สรุปชีวิตปี 2564 ของบ้านเรา

ปกติปฏิทินที่ทำประจำทุกปีจะใช้ภาพแต่ละเดือนเป็นเหตุการณ์ในเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว เพื่อทำให้การใช้ปฏิทินในแต่ละเดือนที่ผ่านไปเราจะจำได้ว่า เดือนนี้ปีที่แล้วเราไปไหนมา บ้านเราพ่อแม่ลูกได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างที่น่าจดจำ ในหลายปีที่ผ่านมาก็ทำมาทุกปี มาปีนี้เพิ่งมีข้อสังเกตุ เลยถือโอกาสรีวิวชีวิตของปีที่ผ่านมา

IMG_4778

เดือน1 ของปีที่แล้ว หลังจากที่ประเทศไทยอยู่กับโควิดมาครบ 1 ปี มีการระบาดครั้งรุนแรงจนทำให้รัฐบาลประกาศล็อคดาวน์ สั่งให้ปิดห้าง ร้านอาหารห้ามขาย และต่อมาก็ค่อยๆผ่อนปรน ปิดสลับเปิดกันประมาณ 2 ครั้ง และเดือน 12 ปลายปี ก่อนจะมีเทศกาลปีใหม่ ประเทศก็ประสบกับการแพร่ระบาดอีกครั้ง พอหลังปีใหม่ ประเทศเราดีขึ้น คนติดเชื้อไม่สูงมาก แต่เศรษฐกิจพังยับเยิน ร้านอาหารปิดระเนระนาด ธุรกิจบริการหยุดชะงักไปเลย เดือนมกราคมของปี 2564 เราได้เริ่มเดินทางไปเที่ยวกันอีกครั้ง และเราไปหาข้าวกินไกลบ้านกันหน่อย ไปกันถึงปทุมธานี กับร้านอาหารพร้อมบรรยากาศฟาร์ม จำชื่อร้านไม่ได้แล้ว

1613309774956-01

กุมภาพันธ์ 2564 เรายังคงอยู่กับโควิดที่ยังดูเหมือนควบคุมได้ รัฐบาลอนุญาตให้โรงเรียนสามารถให้นักเรียนไปเรียนได้ การเรียนออนไลน์ตลอดหลายเดือนในปี 2563 ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง แต่พ่อแม่และลูกก็มีพัฒนาการในเรื่องการประชุมออนไลน์ มีทักษะการใช้โปรแกรมสื่อสารในคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนกันอย่างก้าวกระโดด คุณตาคุณยายยังไหว้เจ้าในตรุษจีนอยู่

IMG_0728

IMG_20210308_003008

เดือนมีนาคมมีโชคดีเกิดขึ้นกับบ้านเรา มีนกกระจอกตัวเล็กๆร่วงจากรังที่หาไม่เจอ ตัวแดงๆไม่มีขน ตกอยู่ที่พื้นปูน เราเก็บลูกนกมาเลี้ยง หาข้อมูลจากอินเทอเน็ตว่าลูกนกกินอะไร อยู่ยังไง แล้วคนในบ้านก็ช่วยกันดูแลนกกระจอกตัวนี้ ในช่วงเวลาที่นกยังบินไม่ได้ นกตัวนี้ไม่กลัวคน สามารถเดินมากินอาหารบนมือคนได้ เด็กก็มาดู มาป้อนอาหารกันสนุกสนาน สามารถนำมาถือ มาวางบนหัวได้ไม่บินหนี ขอบฟ้าตั้งชื่อนกว่านาซ่า และนาซ่าก็อยู่ในบ้านเราไปอีกหลายเดือน แม้ว่าจะโตบินได้แล้ว บินออกจากบ้านไปแล้ว แต่ก็กลับมาเที่ยวเล่นในบ้านบ่อยๆ

IMG_0454

ช่วงเดือนเมษายนเป็นช่วงเวลาที่เราวางแผนเที่ยวไว้หลายทริป มีทริปใหญ่จังหวัดตราดที่เราวางแผนกันมานาน ทีแรกตั้งใจจะนั่งเครื่องบินไป แต่สงกรานต์มีการแพร่ระบาดของโควิดรุนแรงมาก รัฐบาลดำเนินการผิดพลาดหลายอย่าง ทำให้มีการเดินทางพาเชื้อโควิดที่ระบาดหนักในกรุงเทพกระจายสู่ทุกภูมิภาค โดยอาศัยไปกับการเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดของผู้คน เราก็เลยหลีกเลี่ยงการขึ้นเครื่องบินเพื่อที่จะไม่ต้องไปอยู่ใกล้กับคนอื่นในห้องปิดไม่ระบายอากาศ การเดินทางโดยรถยนต์ก็เลยเป็นทางเลือกที่เราใช้ และทริปนี้ก็เดินทางขับรถกันสนุกเลย จังหวัดตราดอยู่ไกลจากกรุงเทพประมาณ 500 กิโล เราขับไปเที่ยวไป พักกลางทางด้วย โดยมีจุดหมายปลายทางเป็นเกาะกูด แต่ในวันสุดท้ายที่เราจะต้องข้ามไปเกาะกูดเราก็พบว่ามีการแพร่ระบาดของโควิดไปถึงโรงแรมที่เกาะ และเราตัดสินใจยกเลิกการข้ามไปเกาะในนาทีสุดท้าย เลือกจะขับรถเที่ยวไปเรื่อยๆในจังหวัดตราดแทน ทริปนี้สนุกมาก และมีสิ่งที่ประทับใจคือขอบฟ้าได้มาเห็นเหยี่ยวจำนวนมาก ขอบฟ้าชอบนกนักล่ามานานหลายเดือนแล้ว และเหยี่ยวที่ขอบฟ้าชอบก็บินร่อนอยู่ในจังหวัดตราดจนนับไม่ถ้วน เป็นประสบการณ์ใกล้ชิดเหยี่ยวที่หาได้ยากมาก

20210516131524_IMG_0458

เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเวลาที่เราควรจะได้เปิดเทอมและไปเรียนตามปกติ แต่โควิดทำให้โรงเรียนไม่เปิด แม้ว่ารัฐบาลจะเลื่อนกำหนดการเปิดเทอมออกไปอีกเป็นเดือน แต่เมื่อถึงกำหนด ก็ยังไม่สามารถจะเปิดได้ เพราะทุกคนไม่มีใครมั่นใจเรื่องการระวังไม่ให้ติดเชื้อเลย ลูกต้องเรียนออนไลน์อย่างจริงจัง จากเดิมที่ออนไลน์กันในระดับน้อยๆ เนื้อหาไม่จริงจัง รอบนี้กลายเป็นว่าโรงเรียนต้องสอนวิชาการให้นักเรียนทางออนไลน์ให้ได้ โต๊ะ เก้าอี้ มุมการเรียน อินเทอเน็ต โน้คบุ๊ค เด็กนักเรียนคนนึงต้องมีให้พร้อม ช่วงนี้แท็ปเบล็ตเริ่มขาดตลาด กล้องเว็บแคมก็ราคาสูงขึ้น เราเริ่มเห็นการขาดตลาดของสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ ยิ่งการระบาดหนักรุนแรง โรงเรียนก็ยิ่งปิดยาว และอุปกรณ์สำหรับการเรียนออนไลน์ก็ขาดแคลน ตอนนี้จำนวนคนติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ วัคซีนคุณภาพยังไม่มีให้ใช้ และคนตายเริ่มเยอะขึ้น

IMG_20210616_142443

เดือนมิถุนายนโรงเรียนยังคงเรียนออนไลน์ เด็กยังคงต้องใช้พื้นที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อเรียนประจำวัน วันละหลายชั่วโมง กิจกรรมกลางแจ้งไม่ได้ทำ วิชาพละไม่มีเพราะอยู่บ้านก็เล่นอะไรมากไม่ได้ จำนวนคนติดเชื้อโควิดสูงขึ้น โรงพยาบาลเริ่มเต็ม มีคนติดเชื้อรอเตียงอยู่กับบ้าน บางคนรอเตียงจนตาย วิกฤตไม่มีเตียงทำให้คนตายที่บ้านเยอะขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงมีคนตายเยอะขึ้นอย่างน่าตกใจ เริ่มมีการตั้งโรงพยาบาลสนามกันในหลายๆพื้นที่ รวมถึงมีข่าวเครื่องมือแพทยพ์ไม่พอ มีดาราตายด้วย โควิดรอบนี้พรากชีวิตผู้คน ทำลายครอบครัวคนไทยไปเยอะมาก

IMG_20210729_195320

เดือนกรกฏาคมเรายังคงอยู่กับการเรียนออนไลน์ และในเดือนนี้เป็นเดือนที่หนักหนาสาหัสมากสำหรับประเทศไทยและครอบครัวผมเอง ในโรงพิมพ์มีคนติดเชื้อ พนักงานหลายคนต้องหยุดงาน ทั้งป่วยไปนอนพักรักษาตัว และให้หยุดไปกักตัวรอหายป่วยหากอาการไม่หนัก แม้แต่ตัวผมเองก็ต้องกักตัวเพราะเป็นคนที่ใกล้ชิดคนติดเชื้อ งานโรงพิมพ์หยุดชะงักอย่างรุนแรง ผมต้องนอนห้องแยกจากคนอื่นอยู่เกือบเดือน เพื่อกักตัวเองไม่ให้แพร่เชื้อหากว่าไปรับเชื้อจากโรงพิมพ์มา แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้ติดเชื้อ ตรวจหาเชื้อไม่พบ ก็นับว่าโชคดีมาก ส่วนลูกก็ยังคงเรียนออนไลน์อย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงเวลานี้เริ่มมีความเครียด ทั้งการไม่อยากทำการบ้าน และการไม่มีสมาธิที่จะเรียนให้ต่อเนื่อง สาเหตุก็มาจากหลายอย่าง เช่น ลูกพี่ลูกน้องก็เรียนออนไลน์แต่ไม่เข้มข้น ลูกผมเรียนแบบพูดคุยกับครู แต่บางคนเรียนกับวิดีโอที่เปิดทิ้งขว้างไปไม่ต้องดูก็ไม่มีใครว่า ทำให้เด็กที่ต้องเรียนก็อยากจะไปเล่นบ้าง ไม่อยากอยู่กับหน้าจอเพื่อคุยกับครูแล้ว ความเครียดไม่รู้ตัวค่อยๆสะสมขึ้นมา ลูกเครียดกับเรื่องเรียนออนไลน์ พ่อแม่ก็เครียดทั้งเรื่องงานและเรื่องลูก บรรยากาศช่วงนี้ไม่ดีเลย

IMG_0076

เดือนสิงหาคม เรายังคงใช้ชีวิตแบบเก็บตัว โรงเรียนยังเรียนออนไลน์ ร้านอาหารยังปิดอยู่ไม่ให้นั่งกินในร้านแต่ให้ซื้อกลับบ้านได้ เรามีข้าวกล่องติดมือเข้าบ้านกันแทบทุกวัน เด็กในบ้านหลายคนผมยาว รูปร่างอ้วนท้วนเพราะไม่ได้ออกกำลังกายเลย ความเครียดลดลงกว่าเดือนที่แล้วเล็กน้อย อาจจะเพราะปรับตัวได้ และได้มีการพูดคุยระบายความเครียดกันบ้าง ตอนนี้เด็กเริ่มเล่นเกมส์ในคอมพิวเตอร์ มีเกมส์ใหม่ๆที่เด็กๆลองเล่น เด็กได้ดูรีวิวเกมส์ในอินเทอเน็ต ดูช่อง youtuber หลายคนที่แคสเกมส์เป็นอาชีพ ตอนนี้เกมส์ออนไลน์ในรูปแบบที่พ่อแม่ไม่รู้จักก็เริ่มมีให้เห็น ช่วงนี้พ่อแม่ได้ยินคำว่า Roblox ภายหลังพ่อถึงจะรู้ว่ามันเป็นเกมส์ออนไลน์ที่ฮิตมาก

20210911133530_IMG_0145

เดือนกันยายนเราได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันอีกครั้ง รอบนี้เราเลือกจังหวัดระยอง โดยระหว่างทางก็แวะเที่ยวสวนสัตว์ที่ชลบุรีด้วย เราตัดสินใจไปเที่ยวเพราะลูกมีอาการเครียด และพ่อแม่ก็เครียดกับการเคี่ยวเข็ญลูกให้มีสมาธิกับการเรียนออนไลน์ แต่ลูกน่าจะเบื่อถึงที่สุด เพราะการเรียนออนไลน์ไม่ได้สนุกเหมือนช่วงแรกแล้ว การเรียนที่มีครูหนึ่งคนสอนนักเรียนอีกหลายสิบคนเป็นเรื่องน่าปวดหัว การถามตอบจะต้องยกมือในโปรแกรมเพื่อรอตอบเป็นข้อตกลงที่ทุกคนควรจะยืดถือร่วมกัน แต่การถามตอบแล้วมีเพื่อนแย่งพูด แซงคิว ทำให้คนที่อยากตอบหมดความอยาก และค่อยๆเปลี่ยนนิสัยเป็นนั่งดูเฉยๆ การโต้ตอบหายไปเพราะความเบื่อหน่าย เพียงเพราะการคนในกลุ่มออนไลน์ไม่เคารพกติกา ลูกผมก็เป็นคนที่เริ่มเฉย ไม่อยากตอบ พ่อแม่เข้าใจทุกอย่าง แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ และอีกปัญหานึงก็คือครูพูดเรื่องเดิมซ้ำๆหลายเที่ยว เพราะในออนไลน์เด็กแต่ละคนมีความเข้าใจไม่เท่ากัน เนื้อหาแบบเดียวกันถ้าสอนแบบในห้องเรียนเราอาจใช้เวลาแค่ 5 นาทีรู้เรื่อง แต่พอมาออนไลน์ ครูต้องพูดซ้ำ เด็กบางคนไม่ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ เรื่องเดียวกันกลับกลายเป็นต้องใช้เวลาพูดกัน 20-30 นาที สิ่งที่มันซ้ำตรงนี้ก็น่าเบื่อมากสำหรับคนตั้งใจฟัง เราเลยพาไปเที่ยวกันอีกครั้ง เที่ยวในช่วงเวลาที่มียอดคนติดเชื้อทะลุหมื่นคน มีคนตายสะสมมากขึ้น แต่ที่เราไปเที่ยวเราก็พยายามเลือกเที่ยวในจุดที่คนน้อย และป้องกันกันเต็มที่ เพราะว่าคนส่วนมากในพื้นที่เริ่มทะยอยได้รับวัคซีนแล้ว และพ่อแม่ก็ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว นั่นทำให้เราพร้อมจะเสี่ยงไปเที่ยว เสี่ยงไปใช้ชีวิต เพราะการมีวัคซีนทำให้เราลดความอันตราย จากการเสียชีวิตลงได้ ถึงติดเชื้อก็ป่วยไม่หนัก จุดนี้คือจุดตัดสินใจให้เรากล้าออกจากบ้านไปเที่ยวเล่น ส่วนลูก เราป้องกันกันสุดฤทธิ์ ระวังเรื่องการหยิบจับ คอยบอกให้ลูกล้างมือบ่อยๆ

IMG_0552

ตุลาคมเราไปเชียงใหม่ เมืองท่องเที่ยวที่ซบเซาราวกับป่าช้า ยอดคนติดเชื้อเริ่มลดลง ยอดคนตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปแทบทั้งหมด เราได้เดินไปกินไปเที่ยวในสถานที่สุดเจ๋งแต่มีเพียงแค่พวกเราเท่านั้น เราได้ไปสวนราชพฤกษ์ที่เคยจัดงานพื้นสวนโลก ที่ทั้งสวนมีแต่กลุ่มของพวกเรา และเราก็เดินเล่น วิ่งเล่นกับเด็กๆสนุกสนาน และได้พาไปนั่งช้าง เป็นคิวเที่ยวฟาร์มช้างที่ว่าง รอคอยให้เราไปอุดหนุน เด็กได้เล่นน้ำกับช้าง ได้ขี่ช้างเข้าป่า สนุกและเหนื่อย

IMG_20211112_070955

พฤศจิกายนเราได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนอีกครั้ง สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดดูทุเลาลง อาจจะเพราะเราได้ฉีดวัคซีนกันเยอะมากแล้ว แต่ช่วงเวลานี้ยังไม่มีวัคซีนในเด็ก โรงเรียนมีมาตรการเข้มงวดในการป้องกัน ระวัง และมีกำหนดให้ตรวจ ATK ทุกบ้าน ทุกคน เว้นระยะการตรวจตามมาตรฐานที่ตกลงกัน

20211211175600_IMG_0041

ธันวาคมเราเริ่มกล้าให้ลูกไปเตะฟุตบอลสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทางทีมมีการจัดการแข่งขันด้วย เด็กที่ไปเล่นฟุตบอลต่างก็ไม่มีใครได้รับวัคซีน แต่พ่อแม่และโค้ชได้วัคซีนกันคนละ 2 เข็มเป็นอย่างน้อย นั่นทำให้เราพอจะวางใจได้บ้าง เด็กเริ่มไปเรียนดนตรีในห้างได้แล้ว รัฐบาลผ่อนปรนหลายๆอย่าง ห้างเซ็นทรัลแถวบ้านก็มีคนมาช็อปปิ้งเหมือนปกติ ที่จอดรถในห้างเริ่มหายากเหมือนเดิม ตอนนี้เหมือนกับว่าทุกคนกล้าออกไปใช้ชีวิต น่าจะเป็นเพราะรัฐบาลได้ปูพรมฉีดวัคซีนกันขนาดใหญ่ สิ้นปี พศ 2564 ประเทศไทยฉีดวัคซีนไปเกิน 100 ล้านโดสแล้ว จุดนี้ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเกือบทั้งหมด

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่เราได้เรียนรู้คุณค่าของชีวิตหลายอย่าง มีคนรู้จักที่ติดโควิดถึงตาย มีเพื่อนหลายคนติดโควิด มีเหตุการณ์ชาวบ้านรอเตียงจนตายคาบ้าน นักเรียนต้องอดทนเรียนออนไลน์ นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมง สัปดาห์ละ 5 วัน ซึ่งเป็นเรื่องที่โหดร้ายทารุณสำหรับเด็กมาก ความยับเยินทางเศรษฐกิจทำให้เราไม่มีเงินใช้จ่าย รายได้ลด เราต้องลดวันทำงานเพื่อลดรายจ่าย งานที่เคยแน่นก็ว่าง บางวันแทบไม่มีงานทำ

จับภาพกล้องโทรทรรศน์ James webb ได้

ในวันที่ 25 ธันวาคม 2564 ที่บริเวณใกล้ๆกับศาลายา ผมได้ไปร่วมงานปาร์ตี้ปีใหม่กับกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียน และในช่วงเวลาหัวค่ำหลังจากที่กินมือเย็นไปหายหิวแล้ว ก็ลองเอากล้องดูดาวมาส่องดาวเล่น ขณะเดียวกันก็เอากล้อง Gopro9 มาตั้งถ่ายภาพดาวกลางคืนในโหมด Night Timelapse ก็จะได้วิดีโอตัวนี้มา และพบว่า มีเหตุการณ์น่าสนใจบนท้องฟ้า ก็คือ มีวัตถุเคลื่อนที่คล้ายดาวหางโผล่มาให้เห็นด้วยตาเปล่า

สิ่งที่คล้ายดาวหางนี้เมื่อดูข้อมูล ดูข่าวดาราศาสตร์แล้วก็พบว่ามันคือภาพของ กล้องโทรทรรศน์ชื่อ James Webb กำลังเดินทางออกจากโลกเพื่อไปสู่วงโคจรในอวกาศ โดยจะไปอยู่ห่างโลก 1.5 ล้านกิโลเมตร และมันจะโคจรเป็นบริวารของดวงอาทิตย์ แทนที่จะเป็นโลก James Webb จะอยู่ระหว่างโลกและดาวอังคาร หน้าที่หลักของมันก็คือถ่ายภาพจากที่ที่ไกลมาก โครงการนี้ตั้งใจจะส่งกล้องขึ้นไปรับสัญญาณอินฟาเรดที่เกิดจากการฟอร์มตัวเป็นดาวฤกษ์ในยุคแรกๆของอวกาศ หรือประมาณ 13000 ล้านปีก่อน หากกล้องทำงานได้ปกติ เราก็จะได้ข้อมูลต้นกำเนิดของอวกาศมากขึ้น ซึ่งเราต้องลุ้นให้กล้องทำงานได้ไม่ผิดพลาด

เทคโนโลยีหลายอย่างถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อสร้างกล้องตัวนี้ มีเรื่องน่าสนใจหลายหัวข้อ ถ้าให้เขียนจากความทรงจำที่เคยดูผ่านๆตา ก็จะมีส่วนของฉนวนแสงอาทิตย์ ที่ทำหน้าที่กันความร้อนจากด้านที่รับแสงไม่ให้ส่วนของการรับภาพและวงจรต่างๆโดนความร้อนเลย ซึ่งจะเป็นผ้าใบ 5 ชั้น

การรับภาพของเจมส์เว็บบ์จะอาศัยเทคนิคการรับภาพแบบกล้องนิวโทเนียน คือรับแสงสะท้อน แต่จะเป็นแสงอินฟาเรด การรับแสงสะท้อนต้องอาศัยกระจกสะท้อนที่มีความเรียบมากๆเพื่อความแม่นยำ เพราะแสงที่เดินทางมาไกลระดับ 13000 ล้านปีแสง จะถือเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดเท่าที่มีในเอกภพ ดังนั้นการเบียงเบนเล็กน้อยก็ทำให้รับแสงผิดพลาด ความเรียบของผิวสะท้อนนั้นฉาบด้วยทองคำ และมีความเรียบระดับที่ ถ้าขยายกระจกให้ใหญ่เท่ากับประเทศไทยถึงญี่ปุ่น ส่วนไม่เรียบของกระจกจะสูงกว่าพื้นเรียบไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น

ที่ตัวสะท้อนแสงกลับไปกลับมาเพื่อเข้าสู่เซ็นเซอร์รับภาพ จะมีกระจกรวมแสง(หรือเลนส์รวมแสง) อีกตัวหนึ่งก่อนถึงเซ็นเซอร์ที่จะทำหน้าที่เป็นตัว image stabilizer หรือตัวกันสั่น ที่ช่วยให้การรับภาพมีความคมชัดยิ่งขึ้น อาจเป็นกล้องดูดาวตัวแรกของโลกที่มีระบบกันสั่นในแบบเดียวกับกล้องถ่ายภาพ

การประกอบตัวกล้องจะต้องมีการทดสอบชิ้นส่วนน็อตทุกตัวชิ้นส่วนต่างๆทุกชิ้นส่วนต้องผ่านการทดสอบในห้องลดอุณหภูมิไปอยู่ที่ระดับติดลบมากๆเสียก่อน เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ผิดพลาด เพราะเราออกไปซ่อมกล้องตอนที่เราปล่อยไปแล้วไม่ได้

การปรับมุมเอียงไปเอียงมา การหมุนตัวของกล้อง จะใช้ไจโรสโคป3ตัว หมุนเพื่อสร้างแรงเหวี่ยงให้มีการหมุนตามที่ต้องการ เป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์ของโมเม้นที่เกิดจากการหมุน

ยังมีแง่มุมอื่นๆอีกมากที่เป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เราต้องใช้กับกล้องอวกาศตัวนี้ ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมจะทะยอยเอามาลงเพิ่มครับ และตอนนี้เจ้ากล้องตัวนี้เดินทางไปถึงไหนแล้ว ก็ลองแวะดูที่ลิงค์นี้ได้ครับ

Source: Where Is Webb? NASA/Webb

หลังจากผ่านไปครึ่งปี วันที่ 12jul2022 เราก็ได้เห็นภาพที่ตั้งใจถ่ายจากกล้อง James webb กันแล้วคือภาพนี้

NASA’s Webb Delivers Deepest Infrared Image of Universe Yet

ดู “PYMK EP28 ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ผู้ปฏิวัติความเข้าใจของมนุษย์เกี่ยวกับอวกาศและเวลา” ใน YouTube

การจัดแสงถ่ายรูปแบบประหยัด

IMG_20190615_171816

การถ่ายภาพสินค้าประเภทเครื่องสำอางค์หรือของที่เป็นขวด เป็นตลับแล้วอยากให้ดูแพง ก็ต้องอาศัยการจัดแสงนิดหน่อย ซึ่งเคล็ดลับการจัดแสงไม่ได้ซับซ้อน แสงที่สวยคือแสงธรรมชาติ ถ้าเราสามารถใช้แสงธรรมชาติมาเป็นแสงหลักในภาพได้เราก็ควรทำ

เลือกแสงหน้าต่างที่ส่องลอดเข้ามาในห้องครัว อาศัยผ้าผืนนึงปูเป็นฉากหลังและผนังด้านหลัง จัดผ้าเข้ามุมให้เป็นมุมฉากกับพื้นและผนัง เอาสินค้าวางบนผ้า แล้วก็ให้แสงหลักคือแสงที่ส่องมาจากด้านบน

แสงเข้าจากด้านบนจะทำให้แสงที่ส่องเข้าด้านหน้าดูน้อยเกินไป เลยต้องมีตัวช่วยสะท้อนแสงอีกตัวส่องแสงสะท้อนด้านบนเข้าไปที่ด้านหน้า ถ้าเราใช้แผ่นสะท้อนแสงสีขาว นุ่มๆ ผิวด้านๆ เราจะได้แสงนุ่มเคลียร์ แต่ในภาพนี้ดูแล้วไม่ค่อยเหมาะ เลยเลือกใช้ฝาหม้อที่เป็นอลูมิเนียมมีพื้นผิวเป็นลอนๆไม่เรียบมาช่วยสะท้อนแสง คาดหวังให้แสงสะท้อนมีลักษณะเป็นหย่อมๆดวงๆไม่สม่ำเสมอ เพื่อส่องตัวผลิตภัณฑ์ให้ดูแวววาว ผลก็คือแสงสะท้อนจากตัวสะท้อนโลหะให้แสงมีความนุ่มและแข็งในบางส่วน ผสมกันลงตัวพอดี เป็นแนวทางที่น่าสนใจมากสำหรับการจัดแสง

เราไม่กล้าบอกหรอกว่าวิธีนี้คือวิธีที่ดีที่สุด เพราะว่าการถ่ายภาพแบบเน้นความเร็วและความง่ายเราก็พยายามทำในเวลาและทรัพยากรจำกัด ถ้าจะเข้าสตูดิโอถ่ายภาพจริงจังมันก็อาจจะดีกว่านี้มาก แต่เวลาและงบประมาณอาจจะจบกันที่เป็นหมื่นบาท หรือ หลายหมื่นบาท ซึ่งคงไม่คุ้มค่ากับสินค้าราคาไม่แพงและไม่ได้มีขายจำนวนมากแบบสินค้าขึ้นห้างแค่มันดีกว่าไม่พยายาม เราก็รู้สึกพึงพอใจแล้ว เห็นภาพเห็นแนวทางแบบนี้เราก็เท่ากับได้เรียนรู้ด้วยว่าแสงแนวนี้ต้องใช้อุปกรณ์อย่างไรและเลือกใช้สถานการณ์แสงอย่างไร

ครบ 10 ปี เครื่องพิมพ์อ๊อพเซ็ท

IMG_0089

โรงพิมพ์ของผมซื้อเครื่องพิมพ์อ๊อพเซ็ท 4 สี มือสองเข้ามาใช้งานตั้งแต่ช่วงปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยมีภัยน้ำท่วมใหญ่ และเป็นปีที่พ่อผมเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในช่วงปลายปี พ่อผมมีโอกาสได้เห็นเครื่องพิมพ์ 4 สี วางอยู่ในโรงพิมพ์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นความสำเร็จของคนปากกัดตีนถีบคนนึงที่ดิ้นรนทำมาหากินและสร้างครอบครัว ส่งลูกเรียนจบและมีอาชีพทิ้งไว้ให้ลูกหลาน

DSCF4375


เครื่องพิมพ์ไฮเดลเบิร์ก เป็นเครื่องพิมพ์มือสอง ผมไม่รู้ประวัติของเครื่องนี้เท่าไหร่นัก แต่มันมาตั้งในโรงพิมพ์ในตอนที่มิเตอร์บนเครื่องชีไปไป 47327770 รอบ ซึ่งผมถ่ายภาพนี้ไว้ในวันที่ 16ธันวาคม2554

20111216_173452

เวลาเลยผ่านมาเหมือนไม่นาน รู้ตัวอีกทีก็ครบ 10 ปี มันเป็น 10 ปีที่มีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เรามีช่วงเวลาที่ทำงานไม่ทัน งานล้นมือ เรามีช่วงเวลาที่งานซบเซา บางวันต้องปิดเครื่อง ปิดไฟโรงงาน และในช่วงที่มีโควิดระบาดหนักๆ ช่างพิมพ์หลายคนในโรงพิมพ์ก็ต้องหยุดงานเพราะติดเชื้อ โรงพิมพ์ทำงานต่อไม่ได้ งานบางงานต้องไปขอให้โรงพิมพ์อื่นช่วยเหลือช่วยพิมพ์ให้

วันที่ครบ 10 ปี คือ 16ธันวาคม2564 ผมถ่ายภาพนี้เก็บไว้อีกครั้ง

2021-12-16_05-02-45

มิเตอร์ขึ้นเลข 77740023 ซึ่งพอนำมาคิดหักลบกับตัวเลขเริ่มต้นแล้ว ก็จะได้

77740023 – 47327770 = 30412253 หรือประมาณ 30 ล้านรอบ

ตัวเลข 30 ล้านรอบนี้บอกอะไรเราบ้าง

ถ้านับงานกระดาษใบปลิว A4 พิมพ์ 2 หน้า เราจะพิมพ์งานนี้ไปแล้ว 60 ล้านใบ ผมก็ไม่รู้ว่ามันมากหรือน้อย เครื่องพิมพ์เครื่องนี้ทำเงินให้เราเกินค่าตัวของมัน แม้ว่าธุรกิจสิ่งพิมพ์จะเป็นดาวร่วงในมุมมองของนักบริหารและนักการตลาด แต่เราก็ยังคงต้องทำอาชีพนี้อยู่ และปรับเปลี่ยนงานพิมพ์ไปพิมพ์สิ่งที่ผู้คนยังต้องใช้งาน หนังสือพิมพ์ไม่มีคนซื้อแล้ว เราก็ไม่ต้องพิมพ์ นิตยสารขายไม่ได้แล้วเราก็ไม่ต้องพิมพ์ ซึ่งสองอย่างนั้นก็ไม่เคยเป็นงานของโรงพิมพ์เราอยู่แล้ว แต่ประเทศเรายังต้องการกล่องใส่อาหาร กล่องใส่ขนม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ ยังต้องการโบรชัวร์ ยังต้องมีเอกสาร คู่มือผลิตภัณฑ์ ยังต้องมีหนังสือให้ความรู้ พ็อกเก็ตบุ๊ค นิยาย การ์ตูน หนังสือเรียน ยังมีสติ๊กเกอร์อีกหลายชนิดสำหรับติดกล่อง ติดขวด ติดตามสินค้าและกล่องต่างๆ

เทคโนโลยีทางการพิมพ์ของโลกเราเริ่มต้นจากการเรียงพิมพ์ด้วยตัวหนังสือโลหะ จาก letterpress สู่การพิมพ์ offset และเป็นระบบดิจิทัลในปัจจุบัน ที่น่าทึ่งก็คือ ทุกเทคโนโลยียังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีของใหม่ที่ไปทำลายของเก่า ในโรงพิมพ์เรายังมี letterpress ที่ขาดไม่ได้ ยังมี offset ที่เป็นกำลังหลักของวงการพิมพ์ และมีดิจิทัลสำหรับงานเร่งด่วนและพิมพ์ข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปทุกใบได้ ทุกเทคนิคการพิมพ์ในปัจจุบันยังคงมีบทบาทอยู่ วงการพิมพ์ไม่ได้ล่มสลาย การปรับตัวของผู้บริโภคทำให้ความจำเป็นในการใช้สิ่งพิมพ์เปลี่ยนรูปแบบไป สิ่งที่แน่นอนก็คือ ไม่มีใครซื้อขนมที่ไม่มีแพ็คเกจห่อหุ้ม ไม่มีใครซื้อยากินเป็นเม็ด ทุกคนต้องการของกินที่อยู่ในหีบห่อหรือในกล่อง ไม่ใช่แค่ของกิน แต่ของขายในห้างในมาเก็ตเพลสก็ต้องการหีบห่อและเอกสารประกอบทั้งนั้น โลกเรายังต้องมีสิ่งพิมพ์

ฟุตบอลอุ่นเครื่อง

20211211174623_IMG_0012

วันที่ 11 ธันวาคม 2564 ขอบฟ้าไปเตะฟุตบอลอุ่นเครื่องรุ่นอายุ 8-9 ปี จัดโดยโค้ชที่สอนฟุตบอล ซึ่งขอบฟ้าจะมีเรียนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เมื่อก่อนจะมีเรียนมากกว่านี้ แต่พอโลกเรามีโควิด และมีการล็อคดาวน์สลับเปิด สลับปิดกันมาหลายครั้งก็เลยหยุดเรียนไปพักใหญ่ เพิ่งจะกลับมาเรียนอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้

20211211182436_IMG_0074

ฟุตบอลเด็กเป็นเกมส์ที่ดูสนุกและขัดใจไปพร้อมๆกัน เด็กหลายคนยังเล่นฟุตบอลไม่มีทิศทาง เตะบอลไม่มีความหมาย หลายคนเตะเพื่อให้บอลไปข้างหน้า เตะให้ออกจากตัว สิ่งเหล่านี้คงเป็นพัฒนาการตามอายุ โค้ชคงจะต้องค่อยๆสอนกันไป และสิ่งที่ดูดีสำหรับการแข่งขันวันนี้คือ ไม่มีผู้ปกครองตะโกนสั่งเด็กจากข้างสนาม ทำให้เกมส์การแข่งขันมีความสนุก เด็กได้เล่น ได้ตัดสินใจ แม้ว่าจะขัดใจคนดูในบางครั้ง แต่ก็เป็นบรรยากาศที่ดี

20211211190210_IMG_0122

ระหว่างเกมส์ หากเด็กทำผิดกติกา กรรมการในสนามจะสอน จะอธิบาย ทำให้เด็กได้เรียนรู้ ก็นับว่าเป็นการอุ่นเครื่องที่ได้ประโยชน์ เด็กได้ออกกำลัง ได้ใช้สมอง ได้ฝึก ได้แก้ไขในสิ่งที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับฟุตบอล และได้ฝึกให้เคารพทุกคน ยืนเข้าแถว จับมือ จบเกมส์แบบมีรอยยิ้ม ทุกอย่างสวยงาม

20211211190650_IMG_0128

ตัวอย่างการถ่ายภาพพลุน่าสนใจ

merry christmas

ผ่านมาแล้วหลายปีใหม่ หลายคริสมาสต์ แต่ละปีก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ขอให้ขอบฟ้ามีสุขภาพแข็งแรง และมีทัศนคติที่ดีสำหรับการพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ

2015-01-01 newyear partyIMG_0183
IMG_0226.JPG
2014-11-29 30 ขอบฟ้า เขาใหญ่-IMG_0071
IMG_0110

ปฏิทิน 365+1 วัน

20211209174712_IMG_0170

ในทุกเทศกาลปีใหม่ เราจะได้พบเห็นปฏิทินหลายชนิดที่ทำมาแจกเพื่อให้เราได้ใช้งานปฏิทินปีถัดไป ปฏิทินที่มีอยู่เราจะเริ่มต้นวันที่ 1 มกราคมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นของใครทำแจก และจะมีวันที่เรียงไปถึง 31 ธันวาคมของปีถัดไป ก็จะครบ 1 ปี หรือบางครั้งเราก็จะพบว่า บางเล่ม ให้วันที่เลยไปถึง 31 มกราคมของปีถัดไป หรือเป็นปฏิทิน 13 เดือนนั่นเอง

จริงๆปฏิทินแค่มีวันที่เกิน 12 เดือน ก็น่าจะใช้งานได้แล้ว และไม่จำเป็นจะต้องเริ่มต้นวันที่ 1 มกราคมเสมอไป ผมอธิบายเรื่องนี้กับคู่แต่งงานคู่หนึ่ง ถ้าวันแต่งงานเป็นวันที่ดีสำหรับครอบครัวเรา เราก็นับหนึ่งวันแต่งงาน แล้วปฏิทินของคู่รักก็นับไป 12 เดือน ไปครบรอบวันสุดท้ายของเล่มตรงกับวันนี้ปีหน้าก็ได้นี่นา นี่คือที่มาของคำว่า 365 +1

ผมก็เลยทำปฏิทินให้คู่รักคู่หนึ่งที่มาพิมพ์การ์ดแต่งงานกับผม เมื่อแจกการ์ดแล้ว จัดงานผ่านไปแล้ว มีภาพประทับใจในวันงานแล้ว ผมก็ไปเลือกภาพจากเฟสบุ๊คของเจ้าบ่าวเจ้าสาว เลือกภาพที่เขายอมให้เผยแพร่ได้มาเขียนบทความ และขอนำไปใช้ทำของที่ระลึก ทางเจ้าภาพไม่ขัดข้อง ก็เลยนำมาทำปฏิทินเล่มนี้

วันแรกของวันดีๆของคู่รักคู่นี้อย่างเป็นทางการคือวันแต่งงาน ผมเริ่มวันแรกของเล่มด้วยวันแต่งงาน และทำปฏิทินไปอีก 12 เดือน + 1 วัน ก็คือ จะมี 13 เดือนนั่นเอง วันสุดท้ายของเล่มคือวันครบรอบแต่งงาน เจ้าภาพบอกว่าเก๋ดี เขาก็ชอบไอเดียนี้ ผมก็รู้สึกดีใจที่มีคนชอบ และมันก็จะช่วยเตือนคู่รักด้วยว่า วันครบรอบแต่งงานจะมาถึงเมื่อไหร่ ผมทำ 2 เล่มให้คู่รักเผื่อเขาอยากจะเก็บยาวๆเล่มนึง และใช้งานเล่มนึง


หนังสือดี สำหรับคนอยากสร้าง connection

วันนี้ผมได้ค้นพบหนังสือดีเล่มหนึ่งที่น่าใช้เวลาอ่านอย่างมาก เป็นหนังสือที่ได้แถมมาจากการอบรมครั้งหนึ่งของ bni ประเทศไทย โดยหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่แปลมาจากต้นฉบับของ Dr Ivan misner ผู้ก่อตั้้ง BNI หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า The Connector Effect

Ivan Misner เป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิสัยทัศน์ขององค์กรเครือข่ายธุรกิจ BNI

บริษัท BNI เป็นบริษัทที่สอนการขยายธุรกิจด้วยเทคนิคการตลาดแบบบอกต่อ ซึ่งผมเป็นสมาชิกของ BNI มาหลายปีแล้ว และก็ได้รับการบอกต่อ แนะนำลูกค้าให้กับธุรกิจของผมเองอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ผมก็แนะนำลูกค้าของผม เพื่อนของผมไปอุดหนุนสมาชิกคนอื่นในกลุ่มด้วย การบอกต่ออย่างมีระบบทำให้การขยายธุรกิจเป็นเรื่องสนุก และเบื้องหลังการบอกต่ออย่างได้ผลก็มาจากองค์ความรู้ที่ BNI รวบรวมเอาไว้และถ่ายทอด สอนให้กับสมาชิกได้ทำตาม

IMG_20211206_192935

เคล็ดลับที่ไม่ลับก็คือ คนจะบอกต่อเพื่อนให้มาอุดหนุนเรา มันต้องเกิดจากความไว้วางใจว่าคนแนะนำเขาเชื่อถือเรา ไว้ใจเรา เขาจึงกล้าแนะนำคนอื่นมาอุดหนุนเรานั่นเอง ความไว้ใจสร้างได้ ความน่าเชื่อถือสร้างได้ และมีตัวอย่างมากมายที่เกิดขึ้นทุกๆวัน ทุกๆสัปดาห์ที่เราไปร่วมประชุมกับกลุ่ม

กรณีตัวอย่างที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ บางส่วนก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผม เมื่ออ่านมาพบก็รู้สึกว่า การทำให้ผู้คนประทับใจก็เป็นวิธีการสร้างความน่าเชื่อถือได้เช่นกัน กรณีตัวอย่างในนั้นก็คือเรื่องต่อไปนี้

IMG_20211207_074436

สิ่งที่ได้จากการอ่านย่อหน้านี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่ ไม่ได้แปลกประหลาด แต่มันเป็นเรื่องเล่าที่จูงใจให้ทำตามถ้ามีโอกาส ความประทับใจในการประกอบอาชีพมันจะดีที่สุดถ้ามีคนชื่นชมเรา และเขาไปบอกต่อคนอื่นในเรื่องราวแนวนี้ ใครทำงานอยู่และกำลังจะขยายธุรกิจ ขอให้ได้ลองมาเข้ากลุ่มกับนักธุรกิจแนวบอกต่อแบบนี้ รับรองว่าจะมีความอยากทำงานมากขึ้นแน่นอน เพราะว่าแนวคิดและองค์ความรู้ของ BNI ทำให้เราอยากมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจของเรา ซึ่งมันเป็นแง่มุมที่ดี มันดีกับตัวเราเอง

ทดลองไมค์ไร้สาย usb-c

ในยุคของการสื่อสารทันสมัยแบบดูหนังดูทีวีผ่านอินเทอเน็ตได้ง่ายๆนั้น การทำสื่อที่เป็นวิดีโอจะเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เมื่อก่อนเราอ่านบนหนังสือ เรามีการฟังบนรายการวิทยุ จนกลายเป็นการดูรายการทีวีหรือรายการวิดีโอใน youtube สื่อกระแสหลักได้กลายเป็นวิดีโอไปหมดแล้วในยุค คศ2021 คนที่อยากบันทึกคลิปวิดีโอเพื่อบันทึกเก็บไว้ดูเล่น หรือ ทำคลิปวิดีโอเพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสาร เพื่อทำรายการชนิดต่างๆ กลายเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายขึ้น นอกจากเป็นเพราะโทรศัพท์มือถือที่พัฒนามาไกลมากจนทุกอย่างทำได้จบจากโทรศัพท์เครื่องเดียวแล้ว อุปกรณ์เสริมอย่างไมโครโฟนก็พัฒนามาไกลไม่ต่างกัน

ไมโครโฟนจากเดิมที่ต้องเป็นไมค์ตัวใหญ่ มีสายยาวหลายเมตร ก็มีการพัฒนาให้เป็นรูปแบบไร้สาย จากเดิมที่ต้องต่อเข้ากับช่องต่อชนิด 3.5มม. ในกล้องวิดีโอหรือในช่องเสียบไมค์ของโทรศัพท์ ก็กลายมาเป็นช่องเสียบชนิด usb ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการใช้งานได้อย่างดี

ไมค์ไร้สายชนิดพอร์ต usb-c ตัวนี้สั่งจากเว็บ aliexpress เป็นไมค์ที่มีตัวส่ง 2 ตัว ตัวรับ 1 ตัว นั่นหมายความว่าสามารถใช้ไมค์สองตัวพร้อมกัน สามารถใช้ทำรายการพูดคุยกันสองคนได้สะดวก โดยไม่ต้องใช้สายให้พะรุงพะรัง ตัวรับสัญญาณเป็นชนิด usb-c สามารถเสียบตรงเข้ากับโทรศัพท์มือถือที่ใช้พอร์ตชาร์จแบบ usb-c ได้เลย ซึ่งโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่มีขายในปัจจุบันก็ใช้พอรตแบบนี้กันเกือบทั้งหมดแล้ว โดยตัวรับเสียงจะดึงกำลังไฟจากมือถือออกมาใช้ ส่วนหากใครจะเอาไปใช้กับมือถือ iphone ก็ใช้เสียบผ่านอแด๊ปเตอร์แปลงได้ ที่เจ่งก็คือ ตัวรับมี่ช่องให้เสียบ usb-c อีกช่องด้วย ทำให้เราสามารถชาร์จไฟผ่านตัวรับเสียงแล้วส่งต่อไปยังพอร์ตของโทรศัพท์ทำให้เราสามารถใช้ไมค์ไร้สายได้ยาวนานมากโดยไม่ต้องกลัวโทรศัพท์แบตหมด

ตัวไมค์สองตัวที่มากับกล่องเป็นไมค์รับเสียงรอบตัว มีแบตเตอรี่ในตัว ใช้ได้กี่ชั่วโมงต้องไปหาอ่านในคู่มือ เวลาชาร์จไฟจะต้องใช้สายชาร์จ usb-c มาเสียบ ในชุดมีไมค์สองตัวแต่สายชาร์จมีให้แค่เส้นเดียว คุณภาพเสียงเท่าที่ฟังผ่านๆก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ฟังรู้เรื่อง ลองฟังจากในคลิปดูครับ

ไมค์ตัวนี้เหมาะกับคนทีต้องการบันทึกรายการวิดีโอที่ต้องคุยกันสองคน เหมาะกับการไลฟ์ทางเฟสบุ๊คหรือ youtube เพราะการเชื่อมต่อง่ายดาย ลดความยุ่งยากและข้อผิดพลาดต่างๆ เนื่องจากการใช้ไมโครโฟนภายนอกกับโทรศัพท์มือถือเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจเยอะ ต้องเรียนรู้คำว่า Trs Trrs ซึ่งเป็นลักษณะของช่องเสียบแบบ 3.5มม. และในบางโปรแกรมที่ใช้ถ่ายวิดีโอก็ไม่รองรับการต่อไมค์ภายนอกที่เสียบผ่านช่องหูฟังด้วย และปัจจุบันโทรศัพท์หลายๆรุ่นก็ตัดช่อง 3.5มม. ออกไปแล้ว อุปกรณ์ไมค์ที่เคยใช้กับช่อง 3.5 จะเอามาใช้เลยทันทีก็ทำไม่ได้ ดังนั้น ถ้าเป็นไมค์ที่เสียบทางช่อง usb-c ก็จะแก้ปัญหาต่างๆได้เกือบทั้งหมด

นอกจากการใช้กับโทรศัพท์แล้ว เราก็ยังนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ด้วย คนที่จำเป็นต้องทำรายการ หรือแคสเกมส์ หรือประชุมออนไลน์บ่อยๆน่าจะช่วยลดความยุ่งยากได้ น้ำเสียงที่รับได้ชัดและมีความคล่องตัวจะทำให้เราสนุกกับการทำรายการมากขึ้น