filter

การใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ตัดแสงสะท้อน

นักถ่ายภาพมือใหม่ที่พยายามจะถ่ายวิวทิวทัศน์ โดยเฉพาะท้องทะเล จะมีคำบอกต่อให้ได้ยินว่า ให้ใส่ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ ให้บิดมุมโพลาไรซ์ให้ถูกต้อง แล้วจะได้น้ำสีเข้ม ได้ฟ้าสีเข้ม ซึ่งเป็นเรื่องจริงประมาณ 60 เปอร์เซ็น ส่วนอีก 40 เปอร์เซ็นคือ ท้องฟ้าต้องมีสีสันอยู่แล้ว ไม่ใช่ขาวโพลน และทะเลต้องมีสีสันอยู่แล้ว ไม่ใช่ทะเลขุ่นๆ

CPL

ภาพน้ำและฟ้าสีสวย น้ำทะเลสีเขียวหรือสีฟ้าก็ตาม เกิดจากน้ำทะเลไม่ขุ่น และท้องฟ้าสีฟ้า เกิดจากไม่มีเมฆปกคลุม อาจจะมีเมฆเป็นก้อนๆก็ได้ หรือ บางทีก็ไม่มีเมฆเลยก็จะเป็นฟ้าสวยๆใสๆ เราจะต้องเห็นสีฟ้าบนท้องฟ้าด้วยตาเปล่าเสียก่อน เราถึงจะไปเลือกใช้เทคนิคใส่ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ได้ นอกจากจะได้สีน้ำทะเลที่เข้มขึ้นแล้ว เรายังได้มองทะลุลงไปถึงใต้น้ำด้วย จะได้สีสันของสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ มองเห็นรายละเอียดใต้น้ำมากขึ้น

IMG_0073
EF-M18-55mm f/3.5-5.6 IS STM มุมโพลาไรซ์ยังปรับไม่ถูกต้อง
IMG_0072
EF-M18-55mm f/3.5-5.6 IS STM ปรับมุมโพลาไรซ์ให้ตัดแสงสะท้อนที่ผิวน้ำ

ภาพนักดำน้ำหากไม่ใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ภาพจะดูไม่น่าสนใจ สีสันต่างๆในภาพจะไม่เข้มสด การใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์และปรับหมุนให้ได้มุมที่เหมาะสมจะทำให้แสงสะท้อนที่ผิวน้ำลดลง และมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำมากขึ้น

IMG_3962
EF-M18-55mm f/3.5-5.6 IS STM
IMG_3961
EF-M18-55mm f/3.5-5.6 IS STM + ฟิลเตอร์โพราไรซ์

ฟิลเตอร์โพลาไรซ์จะตัดแสงสะท้อน ให้ดูเก้าอี้หวายที่วางข้างสระน้ำ ภาพที่ไม่ใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์เราจะเห็นด้านบนของเก้าอี้สะท้อนแสงสว่าง แต่พอเราใส่ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ แล้วหมุนฟิลเตอร์ไปเรื่อยๆ จะมีมุมหนึ่งที่ช่วยตัดแสงสะท้อนของแสงบนหวายได้ เมื่อแสงสะท้อนหายไป เราก็เห็นสีเข้มขึ้น

ฟ้าและท้องทะเลก็เช่นเดียวกัน ในบางมุมที่ทะเลสะท้อนแดด หากเราตัดแสงสะท้อนของแสงแดด เราก็จะได้ทะเลสีเข้มขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตัดแสงสะท้อนด้วยฟิลเตอร์โพลาไรซ์ได้ทุกครั้ง มันมีมุมที่เหมาะสม มันมีการทำงานทางฟิสิกส์อยู่เบื้องหลัง

IMG_3932
ƒ/10.0  1/320
IMG_3933
ƒ/8.0
 1/125

ถ้าเราถ่ายภาพตอนเที่ยง พระอาทิตย์อยู่ตรงหัว วิวที่เรามองไปข้างหน้าจะสามารถใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์มาทำงานตัดแสงสะท้อนได้ นั่นก็คือ ดวงอาทิตย์หรือแหล่งกำเนิดแสง ลากเส้นมาที่วัตถุหรือสิ่งที่เราอยากถ่าย แล้วลากต่อไปที่กล้องของเรา ถ้ามันเป็นมุมฉาก หรือใกล้เคียงมุมฉาก ฟิลเตอร์โพลาไรซ์จะทำงานได้ค่อนข้างดี

ถ้าดวงอาทิตย์อยู่หลังกล้อง สิ่งที่เราถ่ายก็เหมือนจะถ่ายตามแสง แบบนี้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์จะไม่มีผล ฟังดูเข้าใจยาก ก็ใช้วิธีใส่ฟิลเตอร์ไปทุกรูปเลยก็ได้ แล้วก็หมุนดูทุกรูป แล้วก็จะได้คำตอบ บางครั้งหมุนแล้วสีเปลี่ยน สีเข้มขึ้น บางครั้งหมุนแล้วไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ลองจนจำได้ เดี๋ยวก็จะเข้าใจ

IMG_6097
IMG_3953
2020-01-02_10-31-35-01

นอกจากการถ่ายวิวทิวทัศน์แล้วเรายังใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์กับการถ่ายวัตถุมันวาวอื่นๆด้วย เพื่อให้แสงสะท้อนจากผิวมันวาวเหล่านั้นหายไป จะทำให้เราได้สีสันและรายละเอียดของวัตถุที่ตรงกับความเป็นจริง ดูตัวอย่างจากเครื่องพิมพ์ด้านล่างนี้ได้

FRAME_COLLAGE1555330284743

นอกจากมุมแสงแล้วสิ่งที่ต้องรู้อีกประเด็นคืออัตราการกินแสง หรือ เสียแสง 2สต๊อป คำว่ากินแสงหมายความว่า แสงจะวิ่งเข้าเลนส์น้อยลงเพราะฟิลเตอร์บังไว้ ถ้าเราถ่ายโหดม M วัดค่าแสงก่อนใช้ฟิลเตอร์ได้ที่ f11 สปีดชัตเตอร์ 1/100 วินาที ตอนเราสวมฟิลเตอร์โพลาไรซ์หน้าเลนส์แล้ว เราจะต้องปรับตั้งให้กล้องรับแสงที่ f11 สปีดชัตเตอร์ 1/25 เพื่อให้แสงพอดี

แต่หากเราใช้กับกล้อง Mirrorless หรือ Dslr ที่มีการวัดแสงผ่านเลนส์แล้ว เราไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เพราะกล้องจะรับรู้ว่าแสงน้อยลง และกล้องจะเลือกค่าการรับแสงให้พอดีกับการใช้ฟิลเตอร์แล้ว กล้องที่ต้องคิดเรื่องอัตราการเสียแสงก็คือ กล้องแมน่วล กล้องฟิล์มโบราณต่างๆที่บางคนยังมีใช้งานอยู่


เวลาเลือกซื้อฟิลเตอร์โพลาไรซ์ เราจะเลือกคำว่า CPL ย่อมายาก Circular Polarize คือเป็นฟิลเตอร์ที่ทำงานร่วมกับเลนส์ออโต้โฟกัสได้ดี และส่วนมากฟิลเตอร์โพลาไรซ์ก็มักจะเป็นชนิดนี้ ส่วนขนาดที่เลือกซิ้อก็ให้เลือกซื้อตามขนาดหน้าเลนส์ที่เราจะใช้ บางทีนักถ่ายภาพบางคนมีเลนส์หลายตัว แต่ละตัวมีขนาดหน้าเลนส์ไม่เท่ากัน แนะนำแบบคลอบคลุมที่สุดก็คือให้ซื้อตามขนาดเลนส์ที่ใหญ่ที่สุด ส่วนตอนเอาไปใช้กับเลนส์หน้าเล็กก็ให้ใช้สเต็ปริงเปลี่ยนขนาดช่วย

การใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ในการถ่ายภาพเป็นได้ทั้งการแก้ปัญหาแสงสะท้อน และเป็นวิธีสร้างความน่าสนใจให้กับภาพถ่ายมากขึ้น หากมีเวลาก็ควรจะฝึกใช้งานให้บ่อย หยิบใส่ หยิบออก ปรับหมุนมุมโพลาไรซ์ให้เคยชิน ต่อให้อุปกรณ์ราคาไม่แพงแต่ก็ให้ภาพที่ดีได้ถ้ารู้เทคนิคการสร้างสรรค์ภาพ