ในที่สุดประเทศไทยก็เป็นเหยื่อโควิด19 ที่ระบาดจนธุรกิจห้างร้านต้องปิดตัวชั่วคราว มีคนลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นสิบล้านคน คำสั่งปิดห้าง โรงเรียน สถานศึกษา ที่ชุมชน ที่สาธารณะ ร้านอาหาร ฟิตเนส ร้านกาแฟ ห้ามคนนั่งกินที่ร้านทำให้ธุรกิจชะงักทั้งประเทศ ความอันตรายของไวรัสทำให้ไม่มีใครอยากออกไปอยู่ใกล้ชิดคนอื่น รัฐบาลขอร้องให้ทุกคนอย่ารวมตัวกัน อย่าอยู่ใกล้กัน ให้ทำ social distancing หรือห่างกันประมาณ 2 เมตรเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และคำสั่งปิดเริ่มต้นในเดือนมีนาคม พ.ศ.2563 ซึ่งผ่านมาเดือนเศษ เรายังไม่พบแสงสว่างว่าอะไรจะดีขึ้น แต่ความเสียหายก่อตัวสะสมมากมาย
โรงเรียนโดนสั่งปิด ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมของเด็กนักเรียน และไม่เห็นวี่แววว่าจะเปิดเทอมได้ตามปกติ วันนี้รัฐบาลมีประกาศเลื่อนวันเปิดเทอมออกไป จากที่เคยเปิดกลางเดือน พ.ค. มาตลอดหลายสิบปี ก็เลื่อนไปเปิดวันที่ 1 กค. 2563 มันมีความหมายว่าเราอาจจะไม่ได้เปิดเทอมกันจริงๆถ้าสถานการณ์การระบาดของไวรัสยังไม่หายไป
การทำงานของผู้ใหญ่ปรับเปลี่ยนมาเป็น Work From Home หรือทำงานที่บ้าน คนหลายแสนคนที่ยังมีงานทำต้องทำงานจากที่บ้าน ทำงานผ่านอินเทอเน็ต และเด็กนักเรียนก็มีแนวโน้มว่าจะต้อง Learn From Home เช่นกัน มีโรงเรียนนานาชาติบางแห่งยังไม่ปิดเทอม ก็ปรับเปลี่ยนไปสอนผ่านอินเทอเน็ต เพราะรัฐบาลสั่งห้ามเข้าโรงเรียน ครูอนุบาลจนถึงครูมหาวิทยาลัยห้ามเข้าโรงเรียน การเรียนการสอนที่ค้างคาไว้ก็ต้องไปเรียนผ่านอินเทอเน็ตทั้งหมด แม้แต่โรงเรียนกวดวิชาที่โดนสั่งปิดชั่วคราวก็ต้องปรับตัว ลูกผมก็มีเรียนภาษาอังกฤษค้างอยู่ โรงเรียนสอนก็เลยให้ทดลองเรียนผ่านอินเทอเน็ตดู
ทุกคนใหม่กับการเรียนผ่านคอมพิวเตอร์ ครูผู้สอนก็พูดจาเสียงดังทำให้เสียงที่นักเรียนได้ยินก็แตกพล่า บางคำฟังไม่รู้เรื่อง เด็กเล็กหลายคนก็ไม่คุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์ ใช้เม้าส์และคีย์บอร์ดยังไม่เป็นเลย แต่ทุกคนก็ต้องเริ่มต้นกับการเรียนออนไลน์ ข้อดีของการเรียนออนไลน์ก็คือ พ่อแม่ได้เห็น ได้รู้ว่าครูสอนอะไร สอนอย่างไร เพราะสามารถนั่งดูเด็กเรียนได้ตลอดเวลา ส่วนข้อเสียของการเรียนออนไลน์ก็คือ พ่อแม่ต้องมานั่งดูด้วยเพื่อคอยแก้ไขปัญหาการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่เด็กบางคนยังไม่เข้าใจ ยังไม่สามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ และหากพ่อแม่ต้องทำงานหลัก จะเอาเวลาไหนมาเฝ้าเด็กตลอดเวลาที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ปัญหานี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เราคงต้องเรียนรู้และรับมือกันไปวันต่อวันก่อน
อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญมากคือ ระดับความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ เพราะเดิมทีโต๊ะเก้าอี้ที่ใช้ในห้องทำงานก็เป็นของสำหรับผู้ใหญ่ ให้เด็กมาใช้ก็จะไม่พอดี เก้าอี้ตัวใหญ่ เด็กนั่งแล้วขาลอย ทำให้ขึ้นนั่งลำบาก ส่วนโต๊ะก็สูงเกินไป ความสูงของเบาะเก้าอี้ก็ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่ พอเด็กมานั่งก็ไม่พอดี จะหาหนังสือมากองรวมกันแล้วเอาไปใช้รองนั่งเพื่อให้สูงขึ้นก็ดูเป็นอันตรายกับคนนั่ง

