ผมอนุญาตให้ลูกชายวัย 7 ขวบได้เล่นรักบี้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน โดยจะมีการแข่งขันกับภายนอกอยู่บ้าง ต้นเดือนสิงหาคมมีแข่ง 1 ครั้ง ได้เล่น 3 แมทช์ ในเดือนกันยายน ก็จะมีอีก 1 ครั้ง ได้เล่นกี่แมทช์ก็ยังไม่รู้ มีการเตรียมตัวฝึกซ้อมล่วงหน้าด้วยประมาณ 3 สัปดาห์ก่อนลงแข่ง
ก่อนจะอนุญาตก็ปรึกษากันกับแม่ และตัดสินใจให้ลูกทดลองเล่นดู กลัวลูกจะเจ็บตัวหรือบาดเจ็บจนกลัวกีฬา แต่ก็คิดว่าน่าจะได้ประสบการณ์หลายอย่างที่หาไม่ได้จากสถานการณ์อื่นๆ และหาไม่ได้เลยจากโรงเรียนอื่นๆที่ไม่ได้สอนรักบี้ ในช่วงวัยเท่านี้โอกาสจะได้เล่นกีฬารักบี้ก็เป็นเรื่องยากมากถ้าโรงเรียนไม่ส่งเสริม มีโรงเรียนเป็นพันแห่งในกรุงเทพแต่มีไม่กี่โรงเรียนหรอกที่มีรักบี้ให้เล่น และมีการส่งเสริมไปถึงระดับการแข่งขันอีกด้วย
เล่นแล้วได้อะไร คำถามนี้มีอยู่ในหัวผมตลอด และจากที่ค้นหาและถามจากเพื่อนๆที่เคยเล่น ก็ได้คำตอบแนวทางเดียวกันคือ มันเป็นกีฬาสุภาพบุรุษ คือ เล่นด้วยวิธีแบบใดก็จะได้กลับมาแบบนั้น ถ้าเราเล่นสกปรก เราก็จะโดนทำสกปรกกลับคืน การฉุดกระชากลากดึง หรือการเข้าประทะ ทุกอย่างถ้าเรามีทำอะไรเกินกติกาไปเป็นของแถม ทั้งจะทำเอามัน หรือ ซาดิสด้วยสัญชาตญาณ เราก็จะได้คืนในสิ่งเหล่านั้น มันฝึกจิตใจได้หรือเปล่าผมก็ยังไม่รู้
สิ่งที่คาดหวังของผมเองก็คือ ลูกได้ฝึกการเล่นเป็นทีม กีฬาที่เล่นเป็นทีมจะทำให้เราต้องมีเพื่อน ต้องมีน้ำใจ ต้องดูแลเพื่อน และเพื่อนก็จะดูแลเรา การมีทีมเป็นเรื่องควรฝึกฝน ทั้งทีมจากการทำงานและทีมจากการเล่นกีฬา
คาดหวังว่าลูกได้วิ่งในสนามจริง ได้เห็นสนามบอลของจริง ได้เห็นอัฒจรรย์ของจริง ในอดีตสมัยประถม ผมไม่รู้เลยว่าสนามกีฬาขนาดใหญ่เป็นยังไง เพราะโรงเรียนที่ผมผ่านมาไม่ได้เน้นเรื่องกีฬา กว่าจะได้สัมผัสสนามบอลมาตรฐาน ได้ไปเดินดู เดินเล่นในสนามกีฬาแห่งชาติผมต้องรอมัธยม และต้องเป็นโรงเรียนมัธยมที่ส่งเสริมกีฬา และทำผลงานกีฬาได้ดีด้วย ถึงจะไปถึงสนามกีฬาระดับชาติได้ แต่ผมไม่ได้เป็นนักกีฬานะ ผมเป็นแค่กองเชียร์
คาดหวังว่าลูกได้วิ่งจริง เหนื่อยจริง แพ้จริง ชนะจริง เสียใจ และ ดีใจจริงๆ นี่คือประสบการณ์ที่ต้องสัมผัสเอง ฟังเรื่องเล่าไม่ได้ อ่านหนังสือไม่ได้ มโนไม่ได้ ฝันก็ยังไม่ได้ ต้องเป็นประสบการณ์ที่ลองด้วยตัวเองเท่านั้น และคิดว่า ก่อนจะไปเป็นนักฟุตบอลเต็มตัว เล่นรักบี้ของโรงเรียนนี่แหละที่จะสร้างสิ่งเหล่านี้ให้ได้
คาดหวังสุดท้ายคือ ลูกได้ฝึกฝนเรื่องการประทะ การชน การแท็คเกิ้ล ศัพท์อะไรก็ตามที่หมายถึงความแข็งแกร่ง เบียดไม่ล้ม ชนไม่ล้ม คุณสมบัติแบบนี้เป็นสิ่งที่ต้องการในฟุตบอลยุคใหม่ ยุคที่ฟุตบอลเคลื่อนที่เร็ว และ ผู้เล่นประทะกันตลอดเวลาในเกมรุก วันที่เขาขึ้นไปเล่นฟุตบอลเต็มรูปแบบ ทักษะการประทะที่ได้จากรักบี้นี่แหละที่จะช่วยให้รับมือได้ เพราะแม้แต่กองหน้าระดับอาชีพ ที่ตัวผอมบาง ยังต้องเล่นเวท เพาะกล้ามเนื้อ เพื่อให้มีความแข็งแกร่งเบียดกับคู่แข่งได้ไม่ล้ม
ฟุตบอลคือความฝันของลูก พ่อแม่อย่างผมก็ต้องพยายามกรุยทางให้ อะไรที่มีโอกาสและฝึกฝนไว้แต่เด็กทำได้ก็จะทำ วิเคราะห์แล้วรักบี้ให้หลายอย่างได้ ในช่วงวัยประถมนี้คงได้คุยเรื่องรักบี้กันอีกหลายครั้ง


