กระดาษทั่วไปที่ใช้งานในอ๊อฟฟิศหรืองานเขียนในโรงเรียนจะเป็นกระดาษบาง และเมื่อวางพาดกับโต๊ะให้ปลายยื่นออกไปนอกโต๊ะ กระดาษก็จะโค้งงอลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่ก็มีบางครั้งที่กระดาษใบเดียวกัน หรือชนิดเดียวกัน แต่มันโค้งตกไม่เท่ากัน นั่นเป็นเพราะกระดาษมีเกรน
เกรนกระดาษคือแนวกระดาษที่เรียงตัวกันเป็นเส้นตรงแนวหนึ่ง กระดาษที่ผลิตจากโรงงานจะมีเกรนในแนวใดแนวหนึ่งเป็นหลัก จากภาพด้านบน เกรนกระดาษจะเรียงตัวตามแนวเส้นสีชมพู หากเราตัดกระดาษมาใช้จากกระดาษใบนี้ เราจะตัดกระดาษได้ 2 แบบ คือแบบ A และ แบบ B
กระดาษแบบ A จะมีความแข็งแรงตามแนวยาว มันสามารถทนแรงดึงแนวยาวได้ดี ขณะเดียวกันก็จะโค้งงอไปตามแนวยาวได้ยากกว่า เมื่อวางกระดาษบนขอบโต๊ะ กระดาษใบบนคือกระดาษที่ตัดแบบ A ส่วนกระดาษแบบ B คือใบล่างในภาพที่หนึ่ง และกระดาษแบบ B นี้จะอ่อนตามแนวยาว หากเราเอากระดาษแบบ Bไปใช้กับปริ๊นเตอร์ กระดาษก็จะม้วนเข้าเครื่องพิมพ์ได้ง่าย แต่ขณะเดียวกัน หากกระดาษติดขัดในเครื่องพิมพ์ แล้วเราจะต้องดึงกระดาษออกจากเครื่อง กระดาษแบบ B ก็จะมีโอกาสขาดได้ง่ายเช่นกัน ส่วนกระดาษแบบ A จะทนแรงดึงได้ดีกว่า ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย การตัดกระดาษเพื่อใช้งานจะต้องคิดให้รอบคอบตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
การใช้งานกระดาษทั่วไปเราอาจไม่ต้องคิดมาก แต่กับงานบางประเภทที่ต้องการลักษณะพิเศษ หากเราคิดเรื่องเกรนกระดาษด้วยเราก็จะออกแบบวิธีผลิตและวิธีใช้งานสิ่งพิมพ์ได้หลากหลายมากขึ้น การติดต่อพูดคุยกับโรงพิมพ์ หากอธิบายตัวงานสิ่งพิมพ์ได้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ โรงพิมพ์จะใช้ช้อมูลที่ละเอียดไปเลือกกระดาษให้เหมาะกับการใช้งาน เพื่อให้สิ่งพิมพ์ตอบสนองได้ตรงวัตถุประสงค์ที่สุด
หากเราทำงานสมุด เกรนกระดาษก็จะไม่ต้องคิดมาก เพราะตอนเราใช้งานเราก็ตัดเป็นแผ่นเอาไว้เขียน แต่หากเราทำงานแผ่นพับ รอยพับที่ขวางเกรนจะพับยาก รอยพับตามเกรนจะพับง่าย ถ้ากระดาษมีความหนามากๆการพับขวางเกรนจะมีรอยพับที่ไม่สวย บางครั้งรอยพับหรือสันจะแตก งานพิมพ์กล่องแพ็คเกจจิ้ง และ แฟ้มคัมพานีโพรไฟล์ หรือแม้แต่หนังสือปกหนาๆ หากเราคิดเรื่องเกรนกระดาษด้วยเราจะได้งานที่สมบูรณ์มากที่สุด




