ธุรกิจซ่อมนาฬิกา

ผมเอานาฬิกาไปเปลี่ยนถ่านเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นร้านซ่อมและเปลี่ยนถ่านนาฬิกาในห้างเซ็นทรัลพระราม2 ร้านนี้ผมเคยใช้บริการมาแล้วในการเปลี่ยนถ่านเมื่อหลายปีก่อน งานเปลี่ยนถ่านเป็นเรื่องไม่ยากสำหรับร้านค้า ช่างสามารถทำได้เลยในเวลาไม่ถึง 1 นาที รอบนี้ก็เช่นกัน ทำได้เรียบร้อย ตอนเปลี่ยนก่อนจะเสร็จ ช่างทักว่า พี่ครับ ยางซีลในเครื่องมันเสื่อมแล้วนะครับ ให้เปลี่ยนด้วยเลยไหม ผมตอบว่าค่ายางคิดเท่าไหร่ ช่างตอบ 100 บาท ผมก็ตอบโอเคเปลี่ยนเลย แล้วก็สรุปค่าใช้จ่าย ค่าถ่าน 350 ค่ายาง 100 บาท รวม 450 บาท

City time

อีกสัปดาห์ต่อมา นาฬิกามีอุบัติเหตุจอแตก แล้วผมก็ไม่ได้ว่างไปซ่อม ล่วงเลยผ่านมาถึงเดือนพฤษภาคม หรือ เดือนกว่าๆ ก็เอาไปซ่อมที่ร้านเดิม ไปเปลี่ยนกระจกนาฬิกา ช่างดูแล้วก็แจ้งราคา 650 บาท ใช้เวลาทำประมาณ 40 นาที ผมก็ตกลง แล้วก็ไปเดินเล่นหากาแฟกิน พอเกือบๆครบเวลาก็เดินกลับมา พนักงานเปลี่ยนกระจกให้เรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ประกอบนาฬิกากลับ พนักงานบอกผมว่า พี่ครับ ยางซีลในเครื่องมันเสื่อมแล้วนะครับให้เปลี่ยนเลยไหม ผมเลยถามกลับไปว่า ค่ายางคิดเท่าไหร่ พนักงานตอบ 100 บาท

Watch breaking

ในใจผมจำได้ว่าเคยเปลี่ยนไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม มันเป็นยางเส้นใหม่แล้ว แต่รอบนี้พนักงานยังแจ้งเปลี่ยนกับผมอีก แต่ว่า ผมก็แกล้งทำไม่รู้เรื่อง เพราะคิดว่า เปลี่ยนกระจกให้ผมได้งานเรียบร้อยดี ผมจะทิปให้อีก 100 บาท ก็ยังได้ เพราะพอใจที่ได้รับการเปลี่ยนกระจกแล้ว ก็เลยให้เขาเปลี่ยนยางซีลให้อีกครั้ง สรุปจบรอบสองนี้ ผมจ่าย 750 บาท เป็นค่าเปลี่ยนกระจก 650 และค่ายาง 100 บาท ถือว่าผมให้เปลี่ยนยางซ้ำให้เป็นการทิปไปแทน

ธุรกิจร้านซ่อมนาฬิกาต้องการทำรายได้เพื่อชดเชยค่าเช่าในห้าง ผมก็เข้าใจอยู่แล้ว ดังนั้นการจ่ายค่าบริการบางอย่างแม้จะแพงกว่าปกตินิดหน่อยก็เป็นสิ่งที่ผมยอมรับได้ ร้านจะหาช่องทางขายของเพิ่ม ขายบริการบางอย่างเพิ่มเติมผมก็ไม่แปลกใจ เพราะแม้แต่เซเว่นตอนซื้อของที่เราต้องการแล้ว พนักงานยังถามเพิ่มเติมเลย รับซาลาเปาเพิ่มไหมคะ รับมันฝรั่งเพิ่มไหมคะ พี่ซื่อสองชิ้นไหมคะจะได้โปรลดราคา……. มันเป็นการถามเพื่อให้เราจ่ายเงินเพิ่มทั้งนั้น ดังนั้นร้านนาฬิกาก็ไม่ต่างกัน ผมจ่ายเพิ่มให้ได้เพราะเขาก็อุตส่าห์มาตั้งร้านสะดวกแก่การเดินทางสำหรับผมแล้ว เพียงแต่ อยากจะให้เนียนกว่านี้หน่อย หรือ ถ้าร้านมีระบบคอมฯจดประวัติการซ่อมลูกค้าเก็บไว้ จะได้ไม่มีเคสขายของซ้ำ มันดูไม่ดี

ภาพจากฟิล์มที่ขายได้

ภาพถ่ายตอนแรกเกิดที่ผมถ่ายลูกด้วยกล้องฟิล์ม ใช้กล้อง Leica minilux ฟิล์มขาวดำยี่ห้อ lucky ที่เคยมีเก็บไว้หลายปีแล้ว  หลังจากที่ถ่ายหมดม้วน  กลับมาอยู่บ้านแล้ว ก็ล้างฟิล์มม้วนนี้ แล้วก็ลองสแกนด้วยกล้องดิจิทัลจนได้เป็นไฟล์ไว้ดู  ผ่านไปหลายปี เลยเอาไปลองขายดู  ปรากฏว่าวันนี้มียอดโหลด ขายได้ด้วย  แม้จะได้เงินเพียงเล็กน้อย  แต่มันเป็นการบอกว่าภาพของเราเป็นที่ต้องการของบางคน  และภาพนี้จะอยู่ในระบบคอมฯตลอดไปจนกว่าโลกเราจะเลิกใช้อินเทอเน็ต

IMG_0284

IMG_0284bw

ภาพนี้มีที่มาจากการสแกนด้วยเลนส์มาโคร ดูรายละเอียดวิธีทำได้จากโพสท์นี้
การสแกนฟิล์มด้วยเลนส์มาโครและกล่องไฟ  

 

 

พาลูกเที่ยวกระบี่ ภูเก็ต 5วัน 4คืน ตอนที่4

เช้าวันที่ 4 ที่โรงแรม Pullman วันนี้ตื่นแบบไม่ต้องรีบ  เราค่อยๆกินข้าว แล้วมาเดินเล่นแถวๆหาดทราย  และมาหยุดเล่นหมากรุกยักษ์ที่ข้างสระน้ำ  หมากรุกสากลมีรูปแบบการเดินคล้ายๆหมากรุกไทย  ผมก็ไม่ค่อยแม่นในกฏกติกา  เล่นหมากรุกไทยได้  ก็เลยเล่นหมากรุกฝรั่งแบบปนมั่วในบางตัว

IMG_9601

เล่นจบแบบมึนงง  กลับจากทริปนี้ขอบฟ้าก็ขอให้แม่ซื้อกระดานหมากรุกสากลให้  แล้วก็หัดเล่นกันอย่างจริงจัง  ระหว่างที่เล่นก็ได้พบนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินผ่านมาดูพวกเราเล่น  แล้วเขาก็ช่วยเล่นนิดหน่อย  พูดคุยกันพอรู้ว่า บ้านเขา อุณหภูมิ 50 องศา  เขามาเที่ยวเมืองไทยสบายกว่าอยู่บ้านเขา

IMG_9609

สายๆวันนี้เราเดินทางไปเที่ยวอควอเรี่ยม  หรือ ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่อยู่ท้ายถนน  สุดถนนที่ใต้สุดของเกาะภูเก็ตเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ  มีปลาหลายชนิด แม่กับขอบฟ้าไปเดินดูว่าตอนดำน้ำเจอปลาตัวไหนบ้าง ค่าบัตรเข้าชมสำหรับคนไทย 50 เด็ก 20 บาท ถูกมาก

IMG_9622

เราอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่แอร์เย็นสบาย  หลบแดดข้างนอกที่อุณหภูมิสัก 40 องศา  อยู่ถึงกลางวันก็เลือกไปกินอาหารที่ในเมืองภูเก็ต  เราขับรถเข้าถนนรัษดา  ถนนดีบุก ถนนพังงา วนเวียนอยู่ย่านนี้สักพัก  หาที่จอดรถยากมาก  การเดินทางมาเที่ยวภูเก็ตแล้วจะขับรถมาแวะร้านที่อยากแวะในเมืองเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เลย เทียบแล้วเหมือนขับรถเข้าถนนเยาวราช คิดเหรอว่าจะได้จอดหน้าร้านอาหารสักร้าน ไม่มีทางเลย  เราขับรถวนเวียนอยู่สักสองรอบก็โชคดีเจอรถที่กำลังเลี้ยวออก  เลยได้ที่จอด ได้แวะกินเสียที  เราเลือกที่จะกินร้านราดหน้าเจ้าดัง  ร้านนี้ผมเคยมากินแล้วเมื่อหลายปีก่อน  เป็นร้านที่ดังมานาน  มาวันนี้ดังยิ่งกว่าเดิม  มีลูกค้ารอคิวนานมาก  ร้านเต็มแทบตลอดเวลา  ผมกับลูกต้องยืนรอสิบห้านาทีกว่าจะได้โต๊ะ

IMG_9647

รสชาดอาหารอยู่ในเกณฑ์ที่ดี  กินอร่อย แนะนำเพื่อนให้มากินได้  แต่ไม่ได้รสเด็ดระดับห้ามพลาด  ผมแอบคิดไปว่าร้านนี้คนเยอะเพราะมีแอร์มากกว่า  ร้านอื่นๆที่คนน้อยก็ไม่เปิดแอร์  บางร้านก็ไม่มีแอร์  อากาศร้อนสุดๆได้นั่งกินห้องแอร์ใครๆก็ชอบ  ร้านราดหน้าร้านนี้ก็เลยแน่นตลอดเวลา

IMG_9643

อิ่มแล้วก็เดินเล่นดูวิวเมืองเล็กน้อย  สอดส่องแนวตึกแถว เดินอ้อมสี่แยกวนกลับมาที่รถ  เราได้เห็นร้านอาหารอีกมากมาย  แต่ดูไม่ค่อยมีคนแวะกิน  ได้เห็นร้านกาแฟน่านั่งหลายแห่ง  แต่เราไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่เวลาเหลือเฟือ  เราไม่อยากนั่งเสพกาแฟในร้านค้าที่ดูดาดดื่นเหล่านี้  แม้ว่าจะรู้สึกอยากแวะ  แต่ลูกอาจไม่สนุก  และเรามีโปรแกรมต้องไปแวะที่อื่นอีกหลายแห่ง

IMG_9649

IMG_9652

IMG_9654

IMG_9659

ที่ตึกแถวใกล้ๆร้านราดหน้ามีงานวาดภาพบนผนังให้ดูด้วย  น่าสนใจสำหรับการพัฒนาให้เป็นจุดแวะถ่ายรูป  ถ้าทำให้ถึงมากกว่านี้จะเป็นแม่เหล็กดูดคนได้อีกจุดหนึ่ง  แต่ว่าต้องแก้ปัญหาจุดจอดรถให้ได้ด้วย

IMG_9663

ร้านกาแฟจำนวนมากที่เราขับรถผ่านดูแล้วก็คล้ายๆกัน  คือเป็นร้านที่เปิดขึ้นมาเพื่อรับนักท่องเที่ยว  แต่ผมก็ไม่เห็นว่านักท่องเที่ยวจะสามารถแวะร้านเหล่านี้ได้เลย  เพราะจอดรถยากมาก  เราขับรถออกจากย่านเมืองภูเก็ต  ภรรยาอยากให้แวะซื้อกาแฟสักแก้วก่อนจะไปแหลมพรหมเทพ  ก็เลยลองเลือกร้านกาแฟที่มีคนรีวิวว่ากาแฟเจ๋งมากๆร้านหนึ่ง  เป็นร้านที่อยู่ในซอกหลีบ กาแฟคร้าฟของที่นี่เป็นสิ่งที่ต้องลอง รีวิวบอกเราอย่างนี้ เราเปิดหาเส้นทางจาก googlemap แล้วลองไปดู  กะว่ากาแฟเจ๋งๆจะตกถึงท้องบ้าง แล้วเราก็พบว่าร้านหน้าตาเป็นแบบนี้

IMG_9664

ลักษณะเหมือนบ้านพักคนงานก่อสร้าง  ผมค้นพบครั้งที่สองในทริปนี้ว่า  คนที่เคยรีวิวร้านอาหารและกาแฟ เขาไม่ได้มีรสนิยมเดียวกับเรา  บางครั้งเราก็เสียความรู้สึกกับข้อมูลที่เกินจริง  โชคดีที่ร้านนี้ปิด  เราเลยได้ไปแหลมพรหมเทพเร็วกว่าเดิม  แต่กว่าจะถึงเราก็เดินทางค่อนข้างนาน ระยะทางไม่ไกล แต่ภูเก็ตรถติด  ติดจนขอบฟ้าหลับไปเลย  ลูกหลับในรถเราตัดสินใจไม่ปลุก ขอบฟ้าเลยไม่ได้เห็นแหลมพรหมเทพ

IMG_9677

หลังจากแวะถ่ายรูปที่แหลมพรหมเทพแล้วเราก็ขับเลยไปอีกประมาณ 5 นาที  เป็นสถานีติดตั้งกังหันลม  ที่มีนักเล่น paragliding กำลังเล่นสนุก  เราไปจอดรถบนสถานีไฟฟ้าใต้กังหันลมแล้วมานั่งดูฝรั่งเล่นเครื่องเล่นน่าสนุก

IMG_9694

แรงลมที่ประทะกับภูเขาแห่งนี้ช่วยหมุนกังหัน และช่วยให้เล่นร่มได้  นักเล่นบังคับให้ร่มลอยไปลอยมา บินขึ้นลงและย้ายไปมาได้เหมือนมีพลังวิเศษ  บางครั้งก็ลอยอยู่นิ่งๆได้ด้วย ดูแล้วน่าสนุกมาก

IMG_9706

แค่เพียงการต้านลมก็บังคับร่มให้ลอยไปลอยมาได้ดังใจ  ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า นกบินอพยพจากขั้วโลกเหนือไปขั้วโลกใต้  หรือ พวกที่อพยพข้ามทวีปนั้น ไปด้วยแรงลมเท่านั้น  ไม่ได้บินไปด้วยการกระพือปีกแบบที่ผมเข้าใจมาตลอด  และมันก็คงมีลมแรงระดับที่พาข้ามทวีปได้แค่ปีละไม่กี่ครั้ง มันถึงมีฤดูอพยพที่แน่นอน  ไม่ใช่อพยพได้ตามอำเภอใจ

IMG_9716

เราเลยขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย  ฝรั่งนักเล่นก็บังคับร่มให้ลอยมาเข้าเฟรมเพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์  แล้วก็เป็นภาพที่เห็น  มุมนี้เมื่อสัก 10 ปีก่อนผมกับภรรยาเคยมาถ่ายรูปร่วมกันแล้ว  เป็นภาพตอนยังไม่แต่งงาน

ภูเก็ต อ้อย บ๊ะ

ภาพด้านบนนี้เป็นภาพที่ถ่ายเมื่อปี 2009

แล้วเราก็กลับมาห้องพักที่โรงแรม  แต่เราแวะกินขนมเค้กที่ถนนท้ายเกาะเสียก่อน  เป็นร้านเค้ก kantary ที่มีชื่อเสียงอยู่เหมือนกัน  รีวิวบอกว่าร้านนี้ขนมอร่อย เราเลยลองแวะดูหน่อย ประเมินด้วยสายตาแล้วน่าจะอร่อยจริง และร้านก็ตกแต่งได้สวยมาก

IMG_9721

IMG_9725

IMG_9727

เราซื้อเค้ก  ไอติม กาแฟ แล้วก็นั่งกินเย็นๆในร้าน หามุมถ่ายรูปไปเรื่อย  ร้านแต่งโทนสีขาว มีแอร์เย็นๆน่านั่ง  เรานั่งแล้วไม่อยากลุกเลย เพราะอากาศข้างนอก 40 องศา

IMG_9732

IMG_9733

IMG_9757

กินอิ่ม เย็น อารมณ์ดี  กลับโรงแรมเล่นน้ำ เดินชายหาด ดูปูเดินไปเดินมา จับเล่นยังได้เลย และวันนี้ได้ดูพระจันทร์เต็มดวงที่โรงแรมด้วย พระจันทร์ดูใหญ่และชัดเจน ตอนขึ้นใหม่ๆที่ขอบฟ้าจะมีสีแดงมาก แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีส้ม และสีเหลืองตอนที่ลอยสูงขึ้นพ้นแนวภูเขาและตึก

IMG_9783

IMG_9791

เราจบวันนี้เร็วกว่าปกติ  เลือกที่จะกินมื้อเย็นเป็นข้าวกล่องที่ซื้อจากร้านตรงข้ามโรงแรม  ข้าวกล่องที่นี่ขนาดใหญ่มาก  ราคาก็ไม่แพงเลย คิดว่าฝรั่งแถวนี้คงเป็นลูกค้าประจำของร้านค้าย่านนี้

IMG_9801

IMG_9803

กลางคืนเข้านอนเร็ว และอัพโหลดรูปเข้าเว็บได้เรียบร้อย ผลจากการอัพเกรด os ในโน้ตบุ๊ค เน็ตที่นี่แรงและเสถียรดีมาก ที่สำคัญ ไม่เรื่องมาก การเชื่อมต่อไม่มีอะไรซับซ้อนให้รำคาญใจ  อยากรู้จริงๆว่าใครวางระบบเน็ตเวิร์คให้โรงแรมแห่งนี้

nec14 – การออกจากการสนทนา

nec14 - how to leave conversation 9oct2018-p4

ทุกการสนทนาของคนเราจะต้องมีวันจบ เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่เราพูดคุยกับผู้อื่นในวง networking อยู่ สิ่งที่เราควรทำก็คือ หาให้เจอว่ามีใครสักคนที่เราควรทำความรู้จักให้มากขึ้น เพื่อลงรายละเอียด พัฒนาความสัมพันธ์ เมื่อหาเจอแล้ว สิ่งที่ควรทำก็คือ ตัดบท จบการสนทนาให้เร็ว และจัดแจงนัดหมายในวันอื่นๆ เพื่อขอคุยกันอีกครั้ง แล้วเราจะตัดจบอย่างไรไม่ให้เสียบรรยากาศ ไม่ให้เสียความรู้สึก

ถ้าเขาเป็น A list เป็นคนที่คาดว่าจะช่วยเหลือทางธุรกิจต่อกันได้ อย่าทำแค่แลกนามบัตรแล้วบอกว่าจะโทรหา สิ่งที่เราควรทำก็คือ แสดงเจตนาว่าเราขอพบเขาในเวลาหลังจากนี้ เพื่อที่จะพูดคุยในรายละเอียด แล้วให้เราจดโน้ตต่อหน้าเขาเลยว่าเราขอจองเวลาของเขา มีปฏิทินก็หยิบมาเขียน มีสมาร์ทโฟนหรือแท็บเบล็ตก็หยิบมาคีย์ข้อมูลทันที ถ้าคู่สนทนาของเราเห็นด้วยว่าควรจะคุยรายละเอียดกันเพื่อพัฒนาธุรกิจซึ่งกันและกัน เขาจะยินยอมให้นัดหมายอย่างแน่นอน

ถ้าเขาเป็น B list เป็นคนที่น่าสนใจ และน่าจะมีอะไรบ้างอย่างเชื่อมโยงกันได้ในอนาคต ให้แลกนามบัตรกันแล้ว แล้วขอบคุณและขอตัวแยกออกไปคุยกับคนอื่นต่อ โดยเราสามารถจะติดต่อภายหลังด้วยการส่งข้อความ ส่งอีเมล หรือไลน์ ไปทักทายในภายหลัง

ถ้าเขาเป็น C list อย่าเสียเวลาคุยนานเกินไป ให้ขอบคุณและขอตัวอย่างสุภาพ อาจจะรู้สึกว่ามันห้วนและสั้นไปหน่อย แต่ไม่ต้องคิดมาก วิธีนี้สุภาพเพียงพอแล้วสำหรับการจบบทสนทนา