การถ่ายภาพให้สวยทำอย่างไร

ในปัจจุบันที่ใครก็สามารถมีกล้องถ่ายภาพได้ โทรศัพท์ใหม่ๆทุกเครื่องก็มีกล้องถ่ายภาพติดมาด้วย สมาร์ทโฟนที่ใช้สื่อสารกับอินเทอเน็ตก็มีกล้องคุณภาพดีมาให้แล้ว กล้องถ่ายภาพโดยเฉพาะสำหรับมือสมัครเล่น และมืออาชีพก็มีราคาเริ่มต้นไม่แพง ยิ่งหากหาของมือสองมาใช้ก็ยิ่งราคาต่ำ ยุคนี้เครื่องมือคือสิ่งที่นักถ่ายภาพแทบจะไม่ต้องไปสนใจเรื่องสเป็คและคุณภาพอุปกรณ์อีกแล้ว

การถ่ายภาพให้สวยก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายขึ้น แต่มันก็มีหลักการนิดเดียวที่สามารถนำไปหัดใช้ได้ ผมขอให้แนวคิดเอาไว้ ถ้าเห็นด้วยก็ทดลองฝึกฝนดู “การถ่ายภาพให้สวยเกิดจากการที่เราผ่านการถ่ายแบบไม่สวยไปแล้ว” ให้ลองดูตัวอย่างภาพต่อไปนี้

IMG_6418
ภาพนี้คือต้นตำลึกที่ขึ้นมาเกาะต้นไม้ใหญ่ ใบอ่อนสีเขียวโดนแสงแดดส่อง ช่างภาพมองเห็นก็พอรู้ด้วยประสบการณ์ว่ามุมที่สวยน่าจะถ่ายย้อนแสง แสงแดดที่กระทบใบตำลึงจะทำให้ใบเรืองแสง ฉากหลังที่ไม่โดนแสงจะสีเข้ม ทำให้ใบไม้ยิ่งเด่นขึ้นไปอีก ภาพนี้ถือว่าเป็นภาพสวยสำหรับผมแล้ว ดังนั้น ก่อนจะมาเป็นภาพนี้ จะให้ดูว่าผ่านภาพแบบไหนมาบ้าง

เริ่มจากเดินออกมาที่หน้าบ้านแล้วก็พบว่า ต้นไม้ใหญ่มีใบไม้เกาะอยู่ และมีแดดส่องพอดี และคิดจบในหัวแล้วว่าเราจะต้องถ่ายภาพใบตำลึงในมุมมองที่สวยแปกตา เลยหยิบกล้องถ่ายภาพ เริ่มจากเราเห็นภาพนี้

IMG_6419

หลังจากนั้นเราก็เดินดูรอบๆสิ่งที่น่าสนใจ ผมรู้แล้วว่าผมอยากได้ภาพใบตำลึง ก็เลยเดินดูรอบๆ ไปดูหน้าหน้าก็เห็นภาพนี้

IMG_6408

กล้องในมือก็คือ eos m ติดเลนส์ kit ที่แถมมาพร้อมกับกล้อง เป็นเลนส์ซูม 18-55มม. เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ที่ราคาต่ำที่สุด และเลนส์ก็เป็นเลนส์ที่มีแต่คนถอดขายทิ้ง อัพเกรดไปเป็นตัวอื่น แต่ผมชอบเลนส์ตัวนี้เพราะมันคุณภาพพอใช้ได้ และราคาถูก ใช้แบบไม่ต้องระวัง ฟิลเตอร์คุณภาพสูงบางชิ้นยังแพงกว่าเลนส์ตัวนี้ นั่นหมายความว่าผมใช้เลนส์ตัวนี้ไม่ต้องใส่ฟิลเตอร์ที่หน้าเลนส์ก็ได้ เราจะได้คุณภาพที่สูงที่สุดจากเลนส์เพียวๆไม่ใส่ฟิลเตอร์ เพราะมีความเชื่อว่า best filter is no filter มองภาพด้วยตาเปล่าสวยกว่ามองผ่านแว่นตา ถ้าคุณไม่สายตาสั้นหรือยาวผิดปกติ

ลองถ่ายภาพใกล้เข้าไปอีกหน่อย ตัดสิ่งที่ไม่น่าสนใจในภาพด้วยการเลือกถ่ายเฉพาะต้นไม้และใบไม้ ขวดน้ำไม่ได้หยิบออกเพราะว่าสุดท้ายจะเข้าใกล้กว่านี้ เลยไม่จำเป็นต้องหยิบตอนนี้

IMG_6409

แล้วก็ขยับกล้อง พร้อมกับซูมภาพเข้าไปอีกให้เหลือแต่ต้นไม้กับใบไม้ ซึ่งก็ให้ลักษณะภาพที่ดูดีขึ้น ซึ่งภาพใบไม้เกาะต้นไม้ใหญ่แค่ภาพนี้ก็พอจะใช้นำไปเขียนบทความเกี่ยวกับใบตำลึงได้แล้ว

IMG_6410

ลองซูมเลนส์ให้ได้ภาพใหญ่ขึ้น เข้าใกล้มากขึ้นก็จะได้ภาพที่ใบตำลึงเด่นขึ้น แต่การเข้าใกล้มาก ก็จะมีผลตามมาด้วยคือระยะชัดของใบไม้ครอบคลุมไม่ครบทั้งใบ บางส่วนของใบไม่ชัด และรวมถึงมือก็อาจจะสั่นด้วยทำให้ภาพไม่คมชัด

IMG_6411

ผ่านสามภาพนี้ไปเราก็ได้ภาพที่ดูน่าสนใจขึ้นแล้ว แต่จากการที่ดูภาพมานาน และเคยถ่ายภาพต้นไม้ใบไม้มาแล้วเลยลองไปถ่ายจากด้านหลังบ้าง เพราะการถ่ายภาพย้อนแสงก็สามารถให้ภาพที่ดีได้

IMG_6413

ลองถอยออกมาอีกนิด ปรับภาพให้มีใบเรียงตัวกันแนวตั้ง ลองถ่ายมุมที่ห่างออกมาหน่อยก็พบว่าให้ภาพที่สวยขึ้น

IMG_6412

จากนั้นก็ลองเปลี่ยนไปถ่ายภาพแนวนอนบ้าง เพราะอยากจะเก็บเฉพาะใบเดียวเด่นๆไปเลย กล้องอยู่ในมือ เวลาเหลือเฟือ ก็ลองเปลี่ยนลักษณะภาพไปเรื่อยๆ และก็พบว่าภาพมุมนี้ถูกใจตัวเราที่สุด

IMG_6415

จริงๆจะหยุดแค่นี้ก็ได้ ภาพที่พอใจเราถ่ายด้วยรูรับแสง f5.6 ซึ่งเป็นระยะรูรับแสงกว้างสุดของเลนส์ที่ช่วงซูมสูงสุดของเลนส์คือ 55มม. การใช้รูรับแสงกว้างจะทำให้ระยะชัดน้อย อาจจะดีกับบางภาพ แต่ถ้าลองใช้รูรับแสงแคบลงไปหน่อยเพื่อให้ระยะชัดมากขึ้น จะได้ผลที่แตกต่างไปอีกเล็กน้อย กล้องอยู่ในมือ เวลาเหลือเฟือ ก็ลองได้เลย

IMG_6418

ภาพสุดท้ายนี้คือมุมภาพเหมือนเดิมแต่ปรับรูรับแสงให้มากขึ้นเป็น f11 ซึ่งจะทำให้มีระยะชัดมากขึ้น ฉากหลังจะไม่เบลอเท่ารูรับแสงกว้าง เราได้รายละเอียดในส่วนของใบและต้นไม้ใหญ่มากขึ้น ส่วนของลำต้นที่มีรายละเอียดปรากฏให้เห็นทำให้ภาพดูสวยกว่าเดิม ความเบลอที่ทำให้ภาพสวย กับการลดความเบลอแล้วภาพสวย เป็นสิ่งที่ต้องทดลองทำ เห็นภาพถึงจะรู้คำตอบ ดังนั้น กล้องอยู่ในมือ เวลาเหลือเฟือ ก็ทดลองไป

การถ่ายภาพให้สวยเป็นเรื่องของการค้นหา ทดลอง ประสบการณ์คือสิ่งสำคัญที่ทำให้เราได้ภาพสวย และภาพที่สวยจะตามมาหลังจากที่เราถ่ายภาพไม่สวยไปครบแล้ว ดังนั้น การหัดถ่ายภาพต้องถ่ายให้เยอะ ผ่านภาพไม่สวยมาให้ครบทุกแบบเราถึงจะถ่ายภาพได้สวยตามที่คาดหวัง เมื่อเจอสิ่งที่อยากถ่าย ให้ลองมองรอบๆ เดินดู มองหา ทดลองถ่าย เปลี่ยนระยะภาพ เปลี่ยนตำแหน่งที่ยืน กล้องอยู่ในมือ เวลาเหลือเฟือ ทดลองไปเรื่อยๆ จะผ่านไปร้อยรูปก็ไม่ผิด ถ้ารูปสวยจะมาเป็นรูปที่ร้อยหนึ่ง ก็แค่ถ่ายให้ผ่านร้อยภาพที่แตกต่างกัน เรียนรู้ทุกภาพที่ถ่าย เดี๋ยวก็ถึงภาพที่สวยเอง


ถ่ายคลิปวิดีโอสไตล์โบราณ

การถ่ายภาพและวิดีโอในปัจจุบันปี คศ 2023 จะใช้เครื่องมือดิจิทัลกันหมดแล้ว และคุณภาพของภาพและวิดีโอก็สูงลิบ เป็นภาพความละเอียดสูงมาก และวิดีโอระดับ 2K 4K และในระดับโปรดักชั่นก็อาจจะไปถึง 8K กันแล้ว แถมโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้สวยจนกล้องคอมแพ็คดิจิทัลกำลังจะสูญพันธ์ุ กล้องระดับกลางเริ่มขายยาก เพราะมือถือพัฒนาคุณภาพขึ้นมาสูงมากแถมราคาก็แซงกล้องระดับมือสมัครเล่นไปแล้ว ทำให้ทุกคนที่ซื้อมือถือใหม่ๆสามารถทำคอนเท้นต์คุณภาพดีได้ไม่ยาก

ความนิยมกล้องฟิล์มก็เสื่อมถอยหลังจากที่บูมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากฟิล์มถ่ายภาพที่เคยราคาม้วนละร้อยบาทกลายเป็นม้วนละสี่ร้อย ไม่รู้ว่ากลไกราคาทำงานยังไงทำให้ราคาสูงขึ้นยิ่งกว่าทอง ผลก็คือคนแทบจะเลิกเล่นกล้องฟิล์ม นักถ่ายภาพที่ต้องการภาพสีประหลาด โทนสีอุ่นนุ่มแบบอนาลอก เริ่มถอยจากฟิล์ม แต่จะหันไปทางไหนเพื่อเล่นของแปลก ก็เลยเป็นกระแสกลับไปเล่นกล้องดิจิทัลโบราณ เพราะความต้องการที่จะไม่เหมือนใคร การเล่นฟิล์มที่เคยเป็นทางออก ก็เปลี่ยนมาเป็นกล้องดิจิทัลยุคแรกแทน

ลักษณะของภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลโบราณจะดูพอรู้ว่าคุณภาพไม่สูงมาก กล้องดิจิทัลอายุ 20 ปี จะมีความละเอียดประมาณ 2-4 ล้านพิกเซล ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการอัดขยายภาพในระดับโปสการ์ด เพียงพอสำหรับการดูในจอโทรศัพท์หรือแม้แต่จอคอมพิวเตอร์ แต่สิ่งที่มันบ่งบอกถึงความโบราณคือคุณภาพของภาพที่ไม่สวยใสแบบกล้องสมัยใหม่ ซึ่งก็หลายเป็นลักษณะที่แตกต่างที่มีคนตามหา แและกล้องเหล่านี้ก็จะมีความสามารถในการถ่ายวิดีโอด้วย ภาพวิดีโอแนวโบราณ ความละเอียดระดับ dvd หรือ 640×480 หรือต่ำกว่า กลายเป็นภาพที่ดูแปลก เป็นความอินดี้ด้วยคุณภาพที่ต่ำ มันก็เป็นเสน่ห์สำหรับบางคน มีไว้ถ่ายสนุกๆ เก็บภาพความทรงจำใหม่ด้วยสไตล์โบราณ

youtuber บางคน ก็ทำมิวสิควิดีโอแนวภาพโบราณออกมา เพลงเพราะรวมกับภาพแนวเก่าเหมือนสมัยคุณพ่อยังหนุ่ม มันก็ทำให้อารมณ์ในคลิปดูแปลกตา ภาพที่แปลกก็มักจะเป็นภาพที่เรียกร้องความสนใจได้ บางคนก็ถ่ายด้วยกล้องคุณภาพดีมากแต่นำมาประมวลผลด้วยฟิลเตอร์ที่ทำให้ดูโบราณก็มี หลายคนก็เลยหันไปใช้อุปกรณ์โบราณจริงๆเลยก็ได้เหมือนกัน และประหยัดเวลาไม่ต้องมาทำโพสโปรดักชั่นด้วย

นี่คือภาพวิดีโอจากกล้อง kodak c140 กล้องตัวนี้แม้ไม่โบราณมาก แต่ภาพวิดีโอก็ดูโบราณได้แล้ว กล้องตัวนี้ออกขายประมาณปี 2009 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอด้วยความละเอียด 640×480 เท่านั้น เป็นกล้องที่ซูมภาพได้ประมาณ 3 เท่า คุณภาพจะดีที่ช่วงมุมกว้าง ถ้าซูมเยอะๆภาพจะไม่ค่อยสวย

ผมลองใช้อุปกรณ์เก่าๆไปถ่ายคลิปวิดีโอเพิ่มเติมด้วย เพื่อจะได้ดูคุณภาพ

คลิปที่สองนี้ใช้ ipod touch gen4 มาถ่าย คาดว่า ipod ตัวนี้ออกมาช่วงปี 2010 ซึ่งจะเริ่มมีการบันทึกคลิปวิดีโอระดับ Hd แล้ว คุณภาพของมือถือและอุปกรณ์ไอทีช่วงนี้จะเริ่มพัฒนาจนใกล้เคียงกับกล้องคอมแพ็คราคาถูกๆ และหลังจากรุ่นนี้ออกอีกไม่กี่ปีค่ายมือถือ จะเริ่มพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดจนผู้คนเริ่มไม่คิดจะซื้อกล้องคอมแพ็คอีกแล้ว

คลิปที่ 3 นี้เป็นคลิปที่บันทึกด้วยกล้อง canon eos m ซึ่งออกมาในปี 2014 โดยสามารถบันทึกวิดีโอด้วยความละเอียดระดับ Full Hd หรือ 2k ซึ่งเป็นระดับความละเอียดมาตรฐานอยู่ถึงปัจจุบัน แต่ก็กำลังจะล้าสมัยเพราะอุปกรณ์ต่างๆในช่วงปีนี้กำลังไปสู่ 4K

จากการลองเล่นกล้อง 3 ยุค เพื่อถ่ายคลิปวิดีโอ ก็มีความรู้สึกว่า กล้องถ่ายภาพมีพัฒนาการไปตลอดเวลา คุณภาพการบันทึกก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ และกล้องที่เกิดในยุคหลังจะมีคุณภาพที่ดีกว่าเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่กับการถ่ายภาพรวมถึงถ่ายวิดีโอก็คือ คุณค่าของภาพหรือคลิปจะแปรเปลี่ยนไปตามสิ่งที่เราสนใจ ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เราชอบ ถ้าเป็นคนที่เรารัก เราก็จะดูสิ่งที่เป็นเนื้อหาและเหตุการณ์ ไม่ได้ดูพิกเซล ไม่ได้ดูน้อยส์หรือสัญญาณรบกวน เรายังคงสนใจสิ่งที่เราสนใจ หมายความว่าเราใช้กล้องอะไรก็ได้ที่อยู่ในมือเราเพื่อบันทึกสิ่งที่เราต้องการ การเลือกใช้อุปกรณ์สมัยใหม่ หรือ อุปกรณ์สมัยก่อน ต่างก็เป็นแค่แนวทาง เป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น

ความนิยมในการใช้กล้องเก่ามาถ่ายภาพ น่าจะค่อยๆเพิ่มขึ้น เพราะราคาฟิล์มแพงเหลือเกิน มันแพงกว่าเมมโมรี่การ์ดไปหลายเท่าแล้ว ถ้ายังคงปรับราคากันไม่หยุด สุดท้ายเราจะได้เลิกใช้ฟิล์มกันจริงๆ และอาจจะถึงขั้นสูญพันธ์ุเหมือนแผ่น VCD DVD ที่ทุกวันนี้ไม่มีใครผลิตอีกแล้ว

แป้นหมุนเปลี่ยนโหมดของกล้องหลุด

กล้อง DSLR ของ Canon Eos 6d เป็นกล้องที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 2014 จนมาถึงปีนี้ 2023 มันก็มีอายุการใช้งานประมาณ 9 ปีแล้ว สภาพกล้องยังไม่ได้บุบสลาย แต่แป้นหมุนเปลี่ยนโหมดหลุดหายไป ทีแรกก็นึกว่าจะต้องส่งเข้าศูนย์เพื่อซื้ออะไหล่มาติด แต่ลองหาดูในเว็บก็พบว่ามีคนขายอยู่เป็นจำนวนมาก เลยสั่งมาติดเอง ซึ่งไม่ได้ยากเลย มันติดด้วยเทปกาว2หน้าเท่านั้น

IMG_6386

IMG_6387
IMG_6389
IMG_6391

ดูวิธีการตามลำดับภาพเลยก็พอจะทำเองได้ อะไหล่ชิ้นนี้ราคารวมค่าส่ง 69 บาท จาก lazada

ScreenClip

งานพิมพ์เร่งด่วน หนังสือที่ระลึกงานศพ

เพื่อนผมมีข่าวร้าย น้องชายเสียชีวิต และจัดงานศพอยู่ต่างจังหวัด เพื่อนผมอยากจะมีหนังสือที่ระลึกแจกให้กับแขกในงาน มีเวลาให้ทำประมาณ 1 วัน พอรู้ว่าจะต้องทำให้เสร็จในเวลาที่จำกัดมากๆ ก็เลยแจ้งกับเพื่อนว่า ผมขอไฟล์หนังสือแบบพร้อมพิมพ์ แล้วก็จะทำหนังสือประมาณ 100-300 เล่ม

IMG_1541

สิ่งที่ทางโรงพิมพ์จะต้องคิดทันทีคือ กระดาษจะสั่งจากโรงงานมาไม่ทันแน่ๆ ต้องใช้กระดาษที่มีสต๊อคอยู่ในโรงพิมพ์ ผมรีบเช็คทันทีว่าหนังสือจะต้องใช้ปกเป็นกระดาษหนา กระดาษ 260g เป็นกระดาษที่นิยมใช้ ส่วนเนื้อในก็มีทางเลือกเป็นกระดาษปอนด์ 70-80g ซึ่งเป็นสเป็คที่นิยมใช้ทำหนังสือ และก็จะมีกระดาษถนอมสายตา 75g ที่นิยมใช้เช่นกัน ผมให้ลูกน้องนับกระดาษทั้งหมดว่า เนื้อในเรามีเท่าไหร่ กระดาษทำปกเรามีเท่าไหร่ แล้วก็เช็คกับไฟล์ข้อมูลของเพื่อนว่า เนื้อในเมื่อทำเป็นหน้าหนังสือแล้วจะมีประมาณกี่หน้า นับหน้า แล้วก็คำนวณออกมา พบว่าเรามีสต๊อคกระดาษพอทำได้ 300 เล่ม

ปก 260g เนื้อใน 40 หน้า เล่มหนังสือประมาณ 5×7 นิ้ว ความหนาของเล่มนี้ก้ำกึ่งมาก ปกติหนังสือจำนวนหน้าไม่มากก็จะเหมาะกับการเย็บแม็กซ์มุงหลังคามากว่าไสกาว 40หน้า หรือ 20 แผ่น อาจจะไสกาวไม่สวย ผมเลยทำตัวอย่างออกมาทั้งสองแบบเพื่อดูว่าเย็บแม็กซ์สวยไหม หรือ ไสกาวสวยไหม กระดาษเกาะตัวกันเป็นเล่มได้ไหมเมื่อไสกาว และพบว่า ไสกาวก็ทำได้ เลยตัดสินใจทำเป็นระบบไสกาว

งานพิมพ์ปกใช้กระดาษ 260g พิมพ์ระบบดิจิทัล เมื่อทำเสร็จแล้วจะตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ เพื่อไปทำเส้นพับด้วยเครื่องปั๊มแล้วรอประกอบเล่ม ส่วนตัวเนื้อใน ใช้กระดาษถนอมสายตา 75g พิมพ์ดิจิทัลขาวดำทั้งเล่ม แต่แทรกหน้าสี 1 หน้าในส่วนที่จะเป็นรูปของเจ้าของเรื่อง เพื่อให้หนังสือเล่มนี้มีภาพเจ้าของหนังสือเป็นภาพทางการซึ่งเป็นภาพสี ผมรู้สึกว่าหนังสือที่มีภาพสีธรรมชาติบางภาพเป็นหนังสือที่มีเสน่ห์มากกว่าสีขาวดำทั้งเล่ม เมื่อพิมพ์เนื้อในแล้วก็ตัดปลิวออกมาเรียงหน้า แล้วก็นำไปประกอบเล่ม เข้าเครื่องไสกาว

การไสกาวเราใช้เครื่องไสกาวสำเร็จรูป เครื่องจะหนีบเนื้อในไปวิ่งผ่านตัวไส แล้วจุ่มกาวในราง แล้วเดินไปประกบกับแผ่นปก งานไสกาวเป็นงานที่ทำด้วยเครื่องเสมอ หลังจากออกจากเครื่องไสกาวแล้วเราต้องรอเวลาประมาณ 30 นาทีเพื่อให้กาวแห้งสนิทแล้วจึงตัดเจียนให้จบเป็นหนังสือ งานนี้ พิมพ์ไป ปั๊ม ไสกาว ทำต่อเนื่องกัน และจบด้วยเครื่องตัด ใช้เวลาผลิตรวมประมาณ 8 ชั่วโมง

เที่ยวพัทยา หมู่บ้านช้าง โรงแรมอวกาศ สวนสัตว์แปลก

ทริปสั้้นๆไปพัทยาของบ้านเราจัดขึ้นเพื่อไปนอนที่โรงแรมเปิดใหม่ชื่อว่า grand center point space ซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงในอินเทอเน็ต ว่าเป็นโรงแรมเปิดใหม่ที่ตกแต่งได้ดีมาก สวยและมีความเลิศหรูหลายอย่าง เราวางแผนไปพักโดยจะแวะเที่ยวอย่างอื่นด้วย ซึ่งเราก็เริ่มต้นทริปนี้โดยการแวะไปเที่ยวหมู่บ้านช้างซึ่งเป็นฟาร์มช้างผสมกับสวนสัตว์ขนาดเล็ก ร้านกาแฟในฟาร์มแห่งนี้ชื่อคาเฟ่มองช้าง เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีจุดเด่นคือลูกค้าจะได้นั่งดูช้่าง ได้ดูโชว์ที่คนแสดงร่วมกับช้าง ส่วนที่ประทับใจมากในฟาร์มแห่งนี้คือ มีช้างตัวใหญ่ตัวหนึ่งที่มีงายาวมาก ทำให้คนกรุงเทพอย่างบ้านเราตื่นเต้นมาก เพราะไม่ได้เห็นช้างที่มีงาขนาดยาวๆตั้งนานแล้ว แม้แต่ฟาร์มช้างที่เชียงใหม่ก็ยังไม่มีงายาวๆให้ดู

IMG_0057

บรรดาสัตว์อื่นๆแวะล้อมในพื้นที่นี้ก็จะมีสัตว์ที่ไม่อันตราย และเปิดโอกาสให้ใกล้ชิดกับคนดูได้เต็มที่ มีนกสีสวยที่ให้เราไปเดินเล่นให้อาหารถึงในกรง มีสัตว์เดินอยู่รอบๆกินอาหารจากมือเราได้ตรงๆ มีสัตว์น่ารักที่น่าอุ้มอีกหลายอย่าง รวมๆแล้วเราก็สามารถจะใช้เวลาอยู่ในหมู่บ้านช้างแห่งนี้ได้สัก 2-3 ชม. นับว่าเป็นจุดแวะเที่ยวที่พอใช้ได้ ให้ความสนุกและเปิดหูเปิดตาได้

IMG_0091
IMG_0099

ออกจากสวนสัตว์เราก็ตรงเข้าที่พัก โรงแรม grand center point space ที่ถนนนาเกลือ ของพัทยา เราเช็คอินแล้วเดินเที่ยวเล่นดูพื้นที่ต่างๆของโรงแรม การตกแต่งมาในแนวอวกาศ กำแพง ประตู ช่องทางเดิน ทุกอย่างทำเหมือนเป็นหนังไซไฟ มีพื้นที่สวนน้ำที่ใหญ่มาก และก็พบกับห้องกิจกรรมที่อลังการมาก เราเจอห้องเล่นเกมส์ที่มีเครื่องเล่น PS5 ให้บริการอยู่หลายเครื่อง

IMG_0165

IMG_0107
IMG_0118
IMG_0126
IMG_0142
IMG_0153
IMG_0256

ส่วนของห้องพักก็มีความสวยงาม ตกแต่งได้เลิศหรู ตีมอวกาศยังเหนียวแน่น มีเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบมาให้ทันสมัย กระจกในห้องน้ำก็เป็นแบบ smart mirror มีหน้าจอติดอยู่ในกระจก โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ ก็มาแนวสมัยใหม่ดูทันสมัย ดีไซน์เป็นปัจจุบันมาก นาฬิกาบนหัวเตียงก็ยังเป็นแบบมีส่วนชาร์จไฟแบบไร้สายให้กับโทรศํพท์ได้ด้วย จุดที่เป็นโต๊ะนั่งทำงานในห้องก็จะเป็นมุมที่สามารถวางโน้ตบุ๊คสองตัวได้พร้อมกัน นั่งทำงานได้พร้อมกัน ปลั๊กไฟในห้องเหลือเฟือ ทุกคนเสียบไฟใช้งานได้คนละปลั๊กเลย ไม่ต้องติดปลั๊กพ่วงมานอนโรงแรมเหมือนที่อื่น

IMG_0177
IMG_0198

IMG_0171

นอกจากห้องกิจกรรมที่น่าจะใช้เวลาได้นานๆแล้ว ห้องอาหารกับพื้นที่เล่นน้ำก็ไม่ธรรมดา ห้องอาหารอยู่บนชั้นดาดฟ้า มีวิวตึกสวยงาม วิวจากมุมสูงทำให้เป็นมุมที่น่านั่ง หลายคนก็อยากจะแย่งกันนั่งตอนกินอาหารเช้า ส่วนพื้่นที่่่เล่นน้ำก็มีการออกแบบที่ไม่ต่างจากสวนน้ำ แค่ไม่มีเครื่องเล่นผาดโผนเท่านั้น ส่วนความสนุกจากสวนน้ำก็ถือว่าทำได้ดีมาก ดีกว่าทุกโรงแรมที่เคยไปมา

IMG_0209
IMG_0208

GOPR2256

โรงแรมมีคนเข้าพักเยอะมาก ตอนเช็คเอ๊าท์เพื่อออกใช้เวลาค่อนข้างเยอะ เพราะคิวยาว โรงแรมได้รับความนิยมล้นหลาม พื้นที่ขายของที่ระลึกมีอยู่นิดหน่อย กระติกน้ำ แก้วน้ำ ก็ดูน่าซื้อกลับบ้าน ลูกผมได้กระติกน้ำสำหรับไปโรงเรียนจากโรงแรมนี้เลย ขากลับเราแวะไปเที่ยวสวนสัตว์แปลกอีกแห่งหนึ่ง ชื่อ monster aquarium pattaya เป็นสวนสัตว์ที่เลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีสัตว์ทั่วไปนิดหน่อย ที่นี่ขอบฟ้าได้ถ่ายรูปกับนกฮูกตัวใหญ่ด้วย เป็นจุดแวะที่พอให้ความสนุกกับเด็กได้ แม้อากาศจะร้อนไปสักหน่อย แต่ประสบการณ์ให้นกฮูกเกาะแขนก็ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่าย

IMG_0302


IMG_0366