด

photo

ที่เล่ามายืดยาวก็จะเข้าเรื่องว่าวันนี้ได้เครื่องเล่น ipod touch ตัวเก่ามาตัวหนึ่ง เป็น ipod touch gen3 เปิดตัวครั้งแรกปี คศ 2009 ที่บรรจุเพลงไว้ประมาณ 64Gb มีเพลง 9300 เพลง ipod อายุ 14 ปี กับเพลงที่ติดมากับเครื่อง สภาพใช้งานได้ เปิดเพลงฟังได้ เป็นความคุ้มค่าในราคามือสอง จ่ายไปแค่หนึ่งพันบาท ลองเปิดรายชื่อศิลปิน รายชื่ออัลบั้มพบว่ามีหลากหลาย มีวงที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก มีเพลงน่าฟังเยอะมาก ฟังอีก 1 ปี ก็ฟังไม่ครบ เหมือนเราได้แผงเทปหรือเหมาร้านขายแผ่นซีดีเอาไว้ในบ้าน ผมมั่นใจว่าจำนวนแผ่นซีดีที่จะเทียบกับสิ่งที่อยู่ใน ipod ตัวนี้น่าจะต้องใหญ่กว่าร้านเล็กๆตามซอกหลืบในห้าง ทำให้นึกถึงร้านขายแผ่นซีดีขนาดใหญ่อย่าง Tower record หรือ Quark record ซึ่งเป็นร้านที่ทำให้คนฟังเพลงรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้ไปเดินเล่นภายในร้าน และชาตินี้คงไม่พบร้านแนวนี้อีกแล้ว เพราะระบบการฟังเพลงเปลี่ยนไปเป็นการฟังผ่านอินเทอเน็ตกันหมดแล้ว ไม่มีร้านขายแผ่นซีดีให้เห็นแล้ว และที่บ้านก็ไม่มีเครื่องเปิดแผ่นซีดีแล้วด้วย

IMG_0308napa

การครอบครองเครื่องเล่นเพลงเป็นความสุขส่วนตัว เปิดฟังได้ทุกที่ ไม่มีอินเทอเน็ตก็มีเพลงฟัง ยิ่งมีเกือบหนึ่งหมื่นเพลงติดตัว ยิ่งทำให้สนุกกับการค่อยๆฟังเพลงไปเรื่อยๆ เพราะเพลงที่เราไม่เคยฟัง หรือเพลงดีที่ไม่ได้ฟังนานแล้ว มันก็คงหลบอยู่ในหนึ่งหมื่นเพลงนี้ แค่เปิดหน้าจอเลื่อนดูรายชื่อเพลง ก็มีความสุขแล้ว ใครที่ชอบฟังเพลง ลองหาของมือสองราคาไม่แพงเหล่านี้ไปฟังดู ลำโพงติดคอมพิวเตอร์สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องเล่น ipod ได้แน่นอน แล้วคุณจะได้สัมผัสความสนุกจากการฟังเพลงอีกครั้ง โดยเราไม่ต้องไปสนใจคำว่า สตรีม ไฮเรส digital audio lossless dsd wav mp3 หรืออะไรที่เป็นศัพท์เทคนิคของระบบคอมพิวเตอร์ เราแค่เสียบลำโพงหรือหูฟังตัวโปรดแล้วเปิดเพลงฟัง แล้วก็อยู่กับดนตรีที่ปลดปล่อยออกมา

เปรียบเทียบภาพถ่ายจากหลายระบบ

การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคนแล้วในยุคอินเทอเน็ต 5G เพราะโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องมีกล้องติดมาด้วย และส่วนมากก็จะมีคุณภาพดีพอใช้ได้ทั้งสิ้น ผู้คนถ่ายภาพกันเป็นจำนวนมาก และบางทีก็อยากจะพิมพ์ภาพออกมาเป็นกระดาษบ้าง อาจจะใช้ใส่อัลบั้มเพื่อดูในเวลาอื่นๆ อาจจะใช้แจกเป็นที่ระลึก ซึ่งเมื่ออยากจะพิมพ์ภาพถ่ายดิจิทัลออกมา เราก็จะเป็นจะต้องไปอัพภาพที่ร้านรูปตามห้าง และบางคนมีเครื่องคอมพิวเตอร์ มีปริ๊นเตอร์สีเอาไว้ทำงาน ก็อาจจะพิมพ์ภาพเองเลย และนอกจากเครื่องพิมพ์สำหรับสำนักงานแล้ว โลกเราก็มีเครื่องพิมพ์ภาพถ่ายโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนมากจะพิมพ์ภาพขนาดเล็ก 

เทคโนโลยีการพิมพ์ภาพถ่ายสำหรับใช้ในบ้านที่มีให้เราใช้ในยุคปัจจุบันเท่าที่เหลืออยู่ก็จะเป็นระบบ

1 Zink paper ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท Polaroid เพื่อทดแทนระบบการพิมพ์ภาพดั้งเดิมที่ใช้มานานหลายสิบปี ส่วนระบบดั้งเดิมที่ Polaroid สร้างจนมีชื่อเสียงแต่ไม่ยอมทำตลาดต่อ ก็ถูก Fuji นำไปทำตลาด นำเทคโนโลยีไปไปใช้ในกล้อง instant ของตัวเอง

2 Fuji instax ระบบถ่ายภาพลงบนแผ่นฟิล์ม เป็นสิ่งที่เกิดจากบริษัท Polaroid  ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จนปัจจุบันยังคงมีกล้องระบบ instax ของ Fuji ออกมาให้ใช้อย่างต่อเนื่อง และมีหลายขนาดให้เลือกใช้

P_20160505_143122
กล้อง Polaroid ที่ใช้ระบบการพิมพ์ภาพแบบ Zink paper

3 Canon Selphy การพิมพ์ภาพถ่ายของ Canon โดยใช้ระบบการพิมพ์ Dye-Sublimation ซึ่งเป็นระบบการพิมพ์ที่มีคุณภาพสูงและใช้อยู่ในเครื่องพิมพ์ Canon selphy ที่ขายอยู่ราคาไม่แพง และได้รับความนิยมในกลุ่มช่างภาพที่อยากได้ภาพคุณภาพสูง มีทั้งแบบเครื่องพกพา และเครื่องตั้งโต๊ะ

2018-03-15_12-37-38
ซ้ายคือภาพจากระบบ zink ขวาคือภาพจาก Dye-Sublimation

แต่ละระบบจะมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน และมีจุดด้อยของใครของมันที่ทำให้ผู้ใช้งานต้องปวดหัวและต้องเสียเงินซื้อหลายระบบ เพราะไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง ทำให้คนรักการพิมพ์รูปแทบจะต้องเสียเงินซื้อทุกอย่าง

Zink ย่อมาจาก Zero ink เป็นระบบที่สะดวก ทำให้เล็กได้ สามารถยัดเข้าไปอยู่ในกล้องถ่ายรูปได้ และทำเป็นเครื่องพิมพ์แยกอิสระได้ การพิมพ์ระบบนี้ต้องใช้ไฟล์ดิจิทัลเท่านั้น ความคมชัดและคุณภาพสีอยู่ในระดับปานกลาง ความคงทนอยู่ในระดับต่ำ คือในเวลาไม่เกินสองปีภาพจะเกิดอาการสีซีด ไม่เหมาะกับการเก็บภาพชั่วลูกชั่วหลาน ถ้าเราถ่ายภาพแม่ไว้ วันนึงในอีกหลายปีข้างหน้าภาพแม่จะจางหายไป

Fuji instax เป็นระบบถ่ายภาพทันใจอีกชนิด ต้นกำเนิดเกิดจากบริษัท Polaroid แต่เสื่อมความนิยมไปพักใหญ่ แล้ว Fuji ก็นำมาทำตลาดต่อ เป็นระบบการพิมพ์ภาพแบบอนาลอก ฟิล์มแผ่นที่ผ่านการถ่ายจะไหลออกมาจากกล้อง รอเวลาสักครู่ก็จะปรากฏเป็นภาพที่สวยงาม ระบบนี้ได้รับความนิยมมากเพราะสะดวก รวดเร็ว ถ่ายแล้วภาพไหลพรวดออกจากกล้อง แม้จะต้องรอเวลาสัก 1 นาทีเพื่อให้ภาพขึ้นชัดเจนแต่ก็เป็นความสนุกที่น่าลองใช้งาน เมื่อก่อนเป็นอนาลอก ปัจจุบัน Fuji พัฒนาให้เป็นเครื่องพิมพ์ภาพ ทำให้สร้างภาพดิจิทัลไว้บนแผ่นฟิล์ม instax ได้ ทำให้เรามีเครื่องพิมพ์ระบบ instax และทำให้ Fuji ทำกล้องดิจิทัลที่ยัดเครื่องพิมพ์ภาพ instax ไว้ข้างในออกมาขายด้วย ข้อดีคือเร็ว ข้อเสียคือภาพเล็ก เพราะขนาดที่นิยมและขายดีทั่วโลกก็มีขนาดแค่บัตรเครดิตเท่านั้น แม้จะมีขนาดจตุรัสออกมาบ้างก็ยังไม่ได้รับความนิยม 

Canon Selphy เป็นระบบ Dye-Sublimation ที่ให้ภาพสวยที่สุด ระบบการพิมพ์ให้ภาพขนาด 4×6นิ้ว ต้องใช้เครื่องพิมพ์โดยเฉพาะ ไม่สามารถทำให้เล็กได้ ทำให้เราไม่สามารถยัดระบบการพิมพ์แบบนี้เข้าไปในกล้องถ่ายภาพ ข้อดีคือภาพสวยคุณภาพสูงมาก ข้อเสียคือ ใหญ่ เทอะทะ ต้องทำงานในสภาพของปริ๊นเตอร์ คือพกพาลำบาก แต่จะเก็บภาพได้ยาวนานที่สุด canon เลยบอกว่าสามารถเก็บภาพได้ถึง 100 ปี ถ่ายภาพพ่อแม่ไว้ พ่อแม่จะอยู่ในกระดาษไปจนเราตาย ภาพก็ยังไม่จืด อันนี้เรียกว่าดีมาก

สรุป

การเลือกระบบการพิมพ์ภาพขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้ภาพ ถ้าเราต้องการความเร็ว เช่นงานปาร์ตี้ ถ่ายแล้วได้ภาพทันที คุณภาพไม่ต้องดีที่สุด เราก็ใช้ระบบของ fuji instax ที่เป็นอนาลอกได้เลย คือถ่ายแล้วไหลพรวด

ถ้าเราอยากได้ภาพสวย สีสันยอดเยี่ยม มีคำตอบเดียวคือ canon selphy ให้ภาพขนาด 4×6นิ้ว

ถ้าเราอยากได้เครื่องพิมพ์ภาพจากไฟล์ดิจิทัลที่พกพาได้ เรามีทางเลือกคือ zink paper กับ ระบบ fuji instax printer ทั้งสองแบบเป็นเครื่องพิมพ์พกพา สามารถเลือกภาพดิจิทัลมาสั่งพิมพ์ได้ 

ถ้าเราอยากได้กล้องดิจิทัลที่ถ่ายแล้วเลือกภาพแล้วค่อยพิมพ์ เราก็มีทางเลือกที่เป็นกล้องระบบ zink ใช้กระดาษ zink paper กับกล้อง fuji รุ่นดิจิทัลที่พิมพ์ภาพบนแผ่นฟิล์ม instax ได้


แถมให้

ระบบ Zink เทียบกับ instax อันไหนดีกว่ากัน เพราะทั้งสองระบบเป็นระบบการพิมพ์ที่ยัดไว้ในกล้องได้ ก็ขอให้ดูภาพตัวอย่างด้านล่าง ภาพแรกถ่ายสิ่งของพร้อมกัน ได้ภาพออกมาพอใช้ได้ทั้งคู่ zink จะใหญ่กว่าเพราะขนาดที่ใช้คือ 2×3นิ้ว ส่วน instax เล็กกว่าเพราะขนาดเท่าบัตรเครดิต

P_20160505_175002
ซ้าย Zink paper จากกล้อง Polaroid Z340 ขวาคือ Fuji instax จากกล้อง Mini8

เมื่อเวลาผ่านไป16 เดือน เอาภาพทั้งสองใบมาเทียบกันอีกครั้ง เราจะเห็นว่าภาพจาก zink จะซีดลงไปเยอะมาก สีสันจริงของวัตถุในภาพอาจจะดูไม่รู้แล้วว่าเคยเป็นสีอะไร ข้อมูลภาพอาจจะค่อยๆหายเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ส่วน instax ยังคงอยู่ดีดูไม่ค่อยแตกต่างจากปีแรก คาดว่า instax จะอยู่ได้อีกหลายปี แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถึง 20 ปีไหม

IMG_0206
ซ้ายคือ Fuji instax ที่เวลาผ่านไป 16 เดือน ขวาคือ Zink paper


เริ่มเข้าใจคนญี่ปุ่นทำไมถึงมีนิสัยพูดเบา

วันหนึ่งในช่วงวันหยุดยาว ผมไปธุระที่ห้างแห่งหนึ่ง ทำธุระเสร็จก็หาอะไรกิน เหลือบไปเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวแนวญี่ปุ่นร้านหนึ่งในห้าง ดูการแต่งร้านและลักษณะที่นั่งแล้วก็เป็นคอนเส็บญี่ปุ่นเต็มๆ 

IMG_20231229_181736

ที่นั่งเรียงแถวเหมือนบาร์ ใครมาก็นั่งตามสะดวก เราก็อาจจะต้องนั่งติดกับคนแปลกหน้าบ้าง ภาพร้านอาหารและที่นั่งแบบนี้เห็นบ่อยที่ญี่ปุ่น ในหนัง ในละคร ผมเข้าไปนั่งแล้วก็เลือกสั่งก๋วยเตี๋ยวมากิน 1 ชาม นั่งอ่านข้อมูลในมือถือเพื่อรอเวลา

IMG_20231229_182336

ก๋วยเตี๋ยวเสิร์ฟแล้วก็เริ่มกิน รสชาติอร่อยดี ราคาร้อยกว่าบาท ก็ถือว่าเป็นราคาปกติของอาหารจานเดี่ยวในห้าง กินไปเพลินๆก็สะดุ้งตกใจ อยู่ๆก็มีเสียงพ่อแม่ลูกคุยกัน เขามากันสามคน นั่งอยู่ข้างๆผมเลย รู้สึกไม่คุ้นเคยเล็กน้อย แต่สิ่งที่ทำให้สะดุ้งคือเสียงคุยกัน ตัวพ่อนี่เสียงดังมาก คุยกับลูกที่น่าจะอายุสามขวบ เขาคุยกันเหมือนเด็กมีปัญหาทางการได้ยิน คุยเสียงดังจนต้องหันมอง แล้วก็ก้มหน้ากินต่อ ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากทะเลาะ แค่รู้สึกรำคาญกับเสียงพูดคุยที่ดังเกินปกติ 

ทำให้นึกถึงนิสัยคนญี่ปุ่นที่มักจะพูดคุยเสียงเบาๆ นั่นคงเป็นเพราะประเทศเขามีคนเยอะ ต้องเดินทางร่วมกัน ต้องกินข้าวร่วมกันกับคนแปลกหน้าในโต๊ะอาหารที่อยู่ชิดกัน จนทำให้เขาไม่กล้าส่งเสียงดัง จะได้ไม่รบกวนคนอื่น เพราะเขาเองก็คงไม่อยากถูกรบกวนเหมือนกัน ผมเริ่มเข้าใจคนญี่ปุ่นแล้วว่าทำไมถึงไม่ส่งเสียงดังในที่สาธารณะ เพราะมันน่ารำคาญแบบไหน ได้สัมผัสเองถึงเข้าใจ

ก๋วยเตี๋ยวอร่อย แต่มลภาวะจากเสียงคุยที่ดังเกินไปทำให้รู้สึกรำคาญและอยากลุกหนีไปไกลๆ ผมเตือนตัวเองว่าต่อไป อย่าคุยเสียงดังในที่สาธารณะ มันสร้างความน่ารังเกียจอย่างรุนแรง ไม่อยากเป็นคนที่ถูกเกลียด 

เล่าเรื่องนกนักล่า อินทรีย์ เหยี่ยว นกฮูก

เรื่องราวของนกนักล่า อินทรีย์ เหยี่ยว นกฮูก ความเร็วของเหยี่ยวที่เร็วที่สุดในโลก เร็วกว่ารถไฟชินคังเซ็น และเส้นทางอพยพของอินทรีย์และเหยี่ยวผ่านประเทศไทย เราสามารถไปสังเกตุการได้ที่ จังหวัดชุมพร ในช่วงเดือนตุลาคม

what animal อินทรีย์และเหยี่ยวในประเทศไทย

วุฒิชัย

ช่างภาพ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ และเป็นบล๊อกเกอร์ ชอบเขียนบทความ และชอบดูงานออกแบบกราฟิคสวยๆ

วิทวัส

นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ ชำนาญเรื่องการตลาดและการวางแผน

รีวิวเครื่องฟอกอากาศ ikea UPPÅTVIND อุปเปอทวินด์

ประเทศไทยมีปัญหาฝุ่น PM2.5 มานานหลายปี เท่าที่จำได้น่าจะ 6-7 ปีแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนก็อาจจะมีปัญหานี้มาก่อนแล้วแต่พวกเราไม่รู้จัก จนกระทั่งเริ่มมีคนอธิบายเรื่องฝุ่นชนิดนี้ พร้อมกับการมาถึงของสินค้ายี่ห้อ Xiaomi ที่ขายเครื่องฟอกอากาศหน้าตาสวย และเมื่อปัญหาฝุ่น PM2.5 มันรุนแรงขึ้นมากเข้าขั้นวิกฤต เครื่องฟอกอากาศก็เลยเป็นของจำเป็นของทุกบ้าน

ราคาที่ต้องจ่ายให้เครื่องฟอกอากาศสักเครื่องหนึ่งเมื่อก่อนก็เริ่มต้นประมาณ 4000-6000 บาท ซึ่งเป็นรายจ่ายค่อนข้างสูงของประเทศรายได้ต่ำอย่างประเทศไทย คนไทยไม่มีทางเลือกอื่นให้ซื้อเลยในช่วงเวลาที่ฝุ่น PM2.5 สร้างปัญหาในช่วงปีแรก และเมื่อสินค้าแนวนี้ขายดีจนขาดตลาด หลายยี่ห้อก็เริ่มผลิตเครื่องฟอกอากาศมาขาย และในปีนี้ ปี 2023 เราก็มีเครื่องฟอกอากาศกันครบทุกบ้านแล้ว และบางบ้านก็อาจจะต้องซื้อเพิ่มมากกว่า 1 เครื่อง เพราะที่บ้านมีหลายห้อง ทุกห้องก็เจอปัญหาเดียวกันหมด บ้านไหนมีห้องนอนหลายห้อง ก็ต้องซื้อหลายเครื่อง

IMG_0123

UPPÅTVIND อุปเปอทวินด์ เป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก หน้าตาดี เห็นวางขายอยู่ในเว็บของ ikea ราคา 1290 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แทบไม่ต้องลังเลเลย เพราะถ้าไม่ซื้อตัวนี้ยี่ห้อนี้ เราต้องไปซื้อ Xiaomi ราคาหลายพัน ดังนั้น เจอของถูกก็รีบซื้อเลย แต่ก็กังวลนิดหน่อยว่ามันจะทำงานได้ดีไหม รีวิวนี้ก็จะทดลองวัดค่าฝุ่นด้วยมิเตอร์วัดยี่ห้อ Xiaomi

IMG_0125

ผมสั่งซื้อเครื่องฟอกอากาศทางเซ็บไซต์ แล้วก็รอรับของประมาณ 1สัปดาห์ สิ่งที่ประทับใจกับแพ็คเกจที่ ikea แพ็คมาให้ก็มีหลายอย่าง ตั้งแต่เทปกาวที่เป็นกระดาษ ไม่มีส่วนของพลาสติกบนกล่องเลย ส่วนของด้านในที่ยัดเอาไว้กันกระแทกหรือทำให้กล่องแน่นก็เป็นกระดาษปั๊มเป็นลอน ดูเป็นงานรีไซเคิลที่น่าชื่นชมมาก

IMG_0127

สินค้าด้านในคือเครื่องฟอกอากาศหน้าตาน่ารัก ขนาดเล็กพกพาย้ายที่ได้ไม่ลำบาก สินค้ามาในรูปแบบสีขาวสวย ดูเป็นของแต่งบ้านได้ เมื่อแกะดูอุปกรณ์ก็จะประกอบไปด้วย เครื่องฟอกอากาศทรงสี่เหลี่ยม อะแด๊ปเตอร์แปลงไฟบ้าน 100-220v เป็น 24vdc กินไฟขาเข้าสูงสุดไม่เกิน 0.4A หรือ 23W และคู่มือการใช้งานเป็นเล่มบางๆ ขนาดใหญ่ประมาณกระดาษ A4

ขนาดภายนอก

ความยาวสายไฟ: 1.95 ม.

ความสูง: 28 ซม.

ความลึก: 12.5 ซม.

ความกว้าง: 22.5 ซม.

IMG_0132
IMG_0138

ไส้กรองอยู่ด้านใน เราต้องแกะหน้ากากออกมาก่อน แล้วก็แกะไส้กรองออกจากถุงพลาสติก แล้วประกอบกลับเข้าไป เครื่องฟอกอากาศก็จะพร้อมทำงาน เครื่องฟอกอากาศตัวนี้มีหูหิ้วให้ด้วย ขนาดด้านหน้าเครื่องฟอกดูด้วยตาเปล่าจะใหญ่ประมาณกระดาษ A4 ตะแกรงด้านหน้าเป็นทางลมเข้า ผ่านฟิลเตอร์ที่มีความสามารถในการกรองฝุ่นระดับ PM2.5 พัดลมด้านในมีความเร็วตั้งได้ 3 ระดับ ลมจะออกด้านมุมซ้ายบนของเครื่องฟอก

IMG_0145

เราสามารถวางเครื่องฟอกอากาศตัวนี้ในแนวนอนได้ ในการวัดค่าฝุ่นก็ทดลองเอาเครื่องวัดค่าฝุ่นยี่ห้อ Xiaomi มาวางบนตะแกรง เพื่อวัดค่าฝุ่นที่ไหลเข้าเครื่องฟอก หรือค่าฝุ่นในห้องก่อนใช้งาน วัดค่าได้ประมาณ 21 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งช่วงนี้ยังไม่มีฝุ่นเยอะ ค่าที่วัดได้เป็นค่าฝุ่นที่อยู่ในห้องทำงาน

IMG_0157

หลังจากนั้นก็ย้ายมิเตอร์มาวางไว้ทางด้านลมออก ซึ่งวัดออกมาแล้วค่าฝุ่นลดลงเหลือ 001 ซึ่งเป็นค่าน้อยที่สุดที่มิเตอร์วัดค่าได้ นั่นก็หมายความว่าเครื่องฟอกอากาศตัวนี้ทำงานได้ดี กรองฝุ่น PM2.5 ได้จริงตรงตามหน้าที่ ขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ไม่มาก คาดว่าจะพอใช้แค่ในห้องเล็ก พื้นที่ไม่มาก สเป็คในเว็บบอกไว้ว่าเหมาะกับพื้นที้ห้องประมาณ 7 ตารางเมตร หากใช้กับห้องใหญ่กว่านี้ก็อาจจะต้องใช้เวลาฟอกอากาศนานขึ้น แรงลมตั้งได้ 3 ระดับ มีไฟเตือนเมื่อฟิลเตอร์หมดอายุ

IMG_0156

อีกหลายชั่วโมงต่อมาทดลองอีกครั้งในห้องทำงาน วัดค่าฝุ่นก่อนเปิดเครื่อง ค่าฝุ่นเริ่มต้นอยู่ที่ 45 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อเปิดเครื่องฟอกอากาศแรงลมสูงสุดแล้วรอประมาณ 20 นาที สามารถลดฝุ่นในห้องลงได้เหลือ 9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากจุดนี้เปลี่ยนแรงลมเป็นระดับเบาสุด ค่าฝุ่นก็ไม่เพิ่มขึ้นแล้ว ทั้งหมดวัดค่าโดยมิเตอร์วัดค่าฝุ่นวางไว้ที่เดิม นั่นก็หมายความว่าเครื่องฟอกอากาศเรื่องนี้ลดฝุ่นในห้องลงได้ประมาณ 5 เท่า และเมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้นค่าฝุ่นที่วัดได้ก็ค่อยๆลดลงไปอีก

ในวันต่อมา ผมออกจากบ้านไปโดยลืมปิดเครื่องกรอง เปิดระดับพัดลมไว้ที่เบอร์2 กลับบ้านมาตอนค่ำ เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน มิเตอร์วัดฝุ่นแสดงค่าไว้ 001 เลย นั่นก็พอจะยืนยันได้ว่า เครื่องฟอกอากาศตัวนี้ลดฝุ่นได้จริง และหลังจากทดลองใช้มาหลายวัน ผมเปิดเครื่องในระดับเบาสุด เพื่อให้เสียงเงียบที่สุด เปิดตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในห้อง ค่าฝุ่นที่ลองวัดดูก็อยู่ที่ 003 บ้าง 004 บ้าง มันเป็นระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับฝุ่นนอกห้องที่อยู่ประมาณ 20-30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

IMG_0418

สเป็คจากผู้ผลิต

แผ่นฟิลเตอร์กรองฝุ่นผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน EN 1822-1 และ ISO 29463-3 เทียบเท่าระดับ EPA12 โดยสามารถกรองฝุ่นละอองในอากาศได้มากกว่า 99.5%

เครื่องฟอกอากาศนี้ใช้ EPA12 ฟิลเตอร์ ดังนั้นอากาศที่ฟอกแล้วจึงสะอาด พร้อมกับเสียงเครื่องที่เบาและมีการใช้พลังงานต่ำ

ระดับความสะอาดของอากาศที่ฟอกแล้ว (CADR): แรงลมต่ำสุด 31 ลบ.ม./ชม. แรงลมสูงสุด 95 ลบ.ม./ชม.

ระดับเสียง: ความแรงลมต่ำสุด 31 เดซิเบล, ความแรงลมสูงสุด 55 เดซิเบล

อัตราสิ้นเปลืองพลังงาน: ความแรงลมต่ำสุด 2.4W, ความแรงลมสูงสุด 8.0W

คลิปทดสอบเครื่องฟอกอากาศจากต่างประเทศ

ข้อดี

ตัวเล็ก หิ้วได้ เคลื่อนย้ายได้สะดวก กรองฝุ่น PM2.5 ได้จริง ใช้ไฟไม่มาก หน้าตาสวย เสียงเบา แผ่นฟิลเตอร์ราคาไม่แพง

ข้อเสีย

ตัวเล็กไม่เหมาะกับห้องขนาดกลางและใหญ่

สรุป

เครื่องฟอกอากาศ ikea UPPÅTVIND อุปเปอทวินด์ เป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก มีหูหิ้ว โยกย้ายได้สะดวก หน้าตาสวย เป็นเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านได้ สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ เหมาะกับห้องขนาดเล็ก เปิดเครื่องระดับเบาสุดทิ้งไว้ตลอดเวลาที่ใช้งานห้อง จะใช้พลังงาน 2.4w เท่านั้น ที่สำคัญที่สุดของรีวิวนี้คือมันประหยัดมาก ราคาหน้าเว็บแค่ 1290 บาทรวมฟิลเตอร์แล้ว ส่วนแผ่นฟิลเตอร์เมื่อต้องซื้อเปลี่ยนก็ราคา 169 บาท นับว่าเป็นของประหยัดที่เหมาะกับทุกห้องเล็กๆในบ้าน

วิธีเปลี่ยนไส้กรองและทำความสะอาดตะแกรง

อัพเดท เปลี่ยนไส้กรองอากาศ 26feb2025

หลังจากที่ใช้งานมายาวนานจะสังเกตุได้ว่าลมเริ่มอ่อนลง ดูเหมือนไส้กรองอากาศจะตันหรือเริ่มเต็ม ลองเปิดหน้ากากออกดูก็พบว่าไส้กรองอากาศเป็นสีดำ ซึ่งจากความทรงจำมันควรจะเป็นสีขาว และแม้แต่หน้ากากก็เป็นสีออกเทาๆ เลยจัดการทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรองอากาศเสียเลย และก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปเอาไว้เปรียบเทียบ

IMG_20250226_182754

ลองมองที่หน้ากากดีๆจะพบว่ามีตะแกรงโลหะอยู่ภายใน ตะแกรงนี้จะเหมือนเป็นตัวกรองหยาบก่อนที่อากาศจะผ่านไปเจอกับไส้กรองละเอียด กรองหยาบจากสีขาวกลายเป็นสีเทาออกไปทางดำ คู่มือของเครื่องกรองบอกว่าให้ใช้ที่ดูดฝุ่นช่วยดูดสิ่งต่างๆบนหน้ากากตอนเปลี่ยนไส้กรองด้วย ดูจากวัสดุแล้วน่าจะล้างได้เลยเอาไปล้างน้ำเสียเลย และก็ได้หน้ากากที่ดูเหมือนใหม่กลับมาใช้ ดูภาพประกอบ ทางซ้ายคือก่อนล้าง ทางขวาคือล้างด้วยน้ำแล้ว

20250226161738_IMG_2620

ในส่วนของไส้กรอง ผมซื้อไส้กรองใหม่สำรองเอาไว้ เพิ่งจะเห็นว่าดำก็เลยเอาของใหม่มาถ่ายภาพเปรียบเทียบให้ดู ของเก่าทางซ้ายมือคือไส้กรองที่ใช้งานมาประมาณปีกว่าซึ่งไม่ได้เปิดเครื่องทุกวัน เปิดเฉพาะช่วงที่มีฝุ่นเยอะๆ ส่วนทางขวาคือไส้กรองใหม่ ขาวมากๆ เห็นแล้วก็ตกใจมาก ใครใช้เครื่องกรองอากาศแนะนำให้ตรวจสอบไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ เพราะบางทีฝุ่นที่มันเยอะมากมันจะทำให้ไส้กรองเต็มเร็วและประสิทธิภาพการกรองฝุ่นอาจจะแย่ลง แรงลมของเครื่องกรองอากาศอาจจะลดลงเพราะไส้กรองตัน

ข้อเสียเพิ่มเติม

ikea ขายเครื่องกรองตัวนี้อยู่ไม่นานของก็หมด และก็ไม่มีขายอีกเลยในเว็บไซต์ ผมเคยซื้อทางเว็บ ตอนจะซื้อเพิ่มก็ไม่สามารถซื้อได้แล้ว รออยู่หลายเดือนของก็ยังไม่มีให้ซื้อ มีแต่ไส้กรองที่ยังพอสั่งซื้อได้ ก็เลยรีบสั่งซื้อไส้กรองมาเก็บไว้ก่อน น่าเสียดายที่ ikea ไม่ยอมนำมาขายอีก

อัพเดท 14dec2025

IMG_20251208_192013798

ตั้งแต่ใช้งานมา ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง วันที่ 8dec2025 ก็มีไฟแสดงผลสีแดงสว่างขึ้นมาบนตัวเครื่อง มันคือไฟแจ้งเตือนไส้กรองหมดอายุ ในเครื่องมีวงจรนับเวลา เมื่อครบชั่วโมงการทำงานของไส้กรองไฟก็จะสว่างขึ้นมาเตือน วันนี้ก็ได้เห็นจริงๆ วิธีการแก้ไขก็คือ แกะหน้ากากออกมาเปลี่ยนไส้กรองแล้วกดปุ่มสีแดงที่เห็นด้านใน

messageImage_1765708869537

นาฬิกากับเวลา

นาฬิกาข้อมือเคยเป็นอุปกรณ์ติดตัวมายาวนาน แต่พอยุคสมัยของโทรศัพท์มือถือครองเมือง ทุกคนมีโทรศัพท์ติดตัว การดูเวลาก็จะดูจากโทรศัพท์มือถือแทนนาฬิกากันเป็นส่วนมาก แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังคงชินกับการดูเวลาจากนาฬิกาอยู่ดี และเมื่อยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็พบกว่า นาฬิกาเดินไม่ตรง เพราะเวลาไม่ตรงกับที่โชว์อยู่บนโทรศัพท์

20240613180214_IMG_2392

ก่อนจะมีโทรศัพท์มือถือ เราไม่เคยรู้เลยว่าเวลาในนาฬิกาข้อมือของเราตรงหรือไม่ตรง นาฬิกาในบ้านเป็นแบบใส่ถ่านแล้วก็เดินอย่างนั้นอยู่เป็นปี นาฬิกาข้อมือใส่ถ่านก็เดินแบบนั้นอยู่เป็นปี นาฬิกาออโตเมติก ระบบกลไก อาศัยการสั่นสะเทือนไปเป็นพลังงานในการผลักเข็มนาฬิกาให้เดิน ก็มักจะเป็นนาฬิการะดับหรูหราราคาแพง นาฬิกาพวกนี้ก็ไม่เคยเดินตรง เจ้าของนาฬิกามักจะต้องตั้งเวลาเทียบกับนาฬิกาเรือนอื่นอยู่เสมอ

การหาข้อมูลเวลาที่เที่ยงตรงและแม่นยำแต่ราคาถูกที่สุดคือการเทียบกับเวลาจากอินเทอเน็ต หรือ internet time โดยค่าเวลาจะเป็นนาฬิกาที่แสดงอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอเน็ต internet time จะถือว่าเที่ยงตรงที่สุด เพราะได้รับการดูแลและแก้ไขให้ตรงเสมอ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ดึงเวลาจาก internet มาใช้ตั้งค่าตัวเองก็ถือว่าเที่ยงตรงเช่นกัน โทรศัพท์มือถือก็ดึงเวลาจากเครือข่ายผู้ให้บริการ และผู้ให้บริการก็จะใช้เวลาที่ดึงมาจาก internet time  ส่วนเวลาใน smartwatch จะตรงกับ internet time ตอนที่ถูก ซิงค์กับ app แล้ว แต่พอเวลาผ่านไปสักเดือน หากไม่มีการซิงค์กับคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ เวลาใน smartwatch ก็จะเดินไม่ตรง  ในตัวอย่างคือเดินช้าไปประมาณ 2 นาที ต่อเดือน เพราะไม่ได้ซิงค์มาเป็นเดือนนั่นเอง

IMG_20231104_225755

ดูจากอาการที่เวลาเดินไม่ตรง คลาดเคลื่อนประมาณสองนาทีต่อเดือนนั่นก็หมายความว่า smartwatch น่าจะใช้วงจรกำเนิดความถี่แบบอิเล็คทรอนิกส์  คุณภาพความถี่จะเป็นแบบตามมีตามเกิด คือไม่ได้ใช้ควอตซ์ในการควบคุมความถี่  เพราะความคลาดเคลื่อนของควอตซ์จะประมาณ 1วินาทีต่อเดือน หรือ 12-15วินาทีต่อปี    ส่วนวงจรกำเนิดความถี่แบบอิเล็คทรอนิกส์  จะมีสูตรคำนวณจาก R L C ค่าทางไฟฟ้าของอุปกรณ์ รวมถึงแรงดันไฟที่อยู่ในอุปกรณ์ด้วย ค่าอุปกรณ์ที่ไม่แม่นยำทำให้กำเนิดสัญญาณความถี่ที่ไม่แน่นอน ทำให้วงจรนับสัญญาณนาฬิกานับแล้วไม่ถูกต้อง  จะใช้นาฬิกาแบบนี้อ้างอิงเวลาไม่ได้เลยในระยะยาว  เพราะความถี่มันคลาดเคลื่อนเยอะเกินไป อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ที่ต้องมีเวลาที่แน่นอนก็จะต้องอาศัยการตั้งค่าเทียบกับ internet time อย่างสม่ำเสมอ หรือต้องต่อเน็ตตลอดเวลานั่นเอง

นาฬิกาที่ควบคุมเวลาด้วยระบบควอตซ์จึงเป็นนาฬิกาที่เดินตรงที่สุดในโลกเพราะผิดพลาดน้อย ไม่นับนาฬิกาอะตอมที่ใช้ในห้องแล็ป ส่วนนาฬิกาออโตเมติก ระบบสั่นสะเทือนแล้วสะสมพลังงานไปผลักเข็ม แบบของหรู ของแพงทั้งหลาย เป็นระบบที่ไม่เที่ยงตรง เพราะคลาดเคลื่อนมากไม่ต่างกับนาฬิกาตามมีตามเกิด

แต่นาฬิกาออโตเมติกเลือกที่จะเอาจุดขายเรื่องอื่นมาทำตลาดคือ เป็นนาฬิกาที่เสถียรที่สุด  เพราะว่ามันทำงานได้อย่างน้อย 5 ปี ก่อนจะต้องส่งถึงมือช่างซ่อมบำรุง  ส่วนนาฬิกาควอตซ์ทำงานได้ประมาณ 2 ปีแล้วต้องส่งไปเปลี่ยนถ่านกับช่าง  อุปกรณ์ที่ห่างมือช่างได้นานกว่าก็ถือว่าเสถียรกว่านั่นเอง นาฬิกาในโลกนี้เลยมีจุดขาย2 อย่าง คือ เสถียร  กับ แม่นยำ  ต่างคนต่างมีตำแหน่งทางการตลาดของตัวเอง

อยากได้นาฬิกาที่เดินตรงให้ซื้อนาฬิการะบบควอตซ์ อยากได้นาฬิกาที่เดินได้ยาวนาน โอกาสเสียน้อยให้ซื้อนาฬิกาออโตเมติก แต่ต้องยอมรับกับการเดินไม่ตรงและต้องอาศัยกันตั้งเวลาเทียบกับโทรศัพท์มือถือแทบจะทุกวัน ส่วน smartwatch ก็เที่ยงตรงถ้าตั้งค่าให้ซิงค์กับโทรศัพท์ทุกวัน

วิธีปฏิบัติตัวเมื่อต้องไปประชุมวงใหญ่

IMG_7333

การประชุมทางธุรกิจ เราจะเรียกว่าการทำ networking ส่วนมากจะมีวัตถุประสงค์ของการประชุม และส่วนมากยิ่งกว่านั้นคือเป็นการประชุมเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ดังนั้นเมื่อเรารู้ตัวว่าเราจะไปร่วมประชุมในกลุ่มใหญ่ จำนวนคนเข้าประชุมหลายสิบหรือหลายร้อยคน สิ่งที่เราควรจะทำก่อนไปประชุมคือ ถามตัวเองว่าธุรกิจของเราในปีนี้ ต้องการอะไร ต้องการลูกค้า หรือ ต้องการดีลเลอร์ หรือต้องการซัพพลายเออร์ เมื่อได้คำตอบในใจแล้ว เราก็พร้อมจะเข้าสู่การประชุม

เมื่อไปถึงที่ประชุมโดยเรามีเป้าหมายในใจแล้วว่าเราต้องการรู้จักใครเป็นพิเศษ ให้เราเดินหน้าทำความรู้จักทันทีกับทุกคนที่เราพบ โดยถามให้ชัดว่าเขาคือใคร อาชีพอะไร และจัดกลุ่มให้เขาเป็นกลุ่มดังนี้
กลุ่ม A คือเป้าหมายที่ตรงใจเรา

กลุ่ม B คือน่าสนใจ และอาจจะกลายเป็น A ได้

กลุ่ม C คือ ไม่ตรงเป้า ยังไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ

ถ้าเขาเป็นกลุ่ม A  เป็นคนที่คาดว่าจะตรงเป้าหมายในใจ มีโอกาสช่วยเหลือทางธุรกิจต่อกันได้ อย่าทำแค่แลกนามบัตรแล้วบอกว่าจะโทรหา สิ่งที่เราควรทำก็คือ แสดงเจตนาว่าเราขอพบเขาในเวลาหลังจากนี้ เพื่อที่จะพูดคุยในรายละเอียด จากนั้นให้เราจดโน้ตต่อหน้าเขาเลยว่าเราขอจองเวลาของเขา มีปฏิทินก็หยิบมาเขียน มีสมาร์ทโฟนหรือแท็บเบล็ตก็หยิบมาคีย์ข้อมูลลงนัดหมายทันที จะอีกสามวันหรืออีกห้าวันหลังจากนี้ก็ให้กำหนดไปเลย ถ้าคู่สนทนาของเราเห็นด้วยว่าควรจะคุยรายละเอียดกันเพื่อพัฒนาธุรกิจซึ่งกันและกัน เขาจะยินยอมให้นัดหมายอย่างแน่นอน

ถ้าเขาเป็น กลุ่ม B  เป็นคนที่น่าสนใจ และน่าจะมีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงกันได้ในอนาคต ให้แลกนามบัตรกันแล้ว แล้วขอบคุณและขอตัวแยกออกไปคุยกับคนอื่นต่อ โดยเราสามารถจะติดต่อภายหลังด้วยการส่งข้อความ ส่งอีเมล หรือไลน์ ไปทักทายในภายหลัง

ถ้าเขาเป็น กลุ่ม C  อย่าเสียเวลาคุยนาน ให้ขอบคุณและขอตัวอย่างสุภาพ อาจจะรู้สึกว่ามันห้วนและสั้นไปหน่อย แต่ไม่ต้องคิดมาก วิธีนี้สุภาพเพียงพอแล้วสำหรับการจบบทสนทนา

เราจะออกจากงานประชุมแบบมีนัดกลุ่ม A ที่ต้องพบกันในเร็ววัน เราจะมีกลุ่ม B ที่เราจะส่งข้อความไปขอบคุณ เพียงเท่านี้เราก็จะถือว่าเราได้ใช้ประโยชน์จากการประชุมวงใหญ่อย่างคุ้มค่าคุ้มเวลา

การเลือกที่เก็บภาพ online

การใช้รูปประกอบบทความเป็นสิ่งที่ทำให้บทความน่าอ่าน wordpress สามารถใส่ภาพได้ง่าย และเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในระบบได้  ข้อดีคือทุกอย่างอยู่ในระบบเดียวกัน  แต่ข้อเสียคือ หากเราเขียนอย่างต่อเนื่องหลายปี บทความและรูปจะเยอะมาก และทำให้พื้นที่ใน wordpress เต็มได้ง่าย  เพราะ wordpress แบบฟรี จะมีพื้นที่จำกัด  ส่วนแบบจ่ายเงินก็จะได้พื้นที่เก็บข้อมูลเยอะขึ้น ยิ่งจ่ายต่อปีแพงขึ้นก็ยิ่งได้พื้นที่มากขึ้น  การเขียนบทความที่ยาวนาน มีเนื้อหาจำนวนมาก ภาพประกอบก็จะมากตามไปด้วยทำให้การแบ็คอัพก็จะทำยากขึ้น นานขึ้น

การหาที่เก็บภาพแบบ online แล้วนำไปใช้ใน wordpress จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราประหยัดพื้นที่ใน wordpress ได้ และเรายังคงได้ใช้ความสามารถของระบบเก็บภาพเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้อีกด้วย  อย่างเช่น เราอาจจะมีเว็บไซต์หลายเว็บ และหลายเว็บใช้คลังภาพเดียวกัน  การแยกคลังภาพไปเก็บไว้ต่างหากนอก wordpress ก็เป็นสิ่งที่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานหลายวัตถุประสงค์

Flickr-Logo-700x394

แนะนำการใช้คลังภาพเป็นระบบของ flickr เพราะว่าเป็นระบบการเก็บภาพที่พัฒนามายาวนานมาก  มีการจัดระเบียบ หมวดหมู่  สามารถสั่งให้เรียงลำดับตามวันเวลาที่บันทึกภาพก็ได้ หรือ เรียงลำดับตามวันที่อัพโหลดเข้า flickr ก็ได้  ความยืดหยุ่นในการจัดเรียงไฟล์ภาพทำให้เราสามารถย้อนดู หรือ ย้อนหาภาพที่ต้องการได้เร็วมากหากเราจำเหตุการณ์หรือวันเวลาที่ต้องการย้อนไปดูได้  การหาภาพในคลังของ flickr เราจะใช้เวลาไม่นานเพื่อเข้าถึงภาพนั้น  และ flickr ยังมีความสามารถในการนำภาพออกไปแชร์ได้หลายรูปแบบ  ซึ่งดีกว่า google photo  ดีกว่าเก็บไว้ใน cloud ระบบอื่นๆ  เพราะ cloud ของ flickr ออกแบบให้บริหารจัดการภาพได้ดีกว่ายี่ห้ออื่น

image

การส่งรูปภาพเข้า flickr สามารถทำได้ทีละหลายร้อยรูป และทุกรูปมีความละเอียดสูงเท่าต้นฉบับ  flickr จึงเป็นแหล่งแบ็คอัพหรือคลังเก็บภาพที่ดีมาก  แถมยังสามารถจัดกลุ่มแยกเป็นอัลบั้มได้อิสระ  ตั้งค่าให้แต่ละภาพเป็น private หรือ public ได้ด้วย  ต่อให้เราไม่ทำเว็บไซต์ เราก็ยังสามารถใช้ flickr เป็นที่เก็บภาพบนอินเทอเน็ตได้  ถือว่าเป็นเว็บเก็บภาพที่ทรงพลังมาก  ในตอนที่ผมเริ่มเขียนบทความก็ได้ทดลองใช้ระบบเก็บภาพบางแห่ง และสุดท้ายก็ต้องเลิกใช้ในที่สุดเนื่องจากระบบนั้นปิดตัวเองลง  การเลือก cloud เพื่อเก็บข้อมูลก็จะมีความเสี่ยงอยู่ในเรื่องเหล่านี้  การเลือกระบบที่ชำนาญเรื่องภาพถ่ายและอยู่มายาวนานก็เป็นวิธีคิดที่ถูกต้องที่สุด

External-Harddisk-WD-My-Passport-5TB

แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงต้องมีแบ็คอัพรูปภาพทั้งหมดเอาไว้ในบ้านด้วย  เราควรเลือกใช้ external harddisk สักตัวเพื่อเก็บภาพทุกภาพเอาไว้ถือเป็นช่องทางเก็บอีกระบบหนึ่ง  ความแน่นอนที่สุดที่ไฟล์ภาพจะไม่หายคือการมีภาพนั้นไว้ในฮาร์ดดิสก์และวางฮาร์ดดิสก์ก้อนนั้นไว้ในบ้านและขณะเดียวกันไฟล์นี้ก็ต้องอัพโหลดเข้าไปอยู่ใน cloud ที่ดีด้วย เพื่อให้เราได้ใช้งานในการเขียนบทความและทำเว็บไซต์ สรุปสั้นๆก็คือไฟล์ที่เราอยากเก็บควรมีไว้ทั้งในฝั่ง online และ offline

จดหมายร้องเรียน ฮอนด้าฟรีด ฉบับที่2

วันที่เขียนจดหมายร้องเรียน 9มิถุนายน2566  (ฉบับที่2)

จดหมายร้องเรียน รถฮอนด้าฟรีด  ฎพ8408 เข้ารับบริการวันพุธที่ 31 พค 2566 ประมาณ 10.30 น.

หลังจากได้ส่งจดหมายร้องเรียนไปถึงฮอนด้าประเทศไทย  ผมได้รับการติดต่อจากศูนย์บริการ v group บางกอกน้อย  เจ้าหน้าที่โทรมาพูดคุยและนำเสนอให้นำรถเข้าไปตรวจอีกครั้งที่ศูนย์ และได้ส่งข้อความมาทาง Line ดังนี้

messageImage_1686215439672

ผมอ่านแล้วมีความรู้สึกว่า  ข้อความดังกล่าว เป็นคำโฆษณาให้เข้าไปใช้บริการ  ไม่ได้เป็นการแสดงความรับผิดชอบใดๆเลย  เพราะผมยังคงต้องจ่ายเงิน ซ่อมในความเสียหายที่ผมไม่ได้ทำอยู่ดี ผมไม่ต้องการการตอบสนองแบบนี้ 

สิ่งที่ผมต้องการคือ

1 ซ่อมรถให้หายสั่น ทำให้เหมือนปกติก่อนเข้าไปรับบริการ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 2 คืนเงินในส่วนอะไหล่ 1 ชิ้นที่ผมจ่ายเพิ่มเพื่อแก้ปัญหา 3 จัดหารถใช้ระหว่างซ่อม 4 มารับรถที่บ้าน  ส่งคืนรถที่แก้ไขเสร็จที่บ้าน  ผมคิดว่านี่คือความยุติธรรมที่ผู้ให้บริการสามารถทำได้  

ถ้าศูนย์บริการต้องการแสดงความรับผิดชอบจริงๆ ให้เริ่มต้นด้วยการโอนเงินค่าใช้จ่ายอะไหล่ในข้อ 2 เข้าบัญชีพร้อมเพย์ ตามเบอร์โทรศัพท์มือถือ  แล้วผมจะรับนัดหมายลำดับถัดไป 

หวังว่าจะได้รับการตอบสนองที่แสดงถึงความรับผิดชอบ

วุฒิชัย เจริญบุรี โทร.0819373130 

email  pockethifi@gmail.com

web  https://pockethifi.wordpress.com/tag/freed/

รถฮอนด้าฟรีด ปี 2010

ทะเบียน: ฎพ8408

MHRGB3850AJ061554

1685663071372
2023-06-09_12-19-36

อะไหล่ที่ใช้แก้ปัญหาวันเกิดเหตุ 2896.49 บาท

สรุป (sep2023)
รถผมไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆจากฮอนด้าประเทศไทย ไม่มีการแก้ไขใดๆที่ทำให้รถหายสั่น ไม่มีการคืนเงินค่าซ่อมที่ผมไม่ได้ทำเสียหายจาก V group ผมต้องไปหาที่ซ่อมรถเอง หากใครคิดจะใช้รถฮอนด้าก็ขอให้อย่าโชคร้ายเจอกับศูนย์ที่ไม่รับผิดชอบ

วุฒิชัย เจริญบุรี เจ้าของรถ

จดหมายร้องเรียน รถฮอนด้าฟรีด

วันที่เขียนจดหมายร้องเรียน 8มิถุนายน2566

จดหมายร้องเรียน รถฮอนด้าฟรีด  xx8408 เข้ารับบริการวันพุธที่ 31 พค 2566 ประมาณ 10.30 น.

วันที่ 31พค2566 ผมนำรถฮอนฟ้าฟรีดไปเข้าศูนย์ v group สาขาบางกอกน้อย  ถนนจรัญสนิทวงศ์  เบอร์โทรศูนย์ 024345555  เพราะมีเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งโปรโมชั่นว่าให้เข้าไปเช็คระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ที่ศูนย์ โดยจะมีโปรโมชั่นตรวจเช็คฟรีหลายรายการ  แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้โปรโมชั่น พนักงานที่ศูนย์บอกว่ารถเกิน 3แสนกิโล ไม่ได้สิทธิ์  นี่คือเรื่องไม่พอใจ เรื่องที่ 1  แจ้งโปรโมชั่น โทรหาผมประมาณ 2 ครั้งเพื่อแจ้งโปรฯ และเมื่อนำรถเข้าไปแล้วกลับไม่ได้รับโปรฯ

ผมตัดสินใจเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนหัวเทียน  และนัดรับรถในตอน 15.00 น. เพื่อใช้รถไปทำธุระต่อ  ในระหว่างที่ยังไม่ถึงเวลานัดรับรถ  มีพนักงานโทรแจ้งว่ารถผมมีปัญหา คอยล์จุดระเบิดเสื่อม  คอยล์มีอาการร้าว ผมยืนยันไม่เปลี่ยน เพราะผมยังขับได้ ตอนเข้าศูนย์ผมขับเข้าไปได้ปกติ  ผมเชื่อว่ารถยังใช้งานได้ปกติ  จึงให้ทำแค่เท่าที่แจ้งตอนรับรถ  ไม่ต้องเปลี่ยนคอยล์จุดระเบิด 

ตอนรับรถ  ผมจ่ายเงิน ตามใบเสร็จรับเงินที่ศูนย์แจ้ง และขับรถออกจากศูนย์  หลังจากออกจากศูนย์ได้ประมาณ 3 นาที รถก็มีอาการสั่นผิดปกติ ผมตัดสินใจขับต่อไปถึงบ้านใช้เวลาขับต่ออีกประมาณ 5 นาที  ตอนถึงบ้าน รถมีอาการสั่นมากขึ้น และรู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว  ผมจอดรถที่บ้านแล้วโทรแจ้งอาการกับศูนย์  ศูนย์รับเรื่อง และให้ข้อมูลว่า รถของผมคอยล์จุดระเบิดเสื่อม  ทำให้มีอาการรถสั่น  ผมยืนยันว่า รถสั่นมากผิดปกติจนขับไม่ได้  ไม่ได้เหมือนตอนก่อนเข้าศูนย์ ซึ่งยังปกติ  ผมขอให้ศูนย์ส่งคนมาตรวจสอบ และรับรถกลับไปซ่อมให้เหมือนเดิมก่อนเข้าศูนย์  พนักงานรับเรื่องแจ้งว่าเดี๋ยวติดต่อกลับ

ผมรอพนักงานติดต่อกลับ  พนักงานเสนอว่า ช่างแนะนำให้เปลี่ยนคอยล์จุดระเบิด 1 ตัว เนื่องจากตรวจพบว่ามีปัญหา  และช่างได้นำคอยล์จุดระเบิดมาจากศูนย์เพื่อเปลี่ยนให้ผมที่บ้าน  ศูนย์ไม่คิดค่าแรง  จะคิดค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าอะไหล่ที่เบิกไป 

ผมตัดสินใจให้ช่างดำเนินการ เนื่องจากผมมีความจำเป็นต้องใช้รถ  ไม่สามารถทิ้งให้ซ่อมนานๆได้  ผมรอตอนเย็นประมาณ 17.00 น. ช่างก็เดินทางเข้ามาที่บ้าน  ผมจ่ายเงินค่าคอยล์จุดระเบิด 1 ตัว  แล้วก็ให้ช่างดำเนินการเปลี่ยนให้  อาการสั่นลดลงมาก จนดูเหมือนปกติ    คอยล์จุดระเบิดที่มีปัญหา1 ตัว ช่างหยิบมาวางให้ดู คอยล์จุดระเบิดมีสภาพหัก  ช่างให้ข้อมูลว่า คอยล์จุดระเบิดเก่ามาก ทำให้มีโอกาสหักเมื่อต้องเปลี่ยนหัวเทียน 

ผมใช้รถต่อไปอีกหลายวัน พบว่า รถมีอาการสั่นอยู่เล็กน้อย ไม่เหมือนปกติ  ผมจึงเขียนจดหมายร้องเรียนฉบับนี้เพื่อแจ้งให้ทราบว่าผมไม่พอใจในการบริการของฮอนด้าดังนี้

1 รถของผมไม่ปกติอีกเลยหลังจากรับบริการวันที่ 31พค2566 มีอาการเครื่องสั่นมากกว่าปกติ  แม้จะเปลี่ยนคอยล์จุดระเบิดไปแล้ว 1 ตัว  ไม่มีอาการสั่นที่น่ากลัว แต่ยังสั่นมากกว่าปกติ

2 ผมไม่พอใจที่ศูนย์ทำคอยล์จุดระเบิดของผมหัก และไม่รับผิดชอบใดๆ  ผมต้องจ่ายเงินค่าซ่อมรถที่ผมไม่ได้ทำเสีย และขับรถที่ไม่สมบูรณ์ออกถนน มันอันตรายมาก

3 ปัญหาครั้งนี้ทำให้ผมหมดความมั่นใจในตัวรถ  และไม่ไว้ใจศูนย์บริการฮอนด้าอีก

ผมหวังว่าศูนย์บริการ และฮอนด้าประเทศไทย จะรับรู้ และแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น 

วุฒิชัย เจริญบุรี โทร. xxxxxx3130 

email  pockethifi@gmail.com

web  https://pockethifi.wordpress.com/tag/freed/

รถฮอนด้าฟรีด ปี 2010

ทะเบียน: xx8408

MHRGB- – – – – – – -1554

IMG_4314
IMG_4323
1685663071372

IMG_4324

image02