ทริป ระยอง ชลบุรี 2023

ทริปที่ไปกันแบบไม่เร่งรีบ ทริปนี้เป็นทริปกระทันหัน อยากไปก็ไปเลย คุยกันคร่าวๆว่าไปทางพัทยากับระยองละกัน เพราะถนนพระรามสองรถติดมาก เลยลองมาระยองกันบ้าง เพราะบ้านเรามาระยองครั้งแรกในช่วงโควิดแรงๆ ต้องปิดหน้ากากเที่ยวและต้องอยู่แต่ในโรงแรม รอบนี้โควิดจางแล้ว ทุกคนกล้าเที่ยว สวนน้ำก็เปิดปกติ ทุกอย่างปกติ

dpp-IMG_5076

เราเลือกมาพักที่โรงแรมเมอเคียว ระยอง โดยเป็นโรงแรมที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ สถานที่สวยงาม สะอาด ห้องพักดูดี เฟอร์นิเจอร์ต่างๆใหม่เอี่ยม ขับรถเส้นทางชลบุรี มอเตอร์เวย์ พัทยา ระยอง วิ่งยาวจากกรุงเทพถึงระยอง หาอะไรกินนิดหน่อยแล้วเข้าโรงแรม

dpp-IMG_5081

ห้องพักใหม่เอี่ยม ออกแบบได้ประหลาด ดูสวย แต่อยู่นานๆแล้วก็พบว่า ไม่มีโต๊ะให้นั่งทำงาน มีอ่างอาบน้ำอยู่ข้างเตียง คงตั้งใจออกแบบให้คู่รักได้ใช้งาน เลยจ้องเอาคอมพิวเตอร์ไปวางบนอ่างอาบน้ำ แล้วนั่งดูรูป โหลดรูปประจำทริป เที่ยวไปถ่ายรูปไปหมดวันก็อยากดูภาพแล้ว การอัพโหลดภาพเลยต้องทำทุกวัน สะดวกสำหรับทุกคนที่จะได้ดูรูป มีข้อเสียอย่างหนึ่งของอ่างอาบน้ำ นั่นคือ การเดินลงอ่างอาบน้ำจะต้องเหยียบก้อนหินที่ปูไว้ข้างอ่าง ขอบอกว่ามันเจ็บเท้ามาก ผมสงสัยว่าคนออกแบบเขาเคยเดินเท้าเปล่าบนหินพวกนี้ไหม

1690645646614

กิจกรรมในระยองเราเลือกไปเที่ยวที่สวนพฤกษศาสตร์ระยอง เป็นกิจกรรมท่ามกลางธรรมชาติ มีพายเรือ มีขี่จักรยาน เราไปตัวเปล่า อุปกรณ์ทุกอย่างมีให้ใช้อย่างพอเพียง บ้านเราเลือกกิจกรรมพายเรือ เรือลำนึงลงได้สามคน ช่วยกันพาย ทริปพายเรือในทะเลสาปแห่งนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.

IMG_7177
IMG_7191

พอลงเรือก็เลยไม่ได้พกกล้องตัวใหญ่ลงไป เลือกใช้กล้อง eos m พร้อมเลนส์ 18-55 ติดลงเรือ เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุตกน้ำแล้วกล้องจะจม เลยเลือกกล้องที่ไม่เสียดายถ้าเกิดอุบัติเหตุ เราเริ่มพายเรือตอนบ่ายสามโมง แดดเมืองไทยยังร้อนอยู่มาก ท้องฟ้าวันนี้ไม่มีเมฆบังแดดให้เราเลย เส้นทางพายเรือส่วนใหญ่จะโดนแดดเต็มๆ เรานั่งพายไปคุยไป หมดแรง และตัวดำกันทุกคน

dpp-IMG_5119

ตอนเย็นกลับเข้าที่พัก เราแวะซื้ออาหารข้างทางเป็นข้าวกล่อง ในแหล่งท่องเที่ยวที่ติดทะเลชอบใช้กล้องโฟมขนาดใหญ่ ข้าวกล่องที่เราได้มาก็กินไม่หมด อิ่มกันถ้วนหน้า แวะถ่ายภาพริมทะเลระยองสักหน่อย คลื่นทะเลที่นี่แรงมาก ลมก็แรง

dpp-IMG_5135

สิ่งที่ผมชอบในโรงแรมนี้คือห้องสวยและอุปกรณ์อาบน้ำให้มาเรียบร้อยดูดี ของใช้ส่วนตัวโรงแรมจัดไว้ในแบบมาทั้งกล่อง กล่องก็พิมพ์ชื่อโรงแรมชื่ออุปกรณ์ จัดว่าลงทุนกับการสร้างชื่ออย่างจริงจัง ถ่ายรูปออกมากูดูสวยงามมีเรื่องเล่า เสียอย่างเดียวตามที่บอกไว้ตอนต้น ห้องพักไม่มีโต๊ะทำงาน

dpp-IMG_5144

มาทะเลก็ต้องเหยียบทรายเหยียบทะเลกันสักหน่อย สมัยลูกยังเล็กเราจะเดินลุยน้ำหรือไม่ก็เล่นน้ำทะเลเลย แต่พอลูกโตก็เริ่มไม่ลงน้ำแล้ว แต่ยังคงขุดดินเล่นทรายอยู่ ทรายที่หาดแห่งนี้เม็ดเล็ก สีเทาเข้ม คลื่นลมแรง ซึ่งระยองเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าคลื่นแรงและอันตรายในบางจุด พ่อแม่ต้องระวังเด็กไม่ให้เล่นน้ำในบางพื้นที่

IMG_5155

ที่ทะเลระยองเห็นคลื่นแรงๆเลยทดลองเทคนิคการถ่ายภาพเล็กน้อย อยากให้น้ำทะเลดูนุ่มนวล ปกติช่างภาพจะใช้วิธีการใส่ฟิลเตอร์บังแสงหรือ ND filter แล้วตั้งกล้องให้รูรับแสงแคบ เปิดชัตเตอร์นานๆเพื่อให้จับภาพน้ำทะเล น้ำจะดูกลืนไปด้วยกัน ภาพแนวนี้จะเรียกว่า long exposure แต่ก็มีอีกเทคนิคหนึ่งที่ใช้กับสถานการณ์ที่อยากได้ผลลัพธ์เหมือนความไวชัตเตอร์ต่ำ แต่เราไม่มีขาตั้งกล้อง เลยต้องใช้วิธีแพนนิ่งแทน

การแพนนิ่งก็คือ การเคลื่อนตัวกล้อง(หัน)ไปตามวัตถุ ภาพทะเลก็เป็นสถานที่ที่เหมาะกับภาพแนวนี้ พอทดลองถ่ายภาพวิวทะเลด้วยการแพนกล้อง ก็ได้ผลลัพธ์เหมือนดังภาพ

dpp-IMG_5215

การตกแต่งโรงแรมที่นี่จัดได้สวย เลือกของและจัดวางได้ลงตัวดี มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ วิวต่างๆในโรงแรมดูแล้วอยากให้อากาศเย็นจริงๆเลย เพราะมันดูดีทุกอย่างยกเว้นเรื่องความร้อน

dpp-IMG_5225

ตึกสวยในโรงแรม มีระแนงไม้เป็นวงกบยาวๆ ผ้าม่านสีสวยยาวๆดูสวยดี ลงตัวมาก

GOPR3326

ออกจากที่พักระยอง เราเลือกไปนอนที่พัทยาต่อ แต่ก็แวะเล่นสวนน้ำกันก่อน สวนน้ำแห่งนี้ชื่อ Aquaverse เป็นสวนน้ำที่เพิ่งทำใหม่ เครื่องเล่นสวย ดูสนุก เล่นได้ทั้งวันไม่เบื่อ บัตรเข้าสวนน้ำราคาสูงอยู่ แต่ก็มีวิธีซื้อให้ถูกลงโดยไปซื้อบัตรในเว็บมาเก็ตเพลสแห่งนึ่ง ราคาโปรโมชั่นทำให้เราไม่ต้องจ่ายราคาเต็ม เมื่อซื้อแล้วเราจะได้โค้ดการสั่งซื้อจากเว็บ แล้วเราก็ไปแสดงภาพโค้ดนี้ที่จุดซื้อบัตร

GOPR3328

กิจกรรมที่ดูเจ๋งมากในที่นี้คือการได้เล่นเซิร์ฟบอร์ด หรือกระดานโต้คลื่น เล่นบนคลื่นจำลอง ดูสนุกมาก คนที่หัดเล่นจะต้องค่อยๆเริ่มจากมีพี่เลี้ยงช่วยเหลือ คนที่เล่นเป็นแล้วก็ร่อนไปร่อนมา มีกระโดดเข้า กระโดดออก มีคนต่อคิวเล่นอยู่พอสมควร ขอบฟ้าไปต่อคิวเล่นอยู่หลายรอบเลย

GOPR3406

กิจกรรมในสวนน้ำเป็นหัวใจของการเดินทางครั้งนี้เลย เพราะได้เล่นเครื่องเล่นครบทุกชนิด แม้อากาศจะร้อน แต่ความสนุกก็มีเยอะจนทนร้อนได้

เข้าที่พักที่โรงแรม movenpick ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสวนน้ำ โรงแรมนี้มีบาร์ช็อคโกแลตให้กินด้วย คนชอบของหวานน่าจะถูกใจ วิวจากห้องพักเป็นวิวทะเล เห็นท่าจอดเรือด้วย อากาศไม่ได้เย็นมาก ต้องรอแดดเย็นๆหน่อยถึงจะพอไปยืนดูริมระเบียงได้

GOPR3444

ทะเลด้านพัทยาหันเข้าทิศตะวันตก เราจะได้ดูพระอาทิตย์ตกที่พัทยา วิวดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าสามารถดูได้จากห้องพักเลย

G0043496

ในวันรุ่งขึ้นตอนที่ไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนต่อแล้ว มีเวลาว่างในห้องพักนั่งดูวิวทะเลกว้างๆ หยิบกล้อง gopro มาถ่ายภาพ timelapse เอาไว้เป็นที่ระลึก วางกล้องกับระเบียงแล้วตั้งค่าให้กล้องบันทุึกภาพทุก 5 วินาที แล้วก็รอไปเรื่อยๆ จนผ่านไปสัก 20 นาทีก็ได้ภาพคลิปวิดีโอออกมา

dpp-IMG_5328

สนามหญ้าขนาดใหญ่ใช้เป็นสนามบอลได้ เล่นกันสองคนก็เหนื่อยมาก มีฟุตบอลยักษ์ให้เล่นด้วย น่าจะสนุกถ้ามากันหลายคน

dpp-IMG_5258
dpp-IMG_5262
dpp-IMG_5359

ออกจากโรงแรมเราแวะร้านอาหารญี่ปุ่นที่ใกล้ๆกับถนนข้าวเหนียว เป็นจุดแวะที่ต้องผ่านก่อนจะเข้าทางด่วน ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ประตูทึบปิดแล้วมองไม่เห็นด้านในเลย

dpp-IMG_5360

เมนูแนะนำก็คือข้าวหน้าเนื้อ รสชาติดีมาก ราคาก็สูงอยู่ กินบ่อยๆไม่ไหวแน่นอน

dpp-IMG_5384

จบทริปสองคืนกับระยองและชลบุรี.

ถ่ายภาพทะเล ท้องฟ้า แบบ Time lapse

กล้อง Action camera เป็นกล้องที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากความทนทาน สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกแล้ว ยังได้รับการพัฒนาลูกเล่นการถ่ายภาพและคลิปอย่างหลากหลาย กล้อง Action camera อย่าง Gopro9 นอกจากการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ราบลื่น กันสั่นได้อย่างสุดยอดแล้ว ยังมีลูกเล่นการถ่ายภาพแบบ Time lapse มาให้ด้วย เพียงแค่ตั้งค่ากล้องเล็กน้อย และจัดวางในมุมที่ได้วิวที่เราต้องการ แล้วก็ปล่อยให้กล้องทำงานไป ซึ่งเราแทบจะไม่ต้องเรียนรู้รายละเอียดเชิงลึกของการถ่ายแบบนี้เลย เราแค่กดเลือกว่าจะถ่าย Timelapse แล้วก็เริ่มถ่ายเลย

ตั้งค่ากล้อง gopro9 ในโหมด Time warp แล้วเลือกโพรไฟล์การถ่ายเป็นแบบ Time lapse เลือกการช่วงเวลาเก็บภาพทุก 2 วินาที แล้วก็กดถ่าย ตัวเลขในหน้าจอก็จะค่อยๆขึ้นไป นาทีนึงจะเก็บภาพได้ 30 เฟรม ดังนั้น หากเราอยากได้ความยาวประมาณ 20 วินาทีในคลิป เราจะต้องเปิดการรับภาพเอาไว้ประมาณ 20 นาที

dpp-IMG_5328

Gopro9 เป็นกล้องที่บันทึกภาพด้วยสีสันที่สวยงาม บางครั้งภาพก็สีสดเกินตาเห็น ภาพที่บันทึกจึงเป็นภาพที่น่ามอง และยิ่งเป็นภาพที่แปลกตา ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่า ต้องอาศัยเทคนิคการถ่ายภาพเพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหวเฉพาะตัวขึ้นมา ก็ยิ่งทำให้คลิปมีความน่าสนใจ เราสามารถบันทึกเป็นภาพหลัก หรือ เป็นภาพสต๊อคเพื่อใช้ตัดต่อในงานอื่นได้ด้วย การพกกล้องไปเที่ยว แล้วลองใช้ลูกเล่นที่กล้องพัฒนามาให้ ก็เป็นความสนุกที่น่าลองทำ

dpp-IMG_5326

ถ่ายภาพทะเลให้ผิวน้ำดูนุ่มโดยไม่ใช้ ND

ปกติการถ่ายภาพสายน้ำ ผิวน้ำ น้ำตก ลำธาร หรือ ทะเล ให้สายน้ำดูราบเรียบหรือไหลนุ่ม จะใช้เทคนิคตั้งสปีดชัตเตอร์นาน หรือ long exposure ซึ่งส่วนมากเราจะต้องตั้งค่าให้กล้องรับแสงน้อยๆแต่รับภาพนานๆ เช่นการใช้รูรับแสงแคบ เพื่อลดค่าแสง ทำให้เราต้องเปิดชัตเตอร์นานขึ้น บางครั้งแสงเยอะไปเราก็ต้องใช้ฟิลเตอร์ ND เพื่อลดแสงด้วย และทั้งหมดจะใช้งานร่วมกับขาตั้งกล้องเสมอ

แต่หากเราไมไ่ด้มีอุปกรณ์เหล่านี้ติดตัว ไม่มีทั้งขาตั้งกล้อง ไม่มีฟิลเตอร์ ND ที่ใช้ลดแสง เรายังเหลือเทคนิคอีกชนิดหนึ่งที่ใช้ชัตเตอร์สปีดนานโดยไม่ต้องใช้ขาตั้ง ก็คือ เทคนิคการแพนนิ่ง ซึ่งการแพนนิ่งนิยมใช้ถ่ายสิ่งที่เคลื่อนไหวเร็วๆ อย่างเช่น ภาพรถแข่ง ภาพคนวิ่ง เราจะได้วัตถุเด่นเป็นรถยนต์ชัดๆและมีฉากหลังเบลอ ถ้าความเร็วในการเคลื่อนหรือแพนกล้องเหมาะสมกับสปีดชัตเตอร์ เราก็จะได้ฉากหลังที่ดูนุ่มนวล และเราใช้เทคนิคนี้กับทะเลได้

digital-airport-29nov2005f5

วิธีการตั้งค่ากล้องสำหรับการถ่ายภาพแบบแพนนิ่ง หลักการคือตั้งค่าความไวแสงของกล้องให้ต่ำที่สุด และใช้หน้ากล้องแคบๆ เลือกสปีดชัตเตอร์ประมาณ​ 1/4 หรือ 1/8 ต้องทดลองไปเรื่อยๆ เลือกค่าที่สัมพันธ์กับรูรับแสงว่าให้แสงพอดี แล้วก็โฟกัสไว้ที่ขอบฟ้า หรือ จุดสนใจ ถ่ายภาพรถก็โฟกัสไปที่ถนนที่รถจะวิ่งผ่าน แล้วก็รอจังหวะ แพนกล้องตามรถวิ่ง เมื่อมาถึงมุมที่เราต้องการบันทึกภาพก็กดชัตเตอร์ให้กล้องทำงาน โดยทั้งหมดมือยังแพนหรือหมุนตามรถที่วิ่งอยู่ด้วย หลักการนี้ทำให้ได้ภาพรถชัดและฉากหลังเบลอ

การแพนนิ่งภาพน้ำทะเลจะทำให้เราได้ลักษณะของสายน้ำที่นุ่มนวล ดูสวยงาม เป็นภาพที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ต้องดูผ่านภาพถ่าย อาจจะต้องลองเปลี่ยนความไวชัตเตอร์ไปหลายค่า เพื่อดูว่าความไวชัตเตอร์ระดับไหนให้ภาพที่ถูกใจเรา และนอกจากแนวนอนแล้ว เรายังแพนด้วยภาพแนวตั้งได้ด้วย การแพนนิ่งด้วยกล้องดิจิทัลมีข้อดีคือ เราทำได้เรื่อยๆจนกว่าจะได้ภาพที่ถูกใจ และแม้บางภาพออกมาเอียงไปบ้าง ก็ยังสามารถสั่งปรับแก้ความเอียงได้ในคอมพิวเตอร์ บางคนถ่ายภาพแล้วส่งเข้าโทรศัพท์มือถือเพื่อช่วยปรับแก้ความเอียงและปรับโทนสีของภาพได้อีกด้วย

IMG_5155

ดูจากข้อมูลการถ่ายภาพ เราต้องตั้งค่ารูรับแสงให้แคบที่สุดเพื่อลดแสงเข้ากล้อง ตั้งความไวแสงไว้ที่ค่าต่ำสุดของกล้อง และสปีดชัตเตอร์จะนานขึ้นเพื่อให้รับแสงพอดี ในภาพนี้ประมาณ 1/3 วินาที ถือว่าเป็นความไวชัตเตอร์ที่ค่อนข้างช้าหรือนานนั่นเอง พอเราใช้การตั้งค่าเหล่านี้ไปแพนนิ่งภาพน้ำทะเลเราจะได้ผืนน้ำที่นุ่มสวย และสีสันก็ไปปรับแต่งได้ตามใจเรา

IMG_5147

พิมพ์ซองการ์ดแต่งงาน

pockethifi's avatarthai letterpress printing

การสั่งพิมพ์การ์ดแต่งงานกับโรงพิมพ์ เมื่อสรุปเรื่องการ์ดได้แล้ว สิ่งต่อไปที่จะต้องคุยต่อก็คือเรื่องของซองใส่การ์ด ซึ่งสวนมากแล้วถ้าเราไม่ซื้อสำเร็จรูปจากร้านค้า ก็ต้องสั่งผลิตจากโรงพิมพ์ แต่ละแนวทางก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันดังนี้

IMG_1553

การสั่งการ์ดจากโรงพิมพ์แล้วไปหาซื้อซองเอง เราจะได้ซองราคาประหยัด ส่วนมากจะอยู่ที่ราคาซองละไม่กี่บาท รู้ราคาแน่นอน แต่ก็จะเลือกขนาดที่พอดีเป๊ะกับการ์ดแต่งงานของเราไม่ได้ และเลือกสีไม่ได้ เลือกรูปแบบซองหรือลักษณะฝาซอง หรือการเจาะช่องพิเศษก็ไม่ได้ ได้เพียงความสะดวกและความประหยัด ซึ่งหากเราไม่เน้นเรื่องความเข้ากันได้แบบสุดๆ หรือไม่เน้นการออกแบบที่พิถีพิถันมาก เราก็ใช้ซองสำเร็จรูปได้

ซอง

การสั่งผลิตซองโดยตรงกับโรงพิมพ์ เพื่อให้เหมาะกับการ์ดที่สั่งทำด้วย เป็นการออกแบบที่เน้นความพิถีพิถัน เน้นความเข้ากันได้ และตอบสนองต่อจินตนาการของเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดสวยแต่ซองไม่เข้ากันก็จะทำให้ผู้จัดงานรู้สึกว่ายังไม่สุด บางคู่อยากได้กระดาษคล้ายๆกับตัวการ์ดหรืออาจจะเป็นกระดาษชนิดเดียวกันแต่เป็นแบบบาง เพื่อให้เนื้อสัมผัสเหมือนกันทั้งการ์ดและซอง บางรายเลือกสีที่ชอบในการพิมพ์การ์ดเมื่อเลือกซองก็อยากได้สีซองที่ตรงกับการ์ดด้วย การพิมพ์ย้อมสีเลือกค่าให้ตรงแพนโทนหรือเลือกให้ตรงกับหมึกในการ์ดก็เป็นเรื่องที่ต้องสั่งทำซองด้วยตัวเอง และเมื่อเลือกผลิตซองเอง เราก็ยังเลือกขนาดให้พอดีกับการ์ดได้ เลือกรูปแบบฝาซอง เลือกทรงของซองแนวตั้งหรือแนวนอน และยังสามารถเลือกเจาะช่องพิเศษเพื่อสอดกระดาษเพิ่มเติมได้ด้วย ส่วนมากช่องเจาะพิเศษก็จะเป็นการ์ดเชิญงานหมั้น หรือ แผนที่ ที่จะแนบไปกับการ์ด

ย้อมสี แพนโทน pantone ซอง

หากเราเป็นเจ้าภาพที่เน้นราคาประหยัด ให้เลือกซองสำเร็จรูปให้ได้ก่อน แล้วค่อยออกแบบการ์ดให้พอดีกับซอง และซองที่เลือกสำเร็จรูปนั้นเราควรจะต้องสั่งซื้อมาให้พอในครั้งแรกเลย เช่น ถ้าเราจะมีแจกการ์ด 200 ใบ เราก็ควรเลือกสั่งซองมาประมาณ 250-300 ซอง เก็บไว้กับตัวก่อนจะสั่งพิมพ์การ์ด เนื่องจากบางครั้งซองบางรุ่นจะหมดสต๊อค หากเราซื้อแค่พอดี เกิดเราเขียนจ่าหน้าซองผิด หรือ มีแขกเพิ่ม แล้วเราอยากจะไปซื้อซองเพิ่ม ซองรุ่นนั้นอาจจะขายหมดไปแล้วก็ได้ เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อย

หากเราเป็นเจ้าภาพที่เน้นความเข้ากันได้อย่างต่อเนื่อง การออกแบบการ์ดพร้อมกับออกแบบซองก็เป็นเรื่องที่สามารถทำไปด้วยกัน สามารถเลือกใช้สีพิมพ์การ์ดให้ตรงกับสีย้อมซองก็ทำได้ เลือกเปลี่ยนสีซองได้ด้วย แขกฝั่งผู้ชายให้สีที่หนึ่ง แขกฝั่งผู้หญิงใช้สีที่สอง ก็ทำได้

1689433609310

View original post

การเลือกที่เก็บภาพ online

การใช้รูปประกอบบทความเป็นสิ่งที่ทำให้บทความน่าอ่าน wordpress สามารถใส่ภาพได้ง่าย และเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในระบบได้  ข้อดีคือทุกอย่างอยู่ในระบบเดียวกัน  แต่ข้อเสียคือ หากเราเขียนอย่างต่อเนื่องหลายปี บทความและรูปจะเยอะมาก และทำให้พื้นที่ใน wordpress เต็มได้ง่าย  เพราะ wordpress แบบฟรี จะมีพื้นที่จำกัด  ส่วนแบบจ่ายเงินก็จะได้พื้นที่เก็บข้อมูลเยอะขึ้น ยิ่งจ่ายต่อปีแพงขึ้นก็ยิ่งได้พื้นที่มากขึ้น  การเขียนบทความที่ยาวนาน มีเนื้อหาจำนวนมาก ภาพประกอบก็จะมากตามไปด้วยทำให้การแบ็คอัพก็จะทำยากขึ้น นานขึ้น

การหาที่เก็บภาพแบบ online แล้วนำไปใช้ใน wordpress จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราประหยัดพื้นที่ใน wordpress ได้ และเรายังคงได้ใช้ความสามารถของระบบเก็บภาพเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้อีกด้วย  อย่างเช่น เราอาจจะมีเว็บไซต์หลายเว็บ และหลายเว็บใช้คลังภาพเดียวกัน  การแยกคลังภาพไปเก็บไว้ต่างหากนอก wordpress ก็เป็นสิ่งที่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานหลายวัตถุประสงค์

Flickr-Logo-700x394

แนะนำการใช้คลังภาพเป็นระบบของ flickr เพราะว่าเป็นระบบการเก็บภาพที่พัฒนามายาวนานมาก  มีการจัดระเบียบ หมวดหมู่  สามารถสั่งให้เรียงลำดับตามวันเวลาที่บันทึกภาพก็ได้ หรือ เรียงลำดับตามวันที่อัพโหลดเข้า flickr ก็ได้  ความยืดหยุ่นในการจัดเรียงไฟล์ภาพทำให้เราสามารถย้อนดู หรือ ย้อนหาภาพที่ต้องการได้เร็วมากหากเราจำเหตุการณ์หรือวันเวลาที่ต้องการย้อนไปดูได้  การหาภาพในคลังของ flickr เราจะใช้เวลาไม่นานเพื่อเข้าถึงภาพนั้น  และ flickr ยังมีความสามารถในการนำภาพออกไปแชร์ได้หลายรูปแบบ  ซึ่งดีกว่า google photo  ดีกว่าเก็บไว้ใน cloud ระบบอื่นๆ  เพราะ cloud ของ flickr ออกแบบให้บริหารจัดการภาพได้ดีกว่ายี่ห้ออื่น

image

การส่งรูปภาพเข้า flickr สามารถทำได้ทีละหลายร้อยรูป และทุกรูปมีความละเอียดสูงเท่าต้นฉบับ  flickr จึงเป็นแหล่งแบ็คอัพหรือคลังเก็บภาพที่ดีมาก  แถมยังสามารถจัดกลุ่มแยกเป็นอัลบั้มได้อิสระ  ตั้งค่าให้แต่ละภาพเป็น private หรือ public ได้ด้วย  ต่อให้เราไม่ทำเว็บไซต์ เราก็ยังสามารถใช้ flickr เป็นที่เก็บภาพบนอินเทอเน็ตได้  ถือว่าเป็นเว็บเก็บภาพที่ทรงพลังมาก  ในตอนที่ผมเริ่มเขียนบทความก็ได้ทดลองใช้ระบบเก็บภาพบางแห่ง และสุดท้ายก็ต้องเลิกใช้ในที่สุดเนื่องจากระบบนั้นปิดตัวเองลง  การเลือก cloud เพื่อเก็บข้อมูลก็จะมีความเสี่ยงอยู่ในเรื่องเหล่านี้  การเลือกระบบที่ชำนาญเรื่องภาพถ่ายและอยู่มายาวนานก็เป็นวิธีคิดที่ถูกต้องที่สุด

External-Harddisk-WD-My-Passport-5TB

แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงต้องมีแบ็คอัพรูปภาพทั้งหมดเอาไว้ในบ้านด้วย  เราควรเลือกใช้ external harddisk สักตัวเพื่อเก็บภาพทุกภาพเอาไว้ถือเป็นช่องทางเก็บอีกระบบหนึ่ง  ความแน่นอนที่สุดที่ไฟล์ภาพจะไม่หายคือการมีภาพนั้นไว้ในฮาร์ดดิสก์และวางฮาร์ดดิสก์ก้อนนั้นไว้ในบ้านและขณะเดียวกันไฟล์นี้ก็ต้องอัพโหลดเข้าไปอยู่ใน cloud ที่ดีด้วย เพื่อให้เราได้ใช้งานในการเขียนบทความและทำเว็บไซต์ สรุปสั้นๆก็คือไฟล์ที่เราอยากเก็บควรมีไว้ทั้งในฝั่ง online และ offline

การเขียน content ให้ต่อเนื่อง 10ปี

การเขียน content ให้ต่อเนื่อง 10ปี  และนำไปสู่การรวมเป็นเล่มหนังสือได้ถ้าอยากทำ

การเขียนเป็นการแสดงความคิดเห็น  เป็นการบันทึกความคิดของเรา บ่งบอกว่าเรามองโลกอย่างไร มีทัศนคติอย่างไรในช่วงเวลาที่เราเขียน

การเขียนบทความที่ดีไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเขียนให้ต่อเนื่องยาวนาน  มีความสม่ำเสมอ จนกลายเป็นคลังความรู้เป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่า   มี 2 ปัจจัยที่จำเป็นคือ ข้อ1 ความหลงใหลในการเขียนต้องมีมากพอ และ ข้อ2 ต้องเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการเขียน

pexels-picjumbocom-210661

เครื่องมือการเขียนที่เหมาะสม ที่จะช่วยให้การเขียนเป็นไปอย่างง่ายดายก็คือ เครื่องมือที่ทำให้เราเขียนได้ง่าย บันทึกได้ง่าย  และถ้าสามารถแสดงผลได้สวยงามบนทุกสายตายิ่งดี  นั่นก็คือเครื่องมือออนไลน์  เพราะคนอ่านจะอ่านได้จากโทรศัพท์มือถือ  คอมพิวเตอร์ แท็บเบล็ต  และการเขียนเป็นดิจิทัลไฟล์ในออนไลน์ยังง่ายต่อการจัดหมวดหมู่ และง่ายต่อการรวบรวมไปทำเป็นเล่มอีกด้วย

การจดบันทึกลงเล่มไดอารี่หรือสมุดในอดีตเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียน  การเขียนจากสิ่งที่สังเกตุเห็น เขียนบันทึกความคิด  เขียนเพื่อตอบคำถาม  ต่างเป็นจุดที่ทำให้เกิดเป็นบทความ  แต่การเขียนบนกระดาษ ก็จะมีข้อจำกัดคือ แก้ไขลำบาก  ลายมือไม่คงที่  และนำไปเผยแพร่ลำบาก  และส่วนมากไม่สวยในเวอร์ชั่นแรกที่เริ่มเขียน

การจดเป็นไฟล์ในคอมพิวเตอร์ ใช้โปรแกรมไมโครซอร์ฟเวิร์ด ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ง่ายขึ้น  เรียบเรียงง่าย  พิมพ์ผิดก็แก้ไขง่าย  แต่ก็จะยังคงเผยแพร่ไม่สะดวก  ส่งให้คนอ่านเป็นร้อยเป็นพันไม่ได้    และหน้าตาก็ยังไม่น่าอ่าน ยังไม่รวมการจัดหมวดหมู่ที่ทำได้ยากอีกด้วย

การจดบันทึกบนระบบออนไลน์เป็นคำตอบที่ดีในปัจจุบัน  เพราะจะทำให้เราสามารถเขียนจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ได้  จะใช้โทรศัพท์มือถือก็ทำได้ถ้าชำนาญ  แต่ก็ต้องคิดถึงระบบหรือแพล็ตฟอร์มที่เราเลือกเขียนด้วย  การเลือกเขียนลงเฟสบุ๊คแม้จะมีพื้นที่การเขียนแบบยาวได้   แต่ก็จะมีข้อเสียก็คือ บทความของเราจะมีความเสี่ยงต่อการสูญหาย  ย้อนกลับไปแก้ไขบทความเก่าลำบากมาก หรือ อาจหาไม่เจอ  ในบางครั้งเราอาจโดนแฮ็คหรือขโมย account  การใช้ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คตัวใดตัวหนึ่งเป็นตัวเก็บข้อมูล จะมีความเสี่ยงต่อการโดนปิด  โดนขโมย  หรืออาจจะทะเลาะกับเจ้าของแพลตฟอร์มแล้วเราถูกปิด 

pexels-canva-studio-3153199

เราจึงควรเขียนบทความลงเว็บไซต์  เพราะเว็บไซต์มีความเป็นอิสระมากกว่า  แต่เมื่อเปิดใช้งานแล้วก็จะปิดยากมาก  เพราะกฏระเบียบทุกอย่างของเว็บไซต์เป็นของเราเอง  เราจะไม่โดนรีพอร์ต จะไม่โดยแจ้งว่าน่ารำคาญ   ต่อให้เราโกหกอะไรไว้ในเว็บของเราก็ไม่มีใครมาสั่งปิดได้  ขอเพียงแค่บทความไม่ผิดกฏหมาย ไม่ละเมิดสิทธิ์ของใคร บทความนั้นก็จะคงกระพัน อยู่บนเว็บไซต์รอคนเข้ามาอ่านแทบจะตลอดไป

การเขียนในเว็บไซต์ แนะนำให้ใช้ระบบของ wordpress เพราะว่าเป็นเครื่องมือการทำ content ที่เหมาะกับการทำเป็นเว็บไซต์  ดังที่เราจะเห็นว่ามีสำนักข่าวจำนวนมากใช้ระบบของ wordpress ในการสร้างช่องทางในออนไลน์ 

การเขียนบทความใน wordpress มีข้อดีดังนี้

1 เขียนจากคอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ได้ที่เชื่อมต่อกับอินเทอเน็ต

2 เขียนจากโทรศัพท์มือถือก็ได้  ถ้าขยันพิมพ์ยาวๆด้วยโทรศัพท์ ก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือเขียนได้

3 เราสามารถเลือกวิธี ส่งอีเมลแล้วไปโผล่เป็น content ใน wordpress ได้

4 wordpress มี theme จำนวนมากให้เลือก ใช้  เลือกหน้าตา เลือกเลย์เอ๊าท์สวยระดับมืออาชีพได้เลย

5 แต่ละโพสท์ที่เขียนใน wordpresss มีตัวนับยอดวิวแยกแต่ละโพสท์เลย  โพสท์ไหนนิยมมากเราจะรู้

6 สามารถจัด category ได้อิสระ  ใส่ tag หรือ keyword ได้ละเอียด  จัดหมวดหมู่อัตโนมัติ

7 หน้าตาสวยงาม คนอื่นเข้ามาอ่านได้จากอินเทอเน็ต ไม่จำกัดแพลตฟอร์ม เหมาะกับเว็บสำนักข่าวและใช้เป็นเว็บรวมรวมความรู้ได้

8 สามารถแบ็คอัพได้ง่ายและสามารถนำไปขึ้นระบบอื่นได้ง่ายเช่นกัน บทความเราไม่ตายแน่นอน

9 สามารถปรับปรุงบทความได้ตลอดเวลา  แม้เวลาหลายเดือนผ่านไปก็ยังกลับไปอัพเดทข้อมูลในบทความเก่าได้

10 การรวมเล่มทำได้ง่าย  หากเรามีบทความยาวเกิน 10 บทความ ก็พร้อมจะทำเป็นเล่มแล้ว

11 ทุกบทความเป็นตัวหนังสือ ทุกคำคือคีย์เวิร์ด บางทีเราไม่ต้องใส่tag กูเกิ้ลก็ยังหาเราเจอ

12 มีการรวบรวมสถิติการเขียนบทความ เห็นอัตราการเจริญเติบโตอย่างเข้าใจง่าย ช่วยให้พัฒนาตัวเองได้

13 มีเครื่องมือที่ทันสมัย  โลก online เราฮิตความสามารถอะไร wordpress จะมีซัพพอร์ต เสมอ

14 บทความใน wordpress สามารถนำไปแชร์ในโซเชียลมีเดียอื่นๆได้ง่าย

ลองปรับภาพให้ได้โทนเท่ห์ๆแบบฝรั่ง

ภาพนี้เป็นภาพสมัยที่ลูกผมอายุ 3 ขวบ และบ้านเราก็หอบหิ้วกันไปเที่ยวญี่ปุ่น ลูกตัวเล็กน่ารัก กำลังนั่งมองการ์ตูนในแท็บเบล็ตที่เราพกไว้สำหรับใช้ถ่วงเวลา เวลาที่งอแงหรือกินอะไรยากเย็น แสงสว่างตอนเช้าส่องเข้าที่หน้าต่าง แดดยังไม่แรง ความสว่างในระยะเริ่มต้นวันใหม่กำลังสวย เลนส์ efm 22f2 เป็นเลนส์ที่ใช้อยู่บนกล้อง canon eos m1 ซึ่งเป็นกล้อง mirrorless รุ่นแรกของ canon

ผมถ่ายภาพนี้ด้วย setting แบบ jpg+raw และตั้งค่าการถ่ายเป็น Av f2 ตั้งค่าให้กล้องไม่ต้องชดเชยขอบมืด เพราะเจตนาอยากได้ภาพที่ขอบมืดเล็กน้อย กลางภาพสว่างจะดูเด่นขึ้น ส่วนค่า White balance ก็ตั้งไว้ที่ Auto ซึ่งกล้องก็ทำงานได้ภาพที่ดี รูรับแสง F2 ทำให้นายแบบดูคมชัดและด้านหลังที่เป็นกำแพงก็ดูเบลอไปเล็กน้อย ชัดตื้นระดับแค่คนชัดข้างหลังเบลอเป็นลักษณะภาพที่สวยและต้องการอุปกรณ์ที่ดีระดับหนึ่ง เพราะหากเป็นเลนส์ที่รูรับแสงไม่กว้างมากก็ยากที่จะได้ภาพที่มีความเบลอด้านหลังแบบนี้

IMG_8995
dpp-japan2015t-IMG_8995

ในตอนเดินทางเราพบเหตุการณ์อะไร มีอะไรน่าสนใจ เราก็ถ่ายภาพเก็บไว้เรื่อยๆตลอดทริป และทริปนี้ก็เป็นทริปที่ผมพกกล้องและเลนส์ไปตัวเดียว ชุดเดียวถ้วน ไม่มีสำรอง ไม่มีเลนส์เปลี่ยน เนื่องจากการเดินทางข้ามประเทศพร้อมลูกเล็กและรถเข็นเด็กก็ทำให้มีข้าวของพะรุงพะรัง ทำให้ไม่อยากพกอุปกรณ์กล้องไปเยอะ ผมไม่มีแม้แต่กล้องสำรอง คิดเพียงว่าถ้ากล้องพัง กล้องเสีย หรือ กล้องหาย ก็ซื้อใหม่ที่ญี่ปุ่นไปเลย

เมื่อกลับมาเมืองไทย และเวลาผ่านไปสักพัก ผมก็เปิดดูภาพชุดนี้อยู่เรื่อยๆ และหลายปีต่อมา ก็ทดลองเอามาปรับสีเล่นเพื่อให้ดูคล้ายๆกับแนวทางของช่างภาพเมืองฝรั่งดูบ้าง เพราะภาพแนวสตรีทหรือแนวชีวิตผู้คนก็มักจะมีโทนสีหม่นๆ หรือ อมเขียว อมฟ้าอย่างบอกไม่ถูก กำแพงห้องที่เป็นสีโทนขาว ในหนังอาร์ต หรือหนังฮอลีวู้ดบางเรื่องก็ถ่ายออกมาอมเขียวรุนแรงมาก ผมก็เลยคิดว่า ถ้าเราปรับโทนของภาพ ให้โทนขาวเทาดำมีความเจือปนสีเขียวเล็กน้อยจะเป็นอย่างไร ก็เลยออกมาเป็นภาพเหล่านี้

ภาพโทนอมฟ้าอมเขียวเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นตามกระแสกล้องฟิล์มที่ฮิตมากอย่างน่าประหลาดใจในช่วงหลายปีก่อน ฟิล์มที่ไม่มีคนสนใจเริ่มถูกซื้อไปถ่ายเล่น กล้องเก่าเริ่มขายดี ฟิล์มถ่ายภาพจากม้วนละไม่ถึงหนึ่งร้อยบาท กลายเป็นสองร้อย สามร้อย และในปีนี้ คศ 2023 ฟิล์มสีม้วนละ 550 บาทไปแล้ว การลองย้อนไปถ่ายฟิล์มเพื่อให้ได้โทนสีแบบฟิล์มก็ดูจะเป็นเรื่องสิ้นเปลืองอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ดิจิทัลที่นอนนิ่งอยู่ในคอมพิวเตอร์ก็ลองเอามารับเล่นดูดีกว่า เลยเกิดเป็นภาพอมเขียว อมฟ้า เล็กน้อยแบบนี้

โพสท์แบบ compare

การสแกนฟิล์มด้วย DigitaLIZA

หลักการของการสแกนฟิล์มในยุคดิจิทัลก็คือ ทำให้แสงส่องผ่านฟิล์ม แล้วเอากล้องดิจิทัลมาถ่ายภาพแผ่นฟิล์มนั้น จากนั้นก็ไปเข้าโปรแกรมปรับแต่ง ถ้าถ่ายภาพฟิล์มเน็กกาทีฟ ก็ต้องกลับสีให้เป็นโพสิทีฟเสียก่อน ถ้าสแกนฟิล์มขาวดำ ก็ต้องใช้การปรับ อินเวิต เพื่อกลับขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว และถ้าสแกนฟิล์มสไลด์ ก็ไม่ต้องกลับสีเลย แค่ปรับความสว่างอีกเล็กน้อยก็ได้ภาพที่ดีแล้ว

1สแกนฟิล์มขาวดำด้วยกล้องดิจิทัล

2สแกนฟิล์มสไลด์ด้วยมือถือ

3การสแกนภาพจากฟิล์มขาวดำด้วยเครื่องอัดภาพ

4การทำcontactsheet ขาวดำจากฟิล์ม

แก้วน้ำจากแพนโทน สี 18-4247

IMG_20210622_115817

บริษัทแพนโทนเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญเรื่องสี และธุรกิจหลักในปัจจุบันก็คือการทำสมุดตัวอย่างสีหลากหลายมาตรฐานออกมาขาย ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการผลิตที่ต้องใช้สีสันต่างก็ใช้สีอ้างอิงจากแพนโทน เช่นลูกค้าอยากได้สีน้ำเงินที่ตรงกับแพนโทน 2728C โรงงานผลิตก็จะไปผสมสีแบบนั้นมาผลิตให้โดยเทียบกับสีจากสมุดของแพนโทน ทำให้ได้สีที่ตรงความต้องการของนักออกแบบ การสื่อสารเรื่องสีได้รับการจัดระเบียบให้เข้าใจตรงกัน แพนโทนจึงโด่งดัง และสมุดสีของแพนโทนก็กลายเป็นสินค้าที่ใช้อ้างอิงในการทำงานเกี่ยวกับสี

IMG_4349

โรงพิมพ์เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้สีที่หลากหลายตามคำสั่งผลิตจากลูกค้า เวลาลูกค้าออกแบบสิ่งพิมพ์ เลือกใช้สีในงานพิมพ์ ก็จะมีค่าสีระบุกำกับมาด้วย ค่าสีของแพนโทนในระบบการออกแบบในคอมพิวเตอร์ก็จะมีสารพัดสีให้เลือกใช้ โปรแกรมออกแบบ โปรแกรมจัดหน้าสิ่งพิมพ์ แม้แต่โปรแกรมการทำสไลด์พรีเซ็นเทชั่นก็ยังเลือกสีแพนโทนได้

IMG_4814

แพนโทนเป็นเจ้าของระบบสีหลายชนิด และได้มีการขยายธุรกิจไปสู่การทำสินค้าของที่ระลึกด้วย เราจึงมีแก้วที่คาดด้วยสีแพนโทนใช้ สีสันสวยงาม แม้มันจะเป็นแค่แก้วทั่วไป แต่การที่มันมีสีที่ตรงกับมาตรฐานของแพนโทนก็ทำให้เรารู้สึกเชื่อมั่นในการใช้งานมาตรฐานสีของแพนโทนมายิ่งขึ้น มีแก้วนี้วางอยู่บนโต๊ะประชุม อย่างน้อยลูกค้าก็เชื่อว่าเรารู้จักแพนโทน เข้าใจวิธีการออกแบบและผลิตสีให้ตรงกับความต้องการ

ฉลองวันเกิด BNI Heritage 17 ปี

ย้อนดูตอนจัดงานครบรอบ 7 ปีได้ที่นี่