Monthly Archives: November 2018
การถ่ายภาพด้วยแฟลชไร้สาย
การถ่ายภาพด้วยแฟลชเป็นการถ่ายภาพที่คาดเดาผลได้ยากมากในสมัยที่เป็นยังต้องใช้ฟิล์ม เราจำเป็นต้องมีกล้องโพลารอยด์ และมิเตอร์วัดแสงแฟลชเพื่อช่วยให้การทำงานสะดวกมากขึ้น แต่พอเป็นยุคของกล้องดิจิทัล การถ่ายภาพด้วยแฟลชกลายเป็นเรื่องง่าย ภาพที่เห็นจากการถ่ายก็เห็นได้ทันที สามารถปรับตั้งค่าแสงได้ตามใจ
ระบบกล้องและแฟลชที่ใช้ถ่ายก็จะประกอบไปด้วย กล้อง eos 6d เลนส์ ef 24-105f4L ยี่ห้อ canon ทั้งคู่ ส่วนแฟลชก็จะเป็น nikon sb26 และตัวส่งสัญญาณแฟลชไร้สายก็เป็นยี่ห้อจีนที่ผมจำชื่อไม่ได้ ตัวส่งสัญญาณจะมีตัวส่งที่ต้องนำไปติดที่ฮ็อตชูของกล้อง ส่วนตัวรับสัญญาณจะไปติดกับแฟลช sb26
ผมจะถ่ายภาพแก้วกาแฟบนโต๊ะสีขาว พื้นที่สำหรับถ่ายครั้งนี้มีกำแพงสีขาว มีเพดานสีขาว ผมเลยเลือกที่จะให้แฟลชส่งแสงออกมากระทบผนังเสียก่อน แล้วค่อยสะท้อนมายังตัวแก้ว เทคนิคให้แฟลสะท้อนผนังหรือเพดานก่อนเราเรียกว่า เบ๊าซ์ ( Bounce ) แปลตรงตัวว่ากระทบ ชิ่ง กระเด้ง ผลการเบ๊าซ์จะทำให้แสงที่วิ่งมายังวัตถุมีความนุ่มนวล เงาที่เกิดจากแสงแฟลชจะนุ่มๆเบลอๆ ไม่เป็นเงาแข็ง ทำให้ภาพดูมีมิติและรู้สึกสวยมากกว่าการยิงแฟลชเข้าไปที่วัตถุตรงๆ
โทนสีของภาพนี้จะดูเพี้ยนไปมาก เนื่องจากการตั้งค่า white balance ของกล้องไม่ได้ตั้งให้ถูกต้อง ตอนผมถ่ายเล่นๆก็ลืมตั้งค่า มาเห็นสีบนจอคอมพิวเตอร์ก็ทำให้นึกออกว่าเราพลาดอะไรไป การทำงานจริงควรจะมีการตั้งค่า whiteblance ให้ถูกต้องหรือให้ถูกใจเสียก่อน
ผมตั้งค่าการถ่ายภาพบนกล้องเป็นค่า iso 800 เลนส์ตั้งรูรับแสงไว้ที่ f4 ส่วนสปีดชัตเตอร์ตั้งไว้ที่ 1/125 วินาที กำลังไฟแฟลชของ sb26 ตั้งค่าไว้ที่ 1/4 ของกำลังเต็ม เพื่อให้แฟลชสามารถยิงแสงได้หลายครั้งติดกัน เพราะหากเราตั้งค่าแฟลชให้ยิงเต็มกำลัง เมื่อแฟลชทำงานแล้ว จะต้องรอชาร์จไฟอีกหลายวินาที ในหลายวินาทีที่กำลังชาร์จไฟจะทำให้เราถ่ายภาพไม่ได้ เพราะถ้าไฟยังไม่เต็ม การถ่ายภาพซ้ำทันทีจะได้ภาพที่มืด เพราะแฟลชไม่ทำงานนั่นเอง
เหตุผลที่เลือกใช้แฟลช nikon sb26 ก็เพราะแฟลชตัวนี้มีคุณสมบัติการทำงานที่หลากหลาย สามารถตั้งค่าได้อิสระมาก เช่น
- สามารถแบ่งกำลังไฟได้ละเอียดตั้งแต่ 1/2 ไปถึง 1/64 ของความสว่างสูงสุด
- มีระบบ optical slave สามารถยิงแฟลชตามแฟลชตัวอื่นได้
- สามารถ wake up จาก stand by ได้ ไม่ต้องปิด power แล้วเปิดใหม่
- ใช้แฟลชโหมด auto ได้ แฟลชจะยิงแสงตามค่ารู้รับแสงและ iso ที่ต้องการ
- มีแผ่นสะท้อนแสงในตัว มีหน้ากากกระจายแสงในตัว เลือกใช้ได้ตามสะดวก
จัดแสงในรถเพื่อถ่ายภาพสินค้า
ผมมักจะต้องการถ่ายภาพสิ่งของหรือสินค้า หรือ ชิ้นงานบางอย่างอยู่บ่อยๆ ถ้ามีเวลาก็จะใช้กล้องและชุดไฟและเต๊นท์ถ่ายภาพสินค้าเพื่อหวังผลให้ภาพสวยงามดังใจ ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหมดของผมก็อยู่กระจัดกระจาย กล้องอยู่ในรถ ไฟแฟลชใหญ่อยู่ที่บ้าน กล่องหรือเต๊นท์ถ่ายภาพอยู่ที่บ้าน หากผมอยู่ที่โรงพิมพ์หรือที่ทำงาน ผมก็จะไม่ได้ใช้ชุดไฟที่ใช้ประจำ
ผมมีไฟชุดเล็กที่ใช้แฟลช nikon sb26 เป็นแฟลชเพื่อใช้ถ่ายสินค้า พร้อมด้วยอุปกรณ์ trigger หรือตัวส่งสัญญาณยิงแฟลชไร้สาย ซึ่งแฟลชและทริกเกอร์ผมก็พกติดอยู่ในกระเป๋ากล้อง ส่วนกล้องก็ติดเลนส์มาโครไว้แล้ว กล้องผมใช้ eos 6d เลนส์มาโครใช้ macro 100f2.8
ด้วยความอยากจะรีบถ่ายของชิ้นหนึ่งแล้วไม่อยากรอกลับบ้าน ก็เลยจัดวาง จัดแสงในรถเสียเลย
รถฮอนด้าฟรีด เปิดท้ายรถออกมาจะเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ เบาะหลังแถว3 หากพับที่พิงให้ราบไปกับเบาะนั่งก็จะได้ที่วางราวกับเป็นโต๊ะทำงาน ผมเอากระเป๋ากล้องขนาดใหญ่ที่ผมซื้อเอาไว้ขนอุปกรณ์ถ่ายภาพวางบนเบาะ เพื่อใช้วางสินค้าที่จะถ่าย ส่วนแสงแฟลชผมก็ติดทริกเกอร์ไร้สาย ตัวส่งสัญญาณติดอยู่บนกล้อง eos 6d ตัวรับสัญญาณเอาไปติดที่ sb26 แล้วก็หันหน้าแฟลชให้ยิงแสงขึ้นเพดานรถ ตั้งใจจะใช้แสงแฟลชสะท้อนกับเพดานรถสีเทา แล้วสะท้อนลงมายังของที่ต้องการถ่ายภาพ
เลนส์มาโครตั้งค่า f เอาไว้ที่ประมณ f8 – f11 ความไวของกล้องตั้งไว้ที่ iso 800 ส่วนกำลังไฟของแฟลชผมตั้งไว้ที่ 1/4 ด้วยเหตุผลว่า ผมไม่อยากให้แฟลชยิงเต็มกำลัง เพราะถ้าแฟลชยิงเต็มกำลังไฟจะหมดเกลี้ยง แล้วต้องรอเวลาหลายวินาทีกว่าที่แฟลชจะสะสมกำลังไฟขึ้นมาใหม่เพื่อยิงแสง การยิงแสงแฟลชที่ 1/4 ของกำลังสูงสุด ทำให้เราสามารถยิงแฟลชต่อเนื่องได้ 4 ครั้งก่อนที่ไฟจะหมดแล้วต้องสะสมขึ้นมาใหม่ มันทำให้เราทำงานได้สะดวกขึ้น เพราะการถ่ายภาพสินค้าบางครั้งเราก็ถ่ายภาพติดต่อกันหลายครั้ง ถ้าการถ่ายทุกครั้งต้องรอแฟลชสะสมไฟหลายวินาทีก็จะเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดมาก
การถ่ายวัตถุสีดำบนพื้นดำเป็นสิ่งที่เราจะคาดคะเนค่าแสงได้ยากมาก เพราะภาพที่ถ่ายออกมาจะเป็นโทนสีดำออกเทา ถ้ารับแสงมากก็เป็นเทาอ่อน ถ้ารับแสงน้อยก็เป็นเทาเข้มเกือบดำ ภาพของดำบนฉากดำก็จะออกมาเป็นแนวลึกลับ หรือ low key ก็แล้วแต่จะเรียก ตอนเลือกค่าแสง ผมตัดสินใจใช้กระดาษขาวรองไว้ใต้สินค้า เพื่อให้ปรับรูรับแสงให้ได้ค่าแสงที่เหมาะสมจริงๆ เพราะถ้าเราถ่ายภาพส่วนสีขาวให้ขาวเพียงพอแต่ยังไม่ล้นไปทางขาวโพลน สิ่งของสีดำก็จะได้สีดำที่พอดี
เมื่อได้ค่าแสงที่ต้องการแล้วก็เอากระดาษขาวรองพื้นออก ปล่อยให้สินค้าวางอยู่บนพื้นผิวกระเป๋าสีดำ แล้วก็เริ่มถ่ายภาพด้วยองค์ประกอบที่ต้องการ ซึ่งโจทย์การถ่ายของผมในวันนี้คือไม่มีโจทย์ ขอให้เลือกค่าแสงแฟลชที่ให้แสงโดนวัตถุสีดำแล้ววัตถุยังดูเป็นสีดำอยู่ สุดท้ายก้ได้ผลงานออกมา
สินค้าในโพสท์นี้ก็คือ หูฟังบลูทูธสำหรับการฟังเพลงและคุยโทรศัพท์ Xiao mi
เรื่องน่ารู้ – ทดลองเผาข้าวหลาม
โรงเรียนเพลินพัฒนา ชั้นอนุบาล3 จะมีกิจกรรมเกี่ยวกับข้าว และห้องของขอบฟ้าได้รับภาระกิจ ทำข้าวหลาม พ่อแม่ของเด็กในห้องนี้ก็เลยต้องศึกษาหาวิธีทำ เตรียมของและไปจัดให้เด็กได้ทำข้าวหลามด้วยตัวเอง ข้อมูลที่หาในอินเทอเน็ตก็หลากหลาย ผมชอบเนื้อหาของลิงค์นี้
https://www.gotoknow.org/posts/508538
ภาพที่อยากขายให้ออก
กาแฟยามเช้าที่โรงแรมแห่งหนึ่ง พอชงกาแฟวางไว้บนโต๊ะ ระหว่างที่ค่อยๆไปตักอาหาร เห็นลูกนั่งอยู่ ก็เลยให้ลูกช่วยเอามือมาประคองแก้วกาแฟไว้ เพื่อถ่ายภาพมุมสูง ให้บรรยากาศในภาพดูอาการหนาว แล้วมือได้รับไออุ่นจากแก้วกาแฟ รู้สึกว่าภาพนี้ออกมาตรงใจ ที่รองจานทำด้วยไม้ไผ่สานทำให้ดูแล้วไม่เป็นโลกตะวันตก ออกไปทางเอเชีย ทางไทย ทางญี่ปุ่นเสียมากกว่า
อินเทอเน็ตกับลูกค้าเก่าและภาพเมล็ดข้าว
มีอยู่วันหนึ่ง มีโทรศัพท์ดังในโรงพิมพ์ เสมียนของผมรับสายโทรศัพท์ ในสายถามว่า ที่นี่ใช่โรงพิมพ์หรือเปล่า มีลูกเจ้าของโรงพิมพ์เป็นช่างภาพหรือเปล่า เขาอยากติดต่อช่างภาพ เสมียนผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วเล่าคำถามให้ฟัง ผมก็เลยให้โอนสายเข้ามา แล้วผมก็รับสาย หลังจากแนะนำตัวว่าผมคือช่างภาพ เขาก็ถามว่า ผมเคยทำงานให้เขาใช่ไหม เมื่อหลายปีก่อนเขามีการจ้างถ่ายรูปเมนูอาหารชุดหนึ่ง เขาจำได้แค่ว่า ช่างภาพที่รับจ้างเคยแนะนำตัวกับเขาว่ามีโรงพิมพ์ด้วย และเขาได้รับนามบัตรของช่างภาพเอาไว้ เป็นนามบัตรที่ทำด้วยกระดาษสีน้ำตาล แล้วเขาก็ถามผมว่า คุณเคยใช้นามบัตรกระดาษสีน้ำตาลหรือเปล่า
ผมตอบว่าผมน่าจะเป็นช่างภาพคนนั้น แต่ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยใช้นามบัตรกระดาษสีน้ำตาลแจกให้เขา ซึ่งผมจะใช้นามบัตรกระดาษสีอะไรก็ได้ เพราะเป็นโรงพิมพ์ มีกระดาษมากมายให้เลือกใช้ ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่าผมเคยใช้นามบัตรที่ทำด้วยกระดาษสีน้ำตาล เขาก็เลยถามว่าคุณเคยมารับจ้างถ่ายภาพอาหารกับเขาไหม ผมเริ่มนึกย้อนไปและบอกชื่อบริษัทที่ผมเคยไปรับจ้างชื่อบริษัท …. เขาตอบว่าใช่ เขาลาออกจากบริษัทที่ว่าแล้ว
เขาก็เลยเล่าให้ฟังยาวเฟื้อย ว่าเขาออกจากบริษัทแห่งนั้นแล้ว ด้วยเหตุผลว่าแม่ป่วยหนัก และต้องกลับมาดูแลแม่ ตอนนี้ก็ว่างงานอยู่ แต่ก็มีเพื่อนมาให้ช่วยทำงานเกี่ยวกับการขายข้าว ซึ่งเป็นงานบางส่วนที่เขาช่วยทำก็มีการถ่ายรูปสินค้า ก็เลยนึกถึงช่างภาพที่เคยใช้งานขึ้นมา และเขาก็เริ่มค้นหาผมจาก google โดยพิมพ์คำค้นหาดังนี้ “ช่างภาพ โรงพิมพ์ จอมทอง” แล้วเขาก็เจอบล๊อกที่ผมเขียนไว้ มีเบอร์โทรของโรงพิมพ์ เขาก็เลยลองโทรเข้ามา
งานที่เขาจะให้ผมทำก็คือ ถ่ายภาพเม็ดข้าวให้สวยที่สุดเท่าที่ข้าวธรรมดาจะเป็นได้ แต่ค่าจ้างก็ยังไม่กำหนด เขาอยากให้ผมเสนอราคาดู เพราะต้องให้เจ้าของงานตัดสินใจ เขาเป็นเพียงผู้ที่ช่วยติดต่อสืบค้น ผมก็เลยรับปากว่าจะลองถ่ายให้ดูและจะคิดราคาไม่แพง ผมขอตัวอย่างข้าวที่เขาขายเพื่อนำมาลองถ่ายภาพ
ผมเซ็ทอัพอุปกรณ์การถ่ายด้วยกล้อง DSLR แบบ Full frame พร้อมเลนส์มาโครที่ถ่ายได้ระดับ 1:1 ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดที่ผมมี และใช้ชุดไฟแฟลช 2 ดวง กับกล่องที่ดัดแปลงให้เป็นเต๊นท์ถ่ายภาพ หลังจากที่ไม่ได้ถ่ายภาพเหล่านี้มานานแล้ว กว่าที่ผมจะประกอบอุปกรณ์ทุกอย่างขึ้นมาให้พร้อมใช้งาน กว่าจะจัดสถานที่ให้พร้อมสำหรับทำงานก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง
กองเมล็ดข้าวผมเลือกสีอ่อนมาลองถ่ายดูก่อน เพราะว่าผมคิดว่าสีอ่อนถ่ายยากกว่า พอลองโรยเมล็ดข้าวสารลงไปเท่านั้นแหละ มันร่วงกราวและกระจายตัวไปบนพื้นที่กล่อง ความลื่นของเมล็ดทำให้มันกระจายตัวไปเร็วมาก เร็วจนผมต้องเปลี่ยนวิธีจากการเทเป็นค่อยๆโรยทีละนิดเหมือนหยิบเกลือมาโรยอาหาร
ลองถ่ายไปหลายๆภาพเพื่อยืดเส้นยืดสาย และปรับแต่งกล้อง เลือกการตั้งค่ากล้องให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพลักษณะนี้ รูรับแสงแคบ รูรับแสงกว้างให้ผลต่างกัน สปีดชัตเตอร์สำหรับการถ่ายภาพด้วยแฟลชผมจะตั้งไว้ที่ 1/100 วินาที จริงๆควรจะได้สูงกว่านี้แต่ผมจำสเป็คไม่ได้ว่ากล้องของผมมีความเร็วในการทำงานกับแฟลชเท่าไหร่ เพราะจากประสบการณ์ที่เคยใช้มา เวลาเราตั้งความไวตามสเป็คของกล้องว่าทำงานกับแฟลชได้ที่ 1/125 หรือ 1/200 ก็ตาม ที่ตัวเลขเต็มสเป็ค มันเหมือนจะมีขอบดำเล็กๆให้พอสังเกตเห็น มันเป็นความเร็วที่เกือบไม่ทัน แต่แสงมันหายไปแล้วนิดหน่อย ก็เลยตั้งค่าให้ต่ำกว่าสเป็คไว้เยอะหน่อย เลยจบที่ 1/100 วินาที
พอถ่ายภาพออกมาแล้วขยายดูผมพบว่า เมล็ดข้าว แต่ละเมล็ดไม่สวยเลย มีรอยถลอด มีรอยขรุขระ และส่วนใหญ่จะมีเมล็ดสีเพี้ยนปะปนกันอยู่ในกลุ่ม และเมื่อพยายามจะหยิบเมล็ดสีประหลาดออกจากกอง แรงกดจากนิ้วผมก็ทำให้กองข้าวมีรอยยุบ รอยเบี้ยว ต้องเกลี่ยและโรยข้าวใหม่ทุกครั้ง เป็นประสบการณ์การเผชิญปัญหาที่ไม่คาดคิด การทดลองครั้งนี้ผมใช้เวลาไป 2 ชม. กับการทดสอบถ่าย และคิดว่ามีจุดที่ต้องปรับปรุงอีกหลายอย่างในการถ่ายครั้งต่อไป การถ่ายภาพสิ่งของเล็กๆนี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
ข้าวสารสีม่วงกลับถ่ายง่ายกว่า
ภาพเม็ดข้าวสีม่วงเอาไปแปลงเป็นโทนขาวดำก็ดูสวยไปอีกแบบ
เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ BenQ MS-614
ตัวนี้มีช่องเชื่อมต่อเยอะมากครับ ถือว่าครบทุกพอร์ตที่น่าจะได้ใช้งานเลย
มี HDMI, VGA in 2 พอร์ต, VGA out 1พอร์ต,
S-video, Composite, usb เอาไว้อ่าน flash drive (ดูรูป)
มี micro usb เอาไว้ต่อกับคอมพิวเตอร์ใช้เป็นจอภาพผ่านสาย usb ได้
สามารถเสียบ usb wireless เพื่อทำงานเป็นจอภาพผ่าน wireless lan ได้ด้วย (ผ่านระบบ windows)
มีลำโพงในตัว สามารถรับ AV-in หรือ HDMI ส่งเสียงได้เลย
มีช่องเสียบหูฟัง มีระบบชัดดาวน์เร็ว ปิดเครื่องแล้วรอไม่กี่วินาทีก็ดึงปลั๊กได้
ส่วนเรื่องคุณภาพ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 800×600
ใช้ดูดีวีดีก็เหลือเฟือครับ จะเอาไปดู HD ผ่านพอร์ต HDMI ก็พอได้
ภาพมันก็ชัดได้ตามต้นฉบับ ราคาเท่านี้ถูกกว่าของใหม่สามเท่าเลย
ทุกวันนี้ผมใช้งานผ่านสาย HDMI ผ่าน apple tv
เอาไว้ดู youtube ข้อดีคือมันอเนกประสงค์ ต่อกับอุปกรณ์ได้แทบจะทุกระบบ
ข้อเสียคือ มันไม่ใช่ HD มันคมชัดสู้จอทีวีสมัยใหม่ไม่ได้แล้ว
แต่มันก้ไม่ได้แย่จนเบลอ มันชัดแบบ 800×600 ครับ
จะใช้งานในบ้านต้องดูเรื่องแสงสว่างจากภายนอก อย่าเยอะเกินไป
เพราะโปรเจ๊คเตอร์ระดับสมัครเล่นตัวนี้ใช้งานสู้แสงแรงๆไม่ได้
ถ้าห้องไม่ทึบ ก็ควรได้ผ้าม่านหนาๆ ถึงจะดูตอนกลางวันได้
แต่ผมใช้วิธีฉายขึ้นจอแบบไม่ใหญ่มากถ้าจะดูกลางวัน ภาพจะสว่างพอ
ขอบฟ้า แม่แม่ บ๊ะ V_20141218_081136
V_20141218_081136
Wutthichai Charoenburi shared Flickr videos with you.
Wutthichai Charoenburi shared %1$s videos with you from the Flickr app! Check it out:
Wutthichai Charoenburi shared Flickr videos with you.
Wutthichai Charoenburi shared %1$s videos with you from the Flickr app! Check it out:
โคมไฟจากของเหลือ
ปกติผมจะชอบแวะซื้อของกินที่ร้าน kfc drive through มาก เพราะเป็นร้านที่มีที่จอดรถเพียงพอ เข้าง่าย ออกง่าย บางที่บางสาขาเป็นสาขาโดดๆไม่ได้อยู่ร่วมกับใคร ผมชอบนัดเจอลูกค้าที่ร้าน kfc และสาขาที่ไปบ่อยก็คือสาขาราชพฤกษ์ซึ่งมีที่จอดรถดีมาก และร้านก็มีโต๊ะนั่งเพียงพอ
เมนูที่ผมชอบกินก็คือ ข้าวยำไก่แซบ ซึ่งหลายครั้งที่สั่งกลับบ้านก็จะได้ชามกระดาษสีขาวและฝาปิดสีขาวขุ่นกลับบ้านทุกครั้ง เวลากินหมดก็ทิ้งกล่องไป แต่ผมก็รู้สึกว่า มันน่าจะเอากล่องเก่าๆมาใช้ประโยชน์สักอย่าง เห็นเป็นกล่องแดงๆผมก็นึกถึงโคมไฟเลย
ก็เลยจัดการเอาหลอดไฟ led ที่ใช้แต่งรถมาใส่ในกล่องแล้วปิดฝาก ให้ฝาหนีบสายไฟเอาไว้ แล้วแหล่งจ่ายไฟที่ใช้กับหลอดไฟ led จะเป็นหม้อแปลงให้ให้ไฟขาออก 12v ซึ่งผมก็มีอยู่หลายตัว หม้อแปลงเหล่านี้เป็นของเหลือที่มาจาก router ซึ่ง router มักจะอายุสั้น และก็จะเหลือหม้อแปลงอยู่ในบ้านเต็มไปหมดเลย เพื่อเอามาใช้กับหลอด led มันก็ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ เพราะจ่ายไฟเพียงพอต่อการทำงานของหลอด
ผมใช้โคมไฟ kfc กับการส่องสว่างในห้องนอน โดยจะใช้แทนไฟหัวเตียง เวลาปิดไฟเข้านอนแล้ว ผมก็ยังอยากให้มีแสงสว่างส่องน้อยๆอยู่ในห้อง เพราะจะได้มองเห็นทางเดินเวลาที่ต้องเดินไปห้องน้ำเวลากลางคืน เมื่อจัดวางโคมไฟไว้ที่มุมใดมุมหนึ่งในห้องโดยเปิดไฟให้มันส่องสว่างอยู่เช่นนั้นทั้งคืน เช้ามาเราก็ถอดปลั๊กออก
ของใช้จากของเหลือ เป็นแนวทางการลดขยะของโลกเราได้เล็กน้อย ผมเคยคิดเล่นๆว่า ถ้าไม่ทิ้งก็ไม่มีขยะ







































