ในยุคปี พศ 2563 เป็นช่วงเวลาที่วิทยุไม่ได้รับความนิยมจากคนส่วนใหญ่แล้ว เพราะใครต่อใครก็ต่างรับชมข่าวสารและความบันเทิงทางอินเทอเน็ตทั้งหมด ดูหนังทางระบบของ netflix หรือ youtube หรือเว็บเฉพาะทางทั้งหลาย หากจะฟังเพลงก็มี spotify มี apple music และอีกหลายระบบ หลายแพล็ตฟอร์ม สิ่งเหล่านี้ทำให้ฮาร์ดแวร์อย่างเครื่องเล่นแผ่นซีดี ดีวีดี บลูเรย์ แผ่นเสียง ค่อยๆขายได้น้อยลงเรื่อยๆ แม่แต่เครื่องเล่นเพลงดิจิทัลที่เคยฮิตระเบิดอย่าง ipod ก็ยังต้องถอยให้กับระบบใหม่ๆ โทรศัพท์มือถือกลายเป็นระบบหลักของสื่อกระแสหลัก และดูไม่มีตัวเลือกลำดับรองเลย
แต่ก็ยังมีผู้ใช้บางส่วนที่ยังสนใจจะใช้วิทยุโทรทัศน์อยู่ เพราะเป็นระบบที่ง่ายและไม่ต้องปรับตัวมาก ไม่ต้องลงทุนสูง ผู้ใหญ่ หรือ คนแก่ในบ้านก็คุ้นเคยกับระบบวิทยุและโทรทัศน์แบบโบราณอยู่ ซึ่งความโบราณนี้นอกจากประหยัดแล้วมันก็ใช้งานง่ายจริงๆ และไม่ต้องอาศัยอินเทอเน็ตด้วย ค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงอินเทอเน็ตก็ค่อนข้างแพงเนื่องจากต้องจ่ายเป็นรายเดือน บางบ้านบางคนมีค่าใช้อินเทอเน็ตมากกว่าค่าน้ำค่าไฟเสียอีก
เครื่องรับวิทยุส่วนมากจะโดนผลิตออกมาแบบราคาถูก และมีระบบที่ไม่ซับซ้อน ทำให้คุณภาพมักจะไม่ค่อยดี วิทยุอนาลอกที่มีการหมุนหาคลื่นแบบอนาลอกก็มักจะรับคลื่นไม่เก่ง มีสัญญาณรบกวนแทรกเข้ามาง่านย จำนวนสถานีที่ควรจะรับสัญญาณได้ก็ไม่ครบทุกความถี่ เครื่องรับวิทยุที่รับสัญญาณ FM ด้วยระบบการหาคลื่นแบบดิจิทัลจะเป็นทางเลือกที่มีคุณภาพการรับสูง เหมือนเครื่องรับวิทยุในรถยนต์ที่มักจะรับสัญญาณได้ดีและฟังได้ชัดมาก วิทยุตั้งโต๊ะที่ใช้ในบ้านถ้ารับคลื่นได้ดีเท่าระบบในรถยนต์ก็เป็นสิ่งที่ผู้ใช้อยากได้มานานแล้ว
Radiwow เป็นยี่ห้อจากประเทศจีน ผมไม่ทราบประวัติ ไม่ทราบว่ามีชื่อเสียงในระดับใด เพราะเท่าที่เคยรู้ ยี่ห้อทีทำวิทยุเก่งก็จะมี tivoli ที่เป็นของฝรั่ง ยี่ห้อ degend เป็นของจีน tecsun เป็นของจีน สามยี่ห้อนี้มีวิทยุคุณภาพดีให้เลือกซื้อ ส่วนยี่ห้อ Radiwow ก็เป็นตัวที่ผมเลือกเสี่ยงซื้อมาใช้เองเลย เพราะดูสเป็คแล้วน่าสนใจ และเมื่อได้มาแล้วก็พบว่ามีจุดเด่นหลายอย่างให้พูดถึง ที่สำคัญคือ ราคาไม่แพง
Radiwow R-108 มีขนาดกระทัดรัด สามารถรับคลื่น FM AM MW LW SW ได้ ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่โนเกีย BL-5c ที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือมาตั้งแต่ยุคยี่สิบปีที่แล้ว ระบบรับคลื่นเป็นดิจิทัล มีปุ่มที่ด้านหน้าให้กดเต็มไปหมดเลย ลำโพงติดมากับเครื่อง 1 ดอกเป็นแบบฟูลเร้นจ์ ในกล่องมีสายชาร์ชนิด micro-usb 1เส้น และสายอากาศเพื่อช่วยรับคลื่นอีก 1 เส้น ตัวเครื่องมีเสาแบบชักติดมาด้วย
การรับคลื่นระบบดิจิทัลเราสามารถหมุนด้วยปุ่มด้านข้าง ซึ่งมีความพิเศษคือสามารถกดเพื่อเปลี่ยนโหมดการหมุนให้หมุนได้ละเอียดขึ้นได้ ส่วนปุ่มกดหน้าเครื่องจำนวนมากสามารถกดเลือกคลื่นที่ต้องการฟังได้ตรงๆ อย่างเช่น หากอยากจะฟังสถานีคลื่น 102.50 MHz เราก็สามารถกดปุ่ม Freq 1 0 2 5 0 แล้วเครื่องก็จะรับคลื่นช่อง fm102.50 ให้เราได้ทันที วิธีนี้เป็นวิธีเลือกคลื่นสัญญาณที่รวดเร็วมาก ดีกว่าที่จะหมุนคลื่นไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึง
คุณภาพการรับคลื่นของ R-108 รับได้คมชัดแม่นยำ เสียงที่ถ่ายทอดก็ออกมาชัดเจน ลำโพงมีเสียงกลางและเสียงเบสเล็กน้อยให้พอรู้สึกว่ามีคุณภาพพอใช้ได้ แต่ที่ประทับใจก็คือ ช่องเสียบหูฟังเมื่อลองฟังผ่านหูฟังแล้วให้น้ำเสียงที่ไพเราะสำหรับการฟังเพลงเลย เสียงกลางมีเพียงพอ เสียงเบสเด่นมาก ทำให้ฟังแล้วได้น้ำเสียงที่นุ่มนวล สามารถใช้ต่อสายสัญญาณไปเข้าระบบเครื่องเสียงบ้านได้เลย
ตัวเครื่องออกแบบให้มีขาตั้งด้านหลังเพื่อช่วยวางมุมเอียง หันหน้าขึ้นสู่ผู้ใช้งาน เป็นการออกแบบที่คำนึงถึงรูปแบบการใช้งานที่ปราณีตดี หน้าปัดแสดงตัวเลขมีแสงสว่างในตัว จะสว่างขึ้นมาเสมอเมื่อเรากดปุ่มหรือหมุนคลื่น เมื่อหมุนเสร็จแล้วไฟก็จะดับไป แถมข้อมูลบนหน้าปัดยังมีนาฬิกาให้อีกด้วย และมันสามารถตั้งปลุกได้ด้วย
เมื่อนำ R-108 ไปเทียบกับ Tivoli Model2 ความสามารถในการรับคลื่นค่อนข้างสูสีกัน แต่ลำโพงของ Tivoli มีขนาดใหญ่กว่า จะให้เสียงพูดที่หนากว่า ให้เสียงเบสที่ใหญ่โตลงได้ลึกกว่า ส่วนเรื่องความคมชัดในการรับสัญญาณถือว่าทำได้ใกล้เคียงกัน แต่ R-108 จะรับคลื่นได้เยอะกว่าเพราะใช้วิธีหมุนทีละคลิกแบบดิจิทัล ทำให้สามารถล็อคคลื่นความถี่ได้ละเอียด
การชาร์จไฟก็ใช้วิธีเสียบสาย micro-usb เข้าไปกับตัวเครื่อง ชาร์จเหมือนเป็นโทรศัพท์มือถือ แต่ระยะเวลาการใช้งานด้วยแบตเตอรี่ในตัวก็ทำงานได้นานเป็นวัน สิ่งที่ชอบใน R-108 ก็คือ ปุ่มเปิดปิดเครื่องเป็นปุ่มกดขนาดใหญ่ที่สุดบนหน้าปัด และอยู่ในตำแหน่งที่ชัดเจน จำง่าย เราสามารถเอื้อมมือไปกดปิดหรือเปิดได้สะดวกโดยไม่ต้องชำเรืองมองเลย แต่การเลือกคลื่นความถี่เรายังคงต้องมองหน้าจออยู่ดี ตัวเครื่องมีเขียนไว้ที่ด้านหน้าว่าสามารถบันทึกสถานีได้มากถึง 500 สถานี แต่ผมก็ไม่ได้ลองใช้ เพราะไม่รู้ว่าจะบันทึกสถานทีไว้ทำไม เนื่องจาก R-108 สามารถเลือกคลื่นได้ง่ายนั่นเอง
คุณภาพเสียงที่รับสัญญาณแล้วส่งออกมาทางช่องหูฟังให้น้ำเสียงไปทางนุ่มและชัด เป็นความชัดที่เกิดจากการรับสัญญาณได้คมชัด ไม่ได้คมชัดแบบแทงหู ส่วนความนุ่มนวลในน้ำเสียงก็เปรียบเทียบกับการรับวิทยุในโทรศัพท์หรือ tablet ที่รับสัญญาณ FM ได้ก็ทิ้งห่างกันคนละเรื่องเลย เสียงวิทยุจาก tablet จะให้เสียงที่แสบหูนิดๆ ฟังนานๆแล้วจะเครียด โดยการฟังเปรียบเทียบผมใช้หูฟัง Full size อย่าง AKG K701 เป็นตัวทดสอบ
ผมยังชอบที่จะมีวิทยุเอาไว้ฟังเพลง ฟังข่าวสารต่างๆ เพราะการฟังวิทยุเราจะได้ความหลากหลายและความใหม่ของสิ่งที่นำเสนอ หลายปีที่ผ่านมาเราเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ค เราจะพบเจอแต่คนที่คล้ายเรา ชอบเสพสื่อและข่าวคล้ายๆเรา จนเรารู้สึกว่าเราคือตัวแทนหรือคิดเหมือนสังคมส่วนใหญ่ แต่ในความเป็นจริง ระบบของโซเชียลเน็ทเวิร์คทุกระบบพยายามหาคน หาข่าว หาสื่อ หาโฆษณาที่คาดว่าเราจะชอบมาให้เราเสพ นั่นทำให้เราไม่ได้สัมผัสความหลากหลายที่แท้จริง เพราะสิ่งที่ได้ยิน ได้ดู มันถูกเลือกมาเพื่อให้เราชอบ ตรงนี้ถือว่าเป็นข้อเสีย ดังนั้นการฟังวิทยุบนรายการที่ใครก็ไม่รู้จัดรายการให้เราฟัง เปิดเพลงให้เราฟัง หาข่าวที่แต่ละสถานีมองว่าสำคัญมาให้เราฟัง เราจะได้เสพสื่อที่สถานีชอบ ข่าวที่เจ้าของรายการชอบ ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ข้อมูลที่เราชอบ ดังนั้นความหลากหลายจะมาเต็มนั่นเอง เพื่อลดการครอบงำจากโซเชียลเน็ทเวิร์ครอบตัวเรา








