การพิมพ์ letterpress บนถุงขนม

โลกเรามีระบบการพิมพ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบที่ทันสมัยอย่างดิจิทัลปริ๊นท์ที่เป็นเทคนิค electrophotography หรือระบบเลเซอร์ปริ๊นเตอร์ที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเรียกกัน มีระบบ inkjet ที่เราเรียกว่าเครื่องพิมพ์พ่นหมึก มีระบบอ๊อพเซ็ทที่เป็นการพิมพ์แบบสีสันสวยงามใช้ทำใบปลิว และหนังสือภาพ และอีกระบบการพิมพ์หนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดก็คือ letterpress ที่มีอยู่ในโรงพิมพ์ thailetterpress แห่งนี้

ในหนังจีนกำลังภายใน ฮ่องเต้จะมีตราประจำพระองค์ เป็นแท่งหินหรือก้อนหยกทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ เวลาจะมีราชโองการไปสั่งลูกน้อง ก็จะมีการปั๊มตราของฮ่องเต้ ถ้าเป็นปัจจุบันเราจะเรียกว่าตรายาง ของฮ่องเต้เราเรียกว่าตราประจำพระองค์ ตราทั้ง 2แบบนี้ในโรงพิมพ์เราจะเรียกว่าแม่พิมพ์ การเอาแม่พิมพ์ไปทาด้วยหมึกหรือแตะกับหมึก แล้วเอาแม่พิมพ์ที่เปื้อนหมึกแล้วไปกดทับลงบนกระดาษ เราเรียกว่าการพิมพ์ letterpress มันคือคำว่า letter + press หรือ กดลงไปด้วยตัวหนังสือ

Thailetterpress

ที่เยอรมันมีนักประดิษฐ์พยายามจะแกะสลักแผ่นหินเป็นข้อความยาวๆ แล้วก็พิมพ์ด้วยเทคนิค letterpress แล้วก็พบปัญหาว่า เมื่อเขาแกะสลักแผ่นหินผิดพลาด เขาจะต้องทิ้งหินทั้งแผ่นไปเลย ทำให้ตัวหนังสือส่วนอื่นบนแผ่นหินที่ไม่ผิดก็ต้องถูกทิ้งไปด้วย เขาเลยพัฒนาต่อด้วยการแยกตัวอักษรแต่ละตัวบนแผ่นหินเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วอยากได้คำว่าอะไรก็หยิบเอาตัวอักษรมาวางเรียงต่อกัน และก็เรียงยาวๆกลายเป็นประโยค การเรียงตัวอักษรแบบนี้จะเรียกว่าเรียงพิมพ์ การเรียงพิมพ์ทำให้การผลิตหนังสือเกิดขึ้นได้ และในที่สุดโลกเราก็มีหนังสือที่จัดพิมพ์หลายสำเนาหรือผลิตจำนวนหลายเล่มเพื่อแจกจ่ายหรือขายได้อย่างกว้างขวาง และหนังสือเล่มแรกที่ถูกพิมพ์จำนวนมากก็คือ คัมภีร์ไบเบิ้ล ส่วนคนที่คิดระบบการเรียงตัวอักษรและประดิษฐ์แท่นพิมพ์ขึ้นมาก็คือ โยฮัน กูเตนเบิร์ก ไม่ใช่แค่การสร้างเครื่องพิมพ์ แต่ยังพัฒนากระดาษ และวางรากฐานการพิมพ์ไว้อย่างเป็นระบบ จนเขาได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งการพิมพ์

IMG_20210816_154140

ในประเทศไทยมีฝรั่งคนหนึ่งแวะมาเที่ยวเมืองไทย เขานำเครื่องพิมพ์ติดตัวมาด้วยในสมัยรัชกาลที่ 3 คนนั้นชื่อหมอบลัดเลย์ เป็นหมอ เป็นมิชชั่นนารี เป็นผู้เผยแพร่ศาสนา และเป็นผู้วางรากฐานการพิมพ์ให้ประเทศไทย เป็นเถ้าแก่โรงพิมพ์คนแรก พิมพ์หนังสือเล่มแรกในประเทศไทย และปัจจุบันระบบ letterpress ก็พัฒนาตัวอักษรมาทำด้วยโลหะตะกั่ว เราก็จะเรียกตัวอักษรเหล่านั้นว่าตัวตะกั่ว และก็ครองความรุ่งเรืองเป็นเทคโนโยลีการพิมพ์ที่อยู่หัวแถวมายาวนาน จนกระทั่งคอมพิวเตอร์เริ่มถูกสร้างขึ้นมา เครื่องพิมพ์อิเล็คทรอนิกเริ่มถูกสร้างขึ้น และระบบการพิมพ์อ๊อพเซ็ทก็ถูกพัฒนาขึ้น ภาพจากระบบอ๊อพเซ็ทให้สีสันสวยงาม พิมพ์ภาพถ่ายได้อย่างสมจริง ระบบ letterpress เลยเสื่อความนิยมลงไป

20210809173803_IMG_0197

หาลำโพงใช้ Learn From Home

เราอยู่ในยุคโควิด19 ที่เป็นโรคระบาด มีความอันตรายถึงชีวิต การระบาดทั่วโลกและในไทยทำให้มีคำสั่งห้ามออกจากบ้าน มีการปิดห้าง โรงแรม สถานที่สาธารณะ รวมถึงโรงเรียนทุกประเภทด้วย คนทำงานให้ทำงานจากที่บ้านถ้าทำได้ นักเรียนให้เรียนจากที่บ้านไปก่อน ดังนั้นการเตรียมตัวอุปกรณ์สำหรับการประชุมทางไกล หรือ เรียนทางไกล ก็ต้องพิจารณาหลายอย่าง ซึ่งในตอนนี้เราจะพูดถึงลำโพงก่อน เพราะค้นพบว่า ลำโพงมีความจำเป็นกับการสื่อสารหรือการเรียนบางวิชา

การเรียนจากที่บ้านสำหรับเด็กนักเรียน ในบางวิชาเราจำเป็นต้องได้ลำโพงคุณภาพสูงเพียงพอ หากจะเอาไว้เรียนรู้เรื่องเล่า ฟังข้อมูลวิชาการ ฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ ลำโพงอะไรก็สื่อสารได้ แต่หากเด็กต้องเรียนภาษาอังกฤษ ต้องฟังเสียงคำอ่านที่คล้ายๆกันแต่สะกดไม่เหมือนกัน คนพูดที่ชัดเจนจะออกเสียงต่างกันเล็กน้อย ความเล็กน้อยนี้จำเป็นต้องใช้ลำโพงคุณภาพดีเพียงพอถึงจะฟังออกว่ามีความแตกต่างกันในการออกเสียง อย่างเช่น คำว่า plain กับ pain หรือ คำว่า wide กับ wine มันจะมีปลายเสียงต่างกันซึ่งแม้แต่การฟังต่อหน้ายังแยกแยะลำบากเลย คนฟังต้องได้ยินเสียงที่ชัดจริงๆถึงจะฟังออก ความสามารถในการแยกแยะหางเสียงตรงนี้ก็ต้องใช้ลำโพงที่ดี

ลำโพงบลูทูธในตลาดมีหลายตัวที่มีคุณภาพดี แต่การเชื่อมต่อบลูทูธมักทำกับโทรศัพท์มือถือหรือ tablet หรืออาจจะใช้กับโน้ตบุ๊ค แต่ก็มีคนอีกจำนวนมากที่ใช้คอมฯตั้งโต๊ะและไม่สามารถใช้งานบลูทูธได้ การเชื่อมต่อด้วยสายสัญญาณเสียงทางช่อง Aux ก็เป็นสิ่งจำเป็น ลำโพงบลูทูธที่มีขายส่วนใหญ่ก็มักจะไม่มีช่อง Aux จะมีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่ยังมีช่องแบบนี้ให้ใช้งาน และลำโพงบลูทูธส่วนใหญ่ก็มีการเปิดปิดและการเชื่อมต่อที่ซับซ้อน บางครั้งการเชื่อมสัญญาณก็หลุด มีหลายครั้งที่สัญญาณเสียงหาย ต้องการการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งหากเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นคนที่เลือกซื้อลำโพงมาใช้ตั้งแต่แรกก็จะแก้ปัญหาได้ แต่เด็กในบ้านจะแก้ปัญหาแบบนี้เองไม่ได้ เพราะไม่มีความคุ้นเคยกับอุปกรณ์เหล่านี้

ลำโพงที่เหมาะกับการใช้งานเรียนออนไลน์ และเหมาะกับเด็กก็ควรจะเป็นลำโพงที่เปิดปิดง่าย หรือเปิดตลอดเวลาที่เสียบไว้กับเครื่อง มีปุ่มปรับระดับเสียงที่ปรับง่าย ยิ่งเป็นปุ่มหมุนยิ่งดี เพราะการปรับความดังเป็นสิ่งจำเป็นในบางกรณี เช่นศัพท์ภาษาอังกฤษบางคำออกเสียงฟังยาก หากเด็กสามารถเร่งเสียงด้วยตัวเองได้ก็จะปรับได้เลย เมื่อผ่านศัพท์หรือผ่านตอนที่ต้องการเสียงดังฟังชัดไปแล้ว ก็ค่อยปรับกลับมาเป็นระดับความดังปกติก็ได้ เพราะเราคงไม่อยากให้ลูกเราอยู่กับเสียงดังตลอดเวลา

การเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ก็มีความสำคัญ บางครั้งแม้แต่การต่อสาย Aux ก็อาจจะยุ่งยากเกินไปสำหรับบางครอบครัว ถ้าลำโพงมีสาย usb ที่ต่อเข้าเครื่องคอมฯ ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายพลังงานและเป็น usb sound ไปด้วยในตัวก็จะทำให้เสียบสายเส้นเดียวได้ทั้งเสียงและพลังงานไฟฟ้ามาครบ ลำโพงแบบนี้ถือว่าออกแบบมาลดความยุ่งยากอย่างแท้จริง แต่เราก็ต้องไปค้นหาว่าลำโพง usb แบบนี้จะมีคุณภาพเสียงที่ดีเพียงพอไหม

พอเรารู้ว่าเราจะใช้ลำโพงคุณภาพระดับใด ใช้ทำหน้าที่อะไร เชื่อมต่อด้วยวิธีใด เราก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าของถูกมากๆก็ไม่สามารถใช้งานกับงานที่เราต้องการได้ ของแพงบางตัวแม้จะใช้งานได้แน่นอนแต่ก็มีความซับซ้อนต้องใช้ความรู้ความเข้าใจพอสมควร การเลือกสิ่งที่ง่ายและตรงกับความต้องการกลายเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาค้นหา ใช้เวลากับการอ่าน การรีวิว เราก็จะได้สิ่งที่เราต้องการ

เมื่อลูกค้าบอกว่าอยากได้กระดาษทอง

IMG_9095

อยากได้กระดาษสีทองค่ะ
เวลาทำการ์ดสำหรับอีเว้นพิเศษบางอย่าง ส่วนใหญ่เป้นการ์ดเชิญงานแต่งงาน หรือ เป็นการ์ดอีเว้นทั่วไปแต่เน้นเชิญแขก VIP ลูกค้าก็จะมีรสนิยมอยากได้ความหรูหราระดับเทพ แต่ราคาไม่แพง  การเลือกกระดาษพิเศษเป็นเรื่องปกติที่ลูกค้านึกถึง  และส่วนใหญ่เมื่อคิดถึงกระดาษพิเศษ  ก็จะมีคำว่า อยากได้กระดาษสีทองค่ะ

พอจบประโยคนี้ ผมก็กุมขยัมไปอีก 10 วินาที แล้วก็บอกว่า กระดาษสีทองมีหลายเฉด แต่ละเฉดจะเป็นกระดาษคนละยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อจะมีผู้นำเข้าเฉพาะ  และราคาไม่มาตรฐานเลย  หยิบโดนบางตัวอาจแพงกว่าอีกตัวหลายเท่า  เรื่องราคานี่ขึ้นอยู่กับดวงด้วย
ลูกค้าเลยขอดูตัวอย่าง  ก็เลยเป็นภาพที่เห็น  กระดาษสีทองมีหลายเฉดมาก คำว่าทองในจินตนาการของลูกค้า กับของโรงพิมพ์คนละสีแน่นอน  เรามีสีทองตั้งแต่อ่อนไปแก่  ทองครีม ทองอ่อน ทองแดง ทองเข้ม ทองด้าน ทองเงา ทองอมส้ม ทองอมเหลือง ทองน้ำตาล  ทองอ่อนมาก  ผมเลยเอาสีทองที่พอหาได้ มาวางเทียบแล้วถ่ายภาพเที่ยวกับกระดาษขาวที่ลูกค้าเคยสั่ง  เพื่อให้เห็นว่าทองแต่ละอย่างเทียบกับงานเก่า และเทียบกับกระดาษขาวแล้วเป็นยังไง


กว่าจะเลือกจบ  ก็ส่งตัวอย่างกันอีกรอบ  และทดลองพิมพ์บนกระดาษจริงให้ดู  ค่าใช้จ่ายการพิมพ์ตัวอย่างแต่ละครั้งไม่ใช่แค่ค่ากระดาษ แต่เป็นค่ามอเตอร์ไซด์ที่วิ่งไปรับตัวอย่าง  อยากลองกระดาษสีทอง 3 รุ่น อาจต้องวิ่งไปขอซื้อตัวอย่างมา 3 ครั้ง 
ที่จากประสบการณ์เรื่องกระดาษหรูหรา  กระดาษสีทองเป็นกระดาษราคาแพงกว่ากระดาษเนื้อขาว และยิ่งเป็นสีทองประหลาดเราก็ยิ่งต้องจ่ายแพงมากขึ้น  โรงพิมพ์เราโชคดีที่มีลูกค้าหลากหลาย  เรามีโอกาสทำงานบนกระดาษสีทองเกือบทุกสีแล้ว

จัดอุปกรณ์สำหรับทำ conference online

20180218171838_IMG_7253
IMG_20200418_211227
2020-04-18_10-03-43
IMG_9917

ประชุม online เรียนทาง online แล้วต้องได้ภาพซีดๆเน่าๆจากกล้องในคอมพิวเตอร์ ใครอยากได้ภาพสวยลองเพิ่มกล้องเว็บแคมสักตัวที่มันคุณภาพ Full HD ดู อย่างกล้อง Action Camera ราคาพันกว่าบาทก็ทำงานได้ดี กล้องเว็บแคมคุณภาพสูงก็มีให้เลือกใช้ ลองดูตัวที่ชอบ เพื่อให้ภาพสวยขึ้น ส่วนเสียงดีๆ ก็ต้องไมค์แยกนะครับ ไมค์ที่ดีมักจะแพงกว่ากล้อง หากเลือกใช้ไมค์แยก จะต้องโดนลำโพงแยกอีกตัว….. มันจะเสียเงินเพิ่มขึ้นไปอีก

ทำแบบนี้แล้วดียังไง
ภาพสวยก็สบายตา
ไมค์แยกรับเสียงไว ก็ทำให้พูดเบาๆสบายๆไม่ต้องตะโกน และขยับตัวได้อิสระโดยที่เสียงยังดีอยู่
ลำโพงแยกก็เสียงฟังสบาย ดีกว่าใส่หูฟังนานๆ

กล้อง SJ4000 wifi ตัวนี้พันกว่าบาท เคยแพงหลายพัน แต่ปัจจุบันราคาลดลงมากแล้ว
ไมค์ Zoom H1 ตัวนี้สามพันกว่า รุ่นนี้หมดแล้ว รุ่นใหม่คือ H1n ราคาเท่าเดิม ควรใช้ร่วมกับ soundcard หรือ Dac แยกอีกตัว Dac ถูกหลักร้อยก็มีให้ซื้อ
ลำโพง Tivoli ตัวนี้เกือบแปดพัน แต่รอซื้อตอนลดราคา

แต่ถ้าซื้อแยกทั้งหมดเลยก็เปลืองเงินอยู่ไม่น้อย คิดไปคิดมา ถ้ายังไม่ซื้อสักอย่าง ไม่ต้องซื้อก็ได้ ใช้หูฟังแถมมากับโทรศัพท์แทนก็ได้ สื่อสารได้เหมือนกัน

ทดลองไมโครโฟนกับงานวิดีโอ

การถ่ายภาพเคลื่อนไหวหรือวิดีโอ สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างมากคือคุณภาพเสียง เพราะวิดีโอที่เสียงชัด เสียงดี จะเป็นสิ่งที่น่าติดตาม แม้ภาพจะไม่ดีมาก แต่เสียงที่ดีจะทำให้คนดูจนจบได้ แต่กลับกัน หากเสียงไม่ได้เรื่อง ฟังไม่รู้เรื่อง ภาพดีแค่ไหนคนก็จะข้ามไป ไม่สนใจดู การหาทางบันทึกเสียงวิดีโอให้ได้คุณภาพดีจึงเป็นเรื่องที่ควรศึกษาอย่างจริงจัง

20200419100220_IMG_0177

กล้อง eos m เป็นกล้องตัวเล็ก ออกมาหลายปีแล้ว แต่ที่ผ่านมาใช้ทำงานภาพนิ่งมาโดยตลอด การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องตัวนี้จะไม่ค่อยดีมาก เพราะการโฟกัสติดตามวัตถุจะไม่ค่อยดี หลายครั้งถ่ายไปแล้วภาพจะค่อยๆเบลอ แล้วกล้องปรับโฟกัสกลับมาค่อนข้างช้า บางทีก็กลับมาชัดไม่ได้ ส่วนคุณภาพเสียงก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร การมีอุปกรณ์เสริมอย่างไมโครโฟนก็จะทำให้กล้องดูน่าสนใจขึ้น ก็เลยเป็นที่มาของการทดลองถ่ายคลิปด้วยไมโครโฟนพิเศษ

ตัวอย่างคลิปที่ถ่ายด้วย eos m และใช้ไมโครโฟนภายนอก

ไมโครโฟนที่ทดลองใช้ในคลิปนี้ก็จะเป็น shotgun mic ยี่ห้อ Takstar 598 เป็นของถูกที่ฝรั่งหลายคนรีวิวเอาไว้ ก็เลยลองสั่งมาใช้ดู ส่วนไมโครโฟนอีกตัวที่ใช้ก็คือ Zoom H1 ซึ่งเป็นตัวที่ผมมีใช้งานมายาวนานมาก และก็ได้ทดลองเอามาใช้งานร่วมกับกล้องวิดีโอเป็นบางครั้ง H1 เป็นไมค์ที่คุณภาพดีมาก เก็บเสียงได้ละเอียด บันทึกเป็นสเตอริโอ

คลิปทดลองนี้เป็นเพียงแค่การทดลองจริงๆ ไม่ได้ประณีตควบคุมตัวแปรต่างๆ ไม่ได้อัดในห้องสตูดิโอ แค่เป็นการทดลองในบ้าน เพราะผมอยากทดสอบแค่การใช้งานร่วมกันกับกล้อง eos m เท่านั้น

สิ่งที่อยากได้จากระบบ conference

IMG_20200408_112504

จากปัญหาการระบาดของไวรัส ทำให้โรงเรียนต้องเตรียมการสอนแบบทางไกล ในอดีตเรามีโรงเรียนทางไกล เรียนกับโทรทัศน์ ในที่สุด ปี พ.ศ. 2563 เราก็ได้ใช้ในการเรียนการสอนทุกระดับ ไม่เว้นแม้แต่ระดับประถม และบางแห่งอาจจะต้องสอนตั้งแต่อนุบาล

แต่การเรียนการสอนในยุคนี้จะทำผ่านอินเทอเน็ต ระบบ meeting online ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหลัก ลูกผมก็เป็นเด็กประถมที่ต้องเตรียมการกับเทคโนโลยีพวกนี้ พ่อแม่ก็เตรียมอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ หูฟัง ลำโพง ไมโครโฟน กันเต็มที่ และเมื่อได้ทดลองเรียนไป 1 ครั้ง ลูกก็มีประสบการณ์การใช้งาน และได้ออกความเห็นไว้น่าฟัง ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราผู้ใหญ่ไม่มีวันเข้าใจเลย แต่เมื่อได้ฟังแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ว่า เด็กน้อยเขาคิดกันแบบนี้ และเราเห็นด้วยอย่างยิ่ง

ทุกเสียงที่พูดหน้าคอมพิวเตอร์จะถูกส่งไปยังคุณครู นี่คือสิ่งที่เด็กทุกคนรู้ และรู้สึกว่ามันเป็นการรบกวนจิตใจเล็กๆ เด็กยังไม่รู้ว่ามีระบบปิดเสียงไมโครโฟนได้ สิ่งนี้สอนไม่ยาก ในที่สุดจะปิดเสียงเป็น แต่มันยังไม่ใช่จุดที่เด็กรู้สึกสบายใจ

สิ่งที่เด็กต้องการ ลูกผมให้ข้อมูลว่า เขาอยากได้วิธีการคุยกับเพื่อนที่ครูไม่ได้ยิน เขาอยากถามเพื่อนเบาๆ กระซิบเบาๆ เหมือนอยู่ในห้องเรียน แล้วครูไม่ได้ยิน ผมฟังแล้วอึ้งไปเลย และรู้สึกเลยว่านี่คือความเป็นห้องเรียนที่เด็กอยากให้มีอยู่ ผมอยากจะส่งความเห็นนี้ไปให้ผู้พัฒนาซอร์ฟแวร์จริงๆเลย ว่าน่าจะมีช่องทางพิเศษสำหรับส่งเสียงคุยระหว่างให้นักเรียนบางคนได้โดยที่เจ้าของวิชาหรือครูไม่รู้ ไม่ได้ยิน หรือ คนอื่นไม่ได้ยิน ให้ได้ยินกันสองคนเท่านั้น

จริงๆแล้วซอร์ฟแวร์การประชุมก็มีระบบ chat ให้คุยกันเป็นรายบุคคลได้ หรือแม้แต่เปิดโปรแกรม line เพื่อคุยส่วนตัวกับใครก็ได้ แต่เด็กไม่รู้จักลูกเล่นเหล่านี้ ไม่รู้จักวิธีใช้ line เพราะเขายังเด็กเกินไป เด็กเกินกว่าจะทำงานบนโปรแกรมหลายๆชนิดพร้อมกัน นักเรียนที่โตหน่อย หรือ เด็กมหาวิทยาลัย หรือคนทำงานคงสามารถสื่อสารหลายโปรแกรมหลายช่องทางได้ เพราะประสบการณ์การใช้เครื่องมือสูงกว่า แต่เด็กประถม1หมาดๆ ไม่รู้เรื่องพวกนี้

ผมรู้สึกดีใจที่ลูกสามารถสื่อสารสิ่งที่ต้องการได้อย่างตรงประเด็น กำลังอมยิ้มกับรายละเอียดที่เด็กสัมผัสกับเทคโนโลยี ขอให้ผู้ผลิตซอร์ฟแวร์ได้อ่านข้อความนี้ และช่วยทำสิ่งที่เด็กต้องการแล้วใส่มาในโปรแกรมด้วยนะครับ

ให้ลูกลองเล่น Brain Box

IMG_20200413_133119

เจ้าของเล่นชิ้นนี้อยู่ในบ้านผมมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ลูกยังเล็กก็ได้รับบริจาคมาจากป้า เป็นของเล่นที่ยังไม่ได้แกะเลย ท่าทางจะเป็นของที่เล่นไม่ทันและลูกของป้าก็โตพ้นวัยไปเยอะแล้ว ของชิ้นนี้เลยตกเป็นมรดกมาให้ลูกผมเอง ขอบฟ้าเป็นเด็กโชคดีมากที่มีญาติเป็นนักช็อปปิ้ง

IMG_20200413_133125

Brain Box คือชื่อของเล่นชิ้นนี้ มันเป็นชุดของเล่นที่เป็นวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย มีสวิตซ์ มีตัวนำ มีหลอดไฟ มอเตอร์ ลำโพง วงจรสำเร็จรูปทำหน้าที่ได้หลายอย่าง มีเซ็นเซอร์แสง มีตัวต้านทาน มีคาปาซิเตอร์ มีสวิตซ์แปลกๆ คู่มือที่มากับกล่องบอกว่าสามารถต่อได้ 500 วงจร ในคู่มือจะมีวิธีเล่น มีวงจรไล่ไปทีละวงจร แต่ละวงจรมีรายละเอียดปลีกย่อย มีคำอธิบาย และมีสอนให้เปลี่ยนบางอย่างในแต่ละวงจรเพื่อดูผลการเปลี่ยนแปลง

IMG_20200415_101155

ผมลองเล่นกับลูกไป 2 ชั่วโมง ก็พบว่า มันดึงความสนใจของเด็กได้ต่อเนื่องมาก มันให้ความรู้ความเข้าใจกับเด็กเจ็ดขวบได้จริง แต่ที่สะดุดใจเป็นการส่วนตัวก็คือ ของเล่นชุดนี้มันเหมือนเป็นแล็บทดลองวิชาไฟฟ้าสมัยที่ผมเรียนปริญญาตรีเลย หลักการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆเป็นอย่างไรเราจะได้ทดลองสร้างวงจรจริงเพื่อดูผลการทำงานแต่ละอุปกรณ์ มันสร้างความเข้าใจให้กับเด็กวิศวะไฟฟ้าได้ง่ายดายมาก

ยกตัวอย่างสวิตซ์ก็ได้ ปกติสวิตซ์จะทำงานปล่อยไฟฟ้า หรือ ตัดวงจรไฟฟ้า เมื่อเรากดสวิตซ์ให้ทำงาน ไฟจะไหลไปยังโหลดหรืออุปกรณ์ได้เหมือนต่อสายไฟตรง เมื่อสวิตซ์ตัดการทำงาน ก็จะเหมือนตัดสายไฟ หลักการมีแค่นี้ เด็กเรียนวิชาไฟฟ้าก็เรียนแบบนี้ วิศวกรก็เรียนแบบนี้ แต่สวิตซ์ 3 ชนิด คือ 1 สวิตซ์กดติดปล่อยดับ กับ 2 สวิตซ์แม่เหล็กหรือ dry reed (ศัพท์นี้ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย)ชนิดโดนแม่เหล็กแล้วต่อวงจร เอาแม่เหล็กออกก็จะดับ กับ 3 สวิตซ์แบบซีเล็คเตอร์เลื่อนไปเปิด แล้วต้องเลื่อนกลับเพื่อปิด แค่ 3 อย่างนี้ก็ทำให้ทึ่งแล้ว เพราะในทางวิศวกรรม สวิตซ์ทั้ง 3 ชนิด เมื่อทำงาน มันก็จะส่งไฟฟ้าผ่านไปยังอุปกรณ์ได้เหมือนกัน ในการออกแบบวงจรมันเหมือนกัน ในการวิเคราะห์วงจรบนกระดาษมันเหมือนกัน แต่ในทางปฏิบัติมันให้ผลไม่เหมือนกัน สิ่งนี้ถ้าไม่อยู่หน้างานจริงไม่มีทางได้รู้ เด็กวิศวกรที่อยู่กับแบบเรียนแต่ไม่ลงมือทำชิ้นงานจริงจะไม่มีทางรู้เลยว่าสวิตซ์ทั้ง 3 แบบมันให้ผลลัพธ์ไม่เท่ากัน

ถ้าเราวิเคราะห์ให้ลึกสักหน่อย เราจะพบว่า สวิตซ์ทั้ง 3 ชนิดนี้น่าจะมีความต้านทานที่หน้าสัมผัสไม่เท่ากัน มันทำให้ไฟฟ้าไหลผ่านไปไม่เท่ากัน มีผลทำให้ อุปกรณ์ที่ต่อใช้งานทำงานไม่เท่ากัน ถ้าเราต่อวงจรด้วยหลอดไฟแสงสว่าง เราจะเห็นหลอดไฟสว่างทั้งหมด แต่ตาเราจะแยกแยะความสว่างที่ต่างกันเล็กน้อยไม่ได้ ดูด้วยตาเราจะบอกว่าหลอดไฟสว่างเท่ากันนั่นเอง แต่หากเราเปลี่ยนจากหลอดไฟเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่หมุนใบพัดให้ลอยตัวขึ้น เราจะเห็นว่ามอเตอร์หมุนเร็วมากเหมือนกัน เพราะสายตาเราแยกไม่ออก แต่ใบพัดที่หมุนแรงจนเกิดแรงยกทำให้ลอยตัวขึ้นไป มันมีความแตกต่างกันว่าสวิตซ์แต่ละชนิดส่งใบพัดให้ลอยสูงไม่เท่ากัน การทดลองบอกเราว่า สวิตซ์เลื่อนเปิดและต้องเลื่อนกลับเพื่อปิดส่งใบพัดได้สูงที่สุด สวิตซ์กดติดปล่อยดับส่งใบพัดให้ลอยขึ้นไม่แน่นอน และสวิตซ์แม่เหล็ก ทำงานด้วยการแหย่แม่เหล็กเข้าไปใกล้ๆสวิตซ์เพื่อให้ต่อวงจรและเมื่อชักแม่เหล็กออกสวิตซ์จะตัดไฟ เจ้าระบบแม่เหล็กนี้ส่งใบพัดให้ลอยออกไปได้ต่ำที่สุด นี่คือผลความแตกต่างที่เกิดจากความต้านทานในหน้าสัมผัสสวิตซ์มีค่าไม่เท่ากัน แค่เด็กทดลองเล่นเราไม่ต้องลงลึกก็ได้ ของเล่นแนวนี้เหมาะที่จะให้เด็กเล่นเป็นพื้นฐาน เพื่อทำความรู้จักกับวงจรไฟฟ้า

โลกเราไม่ได้ต้องการแค่คนปลูกข้าวกับโปรแกรมเมอร์ เรายังต้องการวิศวกรเพื่อออกแบบระบบที่ทำงานได้ตรงวัตถุประสงค์ เรายังต้องการคนเข้าใจฮาร์ดแวร์ เรายังต้องการคนออกแบบที่รู้ถึงข้อจำกัดต่างๆของอุปกรณ์ สิ่งเหล่านี้สอนกันยาก การมีเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาความรู้นี้ทำให้เราประหยัดเวลาได้มาก เพราะในรุ่นผม กว่าจะได้เรียนรู้ กว่าจะได้เข้าใจเหตุผลทางไฟฟ้าเหล่านี้ก็ต้องรอจนอายุยี่สิบกว่า ขณะที่เด็กเจ็ดขวบได้เรียนรู้และได้เริ่มสัมผัสกับมันแล้ว การจะต่อยอดไปให้เข้าใจมากขึ้นก็ทำได้รวดเร็ว โลกเราก้าวหน้าไปมาก เครื่องมือการเรียนรู้ก็พัฒนาไปมาก ผู้ใหญ่อย่างรุ่นผมก็คงต้องติดตามความเปลี่ยนแปลงไปตลอด เพื่อให้เราสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกได้อย่างรู้เท่าทัน

ถ่ายคลิปวิดีโอด้วยกล้อง Eos m รุ่น 1

อุปกรณ์ที่ใช้คือกล้อง Eos M รุ่น 1 ที่ออกมาเมื่อประมาณปี คศ 2014 และใช้เลนส์ efm 22f2 ซึ่งเป็นเลนส์ฟิกซ์ตัวแรกของระบบกล้อง M Series ของค่าย Canon พร้อมด้วยไมโครโฟนชนิด Shotgun ยี่ห้อ Takstar SCG598

IMG_0010

ไมโครโฟนตัวนี้จะเป็นไมค์ชนิด shotgun ซึ่งจะเป็นไมค์ที่รับเสียงด้านหน้าได้ไวมากกว่าปกติ และไม่รับเสียงด้านข้างและด้านหลัง ตัวไมค์จะมีช่องใส่ถ่าน AA 1 ก้อน และมีปุ่มเปิดปิดไมค์ มีปุ่มเพิ่มระดับเสียง +10dB ได้ด้วย ซึ่งในการถ่ายทดสอบนี้จะยกระดับเสียงเอาไว้ เพื่อให้เสียงที่บันทึกลงไปในคลิปมีความดังมากขึ้นกว่าปกติ

IMG_0344

การถ่ายคลิปในครั้งนี้ทดลองถ่ายโดยการตั้งค่ากล้องให้เป็น MF เนื่องจากเคยลองถ่ายแบบ AF แล้วมีปัญหาว่า กล้องจะปรับโฟกัสตลอดเวลา และทำให้หลายจังหวะมีอาการภาพเบลอ ซึ่งเป็นปัญหาประจำรุ่นของกล้องรุ่นนี้ สาเหตุเกิดจากระบบโฟกัสอัตโนมัติยังทำงานได้ไม่รวดเร็วพอ เป็นเทคโนโลยีที่ค่าย canon ยังพัฒนาไปไม่สุดนั่นเอง หากสนใจอ่านรีวิวกล้องตัวนี้ย้อนกลับไปอ่านได้ที่นี่

ระยะทางที่ถ่ายคลิป ตัวกล้องห่างแบบประมาณ1 เมตรเท่านั้น เพื่อให้ไมค์ไม่ห่างจากแบบเกินไป ตั้งค่าส่วนอื่นๆของกล้องให้มีค่า iso = 100 และปรับรูรับแสงเป็น F2 ปรับสปีดชัตเตอร์ให้ได้ค่าการวัดแสงที่โอเวอร์ประมาณ 1/2 สต๊อป ผลก็คือกล้องไม่โฟกัสวืดวาดอีกแล้ว เลยได้คลิปตามที่เห็น

ข้อมูลที่ให้ลูกอ่านก็คือ รายชื่อนักฟุตบอลที่เลือกมาอยู่ในทีม เป็นการเล่นจัดทีมออกมาแข่งกัน ต่างคนต่างเลือกผู้เล่นที่ชอบ แล้วก็จดใส่กระดาษไว้ ตอนถ่ายคลิปก็ขอให้ลูกช่วยอ่านแต่ละตำแหน่งออกมา สคริปต์การอ่านไม่ได้จดไว้ มีแต่รายชื่อที่เขียนลงในกระดาษ และแผนผังการจัดตำแหน่งเท่านั้น

2020-04-13_10-30-14

ทำภาพโปสการ์ด

ปกติเวลาช่างภาพได้ภาพสวยๆมาแล้ว ในยุคก่อนจะมีเฟสบุ๊ค เราก็จะนิยมอัดภาพมาแจกเพื่อน และทำเป็นโปสการ์ดทำมือ แม้ว่าปัจจุบันเฟสบุ๊ค อินสตาแกรมจะยึดครองเวทีการอวดภาพไปแล้ว แต่งานโปสการ์ดกระดาษจากภาพสวยๆของเราเองก็มีเสน่ห์อยู่ เพราะมันจับต้องได้ และให้เพื่อนได้ และที่สำคัญ ขายได้ แม้จะไม่ได้ขายได้เยอะแบบธุรกิจขายสต๊อคในปัจจุบัน

_MG_1371-fullDpp3

ภาพสีเป็นภาพที่ถ่ายจากอ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่งที่ผมจำไม่ได้แล้วว่าชื่อว่าอะไร เป็นภาพเก่าเก็บที่ถ่ายไว้นานเกิน 10 ปี บรรยากาศเมื่อแรกเห็นภาพนี้ผมอึ้งกับความบังเอิญของธรรมชาติ ต้นไม้ยืนต้นตาย อยู่ท่ามกลางป่าและน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ราวกับว่ามีคนเอาต้นไม้ตายมาปักไว้ ถ่ายไว้แล้วก็เก็บลืมไปเลย

วันว่างของช่วงสงกรานต์ปีนี้ ปี พ.ศ 2563 เป็นปีที่ประเทศไทยและทั่วโลกต้องเก็บตัวเพราะการระบาดของเชื้อไวรัส โรคโควิด19 ทำให้การท่องเที่ยวปิดตัว ล้มระเนระนาด สายการบินหยุดบินทั่วโลก เราต้องอยู่แบบนี้ไปอีกหลายเดือน เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เลยอยู่กับบ้านไม่ได้ทำอะไร ก็เลยขุดภาพเก่าที่ดูน่าสนใจขึ้นมาทำเป็นภาพโปสการ์ด ไม่ได้คิดจะขายหรอกแต่หากมีคนอยากซื้อก็พร้อมขาย

2020-04-11_11-03-54

เอาภาพสีมาทำเป็ฯขาวดำด้วย app ในโทรศัพท์ ปรับสีดำเข้มๆ ยกรายละเอียดสีอ่อนให้มากขึ้นเพื่อให้เป็นจัดสนใจกลางภาพ ปรับความเอียงเล็กน้อยให้ภาพได้ระดับน้ำ และลบจุดขาวเล็กๆในพื้นน้ำออกไป การปรับภาพเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างภาพ การทำภาพให้เป็นโปสการ์ดที่สมบูรณ์เราไม่ได้วัดกันที่ใครถ่ายภาพเก่งกว่ากัน แต่เราต้องการงานศิลปะแบบไหนเราก็ปรับปรุงดัดแปรงตามใจเรา

2020-04-11_11-03-01

จากนั้นก็เอาภาพมาใส่กรอบขาว วางตัวหนังสือประกอบ ภาพที่สวยสมบูรณ์ในตัวมักจะสามารถตั้งชื่อได้ การหัดตั้งชื่อภาพเป็นสิ่งหนึ่งที่นักถ่ายภาพควรหัดทำ เพราะจะทำให้เราบอกตัวเราเองได้ว่าเราถ่ายภาพนี้เพราะอะไร ภาพที่มีความหมายจะเป็นภาพที่เราสามารถตั้งชื่อให้มันได้นั่นเอง

ในส่วนของการทำโปสการ์ด การผลิตโปสการ์ดในระดับการทำมือ หรือทำจำนวน้อย เราอาจใช้วิธีตัดแปะ พิมพ์ภาพเป็นใบๆจากเครื่องปริ๊นท์ตามบ้าน แล้วมาแปะกับกระดาษแข็ง หาซองสวยๆมาใส่ ก็ทำให้เป็นงานทำมือสวยงาม แต่หากจะผลิตเพื่อการขายจำนวนมาก การพิมพ์ด้วยโรงพิมพ์จะเป็นทางเลือกที่ประหยัดแรง และการผลิตจำนวนมากจะลดราคาต่อหน่วยลงได้มาก ส่วนมากโปสการ์ดจะเลือกใช้กระดาษหนาเป็นหลัก น้ำหนักกระดาษมักจะอยู่ที่ระดับ 260g ไม่หนาเกินไป ไม่บางเกินไป

หากสนใจโปสการ์ด เราให้ฟรี 6 ใบ คิดค่าส่ง 50 บาท ติดต่อ pockethifi@gmail.com

โควิด19 กับการเรียนของเด็ก

ในที่สุดประเทศไทยก็เป็นเหยื่อโควิด19 ที่ระบาดจนธุรกิจห้างร้านต้องปิดตัวชั่วคราว มีคนลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นสิบล้านคน คำสั่งปิดห้าง โรงเรียน สถานศึกษา ที่ชุมชน ที่สาธารณะ ร้านอาหาร ฟิตเนส ร้านกาแฟ ห้ามคนนั่งกินที่ร้านทำให้ธุรกิจชะงักทั้งประเทศ ความอันตรายของไวรัสทำให้ไม่มีใครอยากออกไปอยู่ใกล้ชิดคนอื่น รัฐบาลขอร้องให้ทุกคนอย่ารวมตัวกัน อย่าอยู่ใกล้กัน ให้ทำ social distancing หรือห่างกันประมาณ 2 เมตรเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และคำสั่งปิดเริ่มต้นในเดือนมีนาคม พ.ศ.2563 ซึ่งผ่านมาเดือนเศษ เรายังไม่พบแสงสว่างว่าอะไรจะดีขึ้น แต่ความเสียหายก่อตัวสะสมมากมาย

IMG_20200408_112524

โรงเรียนโดนสั่งปิด ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมของเด็กนักเรียน และไม่เห็นวี่แววว่าจะเปิดเทอมได้ตามปกติ วันนี้รัฐบาลมีประกาศเลื่อนวันเปิดเทอมออกไป จากที่เคยเปิดกลางเดือน พ.ค. มาตลอดหลายสิบปี ก็เลื่อนไปเปิดวันที่ 1 กค. 2563 มันมีความหมายว่าเราอาจจะไม่ได้เปิดเทอมกันจริงๆถ้าสถานการณ์การระบาดของไวรัสยังไม่หายไป

การทำงานของผู้ใหญ่ปรับเปลี่ยนมาเป็น Work From Home หรือทำงานที่บ้าน คนหลายแสนคนที่ยังมีงานทำต้องทำงานจากที่บ้าน ทำงานผ่านอินเทอเน็ต และเด็กนักเรียนก็มีแนวโน้มว่าจะต้อง Learn From Home เช่นกัน มีโรงเรียนนานาชาติบางแห่งยังไม่ปิดเทอม ก็ปรับเปลี่ยนไปสอนผ่านอินเทอเน็ต เพราะรัฐบาลสั่งห้ามเข้าโรงเรียน ครูอนุบาลจนถึงครูมหาวิทยาลัยห้ามเข้าโรงเรียน การเรียนการสอนที่ค้างคาไว้ก็ต้องไปเรียนผ่านอินเทอเน็ตทั้งหมด แม้แต่โรงเรียนกวดวิชาที่โดนสั่งปิดชั่วคราวก็ต้องปรับตัว ลูกผมก็มีเรียนภาษาอังกฤษค้างอยู่ โรงเรียนสอนก็เลยให้ทดลองเรียนผ่านอินเทอเน็ตดู

ทุกคนใหม่กับการเรียนผ่านคอมพิวเตอร์ ครูผู้สอนก็พูดจาเสียงดังทำให้เสียงที่นักเรียนได้ยินก็แตกพล่า บางคำฟังไม่รู้เรื่อง เด็กเล็กหลายคนก็ไม่คุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์ ใช้เม้าส์และคีย์บอร์ดยังไม่เป็นเลย แต่ทุกคนก็ต้องเริ่มต้นกับการเรียนออนไลน์ ข้อดีของการเรียนออนไลน์ก็คือ พ่อแม่ได้เห็น ได้รู้ว่าครูสอนอะไร สอนอย่างไร เพราะสามารถนั่งดูเด็กเรียนได้ตลอดเวลา ส่วนข้อเสียของการเรียนออนไลน์ก็คือ พ่อแม่ต้องมานั่งดูด้วยเพื่อคอยแก้ไขปัญหาการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่เด็กบางคนยังไม่เข้าใจ ยังไม่สามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ และหากพ่อแม่ต้องทำงานหลัก จะเอาเวลาไหนมาเฝ้าเด็กตลอดเวลาที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ปัญหานี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เราคงต้องเรียนรู้และรับมือกันไปวันต่อวันก่อน

2020-04-12_12-31-21

อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญมากคือ ระดับความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ เพราะเดิมทีโต๊ะเก้าอี้ที่ใช้ในห้องทำงานก็เป็นของสำหรับผู้ใหญ่ ให้เด็กมาใช้ก็จะไม่พอดี เก้าอี้ตัวใหญ่ เด็กนั่งแล้วขาลอย ทำให้ขึ้นนั่งลำบาก ส่วนโต๊ะก็สูงเกินไป ความสูงของเบาะเก้าอี้ก็ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่ พอเด็กมานั่งก็ไม่พอดี จะหาหนังสือมากองรวมกันแล้วเอาไปใช้รองนั่งเพื่อให้สูงขึ้นก็ดูเป็นอันตรายกับคนนั่ง