ภาพจากการใช้กล้อง Harman Reusable Camera ใส่ฟิล์ม fuji c200 ซึ่งเป็นฟิล์มเน็กกาทีฟสี และทำการล้างอัดพร้อมสแกนภาพเสร็จสรรพ ได้เป็นภาพสีดูได้ในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ภาพสีที่ได้ก็ไม่ค่อยสวยนัก เพราะกล้องที่ใช้เป็นกล้องคุณภาพต่ำ จุดประสงค์ของกล้องเป็นกล้องที่ใช้เพื่อทดแทนกล้องใช้แล้วทิ้ง เป็นกล้องพลาสติก เลนส์พลาสติก ผลิตขึ้นมาเพื่อการบันทึกภาพเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือเหตุการณ์เร่งด่วน
แม้ว่าสีสันจะไม่ดี ความคมชัดก็แค่ระดับพอใช้ได้ แต่หากเรานำภาพมาปรับแต่งเป็นโทนขาวดำ แล้วเราปรับภาพอย่างเข้าใจ คือปรับด้วยประสบการณ์ว่า ภาพขาวดำที่ดีควรจะเป็นอย่างไร เราก็จะได้ภาพขาวดำดีๆออกมาได้เช่นกัน
การทำภาพเป็นขาวดำด้วยระบบคอมพิวเตอร์จะมีวิธีการปรับที่ยืดหยุ่น เราสามารถได้ภาพแทบจะดังใจนึก โทนสีขาวสุด ดำสุด เราสามารถกำหนดได้ตามใจเรา ซึ่งการปรับเพื่อดูในหน้าจอคอมพิวเตอร์นี้บางทีผมว่า มันให้ภาพที่ดีกว่าการอัดขยายบนกระดาษขาวดำแล้วค่อยมาสแกนกระดาษเสียอีก เพราะแม้แต่การสแกนจากกระดาษขาวดำ เราก็ยังต้องปรับภาพอยู่ดี อย่างน้อยก็ปรับเรื่องความสว่างและคอนทราสต์ของภาพ
ผมชอบภาพสีขาวดำที่ปรับจากภาพสี เพราะว่าข้อมูลสีที่เป็นสีธรรมชาติมันประกอบไปด้วยข้อมูลจำนวนมาก มากกว่าภาพโทนขาวดำจากฟิล์มขาวดำแท้ๆด้วยซ้ำ นั่นทำให้เราได้การไล่ระดับสีเข้มอ่อนได้ละเอียดกว่าการสแกนฟิล์มขาวดำเป็น grayscale โดยตรง เพราะข้อมูล Grayscale จะมีความละเอียดเพียง 8bit เทียบเป็นระดับความเข้มสุดไปอ่อนสุดเท่ากับ 256 ระดับ เท่านั้น
แต่ถ้าเราใช้ภาพสี jpg หรือ tif ที่เป็นสี RGB หรือภาพสแกนจากฟิล์มเน็กกาทีฟสี เราจะมีข้อมูลตั้งต้นเป็น RGB อย่างละ 8bit x 3 = 24bit คิดเป็นระดับความเข้มไล่ไปอ่อนได้ 16.7 ล้านระดับ เห็นไหมว่าแตกต่างกันมาก
ผมไม่ได้บอกว่าให้เลิกใช้ฟิล์มขาวดำ แต่แนะนำว่า การเล่นขาวดำจากฟิล์มเน็กกาทีฟสีแล้วดูแค่บนจอภาพไม่อัดลงกระดาษ เราสามารถได้คุณภาพงานขาวดำที่ดีได้เช่นกันจากหลักการที่อธิบายไป เรื่องศิลปะไม่มีผิดถูก ชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้น และอยากเสริมอีกนิดว่า ศิลปะ สะดวกแบบไหนก็ทำตามสะดวก เราก็จะได้งานเช่นกัน















