อย่าออกแบบอนาคตด้วยอดีต

20210517073714_IMG_0479

ตั้งแต่โควิด 19 ระบาดเมื่อต้นปี พศ2563 ประเทศไทยก็วิกฤตมาตลอด มีบางช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็มีการระบาดซ้ำจนมีผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ และในการระบาดครั้งล่าสุด เมษายน2564 รอบนี้มีผู้ติดเชื้อวันละ 2-3 พันคน ยอดคนติดเชื้อเยอะต่อเนื่องเป็นมานานเกือบจะเป็นเดือนแล้ว ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมทะลุแสนคนไปในที่สุด และวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ก็มียอดผู้ติดเชื้อวันเดียวเพิ่มขึ้นถึง 9พันคน

IMG_20210524_075255

โรงเรียนถูกสั่งให้ปิดตาม โรงแรม รีสอร์ต สถานบันเทิง สวนสาธารณะและร้านอาหาร นักเรียนต้องเรียน online จากที่บ้าน พฤติกรรมของนักเรียนรุ่นดิจิทัล 5g จะแตกต่างไปจากรุ่นพ่อแม่อย่างมาก นั่นก็คือการตรงต่อเวลาของการเข้าประชุม online เด็กรุ่น 8 ขวบ มีนัดจะ online ตอน 7.50 น. เขาจะมารอหน้าคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 7.30 น. และรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ โปรแกรม zoom meeting ถูก connect เอาไว้เรียบร้อยแล้ว รอแค่เจ้าของการประชุมหรือครูกดรับให้เข้าร่วมเท่านั้น พอใกล้เวลา เหลืออีก 2 นาที ยังไม่มีการกดรับ เด็กจะหันหน้ามาถามพ่อแม่ว่า ทำไมยังไม่เข้า เสียหรือเปล่า อินเทอเน็ตเสียรึเปล่า?

ผมตอบด้วยความใจเย็นว่า รออีกนิดนึง ประธานในห้องประชุม หรือครูจะค่อยๆกดรับเด็กเข้าไปทีละคน ดังนั้นอาจจะนานหน่อยกว่าครูจะกดรับเด็กทุกคน จนเวลาขยับไปเป็น 7.52 น. เลยเวลานัดไป2 นาที ยังไม่ได้รับการกดรับ ลูกผมก็หันมาถามอีกครั้งด้วยสีหน้ากังวลมาก กลัวว่าจะไม่ได้เข้า ผมก็ยังคงยืนยันให้ใจเย็นรอ และในที่สุดก็ได้เข้า ครูกดรับ ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น

20210516130528_IMG_0455

คนวัยพ่อแม่อย่างผม เล่นอินเทอเน็ตมาตั้งแต่ยุคโมเด็มความเร็ว 14400 bps โมเด็มทำงานบนสายโทรศัพท์อนาลอก การเข้าสู่อินเทอเน็ตมีแต่การรอคอย อยากจะเข้าอินเทอเน็ต เราจะไม่คิดเรื่องเวลาที่แม่นยำ เราสนใจแค่ว่า ต่อคิวรอเข้า แล้วเข้าได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ทัศนคติการรอเข้า online เป็นไปอย่างใจเย็น ไม่มีกำหนด เพราะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า แตกต่างจากรุ่นแปดขวบในวันนี้ ที่การเข้าอินเทอเน็ตคือสิ่งที่ง่ายดาย และทุกอย่างสามารถตรงเวลาได้ พ่อแม่อาจจะชินกับการเลื่อนกำหนดการ เพราะคนวัยพ่อแม่พบเจอแต่เรื่องที่ต้องรอคอย รอคิว ไม่มีคำว่าทันที ส่วนวัยของลูก เป็นวัยที่พร้อมทุกอย่าง การนัดหมายระดับนาทีคือสิ่งที่เป็นไปได้ตามต้องการ

เด็กรุ่นใหม่ถูกสอนมาให้ช่างคิด ช่างสงสัย และเขาเติบโตมาในการเรียนการสอนที่มีทัศนคติที่ดีเยี่ยม เขาจะถูกสอนให้ตั้งคำถามว่า การเรียนวันนี้เขาได้เรียนรู้อะไร จะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร ส่วนรุ่นพ่อแม่ก็จะเป็นการเรียนตามครูบอก จำในสิ่งที่ครูรู้ และเชื่อในสิ่งที่ครูสอนเท่านั้น ไม่แปลกใจที่เด็กรุ่นใหม่จะเรียกร้องสิ่งต่างๆที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายไม่เคยเรียกร้อง เพราะการเติบโตผ่านการเรียนรู้ฝึกฝนมาไม่เหมือนกัน

IMG_0086

พ่อแม่พาลูกไปเดินเล่นที่อุทยานแห่งชาติ เดินผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติ พ่อแม่ก็เดินลุยเข้าไป ทางเดินดีบ้าง แย่บ้าง ทางขึ้นเขาเดินยาก สลับกับเดินง่าย ลูกผมตั้งคำถามระหว่างทางขึ้นมาว่า บันไดที่ค่อยๆขึ้นไปบนเขา เป็นทางธรรมชาติ หรือ คนสร้างขึ้น แม่ตอบว่า คนสร้าง เด็กน้อยถามต่อว่า แล้วทำไมเขาไม่ทำให้มันดีตลอดทาง ทำไมบางจุดไม่ทำให้ดีเหมือนด้านล่าง ผมฟังแล้วก็รู้สึกว่า เด็กช่างคิดและตั้งคำถามได้ตรงไปตรงมาดี ผมไม่มีคำตอบที่ดีให้ลูกเลย เพราะว่า ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่ทำให้ดีตลอดเส้นทาง พ่อแม่ชินกับความเก่า ชินกับความไม่สมบูรณ์ของสิ่งรอบข้าง และไม่เคยตั้งคำถามเลยว่าทำไมไม่ดี แถมผู้ใหญ่รุ่นพ่อกับแม่ก็พลอยปรับตัวให้ชินกับความไม่ดีเหล่านั้น ส่วนลูก พ่อแม่ดีใจมากที่ลูกมองเห็นปัญหา ตั้งคำถาม และกล้าจะถาม พ่อแม่ชื่นชมสิ่งที่ลูกเป็น

สังคมข้างหน้าจะเป็นของรุ่นลูก พวกเขาจะพัฒนามันไปตามรูปแบบที่เขาต้องการ คนเป็นผู้ใหญ่อย่างพวกเรา คนรุ่นที่ไม่คิดถาม ไม่กล้าทักท้วงสิ่งใดจะต้องยอมรับกับความคิดเห็นที่ใหม่ เพื่อให้มันเป็นสังคมของเขา เพราะในที่สุด รุ่นของพวกเราจะหมดไป รุ่นของลูกจะเป็นมาตรฐานใหม่ รุ่นหลังจะสำคัญกว่ารุ่นที่แล้ว เพราะมนุษย์เราจะต้องไปสู่อนาคต ใครเลือกออกแบบอนาคตให้เหมือนอดีตขอเถอะ อย่าทำ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของความคิดใหม่และวิธีใหม่ๆดีกว่า