เล่นรักบี้ได้อะไร

IMG_0202

ผมอนุญาตให้ลูกชายวัย 7 ขวบได้เล่นรักบี้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน โดยจะมีการแข่งขันกับภายนอกอยู่บ้าง ต้นเดือนสิงหาคมมีแข่ง 1 ครั้ง ได้เล่น 3 แมทช์ ในเดือนกันยายน ก็จะมีอีก 1 ครั้ง ได้เล่นกี่แมทช์ก็ยังไม่รู้ มีการเตรียมตัวฝึกซ้อมล่วงหน้าด้วยประมาณ 3 สัปดาห์ก่อนลงแข่ง

ก่อนจะอนุญาตก็ปรึกษากันกับแม่ และตัดสินใจให้ลูกทดลองเล่นดู กลัวลูกจะเจ็บตัวหรือบาดเจ็บจนกลัวกีฬา แต่ก็คิดว่าน่าจะได้ประสบการณ์หลายอย่างที่หาไม่ได้จากสถานการณ์อื่นๆ และหาไม่ได้เลยจากโรงเรียนอื่นๆที่ไม่ได้สอนรักบี้ ในช่วงวัยเท่านี้โอกาสจะได้เล่นกีฬารักบี้ก็เป็นเรื่องยากมากถ้าโรงเรียนไม่ส่งเสริม มีโรงเรียนเป็นพันแห่งในกรุงเทพแต่มีไม่กี่โรงเรียนหรอกที่มีรักบี้ให้เล่น และมีการส่งเสริมไปถึงระดับการแข่งขันอีกด้วย

IMG_0167

เล่นแล้วได้อะไร คำถามนี้มีอยู่ในหัวผมตลอด และจากที่ค้นหาและถามจากเพื่อนๆที่เคยเล่น ก็ได้คำตอบแนวทางเดียวกันคือ มันเป็นกีฬาสุภาพบุรุษ คือ เล่นด้วยวิธีแบบใดก็จะได้กลับมาแบบนั้น ถ้าเราเล่นสกปรก เราก็จะโดนทำสกปรกกลับคืน การฉุดกระชากลากดึง หรือการเข้าประทะ ทุกอย่างถ้าเรามีทำอะไรเกินกติกาไปเป็นของแถม ทั้งจะทำเอามัน หรือ ซาดิสด้วยสัญชาตญาณ เราก็จะได้คืนในสิ่งเหล่านั้น มันฝึกจิตใจได้หรือเปล่าผมก็ยังไม่รู้

สิ่งที่คาดหวังของผมเองก็คือ ลูกได้ฝึกการเล่นเป็นทีม กีฬาที่เล่นเป็นทีมจะทำให้เราต้องมีเพื่อน ต้องมีน้ำใจ ต้องดูแลเพื่อน และเพื่อนก็จะดูแลเรา การมีทีมเป็นเรื่องควรฝึกฝน ทั้งทีมจากการทำงานและทีมจากการเล่นกีฬา

คาดหวังว่าลูกได้วิ่งในสนามจริง ได้เห็นสนามบอลของจริง ได้เห็นอัฒจรรย์ของจริง ในอดีตสมัยประถม ผมไม่รู้เลยว่าสนามกีฬาขนาดใหญ่เป็นยังไง เพราะโรงเรียนที่ผมผ่านมาไม่ได้เน้นเรื่องกีฬา กว่าจะได้สัมผัสสนามบอลมาตรฐาน ได้ไปเดินดู เดินเล่นในสนามกีฬาแห่งชาติผมต้องรอมัธยม และต้องเป็นโรงเรียนมัธยมที่ส่งเสริมกีฬา และทำผลงานกีฬาได้ดีด้วย ถึงจะไปถึงสนามกีฬาระดับชาติได้ แต่ผมไม่ได้เป็นนักกีฬานะ ผมเป็นแค่กองเชียร์

คาดหวังว่าลูกได้วิ่งจริง เหนื่อยจริง แพ้จริง ชนะจริง เสียใจ และ ดีใจจริงๆ นี่คือประสบการณ์ที่ต้องสัมผัสเอง ฟังเรื่องเล่าไม่ได้ อ่านหนังสือไม่ได้ มโนไม่ได้ ฝันก็ยังไม่ได้ ต้องเป็นประสบการณ์ที่ลองด้วยตัวเองเท่านั้น และคิดว่า ก่อนจะไปเป็นนักฟุตบอลเต็มตัว เล่นรักบี้ของโรงเรียนนี่แหละที่จะสร้างสิ่งเหล่านี้ให้ได้

IMG_0362

คาดหวังสุดท้ายคือ ลูกได้ฝึกฝนเรื่องการประทะ การชน การแท็คเกิ้ล ศัพท์อะไรก็ตามที่หมายถึงความแข็งแกร่ง เบียดไม่ล้ม ชนไม่ล้ม คุณสมบัติแบบนี้เป็นสิ่งที่ต้องการในฟุตบอลยุคใหม่ ยุคที่ฟุตบอลเคลื่อนที่เร็ว และ ผู้เล่นประทะกันตลอดเวลาในเกมรุก วันที่เขาขึ้นไปเล่นฟุตบอลเต็มรูปแบบ ทักษะการประทะที่ได้จากรักบี้นี่แหละที่จะช่วยให้รับมือได้ เพราะแม้แต่กองหน้าระดับอาชีพ ที่ตัวผอมบาง ยังต้องเล่นเวท เพาะกล้ามเนื้อ เพื่อให้มีความแข็งแกร่งเบียดกับคู่แข่งได้ไม่ล้ม

ฟุตบอลคือความฝันของลูก พ่อแม่อย่างผมก็ต้องพยายามกรุยทางให้ อะไรที่มีโอกาสและฝึกฝนไว้แต่เด็กทำได้ก็จะทำ วิเคราะห์แล้วรักบี้ให้หลายอย่างได้ ในช่วงวัยประถมนี้คงได้คุยเรื่องรักบี้กันอีกหลายครั้ง

ฮักบี้บ้านบาก หนังน่าดู

ฮักบี้บ้านบาก

หนังเรื่องฮักบี้บ้านบาก เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงที่มีทีมรักบี้ของโรงเรียนต่างจังหวัดได้เข้าแข่งขันระดับประเทศ และได้มาถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยผ่านทีมตัวเต็งมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์ เพราะทีมบ้านบากเป็นทีมที่เพิ่งหัดเล่น มีรองเท้าไม่ครบทุกคนในทีมทำให้การแข่งขันจริงตอนเปลี่ยนตัวต้องเปลี่ยนรองเท้ากันเองด้วย ทีมนอกสายตาแต่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ไม่มีแม้แต่เงินค่าที่พัก มาแข่งกรุงเทพเสร็จต้องรีบกลับเพราะเงินที่รวบรวมกันมาทั้งหมู่บ้านหมดแล้ว ลองตามไปอ่านข่าวที่เคยดังทั่วประเทศ

มันคงมีแง่มุมอะไรที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆนักกีฬารุ่นใหม่ๆได้ ลูกผมก็เพิ่งหัดเล่นรักบี้ แม้จะอยู่ในโรงเรียนที่ไม่ขัดสน จะไปแข่งที่ไหนในประเทศไทยก็คงได้นอนโรงแรม เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กในทีมก็มีความพร้อม แต่ผมก็อยากให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งที่ช่วยให้บ้านบากเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ มันน่าจะมีความหมาย มีประโยชน์ต่อวิธีคิดของลูก

ผู้กำกับหนังเรื่องนี้คือ คุณ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เขาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เอาไว้

คนดูจะได้ความบันเทิง รอยยิ้ม และแรงบันดาลใจ กลับบ้านไปจะไม่มีคำว่า “ท้อแท้” ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องกีฬา มันปรับใช้ในชีวิตจริงได้หมดครับ ผมจึงอยากให้ทุกคนไปดูหนังเรื่องนี้กัน ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ”

สังเกตความเปลี่ยนแปลง 7 วัน

IMG_20190822_064608

ขอบฟ้ามีการบ้านโครงงานวิทยาศาสตร์ให้สังเกตุความเปลี่ยนแปลงของใบไม้หรือดอกไม้ 7 วัน ก็เลยจัดการเด็ดดอกไม้ และใบไม้มาอย่างละ 1 ชิ้น เพื่อคอยถ่ายภาพบันทึกไว้ทุกวัน โดยพ่อกับแม่ช่วยกันคิดแล้ว เลือกวิธีถ่ายภาพน่าจะง่ายสำหรับขอบฟ้ามากกว่า เพราะการจดบันทึกด้วยการวาดเป็นสิ่งที่น่าจะต้องใช้สมาธิและเวลามากเป็นพิเศษ ขอบฟ้ายังไม่สามารถใช้เวลานานๆกับการวาดภาพได้

การถ่ายภาพพ่อเลือกวิธีให้ใช้กล้อง DSLR ในการถ่ายภาพ ให้ถือเองถ่ายเอง โดยพ่อช่วยปรับกล้องให้เบื้องต้นเพื่อเตรียมกล้องให้พร้อมสำหรับการบันทึกภาพในสถานการณ์นั้นๆ

IMG_20190822_064402

IMG_0004
วันที่1
IMG_0011
วันที่2
IMG_0016
วันที่3
IMG_0025
วันที่4
IMG_0027
วันที่5
IMG_0033
วันที่6

ผมก็ขอให้ขอบฟ้ายืนถ่ายคู่กับงานครั้งนี้ด้วย เพื่อให้ภาพมีเนื้อหาครบถ้วนสำหรับการเล่าเรื่องในครั้งนี้ ภาพขอบฟ้า พยายามยิ้มก็เลยออกมาดูปากโย้ๆนิดหน่อย ยังไม่รู้จะสอนให้ยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติได้ยังไง

IMG_0031

หมายเหตุ

การให้ขอบฟ้าถ่ายภาพครั้งนี้พบกับปัญหาเรื่องช่องมองภาพของกล้องถูกปรับตั้งให้พอดีกับตาของผม และมันทำให้ขอบฟ้ามองเห็นภาพในช่องมองไม่ชัด แม้ว่าสิ่งที่อยู่หน้ากล้องจะอยู่ในโฟกัสแล้ว การปรับสายตาของกล้องเป็นลูกเล่นที่กล้องออกแบบมาให้คนสายตาไม่ปกติได้ใช้งานกล้องได้อย่างสะดวกได้คุณภาพ นั่นก็คือ สายตาผมไม่ปกติแล้วนั่นเอง อาการสายตายาวมาเยือนกับคนวัยสี่สิบกว่าๆ ผลก็คือ กล้องของพ่อ กับ กล้องของลูก อาจจะต้องเป็นคนละตัวกันจริงๆ นี่อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้กล้องถ่ายภาพเป็นของที่ไม่ควรยืมกัน ไม่ใช่เรื่องของแพงหรือ หวงของ แต่มันเป็นของที่ต้องมองด้วยสายตาคนใช้งาน มันก็เลยต้องปรับตั้งละเอียดสำหรับเจ้าของเท่านั้น และสายตาของคนอายุต่างกันมากๆก็ต้องการช่องมองภาพที่ตั้งไม่เหมือนกันเลย แก่แล้วจริงๆ

ภาพขาวดำบนกระดาษขาวดำ

IMG_0113

ภาพขาวดำบนกระดาษขาวดำแท้ๆนั้นเป็นภาพขาวดำที่สมบูรณ์ที่สุด หากเราวัดแสงถูกต้อง ล้างฟิล์มด้วยมาตรฐานที่ดี เราก็จะได้ฟิล์มขาวดำคุณภาพดี และเมื่อนำฟิล์มมาอัดลงกระดาษอัดภาพขาวดำด้วยวิธีการฉายแสงอย่างพอเหมาะ รวมถึงการล้างกระดาษอัดภาพด้วยน้ำยาสร้างภาพที่มีคุณภาพ เราก็จะได้ภาพขาวดำบนกระดาษขาวดำที่ดีมาก

ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง กว่าจะได้ภาพขาวดำดีๆสักภาพทำไมต้องมีขั้นตอนการทำงานที่เยอะเพียงนี้ แค่การถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิทัลแล้วแปลภาพเป็นโทนขาวดำ แล้วเอาไปพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ภาพสักเครื่องก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ คำตอบก็คือมันได้ภาพตามที่ต้องการ แต่ภาพมันไม่เหมือนกัน สีขาวดำบนกระดาษขาวดำมันคมชัดและให้ความดำที่มากกว่า จะบอกว่าคอนทราสของภาพบนกระดาษขาวดำสูงกว่าก็ใช่ เพราะส่วนสีดำบนกระดาษขาวดำมีความดำมากกว่าบนกระดาษอัดภาพสี หรือบนระบบการพิมพ์ภาพสี แม้ว่าภาพสีจะทำให้เป็นสีโทนขาวดำ แต่ความดำที่ได้ ยังคงดำไม่มากเท่าระบบกระดาษอัดภาพโบราณ

หากเราจะดูในส่วนของสีขาว ภาพจากเครื่องพิมพ์จะให้ส่วนสีขาวเป็นภาพที่ขาดรายละเอียด จุดที่ขาวมากๆในภาพดิจิทัล เมื่อพิมพ์ลงกระดาษ ส่วนสีขาวก็จะเป็นพื้นที่สว่าง แต่ถ้าเป็นภาพที่อัดลงบนกระดาษขาวดำแท้ๆ ส่วนสีขาวจะยังคงมีรายละเอียดอยู่

2019-08-19_11-29-08

ภาพลูกของผมเมื่อวันแรกที่คลอดออกมา ผมพกกล้องคอมแพ็คฟิล์มยี่ห้อ leica minilux พร้อมฟิล์มขาวดำเข้าไปในโรงพยาบาลด้วย ตั้งใจจะถ่ายภาพในวันนี้เอาไว้เป็นฟิล์ม และก็ล้างอัดด้วยระบบขาวดำแท้ๆ ซึ่งฟิล์มก็ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ แต่กว่าจะมีเวลามาอัดภาพก็ล่วงเลยไปหลายปี ผมล้างฟิล์มและสแกนเป็นดิจิทัลเก็บเอาไว้ดูตั้งแต่สองเดือนแรกที่ถ่ายภาพ และเอาไฟล์ดิจิทัลไปพิมพ์ออกมาเป็นภาพใส่อัลบั้ม ภาพด้านบนนี้ด้านซ้ายเป็นภาพขาวดำบนกระดาษขาวดำที่ทำโดยการฉายแสงซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิม ส่วนด้านขวาเป็นการเอาไฟล์ดิจิทัลที่สแกนฟิล์มไปสั่งพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ภาพถ่าย canon selphy กระดาษสองใบนี้ผมเอามาวางข้างๆกันเพื่อถ่ายรูปร่วมกัน เป็นการถ่ายเพื่อเปรียบเทียบระบบการทำภาพสองระบบ

ผมชอบภาพด้านซ้ายมากกว่า ด้วยเหตุผลว่า เมื่อมองงานขาวดำด้วยตาเปล่า มองบนกระดาษขาวดำแท้ๆ ผมจะได้ภาพที่ดูดีมีความเป็นสามมิติที่ชัดมาก ซึ่งแตกต่างไปจากภาพดิจิทัลที่พิมพ์ลงกระดาษภาพถ่าย ภาพดิจิทัลจะแบนกว่า จะรู้สึกว่ารายละเอียดในเงามืดหายไป นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ผมชอบถ่ายภาพขาวดำและอัดภาพขาวดำแท้ๆ

ขอบฟ้าเลือกรูปทำ portfolio

Taken on October 20, 2013

ตอน 1 ขวบ อยู่ที่บ้านกฤษดาลากูน ที่นี่มีทะเลสาบอยู่ข้างบ้าน

IMG_0010.JPG

ตอนสองขวบขอบฟ้าชอบไปทะเล

IMG_0033

ตอนสามขวบชอบว่ายน้ำเล่น ไปว่ายที่สระน้ำบ้านลุงเอ็ม ตอนนี้ว่ายน้ำเป็นแล้ว

IMG_9395

ไปญี่ปุ่น ไปเล่นที่ญี่ปุ่น ไปเจอตึกสูง อากาศเย็นมาก ซื้อชินคังเซ็น 1 คัน

IMG_7446

ขอบฟ้าหัดเตะฟุตบอลช่วง 5 ขวบ ขอบฟ้าขอบเมสซี่ และชอบดูการ์ตูนสึบาสะ

IMG_0513.JPG
IMG_0364

number in letterpress printing

2017-10-18_02-32-14

ระยะห่างที่น้อยที่สุดของตัวพิมพ์นัมเบอร์คือประมาณ 3.7 cm ซึ่งเป็นระยะความกว้างของชิ้นนัมเบอร์ 1 ชิ้น หากเราจะพิมพ์ เล่มที่ เลขที่ให้ชิดกันที่สุด เราตจะต้องมีพื้นที่ของเล่มที่เลขที่ห่างกันเท่ากับ 3.7cm

อุบัติเหตุ กับ ประกัน

ตั้งแต่ทำประกันอุบัติเหตุมาหลายปี เพิ่งจะได้ใช้สิทธิ์ก็ครั้งนี้ จากการวิ่งเล่นกับลูกที่โรงเรียน มีเด็กอีกกลุ่มอยู่ๆก็กลิ้งยางรถยนต์มาทางด้านหลังของผม ผมกำลังวิ่งไล่จับโดนยางรถยนต์ชนที่ด้านหลัง เลยล้มไปด้านหน้า มือขวาก็ยันพื้นไว้ ข้อศอกรับน้ำหนักจนเกือบหักเลย แขนยกไม่ขึ้น วินาทีนั้นคิดว่าแขนหักไปแล้ว เลยนั่งพักสักห้านาทีแล้วพาลูกกลับบ้าน

Pa aia

ขับรถจากโรงเรียนพาลูกกลับบ้านด้วยมือซ้ายมือเดียว มือขวายกไม่ขึ้น ส่งลูกถึงบ้านแล้วค่อยไปหาหมอ ภรรยาพาไปที่โรงพบาบาลใกล้บ้าน ไปให้หมอตรวจ เอ๊กซเรย์ออกมากระดูกไม่หัก แต่อาการปวดและยกมือไม่ขึ้นจะยังคงอยู่ไปอีกหลายวัน ระหว่างนี้หมอให้กินยาและใส่สายสะพายเอาไว้

Pa aia

บิลค่าใช้จ่ายออกมาสองพันกว่าบาท ประกันจ่าย ตอนมาถึงโรงพยาบาล ทางเจ้าหน้าที่ก็ถามถึงประกันที่มี ผมจำได้แค่ว่าผมมีประกันอุบัติเหตุ แต่ไม่ได้พกบัตร เลยให้บัตรประชาชนกับเจ้าหน้าที่ไปลองเช็คดู ระหว่างนั้นผมก็โทรหาคนขายประกัน ขอรายละเอียดว่าประกันของผมมีชื่อเรียกว่าอะไร เจ้าหน้าที่ก็เลยขอคุยกับคนขายประกันของผม พอรู้เรื่องก็ไปจัดการเรื่องเอกสารและเรื่องระหว่าง โรงพยาบาลกับบริษัทประกันภัย ผมก็รอการตรวจและรับยากลับบ้าน ไม่ต้องจ่ายเงินเอง

ประกันอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยากเคลม แต่ถึงเวลาต้องใช้ก็ควรจะสะดวกแบบนี้แหละ ขอบคุณเซลส์ผู้ขายประกันที่ใส่ใจลูกค้าอย่างผม ใครที่กำลังหาประกันภัยของตัวเอง จะประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือ ประกันอุบัติเหตุ ผมแนะนำให้เลือกซื้อกับคนที่มีนิสัยใส่ใจ รักในการดูแลลูกค้า หากไม่รู้จักโดยตรง เดี๋ยวผมแนะนำให้ ฝากความเห็นไว้ในนี้เดี๋ยวผมให้เบอร์โทรคนขายประกันนิสัยน่ารักให้

โรงพิมพ์ 4.0

2019-08-11_02-02-30

สมัยทำงานใหม่ๆผมได้งานตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ และได้เขียนโปรแกรมบนระบบคอมพิวเตอร์วินโดส์โดยใช้เครื่องมือของ Visual basic ในตอนนั้นเรายังไม่มีคำว่า social network ยังไม่มี ไม่มีแม้แต่ smartphone ที่เล่นอินเทอเน็ตได้เร็วๆ และไม่มี qrcode ด้วย

ในวันนั้นกว่าจะได้การทำงานสัก 1 อย่าง เขียน code เขียนฟังค์ชั่น เขียนอะไรต่างๆมากมาย การจะ save ไฟล์ภาพออกมาสัก 1 ไฟล์ หรือ ไฟล์ตัวหนังสือสัก 1 ไฟล์ก็เป็นเรื่องที่ยากและเขียนโค้ดหลายบรรทัดมากๆ อาจจะเพราะผมไม่รู้ว่าโลกนี้มีเครื่องมือเขียนโปรแกรมที่หลากหลาย ไม่ได้มีแต่ภาษา c vb หรือ java ภาษาอื่นๆที่โลกตะวันตกเขาใช้คงมีอีกมากแต่คนไทยสกิลต่ำแบบผมไม่รู้จัก

python มายังไงก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกที โลกเราก็ใช้ python เต็มไปหมด ทั้งระบบระดับ social network หรือ ระบบเล็กแบบบอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เอาไว้เปิดปิดไฟก็สามารถใช้ python มาเขียนโปรแกรมได้ วันนี้ก็คงต้องหัดเรียนรู้กันว่า python ทำงานยังไง ผมเลิกเป็นโปรแกรมเมอร์ไปเป็นสิบปี เลิกเขียนโปรแกรมไปนานแล้ว ยังต้องลองหัดเขียนเพราะรู้สึกว่า python มันง่ายและทรงพลังดี

วันนี้ก็เลยทดลองเขียน python สักตัวหนึ่ง ตามโจทย์ที่ลูกค้าโรงพิมพ์คนหนึ่งพยายามจะทำ ผมก็พบว่ามันก็ไม่ยากเท่าไหร่ ลองอ่านคู่มือ ลองดูวิดีโอใน youtube สัก 2 ชั่วโมงก็เขียนได้แล้ว

ธุรกิจโรงพิมพ์ สิ่งพิมพ์ ในปีนี้ พศ.2562 เป็นปีที่ได้รับผลกระทบรุนแรง หนังสือพิมพ์ปิดตัวไปหลายหัว นิตยสารปิดตัวไปเป็นจำนวนมาก แม้แต่หนังสือคู่สร้างคู่สมที่ยอดขายสูงที่สุดในประเทศก็ยังประกาศปิดตัว เลิกพิมพ์ เลิกกิจการ โรงพิมพ์หลายแห่งปิดตัว โรงพิมพ์ทุกแห่งงานลดลง

โรงพิมพ์เป็นโรงงานอุตสาหกรรมยุค 1.0 ที่อาศัยกำลังการผลิตในการทำยอดขาย ยิ่งผลิตเยอะยิ่งรายได้สูงและต้นทุนต่ำ แต่ในปัจจุบันยอดงานสิ่งพิมพ์ตกลง ใบปลิวใช้น้อยลง แค็ตตาล๊อคใช้น้อยลง แต่ผู้ผลิตยังคงเยอะเท่าเดิม ปริมาณงานจึงโดนกระจายเฉลี่ยออกไป ยอดขายจึงลดลงเป็นไปตามระบบ ดีมาน-ซัพพลาย พอดีมานหายไป ซัพพลายก็แย่งกัน งานเลยเหลือกันที่ละนิดละหน่อย ใครทุนน้อยก็ปิดกิจการไป

โรงพิมพ์จะพัฒนาให้อยู่ในยุค 4.0 ก็ต้องปรับตัว ไปพิมพ์สิ่งพิมพ์ที่คนต้องการใช้ แทนที่ใบปลิว แทนที่แค็ตตาล๊อคแบบเดิม และนี่ก็เป็นอีกก้าวหนึ่งที่ผมพยายามอยู่ในยุคดิจิทัล ยุคที่ social network อย่าง facebook และ line รวมถึง marketplace หลายค่ายกินยอดขายทั้งประเทศไว้เรียบร้อยแล้ว

ขายของครับ

เราสามารถพิมพ์งานพิมพ์ที่มีข้อมูลไม่ซ้ำกันบนสิ่งพิมพ์ได้ งานจ่าหน้าซอง งานใส่ชื่อในใบปลิว ใส่ชื่อ ใส่ข้อมูลในเอกสารเป็นงานพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และฐานข้อมูลคู่กับเครื่องพิมพ์ทันสมัย ความรู้เรื่องฐานข้อมูลและทักษะของโปรแกรมเมอร์จะทำให้เราทำงานพิมพ์ variable data ได้ และงานบาร์โค้ดที่เปลี่ยนแปลงไปทุกๆชิ้น งาน qrcode ที่ไม่ซ้ำกันเลยสักใบก็เป็นสิ่งที่เราทำได้ดี เพราะเราตั้งใจจะเป็นโรงพิมพ์ที่อยู่รอดในยุค 4.0 สนใจงานพิมพ์ฐานข้อมูล ติดต่อ jomthongprint.com ได้ครับ


รักบี้ 3สิงหาคม2562

วันที่ 3 สิงหาคม 2562 โรงเรียนเพลินพัฒนาพาเด็กนักเรียนชั้นประถมไปแข่งกีฬารักบี้ โดยมีรุ่น 7 ปีที่ขอบฟ้าอยู่ในทีม รุ่น 7 ปีถือว่าเป็นรุ่นเล็กสุดของกีฬารักบี้ โดยก่อนหน้าวันแข่งประมาณ 3 สัปดาห์ทางโรงเรียนก็มีการรวมตัวกันซ้อม และทางครูก็ทาบทามเด็กจำนวนหนึ่งให้มาร่วมทีม

IMG_0258

ขอบฟ้าเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ครูชวนไปเล่น มีจดหมายอย่างเป็นทางการจากโรงเรียนว่าจะขอให้นักเรียนร่วมฝึกซ้อมและไปแข่งขัน และเมื่อผู้ปกครองอนุญาตก็จะเริ่มฝึกซ้อมสัปดาห์ละ 4 วันในตอนเย็นหลังเลิกเรียน ตลอดเวลาช่วงฝึกซ้อมขอบฟ้าก็กลับบ้านเย็นตลอด บางวันขอบฟ้าติดเรียนพิเศษตอนเย็นก็จะไม่ได้ซ้อม

IMG_0177

วันแข่งขันโรงเรียนจัดรถไปส่งนักกีฬาหลายรุ่น ซึ่งรุ่น 7 ปีจะมีการแข่งในวันนี้ 3 นัด และทีมของขอบฟ้าก็ชนะ 1 นัด เสมอ 2 นัด ตอนจบวันก็แจกเหรียญรางวัลให้กับทีมที่เข้าแข่งทุกทีมโดยไม่มีการประกาศผลชนะเลิศ เพราะเป็นการแข่งเพื่อกระชับมิตร ไม่ได้แข่งหาแชมป์

IMG_0578
IMG_0364

พ่อแม่ก็มีหน้าที่สนับสนุน ตามไปเชียร์ ช่วยกันถ่ายภาพลูกหลานตลอดวัน มีภาพถ่ายจำนวนมากกว่า 1000 ภาพถูกส่งเข้าห้องไลน์เฉพาะกิจของกิจกรรมครั้งนี้ แค่ดูไปเรื่อยๆก็เมื่อยมือและปวดตามากแล้ว มีภาพสวยๆหลายภาพ มีคลิปวิดีโอหลายคลิป

IMG_0840
IMG_0206

ผมตั้งใจให้ลูกเก็บประสบการณ์ ทีแรกจะได้ประสบการณ์อะไรบ้างก็ตอบไม่ได้ แต่หลังจากที่ผ่านวันแข่งมาก็ได้คำตอบของตัวเอง เพราะเด็กทุกคนผ่านการซ้อมหลายสัปดาห์ นั่งรถบัสไปแข่ง ไปอยู่ในที่ที่ร้อนไม่สบายเหมือนในห้าง ต้องรอแข่ง 3 นัดในวันเดียว กินข้าวกินน้ำกับทีม ฝึกความอดทนที่จะเชื่อฟังโค้ช ซึ่งทุกอย่างที่ว่ามาเด็กทุกคนก็ผ่านมาได้ด้วยดี และสิ่งสำคัญก็คือ เด็กได้เรียนรู้การตั้งเป้าหมาย ได้เรียนรู้วิธีการ ได้ทุ่มเทความอดทน ความพยายามและเวลาที่เพียงพอ ประสบการณ์ที่ใช้เงินซื้อไม่ได้แบบนี้ “คุ้ม” จริงๆ เพราะในวัยเด็กของผมเอง กว่าจะเรียนรู้การทำงานกับเพื่อนแบบหามรุ่งหามค่ำ กว่าจะผ่านช่วงเวลาเหนื่อยร่วมกับเพื่อนๆผมต้องรอจนถึงมัธยมเลย

IMG_0513
IMG_0432

ทดลองใช้หลอดไฟปรับระดับความสว่าง eve 3steps

Eve

หลอดไฟ LED เป็นหลอดไฟที่ให้ความสว่างสูงในขณะที่กินพลังงานน้อยกว่าหลอดไฟแบบฟลูออเรสเซ้น และ หลอดไส้ โดยสามารถให้ความสว่างเท่าหลอดเดิมในขณะที่กินไฟน้อยลงประมาณ 5 เท่า และด้วยลักษณะของวงจร LED ผู้ผลิตก็สามารถใส่ลูกเล่นต่างๆลงไปกับหลอดได้ เช่นการใส่วงจรปรับระดับความสว่าง วงจรเปลี่ยนสีไฟ วงจรเซ็นเซอร์ตรวจจับแสง หรือ เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว

IMG_20190725_200038

หลอด eve 3step ขนาด 12w ผมซื้อมาลองกับโคมไฟเขียนหนังสือของลูก จุดเด่นของหลอดตัวนี้คือสามารถเลือกความสว่างของหลอดได้โดยการเปิดปิดไฟไปเรื่อยๆ ซึ่งหลอดจะมีระดับความสว่าง 3 ระดับ เปิดครั้งที่ 1 หลอดจะสว่างที่สุด เมื่อปิดและเปิดอีกครั้งหลอดจะเปลี่ยนระดับความสว่างไปที่ระดับปานกลาง และหากปิดแล้วเปิดอีกครั้ง ก็จะมีความสว่างระดับน้อยที่สุด และเมื่อปิดเปิดซ้ำอีกครั้งหลอดจะกลับไปสว่างที่ระดับสูงสุด เป็นแบบนี้วนไปเรื่อยๆ เราจึงสามารถเลือกระดับความสว่างที่ต้องการได้โดยการเปิดปิดไปเรื่อยๆจนได้ระดับความสว่างที่เราพอใจ

IMG_20190726_070903

ภาพด้านบนนี้เป็นโต๊ะทำงานของลูกชาย หลอดเก่าที่อยู่ในโคมไฟคือหลอด Led 4 วัตต์ สีอมเหลือง หลอดใหม่ตั้งใจเอามาใส่แทนหลอดในโคมนี้ ผมทดลองใช้application วัดความสว่างในโทรศัพท์มือถือมาทำการวัดค่า โดยเอามือถือวางไว้บนโต๊ะ แล้ววัดค่าความสว่างของทั้ง 3 ระดับที่หลอด 3steps นี้ปล่อยออกมา ได้ความสว่างน้อยไปมากตามนี้

Led 3steps

หน่วยวัดความสว่าง Lux เป็นความสว่างบนพื้นที่ที่เราวัดค่า ค่าความสว่างบนโต๊ะทำงานควรอยู่ในระดับ 300-400 lux ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งหลอด Led 12w หลอดนี้ให้ความสว่างสูงสุดบนโต๊ะทำงานได้อยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการทำงาน และค่าความสว่างที่ลดระดับลงไปก็ทำให้โคมไฟนี้สามารถใช้เป็นไฟประดับในเวลาที่ไม่ทำงานเอกสารได้ด้วย สามารถเปิดระดับเบาๆในตอนก่อนนอนได้เช่นกัน ถือเป็นความสะดวกที่ไม่ต้องใช้ระบบหรี่ไฟที่ต้องจ่ายราคาแพงกว่า

2019-08-09_11-09-51

ความสว่างเมื่อเปิดระดับที่แรงที่สุด 12 วัตต์ และนี่คือราคาหลอดที่ผมซื้อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ราคา 199 บาท.

สั่งซื้อ Eve 3step A60 ได้ที่นี่ https://shope.ee/qF1T6cG5w

IMG_20190725_200003