filter

การใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ตัดแสงสะท้อน

นักถ่ายภาพมือใหม่ที่พยายามจะถ่ายวิวทิวทัศน์ โดยเฉพาะท้องทะเล จะมีคำบอกต่อให้ได้ยินว่า ให้ใส่ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ ให้บิดมุมโพลาไรซ์ให้ถูกต้อง แล้วจะได้น้ำสีเข้ม ได้ฟ้าสีเข้ม ซึ่งเป็นเรื่องจริงประมาณ 60 เปอร์เซ็น ส่วนอีก 40 เปอร์เซ็นคือ ท้องฟ้าต้องมีสีสันอยู่แล้ว ไม่ใช่ขาวโพลน และทะเลต้องมีสีสันอยู่แล้ว ไม่ใช่ทะเลขุ่นๆ

CPL

ภาพน้ำและฟ้าสีสวย น้ำทะเลสีเขียวหรือสีฟ้าก็ตาม เกิดจากน้ำทะเลไม่ขุ่น และท้องฟ้าสีฟ้า เกิดจากไม่มีเมฆปกคลุม อาจจะมีเมฆเป็นก้อนๆก็ได้ หรือ บางทีก็ไม่มีเมฆเลยก็จะเป็นฟ้าสวยๆใสๆ เราจะต้องเห็นสีฟ้าบนท้องฟ้าด้วยตาเปล่าเสียก่อน เราถึงจะไปเลือกใช้เทคนิคใส่ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ได้ นอกจากจะได้สีน้ำทะเลที่เข้มขึ้นแล้ว เรายังได้มองทะลุลงไปถึงใต้น้ำด้วย จะได้สีสันของสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ มองเห็นรายละเอียดใต้น้ำมากขึ้น

IMG_0073
EF-M18-55mm f/3.5-5.6 IS STM มุมโพลาไรซ์ยังปรับไม่ถูกต้อง
IMG_0072
EF-M18-55mm f/3.5-5.6 IS STM ปรับมุมโพลาไรซ์ให้ตัดแสงสะท้อนที่ผิวน้ำ

ภาพนักดำน้ำหากไม่ใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ภาพจะดูไม่น่าสนใจ สีสันต่างๆในภาพจะไม่เข้มสด การใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์และปรับหมุนให้ได้มุมที่เหมาะสมจะทำให้แสงสะท้อนที่ผิวน้ำลดลง และมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำมากขึ้น

IMG_3962
EF-M18-55mm f/3.5-5.6 IS STM
IMG_3961
EF-M18-55mm f/3.5-5.6 IS STM + ฟิลเตอร์โพราไรซ์

ฟิลเตอร์โพลาไรซ์จะตัดแสงสะท้อน ให้ดูเก้าอี้หวายที่วางข้างสระน้ำ ภาพที่ไม่ใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์เราจะเห็นด้านบนของเก้าอี้สะท้อนแสงสว่าง แต่พอเราใส่ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ แล้วหมุนฟิลเตอร์ไปเรื่อยๆ จะมีมุมหนึ่งที่ช่วยตัดแสงสะท้อนของแสงบนหวายได้ เมื่อแสงสะท้อนหายไป เราก็เห็นสีเข้มขึ้น

ฟ้าและท้องทะเลก็เช่นเดียวกัน ในบางมุมที่ทะเลสะท้อนแดด หากเราตัดแสงสะท้อนของแสงแดด เราก็จะได้ทะเลสีเข้มขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตัดแสงสะท้อนด้วยฟิลเตอร์โพลาไรซ์ได้ทุกครั้ง มันมีมุมที่เหมาะสม มันมีการทำงานทางฟิสิกส์อยู่เบื้องหลัง

IMG_3932
ƒ/10.0  1/320
IMG_3933
ƒ/8.0
 1/125

ถ้าเราถ่ายภาพตอนเที่ยง พระอาทิตย์อยู่ตรงหัว วิวที่เรามองไปข้างหน้าจะสามารถใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์มาทำงานตัดแสงสะท้อนได้ นั่นก็คือ ดวงอาทิตย์หรือแหล่งกำเนิดแสง ลากเส้นมาที่วัตถุหรือสิ่งที่เราอยากถ่าย แล้วลากต่อไปที่กล้องของเรา ถ้ามันเป็นมุมฉาก หรือใกล้เคียงมุมฉาก ฟิลเตอร์โพลาไรซ์จะทำงานได้ค่อนข้างดี

ถ้าดวงอาทิตย์อยู่หลังกล้อง สิ่งที่เราถ่ายก็เหมือนจะถ่ายตามแสง แบบนี้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์จะไม่มีผล ฟังดูเข้าใจยาก ก็ใช้วิธีใส่ฟิลเตอร์ไปทุกรูปเลยก็ได้ แล้วก็หมุนดูทุกรูป แล้วก็จะได้คำตอบ บางครั้งหมุนแล้วสีเปลี่ยน สีเข้มขึ้น บางครั้งหมุนแล้วไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ลองจนจำได้ เดี๋ยวก็จะเข้าใจ

IMG_6097
IMG_3953
2020-01-02_10-31-35-01

นอกจากการถ่ายวิวทิวทัศน์แล้วเรายังใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์กับการถ่ายวัตถุมันวาวอื่นๆด้วย เพื่อให้แสงสะท้อนจากผิวมันวาวเหล่านั้นหายไป จะทำให้เราได้สีสันและรายละเอียดของวัตถุที่ตรงกับความเป็นจริง ดูตัวอย่างจากเครื่องพิมพ์ด้านล่างนี้ได้

FRAME_COLLAGE1555330284743

นอกจากมุมแสงแล้วสิ่งที่ต้องรู้อีกประเด็นคืออัตราการกินแสง หรือ เสียแสง 2สต๊อป คำว่ากินแสงหมายความว่า แสงจะวิ่งเข้าเลนส์น้อยลงเพราะฟิลเตอร์บังไว้ ถ้าเราถ่ายโหดม M วัดค่าแสงก่อนใช้ฟิลเตอร์ได้ที่ f11 สปีดชัตเตอร์ 1/100 วินาที ตอนเราสวมฟิลเตอร์โพลาไรซ์หน้าเลนส์แล้ว เราจะต้องปรับตั้งให้กล้องรับแสงที่ f11 สปีดชัตเตอร์ 1/25 เพื่อให้แสงพอดี

แต่หากเราใช้กับกล้อง Mirrorless หรือ Dslr ที่มีการวัดแสงผ่านเลนส์แล้ว เราไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เพราะกล้องจะรับรู้ว่าแสงน้อยลง และกล้องจะเลือกค่าการรับแสงให้พอดีกับการใช้ฟิลเตอร์แล้ว กล้องที่ต้องคิดเรื่องอัตราการเสียแสงก็คือ กล้องแมน่วล กล้องฟิล์มโบราณต่างๆที่บางคนยังมีใช้งานอยู่


เวลาเลือกซื้อฟิลเตอร์โพลาไรซ์ เราจะเลือกคำว่า CPL ย่อมายาก Circular Polarize คือเป็นฟิลเตอร์ที่ทำงานร่วมกับเลนส์ออโต้โฟกัสได้ดี และส่วนมากฟิลเตอร์โพลาไรซ์ก็มักจะเป็นชนิดนี้ ส่วนขนาดที่เลือกซิ้อก็ให้เลือกซื้อตามขนาดหน้าเลนส์ที่เราจะใช้ บางทีนักถ่ายภาพบางคนมีเลนส์หลายตัว แต่ละตัวมีขนาดหน้าเลนส์ไม่เท่ากัน แนะนำแบบคลอบคลุมที่สุดก็คือให้ซื้อตามขนาดเลนส์ที่ใหญ่ที่สุด ส่วนตอนเอาไปใช้กับเลนส์หน้าเล็กก็ให้ใช้สเต็ปริงเปลี่ยนขนาดช่วย

การใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ในการถ่ายภาพเป็นได้ทั้งการแก้ปัญหาแสงสะท้อน และเป็นวิธีสร้างความน่าสนใจให้กับภาพถ่ายมากขึ้น หากมีเวลาก็ควรจะฝึกใช้งานให้บ่อย หยิบใส่ หยิบออก ปรับหมุนมุมโพลาไรซ์ให้เคยชิน ต่อให้อุปกรณ์ราคาไม่แพงแต่ก็ให้ภาพที่ดีได้ถ้ารู้เทคนิคการสร้างสรรค์ภาพ

อ่านหรือไม่อ่าน

IMG_20240210_141130

เจอหนังสือสองเล่มนี้ในร้านขายหนังสือ วางอยู่ติดกันเลย สุดท้ายผมซื้อเล่มขวาติดกลับบ้านด้วย หนังสือพูดถึงการทำการตลาดในยุคออนไลน์ เล่าเรื่องพื้นฐานที่ควรรู้ แต่กว่าจะได้เริ่มอ่านจริงจังก็ผ่านไปหลายวัน โดยก่อนถึงวันที่เริ่มอ่านจริงจัง ผมผ่านสถานการณ์นั่งมองหนังสือ แล้วก็ได้เข้าใจในบางเรื่อง ตอนที่นั่งมองปกหนังสือนี่แหละ

หลายครั้งที่ผมเล่าเรื่องน่ารู้ให้เพื่อนในกลุ่มฟัง เกี่ยวกับแนวคิด หลักการต่างๆที่ใช้ในการทำการตลาด หรือบางทีก็ส่งลิงค์ในเว็บให้อ่าน เพื่อให้เพื่อนได้ทำความเข้าใจ เพื่อนจะได้เข้าใจแบบเดียวกับเรา แต่ก็พบว่า เพื่อนยังไม่อ่าน ผ่านไปเป็นเดือนบางทีถามกลับไปเพื่อนก็บอกว่าไม่ได้อ่าน คือยังไม่ได้เริ่มทำความเข้าใจในสิ่งที่เราแนะนำ ก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมไม่อ่าน ทำไมไม่ไปตามอ่านให้จบ จะได้เข้าใจตรงกัน เวลาทำงานร่วมกันจะได้ไม่สงสัยในวิธีการ

IMG_0714

จนวันที่เจอหนังสือเล่มนี้ พอซื้อแล้วก็พกอยู่ในกระเป๋า ตั้งใจว่าจะนั่งอ่านทำความเข้าใจ บางครั้งก็แวะนั่งร้านกาแฟ ตั้งใจว่าจะอ่านสัก 2 ชม. แต่พอได้นั่ง ก็เปิดคอมฯ ดูโน่นนั่นนี่ ฟังเพลง ดูคลิป ดูข่าว ดูรายการพอดคาสท์ สุดท้ายเวลาผ่านไป 2 ชม. หนังสือไม่ได้หยิบเลย การเริ่มต้นอ่านหนังสือสักเล่มมันทำไมยากอย่างนี้ คนเรามีจังหวะขี้เกียจเริ่มต้นจริงๆ และวันนี้ก็ได้ประสบกับตัวเอง

ผ่านการผลัดวันประกันพรุ่งมาหลายวัน แต่ละวันที่นั่งมองปกหนังสือก็ได้แต่ถอนหายใจ ความรู้สึกยังไม่อยากอ่านยังคงมีอยู่ ก็ทำให้นึกถึงเพื่อนๆหลายคน สิ่งที่เคยส่งให้เพื่อนอ่าน สิ่งที่เคยแนะนำว่าเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ ส่งลิงค์ให้อ่าน เพื่อนไม่กดเข้าไปแม้สักครั้งเดียว มันเลยพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ยังไม่พร้อมจะอ่านได้ ต่อให้มีประโยชน์แค่ไหน ถ้าเป็นตอนที่ไม่อยากอ่าน ยังไงก็ไม่อ่าน และก็คาดว่าคนที่ไม่ได้มีนิสัยรักการอ่านบางทีก็คงไม่คิดจะอ่านอะไรยาวๆเลย

IMG_5447

ผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ หาเวลาว่างได้หลายชั่วโมง ก็เลยเริ่มอ่าน พบว่าวิธีการที่จะทำให้ได้เริ่มอ่านแบบง่ายที่สุดก็คือให้พกหนังสือเล่มนี้เล่มเดียว ส่วนคอมพิวเตอร์ หูฟัง เครื่องเล่นเพลง หนังสือเล่มอื่น กล้องถ่ายภาพ ของเล่นใดๆอย่าพกเลย ให้เหลือติดมือแค่หนังสือเล่มนี้เล่มเดียว แล้วจะได้เริ่มอ่านจริงๆ หนังสือประมาณสองร้อยหน้าใช้เวลาอ่านประมาณ 4 ชม. ก็จบ การอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องยาก การเริ่มอ่านต่างหากที่ยากมากๆ

รวมภาพจากกล้องหลายตัวในมุมคล้ายกัน

000031
Nikon L35AF + fuji c200

01014minilux-000002
Leica minilux + fuji c200
DSC00291
Sony ZV-1F
01014minilux-000005
Leica minilux + fuji c200
DSC00038
Sony ZV-1F
01014minilux-000021
Leica minilux + fuji c200
DSC00022
Sony ZV-1F
000044
Leica Minilux + fuji c200
DSC00096
Sony ZV-1F
DSCF5515
Fujifilm GFX 50R GF20-35mmF4 R WR
DSC00029
Sony ZV-1F
000045
Contax T3 + fuji c200
000032
Nikon L35AF + Fuji c200
DSC00455
Sony ZV-1F Zoom 2x

เล่าเรื่อง แผ่นซีดี Clair marlo แผ่นเทพแห่งวงการเครื่องเสียง

ทดลองกล้อง canon eosm vs sony zv-1f

กล้อง Eos M เป็นกล้อง Mirrorless เปลี่ยนเลนส์ได้ของ Canon ที่ทำออกมานานแล้ว มีเลนส์ตัวเล็กสเป็ค 22มม. f2 เป็นเลนส์ที่รูรับแสงกว้างทำให้เหมาะกับการถ่ายในสภาพแสงน้อย นั่นก็หมายความว่าสามารถใช้ถ่ายในสถานการณ์ต่างๆได้ดีตั้งแต่แสงน้อยไปจนถึงแสงปกติ ดังนั้นมันจึงเหมาะที่จะถูกใช้งานเป็นกล้องพกพาที่ใช้งานประจำวัน กล้องและเลนส์เมื่อติดรวมกันแล้วก็จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก จะเรียกว่าเป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ขนาดเล็กเกือบจะที่สุดก็ไม่ผิด คุณภาพของภาพก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีถึงดีมาก ข้อเสียคือถ่ายวิดีโอไม่ค่อยดีตามยุคสมัย แม้จะถ่ายความละเอียด FHD ได้ 1920×1080 แต่ก็ไม่มีกันสั่น และระบบโฟกัสก็ก็ไม่เก่ง หลายครั้งภาพเบลอ ติดตามสิ่งที่เคลื่อนที่ไม่ทัน 

Sony ZV-1F เป็นกล้องคอมแพ็คขนาดเล็ก ติดเลนส์มุมกว้างรูรับแสงกว้างคือ 20มม. f2 ทำให้จัดว่าเป็นกล้องที่ไวแสง สามารถถ่ายภาพในสถานที่แสงน้อยได้ดี ทำให้เหมาะกับสถานการณ์เกือบทุกชนิดที่ตามมองเห็น ระบบโฟกัสภาพนิ่งทำได้ดีมาก ระบบโฟกัสวิดีโอทำได้ดีมาก ทำให้มันสามารถถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอได้ดีในตัวเดียว และที่สำคัญคือมีโหมดปรับสีภาพที่เลือกใช้ได้ทันที สามารถจบหลังกล้องได้ภาพโทนสีถูกใจด้วยการถ่ายครั้งเดียว ไม่ต้องไปใช้โปรแกรมปรับสีอื่นๆใดๆ มันจึงเหมาะเป็นกล้องติดตัวเพื่อใช้งานประจำวันอีกตัวหนึ่ง และมันก็ทำงานได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ เลือกโทนสีของภาพและวิดีโอให้เป็นสีที่ถูกใจได้ง่าย โดยเฉพาะโหมดสีชนิด FL ที่ย่อมาจากคำว่า film look ที่ให้สีสันเหมือนภาพจากกล้องฟิล์ม ซึ่งเป็นโทนสีที่ช่างภาพส่วนมากจะรู้สึกชอบ ลูกเล่นนี้จึงถูกบรรจุอยู่ในกล้องนั่นเอง

canon eos m + 22f2

IMG_4940

1707584833691

Sony ZV-1F filter FL

DSC00201

1707625520093

รีวิวกล้อง SONY ZV-1F

รีวิวกล้องน่าใช้ Sony ZV-1F.

1707829233240-01

สำหรับช่างภาพที่ฝึกฝนการถ่ายภาพมาระยะหนึ่ง บางคนอาจมีอาชีพเป็นช่างภาพ บางคนอาจมีอาชีพอื่นที่ต้องถ่ายภาพจำนวนมาก ก็จะมีบางเวลาที่ไม่อยากจับกล้องตัวใหญ่ที่ใช้ทำงาน บางครั้งก็อยากได้กล้องตัวเล็กพกง่าย หยิบได้เร็ว เก็บได้เร็ว เอาไว้ถ่ายภาพในวันสบายๆ แต่วันสบายๆนั้นก็ต้องได้ภาพที่ดีซึ่งหมายถึงดีตามมาตรฐานระดับสูงของช่างภาพ ก็คืออยากได้กล้องเล็ก เบา และให้ภาพดีเหมือนกล้องโปรนั่นเอง

IMG_1176

ในยุคสมัยของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่แสนเฟื่องฟู ตั้งแต่กล้องในโทรศัพท์คุณภาพดีเท่ากับกล้องคอมแพ็คหรือกล้องดิจิทัลตัวเล็กๆ กล้องคอมแพ็คก็โดนแย่งตลาดไป คนส่วนใหญ่ซื้อโทรศัพท์ราคาระดับกลางไปถึงสูงเพื่อให้มีกล้องคุณภาพดีอยู่ในโทรศัพท์และใช้แทนกล้องถ่ายภาพไปเลย พอตลาดมวลชนหันไปใช้โทรศัพท์แทน กล้องคอมแพ็คก็ทะยอยเลิกผลิตกันไป ถ้าเป็นสักห้าปีก่อน บางทีเรานึกไม่ออกเลยว่าจะมีกล้องคอมแพ็คดิจิทัลราคาย่อมเยาให้ซื้อหรือไม่  ตามร้านกล้องในห้างก็ไม่มีวางขายกล้องคอมแพ็คหลักพันบาทแล้ว เหลือแต่หลักหมื่นจนไปเป็นหลายๆหมื่น บางรุ่นก็เป็นแสน

ในอดีตผมมีความรู้สึกชอบกล้องคอมแพ็คที่เป็นกล้องฟิล์มอยู่หลายตัว Leica Minilux ก็เป็นกล้องคอมแพ็คใช้ฟิล์มของไลก้าที่ราคาไม่แพงเท่าตัวอื่นของยี่ห้อนี้ ก็มีไว้ใช้อยู่พักหนึ่ง ถ่ายเล่นพอสนุกๆแล้วก็วางเก็บไว้ ถือว่าเป็นกล้องฟิล์มที่มีขนาดตัวเล็กกว่ากล้องระดับโปร ตอนใช้งานก็หยิบขึ้นมากดถ่าย วัดแสงได้แม่นยำ ให้ภาพที่ดี  แต่พอเข้าสู่ยุคฟิล์มแพงและการใช้งานต้องรอล้างฟิล์มและสแกนภาพหลายวันก็เลยไม่ค่อยได้ใช้อีก 

กล้อง Contax T3 ก็เป็นกล้องฟิล์มตัวท๊อปตัวหนึ่ง ให้คุณภาพที่ดีมาก โฟกัสเร็วมาก วัดแสงแม่นมาก ใช้ถ่ายภาพอยู่หลายม้วน หลังๆก็ไม่ค่อยได้ใช้เพราะขี้เกียจรอเวลาส่งฟิล์มล้าง แถมระยะหลังฟิล์มราคาแพงจนไม่น่าคบ ก็เลยวางยาวไว้ในกระเป๋ากล้อง แทบไม่ได้แตะอีกเลย

Nikon L35AF เป็นกล้องคอมแพ็คค่ายญี่ปุ่นที่ออกแบบดี แข็งแรง และคุณภาพดีเช่นกัน เรื่องกล้องผมว่าญี่ปุ่นไม่เป็นรองเยอรมันเลย หามาใช้เพราะได้ข่าวว่าดี ลองใช้แล้วก็พบว่าดีจริงและราคาไม่แพงมาก ทั้งสามตัวที่กล่าวถึงก็จะมีรีวิวเขียนไว้ในเว็บนี้แล้ว ลองหาอ่านดูได้

IMG_0046
ฟิล์มขาวดำที่ผ่านการล้างแล้ว รอนำไปอัดเป็นภาพ

กล้องคอมแพ็คใช้ฟิล์มที่กล่าวถึงนี้ใช้งานได้ดี แต่ก็มีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าล้างฟิล์มและการสแกนภาพ ปัจจัยกำหนดคุณภาพของภาพต้องคิดตั้งแต่เลือกฟิล์ม เลือกกล้องเลือกเลนส์ เลือกร้านล้างฟิล์มและสแกน กว่าจะได้ภาพที่ถูกใจต้องเสี่ยงวัดดวงกันหลายอย่าง สุดท้ายเมื่อได้ภาพมาก็ดูภาพสแกนในโทรศัพท์มือถือหรือไม่ก็ในคอมพิวเตอร์ แถมเอาไปโพสท์ในโซเชียลเน็ตเวิร์คก็ส่งดิจิทัลไฟล์ออกไป แทบไม่ได้อัดขยายออกมาเป็นภาพบนกระดาษเลย

พอไม่คิดจะอัดภาพเป็นกระดาษก็เลยมองหากล้องดิจิทัลคอมแพ็คกันอีกครั้งในรอบสิบปี ผมเคยมีกล้องคอมแพ็คตัวเจ๋งอย่าง Fuji x100 ที่ราคาไม่ถูกเลย แต่ก็ใช้อยู่ปีกว่าก็ขายออกไปก่อน เพราะว่าโฟกัสช้า ไม่สามารถถ่ายภาพลูกที่กำลังหัดคลานหัดเดินได้ทัน กล้องดิจิทัลไม่ได้มีอายุการใช้งานนานเหมือนกล้องฟิล์ม เก็บไว้โดยไม่ได้ใช้ก็ดูเป็นทางเลือกที่ไม่ดีนัก มาช่วงนี้ที่ไม่ต้องถ่ายภาพเด็กคลานและเดินแล้ว เพราะลูกโตเปลี่ยนเป็นวิ่งแทน ก็แทบจะเลิกใช้กล้องคอมแพ็คหรือกล้องฟิล์มถ่ายไปเลย ต้องเปลี่ยนไปใช้กล้อง DSLR แทนเพื่อให้ถ่ายภาพตอนเคลื่อนไหวเร็วๆได้ทัน ประกอบกับมีเรื่องของการถ่ายคลิปวิดีโอเพิ่มเข้ามาด้วย กล้องAction camera อย่าง gopro ที่ลงน้ำได้ด้วย ก็ต้องหามาใช้ประกอบกัน  การหากล้องถ่ายภาพมาใช้อีกครั้งก็เลยคิดเผื่อความสามารถเรื่องการถ่ายวิดีโอเพิ่มเติม คืออยากได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอที่ดีในกล้องตัวเดียวกัน

IMG_1203

ด้วยความชอบสีสันของภาพถ่ายที่มีลักษณะของฟิล์ม ทั้งโทนสีและโทนขาวดำของกล้องฟิล์มมีบุคลิกที่เด่นชัดและยากจะทำเลียนแบบด้วยคอมพิวเตอร์ การค้นหากล้องดิจิทัลที่ให้ภาพคล้ายฟิล์มเป็นเป้าหมายในใจช่างภาพยุคหัดถ่ายฟิล์มมายาวนานหลายปี บางครั้งก็ลองไปปรับแต่งตัวเลขสีในกล้องดิจิทัลทั้งกล้อง DSLR รวมถึงกล้อง mirrorless หลายตัวก็ยังไม่ถูกใจ แต่พอมีข่าวว่า sony ทำกล้องที่สามารถเลือกปรับสีให้ดูเพี้ยนคล้ายภาพจากฟิล์มได้ ก็เลยสนใจ และก็ติดตามอ่านมาเรื่อย จนเกิดเป็นรีวิวกล้อง Sony ZV-1F ตัวนี้

สั่งซื้อที่นี่ https://shope.ee/9eyuQHL1zl

ข้อมูลกล้อง

กล้องอนุกรม ZV ของ Sony เริ่มจาก ZV-1 เป็นกล้องคอมแพ็คเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว มาสู่กล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ ZV-E10 เซ็นเซอร์ aps-c ต่อมาก็มี ZV-E1 ที่เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ขนาดเซ็นเซอร์ Full frame แล้วก็มาสู่ กล้องคอมแพ็ค ZV-1F แล้วก็มาถึงกล้องคอมแพ็ค ZV-1 ii จุดเด่นของตัวกล้องกลุ่ม ZV ก็คือมีไมโครโฟนรับเสียงคุณภาพดี และมีลูกเล่นการโฟกัสสิ่งของหรือ Product show case ที่เอาไว้ใช้กับการ live ขายของ หยิบสินค้าชิ้นเล็กๆขึ้นมาโชว์แล้วกล้องสามารถโฟกัสไปที่สิ่งของแทนหน้าคนขายได้ จุดเด่นสองอย่างนี้ทำให้ ZV ทุกตัวได้รับความนิยมมาก

ZV-1F เป็นกล้องดิจิทัลคอมแพ็ค ติดเลนส์ฟิกซ์ 20f2 ซึ่งเป็นเลนส์เดี่ยวคุณภาพสูง รูรับแสงกว้าง เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1 นิ้ว เป็นขนาดที่ไม่เล็กมาก สามารถให้ภาพที่มีคุณภาพดีกว่าโทรศัพท์มือถือและกล้องคอมแพ็คทั่วไป การทำงานภายในกล้องถูกออกแบบมาให้เป็นกล้องที่ทำงานได้เร็ว โฟกัสแม่น และถ่ายวิดีโอได้สเป็คบิทเรทที่สูงมาก การออกแบบเป็นเลนส์ฟิกซ์ทำให้กล้องมีขนาดเล็ก เลนส์ติดกล้องไม่มีชิ้นส่วนยื่นเข้าออกตอนเปิดปิด ทำให้ลดโอกาสความเสียหายเรื่องสายแพรเสียหายในระยะยาว และพอไม่มีการยืดตัวของเลนส์ก็ทำให้มันมีขนาดกระทัดรัดที่สุดตอนทำงาน เหตุที่กังวลเรื่องสายแพรเพราะว่ากล้องคอมแพ็คที่มีเลนส์ยื่นเข้ายื่นออกได้จะมีอาการสายไฟในเลนส์เสียหาย ซึ่งกล้องคอมแพ็คฟิล์มที่เคยใช้มีปัญหานี้แทบทุกตัว แม้แต่เลนส์ซูมที่ใช้กับกล้อง DSLR ก็เคยมีปัญหาสายไฟในเลนส์ขาดเช่นกัน

ยังมีจุดเด่นด้านอื่นที่ทำให้กล้อง ZV-1F ตัวนี้น่าสนใจคือ ช่องเสียบสาย usb เป็นชนิด usb-c สามารถชาร์จไฟได้ด้วยทำให้เราไม่ต้องถอดแบตออกมาชาร์จข้างนอก สามารถเสียบชาร์จด้วย powerbank ได้ ซึ่งข้อนี้เป็นข้อดีมากๆ โดยเฉพาะคนที่ต้องเดินทางบ่อยๆ เที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ จะมีประโยชน์โดยตรง 

ยังมีลูกเล่นการปรับโทนสีภาพให้ดูสีสวยแปลกตาหลายแบบ อยู่ในเมนู creative look ทำให้เราสามารถปรับโทนสีของคลิปวิดีโอและภาพนิ่งได้ ซึ่งผมเลือกซื้อกล้องตัวนี้เพราะลูกเล่นการการปรับโทนสีโดยเฉพาะเลย 

หลังจากเริ่มใช้งานมาหลายวันก็ทะยอยค้นพบข้อดีเพิ่มขึ้นทีละอย่าง เชื่อว่าทีมพัฒนาโซนี่น่าจะทำแบบสำรวจหรือขอข้อมูลจากผู้ใช้งานจำนวนมากจะปรับปรุงและใส่ลูกเล่นต่างๆมาในกล้องได้อย่างน่าประทับใจ เริ่มจาก

DSC00104_1
ZV-1F ถ่ายด้วยรูรับแสงกว้างสุด ตอนกลางคืน แสงสว่างในห้องนอน

เลนส์ไวแสง 20 f2.0 เป็นเลนส์ที่เหมาะกับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ทำให้มันเหมาะกับการถ่ายภาพแทบทุกสถานการณ์ ประกอบกับการทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์รับแสงขนาดใหญ่ 1 นิ้ว กล้องที่ผลิตในยุคใหม่เป็นกล้องที่มีสัญญาณรบกวนต่ำกว่ากล้องสเป็คเดียวกันในอดีต คุณภาพของภาพตอนถ่ายในที่แสงน้อยจะดูดีกว่ากล้องเมื่อยี่สิบปีที่แล้วอย่างมาก 

06-ZV-1F_top_white

ปุ่มชัตเตอร์และปุ่มถ่ายวิดีโอเป็นปุ่มกดวางแยกกัน ไม่สับสนในการใช้งาน และการจัดวางปุ่มก็เลือกวางได้อย่างเข้าใจ การใช้งานระหว่างสองโหมดนี้ไม่สับสนเลย 

DSC00136

เครื่องพิมพ์ตีธง เป็นเครื่องพิมพ์แบบ letterpress ที่ดัดแปลงไปทำงานปั๊มเจาะรู และทำเส้นปรุได้

ระหว่างที่กำลังเล็งจะถ่ายภาพนิ่ง หากเราอยากเปลี่ยนเป็นถ่ายวิดีโอเราก็กดปุ่มถ่ายวิดีโอ กล้องจะเริ่มบันทึกภาพวิดีโอเลย ตรงนี้เป็นการทำงานที่ไม่ต้องย้ายโหมด ไม่ต้องเปลี่ยนโหมด ไม่ต้องเข้าเมนูใดๆ เป็นความรวดเร็วที่ควรทำได้มาตั้งนานแล้ว แต่ก็เพิ่งพบกับกล้องรุ่นนี้

DSC00164
ภาพใบไม้ถ่ายด้วยเลนส์ 20f2 บนกล้อง ZV-1F
DSC00165
กล้อง ZV-1F กดซูมภาพแบบดิจิทัล 2X

กล้องมีระบบดิจิทัลซูมที่ทำให้เลนส์ฟิกซ์ก็สามารถมีภาพขยายใหญ่เหมือนมีเลนส์ซูมได้ การทำดิจิทัลซูมก็คล้ายกับการคร็อปภาพ ซึ่งหากเลนส์มีคุณภาพ การคร็อปภาพก็จะเหมือนเลนส์มีทางยาวโฟกัสเพิ่มขึ้นนั่นเอง จากเลนส์ 20มม. ก็จะกลายเป็นเลนส์ 40มม. ในทางปฏิบัติแม้จะเป็นการคร็อปภาพ แต่การคร็อปภาพจากภาพที่ใหญ่มาก ก็ยังคงให้ภาพขนาดกลางที่มีคุณภาพอยู่ sony ออกแบบให้ขยายภาพหรือซูมได้ถึง 4เท่า ซึ่งภาพที่คร็อป4เท่า ก็ยังพอใช้งานได้

ซ้อมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาที่สนามฟุตบอล

ระบบการซูมดิจิทัลสามารถตั้งค่าความเร็วในการซูมได้ เราสามารถค่อยๆซูมเข้าไปช้าๆที่ตัวบุคคลเพื่อสร้างมุมมองภาพเหมือนการถ่ายทำสารคดีหรือถ่ายหนัง การซูมอย่างนุ่มนวลให้ภาพวิดีโอที่สวยงามนุ่มนวลไม่กระตุก ลูกเล่นการซูมนี้ช่วยทำให้การถ่ายคลิปวิดีโอเป็นเรื่องสนุก เรามีตัวเลือกซูมช้า ปานกลาง และเร็ว รวมถึงมีปุ่มบนหน้าจอที่ 1x 2x 4x ให้เลือกด้วย กดแล้วได้ระยะซูมที่ต้องการทันทีไม่ต้องรอ ระบบการซูมดิจิทัลแบบนี้ใช้เป็นเครื่องมือสร้างภาพเคลื่อนไหวที่น่าดูได้

DSC00110
ของไหว้เทศกาลตรุษจีน

การที่กล้องมีจอภาพแบบ flip สามารถกางออกมาดูในมุมมองอื่นได้ ทำให้เราสามารถถ่ายภาพเงย หรือก้ม หรือมุมมองแปลกๆได้ ซึ่งกล้อง DSLR ในอดีตการจะถ่ายมุมมองก้มลงอย่างแม่นยำ ก็อาจจะต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่ม แต่จอภาพแบบ flip ทำให้การถ่ายภาพทุกองศาการถือกล้องเป็นเรื่องง่าย จัดวางกล้องได้อิสระมาก

DSC00019
ภาพเครื่องพิมพ์ ถ่ายเป็นโหมดขาวดำจบหลังกล้อง

ภาพขาวดำตั้งค่าจากในกล้องเลย ปรับแต่งค่าคอนทราสต์นิดหน่อย เราก็จะได้ภาพขาวดำที่ให้โทนสีดำที่ลึก เข้มข้น เป็นแนวทางใกล้เคียงกับการทำงานขาวดำด้วยฟิล์ม ใกล้เคียงกับการอัดขยายภาพขาวดำบนกระดาษ สไตล์สีขาวดำที่สวยงามต้องเกิดกับคนที่เคยมองภาพขาวดำบนกระดาษอัดภาพจริงๆถึงจะบอกได้ว่าขาวดำแท้จริงเป็นอย่างไร ในอดีตยังไม่เคยมีกล้องดิจิทัลที่ทำภาพขาวดำได้ใกล้เคียงเลย มีตัวนี้แหละที่ดูใกล้ขึ้น และพอยอมรับได้ (ผมยังไม่เคยใช้ Leica monochrome)

DSC00029
ภาพเครื่องพิมพ์ถ่ายในโหมด สี ปรับแต่งสีให้เป็นโทนฟิล์ม ทำเสร็จในกล้องเลย

การถ่ายภาพสีในสถานที่ที่แสงไม่แรงมาก หรือแดดไม่จัด หรือถ่ายในที่ร่ม ภาพจะมีความนุ่มนวลโดยธรรมชาติ และหากรวมกับการปรับแต่งฟิลเตอร์สีที่กล้องมีมาให้ ก็จะทำให้เราได้ภาพคล้ายกับงานที่ถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม 

DSC00131
บรรยากาศในโรงพิมพ์

ภาพขาวดำที่สวยคือภาพที่มีโทนสีขาว เทา ดำ ครบ และส่วนสีดำที่สุดมีความดำที่ดำสนิท ในทางเทคนิคคือภาพมีคอนทราสต์สูง มีส่วนขาวสุดและส่วนดำสุด แต่โทนเทาจะต้องต่อเนื่องคือไล่อ่อนไปเข้มได้นุ่มนวล

DSC00114
แม่ลูกคู่กัน

โหมดสีแบบฟิล์มกลายเป็นโหมดที่ปรับแต่งทิ้งไว้และใช้โหมดนี้ถ่ายภาพเกือบตลอดเวลา เพราะสไตล์สีแบบฟิล์มเป็นสีที่น่ามอง ดูมีเสน่ห์เมื่อเป็นภาพถ่าย ไม่แปลกใจที่จะมีคนชอบภาพสไตล์อินสตาแกรม หรือ มีคนชอบการปรับสีของ app VSCO ซึ่งโซนี่ก็เอาใจเต็มที่ด้วยการใส่โทนสีพิเศษแนวนี้เข้ามาให้เลือกใช้

DSC00104_1
ลองคร็อปภาพเป็นพาโนราม่า

สิ่งที่ชอบอีกอย่างก็คือระบบ app ที่ทำงานได้รวดเร็ว เชื่อมต่อง่าย สามารถใช้ app เพื่อโหลดไฟล์ได้สะดวก แถมยังมีระบบเก็บภาพบน cloud ให้ใช้ด้วยอีกขนาด 25Gb ซึ่งพอจะใช้เป็นที่แบ็คอัพภาพนิ่งได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าระบบ app ที่เชื่อมต่อกับ cloud จะมีปัญหาในภายหลังไหม เพราะระบบอื่นๆจากประสบการณ์ที่เคยใช้มา ส่วนที่เป็น cloud มักจะทำงานดีเมื่อปีแรก และเมื่อเริ่มไม่ได้รับความนิยมของระบบบน cloud ก็มักจะหายไป

DSC00083
ถ่ายภาพโต๊ะทำงาน เลนส์มุมกว้าง 20mm เก็บสิ่งที่มองเห็นครอบคลุมเหมือนสายตาจริงของเรา
DSC00028
ถ่ายระยะใกล้ๆหรือมาโคร รูรับแสง f2 ให้ภาพวัตถุชัดขณะที่ฉากหลังเบลอได้
DSC00125
เก็บภาพมุมกว้างเหมือนตาเห็น เรายืนมองอะไร เราก็ยกถ่ายสิ่งนั้นได้ ไม่ต้องถอย
ระบบดิจิทัลซูม ปรับความเร็วในการซูมไว้ที่ระดับช้า ให้ความนุ่มนวลในการซูมเหมือนมืออาชีพ
บันทึกคลิปได้ไม่ต่างจาก gopro แต่จะได้สีสันตามการปรับแต่งที่กล้องเลย ไม่ต้องไปทำสีอีกครั้งในคอมพิวเตอร์

DSC00177
ภาพสนามฟุตบอล ยืนดูแล้วก็ถ่ายสิ่งที่เห็น ภาพมุมกว้างเหมือนสายตามนุษย์
DSC00162
ทุ่งนาปลูกข้าวกำลังออกรวงสวยงาม 

ข้อจำกัด หรือ อาจจะเรียกว่าเป็นข้อเสียก็ได้

กล้องตัวนี้มีข้อดีเยอะ ขณะเดียวกับก็มีข้อจำกัดที่เยอะเช่นกัน การจะเลือกใช้กล้องตัวนี้ควรจะรู้ว่ามีข้อจำกัดอะไรบ้าง

ด้วยความที่เป็นเซอร์เซอร์ไม่ได้ใหญ่เท่ากับ Full flame หรือเทียบกับ aps-c ก็ยังถือว่าเล็กกว่า มันทำให้กล้องมีสัญญาณรบกวนที่สูงเมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่า ผลก็คือภาพจะไม่เนียนใสในแบบที่เคยได้จากกล้อง Fullframe ถ้าเราเทียบกับมุมใกล้เคียงกัน ZV-1F กับกล้อง aps-c เราก็จะเห็นว่าสัญญาณรบกวนของ ZV-1F มีเยอะกว่าอย่างชัดเจน 

มุมรับภาพของเลนส์ 20mm เทียบเท่า Fullflame ทำให้มันเป็นเลนส์ไวด์หรือเลนส์มุมกว้าง เหมาะกับการถ่ายภาพวิว และถ่ายคลิปวิดีโอเสียมากกว่า การเอาไปถ่ายภาพบุคคล ภาพครึ่งตัวแนวพอร์ตเทรดติดฝาบ้าน หรือภาพเฮดช็อตเน้นใบหน้าและไหล่จะไม่เหมาะเพราะเป็นมุมที่ไม่สวย ถ้าต้องการภาพบุคคลอย่างจริงจังควรไปใช้เลนส์ Tele หรือ 85มม. บนกล้อง Fullflame ไปเลยจะเหมาะกับงานมากกว่า

ZV-1F ถ่ายภาพนิ่งได้เป็น jpg เท่านั้น ไม่มีโหมดไฟล์ raw มาให้ใช้ ทำให้เราหมดโอกาสการปรับแต่งในภายหลังอย่างยืดหยุ่น หากเราชินกับการถ่ายภาพที่ผิดพลาดได้บ้าง หรือ ยังลังเลใจในการแต่งภาพ อยากเลือกโทนสีในภายหลัง เราจะอยากถ่ายเป็น raw ซึ่ง ZV-1F ไม่มี บางคนจะไม่ชอบต้องปรับตัวพอสมควร การมาใช้กล้องที่ถ่ายได้แต่ไฟล์ jpg อย่างเดียวจะบังคับให้เราเลือกสไตล์สีตั้งแต่ตอนถ่าย ซึ่งก็ไม่ได้แย่หากเทียบกับการใช้ฟิล์ม เพราะการเลือกสไตล์สีก็เหมือนการเลือกยี่ห้อฟิล์ม เราเพียงแค่ต้องถ่ายโดยวัดแสงอย่างแม่นยำด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องปรับแต่งหลังถ่ายอีก เนื่องจากแก้ไขความสว่างของภาพและสีกับไฟล์ jpg ทำได้ไม่มาก และยิ่งแก้ไขก็ยิ่งสูญเสียรายละเอียดของไฟล์

การถ่ายสิ่งของหรือสินค้าแบบจัดฉากหรือจัดไฟถ่ายจะค่อนข้างลำบาก เพราะเลนส์เป็นเลนส์ไวด์ แม้จะเข้าใกล้วัตถุได้ แต่ก็จะมีสัดส่วนความเพี้ยนสูง ช่างภาพแนวสินค้าหรือโฆษณามักจะไม่ใช้เลนส์มุมกว้าง เลนส์มาโครระดับโปรจะเป็นเลนส์ทางยาวโฟกัสเยอะหรืออยู่ในระยะ Tele กันทั้งสิ้น ส่วนมากเลนส์มาโครจะมีระยะประมาณ 100มม.

อีกข้อหนึ่งที่เป็นข้อเสียที่ใหญ่หลวงเลยก็คือ กล้องมีความเร็วชัตเตอร์ช้าสุดแค่ 1/4 วินาที คือเปิดหน้ากล้องนานกว่านี้ไม่ได้ แค่ 1 วินาทีก็ยังทำไม่ได้ จุดนี้ช็อคพอสมควรเลย การเปิดชัตเตอร์นานไม่ได้มันจะทำให้เราไม่สามารถถ่ายภาพ ด้วยเทคนิค long exposure  การจะเอาไปถ่ายพลุเป็นเส้นทำไม่ได้ เอาไปถ่ายไฟรถยนต์ที่วิ่งเป็นเส้นทำไม่ได้ เอาไปถ่ายน้ำตกให้สายน้ำนุ่มๆ เปิดหน้ากล้องนานๆก็ทำไม่ได้ มีเทคนิคการถ่ายภาพอีกหลายอย่างที่ต้องเปิดหน้ากล้องนานๆหลายวินาที น่าเสียดายมากที่ ZV-1F จะทำไม่ได้ ขนาดกล้องคอมแพ็คฟิล์มตัวอื่นในอดีตที่เคยผ่านมาบางตัวยังถ่ายได้ที่ 4 วินาที หรือ 8 วินาที 

การกดล๊อคค่าแสงหรือ Ae lock หาไม่เจอในเมนูปกติ มันถูกซ่อนอยู่ด้านไหนเมนู ต้องตั้งค่าให้ปุ่มคัสต้อมเพื่อใช้คำสั่ง Ae lock ซึ่งกว่าจะค้นหาจนเจอ ผมต้องพยายามหาอยู่หลายครั้งและเรียนรู้การตั้งค่าปุ่มคัสต้อม ใช้กล้องมาเป็นเดือน บอกตรงๆว่ายังตั้งค่าปุ่ม ตั้งค่าเมนูส่วนตัวในกล้องยังไม่เป็นเลย

สรุป

กล้อง Sony ZV-1F เป็นกล้องคอมแพ็คที่มีเลนส์ 20มม. ไวแสง เลนส์คุณภาพสูงมาก ให้ภาพใสกริ๊ง สามารถถ่ายภาพได้เหมือนตาเห็น สามารถใส่สีให้ดูคล้ายโทนภาพจากฟิล์ม ใช้ถ่ายวิดีโอได้คล่องตัว ใส่สีสันในวิดีโอให้ดูเป็นหนังอาร์ตได้ไม่ยาก จบหลังกล้องได้ไม่ต้องไปย้อมสีในโปรแกรมตัดต่อ แต่ก็มีลูกเล่นที่บันทึกไฟล์สำหรับตัดต่อได้แบบโปรด้วย ใช้เป็นกล้องไลฟ์ขายของแสดงสินค้าตัวเล็กๆแล้วกล้องโฟกัสสินค้าเล็กๆได้ นับว่าเป็นกล้องสารพัดประโยชน์ที่ราคาไม่แพงเลย 

ไปดูตัวอย่างภาพจากกล้อง ZV-1F เพิ่มเติมได้ที่นี่

สนใจสั่งซื้อได้ที่นี่ https://shope.ee/5V7Q4wN5Mx

หรือที่นี่ https://shope.ee/9eyuQHL1zl

รีวิวเครื่องพิมพ์ Ricoh Sp220nw และหมึกเติม

เครื่องพิมพ์เลเซอร์ปริ๊นเตอร์ราคาประหยัด ผมซื้อเครื่องนี้มาหลายปีแล้ว และก็เพิ่งรู้ว่าไม่ได้รีวิวไว้เลย จังหวะวันนี้หมึกหมดจนเครื่องไม่ทำงาน เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ตัวนี้พร้อมกับหาหมึกราคาถูกมาใช้ เลยรีวิวเก็บไว้อ่าน แม้จะช้าไปหลายปี แต่ก็เชื่อว่าจะมีประโยชน์กับคนที่ใช้เครื่องพิมพ์รุ่นนี้

Ricoh SP220nw เป็นเครื่องพิมพ์เลเซอร์หมึกดำ ความเร็ว 23 แผ่นต่อนาที ราคาประหยัดมาก ผมจำราคาไม่ได้ว่าเท่าไหร่ รู้แค่ว่าประมาณพันกว่าบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากสำหรับเครื่องพิมพ์ที่มีความสามารถระดับนี้ เพราะในอดีตยี่สิบกว่าปีก่อน ผมซื้อเครื่องพิมพ์เลเซอร์ปริ๊นเตอร์ตัวแรกราคาหมื่นสองพันบาท เป็นเลเซอร์ขาวดำเหมือนกัน ความเร็วหกแผ่นต่อนาที โดยตอนนั้นทองคำราคาประมาณบาทละห้าพันเท่านั้น

ricoh sp220 nw

สเป็คเครื่องพิมพ์เลเซอร์ Ricoh SP220Nw

  • ความละเอียดในการพิมพ์งาน 1,200 × 600 dpi.
  • ความเร็วในการพิมพ์ 23 แผ่น/นาที
  • การเชื่อมต่อ USB 2.0, 10BASE-T/100BASE-TX Ethernet, IEEE802.11 b/g/n.
  • ภาษาเครื่อง GDI.
  • หน่วยความจำ 128 MB.
  • รองรับ Windows, Mac OS, Linux, iOS, Android.
  • ขนาดสินค้า (กว้าง x ลึก x สูง ) : 40 × 36 x 16.5 ซม.
  • น้ำหนัก 7 กก.

ดูจากสเป็คก็ต้องบอกว่าเครื่องพิมพ์ตัวนี้มีการเชื่อมต่อครบทุกชนิดที่อ๊อฟฟิศสำนักงานหรือบ้านคนจะต้องใช้งาน เรียกได้ว่ายกเข้าบ้านไหนตึกไหนก็เชื่อมต่อเข้ากับการทำงานของทุกที่ได้แน่นอน จะขาดก็เพียงอย่างเดียวที่ไม่สามารถเสียบ usb หรือ เมมโมรี่การ์ดแล้วสั่งพิมพ์รูปโดยตรงเท่านั้น ซึ่งเครื่องพิมพ์สำนักงานในโลกนี้ก็ไม่มีใครที่มีลูกเล่นนี้อยุ่แล้ว มีแต่เครื่องพิมพ์ภาพถ่ายที่อยู่ในเครื่องพิมพ์พกพาที่รองรับระบบนี้

ตอนที่ได้เครื่องมาก็พิมพ์ข้อมูลไปได้หลายร้อยแผ่นหมึกก็หมด เลยต้องหาหมึกมาใส่ ตลับหมึกของเครื่องพิมพ์ตัวนี้จะประกอบไปด้วยโทนเนอร์และดรัม โดยโทนเนอร์คือผงหมึก และดรัมคือหน่วยสร้างภาพเป็นลูกกลิ้งยาง ทั้งสองอย่างนี้อยู่รวมกันในตลับเดียวกัน ดังนั้น การซื้อหมึกก็คือการซื้อโทนเนอร์พร้อมดรัมตัวใหม่นั่นเอง

หมึกตลับแท้ผมไม่รู้ราคาป้ายว่าขายเท่าไหร่ ผมเคยเห็นในห้างขายยี่ห้ออื่นที่ใช้แทนกันได้ในราคา 1200 บาท สามารถพิมพ์เอกสารได้ประมาณ​2000 แผ่น แต่ผมรู้สึกว่าเครื่องพิมพ์ราคาถูกมาก ตลับหมึกก็ควรจะราคาต่ำกว่า 50 % ของราคาเครื่องใหม่ ก็เลยอยากได้ของที่ราคาไม่เกิน750 บาท เพราะผมเดาว่าเครื่องพิมพ์ราคา 1500 บาท

ค้นหาในเน็ต ในเว็บช็อปปิ้งต่างๆ พบข้อมูลเต็มไปหมด ตลับหมึก sp200 ที่จะใช้กับเครื่องพิมพ์ sp220nw ตัวนี้ผมพบราคาตั้งแต่ 350 ไปถึง พันกว่าบาท เลยลองเสี่ยงซื้อรุ่นถูกราคา350 บาทดู แล้วก็พบว่ายี่ห้อนี้ใช้งานได้ดี การซื้อหมึกเติมคือการซื้อในปี 2021 ราคาปัจจุบันปี 2024 มีการปรับขึ้นไปแล้ว

IMG_20210118_183045

Product details of SP200 / S200 / P200 / 200 / สีดำ / 2600 แผ่น / 1 ตลับ / ตลับหมึกเลเซอร์ 

IMG_20210118_183343

สเป็คของตลับหมึก(ดรัมพร้อมโทนเนอร์)เป็นดังนี้

  • SP200 / S200 / P200 / 200 / สีดำ / 2600 แผ่น / 1 ตลับ / ตลับหมึกเลเซอร์ LASER TONER FOR Ricoh SP202 SP210 SP200Q SP201Q SP210Q SP201 SP220NW SP220SFNW SP201N/SP201NW P203S SP204SF8 SP204SFN SP204SFNW
  • ตลับหมึก สีดำ
  • ไม่ใช่สินค้าREMANUที่นำตลับที่ผ่านการใช้งานมาแล้วมารีไซเคิลใหม่ แต่เป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นใหม่ 100%
  • ช่วยลดต้นทุนการพิมพ์ได้ถึง 30%-70%
  • ตลับหมึกห่อหุ้มชั้นนอกด้วยบับเบิ้ลกันกระแทก และห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกปิดผนึก

สั่งซื้อที่ลิงค์นี้

ร้านขายหมึกเติมก็มีวิธีเติมหมึกในตลับเดิมเหมือนกัน โดยการซื้อผงหมึกเป็นขวดแล้วมาเทใส่ตลับเลย การเติมแต่หมึกจะทำให้เราใช้ตลับเดิม ซึ่งก็อาจจะมีผลเสียในแง่ดรัมหรือตัวสร้างภาพจะไม่ได้โดยเปลี่ยน ถ้าดรัมตัวเดิมเริ่มมีปัญหาเราก็จะไม่ได้คุณภาพที่ดี ราคาตลับที่มาทั้งหมึกและดรัมก็ไม่ได้แพงมาก คิดว่าเปลี่ยนทั้งตลับน่าจะดีกว่า

และอีกเรื่องหนึ่งก็คือที่ตลับจะมีชิปประมวลผล เป็นแผ่นวงจรอิเล็คทรอนิกส์ที่เอาไว้ป้องกันการใช้ของเทียม ของเทียบ หรือ เอาไว้นับเวลาเพื่อแสดงสถานะหมึกหมด ชิปตัวนี้ถ้าไม่ได้เป็นชิปใหม่จากตลับใหม่ เช่นเป็นชิปตัวเดิม อาจจะสั่งการให้เครื่องไม่ทำงานก็ได้ เพราะผู้ผลิตเลือกใช้วิธีนี้ป้องกันการเติมหนึก หรือทำให้ลูกค้าจำเป็นต้องซื้อของแท้จากยี่ห้อโดยตรง การใช้ตลับเทียบราคาไม่แพง เราจะได้ชิปตัวใหม่ติดตลับมาด้วย ผมไม่แน่ใจว่าผู้ผลิตอื่นที่ไม่ใช่ยี่ห้อเขาได้ชิปมาจากไหน แต่ตัวเดิมที่เคยซื้อเปลี่ยนก็มาพร้อมชิปติดตลับมาทำให้เราได้เปลี่ยนชิปไปด้วย

แล้วเวลาก็ผ่านมาถึงปี 2024 เครื่องพิมพ์ยังทำงานได้ แต่หมึกหมด โปรแกรม smart monitor ของ Ricoh แจ้งว่าหมึกเหลือน้อยมาก นับรวมแล้วเครื่องพิมพ์ขึ้นสถานะนับจำนวนหน้าที่พิมพ์ไปแล้วไว้ที่ 1529 หน้า ตอนนี้เครื่องหยุดทำงานเป็นระยะๆ พอมีงานด่วนอยากพิมพ์ก็พิมพ์ไม่ได้ เลยเป็นที่มาของการหาหมึกเติมอีกครั้ง เลยมาบันทึกและเขียนไว้ในนี้

หาข้อมูลแล้วก็สั่งซื้อ ปีนี้ 2024 ผมหาข้อมูลได้ราคา 375 บาท ก็ได้สั่งไปแล้ว รอของมาส่ง

ทีแรกผมหาลิงค์เดิมร้านเดิมที่เคยซื้อหมึกเติมไม่พบ เลยลองไปซื้อกับร้านใหม่ เป็นหมึกที่ใส่เครื่องพิมพ์ได้แต่คนละยี่ห้อ กล่องก็คนละแบบ ได้มาก็ทดลองใช้แล้วก็เกิดปัญหา หมึกมีอาการรั่ว ทำให้กระดาษมีรอยเปื้อนหมึกเป็นดวงๆกลางกระดาษ และดูท่างทางจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ เลยหยุดการใช้งาน ถอดตลับหมึกออก แล้วสั่งซื้อใหม่

คราวนี้พยายามหาข้อมูลเก่าว่าซื้อร้านไหน แล้วก็ตามไปสั่งซื้ออีกครั้ง และครั้งนี้หมึกมาส่งถึงบ้านแล้วก็ทดลองใช้ ก็พบว่าใช้งานได้ดี ดังนั้น ใครจะเลือกใช้หมึกเติม ควรจะเลือกร้านที่ดีไว้ก่อน หรือเลือกร้านเดิมไปเลยก็ได้


note

ถ้าเครื่องพิมพ์มีปัญหาลองอ่านลิงค์ด้านล่างนี้
https://pantip.com/topic/37829845

ถ้าเครื่องพิมพ์ไม่รับคำสั่งและมีแสดงผลไฟ 2 ดวงล่างคู่กัน ให้ลองแก้ไขตามนี้
1. Control Panel  ——> Devices and Printers
2. คลิกขวาที่ Printer ที่ต้องการ ——>Printer Properties
3. คลิกที่ปุ่ม Preferences… ด้านล่าง
4. คลิกที่ปุ่ม Smart Organizeing Monitor…
5. เลือกแถบ User Tools ——>คลิกปุ่ม Printer Configulation
6. Access Code : Admin074 —> คลิก OK
7. เลือกแถบ SP Mode 1 ——> เลือกปุ่ม Reset Fusing Unit SC —-> คลิก OK

—————————–END—————————

Testimonial จากลูกค้า

ตัวอย่าง testimonial จากลูกค้าที่ใช้บริการงานโรงพิมพ์ เวลาที่เรารับทำงานเราใส่ความตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เหมือนเป็นงานของตัวเอง ทำงานกับลูกค้าราวกับว่าเราเป็นคนในบริษัทของลูกค้า เพราะลูกค้าเชื่อใจเราก็ต้องพยายามที่จะจบงานอย่างเรียบร้อยและทันเวลา

20240120103522_IMG_1136

งานที่ต้องการความเร่งด่วน เราจะแนะนำวิธีการทำให้รวดเร็ว การเตรียมข้อมูลดิบอย่างไรให้ส่งไปทำต่อในโรงพิมพ์ได้ทันทีโดยใช้เวลาน้อย การเลือกเทคนิคการพิมพ์แบบใด จบงานพิมพ์ในรูปแบบใด จะประหยัดเวลาที่สุด และเมื่อเริ่มงานแล้วเราก็เฝ้าติดตามทุกขั้นตอนงานพิมพ์เพื่อป้องกันความผิดพลาด งานจะได้เสร็จทันกำหนด

narrow calendar testimonial-page-001

บางงานเราก็นำเสนอไอเดียน่ารัก ทำงานพิมพ์คัสต้อม ลูกค้าอยากได้ความแตกต่าง เราก็ทดลองทำทุกไอเดียที่น่าจะผลิตได้ ทดลองทำจนจบขั้นตอน ทดลองให้เจ้าของงานได้หยิบ ได้จับ ได้ทดลองใช้ เมื่อแน่ใจในชิ้นงานแล้วก็เริ่มผลิต งานที่ส่งมอบ จะตรงวัตถุประสงค์อย่างแน่นอน

จม. ขอบคุณโรงพิมพ์จอมทอง testimonial

งานพิมพ์เกือบทุกชนิดสามารถพิมพ์ได้ตามจินตนาการของลูกค้า อะไรก็เป็นไปได้ แต่ถ้าเรามีข้อจำกัดในด้านงบประมาณ เราก็ต้องให้โจทย์กับโรงพิมพ์เพื่อให้เลือกวิธีผลิตที่จำกัดงบ หรือถ้างานมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา การขอให้โรงพิมพ์แนะนำวิธีการที่เร็วที่สุดสำหรับการมีงานพิมพ์ไปใช้ก็เป็นเรื่องที่ควรทำ โรงพิมพ์ที่ชำนาญและมีประสบการ์ณที่ยาวนานจะสามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ 

รีวิวเลนส์ canon ef85 f1.8 ถูกและดีของจริง

sale-18dec2013-IMG_0091

เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นนักถ่ายภาพ เราก็จะมีการถ่ายภาพหลากหลายแนว ทั้งภาพวิว ภาพสัตว์ สิ่งของ และภาพบุคคล ซึ่งสิ่งที่จะถ่ายนั้นจะนำมาซึ่งวิธีคิดและการเลือกใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะเลนส์ที่จะใช้ หากเน้นไปที่การถ่ายภาพบุคคลก็จะมีเลนส์ที่ออกแบบมาสำหรับการถ่ายภาพคนโดยเฉพาะ

IMG_0480

การเลือกใช้เลนส์สำหรับการถ่ายภาพบุคคล ในวงการถ่ายภาพจะใช้เลนส์ทางยาวโฟกัสประมาณ 85 – 135มม. ซึ่งเลนส์ 85มม ตัวที่จะแนะนำนี้เป็นเลนส์ถ่ายภาพบุคคลราคาไม่แพง และยิ่งหากเป็นของมือสองก็ยิ่งราคาลดลงไปเหลือแค่ครึ่งราคา นั่นคือเลนส์ canon EF85 f1.8 เลนส์สำหรับกล้อง SLR และ DSLR

IMG_20201107_213615

เลนส์ตัวนี้มีรูรับแสงกว้างสุดอยู่ที่ f1.8 ถือว่าเป็นเลนส์ไวแสงตัวหนึ่ง ทำให้การใช้งานทำได้ง่าย เหมาะกับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย จะถ่ายภาพคนในที่ร่ม ในบ้าน ในตึก จะมีโอกาสได้ภาพจากแสงธรรมชาติหรือแสงจริงที่เกิดขึ้น เรามีโอกาสได้ภาพเหมือนตาเห็น รูรับแสงกว้างระดับ f1.8 สามารถใช้มือถือกล้องตรงๆโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง ยิ่งกล้องรุ่นใหม่ๆสามารถเลือกใช้ค่าความไวแสงหรือ iso ได้สูงมากทำให้เลนส์ f1.8 ตัวนี้ยิ่งถ่ายภาพได้แทบจะทุกสภาพแสง และมุมมองของเลนส์ 85มม. ก็จะให้ภาพที่มีสัดส่วนสมจริง ความเพี้ยนต่ำ จึงนิยมใช้ถ่ายภาพบุคคลเป็นอย่างมาก และถ้าใช้ระยะถ่ายภาพตัวผู้ใหญ่ประมาณครึ่งตัว หรือภาพเด็กเล็กเต็มตัวก็จะได้ภาพที่สัดส่วนดูสมจริง ใกล้เคียงกับการมองจริง ใช้ถ่ายทอดความเที่ยงตรงของวัตถุได้

สามชุกIMG_0071

การใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างจะมีบุคลิกของภาพที่เด่นชัดในด้านระยะชัดที่ไม่มาก หรือชัดตื้นนั่นเอง การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอมักทำให้ภาพถ่ายดูสวยงาม ตัวแบบที่เป็นจุดสนใจจะชัดตามคุณภาพความคมของเลนส์ ขณะที่ฉากหลังมีความเบลอช่วยขับให้ภาพดูสวย เมื่อเราใช้ถ่ายภาพคนเราจะได้ลักษณะภาพที่ดูนุ่มนวล ภาพถ่ายแนวนี้จะเหมาะกับการถ่ายในสภาพแสงธรรมชาติ

IMG_2078

ภาพเด็กในห้องนอนก็เป็นตัวอย่างที่ดีในด้านความไวแสง ตอนกลางวันแสงในห้องนอนจะมาจากหน้าต่างที่กำแพง เราเปิดผ้าม่านให้แสงเข้าจนดูสวยงามสบายตา แล้วเราก็หยิบกล้องพร้อมเลนส์ f1.8 ขึ้นมาถ่าย เลือกใช้รูรับแสงกว้างสุดเราก็จะได้ภาพเหมือนตาเห็น พร้อมกับจุดเด่นที่เราโฟกัส และมีความเบลอของฉากหลังช่วยขับให้ตัวแบบโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

20200603174615_IMG_0500

สภาพแสงที่ทำให้ภาพจากเลนส์ 85f1.8 ให้ภาพที่สวยที่สุดในความคิดผมก็คือคือมีความสว่างแต่ไม่มีแดด อย่างการถ่ายภาพในที่ร่มหรือไม่มีแดดโดยตรงแต่ไม่มืด ภาพเด็กยืนเป็นกลุ่มนอกอาคาร เป็นสภาพแสงตอนเย็นที่ยังสว่างอยู่ สภาพแสงแบบนี้ถ้าใช้เลนส์ไวแสงมาถ่ายภาพจะได้แสงเหมือนตาเห็น และได้ความนุ่มนวลในภาพยิ่งกว่าการถ่ายตอนโดนแสงแดด

kobfa-home-IMG_0055

การถ่ายภาพภายในบ้าน จะเป็นสภาพที่ไม่มีแสงแดดอยู่แล้ว และหากบ้านมีความสว่างเพียงพอจากไฟประดับภายใน เราใช้เลนส์ไวแสงมาถ่ายเราก็จะได้ภาพที่ได้สีสันและความสว่างเหมือนตาเห็น รูรับแสงกว้างทำให้ระยะชัดมีเพียงเล็กน้อย คนที่อยู่ในจุดโฟกัสจะชัด และมีฉากหลังที่เบลอ สร้างความสวยงามให้กับภาพได้ดี 

nan28oct2014-IMG_0022

ภาพคนในสถานที่ช็อปปิ้งภายนอกอาคาร ภาพมีความสว่างแต่ไม่โดนแดดโดยตรง ภาพจะสวย ดูนุ่มนวล ใช้ถ่ายภาพผู้หญิงก็ดูสวยขึ้น ใช้ถ่ายภาพเด็กก็ดูน่ารักขึ้น และสิ่งที่เป็นบุคลิกเด่นของเลนส์ Canon เกรดโปรก็คือภาพจะมีความหวานใส สีผิวคนจะดูเด่น สีสวยมาก และเลนส์ Ef85f1.8 ตัวนี้มีคุณภาพในระดับโปรเช่นกัน

IMG_2099

นอกจากเลนส์ระยะ 85มม ที่นิยมใช้ถ่ายภาพบุคคลแล้วก็ยังมีเลนส์ซูม 70-200 มม. f2.8 ที่ใช้กับภาพคนได้ดีเช่นกัน แต่เลนส์ซูมก็ขนาดใหญ่ น้ำหนักเยอะ ทำให้การพกพาเป็นเรื่องยาก กระเป๋ากล้องที่จะใส่กล้องและเลนส์เทเลซูมก็จะต้องใหญ่และหนักยิ่งขึ้น การใช้ 85f1.8 จะได้ของเล็กน้ำหนักเบากว่ากันมาก ยิ่งกล้องเบายิ่งทำให้เราอยากพกพา จะยิ่งทำให้เรามีโอกาสได้ภาพมากยิ่งขึ้น

เลนส์ EF85f1.8 เคยมีราคาเปิดตัวเมื่อหลายปีก่อนประมาณ หมื่นกลางๆ และราคามือสองของเลนส์ตัวนี้ที่อายุการใช้งานประมาณ 5-10 ปี ก็จะอยู่ที่ประมาณ 7000-8000 บาท ถือว่าเป็นเลนส์ที่มีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ในระดับราคานี้ เพราะไม่มีของในระดับราคาหมื่นบาทที่จะให้คุณภาพของภาพที่คมชัดและไวแสงถ่ายภาพได้เหมือนตาเห็นแบบนี้ กล้องยุคใหม่พัฒนาไปสู่ระบบของ mirrorless แต่เลนส์ยุคเก่าก็ยังถูกใช้งานได้เรื่อยๆ ใช้ได้กับกล้องเก่า และกล้องใหม่ผ่านตัวแปลงเม้าส์เลนส์ คนใช้กล้อง Canon ถ้าจะหาของดีราคาถูกใช้ก็แนะนำให้ซื้อ EF85f1.8 ตัวนี้ไว้ได้เลย ถูกและดีคือคำจำกัดความของมัน

เปลี่ยนแบตฮอนด้าฟรีด 2567 หลักกิโล 315079

เปลี่ยนแบตวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 หลักกิโล 315079 กม.

วันนี้ตอนเช้าก่อนออกจากบ้านก็เกิดอาการสตาร์ทรถไม่ติด มีเสียงแต๊กๆๆๆๆๆ ตอนบิดกุญแจ แต่ประตูไฟฟ้ายังใช้งานได้ ระบบไฟในรถปกติ คาดว่าเป็นอาการไฟพร่องหรือแรงดันไม่พอ พอเอารถคันอื่นมาพ่วงสายไฟเพื่อสตาร์ทก็ติดปกติ และขับไปทำงานได้ ถึงที่ทำงานก็ลองดับเครื่องแล้วอีก 2 ชม. มาสตาร์ทใหม่ ก็ยังสตาร์ทได้ แต่ดูจากประวัติการเปลี่ยนแบตแล้ว ล่าสุดเปลี่ยนไปเมื่อปี 2020 นับเวลาแล้ว 3ปีกว่า ระยะทางใช้งานจากการเปลี่ยนครั้งที่แล้วเพิ่มขึ้นมา 61700 กิโลเมตร ก็เลยตัดใจเปลี่ยนดีกว่า

IMG_20240205_135005
IMG_20240205_082335

การพ่วงสตาร์ทก็ต้องหันรถเข้าหากัน การจอดรถในบ้านก็ควรจะจดในมุมที่สามารถนำรถคันอื่นมาพ่วงสายได้ บางครั้งที่เน้นความสะดวกเราจะจอดรถหันหน้าเข้ากำแพงจะทำให้การพ่วงสตาร์ททำไม่ได้เลย ส่วนสายพ่วงที่นำมาใช้ก็ควรจะเป็นสายขนาดใหญ่มากๆ เคยซื้อสายพ่วงเส้นเล็กมาใช้แล้วปรากฏว่าสตาร์ทไม่ได้ ทำให้ต้องเสียเงินซื้อสายซ้ำอีกที ใครจะเลือกซื้อสายห้ามดูจากภาพถ่ายเด็ดขาด ควรไปจับด้วยมือตัวเอง เห็นด้วยตาตัวเองว่าเป็นเส้นใหญ่จริงๆแล้วค่อยซื้อ

IMG_20240205_132255

โทรไปหาร้านเดิมที่เคยอุดหนุน ถามราคา แจ้งตำแหน่งที่จอดรถรอ พบว่าแบตรุ่นเดิมเคยจ่าย 1700 บาท มาปีนี้กลายเป็น 2000 บาทไปแล้ว ตกใจกับราคาที่ขึ้น แต่ก็คิดว่าคนทำการค้าก็คงต้องมีกำไร ต้นทุนแพงก็ต้องไปบวกราคาขาย เข้าใจในกลไกราคา แม้เวลาที่ไปอ่านในเฟสบุ๊คจะไปพบว่ามีคนจ่ายถูกกว่าบ้าง ก็ทำใจช่างมัน คิดเสียว่าเราก็อุดหนุนคนที่บริการดีก็แล้วกัน อีกอย่าง ผมโทรเรียกร้านย่านฝั่งธน เพราะอยู่ใกล้ๆร้าน ครั้งที่แล้วผมรถเสียอยู่แถวรังสิต ก็ไปเรียกร้านแถวรังสิต คนทำงานจะได้ไม่เดินทางไกลมาก

IMG_20240205_132358

คนเปลี่ยนแบตมีเครื่องมือมาพร้อม แบตตัวเล็กเอาไว้แบ็คอัพอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ในรถ ผ้าคลุมกันเปื้อน เหลือบดูเครื่องมืออื่นๆก็มีมิเตอร์วัดไฟอีกตัวหนึ่ง แต่น้องคนนี้ไม่ได้ใช้ หลังจากติดตั้งเรียบร้อย สตาร์ทรถติดเป็นปกติ ก็จ่ายเงิน สแกน qrcode เพื่อลงทะเบียน เดี๋ยวนี้ระบบดูแลลูกค้าของ sme ทันสมัยมาก ส่งลูกค้าเข้ากรุ๊ปไลน์ แล้วก็คงจะไปสื่อสารดูแลกันในไลน์ต่อไป ดูในไลน์ผ่านๆก็เห็นว่ามีขายประกันภัยรถยนต์ด้วย เดี๋ยวนี้ทำงานอะไรก็ควรจะมีของขายหลายๆอย่าง เพราะยังไงก็ต้องบริการขายของให้ลูกค้าอยู่แล้ว เพิ่มสินค้าก็คือการเพิ่มรายได้โดยไม่ต้องเพิ่มรายจ่าย ฉลาดดี

แบตรุ่นนี้ใครอยากซื้อไปเปลี่ยนเองก็สั่งซื้อได้ที่นี่ครับ https://s.shopee.co.th/2AuwoQIeP7

FB S550L 44B19L 12V 40Ah

IMG_20240205_132816
Screenshot_2024-02-05-13-27-02-551_jp.naver.line.android