ส่งของคืน Amazon จากเมืองไทยไปอเมริกา ด้วย DHL

การสั่งของจาก amazon จากเมืองไทยเราก็จะได้รับสินค้าตามปกติ แต่ค่าส่งจากอเมริกามาไทยก็จะแพงมาก ส่วนคนที่โชคร้ายได้ของมีปัญหาแล้วต้องส่งคืนก็จะต้องทำเรื่องคืนของ โดยการคืนของจะมีเอกสารจากทางเว็บของ amazon ให้เราพิมพ์ออกมาแล้วเรียก DHL ในประเทศไทยให้มาขนสินค้าจากบ้านเราไปส่งคืน amazon

การเรียก DHL ให้โทร 02-345-5000 จะมีเจ้าหน้าที่รับสาย มีคนไทยพูดคุยกับเรา ก็ให้ถามรายละเอียดต่างๆ เจ้าหน้าที่ให้ทางเลือกว่าจะแวะมาส่งที่จุดรับของของ DHL หรือ ให้ DHL ไปรับถึงบ้าน ทั้งสองทางมีค่าใช้จ่ายเท่ากันคือไม่เสีย เนื่องจากเอกสารส่งคืนระบุไว้ว่าเป็นการส่งด้วย DHL express ค่าส่ง amazon เป็นผู้รับผิดชอบ ผมก็เลยเลือกให้มารับของที่บ้าน

เจ้าหน้าที่ DHL ขอที่อยู่จุดที่จะให้ไปรับของ และกำหนดการวันที่ให้ไปรับ หากไปรับของวันจันทร์ ของน่าจะถึงปลายทางวันพุธ หรือใช้เวลาประมาณ 2 วัน เมื่อรู้ดังนี้ผมก็เลยขอเบรคไว้ก่อน ผมตั้งใจจะรอให้ของที่เคลมส่งตัวใหม่มาก่อนแล้วค่อยส่งตัวที่เสียคืน เพราะเงื่อนไขคือ amazon มีเวลาให้คืนของภายใน 30 วันหลังจากทำเครื่องเคลมตัวใหม่ให้ ดังนั้น ของตัวใหม่จะเดินทางมาถึงผมภายใน 13 วัน(เดาจากการส่งของครั้งแรก) ดังนั้น เมื่อของใหม่มาแล้ว ผมค่อยเรียก DHL มารับตัวเก่าก็ยังทัน

เจ้าหน้าที่คีย์ข้อมูลให้ผมแล้ว และได้แนะนำว่า เมื่อต้องการให้ DHL เข้าไปรับวันไหนก็ให้โทรมาแจ้งอีกครั้ง พร้อมทั้งให้บอกโค้ด 4 หลักกับเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะรายการบันทึกให้ไปรับของมีบันทึกไว้แล้ว จะได้ไม่ต้องทำเรื่องซ้ำ

สรุปว่าการคืนของ amazon โดยการส่งของจากไทยไปอเมริกา จะใช้บริการ DHL express ขอบคุณเจ้าหน้าที่ DHL ที่ให้ความกระจ่างในการเรียกรับของ ขอบคุณ amazon ที่ให้บริการที่ดูเป็นมืออาชีพ

sathorn-Picture 023
ภาพมอเตอร์ไซด์ ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้หรอก แค่อยากหาภาพที่มีโลโก้ DHL มาแปะไว้เฉยๆ
DHL return package

หลังจากได้รับของเคลมแล้ว ผมก็จัดการโทรหา DHL เพื่อแจ้งว่า ให้มารับของส่งคืนได้ เจ้าหน้าที่คุยกับผมตอน 11.21 น. และรถ DHL ก็เข้ามารับของตอน 14.39 น. นับว่าเร็วมาก ผมพิมพ์เอกสารทั้งชุดของ amazon ออกมา 2 ชุด ชุดแรกใส่เข้าไปในกล่อง package ส่วนอีกชุด รอให้เจ้าหน้าที่ DHL มาเลือกดูว่าเขาต้องการเอกสารใบไหน เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง เขาตรวจเอกสาร แล้วจัดการดึงเอกสารบางใบออก และ บางใบเอาไปใส่ซองพลาสติกใสแล้วแปะไว้ที่ด้านบนกล่อง ผมไม่ได้เซ็นเอกสารอะไรเลยในขั้นตอนการคืนของ

ทดลอง contax T3 เทียบกับกล้องดิจิทัล

กล้อง contax T3 เป็นกล้องคอมแพ็คไฮเอนด์ตัวหนึ่งของวงการถ่ายภาพ น่าจะเป็นตัวที่มีราคาแพงที่สุดในตลาดมือสองที่ซื้อง่ายขายคล่อง จุดเด่นที่ความเล็ก กระทัดรัด และโฟกัสเร็ว วัดแสงแม่น เป็นสิ่งที่ทำให้กล้องตัวนี้คือเครื่องมือชั้นดีในการถ่ายภาพของช่างภาพที่ชอบฟิล์ม

แล้วมันดีจริงไหม มันเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือเปล่า มันเหมาะที่จะไขว่คว้าหามาครอบครองไหม ตอบเลยว่าไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะราคามันแพงมาก และมีความเสี่ยงว่า ถ้ากล้องพัง จะซ่อมกันยังไง ประวัติการซ่อมกล้องตัวนี้ยังมีน้อย นั่นคือมันยังไม่หมดอายุกันเหมือนกล้องอายุมากตัวอื่น ถ้าเทียบกับ Leica Minilux เจ้า Minilux จะเสียเยอะกว่า แต่ช่างเมืองไทยก็ซ่อมกันเก่งมาก ซ่อมจนชำนาญ เรียกได้ว่า ถ้าจะทำมาหากินกับกล้องฟิล์มในยุค 4g กำลังจะเข้า 5g ช่างต้องซ่อม Minilux ให้ได้ เพราะมันเสียทุกตัว ซ่อมได้ก็แปลว่าจะมีงานมาจากทั่วโลกแน่นอน

กลับมาที่ contax T3 ต่อ ผมใช้กล้องตัวนี้ราวกับเป็นกล้องปัญญาอ่อน เพราะตอนที่ถือกล้องคอมแพ็ค เราจะไม่สามารถปราณีตกับการจัดองค์ประกอบในแบบกล้อง SLR เพราะช่องมองภาพมันไม่ได้เป็นช่องที่มองผ่านเลนส์ แถมระบบวัดแสงอัตโนมัติที่กล้องมีนั้นก็ไม่ใช่ระบบการวัดแสงเฉพาะจุดที่ตอบสนองความคิดของคนถ่ายอย่างความแม่นยำถูกต้องเทียบเท่า SLR รุ่นโปร แต่ถึงแบบนั้นเราก็ยังอยากใช้เพราะมันราคาแพง เพราะมันเท่ห์ เพราะมันเป็นที่ต้องการของตลาดมือสอง และการมีกล้องแพงและหายากใช้งานกับมือมันก็สร้างความรู้สึกดีได้ไม่น้อย

ถือถ่ายไปสักพักก็รู้สึกอยากเปรียบเทียบ ก็เลยเป็นที่มาของการเปรียบเทียบภาพที่ถ่ายในมุมเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน ลองไล่ดูไปทีละภาพแล้วก็ตัดสินใจเองว่าเราชอบสิ่งที่มันเป็นผลผลิตของกล้อง contax T3 ไหม และความเห็นที่ผมบรรยายก็เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว เป็นอคติ เป็นอัตตา เป็นอารมณ์ เป็นเรื่องความชอบที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกัน

000006
แพทคาเฟ่ – contax t3 + fuji c200
IMG_5689
แพทคาเฟ่ – eos m + efm 22f2
IMG_5690
แพทคาเฟ่ – eos m + efm 22f2

ภาพแรก ร้านอาหาร แพทคาเฟ่ ตั้งอยู่บนถนนดินสอตัดกับถนนพระสุเมร ใกล้ถนนราชดำเนิน ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่มีอาหารให้สั่งเยอะมาก ผมแวะร้านนี้ในเช้าวันอาทิตย์ ดูข้อมูลการถ่ายภาพจากกล้องดิจิทัลก็เป็นช่วงเวลา 7.59 น. วันอาทิตย์ แสงแดดนอกร้านยังไม่แรงมาก โทนแสงแดดยังเป็นสีเหลืองเพราะยังเช้าอยู่ กล้องฟิล์มถ่ายด้วยโหมด P กล้องดิจิทัลถ่ายด้วยโหมด Av ตั้งค่า f2

กล้องดิจิทัลให้ภาพที่ทันใจ มีข้อมูลวันที่ต่างๆครบถ้วน ถ้าไม่มีภาพดิจิทัลที่ถ่ายเก็บไว้ ผมจะไม่รู้เลยว่าผมแวะไปร้านนี้วันไหน ถ่ายตอนกี่โมง เพราะกว่าที่จะส่งฟิล์มไปล้างผมก็ต้องรออีกนานกว่า 2 เดือนกว่าที่จะถ่ายภาพจนหมดม้วนฟิล์ม โทนสีที่สแกนฟิล์มออกมาติดไปทางแดงมากจนเกินพอดี ถ้าสแกนให้ปราณีตกว่านี้ หรือ สแกนด้วยตัวเองก็น่าจะได้สีสันที่ตรงใจมากกว่านี้ แต่ผมไม่มีสแกนเนอร์แล้ว มันเสียไปหลายปีแล้ว และยังไม่อยากซื้อใหม่

000029
IMG_5700

ลองดูภาพอีกมุม หลังจากสั่งอาหารไปแล้วก็นั่งรอ ลูกเบื่อก็เลยขอวาดรูปเล่น พอวาดไปสักพักจนเพลินๆ ผมก็หยิบกล้อง contax T3 ขึ้นมาถ่ายภาพ โดยเจตนาถ่ายให้เหมือนกับเป็นนักท่องเที่ยว คือเปิดกล้อง เล็ง แล้วถ่ายเลย กล้องก็ยิงแฟลชให้ทันที เพราะค่ามาตรฐานของกล้อง T3 จะเป็นแฟลชระบบ auto เมื่อเจอสถานการณ์แสงน้อย หรือ ย้อนแสง กล้องเปิดแฟลชให้เสมอ หากเราไม่ต้องการแฟลช เราจะต้องกดปุ่มปิดแฟลชทุกครั้งที่เปิดกล้อง นี่เป็นจุดน่ารำคาญของกล้อง T3 ซึ่งแม้แต่ Minilux ก็น่ารำคาญยิ่งกว่าเรื่องปิดแฟลช

ส่วนภาพจากกล้องดิจิทัล eos m ติดเลนส์ 22f2 โหมดถ่ายภาพตั้งเป็น P กล้องเลือกรูรับแสงที่ f4 ให้ ก็ให้ภาพได้สวยงาม นุ่มนวล เก็บบรรยากาศได้ดี ดูผ่านๆแล้วดีกว่า T3 เสียอีก แน่นอนว่าเป็นเพราะกล้องดิจิทัลออกมาทีหลัง เลนส์ติดกล้องก็เป็นเลนส์ฟิกส์คุณภาพสูง ระหว่างสองภาพนี้ ผมยังรู้สึกว่ากล้องดิจิทัลให้ภาพที่ดีกว่า ชอบภาพจากกล้องดิจิทัลมากกว่า

มุมรับภาพของ T3 เป็นเลนส์ 35มม ส่วนมุมรับภาพของ eos m + 22f2 ก็เทียบเท่ากับ 35 มม. ซึ่งมันเป็นช่วงเลนส์ที่เทียบเท่ากันได้ ยิ่งหากถ่ายด้วยโหมด P ด้วยกันทั้งคู่แล้วจะใช้ตัวไหนก็ได้ จะ T3 หรือ eos m1+22f2 ก็พอกัน ในระยะยาว T3 จะรอวันพัง ส่วน eos m ยังไม่รู้ว่าจะพังเร็วหรือช้า แต่ราคามือสองของ eos m รุ่นแรกหาได้ในงบไม่เกิน 3000 บาท แต่ที่แน่ๆ สามารถอัพเกรดบอดี้ให้ใหม่ขึ้น ความคมชัดของดิจิทัลจะสูงขึ้นไปอีกตามคุณภาพของบอดี้ใหม่ๆ ภาพนี้ดีขึ้น คมชัดมากขึ้น ถ้าเปลี่ยนกล้องเป็น eos m5 ที่ความละเอียดสูงขึ้นและให้ไฟล์ภาพที่ดีกว่าแน่นอน

อีกมุมหนึ่งที่จะใช้เป็นมุมทดสอบได้บ่อยก็คือ การถ่ายภาพลูกกำลังหลับอยู่ที่เบาะแถวสองในรถของผมเอง จังหวะที่ลูกหลับอยู่ แล้วได้จอดรถอยู่นิ่งๆ มีกล้องอยู่ในมือก็จัดการถ่ายภาพเก็บไว้ และวันนี้ก็มีทั้ง contax T3 กับ eos m + 22f2 ก็ลองถ่ายทั้งสองตัว ได้ภาพมาดูตามนี้

000046
contax T3 + fuji c200

IMG_5790
eos m + 22f2

มุมที่รับภาพใกล้เคียงกันมาก ตัวคนในภาพก็มีขนาดสูสีกัน มีเพียงบุคลิกสีเท่านั้นที่แตกต่างกัน จะบอกว่าฟิล์มให้ภาพดีเท่าดิจิทัลก็ได้ หรือดิจิทัลเลียนแบบฟิล์มก็พอไหว มันเกิดจากการพยายามถือกล้องให้นิ่ง และปราณีตกับการโฟกัสให้ตรงจุดที่ต้องการ ส่วนการวัดแสงก็ปล่อยให้ระบบของกล้องทำงานไปตามที่ถูกออกแบบมา สองภาพนี้สำหรับผมถือว่าสมบูรณ์ในแง่การบันทึกภาพ จะให้ใช้ตัวไหนก็ได้รู้สึกเข้ามือทั้งสองตัว ข้อดีของ contax T3 คือ เล็กและเบา ข้อดีของดิจิทัลคือประหยัดเงิน หากคุณจะเลือกใช้ เหตุผลใดสำคัญกว่าก็เลือกไปตามเหตุผลของตัวเอง ใครเน้นประหยัดไปดิจิทัล ใครเน้นเล็กและพกพาแทบไม่เป็นภาระก็ไป contax T3 ได้เลย

ในยุคปัจจุบัน ปี พศ 2562 นี้ การยกกล้องฟิล์มขึ้นมาถ่ายใครสักคน คุณจะได้ความสนอกสนใจอย่างเหลือเชื่อ คุยกับเด็ก เด็กก็จะสงสัยกล้องอะไรถ่ายแล้วไม่มีภาพ แต่ก็จะตั้งท่าเป็นนายแบบให้ แล้วถามว่าจะได้ดูภาพตอนไหน เพราะเป็นสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคย เด็กยุคนี้โดยเฉพาะเด็กอนุบาลถึงประถมมัธยมจะรู้จักแต่การถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์และกล้องดิจิทัล คุยกับวัยรุ่น วัยที่เพิ่งจบออกมาทำงานเขาก็จะทักว่า เท่ห์ดีนะ คุยกับคนวัยกลางคนหรือคนที่เคยจับฟิล์มเคยใช้กล้องฟิล์มมาบ้างคนกลุ่มนี้ก็จะรู้สึกโอ้โห ยังใช้อยู่เหรอ มันดีกว่าเหรอ เจ๋งดีนะ แต่เปลืองนะ ส่วนคนวัยดึกรุ่นพ่อรุ่นแม่ก็จะสงสัยว่าจะไปล้างฟิล์มที่ไหน เมื่อไหร่จะได้ดูภาพ สรุปว่า แต่ละคนจะมีปฏิกิริยากับการถ่ายภาพด้วยฟิล์มไม่เหมือนกันเลย

ลองกลับไปย้อนอ่านรีวิวกล้อง eos m กับ contax T3

ที่ชาร์ตแบตกล้อง eos m ใช้กับ powerbank

IMG_0343

กล้อง eos m เป็นกล้อง mirrorless รุ่นแรกของ canon ที่เปิดตัวมาหลายปีแล้ว จนปัจจุบันมีกล้องตระกูลนี้ออกมาหลายรุ่นมาก ปัญหาของกล้อง mirrorless ก็คือ แบตหมดเร็ว ดังนั้น ใครที่ต้องการใช้กล้องนานๆก็จะต้องพกแบตติดตัวไปออกทริปหลายก้อน และ eos m ตัวนี้ ผมก็ใช้แบตรวมกันถึง 3 ก้อน

IMG_0295

ลำพังเพียงแค่ที่ชาร์จที่แถมมากับกล้องก็จะชาร์จไฟได้ทีละก้อน หากมีแบตหลายก้อนจะเป็นภาระในการถอดเปลี่ยนคิวชาร์จแบตอย่างมาก ตอนที่เที่ยวต่างประเทศ เที่ยวเหนื่อยมาทั้งวันแล้วยังต้องมารอชาร์จแบตให้เต็ม 3 ก้อนแล้วค่อยนอน มันเป็นเรื่องน่าเบื่อมาก

IMG_0299

โชคดีที่มีคนผลิตที่ชาร์จแบตแบบ 2 ก้อนพร้อมกันให้ใช้ แถมยังใช้ไฟจากเพาเวอร์แบงค์อีกต่างหาก หลังจากที่สั่งซื้อมาลองแล้วก็สรุปผลได้ว่า ที่ชาร์จแบต eos m 2 ก้อนทำการชาร์จไฟให้แบตได้ดีมาก สามารถชาร์จไฟจนเต็มแบตได้ ระหว่างที่ชาร์จจะมีไฟแสดงสถานะสีแดง หากชาร์จเต็มแล้วจะเป็นไฟสีเขียว

ระยะเวลาที่ใช้ชาร์จจนเต็มจะกินเวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง เครื่องชาร์จตัวนี้ทำงานกับแบต รุ่น LP-E12 ซึ่งเป็นแบตประจำรุ่น eos m m10 m100 m50 นับว่าโชคดีมากที่กล้องรุ่นใหม่ๆเลือกใช้แบตตัวเดียวกับ eos m รุ่นแรก นั่นทำให้การซื้อแบตเพิ่มเติมของผมเป็นเรื่องที่ตัดสินใจไม่ยาก เพราะแบตที่สะสมไว้หลายก้อนจะยังสามารถใช้งานกับกล้องรุ่นใหม่ได้นั่นเอง

หากจะสั่งซื้อที่ชาร์จแบต ลองไปหาในเว็บขายของ หาคำว่า charger eos m ก็จะเจอสินค้ามากมาย เลือกซื้อได้ตามสะดวกเลย

สั่งของ amazon มาถึงเมืองไทยแล้วพัง และวิธีคืนของamazon

ผมสั่งซื้อกล้องดูดาวตัวหนึ่งจากเว็บ amazon ซึ่งเป็นกล้องดูดาวขนาดเล็กราคาไม่แพง สืบจากในเมืองไทยแล้วไม่มีใครขายตัวเล็ก และราคาที่มีขายในบางแหล่งก็แพงกว่าหลายเท่า ผมเลยสั่งจาก amazon และค่าส่งก็เท่ากับตัวสินค้าเลย สรุปคือ คนไทยซื้อของแพงกว่าคนอเมริกัน 2 เท่า

IMG_0839

กล้องดูดาวใช้เวลาเดินทางมาถึงเมืองไทยประมาณ 13 วัน ผมสั่งของวันที่ 12พฤษภาคม2562 และทางเว็บของ amazon ก็รายงานสถานะว่า ของมาถึงไทยและจัดส่งแล้วในวันที่ 24พฤษภาคม2562 แต่ทางผมในวันที่ 25พฤษภาคม2562 ยังไม่ได้รับของเลย เลยติดตามไปทาง amazon แล้วทางเจ้าหน้าที่ของ amazon ก็รับปากจะติดตามเรื่องให้

ตอนบ่ายวันที่ 25พฤษภาคม 2562 มีรถของไปรษณีย์ไทยขับเข้ามาแล้วจัดการส่งสินค้า ซึ่งมันก็คือกล้องดูดาวนั่นเอง ผมถามว่าทำไมในระบบถึงอัพเดทว่าส่งแล้วเมื่อวาน แต่ของเพิ่งมาวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ทราบเหตุผล ผมก็ไม่ได้ใส่ใจจะคาดคั้นคำตอบ ของมาก็ดีแล้ว

IMG_0843

เมื่อเปิดขึ้นก็พบกับสิ่งที่น่าเศร้า นั่นคือ กล้องดูดาวผมมีอาการแตกหักที่ฐานวาง ซึ่งหักได้อย่างไรก็ไม่ทราบ ดูจากกล่องที่ใส่มาก็ดูเรียบร้อยดี กล่องไม่มีรอยเยินเลย ทำให้ผมแอบคิดไปว่า ของเสียตั้งแต่ก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทาง

IMG_0846

ติดต่อ chat กับ support ของ amazon ก็ได้ความว่า ผมไม่ต้องการของชิ้นนี้ ต้องการตัวใหม่ ทาง amazon ก็จะส่งมาให้ แต่ของที่เสียผมจะต้องส่งคืน และผมต้องออกค่าส่งกลับไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่แย่มาก ไม่คิดว่าจะได้รับการตอบแบบนี้ ไม่คิดว่าจะได้รับการปฏิบัติแบบนี้จาก amazon เลย ทางเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่า การส่งของระหว่างประเทศจะไม่มีการส่งฟรี ลูกค้าอย่างผมต้องออกค่าส่งของคืนด้วย ผมบอกว่า ผมไม่โอเค รับเงื่อนไขนี้ไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่ amazon ให้ผมติดต่อกับเจ้าของสินค้าเองเพื่อขอทางเลือกอื่นจากผู้ผลิตเลย ผมก็เลยติดต่อ celestron.com และอีกเมลรายละเอียดไปให้ celestron

ผลก็คือ อีก 3 ชั่วโมง amazon ส่งอีเมลมาหาผมและได้เสนอทางเลือก 3 อย่างให้คือ
1 amazon จะเปลี่ยนสินค้าตัวใหม่ให้ จะส่งตัวใหม่มา และให้เราส่งตัวเก่าคืน และค่าส่ง amazon จะเป็นผู้รับผิดชอบ

2 หรือหากเราอยากรับสินค้าตัวนี้เอาไว้ ก็จะลดราคาและคืนเงินให้ 15%

3 หรือ จะคืนเงิน 100% เลย และให้ผมส่งสินค้ากลับไปให้ amazon โดยทาง amazon เป็นผู้ออกค่าส่งให้

ทางเลือกแบบนี้ค่อยรู้สึกดีหน่อย ดีกว่าตอนที่คุยทาง chat กับเจ้าหน้าที่เยอะเลย การบริการระดับดีๆแบบนี้ทำไมถึงมาทีหลัง ทำไมปล่อยให้ลูกค้าไปเสียความรู้สึกกับการตอบคำถามทาง chat ผมได้เรียนรู้ว่าบริษัทระดับโลกก็ยังคงมีเจ้าหน้าที่ที่ตอบคำถามแนวขับไล่ลูกค้าอยู่ นึกว่าจะมีแต่บริษัทไทยๆหรือ บริษัทจากประเทศโลกที่สามเท่านั้น

ตอนนี้ผมก็กำลังตัดสินใจว่าจะเลือกทางเลือกใด ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเลือกข้อ 1 ด้วยเหตุผลว่า ข้อ2 ผมไม่เอาอยู่แล้ว ผมไม่อยากได้ของมีปัญหา และข้อ3 ก็ไม่ชัดเจนว่าที่จะคืนเงินเต็มจำนวนนั้น คืนเฉพาะค่าของ หรือ คืนค่าขนส่งมาด้วย ผมก็ไม่อยากเสียเวลาเสี่ยงกับการวัดใจว่าจะได้เงินคืนครบไหม เอาตัวเลือกที่ได้ของแน่ๆและเงินผมไม่สูญเปล่าดีกว่า

หลังจากผมตอบกลับว่าเลือก option ที่ 1 คือให้ส่งตัวใหม่ให้ผม และ ผมส่งตัวเก่ากลับ โดยให้ amazon ออกค่าส่งกลับด้วย พอส่งเมลกลับไป ภายใน 5 นาที โทรศัพท์มือถือผมก็ดัง มี sms จากธนาคารเข้ามา ข้อความระบุว่า amazon ตัดเงินในบัตรเครดิตผม 0 บาท ผมคาดว่าคงเป็น amazon สั่งสินค้าและให้ส่งมายังผมอีกครั้ง เลยเข้าไปดูในเว็บ และดูในรายการสินค้าที่ผมสั่งซื้อ ก็พบกว่า มีรายการกล้องดูดาวตัวเดียวกันนี้แต่ราคา 0 บาท ถูกสั่งและรอคิวส่งให้ผมแล้ว คาดว่าสินค้าตัวใหม่ก็คงจะเดินทางมาถึงผมในระยะเวลาประมาณ 13 วันเหมือนออเดอร์ที่แล้ว และมี label หรือเอกสารสำหรับคืนของที่ผมจะต้องพิมพ์เป็นกระดาษออกมา บางใบเอาไปแปะบนกล่อง บางใบใส่ในกล่อง บางใบส่งไปที่ DHL agent ซึ่งของที่คืนจะต้องคืนภายใน 30 วันหลังจากที่ระบบ replacement ได้เริ่มต้น นั่นก็คือหลังจากได้รับเมลคอนเฟิร์มว่า amazon ได้ทำเรื่องสั่งของส่งมาให้ใหม่นั่นเอง หากทาง amazon ไม่ได้รับของภายใน 30 วันที่กำหนดไว้ amazon จะชาร์จบัตรเครดิตเป็นค่าสินค้าอีกครั้ง แปลว่า คืนของช้า จะถูกคิดเงินในส่วน replacement

We must receive the item from your original shipment within 30 days of initiating a replacement order. If we don’t receive the item by that time, we’ll charge the credit card associated with the order for the cost of the replacement.

ข้อความในกรอบสีแดงคือบางส่วนในอีเมลที่ amazon ส่งมาตอนทำเรื่อง repleacement

นอกจากนี้ ทาง amazon ยังมีรายการ return label ในสินค้าตัวที่แล้วให้ผมสั่งพิมพ์ออกมา เอกสารมี 6หน้า มีรายละเอียดดังนี้

หน้า 1 เป็นคำอธิบายวิธีการคืนของ

หน้า 2 เอกสาร Return Mailing Label ใบนี้ให้พิมพ์เป็นกระดาษ และแนบให้ DHL (แปลว่าเราต้องเรียก DHL มารับคืน)

หน้า 3 เป็น Commercial Invoice ใบนี้ให้พิมพ์เป็นกระดาษ และแนบให้ผู้ส่งสินค้า ซึ่งผมเข้าใจว่าคือ DHL ดังนั้น DHL คงจะได้เอกสาร ในข้อ 3 นี้ด้วย

หน้า 4 เป็นเอกสาร Internation Customer Return เป็นตารางแบบฟอร์ม กรอกรายละเอียดไว้แล้วจาก amazon เราพิมพ์อย่างเดียว เอกสารชิ้นนี้ให้พิมพ์ 1 ใบเก็บไว้

หน้า 5 เป็นเอกสาร Internation Customer Return หน้าตาเหมือนข้อ4 เลย คู่มือบอกว่าให้พิมพ์ใบนี้แปะไว้ที่หน้ากล่อง

หน้า 6 เป็นเอกสาร Return Authorization Slip หน้าตาเป็นแท่งบาร์โค้ด 1 ภาพ พร้อมด้วยตัวอักษร 2 บรรทัด ระบุรายละเอียดชื่อสินค้า ให้พิมพ์ใบนี้เป็นกระดาษแล้วแนบไว้ในกล่อง

สรุปก็คือ การสั่งซื้อสินค้าจาก amazon ให้ส่งจากต่างประเทศมายังประเทศไทยมีค่าส่งที่ค่อนข้างแพง ในเคสของผมคือค่าส่งแพงกว่าค่าสินค้า และเมื่อได้ของมาแล้วหากมีการเสียหายไม่ว่าจากสาเหตุใด ก็ควรรีบแจ้งไปยังฝ่าย support ให้เร็วที่สุดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าของเสียมาก่อนจะถึงมือเรา และขั้นตอนการคืนของ คืนแบบไหน เสียเงินไหม เก็บเงินค่าส่งคืนกับใคร เป็นสิ่งที่ต้องเจรจา เพราะหากเราไม่โต้แย้งใดๆ เราก็อาจจะได้ของเสียเก็บไว้แทนนั่นเอง และการคืนของต้องคืนภายใน 30 วันหลังจากระบบได้เริ่มการ repleacement หากคืนช้าจะโดนคิดค่าใช้จ่ายทางบัตรเครดิตเหมือนเราซื้อสินค้าอีกชิ้น

สรุปในสรุป คนจะคืนของ amazon ที่บ้านต้องมีปริ๊นเตอร์นะครับ เพื่อใช้พิมพ์เอกสารต่างๆ หากไม่มี ต้องไปพิมพ์ที่บ้านเพื่อน.

2019-06-12_09-03-10

หลังจากรอประมาณ 12 วัน ในวันที่ 11มิถุนายน ผมก็ได้รับของแล้ว มีของมาส่งที่บ้าน คนที่บ้านรับไว้ให้ วันรุ่งขึ้นผมเห็นเป็นกล่องวางอยู่ในบ้าน เลยเข้าเว็บเช็คสถานะของ amazon ก็พบว่าของในระบบขึ้นสถานะว่าส่งแล้ว เดี๋ยวเย็นนี้จะ openbox ถ่ายวิดีโอไว้ด้วยเผื่อว่าถ้าโชคร้ายซ้ำซ้อนจะต้องเคลมซ้ำ ก็จะได้มีหลักฐานไปใช้เคลมอีกรอบ แต่คงไม่โชคร้ายน่ะ หวังไว้

Screen Shot 2562-06-12 at 08.56.46

ดู openbox ได้ที่นี่

อัพเดท 19jun2019

วันนี้ amazon ส่งเมลมาเตือนว่าอย่าลืมส่งของคืน ถ้าamazon ไม่ได้รับของคืนภายในวันที่ 5jul2019 จะมีการชาร์จค่าสินค้าและค่าส่งคืนสินค้า รวมๆแล้วอีกเกือบร้อยเหรียญ

return reminder amazon 19jun2019

อัพเดท 24jun2019 ได้รับอีเมลจาก amazon ว่า สินค้าส่งคืนถึง amazon แล้ว จบเคสอย่างเรียบร้อย

Screenshot_2019-06-25-08-32-29-968_com.google.android.gm

การถ่ายดอกไม้

IMG_0149

ภาพดอกไม้เป็นภาพธรรมชาติที่ดูสวยงามสดใส สามารถถ่ายได้ไม่ยาก ไม่ลำบาก อยู่บ้านก็ถ่ายดอกไม้ในสวนได้ เข้าป่าก็มีดอกไม้หลายอย่างให้เลือกถ่าย การถ่ายภาพดอกไม้ให้สวยงามควรจะใช้เทคนิคการถ่ายที่ปราณีต ดังนี้

1 ดอกไม้ต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่พัง ไม่เหี่ยว ไม่ช้ำ

2 จัดองค์ประกอบให้ดอกมีความเด่น มีขนาดในภาพค่อนข้างใหญ่ มองเห็นชัดเจนว่าเราตั้งใจถ่ายดอกไหนเป็นพระเอกของภาพ

3 สภาพแสงที่สว่างเพียงพอจะทำให้สีสันของดอกสดใส ถ้ามีแดดส่องต้องระวัง อย่าให้แดดตกลงบนดอกแค่เพียงบางส่วน ถ้าแดดโดนดอกไม้ ต้องโดนทั้งดอก ถ้าดอกไม่โดนแดดเลยก็ต้องไม่โดนทั้งดอก

4 ถ่ายภาพต้องโฟกัสชัดที่กลางดอก หรือเกสรของดอก ความชัดลึกของภาพต้องมากเพียงพอที่จะชัดครบทั้งดอก ถ้าระยะชัดน้อย ให้เลือกชัดที่เกสรดอกไม้ หากชัดที่ขอบดอกแล้วกลางดอกไม่ชัดมักเป็นภาพที่ไม่สวย รูรับแสงที่เลนส์ควรใช้รู้รับแสงแคบไว้ก่อนเพื่อคุณภาพของภาพที่คมชัดเพียงพอ

5 ควรใช้ขาตั้งกล้องเพื่อให้ภาพคมชัดไม่สั่นไหว

6 ดอกไม้ต้องไม่โดนลมพัด เพราะการขยับเพียงนิดเดียวก็ทำให้ภาพไม่ชัด บางครั้งเราอาจต้องใช้มือช่วยจับก้านดอกไว้ หรือให้เพื่อนช่วยจับก้านดอก หรือแม้แต่ยืนบังลมก็อาจต้องทำ เวลาถ่ายคนเดียวผมเคยอยากได้เชือกมาผูกดอกไม้เอาไว้ไม่ให้ขยับด้วย แต่ยังไม่เคยทำจริง

7 ถ้ามีละอองน้ำหรือหยดน้ำในภาพด้วยจะช่วยเพิ่มความสวยงามได้ บางคนพกป๊อกกี้ไปฉีดละอองน้ำเองเลยก็มี

8 เลนส์ถ่ายภาพมักจะเป็นเลนส์มาโครซึ่งสามารถเข้าใกล้ดอกไม้ได้ตามที่ต้องการ ช่วยให้เราปรับขนาดภาพที่จะปรากฏในรูปได้ตามใจสั่ง เลนส์ซูมระยะกลางๆก็อาจจะใช้ถ่ายได้บ้างกรณีที่เราถ่ายดอกไม้ขนาดใหญ่ หากชอบงานถ่ายดอกไม้และวัตถุเล็กๆจริงๆ ควรซื้อเลนส์มาโครไว้ใช้โดยตรง เลนส์ซูมที่ใช้งานร่วมกับท่อหรือ tube เพื่อให้โฟกัสระยะใกล้ได้ก็พอใช้ได้ แต่ไม่สะดวก และมักได้ขนาดภาพที่ไม่ได้ดังใจ

ดูดาว 16may2019

วันที่ 16 พฤษภาคม 2562 เวลาประมาณ 23.59 น. ดูท้องฟ้าด้านทิศตะวันออก จะเห็นดาวเสาร์ที่มุมเงิยประมาณ 30องศา ดาวเสาร์ยังมีวงแหวนอยู่อย่างชัดเจน ส่วนดาวพฤหัสที่ช่วงเวลาเดียวกันจะอยู่สูงเกือบจะเป็นมุมเงย 60องศา ที่ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ปีนี้ดาวพฤหัสน่าจะใกล้โลกพอสมควร เพราะภาพที่เห็นในกล้องดูดาวให้ขนาดดาวที่เห็นเป็นเม็ดกลมๆ มีริ้วๆบางๆ ไม่ได้เห็นเป็นจุดแบบดาวฤกษ์ที่อยู่ไกลๆดวงอื่น และเราได้เห็นดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัส 2 ดวง ซึ่งหากเทียบกับปีที่แล้ว เราสามารถเห็นได้ถึง 4 ดวง อาจจะเป็นเพราะท้องฟ้ามีเมฆเยอะ หรือฝุ่นเยอะ หรือ ดวงจันทร์อาจโคจรอยู่ด้านหลังดาวพฤหัสก็เป็นได้

ภาพปรากฏการณ์ท้องฟ้าจากเว็บของสมาคมดาราศาสตร์สำหรับเดือนพฤษภาคม 2562

ดูผีเสื้อที่บ้านกร่าง

ทริปนี้เป็นทริปสำรวจเกี่ยวกับการดูผีเสื้อที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จุดดูผีเสื้ออยู่บริเวณแคมป์บ้านกร่าง เดินทางจากกรุงเทพก็จะใช้เส้นทาง ถ.พระราม2 ไปเพชรบุรี เลือกเส้นทางคลองโคน เพื่อไปกินมื้อเช้าที่ร้านอาหาร ยุ้งเกลือ เป็นร้านที่มีนาเกลือสวยๆให้ดูด้วย จากร้านอาหาร ขับออกถนนเพชรเกษม ผ่านตัวเมืองเพชรบุรี มุ่งหน้าไปทาง อ.ท่ายาง แล้วเลี้ยวไปในอ.ท่ายาง ดูป้าย อุทยานแก่งกระจาน ไปเรื่อยๆแล้วก็แยกเข้าบ้านกร่าง ถ้าจะตั้งหาเส้นทางใน googlemaps ก็ค้นคำว่า แคมป์บ้านกร่างได้เลย ขากลับจะไปแวะร้านขนมไทยลูกเจี๊ยบ ร้านของฝากที่มีขนมดูน่าตาดี รสชาดโอเค และเพื่อให้สะดวกไปดูแผนที่ด้านล่างสุดที่ตั้งเส้นทางแวะทั้ง 4 จุดไว้แล้ว

จุดดูผีเสื้ออยู่ที่แคมป์บ้านกร่าง ที่นี่เป็นจุดกางเต๊นท์ มีร้านอาหาร สามารถขับรถเก๋งเข้าถึงแคมป์ได้เลย จุดจอดรถ จุดกางเต๊นท์ จุดดูผีเสื้อ ทั้งหมดห่างกันประมาณ 1 นาทีเดินเท้าเท่านั้น มีเต๊นท์และอุปกรณ์เครื่องนอนให้เช่า สัญญาณโทรศัพท์ AIS คลื่นเต็มเล่นเน็ตได้ดี ค่าเข้าพื้นที่อุทยาน ผู้ใหญ่คนละ 100 บาท เด็ก 40 บาท นอกจากผีเสื้อแล้ว ก็สามารถดูนกได้ด้วย มีช่างภาพแบกกล้องพร้อมเลนส์ยาวเท่าแขนเดินอยู่ให้เห็นเรื่อยๆ

อาหารที่แค้มป์บ้านกร่างราคาถูกมาก อาหารจานเดียวอย่างกระเพราหมูไข่ดาวจานละ 35 บาท น้ำอัดลมกระป๋องแช่เย็นกระป๋องละ 20 บาท รถยนต์เข้าออกได้สะดวก เส้นทางจากถนนสายหลักเข้าถึงแคมป์ลาดยางเรียบร้อย ไม่มีจุดที่เป็นลูกรังเลย ณ วันที่ไปสำรวจ มีถนนสายหลักของอำเภอท่ายางเองที่กำลังปรับปรุง มีส่วนทางเบื่ยงที่ต้องไปเจอลูกรังอยู่ประมาณ 500 เมตร แต่พอเข้าสายเล็กๆที่วิ่งอยู่บนภูเขาแล้วถนนดีตลอดทาง ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำมีพร้อมสำหรับคนกางเต๊นท์ เจ้าหน้าที่บอกว่าน้ำเหลือเฟือเพราะใช้น้ำจากป่า ส่วนไฟ ตอนกลางคืนจะเป็นการปั่นไฟ

บันทึกวันที่ 15พค2562

สร้างเป็นโปรแกรมเดินทาง

1 แวะกินข้าวมื้อเช้าที่ ร้านอาหารยุ้งเกลือ แถวคลองโคน เป็นร้านที่มีวิวนาเกลือสวยๆให้ดู

2 เดินทางไปเขื่อนแก่งกระจาน

3 ต่อไปยังแค้มป์บ้านกร่างเพื่อดูผีเสื้อ

4 ขากลับแวะซื้อของฝากที่ตัวเมืองเพชรบุรี ร้านขนมไทยลูกเจี๊ยบ

https://goo.gl/maps/6n5YS8jN1TsCVTC76

แถมรายการอาหารที่ครัวบ้านกร่าง

ครัวบ้านกร่างแคมป์

nec95 – การเพิ่ม Visibility ด้วยการทำตัวเป็นเจ้าภาพ

Bod heritage

การทำให้เกิด visibility หรือการมีตัวตนของท่านแบบตรงไปตรงมาก็คือการแนะนำตัว การแจกนามบัตร ซึ่งเป็นวิธีปกติทั่วไปที่จะต้องทำกันอยู่บ่อยๆ  นอกจากวิธีทางตรงเหล่านี้แล้ว ยังมีวิธีทางอ้อมอื่นๆที่ทำให้ท่านถูกมองเห็นและจดจำได้  และที่สำคัญ มันสร้างความประทับใจได้มากกว่าการแจกนามบัตรเสียด้วย


ลองนึกภาพถึงตอนที่คุณมาร่วมงานประชุมทางธุรกิจ หรืองานสังสรรค์ทางธุรกิจสักงานหนึ่ง  คุณมาร่วมงาน  แขกคนอื่นมาร่วมงาน  เขาไม่รู้จักคุณ  คุณก็ไม่รู้จักแขก  ไม่มีอะไรเชื่อมโยงคุณกับแขกเลย  มากที่สุดอาจจะเป็นการยัดเยียดนามบัตร ซึ่งเราก็รู้อยู่แก่ใจว่า ยัดเยียดนามบัตรไม่เกิดประโยชน์

แขกที่มาร่วมงานจะยังงงๆ  ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าใครจะมางานบ้าง  ไม่รู้ว่ากำหนดการเป็นอย่างไร  ต้องทำอะไรก่อน หลัง  และส่วนมากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคุยกับคนอื่นๆอย่างไร  จะดีไหมถ้ามีใครสักคนมาอาสาทำตัวเหมือนเป็นเจ้าภาพ  มาชวนแขกคุย  มาแนะนำว่างานจะดำเนินอย่างไร  ใครจะมาบ้าง  มีใครที่คุณอยากคุยด้วยไหม  ของกินอยู่ด้านไหน  ห้องน้ำอยู่ทางไหน แขกสามารถนั่งโซนไหนได้  คนที่จะทำเช่นนี้ หากคุณเป็นคนทำเอง  แขกจะประทับใจและจดจำคุณได้  นั่นคือ visibility จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ

สิ่งที่เราน่าจะลองทำในบทเจ้าภาพก็คือ  มาถึงงานก่อนเวลา  จดจำกำหนดการสำคัญในงาน  ดูรายชื่อแขกว่าจะมีใครมาบ้าง  เพื่อดูว่าเราอยากพบกับใครเป็นพิเศษ  จำแผนผังที่นั่ง  ห้องน้ำอยู่ทางไหน ของกินอยู่ทางไหน  เราจะแนะนำแขกเพื่อให้แขกรู้สึกสบาย และอบอุ่น  และจะทำให้แขกจำท่านได้  จำอาชีพของท่านได้

การเล่นบทเจ้าภาพที่รู้งาน  เป็นคุณสมบัติเบื่องต้นของคนมีคอนเน็คชั่นเยอะ   visibility ของท่านจะชัดเจนมากยิ่งขึ้นในสายตาของผู้คนในงาน  โดยเฉพาะแขกที่ท่านมุ่งหวังอยากรู้จักเป็นพิเศษ

นกกระเต็น

อยู่ๆก็มีนกบินชนกระจกแล้วตกลงมาในสนามหญ้า ผมกับลูกเข้าไปดูใกล้ๆเห็นบาดเจ็บอยู่ นกสีสันสวยงาม ตัวใหญ่ ท่าทางเจ็บหนัก เลยถือโอกาสสอนลูกให้หาคำตอบจากอินเทอเน็ตว่านกชนิดนี้คือนกอะไร ให้ลูกใช้เสียงค้นหาจาก smart tv โดยเข้าอินเทอเน็ตหาข้อมูลโดยพูดว่า นก ปากยาวแดง ปีกน้ำเงิน ทีวีแสดงผลการค้นหามาชุดหนึ่ง ดูรูปก็พบว่ามันคือ กระเต็นใหญ่ธรรมดา (Stork-billed Kingfisher): Pelargopsis capensis

ผมเอาคำที่ค้นหามาพิมพ์หาอีกครั้งใน google เพื่อใช้ประกอบบทความ

ก่อนหน้านี้ก็มีนกหน้าตาแบบนี้แต่คนละสีตกลงมาตายอยู่ตัวนึง ตัวเป็นสีเหลือง คาดว่าคงเป็นนกกระเต็นเช่นกัน

อยากได้คำตอบอะไรก็ไปค้นหาในอินเทอเน็ต โลกเราใช้อินเทอเน็ตจนชิน ถ้าเป็นสัก 30 ปีที่แล้ว พอเราเห็นนกตกลงมาแบบนี้ ไม่รู้ว่ากว่าเราจะได้คำตอบเราต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ใช้เงินเท่าไหร่ ลองคิดเล่นๆ ถ้าเราไม่มีอินเทอเน็ต พอเห็นนกตกลงมา เราต้องเอากล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บไว้ ใช้ฟิล์มถ่ายภาพ เอาไปล้างอัด ได้ภาพแล้วถือภาพไปเข้าห้องสมุด ไปหาหนังสือข้อมูลนก ต้องไปลุ้นอีกว่าห้องสมุดจะมีหนังสือนกหรือไม่ อ้อ แล้วจะมีห้องสมุดที่ให้เด็กอายุ 6 ขวบเข้าหรือเปล่า ห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดมหาวิทยาลัยไม่ให้คนนอกเข้าอยู่แล้ว สมมุตว่าเข้าได้ หาหนังสือเกี่ยวกับนกเจอแล้วก็เปิดไปทีละหน้า ดูไปเรื่อยๆ คาดว่าก็คงเจอภาพ ขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ถ่ายภาพจนเดินทางไปห้องสมุดอาจใช้เวลา 5 วัน เป็นอย่างเร็ว

IMG_9910

อินเทอเน็ตลดระยะเวลาการหาคำตอบ จาก 5 วัน เหลือ 1 นาที เร็วขึ้นกว่าในอดีต 7200 เท่า พ่อแม่ยุคใหม่จะสอนลูกด้วยวิธีการเก่าๆไม่ได้แล้ว เรามีเทคโนโลยีอะไร เราก็ใช้ให้คุ้ม โลกเรามีสิ่งที่จำกัดอย่างเดียวคือเวลา อะไรที่ทำให้ประหยัดเวลาได้ สิ่งนั้นขายดี


IMG_9905
IMG_9913

ขึ้น ป 1 แล้วครับ

IMG_0138

ขอบฟ้าเข้าเรียนเพลินพัฒนาตั้งแต่ช่วงปี คศ 2015 ตอนนี้ปี 2019 กำลังจะได้ขึ้นประถม1 โรงเรียนเพลินพัฒนาเป็นโรงเรียนแนวทางเลือกแบบที่ผู้คนทั่วไปเขาเรียกกัน เป็นรูปแบบโรงเรียนที่สอนเด็กแตกต่างไปจากสิ่งที่เคยเป็นมาในอดีต ผมกับแม่ขอบฟ้าเลือกที่จะอยู่ที่เพลินพัฒนาเพื่อให้ขอบฟ้าได้เรียนรู้ในรูปแบบที่ไม่เหมือนยุคของพ่อแม่

IMG_0142

พวกเราพ่อแม่เคยผ่านการเป็นนักเรียนในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น ยุคที่ทุกโจทย์มีคำตอบเดียว นี่คือสิ่งที่เราไม่อยากให้ขอบฟ้าต้องพบกับวิธีการสอนเหล่านี้ คำว่าโรงเรียนทางเลือกเป็นคำที่ไม่ได้บ่งบอกวิธีการเรียนการสอน การเสี่ยงเอาลูกมาอยู่ที่โรงเรียนนี้เป็นการวัดใจอย่างหนึ่ง และที่ผ่านมาประมาณ 4 ปี พวกเราพ่อแม่พบว่าเราเสี่ยงแล้วคุ้ม เพราะผลที่เกิดกับลูกของเราเองเป็นสิ่งที่เราปลาบปลื้ม หลายประสบการณ์หลายมุมมองของลูกเป็นไปในรูปแบบที่เราเองยังไม่คาดคิด

IMG_0143

การแก้ปัญหาบางอย่างของขอบฟ้าเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่ขอบฟ้าไปเล่นในห้างแล้วโดนแย่งของเล่นโดยเด็กคนหนึ่ง เราเป็นพ่อแม่ก็เฝ้ามองและคิดไปล่วงหน้าว่าถ้าเราเป็นลูกเราจะทำอย่างไร และเราจะสอนให้ลูกทำอย่างไร จะสอนให้หลีกเลี่ยงการโดนแย่งได้อย่างไร ซึ่งเราตั้งใจจะสอนลูกให้ระวังไม่ให้โดนแย่งจริงๆ เราจะสอนลูกให้อย่าอยู่ใกล้คนที่มีนิสัยแย่ง อาจจะแยกไปเล่นวงอื่น แยกไปเล่นมุมอื่น แต่ขอบฟ้าแก้ปัญหาของตัวเองได้ในระดับที่พ่อแม่ประหลาดใจ ขอบฟ้าหน้าเสียเล็กน้อยตอนโดนแย่ง มองกลับมาที่พ่อแม่ตอนที่โดนแย่ง และอีกสัก 2 วินาที ขอบฟ้าก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาพ่อของเด็กที่มาแย่ง แล้วบอกกับพ่อเด็กว่า คนนี้แย่งของเล่น นั่นทำให้พ่อเด็กมาจัดการและสั่งให้คืนของ ขอบฟ้าได้เล่นต่อ เด็กแย่งเลิกแย่ง พ่อของเด็กทำในสิ่งที่เหมาะสมกับการเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กทุกคน ผมเฝ้ามองแล้ว อยากปรบมือให้แรงๆเลย

ตอนนี้เข้าสู่ ป1 เป็นช่วงเวลาที่การเรียนรู้จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น วิชาการมากขึ้น ผมไม่แคร์กับการรู้เนื้อหาวิชาการช้าเมื่อเทียบกับโรงเรียนที่เน้นวิชาการ หรือเน้นการสอบ เน้นการเป็นที่ 1 แต่กับโรงเรียนแนวทางเลือกผมเฝ้ารอให้ลูกจะค่อยๆโตขึ้นและได้ค้นพบตัวเองด้วยตัวเอง เฝ้ารอว่าสักวันขอบฟ้าจะเข้ามาบอกกับพ่อแม่ว่าอยากจะเรียนอะไร อยากจะเป็นอะไร อยากจะทำอะไร เพราะเราเชื่อว่าวิธีการสอนที่ดี และประสบการณ์ต่างๆที่โรงเรียนค่อยๆพาลูกเดินไปจะช่วยให้เด็กแต่ละคนค้นพบความชอบหรือค้นพบความสนใจเร็วกว่าโรงเรียนในภาคปกติ

พูดไปก็อาจจะดูเหมือนโม้และเพ้อเจ้อ แต่ประสบการณ์ที่เราผ่านมาในการเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ชวนให้เรากล้าเพ้อ มันต้องดีกว่าสมัยที่เราเป็นเด็กสิ เพราะเราผ่านยุคเก่ามาแล้ว และเรามอบสิ่งใหม่ๆให้กับลูกเรา เรากำลังให้ในสิ่งที่เราเคยอยากได้ และความอยากให้นี้ผ่านการคิดมาอย่างดีแล้วด้วย

ลองกลับไปอ่านตอนแรกของการเข้าโรงเรียนนี้

แถมภาพวันแรกที่เดินเข้ามาสมัครเรียน ตอนสองขวบปลายๆกับการมาสมัครเพื่อเข้าเรียนช่วงพรีเนอส ซึ่งเป็นชั้นที่มีไว้สำหรับเด็กก่อนเตรียมอนุบาล

IMG_1245.JPG

เปลี่ยนหลอดไฟหน้า honda freed

หลายวันก่อนได้เห็นว่าไฟหน้าดับไปหนึ่งข้าง ไฟสูงยังติดอยู่ แต่ไฟหน้าต่ำไม่ติดแล้ว ก็เลยหาข้อมูลว่าฮอนด้าฟรีดใช้หลอดไฟรุ่นอะไร ก็ได้คำตอบว่ารุ่น H4 หาในเน็ตหลายที่ก็เจอแต่ราคาขายหลอดไฟ H4 แบบ LED ดูใน lazada ไม่เจอหลอดแบบธรรมดาเลย ในคลับฟรีดก็มีการแนะนำหลายครั้งว่าให้ใช้ LED ของฟิลิปส์ ราคาประมาณ 9xx บาท

IMG_20190506_153259
หลอดเก่าที่ขาดยี่ห้อ philips รุ่น H4 12342 LL 12v60/55w

ผมไม่ชอบ LED ที่ใช้ในรถยนต์ เพราะมีประสบการณ์แย่ๆมาว่าเคยลองเปลี่ยนไฟท้ายเป็น LED แล้ว อายุการใช้งานต่ำมาก ใช้ได้ไม่กี่วันก็พัง จนต้องไปหาหลอดไฟโบราณหรือหลอดไส้ปกติมาใช้ รอบนี้ก็เลยคิดแล้วว่าจะไม่ใช้ LED เลยหาข้อมูลว่ามีใครขายบ้างโดยไปหาใน marketplace ของเฟสบุ๊ค

วิธีการหาก็พิมพ์ว่า หลอดไฟ h4 แล้วก็ดูว่ามีใครขายแบบราคาถูกๆบ้าง ก็จะพบว่ามีราคาตั้งแต่ 100 บาท ไปถึง หลายร้อยบาท ราคาแพงก็เป็น LED ทั้งหมด ส่วนของถูกก็เป็นหลอดโบราณแน่นอน ผมเลือกภาพหลอดฟิลิปส์ และพิมพ์ภาพที่พบของฟิลิปส์ออกมา ให้ลูกน้องขี่มอเตอร์ไซด์ไปซื้อ ปรากฏว่ายี่ห้อนี้ไม่มี มีแต่ osram ราคาหลอดละ 90 บาท เลยให้ซื้อมา 2 หลอด

ดูวิธีเปลี่ยนในเน็ต ไม่มีตัวอย่างตรงกับฟรีด เจอใน youtube ที่เป็นการเปลี่ยนหลอดไฟ honda city 2015 ก็เดาว่าคงเหมือนกัน เลยจำวิธีแล้วจัดการเปลี่ยนเอง

IMG_20190506_153220

ไฟหน้าของฮอนด้าฟรีดข้างซ้ายและขวามีความยากในการเปลี่ยนไม่เหมือนกัน เพราะไฟขวาจะเปลี่ยนง่าย ไฟซ้ายจะเปลี่ยนยาก ผมนับซ้ายและขวาจากมุมมองคนขับนะ ไฟซ้ายมีอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งบังไว้ แปลว่า มือที่ล้วงเข้าไปหยิบ ไปแกะ ไปจับสิ่งต่างๆต้องใช้ความรู้สึกทั้งหมดเลย เพราะมองเห็นเพียงน้อยนิด หลอดเก่าที่ขาดคือหลอดยี่ห้อ philips รุ่น H4 12342 LL 12v60/55w

IMG_20190506_153213

หลอดใหม่ที่ซื้อมาคือ Osram p43t64193472 12v 60/55w ตัวเลขจะเยอะไปไหน หลังจากล้วงๆแกะๆอยู่พักใหญ่ เหงื่อตกไปหลายหยด โชคดี ผมทำได้ จบการเปลี่ยนไฟหน้าด้วยดวงที่ดี ไม่มีชิ้นส่วนไหนที่แตกหักเสียหาย ไม่มีของทำเกิน สรุปว่า เปลี่ยนไฟหน้าฮอนด้าฟรีด ทำได้ด้วยตัวเอง และหลอดไฟยี่ห้อ osram H4 ราคาหลอดละ 90 บาท ซื้อจากร้านข้างถนน

ปล ควรเตรียมไฟฉายไว้ด้วย เพราะพื้นที่ในห้องเครื่องมืด มองยาก ไฟฉายที่ฉายลงไปยังจุดที่ต้องทำงานเป็นสิ่งจำเป็น